In another dimension, I am loved - In another dimension, I am loved นิยาย In another dimension, I am loved : Dek-D.com - Writer

    In another dimension, I am loved

    หวังว่าในอีกห้วงมิติผมจะเป็นคนที่ถูกรัก ขอแค่นั้น...แค่หนึ่งเดียวก็ยังดี

    ผู้เข้าชมรวม

    355

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    355

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    13
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ธ.ค. 63 / 23:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    In another dimension, I am loved

     

    ขอให้เธอสมหวัง อย่ามีน้ำตา อย่าเสียใจและแตกสลายเพราะใคร

    ผมทำได้เพียงขอพรเท่านั้น

    เท่าที่เธอจะให้ผมทำได้

     

    ——¤——

     

                “มึง”

    “ว่า”

    “มันสองคนเลิกกันแล้วนะ”

    ประโยคบอกเล่าส่งๆของเพื่อนสนิทคล้ายกับจะเป็นสัญญาณแห่งการผลิบานครั้งใหม่ของหัวใจที่เคยเหี่ยวเฉา ไม่รอช้าที่จะขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจแล้วตรงดิ่งไปยังห้องพักของใครบางคน หวังเพียงแต่จะโอบกอดเขาเอาไว้ให้คลายจากความเศร้าโศกแล้วเริ่มต้นใหม่กับคนที่พร้อมจะดูแลเขาจริงๆ

    ทว่า...วินาทีที่ได้เห็นน้ำตาบนหน้าเขา ความดีใจทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็แตกสลายไป

    เขาเจ็บช้ำ เขาเปราะบาง

    “มานี่มา”

    ผมเอ่ยแผ่วเบา แล้วรั้งเขาเข้ามากอดแนบอก ใช้สองมือลูบแผ่นหลังไปมา คล้ายต้องการจะไล่ความเสียใจให้ไปพ้นๆจากเขาเสียที

    กี่ครั้งแล้วที่เขาร้องไห้เสียใจ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องเจ็บปวด กี่ครั้งแล้วที่เขาแตกสลายเพราะน้ำมือของใครคนนั้น

    และกี่ครั้งแล้ว...ที่ผมเสนอหน้ามาซ่อมแซมหัวใจของเขา

    ไล่ยังไงก็ไม่ไป ยังคงตามร้องขอโอกาส แม้ว่าความหวังจะริบหรี่เต็มที แต่ท้ายที่สุดก็ยังยืนยิ้มอยู่ข้างๆเขา คอยบีบมือ คอยให้กำลังใจอยู่แบบนี้เรื่อยไป เป็นคนที่เขามองกลับมาไม่ว่าเมื่อไรก็ต้องเห็น

    เขาซบลงตรงไหล่ ใช้เสื้อตัวโปรดของผมในการซับความเสียใจ เสียงสะอื้นไห้ผะแผ่วไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้เลย คล้ายกับว่าเขาหมดแรงที่จะเอื้อนเอ่ยคำพูดอื่นใดออกมา บาดแผลจากคนรักเก่าที่สดร้อน ผมก็ยังไม่ควรที่จะไปแตะต้อง คงต้องรอให้เวลาช่วยให้เขาฟื้นตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งที่ควรจะทำในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการทำตัวเป็นยาที่ดีเพื่อทำให้แผลใจสมานตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

    “พี่บอกแล้วว่ามันไม่ดี”

    ผมเอ่ยบอกกับเขา ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆกัน ลมหนาวตอนตีสามพัดจนทำให้รู้สึกหนาววูบ ใบหน้าของเขาราบเรียบ แต่ดวงตากลับแตกสลายไปหมด ผมทนไม่ได้ที่จะถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองเพื่อยกมันให้กับหัวไหล่ทั้งสองข้างนั่น ควันบุหรี่สีขาวขุ่นลอยตามทิศทางลม แม้จะไม่ชอบกลิ่นของมันนัก แต่นาทีนี้ผมจะยอมหยวนๆให้เขาไปก่อนก็ได้

    “เขาไปข้างในเถอะ พี่ไม่ต้องยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้”

    “ไม่เป็นไร”

    “พี่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ไม่ใช่หรือ”

    “ไม่เป็นไร”

    “...”

