คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prettiness sense
prettiness sense
chapter 1 #
Ron & Fangkao
“ไว้เจอกันนะฟางข้าว พรุ่งนี้มาเอางานด้วยล่ะอย่าลืมน้า” เสียงเพื่อนคนหนึ่งบอกแล้วโบกมือให้ฉัน
‘ฟางข้าว’ นั่นแหละคือชื่อฉันเอง ผู้หญิงที่หน้าตาไม่สวยแต่ก็มีความน่ารักอยู่ไม่น้อย ใครๆก็บอกฉันมาแบบนั้น ฉันทั้งบ๊อง ทั้งซื่อ แถมมึนๆอีกต่างหากฉันจึงไม่รู้ว่าฉันน่ารักอย่างที่คนอื่นบอกจริงหรือเปล่า ฮ่า ๆ
หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยโอแอลยูที่ฉันเรียนแล้วก็กำลังจะไปร้านอาหารใกล้ๆที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ แต่ก็ต้องหยุดกึกและหันไปมองใครคนหนึ่งที่กำลังจับต้นแขนฉันอยู่
“เอ่อ...มีอะไรเหรอค่ะ?” ฉันถามผู้ชายร่างสูงที่จับแขนฉันอยู่อย่างสงสัย...ถ้าจำไม่ผิดเขาคือ ‘รอน’ นักกีฬาสุดฮอตของมหา’ลัย แต่ช่างเถอะ! แล้วเขามาจับแขนฉันทำไมล่ะ
“กรี๊ดดดดด !!” เสียงกรีดร้องของฉันดังขึ้นเมื่ออยู่ๆเขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปกอด เขาทำอะไรข้าวอ่ะ...แงๆ
รอนเลื่อนใบหน้าต่ำลงมาจนชิดและประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากเล็กๆของฉัน เขาจูบข้าวอ่ะ...งอแง
“อื้อออ...” ฉันหายใจไม่ออกและพยายามดันอกแข็งๆของรอนออก เพียงแต่มันไม่ขยับเลย
ฮู่....ฉันถอนหายใจออกเบาๆหลังจากที่ขาดอากาศอยู่ราวห้านาที ให้ตายสิหน้าฉันร้อนวูบวาบไปหมด หัวใจก้เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา ฉันโกรธเขากรือกำลังเขินเขากันแน่ แต่ที่รู้ๆตอนนี้เขาหายวับไปไหนแล้วไม่รู้ แง...เขาขโมยจูบฟางข้าวไปแล้วง่ะ...ฮือ...ฟางข้าวอยากร้องไห้
หลังจากที่เมื่อวานฉันโดนนักกีฬาสุดฮอตของมหา’ลัยขโมยจุบฉันไปฉันก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่มันน่าใจหายนะจูบแรกที่ฉันรักษาไว้ให้สำหรับคนที่รักฉันมันจากไปแล้ว...ฉันอยากร้องไห้อีกแล้วล่ะ
“เด็กน้อยของฉันเป็นอะไรรึเปล่า” เสียง ‘แฟรงก์’ ผู้จัดการหนุ่มแซว ฉันจึงหลุดจากความคิดของตัวเอง
“เปล่าค่ะ...ผู้จัดการค่ะข้าวจะไปเอารายงานที่มหา’ลัยน่ะค่ะจะอนุญาติไหมค่ะ”
ฉันยิ้มให้แฟงก์บางๆ แฟรงก์ก็ยิ้มและพยักหน้ากลับมา ที่จริงแล้วแฟรงก์ก็เป็นนักศึกษาปีสามเหมือนกับฉันนี่แหละ แต่เรียนคนละที่กัน ฉันถือว่าเขาเป็นเจ้านายเลยต้องเรียกเขาว่าผู้จัดการเรียกชื่อเขาเฉยๆมันคงดูไม่ดี
“อ๋อได้สิ ฉันจะไปมหา’ลัยพอดี เดี๋ยวฉันไปส่งนะ” แฟรงก์บอกแล้วยิ้มให้ ฉันก็พยักหน้ากลับไป เพราะไม่กล้าปฏิเสธ ขืนปฏิเสะเขาก็ต้องอ้อนวอนฉันให้ไปจนได้นั่นแหละ
