ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พี่ศิลป์เยี่ยมบ้าน
สามวัน... สามวันแล้วใช่ไหม...
สามวันที่ไม่มีเสียงเรียกของเจ้าหล่อน
สามวันที่ไม่มีคำพูดน่ารำคาญ
สามวัน... ที่ไม่มีใบหน้าของเธอคนนั้นให้เหลียวมอง
ทั้งๆที่อยากจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่ทำไมหัวใจมันถึงได้เบาหวิวเหมือนขาดอะไรบางอย่างกัน...
ก็แค่สามวัน....
ศิลป์กวาดตามองหนังสือเป็นรอบที่สาม ก่อนจะปิดฉับด้วยสมาธิที่ขาดสะบั้น นัยน์ตาคมกวาดไปทั่วห้องสมุด... ถอนหายใจเฮือกใหญ่
นี่เขา... เป็นอะไรกัน
ย้อนไปเมื่อสามวันที่แล้ว
“อันน์ ฉันขอพูดด้วยหน่อย”
ภาพคนตรงหน้าคือชายร่างสูง ใบหน้าออกไปทางหวานจัด ผิวสีขาวเนียนตัดกับริมฝีปากสีดอกกุหลาบ จมูกโด่งรับกับนัยน์ตาคู่สวย เรือนผมสีน้ำตาลไหม้ตัดสั้นระบ่า ทุกสิ่งทุกอย่างรวมกันอยู่บนใบหน้าที่ออกจะสวยมากกว่าหล่อ
เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ศิลป์รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาไม่ดีเอาซะเลย
“เอ เอใช่มั้ย เอจริงๆด้วย”อันน์ร้องด้วยความยินดี
“ร้องเข้าๆ เวอร์ไปแล้วแม่คุณ”
“ก็มันดีใจนี่นา”อันน์พูดพร้อมกับหันไปทางศิลป์”เอ่อ พี่ศิลป์คะ เรื่องไอศกรีมอันน์ขอเลื่อนวันเลี้ยงก่อนนะคะ พอดีมีธุระขึ้นมากระทันหันน่ะคะ”
“ขอโทษนะครับ”เอพูด พร้อมกับขยับยิ้มที่มุมปาก เป็นยิ้มที่ศิลป์ไม่ชอบเลยซักนิด
“...”ศิลป์ไม่พูดอะไร...เช่นเคย
“งั้นขอตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ บาย”
เจ้าหล่อนบอกลาเขา... แล้วเดินจากไปกับผู้ชายคนนั้น
มันเร็วเกินไปรึเปล่า....
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกใจหายล่ะ...???
“กรี๊ดดดด แกล้งฉันเหรอ???”
“แบร๋!!!!~ ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ซักหน่อยนี่”
“ข้อนี้คิดยังไงเหรอแอน”
“ใครทำอังกฤษเสร็จแล้วลอกหน่อย”
เสียงโหวกแหวกโวยวายดังกระหึ่มทั่วห้องสี่ทับสอง เป็นดังเช่นปกติธรรมดา มิ้นนั่งอยู่ที่มุมซ้ายสุดของห้อง กำลังฟังเพลงสบายๆมองเพื่อนๆเล่นกันเหมือนทุกวัน
จู่ๆ ความตรึกครื้นของห้องก็เงียบหายไปด้วยความรวดเร็ว สายตาทุกคู่จ้องไปยังร่างๆหนึ่งที่ย่างเข้ามาในห้อง คล้ายกับว่าเขา...เป็นคนที่ไม่ควรจะโผล่มาที่นี่ที่สุด
นัยน์ตาคมกริบกวาดสายตามองไปทั่วห้อง ไม่สนใจกับสายตาที่มองมายังตนเลยซักนิด ร่างสูงก้าวเท้าเชื่องช้าแต่หนักแน่นไปยังหลังห้อง โดยมีสายตาของทุกคนมองตามโดยไม่แม้แต่จะกระพริบ
“พี่ศิลป์”
มิ้นกระซิบเสียงเบา ปิดเพลงที่ฟังอยู่แล้วเอาหูฟังออก
“พี่มีเรื่องจะพูดด้วย”
“???”
