คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [The Guardian] : Chapter 1
Chapter 1
“หนีไป!”
“แต่พ่อ…”
“ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นพ่อ แกต้องหนีไป”
“…พ่อ…ไม่…พ่อ”
เสียงครางเล็กๆดังออกมาปลุกร่างสูงที่นั่งหลับข้างๆตื่นขึ้น นัยน์ตาสีดำพยายามปรับโฟกัสให้ภาพชัด มือหนาพยายามจัดผมสีแดงของตน ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองร่างเล็กที่นอนละเมอไม่ได้สติอยู่
เสียงเบาเกินกว่าจะได้ยิน ทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีดำจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่นาน เสียงครางแบบนั้นเป็นที่น่าหงุดหงิดใจสำหรับเขายิ่งนัก ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปหวังจะฟังว่าร่างเล็กละเมออะไร เขาก้มลงจนระยะห่างระหว่างจมูกโด่งของเขากับจมูกเล็กห่างกันไม่มาก
นัยน์ตาของร่างสูงพิจารณาใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นอยู่นาน พลางคิดในใจ
…ก็น่ารักดี…
อาจจะดูมอมแมมยังกับลูกหมาคลุกขี้โคลนไปนิด แต่ถ้าล้างออกให้สะอาดสะอ้านมันก็ดูดีไม่ใช่น้อย เขามองอยู่นาน พลางตั้งคำถามว่า ทำไมพี่ชายเขาต้องมาช่วยผู้ชายคนนี้
“…พ…พ่อ…ไม่…”
เสียงละเมอดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาร่างสูงได้สติขึ้นมา เขาเอียงหูเข้าไปใกล้ปากเล็กๆที่ละเมอไม่ได้ภาษา
“ไม่…ไม่…ไม่”
โป๊ก!
“โอ้ย!/โอ้ย!”
สองเสียงดังออกมาพร้อมเพรียงกัน มือหนากุมขมับข้างที่โดนกระแทก ส่วนมือเล็กของคนที่นอนบนเตียงกุมที่หน้าผากของตัวเอง
ร่างเล็กตื่นแล้ว มือยังคงกุมหน้าผากตัวเองต่อไป แต่นัยน์ตากลับกวาดมองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย ห้องขนาดกว้าง ดูเหมือนจะเป็นห้องนอนแขก เพราะภายในตกแต่งไม่มากนัก ข้าวของเครื่องใช้ก็แทบไม่มีอยู่เลย
…เขาอยู่ที่ไหน?...
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มทักทายขึ้น ทำเอาสติเขากลับมา นัยน์ตาที่มองข้าวของเครื่องใช้เปลี่ยนมามองคนตรงหน้าเขา
“นายเป็นใคร?” ร่างเล็กขมวดคิ้วน้อยๆถามคนตรงหน้า
“ถามฉัน?” ร่างสูงขมวดคิ้วสงสัยไม่ต่างกัน
“แล้วทั้งห้องมันมีใครให้ถามอีกไหมล่ะ!” ร่างเล็กเริ่มขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้า
“ก็…ไม่มี นายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“ถ้ารู้แล้วจะถามหาอะไรล่ะครับพ่อคุณ”
คำตอบเหมือนมีเส้นบางๆกั้นระหว่างคำว่า…ซื่อ…และ…กวนตีน
“แล้วตกลงนายเป็นใคร”
“…คน…” ใบหน้าหล่อเวลายียวนมันน่าถีบจริงๆ
“เหรอ! นึกว่าถามหมาอยู่” คิ้วบางๆยักขึ้นเป็นการท้าทายคนตรงหน้า
“ชักจะมากไปแล้วนะ”
“ก็นายกวนตีนฉันก่อนนิหว่า”ร่างเล็กถลกแขนเสื้อตัวเก่าของตัวเองขึ้น
“ไม่รู้บุญคุณคน”
บุญคุณอะไร!
แบคฮยอนนั่งครุ่นคิดสักพัก เขากำลังทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาโดนนักเลงทำร้าย แล้วเผลอปล่อยแสงแปลกๆออกไป พ่อพาเขาหนีไป เราสองคนไปได้แค่ครึ่งทางก็โดนพายุกระหน่ำใส่ จากนั้นมีพวกคนชุดดำ
คนชุดดำที่คิดจะทำร้ายเขา
“แก!” สรรพนามเปลี่ยนทันที
“…”
“แก คือ พวกชุดดำใช่ไหม?”
