คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [The Guardian] : Chapter 2
Chapter 2
“หนีไป!”
“แต่พ่อ…”
“ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นพ่อ แกต้องหนีไป”
“พ่อ”
ตุ๊บ!
ร่างเล็กกลิ้งตามพื้น ผ้าห่มพันแข้งพันขาเขาไปหมด กว่าจะแกะออกมาได้ก็ใช้เวลานานพอควร นัยน์ตาเล็กๆมองไปรอบๆห้อง
ห้องว่างเปล่า
เขาโดนเพื่อนร่วมห้องสองคนทิ้ง
ขาเล็กลุกขึ้นมาทันที เขาวิ่งวุ่นวายไปทั่ว ไหนจะวิ่งไปอาบน้ำห้องน้ำรวม ไหนจะหาชุดนักเรียนใส่ ไหนจะหาหนังสือใส่กระเป๋าอีก เสร็จภารกิจทุกอย่างเขาวิ่งออกจากห้องด้วยความไวแสง ตรงดิ่งออกไปจากหอพักทันที จนลืมเรื่องสำคัญไปซะสนิท
…ห้องเรียนอยู่ไหน…
แบคฮยอนวิ่งวนไปมาตามตึกนั้นทีตึกนี้ที โรงเรียนก็โคตรจะใหญ่ แผนที่ก็ไม่มี ไอ้ตารางเรียนก็ลืมเอามาอีก เพื่อนร่วมห้องสุดหล่อน้ำใจงามมาก ก็ไม่รอ อย่าให้เจอนะ โดนเด็ดหัวออกจากบ่าแน่
ตุ๊บ!
“โอ้ย!” วิ่งจนไม่มองทาง เลยเจอชนเข้าอย่างจัง
“ขอโทษ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มร่างเล็ก นัยน์ตาสีดำเข้ากับเรือนผมสีดำ ใบหน้าเล็กประกอบกับริมฝีปากรูปหัวใจ ที่กำลังกล่าวขอโทษแบคฮยอนอยู่ เขาไม่ได้มาคนเดียว ข้างหลังมีเด็กหนุ่มอีกคน รูปร่างสูงสมส่วน ผมสีทองที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัดกับผิวคล้ำของเขา ใบหน้าที่ตอนนี้แลดูอยากนอนลงตรงนี้เลยให้ได้
“ไม่เป็นไรๆ” แบคฮยอนลุกขึ้น เขาสังเกตเข็มปักเสื้อของสองคน ตรงหน้า
รูปหกเหลี่ยม
“นายสองคน อยู่หอเอ็กโซเหรอ” เขายิงคำถามออกไปก่อน
“ใช่ นายก็อยู่หอนี้นี่” คนร่างเล็กสังเกตเห็นเข็มที่เหมือนของเขาเช่นกัน
“สวรรค์ส่งพวกนายสองคนมาแน่ ฉันกำลังเป็นลูกหมาหลงทางเลย”
“หลงทาง?”
“ใช่ คือฉันไปห้องเรียนไม่ถูกอ่ะ”
“พอดีเลย ฉันกำลังรีบไปเรียนพอดี งั้นไปพร้อมกันเลย” คนร่างเล็กยิ้มน้อยๆให้แบคฮยอน
“ไปกันเพื่อนใหม่ ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“ฉันชื่อดีโอ” เขาแนะนำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ
“แล้ว…นายหน้าง่วงนี่ชื่ออะไร” แบคฮยอนชี้ไปที่อีกคนข้างหลัง
“ฉันไค” เขาตอบมาด้วยท่าทางง่วงสุดขีด
“คนอะไรไม่รู้จักตัวเอง” แบคฮยอนถามด้วยความซื่อสุดๆ
“ฉัน ชื่อ ไค สะกด เค เอ ไอ เข้าใจ๊”
“อ่อออออ”
“เรารีบไปเถอะ สายแล้ว” ดีโอทักท้วงขึ้น
ทั้งสามคนวิ่งมาถึงห้องเรียนวิชา ที่เรียกว่า วิชาผู้พิทักษ์ ทำการสอนโดย อาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี มิสเตอร์คังตะ
แอ๊ดดดดดดดดด
เสียงเปิดประตูเบาๆของสามนักเรียน ทั้งสามกวาดสายตาไปรอบๆ พบว่าห้องเรียนตอนนี้ว่างเปล่า ปราศจากอาจารย์ สามคนไม่รอช้าเข้ามาให้ห้องทันที
“อะไรวะ อาจารย์แย่กว่าเราอีก ขนาดว่าพวกเราสายแล้วนะเว้ย อาจารย์ยังสายกว่า”
ฟิ้ววววววววววววว
โป๊ก!
