ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จุดหักเหของผู้เขียนและคณิตศาสตร์
................[1]"คณิตศาสตร์" ศาสตร์ที่เปรียบเหมือนรากฐานของศาสตร์ทุกๆแขนง เพราะไม่ว่าจะเป็นศาสตร์แขนงใดล้วนต้องอ้างอิงกระบวนการทางคณิตศาสตร์ทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในบางมุมมองของใครหลายๆคน คณิตศาสตร์อาจเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป(ทำให้มองไม่เห็นความสำคัญ) หรือไม่ก็ ใกล้ตัวเกินไป(ทำให้มองไม่เห็นความสำคัญอีกเช่นกัน) จากมุมมองที่ว่านี้ทำให้พวกเราต้องยอมรับว่า การมองข้ามยังผลให้คณิตศาสตร์ถูกละเลยทางจิตวิญญาณไม่เหมือนกับศาสตร์ใกล้เคียงอื่นๆ(เช่น ฟิสิกส์ เป็นต้น) และจากจุดนี้เอง ทำให้คณิตศาสตร์เป็นเหมือนสิ่งเลวร้ายในชีวิตของใครหลายๆคน ด้วยสาเหตุที่คนเหล่านั้นไม่เคยสัมผัสจิตวิญญาณแห่งคณิตศาสตร์ ที่อยู่เหนือจากการคำนวณให้ได้คำตอบ
.................ตอนผมยังเป็นนักเรียนประถมอยู่ วิชา"คณิตศาสตร์"กับ ผม เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามมากๆ ตัวผมเองมีอคติกับวิชานี้มาโดยตลอด ผมทำคะแนนในระดับชั้น"ย่ำแย่" รั้งท้ายตลอดสำหรับวิชาคณิตศาสตร์ จากสาเหตุที่ผมทำไม่ได้สักทีอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเกลียดมันทีละน้อยทีละน้อย ผมสั่งสมความเกลียดในวิชานี้(ควบคู่กับคะแนนเลขที่น่าเกลียด)ตลอดมา จนกระทั่ง ผมเรียนชั้น ม.3 ความเกลียดในคณิตศาสตร์ก็ค่อยๆจางหายไป เพราะฝีมือการสอนของอาจารย์ผู้หนึ่ง ลีลาการอธิบายของท่านประทับใจผมเป็นอย่างมาก สำหรับเพื่อนร่วมชั้นที่เรียนเก่ง(เรียนกวดวิชา)หลายๆคนไม่ค่อยชอบท่าน บ้างว่า"ท่านสอนไม่รู้เรื่องบ้าง" บ้างก็ว่า"ท่านสอนนอกเรื่องบ้าง" แต่ผมเองคนไม่ชอบคณิตศาสตร์ กลับ ชอบคณิตศาสตร์ได้เพราะท่าน ผมขออนุญาตยกตัวอย่างแนวความคิดบางตอนที่ท่านสอนผมตอนเรียน(ปริมาตรและรูปทรง) ตอนหนึ่งความว่า
"..............ถ้าดูทรงกระบอกดีดี แล้ว มันคือ วงกลม สองวง กับ สี่เหลี่ยมผืนผ้า หนึ่ง วง เราอาจจะหาพื้นที่ของมันได้จาก การเอาพื้นที่วงกลมคูณสอง บวกกับพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่หาได้จากกว้าง คูณ ยาว ง่ายๆ.........."