“ห๊ะ!”
“แก คิดจะทำร้ายฉัน แล้วแกก็ทำร้ายพ่อฉัน”
“เดี๋ยวนะ ฉันว่านายกำลังเข้าใจผิด”
“ไม่ผิดแน่ พ่อฉันอยู่ไหน” ร่างเล็กที่เคยนั่งอยู่บนเตียง ยืนจังก้า นิ้วเรียวกำลังชี้หน้าหล่อเหลาคนตรงหน้าอยู่
มือหนาขยี้ผมสีแดงของตน มองดูร่างเล็กที่กล้าหาญชาญชัยสุดติ่ง นี่ถ้าเขาคือพวกคนร้ายจริงๆป่านนี้หมอนี้ไม่รอดเงื้อมมือโดนโยนลงตึกตายไปแล้วล่ะ
“แกเอาพ่อฉันไปขังใช่ไหม” ไม่ว่าเปล่า แบคฮยอนกระโดดลงจากเตียงหมายจะออกไปข้างนอก
แขนแกร่งของเจ้าของเรือนผมสีแดงกอดรัดเอวบางตรงหน้าดึงเข้ามาบนตักของตนเอง อีกแขนที่ยังว่างบัดนี้ไม่ว่างแล้ว ต้องเข้ามาเสริมทัพ เพื่อหยุดเจ้าคนดื้อด้าน
“ปล่อยนะเว้ย!”
“ก็ฟังกันก่อนได้ไหมล่ะ”
“ไม่ฟัง แกบอกมานะว่าเอาพ่อฉันไปไว้ไหน”
ร่างเล็กไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น ดิ้นไปดิ้นมา จนในที่สุดร่างสูงทนไม่ไหวต้องกอดร่างทั้งร่างล้มลงบนเตียง ก่อนเขาจะหันกลับมาคร่อมร่างนั้นไว้ มือเล็กถูกจับยึดไว้ส่วนบนที่นอน ขาเล็กๆที่กำลังดิ้น ถูกแรงหนักๆจากขอที่แข็งแรงกว่ากดยึดไว้ เหลือแต่ปากนี่แหละที่หยุดไม่ได้
“ปล่อยฉัน!”
“นายก็หยุดโวยวายแล้วฟังก่อนได้ไหม”
“ไม่ๆๆๆๆๆๆ…ม…อื้อ!!”
เสียงโวยวายน่าหนวกหูถูกกลืนเข้ากลับลงไปที่ลำคอทันทีที่ร่างสูงประกบริมฝีปากหนาลง ริมฝีปากบางขบเม้มไว้ทันเวลา ทำให้คนร่างสูงไปสามารถลุกล้ำได้มากกว่านี้ ร่างเล็กถูกตรึงไว้หมดจึงทำให้เขาได้เพียงส่ายหน้าไปมาหนีจูบนั้น จูบร้อนเริ่มไล่ตามลำคอและแก้มนุ่มทำเอาคนที่เก่งแต่ปากเมื่อครู่ อ่อนแรงลง เนิ่นนานพอควรกว่าร่างสูงจะผละออก
“ทีนี้ฟังได้หรือยัง”
“ไอ้…” ริมฝีปากบางกำลังจะจัดคำด่าสักชุด แต่ก็ชะงักเมื่อร่างสูงขู่เข้าให้
“พูดออกมาอีกคำเดียว นายโดนอีกรอบแน่”
“…” ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าไปเหมือนเดิม แก้มนุ่มขึ้นสีอยู่นิดๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลกรอกไปทางอื่น ภาพแบบนี้เล่นเอาคนมองหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ตลกมากไหม” ปากไวไวมันอดไม่ได้จริงๆที่จะถาม
“ก็มากอยู่ คนอะไรทำหน้างอเหมือนหมาเลย”
“ไอ้นี่”
“ขึ้นไอ้เลยเหรอ เดี๋ยว…” ใบหน้าหล่อก้มลงมาอีกครั้ง เล่นเอาคนพูดเกือบหลบแทบไม่ทัน
“…”
“เข้าเรื่องสักที ฉันไม่ใช่พวกชุดดำ”
“เชื่อตาย!”
