ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โอ... แม่เจ้า!! (วิ)วาทกรรมแห่งมนุษยชาติ!!!

    ลำดับตอนที่ #1 : ผู้หญิงงี่เง่า ผู้ชายมันโง่!: เลคเชอร์ว่าด้วยช่องว่างระหว่างเพศ บนหม้อเอ็มเค

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 53



                เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย... มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมซึ้งแก่ใจเลยว่าตัวเองไม่มีวันเข้าใจผู้หญิงได้ทั้งหมด...

     

                วันนั้นเป็นวันธรรมดาๆ ในหน้าร้อน หลังจากที่สอบปลายภาคเสร็จ ผมกับใจก็ไปกินมื้อเที่ยงที่เอ็มเคตามปกติ

                “เอาบะหมี่เป็ด เกี๊ยวกุ้ง สาหร่ายทรงเครื่อง แล้วก็ผักกาดขาวค่ะ” ใจบอกสาวเสิร์ฟ

                “ขอข้าวหน้าเป็ดด้วยครับ” ผมว่า

                ใจสั่งบะหมี่เป็ดกับเกี๊ยวกุ้งของโปรด และผักกาดขาวเหมือนทุกครั้ง แปลกนิดเดียวตรงที่วันนี้เธอสั่งสาหร่ายทรงเครื่องด้วย

                สาหร่ายทรงเครื่องเป็นของโปรดของผม ที่ผมต้องสั่งทุกครั้ง แต่ในเมื่อวันนี้ใจชิงสั่งไปแล้ว ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องลำบากสังเอง



                “วันก่อนไอ้ชัยมันทะเลาะกับแฟนแหละ...”

                เมื่อสาวเสิร์ฟจากไป บทสนทนาของเราก็เริ่มขึ้น

                เรื่องมีอยู่ว่า "นก" แฟนของชัยโกรธชัยที่ไม่ยอมติวเลข (stat) ให้เธอ ทั้งที่ก่อนสอบภาษาอังกฤษเธอยังช่วยติวให้เขา



                “แต่ฉันไม่เคยขอให้นกติวอังกฤษให้เลยนะเฟ้ย...”

                ชัยบ่นกับผม

                “ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันก็ทำด้วยตัวเองมาตลอด และก็ไม่ชอบให้ใครมาช่วยด้วยซ้ำ ถ้ายัยนกไม่พูดออกมาแล้วใครมันจะไปตรัสรู้ฟะ ว่าอยากให้ตรูไปช่วยติวให้”


                วิชาเลขที่นกเพิ่งสอบเสร็จไปนั้นเป็นวิชาที่ชัยไม่ได้ลงทะเบียนเรียน ซ้ำเจ้าชัยก็ไม่ได้เรียนเลขเก่งกว่านกเลยสักนิด

                ผมเห็นด้วยกับเจ้าชัยที่มันบอกว่า "ถ้านกไม่พูดแล้วมันจะรู้ได้ไงว่าต้องการให้ช่วยติว"



                “เรื่องก็เป็นยังงี้แหละ...”

                หลังจากที่ฟาดข้าวหน้าเป็ดหมด ผมก็คีบเกี๊ยวกุ้งตัวที่ 2 เข้าปาก

                ใจวางตะเกียบลง มองหน้าผมเซ็งๆ

                “ผู้หญิงก็งี่เง่างี้ยังงี้ทั้งนั้นแหละ..."

                น้ำเสียงของเธอซีเรียสพอสมควร

                “เขารู้ว่าผู้ชายมันโง่! ถ้าไม่บอก มันคิดเองไม่เป็นหรอก... แต่ก็ยังเลือกที่จะทำตัวงี่เง่า ไม่ยอมพูดตรงๆ อยู่ดี”

                “ลองถ้าฉันบ่นปวดหัว ชลก็คงวิ่งไปซื้อพาราฯมาให้ ทั้งที่ฉันกำลังขอร้องให้ช่วยติวแท้ๆ ...” เธอว่า

                “ยังงั้นหรอกเหรอ....”

                ผมว่าพลางคีบสาหร่ายทรงเครื่องชิ้นที่ 5 เข้าปาก

                เอ...ทำไมสาหร่ายมันเหลือเยอะจัง



                “ผู้ชายนะ ขอแค่พูดคำเดียวมันก็ทำให้แล้ว ขนาดขอให้มาช่วยกรอกน้ำให้มันยังทำเลย...”