มิ้นกำลังอึ้ง อึ้งกับบุรุษสรรพนามที่ศิลป์เรียกตัวเองว่าพี่ โดยไม่ทันตั้งตัว ศิลป์ก็เดินออกไปรอด้านนอกแล้ว
“กรี๊ดดดดดด พี่ศิลป์เท่ห์จัง”
“ว้าย!!~ เขามองมาที่ฉันด้วยแหละ”
“หมอนั่นเป็นใครวะ ขี้เก๊กชะมัด”
“อ้ายยย นี่นายไม่รู้จักพี่ศิลป์สุดหล่อรึไง เช้ยเชย”
เสียงเอะอะดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวข้อการสนทนาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากศิลป์ มิ้นโคลงหัว พอจะรู้เป็นนัยๆแหละว่าคงจะพูดเรื่องอันน์ แต่มิ้นก็ไม่รู้ว่าพี่ศิลป์จะมาไม้ไหนกันแน่
สายลมพัดแผ่วปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกวาบไปถึงหัวใจ เป็นครั้งแรกที่เขาแทบไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองคิดจะทำอะไร เป็นครั้งแรกที่เขา.... ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และเป็นครั้งแรก...ที่มีผู้หญิงเข้ามามีผลกับจิตใจเขามากขนาดนี้
ความเงียบเข้ามาเกาะกุม... เขาจะพูดกับเพื่อนเจ้าหล่อนว่ายังไงดี
“พี่ศิลป์มีอะไรเหรอคะ”
มิ้นเปิดปากถามเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคงไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเช่นเคย
“.....”เขา....ยังคงคิดไม่ออก
“เอ่อ... คือมิ้นก็เข้าใจนะคะว่าพี่ศิลป์เป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าไม่พูดอยู่อย่างนี้มิ้นก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ”มิ้นพูดตามตรง
รออีกชั่วหายใจ มิ้นจึงตัดสินใจ
“พอพี่ศิลป์มีอะไรจะพูดจริงๆแล้วค่อยมาเรียกมิ้นมาก็แล้วกันนะคะ”มิ้นพูดพร้อมกับหันเดินจากไป
“อันน์อยู่ไหน”
“อันน์เหรอคะ อันน์ก็คงอยู่ที่ๆควรอยู่ล่ะมั้งคะ”มิ้นยิ้ม
ที่ๆควรอยู่?... ศิลป์คิด ที่ๆควรอยู่คือที่ที่มีหมอนั่นงั้นเหรอ
ทำไมเขาถึงได้อารมณ์เสียขึ้นมากะทันหันแบบนั้นนะ
“แล้วที่ที่ควรอยู่อยู่ที่ไหนล่ะ”
“ก็หลายๆที่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“บ้านอันน์อยู่ไหน”
“???”
มิ้นเบิกตากว้าง ช่างเป็นคนที่พูดอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“พี่ถามว่าบ้านอันน์อยู่ไหน ถ้าไม่บอกเราไม่ได้กลับห้องง่ายๆแน่”
“อ้ายยยยย ไม่เอา อันน์ไม่เล่น มันเปียก”
“มานี่เลย มานี่”
“บอกว่าไม่เอาไงเล่า”
อันน์ร้อง”ไม่เอาแล้วๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
เอยักไหล่เป็นความหมายว่าไม่ทำก็ได้ พอทำการเก็บอาวุธซึ่งก็คือปืนฉีดน้ำเสร็จ คนกลัวไม่สบายก็ตรงรี่เข้ามาหาทันที
“เอนี่น้า เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้”
“อันน์ไม่เด็ก จะว่างั้นเถอะ”
อันน์ยืดอกด้วยท่าทางภูมิใจ”แน่อยู่แล้วล่ะ อันน์โตเป็นผู้ใหญ่มานาน ทำอะไรก็ไม่ต้องมีใครมาห้าม”
“จะจริงเร้อ”
“แน่นอน”
“งั้นก็ต้องพิสูจน์กันหน่อย”
“???”
อันน์เบิกตากว้าง เมื่ออยู่ดีๆใบหน้าของเอก็เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างคาดไม่ถึง สมองเล็กๆของอันน์ปั่นป่วนไปหมด แน่นอนว่ารวมไปถึงลำไส้ไปด้วย
นี่เอกำลังจะจูบอันน์งั้นเหรอ???
จะทำไงดี!!!
