ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิชิตใจยัยจอมซ่า

    ลำดับตอนที่ #3 : แผนการของเซบินและการเผชิญหน้า(หนุ่มสุดเท่vsเจ้าเล่ห์หน้าหล่อ)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 52


    "นี่พี่..เอากล่องกระดาษมาทำอะไรน่ะ" จินจูถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพี่สาวตั้งหน้าตั้งตาตัด

    กล่องให้ออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วทากาวก่อนจะประกบกระดาษเข้าหากัน  กระดาษแต่ละชิ้นใหญ่

    พอจะบังเซบินได้ทั้งตัวเมื่อเธอนั่ง

    "สงสัยพี่อยากทำชุดหน้ากากเรนเจอร์ให้ผมแหงเลย ใช่มั้ยฮะพี่สาว" ยูชุนกระโดดโลดเต้นไปทั่วบ้าน

    พร้อมกับทำท่าที่เขาเพิ่งเลียนแบบมาจากในทีวี

    "แกเงียบไปเลยยูชุน" เซบินหันไปหาน้องชายแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักโตสักที

    "แกโตแล้วนะ ทำไมชอบทำอะไรติงต๊องอยู่เรื่อย" จินจูรีบพูดเสริม  เธอไม่ค่อยสบายใจกับพฤติกรรม

    ของยูชุน ถึงกับเคยคิดว่าเขาพิการทางสมอง  แต่ความคิดนี้ก็ได้หายไปนานเพระหมอยืนยันว่ายูชุน

    ครบสามสิบสองทุกประการ  แล้วทำไมนายถึงไม่รู้จักโตซะทีล่ะ

    "ถึงผมจะโตก็โตแต่ตัว  หัวใจยังเด็ก" ยูชุนยิ้มย่อง  น้ำเสียงฟังดูปลื้มซะเต็มประดา ท่าทางจะไม่รู้ตัว

    ว่ากำลังพูด ให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ในด้านลบ

    "เลิกเพ้อเจ้อ แล้วมาช่วยพี่ทากาวดีกว่า"เซบินพูดขึ้น

    "แล้วพี่จะเอาไปทำอะไร" จินจูและยูชุนได้ทีถามขึ้นพร้อมกัน ทำเอาเซบินชะงัก

    "ก็..เอาไปโรงเรียนงัย...ฮ้าว..." เซบินหาว ก่อนจะบิดขี้เกียจ "ง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่า  ยูชุน แกทากาว

    เสร็จแล้วก็วางไว้หน้าห้องพี่แล้วกันนะ"  เธอไม่ลืมที่จะหันมาสั่งน้องก่อนจะก้าวเข้าห้องแล้วปิด

    ประตู  จินจูและยูชุนมองหน้ากัน  ทั้งสองไม่เข้าใจว่าพี่สาวของตนกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ 


    รุ่งเช้า........

    “เซบิน... ลูกลืมของแน่ะ” แม่รีบวิ่งถือกระดาษที่เธอทำไว้มาให้เซบิน โชคดีที่เธอเพิ่งจะก้าวออกจาก

    ประตูรั้วพร้อมจินจูและยูชุนได้เพียงไม่กี่ก้าว

    “ขอบคุณค่ะแม่” เธอรับมันมาแล้วแบกไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เหมือนจิตรกรถือภาพสเก็ตไว้ในมือ


    ที่โรงเรียน........!!

    “เซบิน!..ครูว่าเอากระดาษนั่นลงดีมั้ย มันจะได้ไม่บังคนอื่น” อาจารย์เอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง 

    สายตาเธอกวาดไปรอบห้องอีกครั้งก่อนจะเพ่งมองไปที่กระดาษสีน้ำตาลแผ่นใหญ่ซึ่งกั้นอยู่ระหว่าง

    ที่นั่งของเซบินและดองวอน   ดองวอนเองก็ดูเซ็งๆ เขาไม่ได้ใส่ใจกับผู้หญิงประหลาดๆที่นั่งข้างเขา