“โอ้ย! ใครวะ”
แบคฮยอนหันไปคาดโทษ คนโยนหนังสือเล่มหนามากลางกระบาลเขา
“ฉันเอง” เสียงทุ้มจากบุรุษผู้แข็งแกร่งดังมาจากมุมห้อง
“คุณคือ…” แบคฮยอนมองหน้าเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ฉัน…มิสเตอร์คังตะ”
เฮือก!
ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน
“เธอมาสาย”
“ผม…ผมหลงทางนะครับ แต่ผมไม่ได้สายคนเดียวนะสองคนนี้ก็สาย” แบคฮยอนหาเพื่อนร่วมรับผิดชอบ
“ไหน??”
“สองคนนี้ไง…”
หาย!
ดีโอกับไคหายไปไหน แบคฮยอนกวาดสายตามอง เขาพบว่าสองคนไปนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว
“เห้ย! ไปนั่นได้ไงวะ”
“คนบางคนก็ฉลาดที่จะเอาตัวรอดนะ โดยเฉพาะพวกที่ทำตัวเหมือนวิญญาณ วาร์ปไปมาตามใจชอบ” สายตาคมเหล่มองไปทางเดียวกับแบคฮยอนเมื่อครู่
แบคฮยอนฟังไม่เข้าใจ ใครวิญญาณ แล้วไอ้วาร์ปนี่คืออะไร แต่ยังไงตอนนี้ เขาก็โดนเทศนาไปคนเดียวกว่าครึ่งชั่วโมง คนที่นี่มันชอบทิ้งกันจริงๆ ตอนเช้าก็โดนเพื่อนร่วมห้องทิ้ง ตอนนี้ยังโดนเพื่อนเดินทางทิ้ง
คนนะเว้ยไม่ใช่ขยะทิ้งกันได้ลงคอ
“ไปนั่งที่ได้แล้ว จำไว้ทีหลังอย่ามาสายอีก”
“คร๊าบบบ”
แบคฮยอนตรงดิ่งไปนั่งข้างไอ้เพื่อนร่วมห้องตัวดี ที่ทิ้งเขาไว้เมื่อเช้า ถ้าไม่ติดว่ามันเหลือที่เดียวนะ เขาไม่เสนอหน้าไปนั่งด้วยหรอก
“ไอ้พวกเวร ทิ้งฉัน” แบคฮยอนเริ่มทักทายก่อน
“ช่วยไม่ได้นายตื่นสาย” ชานยอลตอยกลับหน้านิ่ง
“แล้วปลุกเป็นไหม”
“ฉันไม่อยากทำ”
ไอ้คนใจยักษ์
แบคฮยอนได้แต่ยู่หน้าใส่ชานยอลเท่านั้น คาดโทษไว้ก่อนเหอะ
“เอาล่ะ เรามาเข้าบทเรียนกัน พวกเธอรู้ความหมายของผู้พิทักษ์ไหม??”
นักเรียนต่างมองหน้ากันไปมา แต่ก็ยังมีผู้กล้ายกมือขึ้นมา เด็กหนุ่ม ผมสีดำสนิท เหมือนแว่นตาหนาสีดำที่เขาสวมใส่อยู่ มือเรียวขยับแว่นเล็กน้อยก่อนตอบออกไป
“ผู้พิทักษ์ คือ บุคคลที่ทำหน้าที่คอยดูแลคุ้มครองให้เกิดความสงบเรียบร้อย ถือกำเนิดมาจากเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เกิดสงครามระหว่าง มนุษย์ และ พวกกองทัพเนตรสีเพลิง เมืองทั้งเมืองโดนพวกนั้นเผาถล่มอย่างไม่มีสิ้นดี แต่แล้วกลับกำเนิดผู้กล้า 12 คน เขาใช้พลังปกป้องเมืองจนพ้นอันตราย ผู้คนต่างสรรเสริญทั้ง 12 ผู้กล้าว่า พวกเขาคือ เหล่าผู้พิทักษ์”