.................อ่านดูตรงนี้ มันก็ดูง่ายๆดีนะครับ ไม่มีความเป็นพิเศษอะไรเลย เพราะอาจารย์บางท่านก็สอนให้นักเรียนรู้จัก[2]พับกระดาษเป็นรูปทรงนู้นรูปทรงนี้ หรือ ไม่บางท่านก็กรุณาแจกแจงรูปแบบทำนองนี้ให้ดูยามเราไปถามเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับผมแล้วในตอนนั้น ไม่รู้เป็นยังงัย มันเหมือนเป็นการจุดประกายที่ทำให้ตัวผมเองรู้สึกว่า"เออ มันคิดแบบนี้ก็ได้เนอะ" วิธีการมันดูเรียบง่ายเหลือเกิน แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับว่า ความเกลียดคณิตฯของผมบรรเทาเบาบางลงเพราะความง่าย เปล่าเลย มันบรรเทาเบาบางลงเพราะ ความเป็นอิสระการมุมมองการคิดต่างหาก และตั้งแต่นั้น ผมก็ตั้งใจเรียนคณิตศาสตร์กับอาจาจารย์ท่านนี้มากขึ้น ทั้งยังตีซี้กับท่าน อาจารย์ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน(มากๆๆๆ)คนหนึ่งเลยทีเดียว ออกจะเพี้ยนตามสไตล์ที่เราๆท่านๆรู้กัน แต่ท่านก็ให้ความกรุณาผมเรื่อยมา จากนั้นความเกลียดคณิตศาสตร์ก็ของผมก็เข้าใกล้ 0 และเกิด(ที่origin)ความรักคณิตศาสตร์ในท้ายที่สุด
................ความที่พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของผมอ่อนแอมาก ทำให้ผมต้องมีความพยายามมากขึ้นกว่าคนอื่นทั่วไปที่จะทำความเข้าใจในส่วนที่ยังขาดอยู่ จากจุดที่ว่านี้ผมต้องไปอ่านเพิ่มและค้นคว้าเพิ่ม ทำให้ผมได้คิดเลขมากกว่าคนอื่นด้วย(ทบทวน) โดยผมเองมักมีความสุขกับการแก้สมการหรือรูปทรงด้วยวิธีที่ผมคิดค้นเอง ตอนนั้นมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมเสียดายอยู่(เพราะลืมวิธีคิดไปแล้ว) แต่ก็ขอพูดหน่อย(ระบาย)จากความที่เป็นคนชอบคิดนอกเรื่องอะไรทำนองนี้บ่อยๆ ทำให้ผมบังเอิญประยุกต์สูตร Q = MC*delta*T ได้ ในกรณี ที่อุณหภูมิต่างกันให้เอา T1 +K อะไรประมาณนั้นล่ะมั้งครับ จากการพบอันนี้ทำผมให้หาคำตอบได้เร็วมาก เพราะสมัยนั้นเพื่อนยังนั่งแทนสูตรกันอยู่เลย(โม้ไปเจ็ดวันตอนนั้น แต่เดี๋ยวนี้ลืมไม่มีให้โม้ล่ะ)เป็นความสุขเล็กๆของคนที่ครั้งหนึ่งตกเลขเลยครับ(แม้ว่าการค้นพบจะเป็นทางวิทย์ก็เถอะ) แต่ตอนนี้มานั่งคิดๆดูแล้วไม่รู้ว่าผมในตอนนั้นมั่วหรือเปล่า เพราะผมเองพยายามประยุกต์ Q = MC*delta*T หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยได้เหมือนที่สมัยเด็กๆเคยได้(แต่ทำไม ตอนเด็กๆคิดแล้วมันทำโจทย์ได้ด้วยฟร่ะ)ก็เลยเป็นข้อกังขา ใครอยากคิดต่อก็ลองดูนะครับได้แล้วบอกด้วย
.................อ่านถึงตรงนี้หลายคน อาจจะเบื่อผมแทนเบื่อคณิตศาสตร์ไปเสียแล้ว(เอาเถอะยอมได้) แต่ที่ผมเล่ามานั้นเป็นเกร็ดเล็กๆในชีวิตที่เป็นจุดหักเห(ให้ผมเรียนวิทย์-คณิต) จากคนเกลียดคณิตฯ จนกลายเป็นไม่เกลียดคณิต บางครั้งพวกคุณน่าจะตั้งคำถามกับตัวเองนะครับ ว่าอะไรคือเหตุผลที่เราไม่ชอบคณิตศาสตร์ และเหตุผลนั้นมันสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือว่าเราจะมีทางแก้ไขอย่างไร