    มากนัก แต่วันนี้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเพราะการกระทำของเซบินที่ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน คิดจะ

    ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ  เพื่อนๆในห้องก็อดสงสัยไม่ได้ที่จู่ๆเซบินทำอะไรแปลกๆ  ก่อนที่เซบินจะ

    เอากระดาษมากั้น มินอาและโบมีพยายามห้ามกันอย่างสุดฤทธิ์ แต่ก็ต้องยอมแพ้กับความดื้อรั้นของ

    เธอ

    “ทำไมล่ะคะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว” เซบินรีบพูดตอบ ดองวอนจึงทำตาขุ่นไปทางเธอ ถึงแม้จะมี

    กระดาษกั้นอยู่ เซบินก็รู้สึกได้ว่าคนที่นั่งข้างเธอนั้นไม่พอใจเอามากๆ นั่นล่ะดีแล้ว โกรธฉันเกลียด

    ฉันให้มากๆนายจะได้ย้ายออกไปนั่งที่อื่นซะที  

    “แต่ครูว่ามันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนี่ เซบิน” 

    “เอ่อ..อุปกรณ์ช่วยเสริมสมาธิงัยคะ ใช้แล้วทำให้เรียนรู้เรื่องเป็นสองเท่า” เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

    “งั้นเหรอ ครูไม่ยักรู้นะเนี่ย” เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งสีหน้ายังฉายแววสงสัยอยู่ แต่แล้วเธอก็หันหลังไป

    เขียนกระดานต่อ

    “เชื่อเขาเลยยัยนี่” ดองวอนโพล่งออกมาหลังจากที่เขาไม่ได้ปริปากพูดเลยซักคำก่อนหน้านี้

    “นายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” เซบินรีบเถียงกลับ  ทั้งสองฝ่ายมองไม่เห็นหน้ากัน แต่ก็พอจะรู้ว่าต่าง

    ฝ่ายต่างเริ่มหงุดหงิด

    “ก็ยัยบ้าที่ไหนไม่รู้ ทำตัวน่ารำคาญเป็นบ้าเลย” ถึงดองวอนจะหงุดหงิด แต่เขาก็ควบคุมน้ำเสียงได้

    เป็นอย่างดี  อย่างน้อยมันก็ดีในความรู้สึกเขา เพราะเมื่อเขาโกรธจริงๆขึ้นมา คงจะเกิดเรื่องยุ่งขึ้น

    แน่ๆ

    “ประสาทรึงัย มันเรื่องของฉัน นายสนเรื่องของตัวเองไปเหอะ” เซบินเองก็เถียงอย่างไม่ยอมลดละ  

    แต่ในใจกลับตรงข้าม  เธอรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่มีวันเลิกล้มแผนการไปง่ายๆแน่

    หลังจากที่เซบินพูดจบดองวอนก็รีบคว้ากระดาษนั่นขึ้นมาแล้วโยนไปหลังห้อง  เขาหันไปทำหน้าไม่

    รู้ไม่ชี้กับอีกฝ่าย  กระดาษที่เขาโยนไปเมื่อครู่ตกลงไปกลางหน้าผากของซึงมกพอดิบพอดี ถึงมันจะ

    ไม่หนัก แต่ก็พอจะทำให้ซึงมกร้องออกมาได้  โบมีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงซึงมก

    “โอ๊ย!!”

    “น่ะ..นายเป็นอะไรรึเปล่า” เธอพยายามรวบรวมควากล้าถามเขา แต่ซึงมกไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่นั่ง

    กุมหัว  เพื่อนๆรีบหันไปดูกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    ใช่ว่าเซบินจะยอมซะเมื่อไหร่ล่ะ เธอยืนขึ้นแล้วเตะอย่างแรงไปที่ขาของดองวอน  ทำให้เขาต้องก้ม

    ลงเอามือกุมขาตัวเองไว้  นักเรียนในห้องต่างตกใจกันยกใหญ่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำถึงขนาดนี้