“ความรู้จากหนังสือ แน่นจนหาที่เปรียบไม่ได้ อย่างที่เพื่อนของเธอว่า ผู้พิทักษ์คือผู้ที่คอยคุ้มครองให้เกิดความเรียนร้อย ดังนั้นวิชานี้ จะสอนให้พวกเธอเรียนรู้การใช้พลังของตนเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ปกติโรงเรียนของเราจะควบคุมการใช้พลัง เพื่อไม่ให้เกิดการใช้พลังทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่จะมีข้อยกเว้น เฉพาะ วิชานี้เท่านั้นที่พวกเธอจะสามารถใช้พลังได้ โดยมีฉันเป็นผู้ควบคุม เอาล่ะ มาดูกันว่า พวกเธอแต่ละคนสามารถใช้พลังได้ในทางไหนกัน ฉันเรียกชื่อใครให้ออกมาหน้าห้อง คนแรก… ห้องสมุดเคลื่อนที่แล้วกัน…เฉิน”
เด็กหนุ่มคนเมื่อครู่เดินออกไปข้างหน้าชั้นเรียน
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ปล่อยพลังของเธอออกไป ตรงแผ่นไม้ด้านหน้าได้เลย”
เฉิน ขยับแว่นตาของเขาเล็กน้อย ก่อนยื่นมือออกไป แสงสีฟ้าคล้ายสายฟ้าห่อหุ้มบริเวณมือ ก่อนสายฟ้าจะถูกยิงออกตรงไปที่แผ่นไม้นั้นทันที
“โอ้ว! พลังสายฟ้านี่เอง ดีนะไม้ไม่นำไฟฟ้า” มิสเตอร์คังตะพูด ขณะหยิบแว่นตาดำมาใส่กันแสงเข้าตา
“เอาล่ะ ต่อไป ไค”
“แล้วใครล่ะครับ อาจารย์” นักเรียนคนหนึ่งในห้องแซวขึ้น
ป๊าบ!
คนแซวบัดนี้โดน ไค ที่ว่าตบหัวเข้าแล้ว
“ผมแสดงแล้วนะครับ อาจารย์” ไค ตอบอาจารย์อย่างกวนๆ
“ไปเร็วมาเร็วดี งั้นต่อไป …”
ชื่อเริ่มถูกขานไปเรื่อยๆ นักเรียนแต่ละคนต่างแสดงพลังมากมายหลากหลายกันออกไป ทำเอาคนที่ปล่อยพลังไม่เป็นเลยในชีวิตนั่งกุมขมับอยู่
สิบแปดปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าเขามีพลังเลย จนวันที่พ่อเขาจะโดนฆ่า เขาก็ปล่อยแสงประหลาดออกมาอย่างที่ตัวเองยังหาคำตอบไม่ได้ ว่ามันมาจากไหน
“แบคฮยอน…”
ชิป…หาย…แล้วววว
“แบคฮยอน”
“ค…ครับ” คนโดนเรียกเดินออกไปช้าๆ ร่างกายเล็กๆสั่นเล็กน้อย
พระเจ้าช่วยลูกช้างด้วยนะ
“เอาล่ะ หนึ่ง…”
“เดี๋ยวๆๆๆ อาจารย์ ผมขอทำใจ ห้าวิ”
“….ครบแล้ว เอาล่ะ หนึ่ง…”
วิเดียวยังไม่ถึงเล๊ย แบคฮยอนตั้งท่าอย่างเต็มที่ เขาตัดสินใจแล้ว ปล่อยๆมันไป ออกไม่ออกค่อยว่ากันอีกที
มือเล็กตั้งฉากขึ้นทันที พอครบสาม เขาสะบัดหนึ่งทีเป็นการปล่อยพลัง
กา…กา…กา
ทุกอย่างเงียบ เหมือนมีกาบินผ่าน มันไม่มีอะไรออกมาทั้งนั้น
ฮึบ!
แบคฮยอนทำมันอีกรอบ แต่ก็เหมือนเดิม
“มีความพยายามสูง…แต่ก็ยังอ่อนหัด”
“ผม…” ถึงกับเงิบ โดนไปหนึ่งดอก
พรึบ!