    “ยืนข้างเธอสำคัญที่สุด”

    ผมกล่าวสั้นๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ ใช้อ้อมแขนของตัวเองในการโอบกอดเขาเอาไว้ ซบใบหน้าลงกับลาดไหล่ ปล่อยให้อีกคนยืนนิ่งเงียบ รอบกายมีเพียงเสียงรถราบางคันที่ยังวิ่งไปมาบนท้องถนน รอบกายแม้จะมืดมิดแต่ก็พร่างพราวไปด้วยแสงไฟนีออน กลิ่นบุหรี่จางๆแม้จะทำให้ผมคัดจมูก แต่ถ้าหากการยืนอยู่ตรงนี้มันทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง ผมก็ยินดีที่จะแลกมัน

    เป็นอีกครั้งที่ยอมทำในสิ่งที่ไม่ชอบเพื่อเขา

    เป็นครั้งที่ล้าน

    หรืออาจจะมากกว่านั้น

    เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่าแก้วที่แตกไปแล้ว ไม่อาจจะประสานคืนเป็นดั่งเดิมได้อีก ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกสิ่งเสมอไป เพราะถ้าให้เปรียบแก้วใบนั้นเป็นเขาคนนี้ สัญญาว่าจะใช้ความอุ่นร้อนจากความรู้สึก และจากอ้อมแขนของตัวเองในการหลอมเขาขึ้นมาเป็นแก้วใบใหม่ จะบรรจง และปรานีตเพื่อปั้นเขาให้เป็นแก้วใบใหม่ที่สวย และแข็งแกร่งกว่าใบเดิม

    ผมจะทำให้เขาหายดี นั่นคือคำสัญญากับตัวเอง

    “บอกแล้วว่าอย่านอนดึก ไม่สบายเลย เห็นไหม”

    ผมเอ่ยดุคนที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง รอบกายยังคงเรอะรกไปด้วยข้าวของของเจ้าตัว ผมพรูลมหายใจก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างกัน ทอดสายตามองดูใบหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความชอกช้ำและเจ็บปวด คราบน้ำตาที่ยังคงเปรอะเปื้อนเต็มสองข้างแก้ม และดวงตาที่แตกสลายและยังไม่สมานกันดี เขานอนหายใจแผ่วๆ มองดูเพดานห้องอยู่อย่างนั้น

    “เจ็บมากหรือ ครั้งนี้น่ะ”

    “อืม”

    “รักเขามากหรือ”

    “อืม”

    “เกิดเป็นมันนี่ดีเนอะ ไอ้เหี้ยนั่นอ่ะ”

    “...”

    “มันทำเธอเจ็บขนาดนี้ เธอยังรักมันอยู่อีก”

    “ก็เหมือนกันนั่นแหละ”

    “...”

    “พี่เองก็เจ็บขนาดนี้ ทำไมยังรักอยู่อีก”

    นั่นสินะ

    นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ผมค่อนข้างจะไม่เข้าใจในตัวเองเหมือนกัน หากจะด่าเขาว่าโง่งมที่เอาแต่เลือกคนคนนั้นซ้ำๆจนต้องแตกสลาย ผมก็คงจะต้องด่าตัวเองด้วยคำเดียวกันแต่รุนแรงกว่า เพราะไม่อาจจะหักห้ามใจตัวเองให้เลิกรักได้อย่างจริงๆจังๆเลยสักครั้ง

    จะให้เลิกได้อย่างไร...เขายังไม่มีความสุขเลย แล้วผมจะไปมีความสุขได้อย่างไร

    อย่าเอาชีวิตตัวเองไปผูกไว้ที่เท้าของเขา หากเขาจากไป เราจะได้ไม่ต้องสูญเสียไปด้วย

    จงรักคนที่เขาทำให้เรารักตัวเอง อย่ารักด้วยความเจ็บปวด  จะรักใครก็ให้เผื่อใจ เพื่อนทุกคนเคยเคาะหัวสอนผมเอาไว้ แต่ผ่านไปไม่ทันไรมันก็ต้องโทรมาให้ไปรับที่ร้านเหล้ากันทุกราย