    “ทำเกินไปแล้วนะ” เธอพูดด้วยเสียงกราดเกรี้ยว

    “ฉันควรจะพูดประโยคนั่นมากกว่า” ดองวอนจ้องเธอกลับ

    เซบินรีบกระแทกเท้าเดินออกไปจากห้องท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเพื่อนๆ  โบมีและมินอาตาม

    เซบินออกไปทันที ทิ้งให้ซึงมกและดองวอนนั่งเจ็บตัวอยู่ในห้อง  พวกผู้หญิงวิ่งกรูกันเข้ามาดูอาการ

    ของดองวอน

    “ดองวอน เป็นอะไรรึเปล่า” ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปแตะเขา

    “ไม่เป็นไร...อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” เขาพูดเสียงเข้ม  ทำให้นักเรียนหญิงคนนั้นรีบเอามือกลับทันที  

    ในขณะเดียวกันนั้นซึงมกก็เดินตรงเข้ามาหาดองวอนมือยังกุมอยู่ที่หัว ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุเมื่อครู่  

    เขากล่าวโทษตัวเองยกใหญ่ที่ไม่สามารถช่วยดองวอนได้

    “คุณชายไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”ซึงมกถามขึ้น ดองวอนทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินซึงมกเรียก นายจะเรียก

    ฉันว่าคุณชายทำไม นายก็เป็นนักเรียนเหมือนฉันไม่ใช่รึงัย

    “ไม่เป็นไร  ฉันต้องเอาคืนยัยนั่นให้ได้”ดองวอนมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่จะเอามือทุบโต๊ะ  

    พวกนักเรียนหญิงสะดุ้งกันเป็นแถว

    “ผมว่าอย่าไปยุ่งกับเธอดีกว่าครับ”ซึงมกรีบเตือนก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา  

    “ว่าแต่....นายเป็นอะไรรึเปล่า” ดองวอนหันไปถามซึงมก เขาเพิ่งจะนึกได้ว่าเป็นคนที่ทำให้ซึง

    มกต้องเจ็บตัว  ซึงมกเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะจับมือเขาแล้วลากออกไปนอกห้อง  อาจารย์ดูจะไม่พอใจ

    กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เธอจึงเลิกสอนก่อนเวลาห้านาที แล้วเดินออกไป

    “เร็วๆครับเดี๋ยวไม่ทัน” ซึงมกพูดหน้าตาตื่น

    “นายจะรีบไปไหน” ดองวอนรีบดึงมือออกแล้วหยุดถามเขา

    “ก็ถึงเวลาพักเที่ยงแล้วนี่ครับ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวซื้อไม่ทันนะครับ  ช่วงนี้คนเยอะมากๆเลย” เขาเริ่มวิ่งอีก

    ครั้ง ทำให้ดองวอนตัดสินใจวิ่งตามไปด้วยและสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือร้านบะหมี่แสนอร่อยที่ตั้งอยู่ใน

    ห้องโถงขนาดใหญ่ ข้างๆกันนั้นมีร้านขายขนมปังเมลอนและไส้อื่นๆอีกมากมาย เพิ่งอบเสร็จส่งกลิ่น

    หอมกรุ่น ซึงมกตาเป็นประกายเขารีบวิ่งไปเข้าแถว  ดองวอนเห็นชีวิตที่เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขา

    ไม่เคยเจอแบบนี้ก็นึกสนุกจึงรีบไปต่อแถวด้วย


    ทางด้านเซบิน หลังจากที่เธอเดินออกมาจากห้องโดยมีเพื่อนทั้งสองวิ่งตามออกมาด้วยนั้น  เธอ

    ตัดสินใจไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่ใต้ต้นไม้บริเวณประตูทางเข้าด้านหลังของโรงเรียน

    “เซบิน!..รอด้วยสิ” มินอารีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนเพื่อนไว้ เซบินไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เธอเม้มปากแล้วพูด

    ขึ้น

    “หมอนั่นทำเกินไปแล้วนะ  ฉันไม่นึกว่านายดองวอนนั่นจะกล้าทำถึงขนาดนี้”