“เชี่ยยยย”
คนขี้ตกใจอย่างแบคฮยอนถึงกับสบถออกมา เมื่ออยู่ดีๆไฟก็ลุกพรึบเผาแผ่นไม้ทดสอบตรงหน้าเขา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…
“ชานยอล” มิสเตอร์คังตะ หันไปมองหน้าคนก่อเหตุเพลิงไหม้ทันที
“ผมแสดงพลังแล้วนะครับ” เขาตอบหน้านิ่ง
“แต่ฉันยังไม่ได้เรียกเธอ”
“ยังไงก็เหลือผมคนสุดท้าย แล้วมันก็จะหมดชั่วโมงแล้วด้วย ผมเห็นอาจารย์มัวแต่เสียเวลากับตัวถ่วง ผมก็เลยจัดการเองเลย”
ทุกคนถึงกับอึ้ง ในคำตอบของคนพลังไฟ แต่ที่อึ้งจนอยากต่อยปากคนตรงหน้า คือ ตัวถ่วงที่เขาเอ่ยถึง
“ก็จริง เอาล่ะนี่ก็จะถึงเวลาทานอาหารแล้ว เลิกเรียนแค่นี้ก่อน”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
นักเรียนต่างทยอยออกจากห้องเรียนไป แบคฮยอนวิ่งไปดักหน้าชานยอลทันที
“นายว่าฉัน”
“อืม ก็นายมันตัวถ่วงจริงๆนิ ปล่อยอยู่นั้นแหละ ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น”
“ก็มันไม่ออกนี่หว่า” แบคฮยอนเกาศีรษะตัวเอง
“อย่าพยายามเลย มีสุภาษิตบอกว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่คงใช้ไม่ได้กับนายหรอก”
“ต่อยกันเลยไหมพูดแบบนี้” ร่างเล็กถกแขนเสื้อท้าต่อยทันที
เซฮุน มองเพื่อนร่วมห้องสองคน เถียงกันไม่หยุดจนถึงห้องอาหารกาแล็กซี่ ห้องอาหารประจำหอพักเอ็กโซ ลักษณะเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ มีร้านอาหารมากมาย โต๊ะทานอาหารเป็นโต๊ะยาวเรียงกันจำนวนมาก แต่มันแปลกๆ ตรงที่ไอ้ท้องฟ้ากาแล็กซี่ด้านบนนี่แหละ
ใครมันคิดว่ะ
ชานยอล แบคฮยอน เซฮุน นั่งทานอาหารตรงกลางของโรงอาหาร เขาสามคนนั่งข้างห้องสมุดเคลื่อนที่ประจำปีหนึ่ง
“เฉินเอ๋อ “
“ฉันชื่อ เฉิน เฉยๆไม่มีเอ๋อ” เขาตอบกลับคนปากเปราะ
“ก็หน้านายเอ๋อนี่หว่า เอ่าน่ามีชื่อต่อหลังเท่จะตายชัก”
“…” เขาไม่อยากจะเถียงต่อ อยากเรียกอะไรก็ช่างมัน
“เราสองคนขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงจากคนตัวเล็ก
“นายสองคน” แบคฮยอนชี้หน้าทันที ใครจะจำไม่ได้ คนที่ทิ้งเขาเมื่อเช้า
“แบคฮยอน เรื่องเมื่อเช้าฉันขอโทษนะ” ดีโอโค้งเล็กน้อย แต่คนข้างๆยังนิ่งอยู่
“…”
“ไคนะสิ พาฉันวาร์ปไปไม่บอกก่อน ขอโทษจริงๆนะ”
“วาร์ป ไอ้ที่หายตัวใช่ป่ะ??”
“น่านแหละ ฉันขอโทษจริงๆ”
“เอาเหอะ นั่งๆ จะได้กินซักที”
อาหารตรงหน้ามีหลากหลายอย่าง ทั้งอาหารคาวพื้นเมือง อาหารหวาน แบคฮยอนตักมากินอย่างเต็มที่กับชีวิตมาก คนทำมาหากินแบบเขาอาหารดีๆแบบนี้ไม่ได้กินง่ายๆ ได้โอกาสทั้งที ขอซัดให้เรียบเลยแล้วกัน
“ถุย! โคตรแย่ว่ะ” แบคฮยอนสบถออกมาตั้งแต่คำแรกที่กินเข้าไป
เกือบทั้งโรงอาหารมองมาสายตาเดียว ชานยอลนั่งข้างๆจึงเอาขนมปังยัดปากเล็กๆไว้
“ยัดมาได้ มันแย่จริงนี่หว่า” เขาเอาขนมปังออก
“ฉันถึงซื้อแค่ไม่กี่อย่างไง นายไม่รู้เหรอว่า ห้องอาหารเรานี่แย่สุดแล้วในบรรดาทุกห้องอาหาร” ห้องสมุดเคลื่อนที่ตอบทันที
“ใครจะไปรู้ทุกอย่างแบบนายล่ะ เฉินเอ๋อ”
