คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : **ค้นหา สิ่งที่ซ่อนอยู่**
“ เซบิน!ฉันว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ� ป่านนี้เจ้าลูกหมานั่นคงจะหลงไปไกลแล้วล่ะ”��
โบมีพูดขึ้น� เธอแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว�� หลังจากเลิกเรียนตอนเย็นเธอและมินอาก็โดนเซบิน
ลากมาจนได้� ดูท่าเซบินจะหวังกับเจ้าลูกหมาตัวนั้นมาก� เธอยังคงหาต่อไปโดยไม่สนใจเพื่อนทั้ง
สองที่นั่งพักเหนื่อยกันแล้ว� ทั้งสองถอนหายใจและนั่งพิงหลังกันก่อนจะมองไปที่เพื่อนจอมดื้อรั้น
ของพวกเธอ�� เซบินเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง� เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างและเวลาเลย��
เธอเอาแต่ก้มลงมองตามใต้ต้นไม้บ้างแถวพงหญ้าบ้างเผื่อจะเจอเจ้าลูกหมาแต่ก็ไม่มีวี่แววของมัน
เลย� เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่พระอาทิตย์จะตกดินเต็มทีแล้วโบมีและมินอาจึงกล่าวลาเซบิน
“งั้นฉันกลับก่อนนะ� ถ้ากลับช้ากว่านี้โดนแม่ว่าแหงเลย”� โบมีพูด
“ใช่ๆ!ฉันก็เหมือนกัน� ว่าแต่เธอจะหาต่ออีกเหรอ� นี่มันจะค่ำแล้วนะ� หายังงัยก็คงไม่เจอหรอก”��
มินอาพูดหยั่งเชิง� บางทีเพื่อนจอมดื้อของเธออาจจะอยากล้มเลิกความคิดที่จะหาลูกหมาแล้วก็ได้
แต่ผิดคาด เซบินเงยหน้าแล้วพูดขึ้น
“ฉันว่าฉันใกล้จะเจอแล้วล่ะ� พวกเธอรีบกลับไปเหอะ� ฉันจะหาต่ออีกสักพัก”
เซบินจ้องเพื่อนทั้งสองก่อนจะยิ้มให้� โบมีและมินอามองหน้ากันแล้วก็เดินจากไปท่ามกลางแสงสี
แดงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะหายลับจากขอบฟ้า� และเมื่อความมืดเข้ามาปกคลุมบริเวณโดย
รอบ� เซบินก็เดินตรงไปนั่งพักที่ม้านั่ง� แสงไฟจากเสาต้นสูงทำให้บริเวณนั้นสว่างขึ้น� เธอนั่งลง
พร้อมกับกระชับเสื้อให้แน่นเนื่องจากอากาศหนาวขึ้นทุกขณะ
“เจ้าหมาน้อย� แกไปหลบอยู่ที่ไหนเนี่ย� ออกมาเหอะฉันเหนื่อยแล้วนะ”� เธอหันไปมองรอบๆตัวอีก
ครั้ง� ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าการหาสิ่งที่ได้หายไปแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย� เจ้าลูกหมาตัวน้อยคงจะ
ผอมโซหรือไม่ก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้� เธอไม่ลืมที่จะนึกถึงความเป็นไปได้นี้�
“แล้วนี่ฉันมาทำบ้าอะไรเนี่ย”� เธอยกมือขึ้นกุมหัว� แต่แล้วจู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากหลังตึก
เรียนซึ่งเป็นตึกที่เธอเรียนอยู่นั่นเอง� เซบินจำได้ว่าข้างหลังนั้นเป็นกองขยะรีไซเคิล� ความหวัง
กลับมาอีกครั้ง� คราวนี้อาจจะเป็นเจ้าลูกหมาตัวนั้นก็ได้� เธอรีบวิ่งออกไปแล้วค่อยๆย่องเมื่อใกล้จะ