    คนเรามันเก่งกันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง มันต้องจริงอยู่แล้วเพราะเรื่องของคนอื่นใช้สมอง แต่เรื่องของตัวเองมันใช้หัวใจ อะไรที่บอบบางกว่าก็ต้องเจ็บง่ายกว่าไปตามระเบียบ

    ผมทอดสายตามองเขาอีกครั้ง เขายังคงนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะทิ้งตัวลงไปแล้วใช้วงแขนโอบกอดเข้าให้แนบแน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ ฝากร่างกายให้ส่งเอาไอความรัก ความหวังดีที่ยังพอหลงเหลือส่งไปให้ถึงเขา หวังเพียงแต่ให้เขาได้แข็งแรงขึ้นเสียที

    อย่าจมปลักกับความเศร้าแบบนี้เลย มันไม่คุ้มหรอก ดวงตาที่สดใสคู่นั้นน่ะ ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก

    “พี่ไม่ได้เห็นเธอยิ้มนานแล้ว ยิ้มให้พี่ดูหน่อย”

    “...”

    “น่า”

    “ไม่เอา”

    “เร็ว”

    “พี่”

    “ว่ายังไง”

    “ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”

    “บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”

    “...”

    “จริงๆ ไม่เป็นไร พี่รอมาตลอดอยู่แล้ว รออีกนิดก็ไม่เป็นไร”

    “มันเจ็บไม่ใช่หรือไง”

    “นิดเดียว มดกัดยังเจ็บกว่า”

    “ถ้าพี่ไม่ได้มีความสุข พี่ไม่ต้องยิ้มก็ได้”

    “ใครบอกว่าพี่ไม่มีความสุข”

    “...”

    “พี่ดีใจมากๆเลยนะที่ได้อยู่ข้างเธอตอนนี้”

    “...”

    “แล้วก็ดีใจมากๆที่รู้ว่าเธอเตะไข่มันก่อนจาก”

    “...”

    “ขอให้มันเป็นหมัน สาธุ”

    ท้ายที่สุดรอยยิ้มที่ผมรอคอยก็ปรากฏขึ้นมาจนได้

    ในที่สุดผมก็ซ่อมแซมเขาได้สำเร็จ ในที่สุดรอยยิ้มนั้นก็กลับมาอีกครั้ง แววตาไม่แตกสลายอีกต่อไป มีร่องรอยแห่งการซ่อมแซม ผมมองเห็นแสงสว่างในนั้น ประกายเพียงนิดของการเริ่มต้นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ได้แต่รอเวลา ผมปลอบใจตัวเองทุกวัน

    อีกนิดเดียว...

    รออีกนิดเดียว...

    เมื่อไรที่เขาหายดี เขาจะเลือกกัน ผมมั่นใจ

     

     

    ก๊อก ก๊อก

     

    “ฮาโหลลลลล มีข้าวมาส่งครับ”

    กล่องข้าวอุ่นๆในถุงพลาสติกสีใสเตรียมพร้อมเสิร์ฟถึงเจ้าของห้อง ผมยืนกระดิกนิ้วไปมา ฮัมเพลงเบาๆ วันนี้นับเป็นเช้าที่สดใสกว่าหลายๆวันที่ผ่านมา ระหว่างทางที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาก็พบเจอแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจริญหูเจริญตาไปหมด คล้ายกับรอบกายเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้สีหวานที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เสียงแตรรถกลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงนกกระซิบกระซาบกัน แสงแดดที่สาดส่องผิวในเช้าวันนี้ช่างดูนุ่มนวลจนนึกอยากจะชวนใครบางคนออกไปนั่งแช่ด้วยกันที่ริมระเบียง

    นี่สินะ ความสุขจากการมีความรัก

    ไอ้ที่เขาพูดกันว่าเหมือนมีผีเสื้อฝูงใหญ่บินวนอยู่ในท้องก็คงจะฟังดูไม่เกินจริงสักเท่าไร

    คล้ายมีทุ่งดอกไม้ผุดขึ้นมากลางหัวใจ ผลิดอกออกใบพร้อมที่จะเด็ดมันส่งมอบให้กับเขาคนนั้น ผู้ซึ่งเป็นที่รักเสมอมา

    มอบใจทั้งใจ มอบกายทั้งกาย ประหนึ่งสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้เขาเจ็บปวดอย่างที่ผ่านมา