“ห้องอาหารที่ดีที่สุดอยู่ที่ หอพักชายนี่ อร่อยจนหมึกแดงคอนฟิร์มเลย”
หมึกแดง…ใครว่ะ
“หอพักชายนี่ เลื่องลือเรื่องสาวงามเลยนะเว้ย” ไค หนุ่มเจ้าชู้เบอร์ต้นของปีหนึ่ง เอ่ยขึ้น
“ทั้งอาหารอร่อย ทั้งสาวงาม สุดยอดแห่งหอ น่าไปว่ะ”
“เดี๋ยวก่อน แบคฮยอน นายไม่รู้เหรอว่าที่นี่เขาห้ามบุกถิ่นกันนะ” ห้องสมุดเอ่ยอีกครั้ง
“แอบไปใครจะไปรู้” แบคฮยอนยังยืนกรานความคิดแผลงๆของตน
“เอาจริงเหรอ มันอันตรายนะแบคฮยอน” ดีโอพยายามเตือน
“เอาจริงดิ เรื่องสนุกแบบนี้ห้ามพลาดนะ แก็บซอง”
ศัพท์ประหลาดอะไรของมัน
“เย้เฮด! น่าสนดีนิ ไปกัน” เซฮุนนั่งฟังอยู่นาน เรื่องสนุกแบบนี้ เขาไม่พลาดแน่
“ปัญญาอ่อน” ปากร้ายๆแบบนี้ ปาร์ค ชานยอลเท่านั้น
“ว้ายยยย ป๊อดอ่ะดิ ไม่กล้าไป” คนปากเปราะทำหน้าตาล้อเลียนเต็มที่
“พรุ่งนี้ ตอนเที่ยงไปกัน”
ได้ผล ชานยอลตอบรับอย่างง่ายดาย
ยามดึกกลับมาอีกแล้ว แบคฮยอนอาบน้ำเสร็จก่อน เขาวิ่งจากห้องน้ำรวมมาถึงห้องนอนเป็นคนแรก วันนี้เขาตั้งว่าจะยึดเตียงด้านล่างเป็นของตัวเองให้ได้ อันที่จริงเขาอยากได้เตียงเดี่ยวของเซฮุน แต่มันไม่สนุกเท่ากับการแย่งเตียงชานยอล
แบคฮยอนกระโดดขึ้นเตียงของชานยอล เขาเอาตัวห่อผ้าห่มนุ่มๆ ม้วนตัวเป็นหนอนแล้วนอนทันที
สองหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมกันมองหนอนตัวอ้วนบนเตียงอย่างระอา
“นายจัดการเองนะ กรณีหมอนี่ไม่น่ายุ่ง” เซฮุนบอกก่อนเดินไปเตียงตัวเองทันที
ชานยอลเดินไปหยุดที่เตียงของตัวเอง เขายืนพิจารณาไอ้หนอนอ้วนที่นอนอยู่ซักพัก ก่อนที่ร่างสูงๆของเขาจะมุดเข้าไปในเตียง แขนแกร่งโอบเข้ากับไอ้หนอนอ้วนที่ทำท่าหลับปุ๊ยอยู่
“ไอ้บ้า! กอดฉันทำไม” แบคฮยอนหันมาแหวใส่ทันที
“เอ่า นายเองเหรอนึกว่าหมอนข้าง”
“หมอนข้างบ้านนายสิ มีหัวมีปากมีจมูกแบบนี้” ร่างเล็กยังทำหน้ายู่ใส่
“เหรอ”ชานยอลยังทำหน้ากวนๆใส่
“ออกไปนอนข้างบนเลย อึดอัด” แบคฮยอนพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดชานยอล แต่ยิ่งดิ้นยิ่งเหมือนว่าเขาจะโดนรัดแน่นขึ้น
“นายลืมไปหรือเปล่าว่าข้างล่างมันที่นอนฉัน ขึ้นไปนอนที่ข้างบนของนายสิ”
“ไม่เอามันหนาว ฉันจะนอนนี่ นายไปนอนเองสิ”
“งั้นก็นอนมันด้วยกันนี่แหละ”
ชานยอลหลับจริงจัง แขนเขายังโอบร่างเล็กใต้ผ้าห่มไว้อยู่ แบคฮยอนได้แต่นอนดิ้นไปมา จนสุดท้ายตัวเองก็เหนื่อยจนหลับไปเอง
แต่…
อีกคนที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว กลับลุกขึ้นมา เขามองดูเจ้าหนอนอ้วนที่นอนหลับสบายใจ มือหนายื่นไปดึงผ้าห่มออกจากร่างเล็ก เขาดึงมาห่มให้ตัวเองส่วนหนึ่ง แล้วอีกส่วนก็ห่มให้คนนอนข้างๆ ใจจริงก็ไม่อยากทำให้เท่าไหร่นะ แต่จะปล่อยให้คนหนาวตายมันก็จะโหดร้ายเกินไป
ชานยอลมองร่างเล็กที่นอนข้างๆอย่างพิจารณา เขาต้องข่มอารมณ์มากขนาดไหนตอนที่กอดร่างเล็กไว้ ถึงแม้จะอยู่ในผ้าห่มแต่กลิ่นสบู่หอมๆ กับใบหน้าจิ้มลิ้มก็เล่นทำเขาเคลิ้มไปนานพอควร