ถึงที่หมาย� และแล้วเธอก็ยิ้มออกมา� ตรงหน้าเธอนั้นมีลูกหมาพันธ์โกลเด้นท์ตัวผอมกำลังทำจมูก
ฟุดฟิดอยู่บนกองกระป๋องน้ำอัดลมที่กองสูงถึงระดับเอวเธอ
“ฉันจะพาแกไปคืนเจ้าของนะ” เซบินพูดเสียงแผ่วเบาก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกหมา� แต่ก่อนที่เธอ
จะไปถึงตัวมันกระดาษสีน้ำตาลแผ่นหนาก็หล่นลงมาบนหัวเธอ� ทำให้เธอเสียหลักล้มลงไปในกอง
ขยะรีไซเคิล
โครม!!กองขยะทั้งกองล้มระเนระนาดและที่สำคัญที่สุดเจ้าลูกหมาได้หนีหายไปอีกแล้ว
“เดี๋ยวสิ� กลับมานี่ก่อน”� เธอได้แต่ตะโกนไล่หลังมันไปด้วยความหมดหวังก่อนจะพยุงตัวเองขึ้น��
ตอนนี้ความโกรธและความสงสัยกำลังวิ่งวนอยู่ในหัว� ‘ใครทำแบบนี้กันนะ� อย่าให้เจอล่ะ� ฉันจะ
เอาคืนจนไม่กล้าเจ๋อเลย’� เซบินรีบปัดฝุ่นตามแขนเสื้อ� แล้วจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าใครบางคนวิ่งตรงมา
ทางเธอ
“ฉันนึกว่าไม่มีคนอยู่ซะอีก� เธอจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ว่ามาเลย”� นักเรียนชายที่พูดจา
เหมือนทำธุรกิจนี่เป็นใครกันนะเซบินได้แต่สงสัยเพราะมันมืดจนมองไม่เห็นหน้าคนคนนั้น
“เฮอะ! ค่าเสียหายอะไรกัน� นายทำคนอื่นเจ็บแล้วไม่คิดจะขอโทษสักคำรึงัย”� เซบินตอกกลับ
“ทำไมฉันจะต้องขอโทษด้วย� มันเป็นความโชคร้ายของเธอต่างหากที่ไปยืนตรงนั้นน่ะ”� เขาเถียง
กลับ�
�เซบินเพิ่งสังเกตเห็นว่าในมือเขามีสมุดเล่มนึงอยู่� เธอเริ่มคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้� ‘ ผู้ชายเส็งเคร็งคน
นี้เป็นใครกันแน่นะ�� ทำไมเสียงคุ้นมากเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน’��� แต่ถึงคนคนนั้นจะเป็นใคร
เธอก็ไม่สนแล้วล่ะ� เพราะตอนนี้เธอเริ่มโกรธ� เขามีสิทธิ์อะไรมาทำให้เธอต้องเจ็บตัว� แถมยังทำ
ให้เงินแสนวอนหลุดลอยไปอีก
“งั้นเหรอ..ตกลงนายจะไม่ขอโทษใช่มั้ย”เซบินจ้องหน้าเขาในความมืด
“ใช่! แล้วจะทำไม”� เขาตอบกลับโดยไม่ใส่ใจเลยว่าคนที่ฟังจะโกรธสักแค่ไหน� เซบินพยายามควบ
คุมความโกรธไว้� แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้แล้ว� เธอรีบตรงไปคว้าสมุดของคนที่อยู่ตรงหน้า� แล้วรีบ
วิ่งหนีไป�� เรียบร้อยแผนการที่เธอวางไว้เมื่อครู่สำเร็จ� ตอนนี้เธอกำลังคิดว่าจะทำยังงัยกับสมุดเล่ม
นี้ดี� แต่ดูท่ามันคงจะสำคัญมาก� เพราะคนที่โดนแย่งไปกำลังวิ่งตามมา
“ถ้าอยากได้คืนก็ตามฉันไปที่โรงพักละกัน� ฉันจะได้ฟ้องเรื่องที่นายทำร้ายร่างกายด้วย”� เธอ
ตะโกนขณะที่กำลังวิ่ง� นักเรียนชายคนนั้นไม่ยอมอยู่เฉย ยิ่งเขาได้ยินที่เธอพูดเมื่อครู่เขาก็รีบเร่ง