    ผมใช้ความพยายามของตัวเองในการหล่อหลอมเขาขึ้นมาเป็นแก้วใบใหม่ แก้วใบที่สมานกันจนสมบูรณ์แบบ ไร้ซึ่งรอยร้าว และเป็นแก้วที่งดงามดั่งเดิม

    วันนี้ผมพกพาสีแสนสวย พร้อมที่จะแต่งแต้มและระบายสีบนแก้วใบนั้น เพื่อให้มันมีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยความสุข

    จนกระทั่งวินาทีที่บานประตูเปิดออก และคนที่มาเปิดดันไม่ใช่เขา

    วินาทีนั้น ก็ราวกับสีที่ผมเตรียมมาได้เหือดแห้งได้โดยฉับพลัน

    “เพื่อนนี่เอง”

    “สวัสดีครับ”

    “สนิทกันมากหรือ”

    “อืม”

    “อ่อ”

    บรรยากาศภายในห้องดูกระอั่กกระอ่วนขึ้นมาแปลกๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ปรายตามองดูเพื่อนคนนั้นที่เขาว่า พยักหน้ารับคำทักทายเพียงนิด ก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นไปแกะข้าวกล่องเตรียมจะจัดจานใส่ให้กับคนป่วยใจ

    ปลายนิ้วแกะฝาข้าวกล่องออกด้วยความระมัดระวัง เป็นวินาทีเดียวกันกับที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น

    มันชัดเจน และสดใส มากกว่าตอนที่ผมขอร้องให้เขาหัวเราะ

    คล้ายกับว่า...เขาหัวเราะออกมาจากความรู้สึกจริงๆ

    ความมั่นใจที่พกมาเริ่มสั่นคลอน พู่กันและสีที่เตรียมมาจะแต่งแต้มเขาสลายไปหมด ยามที่ได้เห็นว่าเขาและเพื่อนคนนั้นกำลังกอดปลอบกัน

    ท่าเดียวกัน ทำแบบเดียวกัน ลูบหลังแบบนั้น...ลูบหัวแบบนั้น ก่อนจะจับมาจุมพิตหน้าผาก

    ทว่า ผลลัพธ์ที่ได้กลับต่างกัน

    เป็นอีกครั้งที่ความเสียใจเริ่มที่จะฟื้นตัวมาจากหลุมที่ผมตั้งใจกลบมันเอาไว้จนมิด

    ความหวังที่เคยสว่างสดใสกลับหรี่ลงยามที่ได้เห็นแววตาของเขา...มันสะท้อนเงาของทุกคน ยกเว้นผม

    ในขณะที่ทั้งกายทั้งใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร ทุกห้วงภวังค์ความคิดและลมหายใจผมมอบให้เขา โอบกอดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ หรือความเจ็บปวด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ช่วยแบ่งเบา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เห็นเขาทรมานแล้วผมกลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า

    เหนื่อยแหละ เหนื่อยมาก เหมือนเส้นชัยที่เคยตั้งเป้าไว้กำลังวิ่งห่างออกไป

    ไม่ใช่สิ

    บางที...มันอาจจะไม่ได้มีเส้นชัยให้กันตั้งแต่แรกแล้วก็ได้

    ผมในตอนนี้กำลังรอเวลาเหมือนเดิม มันกำลังน้อยลง น้อยลง... 

    ไม่ใช่เวลาที่เขาจะหายดี...กลับเป็นเวลาที่เขาจะยืมอ้อมกอดของผมต่างหาก

    “พี่”

    “ไม่ต้องพูดได้หรือเปล่า”

    “พี่อย่าเป็นแบบนี้ดิ”

    “วันนี้ท้องฟ้าสวยจัง”

    “...”

    “แม่งโคตรสวยเลย”

    ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า มันเต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย สุกสว่างจนแทบจะไม่อยากละสายตาไปจากมัน แต่บทสนทนาที่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้าได้ทำให้ทุกอย่างมันพร่าเลือนไปหมดด้วยม่านน้ำตา

    แม้ดาวจะเต็มท้องฟ้า แต่สิ่งเดียวที่ผมปรารถนาจะไขว่คว้า มีเพียงคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

    “พอได้แล้วพี่”

    “...”