“ดูมีความสุขกันจริงนะ”
เสียงนี่!!~
อันน์กลับหลังหัน หัวใจที่เต้นรัวอยู่แล้วก็ยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่ ส่วนดวงตาก็เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
พี่ศิลป์มาอยู่ที่นี่ได้ไง แถมดวงตาที่เคยเย็นชาตอนนี้ เหมือนจะมีประกายวาบๆเหมือนกำลังโกรธใครมางั้นแหละ เอ๋ๆๆๆๆ อะไรกันล่ะเนี่ย
“ง่า.... หวัดดีค่ะพี่ศิลป์”
เฮ้อ... รู้สึกเหมือนตัวเองไปทำอะไรผิดมางั้นแหละ
อะไรหว่า?
“....”
เอาอีกแล้ว ไม่พูดอะไรกลับมาอีกแล้ว
“สวัสดีครับ”คราวนี้เอเป็นคนพูด ซึ่งนั่นทำให้นัยน์ตาคมตวัดมองชายหนุ่มเจ้าของประโยคด้วยประกายตาน่ากลัว หากคนได้รับกลับยิ้มอย่างไม่หวั่นเกรง”มีธุระอะไรรึเปล่าครับ เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังยุ่งอยู่”
ไอ้ยุ่งนั่นหมายถึงจู๋จี๋กันอย่างนั้นน่ะเหรอ ศิลป์คิดในใจ อารมณ์ชักจะครุกรุ่นขึ้นทุกวินาที โดยเฉพาะเวลาที่ได้สบกับประกายตาแปล๊บๆที่แสนจะเจ้าเล่ห์คู่นั้น
“เออย่าพูดแบบนั้นสิ”อันน์ท้วง ยื่นปากไปทางชายหนุ่ม”เราไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นซักหน่อย แล้วพี่ศิลป์ก็ไม่ใช่คนอื่นด้วย”พูดจบก็หันไปทำหน้าระรื่นใส่ชายในดวงใจของตนโดยไม่เหลือเค้าเดิม”พอดีวันนี้พ่อกับแม่อันน์จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเอน่ะคะ เอย้ายเข้ามาอยู่บ้านอันน์เมื่อสามวันที่แล้ว ก็วันกีฬาสีโรงเรียนนั่นแหละค่ะ ว่าแต่พี่ศิลป์จะอยู่รอทานข้าวเย็นที่นี่เลยมั้ยคะ”
แล้วศิลป์ก็พอจะรู้สาเหตุที่อันน์ห่างหายไปจากชีวิตเขาสามวันแล้ว....
เงียบไปชั่วอึดใจ จนอันน์คิดว่าศิลป์จะไม่ตอบอยู่แล้ว
“พี่กะว่าพรุ่งนี้จะชวนอันน์ไปเที่ยวด้วยกัน...”
“เห็นจะไม่ได้นะ เพราะพรุ่งนี้อันน์สัญญาแล้วว่าจะไปเที่ยวกับผม ใช่ไหมอันน์”
ทั้งสองหนุ่มหันไปหาหญิงคนเดียวในวงสนทนาอย่างรอคอยคำตอบ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อันน์รู้สึกตัวเลย ก็อันน์กำลังช็อคสุดขีด ช็อคกับตัวแทนที่ศิลป์แทนว่าพี่ ช็อคที่ศิลป์ยอมพูดอะไรออกมา ช็อคกับประโยคที่ว่าชวนไปเที่ยวด้วยกัน จนไม่ได้สนใจอะไรต่อจากนั้น
“อันน์”เอกระทุ้งข้อศอกใส่อันน์เบาๆพลางเน้นเสียงต่ำ
“อะ อะไรเหรอ”
“พรุ่งนี้อันน์จะไปเที่ยวกับพี่หรือเอ”ศิลป์พูดแทรกขึ้น ทำให้คนต้องเลือกอ้าปากหวอ... ค้างอยู่นั่นเกือบนาที กว่าจะประมวลผลจากประโยคพวกนี้ได้
“อ่า... พี่ศิลป์คะ คือ...”