ฝีเท้าขึ้นอีก� ตอนนี้เขาตามเธอมาติดๆแล้ว� และเนื่องจากเซบินเกิดเหนื่อยขึ้นมาทำให้เขาวิ่งทัน
และดักหน้าเธอไว้ได้
“เธอคิดจะทำอะไร� คืนสมุดนั่นมาให้ฉัน� แล้วฉันจะจ่ายเงินให้� เรื่องจะได้จบๆ”� เขาพูดเสีบงเรียบ��
ไอเย็นออกมาจากปากนักเรียนชายคนนั้นไม่หยุด� นี่เขามาทำบ้าอะไรกับยัยจอมซ่านี่� เธอทำให้
เขาต้องเสียเวลาวิ่งไล่กวดเธอเกือบทั่วโรงเรียน� เขาสูดหายใจอีกครั้งก่อนจะมองหน้าเซบิน�� ตอน
นี้พวกเขาทั้งสองอยู่ในที่ที่สว่างพอจะเห็นหน้ากันแล้ว�� เมื่อพวกเขาเห็นหน้ากันชัดๆต่างฝ่ายต่าง
พากันอึ้ง�
“นะ..นายเองเหรอ”เธอขมวดคิ้วถาม
“เฮอะ! ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้เนี่ย”� เขาสบถออกมา� ใช่แล้วละ� นักเรียนชายคนนั้นคือดองวอน��
ผู้ชายที่เพอเฟ็กต์ไปซะทุกอย่าง� แต่เซบินไม่คิดอย่างนั้นแน่
“นายมันเป็นผู้ชายที่นิสัยแย่ที่สุดเลยรู้มั้ย”� เซบินเริ่มหาเรื่องเขาบ้าง
“คนอย่างเธอดีนักนี่� เธอทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ตัวซะบ้างนะ� ทำร้ายร่างกายฉันแล้วยังทำให้ฉันไม่พอ
ใจเอามากๆแบบนี้� คิดดีแล้วเหรอ”� เขาพูดเชิงขู่� แต่แววตาของคนที่ฟังกลับไม่สะทกสะท้านเลย
สักนิด
“นายจะทำอะไรล่ะ� จะยึดบ้านยึดที่ดิน� หรือไล่ฉันออกจากโรงเรียนเหรอ� ก็เอาเลยสิ� ฉันไม่กลัว
หรอก”� เซบินจ้องหน้าเขากลับ� ดองวอนก็จ้องเธอเช่นกันก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
“ช่างเหอะ� ถือซะว่าเราหายกัน� ฉันไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอหรอกนะ” เมื่อดองวอนพูด
จบเขาก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน
“ซองจู� มารับฉันเดี๋ยวนี้� ธุระที่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ”� เขายัดมือถือลงไปในกระเป๋าเสื้อ
ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าสมุดจากมือเซบิน�� เธอยอมปล่อยแต่โดยดีแต่ก็ไม่ลืมที่จะแขวะเขากลับ
“นายคิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆแค่นี้เหรอ� นายทำให้ลูกหมาที่ฉันเสียเวลาเกือบครึ่งวันตามหาหาย
ไป� นายรู้รึเปล่า”
“มันก็แค่ลูกหมาตัวเดียว� เธอจะซื้อมาเลี้ยงซักกี่ตัวก็ได้นี่� หรือว่าเธอไม่มีเงิน� งั้น..รับนี่ไป”� ดอง
วอนยื่นแบงค์ 2-3ใบให้เซบิน� ถึงมันจะเป็นเงินที่เธอสมควรได้รับจากคามรับผิดชอบของดองวอน
แต่เธอก็มีศักดิ์ศรีพอ� เซบินไม่รับมันเพราะนั่นถือเป็นการดูถูกเธอ� เซบินรับแบงค์มาแล้วโยนทิ้งต่อ
หน้าต่อตาเขา� ก่อนจะเชิดหน้าใส่
“นายประเมินฉันต่ำไป� ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน”� เธอทำตาขวางใส่เขา� ดองวอนเห็นท่าทีที่เธอทำ