...................สุดท้ายนี้ ออกตัวสักนิดหนึ่งว่า ผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไรเลยทางคณิตศาสตร์ แต่ผมก็ยังไม่หยุดค้นคว้าและคิดเลข ตอนนี้ผมกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับ จำนวนเฉพาะและข้อสังเกตบางประการของมัน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจมาก(ดังที่จะกล่าวต่อๆไป) แล้วคุณล่ะสนใจมันมั่งมั้ย?ถ้าสนใจมาคุยกันครับ
.................ตอนผมยังเป็นนักเรียนประถมอยู่ วิชา"คณิตศาสตร์"กับ ผม เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามมากๆ ตัวผมเองมีอคติกับวิชานี้มาโดยตลอด ผมทำคะแนนในระดับชั้น"ย่ำแย่" รั้งท้ายตลอดสำหรับวิชาคณิตศาสตร์ จากสาเหตุที่ผมทำไม่ได้สักทีอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเกลียดมันทีละน้อยทีละน้อย ผมสั่งสมความเกลียดในวิชานี้(ควบคู่กับคะแนนเลขที่น่าเกลียด)ตลอดมา จนกระทั่ง ผมเรียนชั้น ม.3 ความเกลียดในคณิตศาสตร์ก็ค่อยๆจางหายไป เพราะฝีมือการสอนของอาจารย์ผู้หนึ่ง ลีลาการอธิบายของท่านประทับใจผมเป็นอย่างมาก สำหรับเพื่อนร่วมชั้นที่เรียนเก่ง(เรียนกวดวิชา)หลายๆคนไม่ค่อยชอบท่าน บ้างว่า"ท่านสอนไม่รู้เรื่องบ้าง" บ้างก็ว่า"ท่านสอนนอกเรื่องบ้าง" แต่ผมเองคนไม่ชอบคณิตศาสตร์ กลับ ชอบคณิตศาสตร์ได้เพราะท่าน ผมขออนุญาตยกตัวอย่างแนวความคิดบางตอนที่ท่านสอนผมตอนเรียน(ปริมาตรและรูปทรง) ตอนหนึ่งความว่า
"..............ถ้าดูทรงกระบอกดีดี แล้ว มันคือ วงกลม สองวง กับ สี่เหลี่ยมผืนผ้า หนึ่ง วง เราอาจจะหาพื้นที่ของมันได้จาก การเอาพื้นที่วงกลมคูณสอง บวกกับพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่หาได้จากกว้าง คูณ ยาว ง่ายๆ.........."
.................อ่านดูตรงนี้ มันก็ดูง่ายๆดีนะครับ ไม่มีความเป็นพิเศษอะไรเลย เพราะอาจารย์บางท่านก็สอนให้นักเรียนรู้จัก[2]พับกระดาษเป็นรูปทรงนู้นรูปทรงนี้ หรือ ไม่บางท่านก็กรุณาแจกแจงรูปแบบทำนองนี้ให้ดูยามเราไปถามเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับผมแล้วในตอนนั้น ไม่รู้เป็นยังงัย มันเหมือนเป็นการจุดประกายที่ทำให้ตัวผมเองรู้สึกว่า"เออ มันคิดแบบนี้ก็ได้เนอะ" วิธีการมันดูเรียบง่ายเหลือเกิน แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับว่า ความเกลียดคณิตฯของผมบรรเทาเบาบางลงเพราะความง่าย เปล่าเลย มันบรรเทาเบาบางลงเพราะ ความเป็นอิสระการมุมมองการคิดต่างหาก และตั้งแต่นั้น ผมก็ตั้งใจเรียนคณิตศาสตร์กับอาจาจารย์ท่านนี้มากขึ้น ทั้งยังตีซี้กับท่าน อาจารย์ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน(มากๆๆๆ)คนหนึ่งเลยทีเดียว ออกจะเพี้ยนตามสไตล์ที่เราๆท่านๆรู้กัน แต่ท่านก็ให้ความกรุณาผมเรื่อยมา จากนั้นความเกลียดคณิตศาสตร์ก็ของผมก็เข้าใกล้ 0 และเกิด(ที่origin)ความรักคณิตศาสตร์ในท้ายที่สุด
