ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : นี่เขาคุยอะไรกับเธอบ้างเนี่ย!
(ความเดิมตอนที่แล้ว) มินท์เรียกโจ้ขึ้นมาคุยบนดาดฟ้าแล้วทักเรื่องอัยย์
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ฮะๆ มินท์พูดอะไรน่ะ จะหลอกให้ฉันตกใจล่ะสิ”
ผมหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย แต่กลับมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นกลางหน้าผาก
“อ้าว... นายมองไม่เห็นหรอกเหรอ”
มินท์ทำตาโต
“แสดงว่ากำลังถูกตามรังควาญอยู่สินะ งั้นฉันช่วยส่งวิญญาณไปสู่สุคติให้เอาไหม” เธอพูดทีเล่นทีจริง
ถึงทำได้ก็อย่าเชียวนะ...
“เอ่อ... พี่มินนี่มองเห็นอัยย์ด้วยหรือคะ” อัยย์เอ่ยขึ้น
“ม..มินนี่” มินท์ชะงัก หางคิ้วย่นไปข้างหนึ่ง
“เอ... หรือจะเรียกพี่มายด์มินท์ดี”
ผมกลั้นหัวเราะแทบแย่ หึๆ มาแล้ว... ฉายาเพี้ยนๆ ของยัยอัยย์
มินท์ทำเป็นไม่สนใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“อืม... รู้สึกว่าสายใยวิญญาณของสาวน้อยคนนี้จะยังไม่ขาดจากร่าง... ถ้างั้นร่างของเธอก็ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”
ผมอึ้ง
“เธอรู้ได้ไง!?”
“คุณยายของฉันเป็นคนทรง และฉันเองก็มีพลังนิดหน่อย เลยคุ้นเคยกับเรื่องอย่างงี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“ตอนที่พวกเพื่อนๆ คุยเรื่องผีกัน ไม่เห็นมินท์บอกเลยว่าเธอเห็นผี”
“จะให้ฉันถูกหาว่าบ้าอีกคนรึไง” มินท์ยกแขนขวาขึ้นเท้าสะเอว
“แต่กับคนที่มีสัมผัสวิญญาณด้วยกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังหรอก”
ได้การล่ะ! ถ้ามินท์คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดี เธอก็น่าจะรู้วิธีทำให้อัยย์กลับเข้าร่างอย่างถาวรสินะ
ขณะนั้นมินท์ก็หันไปมองอัยย์
“สาวน้อยนี้น่ารักดีจัง ขอยืมตัวแป๊บนึงสิ... นายช่วยไปที่อื่นก่อนได้ไหม”
“หา!”
ม... ไม่ดีมั้ง ขืนปล่อยอัยย์ไว้กับยัยมินท์ ไม่รู้เธอจะประจานวีรกรรมเรื่องไหนของผมให้อัยย์ฟังอีก
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า” มินท์เหล่ตามองผมยิ้มๆ “เอ๊ะ หรือว่าจะแอบหวง”
“จ... จะบ้าเรอะ ฉันจะไปหวงอัยย์ทำไม ก็ได้! แค่ไปจากที่นี่ใช่ไหม” ว่าแล้วผมก็เดินกลับเข้าไปในอาคาร
ถึงมินท์จะบอกให้ไปไหนก็ได้ แต่ผมก็ยืนรออยู่หลังประตูดาดฟ้า แง้มประตูไว้นิดหนึ่ง เพื่อแอบฟังว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน ซึ่งแทบไม่ได้ยินอะไรเลย
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดผมก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะแอบฟังพวกเขาคุยกัน จึงนั่งคอยตรงขั้นบันได... รู้สึกนานอย่างกะเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง... นี่ยัยมินท์เขาคุยอะไรกับอัยย์กันนะ
“พี่จิงโจ้!” ทันใดนั้นอัยย์ก็ปรากฏตัวตรงหน้าผม อย่างกับหายตัวมา