เมื่อครู่� เขาก็รู้สึกเหนื่อยใจ� อะไรของยัยนี่เนี่ย� เขาเดาใจเธอไม่ออกเลยจริงๆ� การที่เขาอุตส่าห์
แสดงความรับผิดชอบด้วยการให้เงินมันผิดตรงไหน� ทำไมเธอถึงไม่พอใจอีกล่ะ�� เขาหลับตา
พลางถอนหายใจ� ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“ใช่..เชื่อเขาเลย” เขาหันหลังให้เธอแล้วเดินออกมาหน้าโรงเรียน ซึ่งตอนนี้มีรถลีมูซีนคันงาม
จอดรออยู่
“นี่นาย��� ฉันจะเอาคืนให้ได้เลยคอยดู”� เซบินที่ไม่ยอมลดละวิ่งตามเขามา� เธอไม่รู้หรอกว่าต้อง
เอาคืนยังงัย� แต่เธอแค่อยากพูดขู่ไว้เพื่อไม่ให้ดองวอนคิดว่าเธอเป็นคนขี้แพ้
ดองวอนหัวเราะก่อนจะหันมาพูดต่อ
“ ก็เอาสิ!”� เขาทำหน้ายียวนให้เซบินก่อนจะขยี้ผมเธอหนึ่งทีแล้วก้าวขึ้นรถ� เซบินได้แต่ทำท่า
กระฟัดกระเฟียดเพราะตอนนี้เธอโต้ตอบอะไรเขาไม่ได้แล้ว
“ มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับคุณชาย”ซองจูคนขับรถพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางหัวเสียของเซบินที่ยืนอยู่
นอกรถ
“ไม่มีอะไร� ออกรถเถอะ”เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะหันไปมองอีกด้านซึ่งมีแต่ความมืด
และแล้วรถลีมูซีนก็เคลื่อนตัวออกไป� ทิ้งให้เซบินยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว� เธอเริ่มได้กลิ่นตุๆ
จากเสื้อผ้าจึงตัดสินใจกลับบ้าน� แต่ก่อนที่เซบินจะก้าวออกไปนั้น� เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ที่ขา
ของเธอ� บางอย่างที่เย็นๆนิ่มๆมันคืออะไรกันแน่� เธอก้มลงมองดู� แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เธออดยิ้ม
ออกมาไม่ได้�� เจ้าลูกหมานั่นเองมันกำลังทำจมูกฟุดฟิดแล้วเลียที่ขาเธอ� มันคงจะตามกลิ่นจาก
เสื้อผ้าของเธอมา
“ไม่เอาน่า..จั๊กจี้”� เธออุ้มเจ้าลูกหมาขึ้นมาแล้วพามันกลับบ้านไปด้วย� ถึงจะโชคร้ายมาทั้งวัน��
อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง� เจ้าลูกหมาเป็นตัวนำโชคให้เธอ� เธอกอด
มันแน่นกว่าเก่าเพราะอากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันคงถักเสื้อหนาวไม่ทันแน่เลย� งั้นฉันกอดแกไว้กันหนาวแล้วกัน”เซบินกระซิบกับลูกหมา
วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว� แถมยังหิวจนแสบท้อง�� เมื่อมาถึงบ้านเธอรีบถอดรองเท้าแล้ววิ่งเข้า
ไป� ฮีตเตอร์เครื่องเก่ากำลังทำงานอยู่จึงทำให้ภายในบ้านอุ่น� มันเป็นของชิ้นสุดท้ายที่พ่อของเธอ
ออกเงินซื้อให้เพื่อแสดงความมีน้ำใจก่อนที่จะทิ้งครอบครัวไป� เซบินไม่คิดจะขอบคุณเขาหรอก��
เพราะอะไรพ่อถึงไม่อยู่กับพวกเธอ� ทำไมจะต้องเห็นคนอื่นดีกว่าครอบครัว� คิดแล้วเซบินก็อดน้อย