เมื่อฉันเข้ามานั่งในรถแล้วฉันก็นั่งนิ่งๆเป็นเด็กดี และแฟรงก์ก็สตาร์ทรถออกทันที
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าเรียกแฟรงก์เฉยๆก็ได้น่ะ” แฟรงก์บอกและฉันก็ได้แต่ยิ้มให้เขา
“ก็แฟรงก์เป็นผู้จัดการของข้าวยี่เนอะ จะเรียกแฟรงก์เฉยๆได้ไง” ฉันบอกแล้วทำหน้าทะเล้นใส่ เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ
ไม่นานแฟรงก์ก้ยื่นมือมาขยี้ผมฉันเบาๆ เขาเป้นอะไรเหรอถึงได้แต่ยิ้มอย่างนั้นน่ะ
“ผู้จั...เอ่อ...แฟรงก์เป็นอะไรค่ะแล้วจับมือข้าทำไม” ฉันหันไปถามเขาอย่างงุนงง ปกติเขาก็ยิ้มอยู่แล้วมันไม่น่าแปลกนี่ แล้วฉันถามทำไมล่ะเนี่ย
“ก็เธอมันน่ารักนี่ฉันหมั่นเขี้ยวจนอยากจะงับเธออยู่แล้วน่ะ” เฮือก! ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะแฟรงก์ ข้าวกลัวนะเนี่ย...งอแง
เมื่อถึงหน้ามหา’ลัยฉันก็เปิดประตูรถเพื่อรีบไปเอางานแต่แฟรงก์ก็จับแขนฉันไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวฉันกลับมารับนะ แล้วจะโทรหา” แฟรงก์ยิ้มให้และฉันก็ยืนตะลึงอยุ่พักใหญ่ ก่อนจะนึกได้ว่ามีงานต้องไปเอา
หลังจากที่เอางานเรียบร้อยฉันก็ลงลิฟต์เพื่อไปรอแฟรงก์ที่หน้ามหา’ลัย แต่ลิฟต์ก็หยุดอยู่ที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นฟิตเนสของพวกนักกีฬา หวังว่าคนที่จะลงลิฟต์ไปกับฉันคงไม่ใช่รอนนะ
ไม่ทันขาดคำเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็เผยให้เห็นโฉมหน้าของผู้ชายที่ขโมยจุบแนไปเมื่อวานนี้ พระเจ้าแกล้งลูกใช่ไหม...แง
“ครั้งแรกใช่ไหมน่ะ” เขาถามขึ้น เขาหมายความว่ายังไงไม่เห็นเข้าใจเลย
“จูบเมื่อวานน่ะ” เขาบอกฉันเลยอึ้งไป หน้าร้อนฉ่าจนจะทะลุสี่สิบองศาเซลเซียสแล้วมั้งเนี่ย ทำไมเขาต้องพูดเรื่องนี้ด้วย
“เฮ้ย! เธอร้องไห้ทำไม” เสียงรอนอุทานขึ้น ฉันจึงเอามือปาดที่แก้มดูก็พบว่าน้ำตาไหลจริงๆ ฟางข้าวอึดอัดนะ อยากออกไปจากลิฟต์นี้เต้มทีแล้ว ลิฟต์นี่ก็ช้าจริงเชียว...งอแง
ติ๊ง! เหมือนเสียงสวรรค์เมื่อลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบวิ่งจู๊ดออกมาทันที แต่ทว่าก็เหมือนโลกหมุนติ้วๆนะ รู้สึกตัวอีกมีฉันก็นั่งอยู่ที่พื้นแล้ว ฉันตกบันไดขั้นเล้กๆนั่นล่ะสิ
“รอน...ช่วยฉันหน่อยนะ...ฮือ” ฉันร้องขอความช่วยเหลือจากรอนเพราะเขาเดินผ่านมาทางนี้พอดี
รอนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะปรับให้มันราบเรียบตามเดิมและเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
“ฉันเจ็บขามากเลยล่ะ...” ฉันบอกและเขาก็อุ้มฉันพาดบ่า
เขาจะพาฉันไปไหนอ่ะ ไม่ไปนะ ไม่ไป ม่ายยยยยยยยยยยยย !!