                ใจพูดถึงชายคนหนึ่งที่โทรไปที่ “คลับฟรายเดย์”

                ชายคนนั้นบ่นว่าผู้หญิงที่คบอยู่เอาแต่ใจมากจนเขาอยากจะเลิก แต่พอเจ้าหล่อนโทรมาบอกให้ช่วยกรอกน้ำให้ เขาก็วิ่งแจ้นออกจากบ้านไปกรอกน้ำให้ถึงหอพัก

                โธ่เอ๊ย... แกมันก็ไอ้มาโซฯ(ชอบถูกจิกหัวใช้)นั่นแหละ

                (ใครไม่เข้าใจความหมายของมาโซฯกรุณาหานิยายประเภท "คุณผู้หญิงเป็นเจ้านายคุณผู้ชายเป็นสัตว์เลี้ยง" มาอ่านซะ)



                “นั่นสินะ...” ผมว่า

                “ผมเองจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เข้าใจเธอดีเลย....”

                “ใครที่คิดว่าตัวเองเข้าใจผู้หญิงทุกอย่างก็โง่เต็มที” ใจว่า

                “ผู้หญิงนะไม่ได้อยากให้ผู้ชายเข้าใจหรอก... ขอแค่ทำให้ถูกใจก็พอ”

                ใจคงเป็นปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม ทั้งที่เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ผมก็เหมือนยังไม่รู้จักเธออยู่ดี...

                “อย่างเมื่อกี้นายกินเกี๊ยวกุ้งของฉันไปสองตัว..." ใจว่า

                "ถ้าฉันจะงี่เง่าจริงๆ คงนึกด่าในใจว่า นี่ฉันอุตส่าห์สั่งสาหร่ายให้แกแท้ๆ ทำไมแกยังมาแย่งเกี๊ยวกุ้งฉันกินอีก แล้วพาลโกรธนายไปทั้งวัน ซึ่งถ้าเป็นยังงั้นนายก็ไม่มีวันรู้อีกนั่นแหละว่าถูกโกรธเรื่องอะไร”

                “ถ้างั้น...”

                “อ๊ะ ไม่ต้องสั่งเกี๊ยวกุ้งมาอีกที่หนึ่งเลยนะ เพราะฉันอยากกินเจ้าเกี๊ยวกุ้งสองตัวนั้นเท่านั้น ซึ่งก็ลงไปอยู่ในท้องของนายเรียบร้อยแล้ว
    ถ้าสั่งมาอีกที่มีแต่จะทำให้ฉันยิ่งโมโหนายเปล่าๆ ...”

                เธอดักคอ



                “. . . . .”



                ผมอ้าปากค้าง สาหร่ายชิ้นสุดท้ายหล่นจากตะเกียบ...

                ถ้าให้บรรยายความรู้สึกก็คงเหมือนผมกำลังเห็นอารยธรรมแอตแลนติสท์ ไม่ก็มนุษย์ต่างดาวมาปรากฏอยู่ต่อหน้า...





                โอ... แม่เจ้า!! ตรูรู้แล้วว่าตรูไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!!!





                อมตะวาจาของ "โสเครติส" นักปรัชญาเอกของโลกก้องอยู่ในหัวผม

     

                มิน่าล่ะ สาหร่ายมันถึงเหลือเยอะ เพราะเธอไม่ได้แตะเลยสักชิ้นนี่เอง

                ที่แท้ใจก็สั่งสาหร่ายมาให้ผมกินเพื่อที่ผมจะได้ไม่ไปแตะต้องเกี๊ยวกุ้งของโปรดของเธอนั่นเอง...

                เฮ้อ... นี่ถ้าบอกผมซักคำ ผมก็จะไม่ทำ(ไม่กินเกี๊ยวกุ้ง)แล้วแท้ๆ



                ของแค่นี้คิดเองไม่เป็นหรือไงยะ!



                เสียงของใจแว่วมาหลอกหลอนผม...

                เออแฮะ... จริงของเธอ... ก็ผู้ชายมัน "โง่ววววว" นี่หว่า

                (ถ้าไม่บอกแล้วหมาที่ไหนมันจะไปรู้ฟะ!)



                ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกของซิกมุนด์ ฟรอยด์ที่พูดไว้ก่อนตายแล้วว่า

                “ตรูไม่เคยเข้าใจผู้หญิงเลยเจงๆ...”

    ... ... ...

    - จบตอน -
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×