คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลักษณะบทโขน
ประกอบด้วย
บทร้อง ซึ่งบรรจุเพลงไว้ตามอารมณ์ของเรื่อง บทร้องแต่งเป็นกลอนบทละครเป็นส่วนใหญ่ อาจมีคำประพันธ์ชนิดอื่นบ้างแต่ไม่นิยม บทร้องนี้จะมีเฉพาะโขนโรงในและโขนฉากเท่านั้น
บทพากย์ การแสดงโขนโดยทั่วไปจะเดินเรื่องด้วยบทพากย์ ซึ่งแต่งเป็นคำประพันธ์ชนิดกาพย์ฉบัง 16 หรือกาพย์ยานี 11 บทมีชื่อเรียกต่าง ๆ ดังนี้
1 พากย์เมือง หรือพากย์พลับพลา คือบทตัวเอก เช่น ทศกัณฐ์หรือพระรามประทับในปราสาทหรือพลับพลา เช่น
|
ครั้นรุ่งแสงสุริยโอภา |
พุ่งพ้นเวหา |
คิรียอดยุคันธร | ||
|
สมเด็จพระหริวงศ์ทรงศร |
ฤทธิ์เลื่องลือขจร |
สะท้อนทั้งไตรโลกา | ||
|
เสด็จออกนั่งหน้าพลับพลา |
พร้อมด้วยเสนา |
ศิโรตมก้มกราบกราน | ||
|
พิเภกสุครีพหนุมาน |
นอบน้อมทูลสาร |
สดับคดีโดยถวิล |
2 พากย์รถ เป็นบทชมพาหนะและกระบวนทัพ ไม่ว่าจะเป็นรถ ม้า ช้าง หรืออื่นใดก็ได้ ตลอดจนชมไพร่พลด้วย เช่น
|
เสด็จทรงรถเพชรเพชรพราย |
พรายแสงแสงฉาย |
จำรูญจำรัสรัศมี | ||
|
อำไพไพโรจน์รูจี |
สีหราชราชสีห์ |
ชักรชรถรถทรง | ||
|
ดุมหันหันเวียนวง |
กึกก้องก้องดง |
สะเทือนทั้งไพรไพรวัน | ||
|
ยักษาสารถีโลทัน |
เหยียบยืนยืนยัน |
ก่งศรจะแผลแผลงผลาญ |
3 พากย์โอ้ เป็นบทโศกเศร้า รำพัน คร่ำครวญ ซึ่งตอนต้นเป็นพากย์ แต่ตอนท้ายเป็นทำนองร้องเพลงโอ้ปี่ ให้ปี่พาทย์รับ เช่น
อนิจจาเจ้าเพื่อนไร้ |
มาบรรลัยอยู่เอองค์ |
พี่จะได้สิ่งใดปอง |
พระศพน้องในหิมวา |
จะเชิญศพพระเยาวเรศ |
เข้ายังนิเวศน์อยุธยา |
ทั้งพระญาติวงศา |
จะพิโรธพิไรเรียม |
ว่าพี่พามาเสียชนม์ |
ในกมลให้ตรมเกรียม |
จะเกลี่ยทรายขึ้นทำเทียม |
ต่างแท่นทิพบรรทม |
จะอุ้มองค์ขึ้นต่างโกศ |
เอาพระโอษฐ์มาระงม |
ต่างเสียงพระสนม |
อันร่ำร้องประจำเวร |
4 พากย์ชมดง เป็นบทตอนชมป่าเขา ลำเนาไพร ทำนองตอนต้นเป็นทำนองร้อง เพลงชมดงใน ตอนท้ายเป็นทำนองพากย์ธรรมดา เช่น
|
เค้าโมงจับโมงมองเมียง |
คู่เค้าโมงเคียง |
เคียงคู่อยู่ปลายไม้โมง | ||
|
ลางลิงลิงเหนี่ยวลดาโยง |
ค่อยยุดฉุดโชลง |
โลดไล่ในกลางลางลิง | ||
|
ชิงชังนกชิงกันสิง |
รังใครใครชิง |
ชิงกันจับต้นชิงชัน | ||