    “พอเถอะ”

    ใช่ พอเถอะ พอได้หรือยัง

    เจ็บมากี่ครั้ง ทำไมไม่จำ ร้องไห้เพราะเขามากี่ครั้ง ทำไมถึงไม่จำ

    ทำไมไม่จำสักที ว่าทำดีให้ตายยังไงเขาก็ไม่เลือกเรา

    “ขอโทษ”

    “พี่อ่ะ อยู่กับเธอตั้งแต่คราวไอ้เหี้ยนั่น ก่อนหน้ามันอีก”

    “...”

    “พี่อยู่กับเธอมาตลอด”

    “ก็ถ้ามันใช่ มันคงใช่ไปนานแล้ว”

    “แล้วเขาใช่มากหรือไง เพื่อนคนนั้นน่ะ”

    “...”

    “พี่ผิดอะไรวะเธอ”

    “ไม่ผิดหรอก แต่มันไม่ใช่จริงๆ”

    “พี่ทำเพื่อเธอทุกอย่างเลยนะ”

    “ขอโทษด้วยถ้ามันใจร้ายไป”

    เขาแผดเผาร่างกายและจิตใจของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความใจร้ายพวกนั้น นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเลือกที่จะจุดไฟบนกองพู่กันและสีที่ผมเตรียมมา มันมอดไหม้ไปหมด ไม่เหลืออะไรที่จะทำให้ผมสามารถระบายแก้วใบนั้นได้อีก

    “ความรักมันก็มีอยู่สองทาง รักกับไม่รัก”

    “เลยเลือกทางเดิมให้พี่อีกแล้วหรือ”

    “...”

    “พี่เดินมาบ่อยมากๆแล้วว่ะเธอ ขอเลือกทางใหม่ไม่ได้หรือไง”

    “...”

    “ทำไมต้องเป็นพี่ตลอดเลยวะที่ไม่ถูกเธอรัก”

    “พี่...”

    “พี่เชื่อว่าพี่ยังมีหวังอยู่อ่ะ ช่างมันเถอะ พี่จะอยู่อย่างนี้แหละ หน้ามึน”

    “การที่พี่เอาแต่ปฏิเสธ มันไม่ได้ช่วยให้พี่เจ็บน้อยลงนะ รู้ไหม”

    “...”

    “พอเถอะ”

    “...”

    “พอได้แล้ว”

    คล้ายหัวใจที่เคยสลักไปด้วยคำหวานมากมายถูกน้ำคำที่เป็นดั่งหมึกดำละเลงไปทั่วจนห้องหัวใจมืดมัวไปหมด จะเช็ดจะล้างให้ตายยังไงก็คงไม่มีวันลบเลือนไปได้

    ผมหันกลับไปมองดูเขา คนที่ผมรักสุดใจ เขาเม้มปากแน่นก่อนที่จะชะงัก แล้วเลื่อนสายตาไปยังใครอีกคนที่เพิ่งจะเดินตามมา

    เป็นอีกครั้งที่แววตาของเขาไม่ฉายเงาของผม แต่กลับเป็นใครคนอื่น

    มือทั้งสองข้างประสานกันตรงหน้า พวกเขายืนข้างกัน จ้องมองกันและกัน โดยที่ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ ที่เดิม

    ผมอยากให้เขาหันมามอง แต่ไม่อยากให้เขามองด้วยสายตาว่างเปล่าแบบนั้น

    ผมหลงคิดว่าการที่ตัวเองอยู่ข้างเขา คอยดูแล และปลอบประโลมจนแก้วที่แตกสลายกลายมาเป็นแก้วใบใหม่ที่สวยงาม

    หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วผมก็เป็นคนที่คอยเก็บกวาดเศษแก้ว รวบรวมมันเพื่อจะส่งให้กับคนหลอมที่กำลังยืนอยู่ข้างเขาต่างหาก

    ไออุ่นที่เขาได้รับจนหลอมเป็นแก้วใบใหม่ ไม่ได้มาจากผม แต่กลับเป็นเขาอีกคน

    อีกครั้ง...ผมถูกหยิบยื่นคำว่าไม่รักให้

    “ทำยังไงก็ไม่มีทางเป็นพี่เลยใช่ไหม”

    “ขอโทษ”

    “...”