“เฮ่ย! มาได้ไง”
“อิอิ พี่มินนี่เขาสอนอะไรอัยย์ตั้งเยอะแน่ะ” เธอหัวเราะอารมณ์ดี “เขาบอกให้อัยย์มาตามพี่จิงโจ้ค่ะ”
หวังว่าคงไม่ได้สอนอะไรเพี้ยนๆ ให้ด้วยนะ
ผมลุกขึ้นเดินออกไปหามินท์ที่ดาดฟ้าอีกครั้ง
มินท์ยืนกอดอกรอท่าอยู่ เธอยิ้มที่มุมปากแล้วมองมาที่ผมด้วยแววตาคมกริบ
“อัยย์เล่าเรื่องของเธอให้ฟังหมดแล้ว” เธอเอ่ยขึ้น
“เคยมีเหมือนกันที่บางคนประสบอุบัติเหตุ ไม่ก็ป่วยเป็นโรคร้ายทำให้ร่างกายอ่อนแอ แล้ววิญญาณออกจากร่าง ในเคสที่นานหน่อยก็นอนหมดสติอยู่บนเตียงเกือบหนึ่งปีกว่าจะฟื้นขึ้นมาก็มี"
"การที่วิญญาณร่อนเร่อยู่นอกร่างนานๆ นั้น อีกสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือจะถูกพวกวิญญาณที่ชั่วร้ายเข้ามาทำร้าย หรือทำให้สายใยวิญญาณขาด แต่ตราบใดที่อัยย์ยังอยู่กับนายก็ไม่มีอะไรต้องห่วง"
"แล้ววิธีทำให้อัยย์กลับเข้าร่างล่ะ"
ขณะที่ผมถาม เสียงออดเข้าเรียนก็ดังขึ้นพอดี
“เรื่องนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง... พลังชีวิตของเธอยังเข้มแข็งดีอยู่ เมื่อถึงเวลาที่สมควรแล้ว เธอก็จะกลับเข้าร่างได้เอง” มินท์หันไปยิ้มกับอัยย์ "เนอะ อัยย์"
"ค่ะ พี่มินนี่" อัยย์ยิ้มตอบเหมือนรู้กันอยู่แค่สองคน
ดูเหมือนทั้งสองจะลอบผูกมิตรกันเรียบร้อยแล้ว ในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผมไม่อยู่
หลังเลิกเรียน ผมก็ไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลไมตรีเวช แต่ตรงกลับบ้านเลยตามคำแนะนำของมินท์ ถึงจะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สีหน้าของมินท์ดูมั่นใจมาก จนทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ... . . . กะผีน่ะสิ! แล้วนี่ผมต้องอยู่กับอัยย์ไปอีกนานแค่ไหนกันล่ะเนี่ย!!
ในคืนนั้นเอง หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแม่ก็เอ่ยขึ้น
“นี่โจ้ แม่วานอะไรหน่อยสิ ออกไปซื้อหลอดไฟที่ร้านเจ๊หน่อยตอนนี้เลยได้ไหม”
"ได้ครับ" จริงสิ หลอดไฟห้องน้ำเสียมาตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่ได้ซื้อมาเปลี่ยนนี่นะ
ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องเดินไปร้านเจ๊หน่อยที่ปากซอย ซึ่งเป็นร้านโชว์ห่วยเก่าแก่ มีของขายทุกอย่างไม่ต่างกับเซเว่นฯ
บ้านของผมอยู่ลึกเข้าไปในซอยประมาณเจ็ดร้อยเมตร เดินไปกลับก็ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที
เดินมาได้สักพัก สายลมเย็นก็โชยมาจากป่ามะม่วงและดงกล้วยตรงที่ดินรกร้างสองข้างทาง... ทำไมพ่อกับแม่ไม่มาปลูกบ้านแถวนี้นะจะได้ไม่ต้องเดินไกล
“นี่อัยย์... เมื่อตอนกลางวันเธอกับมินท์คุยอะไรกันบ้าง” ผมถามขึ้น
“อิอิ ความลับระหว่างลูกผู้หญิง” อัยย์ยิ้มระรื่น แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ
นี่ยัยมินท์เขาคุยอะไรกับอัยย์บ้างกันแน่...!