“อันน์ไม่อยากไปกับพี่เหรอ”
“อยากค่ะ อยากมากๆๆ”อันน์รีบพยักหน้า ดวงตาเปล่งประกายระยิบ”งั้นเอางี้ ไปเที่ยวกันสามคนดีกว่า คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก”
ศิลป์อยากจะถามอันน์กลับไปจริงๆเลยว่าสรุปอันน์รู้สึกยังไงกับพี่ แต่เพราะใครบางคนที่คอยจะแทรกเขากับอันน์นี่ยิ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสซักที
“จะอย่างนั้นก็ได้ งั้นพรุ่งนี้แปดโมงพี่มารับอันน์ที่นี่นะ”
“ค่ะ บาย ฝันดีนะคะ แล้วอันน์จะรอค่ะ”อันน์โบกมือลา คอยมองศิลป์เดินจากไปจนลับสายตา ก่อนจะหันมาค่อนว่าเพื่อนสนิท”เอ.. เอก็รู้นี่ว่าอันน์ชอบพี่ศิลป์ ทำไมเอถึงทำงี้ล่ะ”
เอยักไหล่”ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”
อันน์หรี่ตา แบบนี้ล่ะน่าสงสัยนัก”ให้มันจริงนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นอันน์ก็จะไม่เป็นห่วงแล้วล่ะ”
พลันใบหน้าหวานก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง”เที่ยวกับพี่ศิลป์ เที่ยวกับพี่ศิลป์ อันน์จะใส่ชุดยังไงดีน้า อ๊ะๆ ตายแล้ว วันนี้ต้องหลับเช้าๆ จะได้ตื่นมาขอบตาไม่ช้ำ”
“นี่ๆ ฉันก็จะไปด้วยนะ”
“เชอะ! ถ้าไม่ติดว่าเอมาเที่ยวที่นี่แค่ห้าวัน อันน์ก็ไม่ยอมให้เอเป็นก้างหรอก แบร๋”
“เดี๋ยวเหอะ ราดซะให้เปียก”
“เอ้!! นั่นมันคนละเรื่องน้า อ๋ายยยย อันน์ไม่เอาน้ำ”
อันน์ร้องก่อนจะผุดลุกนี้เจ้าคนเริ่มเล่นน้ำอีกครั้ง รู้งี้รั้งพี่ศิลป์ไว้ก็ดีหรอก!!!
สามวันที่ไม่มีเสียงเรียกของเจ้าหล่อน
สามวันที่ไม่มีคำพูดน่ารำคาญ
สามวัน... ที่ไม่มีใบหน้าของเธอคนนั้นให้เหลียวมอง
ทั้งๆที่อยากจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่ทำไมหัวใจมันถึงได้เบาหวิวเหมือนขาดอะไรบางอย่างกัน...
ก็แค่สามวัน....
ศิลป์กวาดตามองหนังสือเป็นรอบที่สาม ก่อนจะปิดฉับด้วยสมาธิที่ขาดสะบั้น นัยน์ตาคมกวาดไปทั่วห้องสมุด... ถอนหายใจเฮือกใหญ่
นี่เขา... เป็นอะไรกัน
ย้อนไปเมื่อสามวันที่แล้ว
“อันน์ ฉันขอพูดด้วยหน่อย”
ภาพคนตรงหน้าคือชายร่างสูง ใบหน้าออกไปทางหวานจัด ผิวสีขาวเนียนตัดกับริมฝีปากสีดอกกุหลาบ จมูกโด่งรับกับนัยน์ตาคู่สวย เรือนผมสีน้ำตาลไหม้ตัดสั้นระบ่า ทุกสิ่งทุกอย่างรวมกันอยู่บนใบหน้าที่ออกจะสวยมากกว่าหล่อ
เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ศิลป์รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาไม่ดีเอาซะเลย
“เอ เอใช่มั้ย เอจริงๆด้วย”อันน์ร้องด้วยความยินดี
“ร้องเข้าๆ เวอร์ไปแล้วแม่คุณ”
“ก็มันดีใจนี่นา”อันน์พูดพร้อมกับหันไปทางศิลป์”เอ่อ พี่ศิลป์คะ เรื่องไอศกรีมอันน์ขอเลื่อนวันเลี้ยงก่อนนะคะ พอดีมีธุระขึ้นมากระทันหันน่ะคะ”
“ขอโทษนะครับ”เอพูด พร้อมกับขยับยิ้มที่มุมปาก เป็นยิ้มที่ศิลป์ไม่ชอบเลยซักนิด
“...”ศิลป์ไม่พูดอะไร...เช่นเคย
“งั้นขอตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ บาย”
เจ้าหล่อนบอกลาเขา... แล้วเดินจากไปกับผู้ชายคนนั้น
มันเร็วเกินไปรึเปล่า....