    “ขอบคุณที่ดูแลกัน แต่เรื่องนี้มันใช้อะไรแบบนั้นมาวัดไม่ได้หรอก”

    “พี่ควรจะชินนะ แต่ไม่เคยชินเลย...การไม่ถูกเลือกเนี่ย”

    “ขอให้พี่เจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่”

    “งั้นตรงๆ  เธอจะเลือกเขาหรือพี่”

    “พี่ไม่อยากฟังคำตอบหรอก”

    “...”

    “นี่เซฟใจพี่อยู่นะ”

    “มันไม่เหลืออะไรให้เธอเซฟแล้ว มันพังหมดแล้ว”

    “...”

    “ยอมแพ้ก็ได้ ยอมแพ้แล้ว”

    “...”

    วินาทีนี้ คนที่แตกสลายกลับเป็นผม แหลกเละยิ่งกว่าครั้งอื่นใด แต่ไร้ซึ่งผู้ใดมาคอยกอบโกยเอาเศษผงพวกนั้น ปล่อยให้มันปลิวว่อนไปทั่ว สร้างความรำคาญใจให้กับทุกคนประหนึ่งฝุ่นผงที่เข้าตา

    สักครั้ง หวังแค่ใครสักคนที่เข้ามาโอบกอดกัน แล้วมอบในสิ่งที่ผมเคยมอบกลับคืน

    เหนื่อยเหลือเกิน การไล่ตามเพื่อซ่อมแซมใครคนนั้น

    ผมยอมแพ้ วางพู่กันและถังสีลงกับพื้น ตัดสินใจที่จะไม่แตะต้องแก้วใบนั้นที่ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป มอบมันให้กับใครบางคนที่เหมาะสมกว่า แล้วถอยห่างออกมา

    “เธอไม่อยากให้พี่อยู่ข้างๆคอยดูแลเธออีกแล้วใช่ไหม”

    “ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นไร”

    “...”

    “เขาทำได้ดีกว่า”

    นั่นสินะ

    ในเมื่อมีสิ่งที่ดีกว่า คนเราก็ต้องย่อมเลือกสิ่งนั้น ใครที่มอบให้เขาได้มากกว่า เขาก็ต้องย่อมเลือกคนคนนั้น

    ผมค่อยถอยหลัง ปล่อยให้หยาดน้ำตาชโลมราดบนแผลใจของตัวเอง ส่งมือของคนที่รักให้กับคนที่เขารัก แม้จะไม่ยินดี แต่ก็ยิ้มออกมาจากหัวใจ

    ปรารถนาให้เขาได้พบพานแต่ความสุข ความสมหวัง

    ขอแค่เขาได้เคียงข้างคนที่เขารักและรักเขาตอบด้วยความรู้สึกเดียวกัน เขาจะเป็นคนที่โชคดีและมีความสุขยิ่งกว่าคนอีกเจ็ดพันกว่าล้านบนโลกใบนี้

    ผมจะคอยมองดูดวงตาที่สว่างไสว คอยมองดูรอยยิ้ม คอยยืนฟังเสียงหัวเราะของเขาจากตรงนี้

    ขอให้เธอสมหวัง อย่ามีน้ำตา อย่าเสียใจและแตกสลายเพราะใคร

    ผมทำได้เพียงขอพรเท่านั้น

    เท่าที่เธอจะให้ผมทำได้

     

    นักวิทยาศาสตร์เคยกล่าวถึงเรื่องมิติลี้ลับมากมาย มิติคู่ขนานที่เกิดขึ้นเคียงคู่กันกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน แตกแยกไปอีกพันล้านที่มีปลายทางแตกต่างกัน

    ในห้วงลึกของหัวใจได้แต่ภาวนา

    หวังว่าในอีกห้วงมิติผมจะเป็นคนที่ถูกรัก

    หวังว่าอย่างน้อยๆ อีกหนึ่งมิติผมจะมีความสุข

    ขอแค่นั้น...แค่หนึ่งเดียวก็ยังดี

     

    In another dimension, I am loved

    ——¤——

    Thanks for reading, hope you find someone who makes you love yourself

    https://twitter.com/littleskyofme


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×