คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น...
สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพี่และกันนะครับจะได้ดูสนิทสนมกันมากขึ้นและส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ก็คงจะเป็นน้องๆ ม.ปลายกันซะส่วนมากที่จะมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์แห่งนี้กัน
เริ่มกันเลยดีกว่า
ตอนนี้(ที่กำลังเขียนบทความอยู่)พี่มีสถานะเป็น อาจจะใช้คำว่า นักศึกษาใหม่ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ว่าได้นะเพราะว่าตอนนี้พี่เพิ่งสอบติดเข้ามา ในโครงการพิเศษ ศึกษาเป็นภาษาอังกฤษอ่ะนะครับ ก็จะขึ้นปี1ในเปิดเทอมหน้า( 1/2550 นี้ละ)
ที่มาที่ไป....?
คือจุดเริ่มต้นมันก็คือว่าพี่ก้เป็นเด้กมอปลายคนนึงแหละที่วันๆก็เรียนหนังสือไปเรื่อยๆ เขาให้เรียนอะไรมาก้เรียนโดยยังไม่รู้จุดหมายปลายทางที่แน่ชัดของตัวเองว่า จะเป็นไปในทิศทางใด ก็ช่วงที่เรียนม.ปลายก็อาจจะเรียกได้ว่าเราเองก้เป็นคนที่ขยันเรียนคนนึงนะ ก็คือจะสนใจกับการเรียนมากเป็นพิเศษ ช่วงปิดเทอมก้ไปติวๆๆๆๆๆๆๆ ยัดๆๆๆมันเข้าไปในสมองอันน้อยนิดนี่หละ หุหุ ผลการเรียนที่ออกมาก้เป็นที่น่าพอใจนะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกรดเฉลี่ยที่ดีที่สุดของห้อง ( เพราะพี่เป็นคนที่ไม่ค่อยจะสนใจกับการเรียนอะไรที่มันเป็นวิชาเสริม หรือที่เราเห็นว่าไม่สำคัญต่อการเอนทรานซ์น่ะ นี่ถือว่าเป็นข้อเสียแป็นภัยอย่างมหันต์เลยนะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ระบบการรับนักศึกษามันเปลี่ยนไป๋ สนใจกันที่ค่าน้ำหนักขจองเกรดกันมากขึ้น ดังนั้นน้องๆหนูๆควรจะตั้งใจเรียนให้ดีๆให้ครบทุกวิชาตามหลักสูตรนะครับบบบ) เอาหละๆ... ก้อย่างที่บอกแหละความใฝนตั้งแต่เด็กของพี่เลยก็คือ อาชีพเภสัช อันนี่จริงๆเลยนะเพราะตอนป.6 จำได้ว่าครูให้เขียนเรียงความว่าโตขึ้นอยากเป้นอะไร เราก้เขียนไปว่าอยากเป็นเภสัชกร ตอนนั้นก็ไม่รู้อิดหน่อิเหน่อะไรหรอก รุ้แต่ว่าถ้าเราเรียนจบเภสัชมา เปิดร้านขายยา คงรวยดี อิอิอิอิ
จากนั้นมาก้อพยายามตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาตลอด พยายามมากๆความฝันคือเภสัชๆๆเท่านั้น ...และแล้ว....ก้มาถึงฤดูกาลแห่งการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปีพี่เค้าเรียกว่าเป็นปีที่ซวยที่สุดมั้นนะเหอๆ เพราะเป็นปีแรกที่เปลี่ยนระบบการรับนักศึกษาจากเอนทรานซ์มาเป็นแอดมิชชั่น ซึ่งนั่นก็คือ พี่จบม.6ปี 2548 และจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 2549 (งงละสิ่แล้วทำไมถึงเพิ่งจะได้เข้าปี1ในปีนี้ อิอิอิ ) ....ติดตามครับติดตามแหะๆๆ
ก็นั่นแหละ ปีพี่เป็นปีแรกที่ใช้ระบบแอดมิชชั่น และเป็นปีที่ทำฝันพี่สลาย เพราะว่าไม่ได้ติดคณะที่ตัวเองหวังไว้ ผลที่พี่ได้จากระบบนี้ก้คือ ปีนั้นพี่ได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษาสองมหาลัยเลยหุหุ ตอนแรกเลยพี่ติดแอดตรงที่คณะวิทยาศาสตร์ ลาดกระบัง ซึ่งมันไม่ใช่!!!!อ่ะ แต่ตอนนั้นสถานการณ์มันบีบบังคับมากๆ คะแนนที่ได้มาก็ชักไม่มั่นใจแล้วว่าจะติดเภสัชดังที่หวังรึเปล่า คะแนนก้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่รุ้ว่าจะมีที่เรียนเมือ่ไหร่ เลยต้องจำใจมาเรียนที่ลาดกระบัง ทั้งๆที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาอยุ่ที่นี่ มหาลัยก้ไม่ใช่ที่ที่อยากมา คือพี่มีความคิดฝันใจมาตลอดเลยว่า อยากเรียนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะตัวพี่เองก็เป็นคนอิสาน และที่นี่ก็คือที่หนึ่งในใจของนักเรียนม.ปลายที่นี่ เลยคิดอยุ่ตลอดว่ายังไงก็ต้องมาเรียนที่นี่อ่ะ ตอนนั้นก็คิดอย่างเดียวว่า ยังไงปีหน้าเราจะต้องซิ่วแน่ๆ แอบร้องให้นิดๆ.....แต่พอไปอยุ่ลาดกระบัง รายวานตัวอะไรเสร็จสรรพ วันรุ่งขึ้นเท่านั้นแหละ กริ้งๆดทรศักพท์มาจาก มข บอกว่าให้มารายงานตัวที่นี่ เพราะพี่ติดอันดับสำรองของคณะเทคนิคการแพทย์ จากดควต้าที่เคยลงๆไว้อ่า ความรู้สึกตอนนั้นก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยอ่ะ ถึงแม้คณะนี้จะไม่ใช่คณะพี่อยากเรียนมากทีสุด แต่ก็โอเคเพราะยังไงก็คือสายแพทย์เหมือนกัน และอีกอย่างก้ได้กลับมาเรียนที่มหาลัยที่ตัวเองรักด้วย ชีวิตพี่ก็เลยระหกระเหเร่ร่อนมา เรียนที่นี่ได้เป็นเวลา 1 ปีเต็ม.
แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้น คนเรามันก็ต้องดิ้นกันไป (เอ๊ะ ฟังดูคุ้นๆเนอะ) ในเมื่อได้มาเรียนดูแล้วซึ่งแต่ก่อนพี่คิดว่า อืมๆมาเรียนเดี๋ยวก็คงชอบเองแหละ แต่ว่าอันที่จริงแล้วมันไม่ใช่ไง เราได้รู้จักวิชาชีพเทคนิคการแพทย์มากขึ้น ได้รู้ว่าต่อไปต้องเจออะไรบ้างและต้องทำงานยังไงบ้าง ทำให้เรานั้นยิ่งคิดไปได้เลยว่า อืม มันไม่ใช่จริงๆ อีกอย่างตอนอยู่ปี1นั้นพี่ได้มีโอกาสพักหอในร่วมกับรูมเมท ที่เรียนคณะเภสัชปีเดียวกัน ก็ได้รู้ได้ถามมาตลอดเกี่ยวกับคณะนี้ มันยิ่งแบบว่า เออ เภสัชนี่แหละคือสิ่งที่เราอยากเรียนจริงๆ ก็เลยมีความคิดที่จะ ซิ่ว อย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา.... แต่พี่ก็ไม่ได้คิดจะดรอปหรือหยุดเรียนแต่อย่างใดเพราะว่า คุณแม่ไม่ปลื้ม หุหุ มันจึงเป็นเรื่องหนักหนาอยุ่เหมือนกันที่ต้องเรียนปี1ไปด้วย และอ่านหนังสือเก่า ม.6ไปด้วย (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอ่านได้มากเท่าไหร่นัก)
พอมาถึงฤดูการสอบเข้ามหาลัย(ครั้งใหม่) พี่ก็ดำเนินการเหมือนเด็ก ม.6ทั่วๆไปแหละ ก็สมัครสอบเอเน็ต ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่า เนี่ย จะต้องอัพคะแนนให้ถึงเภสัชให้ได้เลย และถ้าเป็นไปได้อยากเรียนที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแห่งนี้เท่านั้น เพราะตลอด1ปีที่ผ่านมา มันทำให้รู้สึกผูกพันกับที่นี่มากๆ ไม่อยากจากไปไหนเลย แต่พอมาคิดอีกที ถ้าเกิดสมมติว่าเราไม่ถึงเภสัช มข แต่ได้เภสัชที่อื่น ก็คงจะต้องไปเพราะยังไง ความฝันของเราคือเภสัช ตอนนั้นก็แอบเครียดเบาๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังดีที่คณะเภสัชที่นี่ มันมีโครงการพิเศษ เป็นอีก1ช่องทางที่จะเข้าไปเรียนเภสัชได้นอกจากระบบกลาง ซึ่งที่นี่จะมีด้วยกันสองโครงการคือ ภาคสมทบ กะ ภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือสอบเข้าไปเรียนแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดอ่านะ ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวพี่จะเอาลงให้ในตอนใหม่แล้วกันนะ พี่ก็สมัคร ทุกวิถีทางที่จะทำให้ได้เรียนเภสัช เราเอาหมด ก็สมัครทั้งสองโครงการเลย ยังไงซะก็ต้องเรียนเภสัชที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าจะโครงการไหน(want มากๆ)
พอหลังสอบเอน็ตเสร็จ อ่อมันทำให้รู้เลยนะว่า ไม่ได้หรอก คะแนนไม่กระเตื้องแน่ๆ ก็ SAD เลย แบบว่าทำไงดีชาตินี้คงไม่ได้เรียนเภสัชแล้ว กลับมานึกย้อน อ้อเรายังมีโครงการพิเศษที่ มข ที่สมัครไว้นี่หว่า ก็คือเหลือเวลาอีกประมาณ1เดือนจะสอบ พี่ก็เลย ไม่ได้ละต้องกลับไปเตรียมตัวใหม่ ยังไงๆเราต้องมีความหวัง ปิดเทอมก็ปิดละ ต้องเตรียมตัวมาสอบให้เต็มที่ .....
...และแล้วสิ่งเราพยายามมาตลอดก็เป็นจริง ผลก็ปรากฏว่า พี่ติดโครงการภาคภาษาอังกฤษ อื้ม แอบภูมิใจเล็กๆอิอิ ความฝันของเราเป็นจริงแล้ว และนี่แหละ คือจุดเริ่มต้น ของนักศึกษาเภสัชศาสตร์คนใหม่ ..... -.
โปรดติดตามต่อนะครับ รับรองว่ามันส์ แน่ๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ส่วนบทความของรุ่นพี่เภสัช มข อีกคนก็อย่าลืมแวะเข้าไปด้วยนะครับ http://my.dek-d.com/ubyi/story/view.php?id=146630
ความคิดเห็น