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกใจหายล่ะ...???
“กรี๊ดดดด แกล้งฉันเหรอ???”
“แบร๋!!!!~ ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ซักหน่อยนี่”
“ข้อนี้คิดยังไงเหรอแอน”
“ใครทำอังกฤษเสร็จแล้วลอกหน่อย”
เสียงโหวกแหวกโวยวายดังกระหึ่มทั่วห้องสี่ทับสอง เป็นดังเช่นปกติธรรมดา มิ้นนั่งอยู่ที่มุมซ้ายสุดของห้อง กำลังฟังเพลงสบายๆมองเพื่อนๆเล่นกันเหมือนทุกวัน
จู่ๆ ความตรึกครื้นของห้องก็เงียบหายไปด้วยความรวดเร็ว สายตาทุกคู่จ้องไปยังร่างๆหนึ่งที่ย่างเข้ามาในห้อง คล้ายกับว่าเขา...เป็นคนที่ไม่ควรจะโผล่มาที่นี่ที่สุด
นัยน์ตาคมกริบกวาดสายตามองไปทั่วห้อง ไม่สนใจกับสายตาที่มองมายังตนเลยซักนิด ร่างสูงก้าวเท้าเชื่องช้าแต่หนักแน่นไปยังหลังห้อง โดยมีสายตาของทุกคนมองตามโดยไม่แม้แต่จะกระพริบ
“พี่ศิลป์”
มิ้นกระซิบเสียงเบา ปิดเพลงที่ฟังอยู่แล้วเอาหูฟังออก
“พี่มีเรื่องจะพูดด้วย”
“???”
มิ้นกำลังอึ้ง อึ้งกับบุรุษสรรพนามที่ศิลป์เรียกตัวเองว่าพี่ โดยไม่ทันตั้งตัว ศิลป์ก็เดินออกไปรอด้านนอกแล้ว
“กรี๊ดดดดดด พี่ศิลป์เท่ห์จัง”
“ว้าย!!~ เขามองมาที่ฉันด้วยแหละ”
“หมอนั่นเป็นใครวะ ขี้เก๊กชะมัด”
“อ้ายยย นี่นายไม่รู้จักพี่ศิลป์สุดหล่อรึไง เช้ยเชย”
เสียงเอะอะดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวข้อการสนทนาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากศิลป์ มิ้นโคลงหัว พอจะรู้เป็นนัยๆแหละว่าคงจะพูดเรื่องอันน์ แต่มิ้นก็ไม่รู้ว่าพี่ศิลป์จะมาไม้ไหนกันแน่
สายลมพัดแผ่วปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกวาบไปถึงหัวใจ เป็นครั้งแรกที่เขาแทบไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองคิดจะทำอะไร เป็นครั้งแรกที่เขา.... ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และเป็นครั้งแรก...ที่มีผู้หญิงเข้ามามีผลกับจิตใจเขามากขนาดนี้
ความเงียบเข้ามาเกาะกุม... เขาจะพูดกับเพื่อนเจ้าหล่อนว่ายังไงดี
“พี่ศิลป์มีอะไรเหรอคะ”
มิ้นเปิดปากถามเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคงไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเช่นเคย
“.....”เขา....ยังคงคิดไม่ออก
“เอ่อ... คือมิ้นก็เข้าใจนะคะว่าพี่ศิลป์เป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าไม่พูดอยู่อย่างนี้มิ้นก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ”มิ้นพูดตามตรง
รออีกชั่วหายใจ มิ้นจึงตัดสินใจ
“พอพี่ศิลป์มีอะไรจะพูดจริงๆแล้วค่อยมาเรียกมิ้นมาก็แล้วกันนะคะ”มิ้นพูดพร้อมกับหันเดินจากไป
“อันน์อยู่ไหน”
“อันน์เหรอคะ อันน์ก็คงอยู่ที่ๆควรอยู่ล่ะมั้งคะ”มิ้นยิ้ม
ที่ๆควรอยู่?... ศิลป์คิด ที่ๆควรอยู่คือที่ที่มีหมอนั่นงั้นเหรอ
ทำไมเขาถึงได้อารมณ์เสียขึ้นมากะทันหันแบบนั้นนะ
“แล้วที่ที่ควรอยู่อยู่ที่ไหนล่ะ”
“ก็หลายๆที่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“บ้านอันน์อยู่ไหน”
“???”