ใจไม่ได้� เธอเดินตรงมานั่งที่เบาะรองนั่ง� จินจูและยูชุนกำลังดูทีวีกันอย่างสบายใจ แม่เห็นเธอเพิ่ง
กลับจึงถามขึ้น
“ทำไมเพิ่งกลับล่ะ� รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วง”
“หนูหาเจ้านี่อยู่น่ะค่ะ”�� เธออุ้มลูกหมาโกลเด้นท์สีน้ำตาลที่ผอมโซให้แม่ดู
“ลูกจะทำอะไร� มันคงอยู่กับเราไม่ได้หรอก� ลูกก็รู้”
“หนูไม่เลี้ยงมันหรอกค่ะ� แค่จะให้มันอยู่ที่นี่สักพัก� แล้วค่อยเอาไปคืนเจ้าของ� ได้เงินรางวัลตั้ง
แสนวอนเชียวนะแม่” เซบินพูดให้แม่หายกังวล� เธอตั้งใจไว้ตามที่พูดจริงๆ� แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามัน
อาจจะเกิดเรื่องยุ่งขึ้นอีกก็ได้� ส่วนจินจูและยูชุนเมื่อได้ยินจำนวนเงินที่พี่สาวเอ่ยเมื่อครู่ก็ทำตาโต
กันยกใหญ่� แม่เอาแต่ยิ้มกับการกระทำอันบ้าบิ่นของเธอ
“ดูท่าทางมันจะหิวนะ� เดี๋ยวแม่ไปหาข้าวให้มันดีกว่า� ลูกก็มากินสิ� เย็นหมดแล้วเนี่ย”� แม่ยกข้าว
และซุปมาให้เซบิน� เธอยิ้มแล้วรับมา� ไม่กี่นาทีมันก็หมดเกลี้ยง� เจ้าลูกหมาที่ตอนนี้กินอิ่มแล้ว
กำลังวิ่งเล่นอยู่กับยูชุน� ท่าทางคงจะถูกชะตากันมาก� ยูชุนอุ้มเจ้าลูกหมาขึ้นมาแล้วหันไปถามเซ
บิน
“ผมว่ามันผอมไปหน่อยนะ� พี่จะเลี้ยงมันไหวเหรอ”� เขาเอามือไปเกาท้องมันทำให้มันหลับตาพริ้ม
“อืม
แน่นอน� แค่ไม่กี่วันเอง� ก็รอจนกว่าจะเจอเจ้าของล่ะนะ”เซบินมองลูกหมา
“แล้วพี่จะตั้งชื่อมันว่าอะไรล่ะ”จินจูถามขึ้น
“นั่นสินะ”� เซบินทำท่าครุ่นคิด� “ งั้นให้มันชื่อปีเตอร์แล้วกัน”� เธอพูดอย่างช่วยไม่ได้�� ชื่ออังกฤษที่
เธอชอบก็คงมีแต่ชื่อนี้ล่ะ
“เจ้าปีเตอร์”� จินจูและยูชุนพูดขึ้นพร้อมกัน� ดูเหมือนเจ้าลูกหมาจะรู้ชื่อใหม่� มันจึงเห่าตอบรับ� ทุก
คนพากันหัวเราะ
เซบินเพิ่งจะนึกได้ว่าเธอยังถักเสื้อกันหนาวไม่เสร็จทำให้เธอต้องรีบเข้าห้องเพื่อไปถักต่อ� เสื้อ
หนาวตัวเก่าก็เล็กเกินไปที่จะใส่แล้วและถ้าจะซื้อใหม่ก็คงต้องใช้เงินพอสมควร� เธอจึงตัดสินใจถัก
เอง� และเมื่อถักไปได้1ใน2 ส่วน� ตาที่กำลังจะปิดก็ทำให้เธอต้องหยุดถักแล้วปิดไฟเข้านอน� แต่
เมื่อเอาเข้าจริง� เธอก็ไม่สามารถหลับตาลงได้เพราะหน้าใครบางคนกำลังลอยอยู่ในหัว�
“นายเฮงซวยดองวอน”� เธอพูดขึ้นแล้วพลิกตัวหันไปอีกด้าน� เซบินนึกสงสัยเรื่องที่ดองวอนไปที่
โรงเรียนในเวลานั้น� แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากก่อนจะพล็อยหลับไป
จริงๆแล้วดองวอนลืมสมุดไว้บนห้องทำให้เขาต้องกลับมาเอา� ถ้ามันไม่สำคัญล่ะก็� เขาคงจะไม่รีบ
ร้อนถึงขนาดนี้แต่สมุดเล่มนั้นเป็นสมุดจดตารางงานของเขา� ถ้าไม่มีมันเขาคงจะทำอะไรไม่ถูก���
ดองวอนตรงไปที่โต๊ะของเขาแล้วหยิบมันขึ้นมา� แต่แล้วตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษเจ้าปัญหาที่เซ
บินเอามา� ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด� ดองวอนจึงโยนมันออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะก้าวออกจาก
ห้อง� ทันทีที่กระดาษหล่นลงไปก็มีเสียงดังเกิดขึ้น� เขาจึงตัดสินใจไปดูให้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น
กันแน่� และแล้วก็เจอยัยตัวแสบอีกจนได้
ทางด้านดองวอน หลังจากที่เขาออกมาจากโรงเรียนเขาก็ต้องรีบไปงานปาร์ตี้ที่เพื่อนๆจัดขึ้นเพื่อ
เป็นการฉลองให้กับการใช้ชีวิตในโรงเรียนใหม่ของเขา� ทันทีที่ดองวอนก้าวเข้าไปในงาน� ดงฮวา
และชีฮูก็รีบตรงเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา� ทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก� ดงฮวาและชีฮู
เป็นลูกของประธานบริษัทซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของดองวอน
“งัยเพื่อน..ไม่เจอกันซะนาน”� ดงฮวาแตะมือเพื่อนเบาๆเพื่อเป็นการทักทาย� ก่อนที่ทั้งสามคนจะ
กอดกันกลม� ต่างคนต่างหัวเราและยิ้มให้กัน��
“ก็ดีว่ะ
แล้วนายล่ะชีฮู”� ดองวอนหันไปถามเพื่อนอีกคน
“ก็ดี..ว่าแต่นายมีแฟนกับเขาบ้างรึยังวะ� รู้ป่าวพวกเรารอลุ้นกันอยู่นะเว้ย”� ชีฮูทำตากรุ้มกริ่มใส่
เพื่อน
“นายจะบ้ารึงัย� แล้วพวกนายสองคนล่ะมีแล้วเหรอ” ดองวอนล้อเพื่อนจอมแสบกลับ� แต่ผิดคาด��
เพราะทั้งสองคนนั้นมีแฟนแล้วจริงๆเป็นสาวสวยซะด้วย� ดงฮวาและชีฮูรีบพาแฟนสาวมาแนะนำให้
ดองวอนรู้จัก
“นี่..มีซุนแฟนฉัน”ดงฮวาพูดพลางโอบไหล่แฟน� มีซุนยิ้มให้ดองวอน� เธออดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม
คนหน้าตาดีอย่างเขาถึงยังไม่มีแฟน
“และนี่� ดานิ� แฟนฉัน”� ชีฮูแนะนำและพยายามจะเอามือไปโอบไหล่แฟนเหมือนดงฮวา� แต่ดูท่า
แฟนเขาจะไม่ยอม�� เธอรีบปัดมือชีฮูออกแล้วกระแทกเท้าเดินออกไป สงสัยคู่นี้คงจะต้องง้อกัน
บ่อยแน่ๆ� ชีฮูได้แต่ยืนเกาหัวทำอะไรไม่ถูกแต่เขาก็ไม่ได้วิ่งตามแฟนสาวไปแต่อย่างใด��� ในที่สุด
ดองวอนก็ตัดสินใจแยกตัวออกมา� แต่เพื่อนทั้งสองไม่ยอมง่ายๆจึงวิ่งตามมาด้วย
“นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า”� ดงฮวาถามขึ้น
“เปล่า..ฉันมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”� เขาพูดเสียงเรียบ
“เรื่องผู้หญิงป่าววะ� ฉันช่วยได้นะ� นายไม่มีคนที่ถูกใจบ้างเลยเหรอ” ชีฮูพูดเสริม� เขาพยายามคาด
คั้นความจริงจากดองวอน
“ไม่มีหรอก”� ดองวอนปฏิเสธทันที� ดงฮวาและชีฮูจึงมองหน้ากัน� พวกเขาเคยได้ยินดองเฮบอกว่า