    “แต่ฉันว่า เธอก็ไม่น่าไปแกล้งเขาอย่างนั้นเลยนะ” โบมีพูดขึ้น  เซบินจึงหันขวับไปทางเธอ

    “เธอเป็นเพื่อนฉันหรือเป็นเพื่อนหมอนั่นกันแน่” เซบินค้อนกลับ เธอรู้สึกฉุนมาก ในสถานการณ์อย่าง

    นี้เธออยากให้เพื่อนทั้งสองคนคอยให้กำลังใจไม่ใช่ตอกย้ำ  แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกผิดที่ทำให้ดอง

    วอนโกรธเช่นกัน  เธอแค่ต้องการให้เขาย้ายไปนั่งที่อื่น  แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งบานปลาย

    ลมแรงพัดพาใบไม้ปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว  เซบินต้องยกแขนขึ้นบังหน้าเพื่อต้านลมแล้วจู่ๆเธอก็

    เอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นหนึ่งที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศแล้วกางออกดู ที่กระดาษแผ่นนั้น

    มีรูปลูกหมาพันธ์โกลเด้นตัวอ้วนกลม ซึ่งเจ้าของกำลังตามหาอยู่ เซบินหลงรักเจ้าลูกหมานั่นเข้า

    อย่างจัง แต่สิ่งที่เธอสนใจมากกว่าคือเงินรางวัลที่เจ้าของได้ตั้งไว้ แสนวอน O_o!!  ทันทีที่เธอเห็น

    จำนวนเงิน  เธอก็ลืมเรื่องที่ทะเลาะกับดองวอนซะสนิท  เซบินรีบหันไปถามเพื่อนๆ

    “พวกเธอคิดว่างัย” เธอชูกระดาษแผ่นนั้นให้เพื่อนทั้งสองดู

    “เอ่อ..เซบิน!ฉันคิดว่าเรากำลังคุยเรื่องดองวอนกันอยู่นะ” มินอาขัดขึ้น

    “ฉันไม่สนเรื่องของหมอนั่นแล้วล่ะ” เธอหัวเราะเบาๆ ตอนนี้ความสนใจของเธอคือเงิน  เงินที่จา

    มารถช่วยประทังชีวิตครอบครัวเธอได้ เพื่อนทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน

    “งั้นหลังเลิกเรียน เราช่วยกันหา แล้วเอาไปคืนเจ้าของ เงินรางวัลนั่นก็เอามาแบ่งกัน ตกลงมั้ย” เซ

    บินสรุป เธอไม่ลืมที่จะนึกถึงเพื่อน แต่เรื่องหาลูกหมาเนี่ยไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ

    โบมีและมินอารู้ดีว่าคงขัดเธอไม่ได้จึงพยักหน้าตกลง


    ที่ห้องอาหารซึงมกกำลังเดินเก้ๆกังๆอยู่ข้างเด็กหนุ่มร่างสูงที่เดินอย่างสง่าผ่าเผย เขารับอาสาจะถือ

    ชามบะหมี่ให้ดองวอน  ในมือจึงมีชามบะหมี่อยู่สองชาม  ใครๆก็รู้ว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ  ชาม

    บะหมี่ที่แสนร้อนไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะถือ  แต่ซึงมกก็อดทนจนมาถึงโต๊ะที่พวกเขาจองไว้แล้ว ทั้งสอง

    ลงมือกินกันด้วยความหิว

    “อร่อยใช่มั้ยครับ  ถ้ามาช้ากว่านี้คงอดแน่” เขาพูดขณะที่มีบะหมี่อยู่เต็มปาก ทำให้เขาสำลักทันทีที่

    พูดจบ

    “ก็ดี” ดองวอนกลั้นหัวเราะเอาไว้แล้กวาดตามองไปรอบๆห้องโถงใหญ่ แล้วเขาก็เห็นพวกนักเรียน