=Ron talk=
ผมล่ะอยากตาย เธอคนนี้ท่าจะเพี้ยนบอกว่าให้ผมช่วย ผมก็ช่วยแล้วยังจะโวยวายอีกแถมทุบหลังจนซะเจ็บไปหมด ตัวเล็กนิดเดียวมือหนักเป็นบ้า ครั้งแรกที่เราเจอกันไม่รู้ว่าน่าประทับใจหรือเปล่าที่อยู่ๆผมก็จูบเธอซะงั้นอ่ะ ฮ่าๆ แต่เธอน่ารักมากๆเลยนะ ผมผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนแต่เธอเป็นคนแรกเลยที่ผมถูกใจ
ตอนนี้ผมพาเธอมาที่ห้องของผมเพราะผมก็ก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน จะทิ้งไว้ที่มหา’ลัยก็อันตราย ให้เธออยู่ที่นี่ไปก่อนล่ะกัน ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่ชื่อเธอก็ยังไม่รู้ จะถามก็ไม่ได้เพราะเธอเผลอหลับไปตั้งแต่ทุบหลังผมจนเหนื่อยแล้ว ผมคิดว่าควรจะไปหาอะไรทำดีกว่าไม่งั้นผมอาจจะห้ามตัวเองไม่อยู่แล้วลักหลับเธอเข้า ฮะๆๆ
-End Ron’s talk
ฉันลืมตาขึ้นก็ต้องกระพริบตาถี่ๆเพราะแสบตาจากแสงไฟที่สว่างจ้าอยู่เบื้องบน แต่เมื่อปรับสายตาได้แล้วก็รู้ตัวว่าที่นี่ไม่ใช่ในมหา’ลัยหรือร้านของแฟรงก์แต่เป็นห้องของใครสักคน
ฉันลุกขึ้นนั่งและทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา เขาคนนั้นคือคนที่ช่วยฉันตอนหกล้ม เขาคนนั้นคือคนที่อุ้มฉันออกมาโดยที่ฉันไม่เต็มใจ เขาคนนั้นที่ทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะเขาจูบฉัน....
รอน....
เขาไงที่นี่ต้องเป็นห้องของเขาแน่ๆ...ฮือ...เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยข้าวด้วย ข้าวโดนฉุดอ่ะ...แง
ฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ จนมีคนเปิดประตูเข้ามา แต่ฉันมองไม่เห็นว่าเขาเป็นใครเพราะน้ำตาคลอซะจนพร่าเบลอไปหมด
“เธอร้องไห้ทำไมน่ะ ใครตายเหรอ” เสียงนี่คุ้นๆจัง แล้วทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วยเล่า
“แฟรงก์เหรอ...” ฉันลองเรียกดูไม่แน่อาจจะใช่ก็ได้
“แฟรงก์...ไอบ้านั่นมันไม่มาที่นี่หรอกน่า” เขาก่นด่าออกมาเหมือนไม่พอใจในคำพูดของฉัน แสดงว่าเขาไม่ใช่แฟรงก์ ต้องเป็นรอนแน่ๆ
ฉันปาดน้ำตาออกจนเริ่มมองอะไรๆชัดขึ้นและคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คือรอนนั่นเอง
“โอ๊ย! มันเจ็บนะเธอนี่” รอนอุทานขึ้นเมื่อฉันหยิบหมอนข้างฟาดหน้าเขาครั้งหนึ่ง
“พาฉันมาที่นี่ทำไมอ่ะ...ฮือ” ฉันฟูมฟายแต่เขาก็ทำหน้าเรียบเฉยและถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ใครมันจะทะอะไรเธอฮะ ยัยเพี้ยน” ดูเขาด่าฉันสิ คนบ้า!