ดองวอนชอบผู้หญิงคนนึง� ชื่ออะไรน้า
..ทั้งสองใช้ความคิด�� แล้วดงฮวาก็เอ่ยขึ้น
“เซบิน!!”��
ดองวอนชะงักเมื่อได้ยินที่เพื่อนพูด
“พวกนายพูดอะไรกัน” เขาถามหน้าตาย
“อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะเว้ย”ชีฮูจ้องหน้าเขา
“นี่เป็นฝีมือดองเฮอีกใช่มั้ย� หมอนั่นปากสว่างจริงๆ”� เขาเริ่มอารมณ์เสีย
“ไม่เอาน่าเพื่อน� พวกเราแค่อยากเห็นนายมีแฟนกับเขาสักที� นายจะได้เปลี่ยนนิสัยแย่ๆซะบ้าง”��
ดงฮวาพูดทีเล่นทีจริง������� ดองวอนเพียงแค่ต่อยเบาๆใส่เพื่อนทั้งสองที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง� แต่เขาก็ยัง
อดกังวลไม่ได้� ท่าทางเรื่องจะไปกันใหญ่แล้ว�� ดองเฮนายคิดจะทำอะไรกันแน่� ถ้าพวกผู้ใหญ่รู้คง
ต้องรีบกุลีกุจอจัดงานหมั้นให้เขาเป็นแน่� เพราะใครๆก็รู้ว่าคนอย่างเขาไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนมา
ก่อน และมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย
“ยัยตัวแสบนั่นน่ะเหรอ� ฉันคงชอบไม่ลงหรอก” เขาพึมพำกับตัวเอง�� ดงฮวาและชีฮูขำกับท่าทาง
ของดองวอน� เขาคิดมากเกินไปแล้ว
“ถ้าชอบก็รีบๆเข้าล่ะ� เดี๋ยวมีใครคว้าไปซะก่อนแล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”ชีฮูพูดก่อนจะเอ่ยชวน
เพื่อนๆไปหาเครื่องดื่มในงานกัน
พวกหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกับดองวอนยืนคุยกันบ้างหัวเราะกันบ้างอย่างสนุกสนาน� ถึงงานนี้จะ
ไม่สำคัญอะไรมาก� แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นงานของทายาทอันดับหนึ่งของบริษัทแล้ว� ผู้คนมักจะให้ความ
สนใจกันเป็นพิเศษ� โดยเฉพาะพวกปาปารัซซี่ที่จ้องจะจับผิดเขาไปซะทุกที่� เพียงเพื่อหวังจะเอา
เรื่องแย่ๆของเขาไปเผยแพร่ให้สาธารณะชนรู้� แต่ดองวอนก็ยังไม่เคยพลาดสักครั้ง�� แต่ใครบางคน
แอบหวังให้ดองวอนพลาดท่าและกำลังวางแผนเล่นงานเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ที่มุมหนึ่งของห้องโถงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้นั้น� ดองเฮกำลังจับตามองดองวอนอยู่เงียบๆ
พร้อมกับผู้ติดตามอีกสองสามคน� ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่
กว่างานจะเลิกก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว� เมื่อดองวอนกลับถึงบ้านเขาก็รีบขึ้นบันไดตรงไปยังห้อง
นอนทันที� เขาทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความง่วงและเหนื่อย�� หน้าของใครบางคนผุดขึ้นมาในความ
คิด
“ฉันคงไม่ได้ชอบเธอหรอกนะ� ยัยตัวแสบ”� เขาชักไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองซะแล้ว
ความคิดเห็น