“ไม่เชื่อก็ได้ แต่ถ้าฉันเป็นพวกชุดดำจริงๆนายไม่ได้มานอนให้ฉันคร่อมแบบนี้หรอก”
แบคฮยอนลองคิดตาม มันก็จริง! ถ้าหมอนี่เป็นพวกชุดดำเขาคงไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาโหวกเหวกโวยวายแบบนี้เป็นแน่
“แล้วนายเป็นใคร”
“เป็นคนที่ช่วยชีวิตนาย”
“ช่วยฉัน!”
เขาไม่อยากเชื่อ เด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาเนี่ยนะ จะมีพลังแกร่งกล้าอาจหารต่อกรกับพวกคนชุดดำพวกนั้นได้
“เป็นไปไม่ได้นายจะเอากำลังที่ไหนไปสู้กับคนพวกนั้น”
“โลกนี้มันมีอะไรให้เหลือเชื่อหลายอย่างนะ เจ้าหนู”
เสียงปริศนาดังเข้ามา เด็กหนุ่มทั้งสองหันไปมองผู้เข้ามาใหม่ ชายสูงวัย ผมสั้นสีดำเข้ากับใบหน้าที่ดูหน้าเกรงขาม ผิดกับนัยน์ตาอ่อนโยนที่ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ชุดคลุมยาวที่แบคฮยอนดูแล้วต้องเป็นคนสูงศักดิ์แน่ อีกสิ่งที่เรียกความสนใจได้คือ บุรุษหนุ่มทางด้านหลัง นัยน์ตาเฉียบคม เข้ากับใบหน้าหล่อไม่แพ้ไอ้คนปากหมาที่คร่อมเขาอยู่ เรือนผมสีดำแต่ไม่สนิทเหมือนแบคฮยอน จะมีประกายบลอนด์เมื่อโดนแสงแดดกระทบ เสื้อเชิ้ตสีดำเข้ากับกางเกงรัดรูปหนังสีดำอย่างหาที่ติไม่ได้
“คุณตาคือ…”
“ฮ่าๆๆๆ เรียกฉันตาเลยเหรอแบคฮยอน ฉันคงไม่แก่ขนาดนั้นมั้ง ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยแหละ”
“…” แบคฮยอนขมวดคิ้วสงสัย
“แล้วไอ้ท่านั้นนะ จะอยู่กันอีกนานไหม”
คำทักท้วงที่เล่นเอาสองคนที่ฟังกุลีกุจอลุกแทบไม่ทัน
แบคฮยอน นั่งโซฟารับแขกของบ้าน นัยน์ตาใสๆมองสำรวจบ้านหลังโตไปทั่ว บ้านขนาดนี้ต้องพวกผู้ดีเข้าขั้นมหาเศรษฐีเลยแหละ ถ้าเกิดเขาเอาของวิเศษจากสต็อกที่บ้านมาหลอกขายคงได้เงินไม่น้อยเลย หรือบางทีอาจจะได้จนอยู่สบายไปทั้งชาติเลย
“อย่าคิดหยิบอะไรออกจากบ้านฉันล่ะ”
คำพูดเข้าหูสุดๆแบบนี้มาจากใครไปไม่ได้นอกจากไอ้คนร่างสูงที่นั่งทำหน้ากวนบาทาตรงเก้าอี้ข้างๆเขา บ้านหลังนี้คงเป็นบ้านหมอนี่สินะ คนอะไรไม่น่าเกิดมาในตระกูลผู้ดีเลย
“เจ้าชื่อแบคฮยอนสินะ” ชายสูงอายุเอ่ยถามขึ้น
“ครับคุณตา”
“ฉันชื่อ ซูมาน เป็นเจ้าของโรงเรียนผู้วิเศษ เอสเอ็ม”
“อะไรนะครับ! เจ้าของโรงเรียนผู้วิเศษ”
“ไม่เคยได้ยินเหรอ” โรงเรียนชื่อดังขนาดนี้ แต่แปลกยังมีคนไม่เคยได้ยิน
“ก็เคยได้ยินอยู่บ้าง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมีจริง”
“ฉันบอกแล้ว ว่าโลกนี้มีอะไรน่าเหลือเชื่ออีกมากมาย”
“คุณตาเป็นถึงพวกผู้มีพลังพิเศษ แล้วทำไมอยากจะคุยกับคนธรรมดาแบบผม”
“ธรรมดาเรอะ! พูดผิดพูดใหม่ได้นะ”
แบคฮยอนยังคงสงสัย เขาไม่ได้พูดผิดตรงไหน เขามันคนธรรมดาจริงๆไม่อิงนิยายเล่มไหนทั้งนั้น
“ถ้าเธอธรรมดาจริงๆ แล้วแสงที่ออกมาจากมือเธอเรียกอะไรล่ะ”
“คุณตารู้…” นัยน์ตาเล็กใสแจ๋วขึ้นมาทันที
“พลังพิเศษของเด็กพิเศษแบบเธอ ไม่สามารถรอดพ้นสายตาฉันไปได้หรอก”