ทีแรกตั้งใจจะถามเล่นๆ เป็นการชวนคุยฆ่าเวลา แต่พอเห็นท่าทีเขินอายของอัยย์แบบนี้ ผมยิ่งต้องรู้ให้ได้ ไม่งั้นคืนนี้คงนอนไม่หลับ
“พอจะบอกได้ไหมว่าคุยเรื่องอะไรกัน”
อัยย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่มินนี่บอกว่า ให้อัยย์ทำใจให้ว่าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระบายลมหายใจออกยาวๆ สามครั้ง แล้วเพ่งจิตไว้ที่กลางหน้าผาก บางทีก็จะมองเห็นวิญญาณตนอื่น”
อัยย์ชี้ไปที่เสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างหน้า
“เมื่อกี้พออัยย์ลองทำดู ก็เห็นผู้ชายสวมหมวกกันน็อคที่คอพลิกกลับหลังยืนอยู่ตรงเสาไฟฟ้าต้นนั้น”
ผมขนลุกซู่ เมื่อปีที่แล้วมีชายคนหนึ่งเมาแล้วขับมอเตอร์ไซค์พุ่งไปชนเสาไฟฟ้าเต็มเหนี่ยว คอหักตายคาที่ ชาวบ้านระแวกนี้ยังลือกันด้วยว่า ทุกคืนตอนตีหนึ่งซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดอุบัติเหตุ จะได้ยินเสียงดัง “โครม!” ที่เสาไฟฟ้าต้นนี้
สายลมเย็นพัดมาอีกระลอก แต่คราวนี้ผมรู้สึกหนาวไปถึงไขกระดูก ตัวสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดหัวแม่โป้ง
แม่เจ้า! เราต้องผ่านเสาต้นนี้ทุกครั้งที่กลับบ้านซะด้วยสิ แล้วจากนี้ตรูจะไปไหนมาไหนดึกๆ คนเดียวได้ยังไงฟะ!
ยังดีที่วันนี้ผมมีอัยย์เป็นเพื่อน(?) เลยทำใจแข็งเดินผ่านเสาไฟฟ้าอาถรรพ์ไปซื้อหลอดไฟ แล้วกลับบ้านได้ในที่สุด...
กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่หย่อนก้นลงบนเตียงผมจึงพูดกับอัยย์
"อัยย์... ทีหลังถ้าเห็นอะไรแปลกๆ ก็ไม่ต้องบอกฉันนะ" นึกถึงเรื่องเมื่อกี้แล้วยังหนาวสันหลังไม่หาย...
อัยย์ทำหน้างง
"อ้าว... ก็พี่มินนี่บอกว่าพี่จิงโจ้ชอบฟังเรื่องผีนี่นา"
"ชอบฟังเฉยๆ แต่ไม่อยากมีส่วนรู้เห็น!"
"อย่างที่นอกหน้าต่างนี่ก็..." อัยย์พูดพลางมองไปทางหน้าต่าง
"แว้กก!!! ไม่ต้องเลย! พอแล้ว!!" ผมคลุมโปงทันที
เวรกรรม... ไม่น่าไปขอให้อัยย์เล่าเลย แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับไหมเนี่ย!
ยัยมินท์บอกว่าอัยย์จะปลอดภัยตราบเท่าที่ยังอยู่กับผม แต่ฝั่งผมคงได้หัวใจวายตายก่อนแหงๆ ถ้ายังอยู่กับอัยย์ยังงี้ต่อไปเรื่อยๆ
... ... ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น