มิ้นเบิกตากว้าง ช่างเป็นคนที่พูดอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“พี่ถามว่าบ้านอันน์อยู่ไหน ถ้าไม่บอกเราไม่ได้กลับห้องง่ายๆแน่”
“อ้ายยยยย ไม่เอา อันน์ไม่เล่น มันเปียก”
“มานี่เลย มานี่”
“บอกว่าไม่เอาไงเล่า”
อันน์ร้อง”ไม่เอาแล้วๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
เอยักไหล่เป็นความหมายว่าไม่ทำก็ได้ พอทำการเก็บอาวุธซึ่งก็คือปืนฉีดน้ำเสร็จ คนกลัวไม่สบายก็ตรงรี่เข้ามาหาทันที
“เอนี่น้า เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้”
“อันน์ไม่เด็ก จะว่างั้นเถอะ”
อันน์ยืดอกด้วยท่าทางภูมิใจ”แน่อยู่แล้วล่ะ อันน์โตเป็นผู้ใหญ่มานาน ทำอะไรก็ไม่ต้องมีใครมาห้าม”
“จะจริงเร้อ”
“แน่นอน”
“งั้นก็ต้องพิสูจน์กันหน่อย”
“???”
อันน์เบิกตากว้าง เมื่ออยู่ดีๆใบหน้าของเอก็เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างคาดไม่ถึง สมองเล็กๆของอันน์ปั่นป่วนไปหมด แน่นอนว่ารวมไปถึงลำไส้ไปด้วย
นี่เอกำลังจะจูบอันน์งั้นเหรอ???
จะทำไงดี!!!
“ดูมีความสุขกันจริงนะ”
เสียงนี่!!~
อันน์กลับหลังหัน หัวใจที่เต้นรัวอยู่แล้วก็ยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่ ส่วนดวงตาก็เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
พี่ศิลป์มาอยู่ที่นี่ได้ไง แถมดวงตาที่เคยเย็นชาตอนนี้ เหมือนจะมีประกายวาบๆเหมือนกำลังโกรธใครมางั้นแหละ เอ๋ๆๆๆๆ อะไรกันล่ะเนี่ย
“ง่า.... หวัดดีค่ะพี่ศิลป์”
เฮ้อ... รู้สึกเหมือนตัวเองไปทำอะไรผิดมางั้นแหละ
อะไรหว่า?
“....”
เอาอีกแล้ว ไม่พูดอะไรกลับมาอีกแล้ว
“สวัสดีครับ”คราวนี้เอเป็นคนพูด ซึ่งนั่นทำให้นัยน์ตาคมตวัดมองชายหนุ่มเจ้าของประโยคด้วยประกายตาน่ากลัว หากคนได้รับกลับยิ้มอย่างไม่หวั่นเกรง”มีธุระอะไรรึเปล่าครับ เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังยุ่งอยู่”
ไอ้ยุ่งนั่นหมายถึงจู๋จี๋กันอย่างนั้นน่ะเหรอ ศิลป์คิดในใจ อารมณ์ชักจะครุกรุ่นขึ้นทุกวินาที โดยเฉพาะเวลาที่ได้สบกับประกายตาแปล๊บๆที่แสนจะเจ้าเล่ห์คู่นั้น
“เออย่าพูดแบบนั้นสิ”อันน์ท้วง ยื่นปากไปทางชายหนุ่ม”เราไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นซักหน่อย แล้วพี่ศิลป์ก็ไม่ใช่คนอื่นด้วย”พูดจบก็หันไปทำหน้าระรื่นใส่ชายในดวงใจของตนโดยไม่เหลือเค้าเดิม”พอดีวันนี้พ่อกับแม่อันน์จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเอน่ะคะ เอย้ายเข้ามาอยู่บ้านอันน์เมื่อสามวันที่แล้ว ก็วันกีฬาสีโรงเรียนนั่นแหละค่ะ ว่าแต่พี่ศิลป์จะอยู่รอทานข้าวเย็นที่นี่เลยมั้ยคะ”
แล้วศิลป์ก็พอจะรู้สาเหตุที่อันน์ห่างหายไปจากชีวิตเขาสามวันแล้ว....