“ถ้าคุณตารู้ ผมก็มีเรื่องอยากจะถาม ข้อแรก ผมมีพลังพิเศษได้ยังไง ข้อสอง คนชุดดำพวกนั้นเป็นใคร แล้วข้อสุดท้ายอันนี้พีคสุด พ่อของผมอยู่ไหน”
แววตามุ่งมั่นถูกส่งไปยังผู้ฟัง
“ฉันไม่ตอบหรอก ทุกอย่างเจ้าจะต้องค้นหาเองนะเจ้าหนู”
“ไหงเป็นงี้อ่ะคุณตา”
“คำถามทุกอย่างมีคำตอบหมด แต่คนถามควรจะพยายามค้นหาคำตอบเหล่านั้นด้วยตัวเอง”
“ผมไม่เข้าใจ”
“เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจเองแหละเจ้าหนู”
“คุณตาจะไม่ตอบข้ออื่นผมก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็ขอให้ตอบข้อสุดท้าย พ่อผมอยู่ไหน”
“พ่อเจ้าเป็นคนเก่งกาจ ฉันมั่นใจว่าเขาต้องรอดกลับมาหาเจ้าแน่ มีแต่ตัวเจ้าเองนั่นแหละเจ้าหนูที่จะไม่ปลอดภัย”
“ผม??”
“คนชุดดำที่นายพบต้องการตัวนาย เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือ นายต้องเข้าไปอยู่ในโรงเรียน”
เสียงทุ้มต่ำจากบุรุษร่างสูงที่นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
“ทำไมผมต้องไป” คำถามเริ่มหลั่งไหลจากริมฝีปากบาง
“โรงเรียนมีอาณาเขตพิเศษที่สร้างไว้ป้องกันพวกนั้นอยู่ มันจึงเป็นที่เดียวที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนโดนล่าแบบนาย”
“โอ้ย! ผมชักงงไปใหญ่แล้ว ทำไมผมโดนล่า”
“คนสมองทึบแบบนายรู้ไปก็ใช่จะเข้าใจ”
แบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่คนปากเปราะ
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอกเจ้าหนู เอาเป็นว่าโรงเรียนปลอดภัยที่สุดแล้ว วันนี้เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้เป็นวันเปิดการศึกษาพอดี เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีแล้วกัน”
“…”
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเพื่อนสนิทฉันเอง เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังวิเศษ ส่วนสองคนนี้เป็นลูกชายของเขา คนพี่ชื่อคริส ส่วนคนน้องชื่น ชานยอล เธอสองคนอายุเท่ากัน น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ดีนะ”
เพื่อนที่ดี…ฝันไปเถอะ
ม้าเทียมเกวียนมาจนถึงหน้าโรงเรียน ประตูบานใหญ่เปิดรอต้อนรับนักเรียนปีหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ รถม้าจำนวนมาก ผู้คนต่างๆเดินขวักไขว่กันเต็มหน้าประตู นอกจากนี้กำแพงยังมีธงประดับอยู่ด้วยกันสี่ผืน แต่ละผืนมีสีและสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ผืนแรก สีแดง สัญลักษณ์ เป็นรูปคล้ายกลุ่มดาว
ผืนที่สอง สีน้ำเงิน สัญลักษณ์เป็นรูปวงแหวน
ผืนที่สาม สีเขียวอมฟ้า สัญลักษณ์เป็นรูปตัวอักษรว่า SHINee เรียงต่อกัน
ผืนสุดท้าย สีเทา สัญลักษณ์เป็นหกเหลี่ยม