    หญิงวิ่งตรงมาทางเขา เขารีบหันกลับมาทันทีก่อนจะเอ่ยปากพูดกับซึงมก

    “ซึงมก!! นายมีวิธีดีๆบ้างรึเปล่า”  ดองวอนเอ่ยปากถามด้วยความรีบเร่ง  เขาอยากหนีออกไปให้เร็วที่

    สุด แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็คงจะหนีไมพ้นอยู่ดี

    ซึงมกเงยหน้าจากชามบะหมี่อีกครั้งแล้วขยับแว่นก่อนจะหันไปทางที่ดองวอนจ้องอยู่ เขาเกือบจะ

    สำลักอีกรอบแต่ก็ตั้งสติไว้ได้  เขารีบค้นของในกระเป๋าแล้วหยิบแว่นกันแดดมาหนึ่งอันพร้อมกับ

    หมวกและวิกผมทรงแอฟโฟร

    “ใช้นี่ครับ...แล้วรีบเผ่น!” เขาโยนแว่นพร้อมหมวกให้  ดองวอนทำหน้าลังเลก่อนจะสวมมัน  เขาไม่

    เข้าใจเลยว่าทำไมซึงมกต้องเลือกใส่หัวแอฟโฟรด้วย  มันยิ่งทำให้ดูเด่นยิ่งกว่าเก่าซะอีก  แผนพลาง

    ตัวอาจจะล้มเหลวขึ้นมาก็ได้  เขาครุ่นคิด

    ดองวอนออกวิ่งโดยมีซึงมกวิ่งตามมาติดๆ เสียงกรี๊ดกร๊าดพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ย่ำไปบนพื้นยังคงดัง

    ตามมาเรื่อยๆ  ให้ตายเหอะ!!  เขาควรจะไปเรียนโรงเรียนชายล้วนซะดีกว่า

    “น่าอายชะมัด” เขาพูดขึ้นมาขณะที่รีบเร่งฝีเท้า ทั้งชีวิตที่เกิดมาเขาไม่เคยต้องมาวิ่งหนีผู้หญิงแบบนี้

    เลย เขาหันหลังไปมองซึงมกที่หอบจนวิ่งไม่ไหวแล้ว  พวกผู้หญิงวิ่งกรูกันเข้ามา ดองวอนหลับตา

    แน่น แต่แล้วเสียงกรี๊ดกร๊าดก็ผ่านไป โดยไม่มีใครสัมผัสตัวเขาเลย  ดองวอนลืมตาขึ้นดูและเห็นภาพ

    ที่อยู่เบื้องหน้า

    ชายร่างสูงหน้าตาเจ้าเล่ห์ถูกห้อมล้อมด้วยนักเรียนหญิง  การพลางตัวของเขาได้ผลแต่คนที่ต้องรับ

    เคราะห์แทนก็คือดองเฮ    หนุ่มเจ้าเล่ห์ทำตัวไม่ถูก  เขาอยากจะใช้กำลังกับพวกผู้หญิงซะเหลือเกิน 

    แต่ก็รู้ว่ามันคงไม่ดีแน่ เขาจึงยิ้มให้พวกสาวๆ ทำให้พวกเธอละลายไปตามๆกัน  แล้วสายตาของเขา

    ก็เหลือบมาเห็นดองวอน เขารีบสั่งให้ลูกน้องกันพวกผู้หญิงไว้  แล้วดองเฮก็พาตัวเองออกมาจากวง

    ล้อมจนได้  เขาเดินมาทางดองวอนแล้วพูดขึ้น

    “เรามีเรื่องต้องคุยกัน”  

    ดองวอนถอดหมวกกับแว่นออกแล้วจ้องกลับ

    ซึงมกมองดูทั้งสองคนด้วยสีหน้างุนงง  เขาเกือบจะแยกไม่ออกว่าใครคือดองวอน ใครคือดองเฮ

    ชายร่างสูงสองคนออกเดินไปพร้อมกัน โดยมีซึงมกตามไปติดๆ


    “นายต้องการอะไร” ดองวอนถามขึ้น  เมื่อทั้งสามมาถึงมุมสงบในห้องสมุด พวกเขาแน่ใจว่าในนี้คง