เขายิ้มน้อยๆ มองคนหลับปุ๊ยที่ไม่สนอะไร ก่อนจะหลับตาลงตามไป
แบคฮยอนโดนทิ้งเหมือนเคย แต่วันนี้เขาสามารถทำเวลาได้จึงไม่สายมาก ภาคเช้าเขาต้องมานั่งเรียนวิชาที่น่าเบื่อสุดๆ อย่างประวัติศาสตร์ เขานอนมากกว่าเรียนอีก แต่อย่างน้อยเขายังเรียนนะ ไม่เหมือน ไค ที่มันหลับเอาทั้งชั่วโมง
เวลาเที่ยงก็มาถึง…
เด็กหนุ่มทั้งสามเดินมาถึงหอพักชายนี่อันเลื่องชื่อด้านความรู้ อาหาร และหญิงสาว เขาทั้งสามได้แผนที่มาจากเฉินแล้ว ทางลัดเข้าคือต้องเดินไปทางด้านหลังของหอพักก่อน จะพบทางขนของที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน แค่รอจังหวะแล้วเดินไปตามแผนที่ก็สามารถเข้าไปได้
ทั้งสามรอจังหวะคนว่าง เขากำลังจะเข้าไปทางขนของแต่แล้ว กลับมีเสียงตะโกนขึ้นมา
“พวกนายเป็นใคร”
เสียงดังมาจากทางด้านหลัง เหมือนนกแตกรังทันที มือหนาของชานยอลคว้ามือเล็กของแบคฮยอนได้ เขาพาร่างเล็กหนีไปทันที ส่วนเซฮุนวิ่งหนีไปอีกทางตรงข้ามกัน
เซฮุนวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เขาวิ่งไปหยุดตรงสนามฟุตบอลของโรงเรียน ตาคมมองกลับไป เจอพวกตรวจวินัยหอตามเขามา
ตื๊อจริงๆ
เซฮุนวิ่งไปจนถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาเปิดประตูหวังเข้าไปหลบข้างใน แต่กลับพบใครบางคนอยู่ข้างใน
“ซิ่วหมิน มาแล้วเหรอ”
เสียงหวานดังออกมาจากหลังล็อกเกอร์ พร้อมกับร่างเล็กที่เดินออกมา ผมสีน้ำตาลที่เปียกเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายเหมือนลูกกวาง จมูกรั้นเล็กๆเข้ากับริมฝีปากบางๆ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่า มีหยดน้ำเกาะบนผิวขาวเนียน ท่อนล่างมีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนาบดบังอยู่
…สวย…
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เซฮุน ตะลึงได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมาเขาเจอคนมากมายทั้งผู้ชายผู้หญิง แต่เขาก็ไม่เคยจะรู้สึกต้องชะตากับใครขนาดนี้มาก่อน
…คนนี้คนแรก…
“เห้ย! ฉันเห็นมันวิ่งมาแถวนี้”
เสียงดังมาจากด้านนอกห้อง ทำเอาเซฮุนที่ตะลึงอยู่กลับมามีสติอีกครั้ง เขามองคนสวยตรงหน้าก่อนวิ่งไปปิดปากร่างเล็ก แล้วลากไปหลังล็อกเกอร์ทันที
“นี่ นายเป็นใคร” เสียงหวานถามอย่างสงสัย
“อย่าเสียงดังได้ไหม เดี๋ยวพวกนั้นรู้หมด” เขายังคงกอดร่างเล็กจากทางด้านหลังอยู่
“ฉันจะถามอีกรอบนะ นายเป็นใคร”
“ฉันโดนไอ้พวกข้างนอกตามตัวอยู่ ฉันขอหลบก่อน นายเงียบก่อนได้ไหม”
“…”
ภายในห้องเงียบสนิท เซฮุนยังคงกอดร่างเล็กไว้อยู่ กลิ่นหอมของสบู่มาจากคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทำเอาเขาต้องก้มลงไปสูดกลิ่นหอมนั้น ด้วยที่คนโดนโอบไม่ได้สวมเสื้อผ้าส่วนบน ทำให้นัยน์ตาคมแอบลอบมองเป็นระยะๆ นานพอควรกว่าร่างเล็กที่เริ่มอึดอัดจะเอ่ยขึ้นก่อน
“ปล่อยฉันได้แล้ว พวกนั้นไปหมดแล้ว”