................ความที่พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของผมอ่อนแอมาก ทำให้ผมต้องมีความพยายามมากขึ้นกว่าคนอื่นทั่วไปที่จะทำความเข้าใจในส่วนที่ยังขาดอยู่ จากจุดที่ว่านี้ผมต้องไปอ่านเพิ่มและค้นคว้าเพิ่ม ทำให้ผมได้คิดเลขมากกว่าคนอื่นด้วย(ทบทวน) โดยผมเองมักมีความสุขกับการแก้สมการหรือรูปทรงด้วยวิธีที่ผมคิดค้นเอง ตอนนั้นมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมเสียดายอยู่(เพราะลืมวิธีคิดไปแล้ว) แต่ก็ขอพูดหน่อย(ระบาย)จากความที่เป็นคนชอบคิดนอกเรื่องอะไรทำนองนี้บ่อยๆ ทำให้ผมบังเอิญประยุกต์สูตร Q = MC*delta*T ได้ ในกรณี ที่อุณหภูมิต่างกันให้เอา T1 +K อะไรประมาณนั้นล่ะมั้งครับ จากการพบอันนี้ทำผมให้หาคำตอบได้เร็วมาก เพราะสมัยนั้นเพื่อนยังนั่งแทนสูตรกันอยู่เลย(โม้ไปเจ็ดวันตอนนั้น แต่เดี๋ยวนี้ลืมไม่มีให้โม้ล่ะ)เป็นความสุขเล็กๆของคนที่ครั้งหนึ่งตกเลขเลยครับ(แม้ว่าการค้นพบจะเป็นทางวิทย์ก็เถอะ) แต่ตอนนี้มานั่งคิดๆดูแล้วไม่รู้ว่าผมในตอนนั้นมั่วหรือเปล่า เพราะผมเองพยายามประยุกต์ Q = MC*delta*T หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยได้เหมือนที่สมัยเด็กๆเคยได้(แต่ทำไม ตอนเด็กๆคิดแล้วมันทำโจทย์ได้ด้วยฟร่ะ)ก็เลยเป็นข้อกังขา ใครอยากคิดต่อก็ลองดูนะครับได้แล้วบอกด้วย
.................อ่านถึงตรงนี้หลายคน อาจจะเบื่อผมแทนเบื่อคณิตศาสตร์ไปเสียแล้ว(เอาเถอะยอมได้) แต่ที่ผมเล่ามานั้นเป็นเกร็ดเล็กๆในชีวิตที่เป็นจุดหักเห(ให้ผมเรียนวิทย์-คณิต) จากคนเกลียดคณิตฯ จนกลายเป็นไม่เกลียดคณิต บางครั้งพวกคุณน่าจะตั้งคำถามกับตัวเองนะครับ ว่าอะไรคือเหตุผลที่เราไม่ชอบคณิตศาสตร์ และเหตุผลนั้นมันสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือว่าเราจะมีทางแก้ไขอย่างไร
...................สุดท้ายนี้ ออกตัวสักนิดหนึ่งว่า ผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไรเลยทางคณิตศาสตร์ แต่ผมก็ยังไม่หยุดค้นคว้าและคิดเลข ตอนนี้ผมกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับ จำนวนเฉพาะและข้อสังเกตบางประการของมัน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจมาก(ดังที่จะกล่าวต่อๆไป) แล้วคุณล่ะสนใจมันมั่งมั้ย?ถ้าสนใจมาคุยกันครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น