    จะปลอดภัยกว่าข้างนอกแน่

    “เปล่า.....ว่าแต่” เขาเอามือจับคางแล้วทำหน้ามีลับลมคมใน “นายรู้จักเซบินใช่มั้ย” เขาถามขึ้นในที่

    สุดแต่ไม่ยอมสบตาดองวอน

    “รู้สิ...ยัยตัวแสบนั่น” ดองวอนพูดขึ้นพลางขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมดองเฮต้องเอ่ยชื่อยัยนั่น

    ด้วย

    “ฉันขอนะ” ดองเฮพูดพลางแสยะยิ้ม

    “นายพูดเรื่องอะไรของนาย”  เขาไม่เข้าใจน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เมื่อครู่  ดองเฮจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร  

    ถ้าดองเฮชอบยัยตัวแสบนั่นจริงก็ไม่จำเป็นต้องมาขอเขาเลย  เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขา  เซบินออก

    จะเกลียดเขาจนออกนอกหน้าซะด้วยซ้ำ

    “ฉันรู้น่า...ว่านายน่ะสนใจยัยนั่น  ไม่งั้นนายคงไม่ไปนั่งข้างผู้หญิงหรอก”

    ดองเฮจ้องหน้าดองวอนเหมือนจะจับผิด  แต่ดองวอนไม่สะทกสะท้านสายตาเขานิ่งเหมือนผืนน้ำที่
    สงบ

    เขาครุ่นคิดในใจ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองที่ทำให้ดองเฮอยากเข้าไปตีสนิทกับเซบิน   เหตุผลที่เขานั่งข้าง

    เธอนั้นมันมีแค่คำตอบเดียว นั่นคือความบังเอิญ  ถ้าเซบินไม่ท้าทายเขาก่อน เขาก็คงไม่คิดจะไปนั่ง

    ตรงนั้นแน่นอน

    “งั้นเหรอ...แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ให้ล่ะ”

    แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปแค่ต้องการยั่วโมโหดองเฮ  แต่เขาก็ไม่อยากให้ดองเฮยุ่งกับเซบิน  เขา

    ไม่ต้องการให้คนที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเดือดร้อนกับความขัดแย้งระหว่างพวกเขา  ชั่วขณะหนึ่งดองวอน

    รู้สึกเป็นห่วงเซบินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว  ดวงตาสีนิลฉายแววสับสน

    “ฉันจะแย่งทุกอย่างมาจากนายให้ได้...ดองวอน!!” ดองเฮพูดใส่หน้าดองวอนก่อนจะเดินผละออกไป

    “ฉันจะคอยดู...แล้วอีกอย่าง...นายก็ไม่ควรมาพบฉันด้วยซ้ำ  นายก็รู้นี่”

    ดองวอนพูดขึ้น ถึงแม้จะไม่ค่อยมีใครรู้สถานะของเขากับดองเฮ ซึ่งเป็นน้องชายต่างแม่และเป็น

    ทายาทอันดับสองมากนัก  แต่เรื่องการพบกันแบบนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆหากมีใครรู้  เขาไม่เคย

    ญาติดีกับน้องชายเพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาเผลอเมื่อไหร่ดองเฮก็จะแย่งทุกอย่างไปจากเขา แม้แต่

    ตำแหน่งทายาทอันดับหนึ่งของเขาด้วย

    ดองเฮชะงัก ก่อนที่จะก้าวเดินต่อโดยไม่หันมามองอีก  ซึงมกที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มปะติดปะต่อเรื่อง

    ไม่ถูก  เขารู้เพียงว่าทั้งสองมีความขัดแย้งกัน  แต่ก็ไม่เข้าใจการสนทนาเมื่อครู่เลย  ดองวอนหันมา

    เห็นซึงมกทำหน้างุนงง

    จึงพูดขึ้น

    “ไปเหอะซึงมก!!” เขาสวมแว่นและหมวกตามเดิม ก่อนจะเดินออกจากห้องสมุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×