เงียบไปชั่วอึดใจ จนอันน์คิดว่าศิลป์จะไม่ตอบอยู่แล้ว
“พี่กะว่าพรุ่งนี้จะชวนอันน์ไปเที่ยวด้วยกัน...”
“เห็นจะไม่ได้นะ เพราะพรุ่งนี้อันน์สัญญาแล้วว่าจะไปเที่ยวกับผม ใช่ไหมอันน์”
ทั้งสองหนุ่มหันไปหาหญิงคนเดียวในวงสนทนาอย่างรอคอยคำตอบ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อันน์รู้สึกตัวเลย ก็อันน์กำลังช็อคสุดขีด ช็อคกับตัวแทนที่ศิลป์แทนว่าพี่ ช็อคที่ศิลป์ยอมพูดอะไรออกมา ช็อคกับประโยคที่ว่าชวนไปเที่ยวด้วยกัน จนไม่ได้สนใจอะไรต่อจากนั้น
“อันน์”เอกระทุ้งข้อศอกใส่อันน์เบาๆพลางเน้นเสียงต่ำ
“อะ อะไรเหรอ”
“พรุ่งนี้อันน์จะไปเที่ยวกับพี่หรือเอ”ศิลป์พูดแทรกขึ้น ทำให้คนต้องเลือกอ้าปากหวอ... ค้างอยู่นั่นเกือบนาที กว่าจะประมวลผลจากประโยคพวกนี้ได้
“อ่า... พี่ศิลป์คะ คือ...”
“อันน์ไม่อยากไปกับพี่เหรอ”
“อยากค่ะ อยากมากๆๆ”อันน์รีบพยักหน้า ดวงตาเปล่งประกายระยิบ”งั้นเอางี้ ไปเที่ยวกันสามคนดีกว่า คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก”
ศิลป์อยากจะถามอันน์กลับไปจริงๆเลยว่าสรุปอันน์รู้สึกยังไงกับพี่ แต่เพราะใครบางคนที่คอยจะแทรกเขากับอันน์นี่ยิ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสซักที
“จะอย่างนั้นก็ได้ งั้นพรุ่งนี้แปดโมงพี่มารับอันน์ที่นี่นะ”
“ค่ะ บาย ฝันดีนะคะ แล้วอันน์จะรอค่ะ”อันน์โบกมือลา คอยมองศิลป์เดินจากไปจนลับสายตา ก่อนจะหันมาค่อนว่าเพื่อนสนิท”เอ.. เอก็รู้นี่ว่าอันน์ชอบพี่ศิลป์ ทำไมเอถึงทำงี้ล่ะ”
เอยักไหล่”ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”
อันน์หรี่ตา แบบนี้ล่ะน่าสงสัยนัก”ให้มันจริงนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นอันน์ก็จะไม่เป็นห่วงแล้วล่ะ”
พลันใบหน้าหวานก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง”เที่ยวกับพี่ศิลป์ เที่ยวกับพี่ศิลป์ อันน์จะใส่ชุดยังไงดีน้า อ๊ะๆ ตายแล้ว วันนี้ต้องหลับเช้าๆ จะได้ตื่นมาขอบตาไม่ช้ำ”
“นี่ๆ ฉันก็จะไปด้วยนะ”
“เชอะ! ถ้าไม่ติดว่าเอมาเที่ยวที่นี่แค่ห้าวัน อันน์ก็ไม่ยอมให้เอเป็นก้างหรอก แบร๋”
“เดี๋ยวเหอะ ราดซะให้เปียก”
“เอ้!! นั่นมันคนละเรื่องน้า อ๋ายยยย อันน์ไม่เอาน้ำ”
อันน์ร้องก่อนจะผุดลุกนี้เจ้าคนเริ่มเล่นน้ำอีกครั้ง รู้งี้รั้งพี่ศิลป์ไว้ก็ดีหรอก!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น