|
นกยูงจับพยูงยืนยัน |
แผ่หางเหียนหัน |
หันเหยียบเลียบไต่ไม้พยูง |
5 พากย์บรรยาย เป็นบทขยายความเป็นมา ความเป็นไป หรือพากย์รำพึงรำพันใดๆ เช่น พากย์บรรยายตำนานรัตนธนู
|
เดิมทีธนูรัตน |
วรฤทธิเกรียงไกร |
องค์วิศวะกรรมไซร้ |
ประดิษฐะสองถวาย | |
|
คันหนึ่งพระวิษณุ |
สุรราชะนารายณ์ |
คันหนึ่งนำทูลถวาย |
ศิวะเทวะเทวัน | |
|
ครั้นเมื่อมุนีทัก- |
ษะประชาบดีนั้น |
กอบกิจจะการยัญ- |
ญะพลีสุเทวา | |
|
ไม่เชิญมหาเทพ |
ธก็แสนจะโกรธา |
กุมแสงธนูคลา |
ณ พิธีพลีกรณ์ |
6 พากย์เบ็ดเตล็ด เป็นบทที่ใช้ในโอกาสทั่วๆ ไป เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เข้าประเภทใด เช่นกล่าวว่า ใครทำอะไร หรือพูดกับใคร ว่าอย่างไร เช่น
|
ภูวกวักเรียกหนุมานมา |
ตรัสสั่งกิจจา |
ให้แจ้งประจักษ์ใจจง | ||
|
แล้วถอดจักรรัตน์ธำมรงค์ |
กับผ้าร้อยองค์ |
ยุพินทรให้นำไป | ||
|
ผิวนางยังแหนงน้ำใจ |
จงแนะความใน |
มิถิลราชพารา | ||
|
อันปรากฏจริงใจมา |
เมื่อตาต่อตา |
ประจวบบนบัญชรไชย |
บทเจรจา
เป็นบทกวีที่แต่งเป็นร่ายยาว ส่งและรับสัมผัสกันไปเรื่อยๆ ใช้ได้ทุกโอกาส สมัยโบราณเป็นบทที่คิดขึ้นสดๆ เป็นความสามารถของคนพากย์ คนเจรจา ที่จะใช้ปฏิภาณคิดขึ้นโดยปัจจุบัน ให้ได้ถ้อยคำสละสลวย มีสัมผัสแนบเนียน และได้เนื้อถ้อยกระทงความถูกต้องตามเนื้อเรื่อง ผู้พากย์เจรจาที่เก่งๆ ยังสามารถใช้ถ้อยคำคมคาย เหน็บแนมเสียดสี บางครั้งก็เผ็ดร้อน โต้ตอบกันน่าฟังมาก ปัจจุบันนี้ บทเจรจาได้แต่งไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้พากย์เจรจาก็ว่าตามบทให้เกิดอารมณ์คล้อยตามถ้อยคำ โดยใช้เสียงและลีลาในการเจรจา ผู้พากย์และเจรจาต้องทำสุ้มเสียงให้เหมาะกับตัวโขน และใส่ความรู้สึกให้เหมาะกับอารมณ์ในเรื่อง
คนพากย์และเจรจานี้ใช้ผู้ชาย คนหนึ่งต้องทำหน้าที่ทั้งพากย์และเจรจา และต้องมีไม่น้อยกว่า 2 คน จะได้โต้ตอบกันทันท่วงที เมื่อพากย์หรือเจรจาจบกระบวนความแล้ว ต้องการจะให้ปี่พาทย์ทำเพลงอะไรก็ร้องบอกไป เรียกว่า "บอกหน้าพาทย์" และถ้าการแสดงโขนนั้นมีขับร้อง คนพากย์และเจรจายังจะต้องทำหน้าที่บอกบทด้วย การบอกบทจะต้องบอกให้ถูกจังหวะ
ความคิดเห็น