เมื่อฉันเดินเข้ามาในครัวก็ได้แต่กลิ่นหอมๆของอาหารที่อยู่ในกระทะ ฉันจึงไปยืนข้างๆเขา และคอยดูเขาทำอาหารไปเรื่อยๆ
“แล้วนี่เธอชื่ออะไร?” รอนถามขณะที่ฉันกำลังตะกละตะกลามกับอาหารรสเลิศอยู่ อิอิ
“อางอ้าว...(ฟางข้าว)” ฉันพยายามพูดออกไปให้ชัดเจนเพียงแต่มันไม่เป็นแบบนั้น เพราะข้าวเต็มปากฉันจนพูดไม่ออก
“ฮะ....!?” เหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องนะ ฉันจึงชีนิ้วลงที่ถ้วยข้าวแล้วจัดการอาหารตรงหน้าต่อ
“ข้าว...เหรอ” ฉันชูนิ้วokกลับไป เขาก็ยิ้มนิดหน่อยแล้วก็กินข้าวบ้าง
เมื่อฉันกินข้าวและช่วยรอนล้างจานแล้วเขาก็ให้ฉันนั่งดูถ่ายทอดสดฟุตบอลเป็นเพื่อน แล้วฉันดูฟุตบงฟุตบอลอย่างนี้เป็นซะที่ไหนเล่า
“พรุ่งนี้ไปวิ่งจ็อกกิ้งเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” เขาหันมองหน้าฉันด้วยสายตาแปลกๆ ฉันเลยรีบหลบสายตาคู่นั้นทันที
“เอ่อ...ฉันต้องไปทำงานนะ” คราวนี้เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันกว่าเดิม
“เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเองแหละน่า” ฉันคิดไปคิดมา ว่าแต่...เขารู้เหรอว่าฉันอยู่ท่ไหนน่ะ ถึงจะไปส่ง
“งั้นโอเคตามนั้น” เขาพูดเองเออเองเลยอ่ะ แงๆ
เมื่อวานฉันฉันรู้สึกสบายใจมากที่รอนยังใจดีมาส่งที่คอนโด จริงๆแล้วฉันว่าเขาก็ใจดีออกถึงแม้เขาจะชอบมองด้วยสายตาดุๆก็เถอะ รอนบอกว่าอีกไม่นานก็จะโทรมาเพื่อให้ฉันเตรียมตัวที่จะไปวิ่งกับเขา แต่ตอนนี้ฉันกลุ้มใจมากเลยคือแฟรงก์จะโกรธหรือเปล่าเพราะเมื่อวานเขาจะไปรับฉัน แต่ฉันก็ไปกับรอนซะก่อน แถมยังไม่ได้ทำงานเลยด้วย ฉันโดนเขาฆ่าแน่เลยอ่ะ....ฮือๆ
ครืดดดดด !! เสียงไอโฟนสั่น ฉันจึงหยิบขึ้นมาดู
#FRANK
“ฮัลโหล...” ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างแผ่วเบา
“(เมื่อวานไปไหนมาข้าว ฉันรอตั้งนานแน่ะ)” นั่นไง แฟรงก์โหมดดาร์กมาแล้ว...แงๆ
“เอ่อ...ข้าวตกบันไดค่ะเลยไม่ได้กลับไปทำงาน ขอโทษนะคะ” ฉันบอกเสียงเรียบ
“จริงเหรอ แล้วเป็นอะไรมากมั้ยเจ็บตรงไหรรึเปล่า” แฟรงก์ถามอย่างตกใจ อารมณ์เขาเปลี่ยนเร็วจริงๆนะ
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ” ฉันบอก และฉันก็ได้ยินเสียงแฟรงก์ถอนหายใจออกมา
“งั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่เธอกลับบ้านยังไงน่ะ” เขายังถามด้วยความเป็นห่วง
“รอนมาส่งที่คอนโดน่ะค่ะ” ฉันบอกตามจริง แล้วอยู่ๆแฟรงก์ก็ตัดสายไป
ฉันนั่งเกาศรีษะอยู่นานสองนานที่งงกับแฟรงก์ว่าเขาอยุ่ในโหมดไหนกันแน่ เดี๋ยวดุเดี๋ยวเป็นห่วง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
ครืดดดดดดดด !! ไอโฟนสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
#081-135579XX
“ฮัลโหล...” ฉันพูดเสียงเรียบ
“(นี่! เดี๋ยวฉันไปรับเธอเตรียมตัวด้วยล่ะ)” ปลายสายนั่นเสียงรอนล่ะ
“อื้ม...” ฉันตอบไปและวางสาย
ฉันนั่งรอรอนมานานกว่าชั่วโมงหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มาซะที ถ้าเขายืนอยู่หน้าห้องอตนนี้คงจะเป็นสวรรค์มากเลยล่ะ...
มาพูดคุยกันดีกว่านะจ้ะ ตอนนี้ฟางข้าวของเราน่ารักเกินบรรยาย คิคิ
ส่วนรอนก็หื่นรับเปิดฤกษ์กันเลยทีเดียว ฮ่าๆ ทำไมแต่งออกแนวนี้ก็ไม่รู้นะเออ ว่าแต่มันสนุกมั้ยนะ ?
ช่วยคอมเมนต์บอกหน่อยละกันค่ะ ไม่อยากบังคับเลยนะแต่ถ้ายอกวิวน้อยแล้วจำนวนเมนต์ก็ยิ่งน้อยนี่
แพรวก็หมดอารมณ์จะแต่งอ่ะ (งอแงT^T) งั้นขอร้องนะค่ะ แพรวอยากรับรู้จริงๆว่านักอ่านแต่ละคน
คิดเห็นอย่างไรบ้าง และฝากติตามด้วยนะจ้ะ
ด้วยรักจากพะแพรว
ความคิดเห็น