นัยน์ตาเล็กมองด้วยความสงสัย ธงเหล่านั้น สัญลักษณ์พวกนั้นคืออะไรกัน รถม้าแล่นเข้ามาเรื่อยๆ เขาเริ่มเห็นนักเรียนของโรงเรียนนี้บ้างแล้ว ทุกคนแต่งกายเหมือนกันหมด เสื้อคอปกสีขาว แขนมีลักษณะคล้ายแขนตุ๊กตาแต่งยาวถึงข้อมือ ส่วนชายเสื้อเป็นแบบรัดรูปพอดีสะโพก ถ้าเป็นผู้ชายจะใส่กางเกงสีดำรองเท้าผ้าใบสีดำ ส่วนผู้หญิงเป็นเอี๊ยมกระโปรง ถุงน่องยาวสีดำคู่กับรองเท้าหนังสีดำ ถึงจะเหมือนกันแต่ก็มีสิ่งที่แตกต่างกันอยู่ คือ เข็มที่ติดตรงเสื้อแตกต่างกัน
“บ้านนอกเข้ากรุงจริงๆ”
“กรุงไหน นี่มันโรงเรียนชัดๆ”
เส้นบางๆเส้นนั้นกลับมาอีกแล้ว ซื่อ…หรือ…ตั้งใจกวนตีน
“ยังไงนายก็บ้านนอก”
“โถๆๆ พ่อคนในเมือง” แบคฮยอนแลบลิ้นปริ้นตาใส่หนึ่งที สาเหตุมาจากอาการหมั่นไส้ล้วนๆ
“นี่!” มือหนาอดไม่ไหว ดึงลิ้นเล็กๆเต็มแรง
“โอ้ย! ไอ้บ้าถ้าลิ้นฉันขาดจะทำยังไง”
“ก็ดี นายจะได้ไม่ต้องพูดกวนประสาทฉันอีก”
ทั้งสองแยกเขี้ยวใส่กัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้กัน เถียงกันยังไงก็ไม่มีวันจบ เถียงกันจนถึงหน้าลานขนาดใหญ่กลางโรงเรียน
ชานยอล และแบคฮยอนเดินไปรวมตัวกับนักเรียนปีหนึ่ง ถึงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้คงจำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยก็ไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียว
“ขอต้อนรับนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนผู้วิเศษ เอสเอ็ม ฉันในฐานะ ผู้อำนวยการขอกล่าวต้อนรับสั้นๆให้กับพวกเจ้าทุกคน การอยู่ที่โรงเรียนนี้มีกฎมากมายนานับประการ แต่มีข้อที่สำคัญที่สุด คือฉันอยากให้พวกเจ้าทุกคนรักและสามัคคีกัน การอยู่ร่วมกันของคนหมู่มากที่มาจากต่างฐานะ ต่างครอบครัวแต่ที่นี่ทุกคนอยู่ในฐานะเดียวกันหมด ไม่สูงไม่ต่ำกว่ากัน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวเอสเอ็มแห่งนี้กัน”
เสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ คำกล่าวของผู้อำนวยการจบลง ตามด้วยหญิงร่างบางที่เดินขึ้นมาบนเวทีแทน
“ฉันมิสโบอา เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนแห่งนี้ ต่อจากนี้ เราจะมีการเลือกหอพักสำหรับปีหนึ่ง ซึ่งที่นี่จะมีทั้งหมด 4 หอพัก ได้แก่ หอพักดงบังชินกิ มีธงสีแดงเป็นธงประจำหอ สัญลักษณ์คือ ดาวเคราะห์ W หอพักนี้เรียกอีกชื่อว่า หอพักสูงสุด
“…หอพักต่อมา หอพักเอสเจ มีธงสีซัพไฟร์บลูเป็นธงประจำหอ สัญลักษณ์คือ วงแหวนดาวเสาร์ หอพักนี้เรียกอีกชื่อว่า หอพักอารี หอพักที่สาม หอพักชายนี่ มีธงสีเพิร์ลอควาเป็นธงประจำหอ สัญลักษณ์คือ ตัวอักษร SHINee หอพักนี้เรียกอีกชื่อว่า หอพักความรู้
“…หอพักสุดท้าย หอพักเอ็กโซ มีธงสีซิลเวอร์เป็นธงประจำหอ สัญลักษณ์คือ รูปหกเหลี่ยม หอพักนี้เรียกอีกชื่อว่า หอพักผู้พิทักษ์”
อลังการงานสร้างจนไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบได้จริงๆ เอาตามตรงแบคฮยอนไม่ได้สนใจฟังตั้งแต่หอแรกแล้ว ชื่อก็ยาว ธงอะไร สัญลักษณ์อะไรเยอะแยะไปหมด หนักหัวเขาเปล่าๆ สำหรับเขาที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ
ขั้นตอนการคัดเลือกเข้าหอพักคือ นักเรียนใหม่ทุกคนต้องเข้าไปในกำแพงหินที่มีลักษณะคล้ายเขาวงกต แค่เข้าไปตอบคำถาม
ชื่อต่างๆถูกขานให้เข้าไปรับการทดสอบเรื่อยๆ จนถึงชื่อของ…
“ปาร์ค ชานยอล”
ร่างสูงเดินเข้าไปอย่างกล้าหาญ เขาผ่านกำแพงสูง ขายาวเดินช้าๆ ตามทางเดินไปจนพบประตูสี่ประตู ประตูทั้งสี่มีสัญลักษณ์ของหอพักต่างๆสลักอยู่ มองปราดเดียวก็ทราบว่านี่คือ ทางเข้าหอพักต่างๆ
เขาไม่รอช้าเดินตรงดิ่งไปที่ประตูบานใหญ่สลักสัญลักษณ์หกเหลี่ยมทันที มือหนากำลังดันประตูนั้นโดนไม่รอให้มันเปิดเอง ขายาวที่กำลังจะก้าวเข้าไปต้องชะงักเล็กน้อย กับเสียงปริศนาที่กล่าวทักทาย
“เดี๋ยวก่อนเด็กน้อย เจ้าช่างอาจหาญนักที่เลือกหอพักเอง” เสียงมาจากประตูที่ 1
“น่านซิ พวกข้าต้องเป็นคนคัดเลือกให้ถึงจะถูก” เสียงมาจากประตูที่ 3
“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับผมหรอก ผมรู้ลิมิตความเหมาะสมของตัวเองดี จะมีใครรู้จักตัวเราดีเท่าตัวเราอีกแล้วล่ะพวกท่าน”
ฉลาดที่จะตอบ
มีความเหย่อหยิ่งในตนเองสูง
“บางทีพวกเราที่เหลืออาจจะทำให้เจ้าก้าวหน้าได้มากกว่าที่เจ้าคาดคิดนะ”
“ไม่ล่ะ คนอย่างผมถ้าเลือกอะไรแล้วไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ”
พูดจบคนอวดดีเดินเข้าประตูอย่างไม่รอใครมาทักท้วงอีก หลังประตูเขาพบกับคนที่ทิ้งเขาไว้สองต่อสองกับเพื่อนแปลกหน้าจอมกวน
…พี่ชายเขา…
“เร็วดีนิ” คริสเอ่ยทักน้องชายของตน
“ก็ไม่ได้ยากอะไรนิ ผมอยากได้ที่ไหนก็ผลักประตูเข้ามาให้มันจบๆ”
เหมือนกันไม่มีผิด
คริสมองดูน้องชายตัวเอง เหมือนได้ย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ปีหนึ่ง ตอนเข้าประตูศักดิ์สิทธิ์คัดเลือกหอ เขาก็เลือกตรงดิ่งมาที่นี่อย่างไม่ลังเล ไม่สนคำทักท้วงของประตูที่เหลือ สายเลือดเดียวกันมันก็คงไม่ต่างกันหรอกจริงไหม
“บยอน แบคฮยอน” เกือบจะเป็นชื่อสุดท้ายที่ถูกขานซะแล้ว
แบคฮยอนเดินเข้าไปอย่ากล้าๆกลัวๆ อะไรเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในมีอะไร ตายแน่งานนี้
แบคฮยอนเดินมาหยุดหน้าประตูทั้งสี่
“เด็กน้อยน่ารัก”
“เฮ้ย!” ตกใจแทบหงายกับประตูพูดได้
“แต่ขี้ตกใจไปนิด” เสียงมาจากประตูที่ 2
“จะไม่ให้ตกใจได้ไง อยู่ดีๆประตูก็พูดกับคนได้”
“เป็นคนตรงไปตรงมาด้วย คิดอะไรก็พูดแบบนั้น รู้ไหมอุปนิสัยแบบนี้อันตรายนะ” เสียงมาจากประตูที่ 4
“แล้ว…พวกคุณประตูคือคนคัดเลือกหอพักเหรอ”
“ไม่มีการเตรียมตัวด้วย” เสียงมาจากประตูที่ 3
“เอาล่ะ มาดูสิว่าเจ้าเป็นคนประเภทไหนเด็กน้อย”
“ข้ามีสิ่งให้เจ้าเลือก 4 อย่าง การมีอำนาจ ความโอบอ้อมอารี ความรู้ ความกล้าหาญ เจ้าจะเลือกอะไร” คำถามมาจากประตูที่ 1