“รู้ได้ไง อยู่อีกซักพักก่อนเผื่อพวกนั้นยังอยู่”
“ฉันรู้แล้วกัน ปล่อยได้แล้ว” น้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ทำให้เซฮุนต้องยอมปล่อย ถึงแม้เขาจะไม่อยากก็ตาม
“ออกไปได้แล้ว”
“ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าพวกนั้นไปแน่ๆอย่างที่นายว่า”
“ย๊า! ฉันบอกว่าไปคือไปแล้ว เซ้นฉันไม่เคยพลาดน่า”
เซฮุนจำต้องยอม อันที่จริงเขาก็พอเดาได้แล้วล่ะ ว่าพวกนั้นไปแล้ว แต่มีเหตุบางอย่างที่เขาอยากอยู่ต่อมากกว่า
“ฉันจะแต่งตัวนายออกไปได้แล้ว”
“โทษทีที่รบกวนนาย”
เซฮุนกำลังจะไป เขาลืมเรื่องสำคัญบางอย่างจึงหันกลับมาอีกครั้ง
“ฉันลืมถามว่านายชื่ออะไร”
“ฉันชื่อ ลู่หาน”
“หวัดดี ฉันเซฮุน ขอบคุณนะที่ช่วย”
ลมเย็นๆพัดมาทำเอาลู่หานตกใจ เซฮุนเป่าลมเบาๆใส่หน้าผากเขา ก่อนจะเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีออกไปจากห้อง
คนประหลาดมาเป่าลมใส่คนอื่น แต่ยังมีอีกเรื่องที่ประหลาดกว่า
ทำไมเขาอ่านใจผู้ชายคนนี้ไม่ได้
ชานยอลและแบคฮยอนวิ่งมาไกลถึงอีกด้านของโรงเรียน ทั้งคู่วิ่งเข้าไปหลบในเรือนเพาะชำ ภายในมีดอกไม้มากมายหลายชนิด เดาจากสายตาน่าจะมากกว่า 100 ชนิด
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูทำเอาคนที่ยืนดูดอกไม้เพลินๆถึงกับวิ่งหาที่หลบไม่ทัน เขาสองคนจึงวิ่งไปหลบตรงมุมของเรือนเพาะชำ หลังขอนไม้ใหญ่
ร่างบางอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงเดินเข้ามาภายใน ผมสีดำสนิท เข้ากับใบหน้าขาวเนียน รอยยิ้มบางๆปรากฏให้คู่สนทนาของเขา ลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ยิ่งดูยิ่งงดงามราวดอกไม้ที่บริสุทธิ์พวกนี้
ชานยอลลอบมองสองคนที่สนทนากันอยู่ หนึ่งในคู่สนทนาที่ทำให้เขาสนใจได้
พี่ชายของเขา
“ดอกไม้ที่ฉันฝากไว้เป็นเช่นไรบ้าง” คริสเอ่ยถามร่างบาง
“กำลังโต ออกดอกสวยงามเชียว”
“เลย์ ระวัง!”
คริสเรียกชื่อร่างบางก่อนที่ขาจะสะดุดกระถางต้นไม้ของตนเอง มือหนาโอบร่างบางนั้นไว้ ทั้งสองยิ้มให้กัน
“ฉันเนี่ย ซุ่มซ่ามจริงๆเลย”
“ถึงต้องมีคนดูแลไง” คริสพูดออกมาเบาๆ
“ห๊ะ! คริสว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกว่า ถึงต้องดูแลตัวเองดีๆไง”
“อ่อ ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยพยาบาลนะ ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ ครับ พ่อพยาบาลคนเก่ง”
“ถึงแล้วววว นี่ไงดอกไม้ของคริส”
“สวยดี สวยเหมือนคนดูแลเลยนะ” เขาพูดพร้อมหันมองคนฟังด้วยสายตาอ่อนโยน
“พูดเป็นเล่น”
“ฉันมาดูแค่นี้แหละ มีงานต้องเคลียร์มากมาย ฝากด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันกับดอกไม้แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันเลย”
ทั้งสองเดินออกไปแล้ว ยังเหลืออีกสองคนที่อยู่หลังขอนไม้ใหญ่ ชานยอลมองพี่ชายตัวเองจนลับตาไป เขาเก็บความสงสัยต่างๆนานาไว้
พี่ชายเขายิ้ม?
พี่ชายเขาชอบดอกไม้?
พี่ชายเขาดูอ่อนโยน?
มันไม่ใช่สไตล์ พี่ชายที่เขารู้จักเลยสักนิด คริสพี่ชายเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ จริงจังกับทุกอย่าง และเขาก็ไม่เคยรู้ว่าพี่ชายเขาจะชอบดอกไม้
“เมื่อกี้ พี่ชายนายไม่ใช่เหรอ”
แบคฮยอนหันไปถามชานยอลแต่ด้วยความที่ทั้งคู่ใกล้กันมากเกินไป แก้มนุ่มจึงชนเข้ากับจมูกโด่งอย่างจัง แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย
“นายหอมแก้มฉัน” แบคฮยอนแหวทันที
“นายรึเปล่าที่หันแก้มมาชนดั้งฉัน”
“ไม่รู้…ยังไงนายก็หอมแก้มฉัน”
“หอมคืนไหมล่ะจะได้หายกัน” ชานยอลยื่นแก้มใส่แบคฮยอน
“ออกไปเลย…ฟ้าผ่าตายพอดี”
ชานยอลลุกขึ้น เขาเดินผ่านแบคฮยอนออกไป
“เดี๋ยว… ขาชาลุกไม่ขึ้น” มือเล็กจับขากางเกงร่างสูงไว้แน่ นัยน์ตาเล็กกระพริบปริบเหมือนเด็ก
“ตัวนายอ้วนไง นั่งทับขาตัวเองเลยชา”
“จะไม่กวนประสาทสักครั้งได้ไหมเนี่ย”
“ไม่ได้” ร่างสูงตอบอย่างเย็นชา
“ช่วยก่อน” แบคฮยอนยื่นแขนของเขาให้ชานยอล
ชานยอลจับมันหมายจะดึงขึ้นมา แต่แบคฮยอนคงหนักไปจริงๆ ทำเอาเขาที่ออกแรงดึงเต็มที่ถึงกับล้มลงไปนอนทับบนร่างเล็กนั้น
เพร้ง!
เสียงกระถางต้นไม้หล่นลงมาจากแรงกระทบของร่าง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงนัยน์ตาของสองคนที่สบกันเท่านั้น
“ทำอะไรกันนะ” เลย์ที่เดินเข้ามาตามเสียงแตกของกระถาง เขากลับพบสองคนที่ไม่คุ้นหน้านอนทับกันอยู่
เสียงเลย์ทำเอาสองคนผละออกจากกันทันที
“เธอสองคนเป็นใคร”
“เราสองคน…เอ่อ…”
“นักเรียนหอเอ็กโซ เหรอ?” เลย์ที่สังเกตเห็นเข็มกลัดชิงตอบก่อน
“ครับ” สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วพวกเธอมาทำอะไรที่นี่”
“เรื่องมันยาวนะครับ เอาเป็นว่าพวกผมไม่ได้มาทำอะไรไม่ดีแน่ๆ” แบคฮยอนตอบออกไป
“เอาเป็นว่า รีบออกไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันการเอง”
“ครับ แล้วรุ่นพี่คือ…” ชานยอลเลือกที่จะถาม
“ฉันชื่อ เลย์ เป็นหัวหน้าหน่วยพยาบาลของหอพัก”
“รุ่นพี่รู้จักกับ…อุ๊บ”
ก่อนจะไดถามออกไป แบคฮยอนก็โนชานยอลเอามืออุดปากไว้แล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เราขอโทษที่ทำกระถางรุ่นพี่แตกนะครับ เราสองคนขอตัวก่อน”
“ไม่เป็นไร รีบไปเถอะ”
ชานยอลลากเด็กปากเปราะออกไป เลย์ได้แต่ยืนมองเด็กสองคนเดินไปจนลับตา ทำไมเด็กผู้ชายร่างสูงคนนั้น ช่างหน้าตาเหมือนคนที่เขารู้จักนัก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ตามหาเด็กคนนั้นเจอไหม” เสียงทุ้มเอ่ยกับลูกชายของตน
“ยังไม่พบครับ” คนเป็นลูกตอบเขา
“เร่งมือหน่อย ตามหามันแล้วจับตาดูมันให้ดี”
“ทราบครับ”
“ฉันส่งแกไปเรียนที่นั้น แกรู้ดีใช่ไหมว่าเพราะอะไร”
“ครับ คนพวกนั้นมันทำลายครอบครัวพวกเรา พวกเราต้องทำลายมัน”
“แบบนี้สิ ถึงสมเป็นลูกฉัน”
มือหนาตบบ่าลูกชายของตน
ความคิดเห็น