“การมีอำนาจ ไม่เอาดีกว่า มีไปก็ต้องกลัวคนมาแย่งชิง กลายเป็นพวกหวาดระแวงซะเปล่า ความโอบอ้อมอารีเหรอ ไม่เอาด้วย ตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะมีกินอยู่แล้วจะไปโอบอ้อมให้ใครอีก ให้เป็นเรื่องของพวกมีกินมีใช้ทั้งชาติดีกว่า
…ส่วนความรู้ อันนี้ก็ดีนะผมว่า ผมมันก็คนไม่เคยเรียนหนังสือ ถ้าได้ก็คงดี แต่ไม่เอาดีกว่า พวกมีความรู้มากก็น่าปวดหัว มีเรื่องให้คิดเยอะ ผมมันคนชอบคิดน้อยไม่ไหวๆ สุดท้ายความกล้าหาญ อันนี้ไม่เอาเข้าไปใหญ่เลย คนรักตัวกลัวตายแบบผมไม่เหมาะเท่าไหร่หรอก”
การตอบคำถามแบบไม่ลังเลใจใดๆ นี่แหละความกล้าหาญของเด็กคนนี้
“พวกเรารู้แล้วล่ะ ว่าเจ้าเหมาะกับที่ไหน”
“หอพักเอ็กโซ เป็นหอพักขนาดใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออกของโรงเรียน ภายในจะแบ่งเป็น 12 ชั้นโดยชั้นล่างสุดจะเป็นห้องอาหาร ห้องอาหารที่นี่เรียกว่า ห้องอาหารกาแล็กซี่…”
“ชื่อตลกชิปหาย” สายตาทุกคู่หันมามองคนปากเปราะ
ชานยอลที่ยืนข้างๆอดไม่ได้จริงๆจึงเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองยัดปากเจ้าตัวเข้าให้ แบคฮยอนทำได้แค่หันไปคาดโทษ
“ชั้นต่อมาจะเป็นห้องนั่งเล่นกับห้องประชุมงานต่างๆ ส่วนที่เหลืออีกสิบชั้นจะเป็นห้องพักทั้งหมดตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีห้า ทุกคนเข้าใจตรงกันนะ"
คริส…ประธานหอพักกล่าวขึ้น
“ครับ/ค่ะ”
“วันนี้ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว ฉันจะให้ไปพัก โดยพวกเธอจะพักกันห้องละสามคน ซึ่งจะเป็นกลุ่มทำงานให้หอพักตลอดทั้งปี ไม่มีการย้ายเพราะเราจัดให้ตามความเหมาะสมแล้ว หอพักพวกเธออยู่ชั้นสามและสี่ ชื่อพวกเธอจะติดอยู่หน้าประตูห้อง เข้าใจตรงกันนะ”
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะทุกคนไปพักได้”
จบเสียงประธานหอพักก็มีเสียงวุ่นวายของเด็กปีหนึ่งเข้ามาแทน ทุกคนต่างเร่งรีบไปหาห้องพักของตัวเอง ชานยอลและแบคฮยอนก็เหมือนกัน ทั้งคู่วิ่งวุ่นหาห้องพักของตัวเองไปทั่ว
“เจอแล้ว”
สองเสียงร้องดีใจออกมาพร้อมกัน
ปาร์ค ชานยอล
บยอน แบคฮยอน
แบคฮยอนมองชื่อในกระดาษแล้วทำให้เขาอยากไปกระชากคอคนจัดห้องพักเสียจริง คนมีเยอะแยะทำไมจะต้องมาซวยได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับไอ้บ้าชานยอลด้วย แล้วอยู่กันทั้งปี ฤกษ์ดีสุดๆไปเลย
“ซวยสุดๆ”
“ไม่ต่างกัน”
ทั้งสองจำใจต้องเดินเข้าไปในห้อง ห้องนอนเป็นห้องขนาดใหญ่ มีเตียงสองชั้นเตียงหนึ่ง ส่วนอีกเตียงเป็นเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ส่วนตรงกลางห้องมีโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือสามตัว นอกจากสิ่งของแล้วทั้งสองยังสังเกตเห็นเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่เข้ามารอก่อนอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มร่างสูง เรือนผมสีน้ำตาลขับกับผิวขาวน้ำนมของเขา ใบหน้าเรียวได้รูปเข้ากับสันจมูกโด่ง การแต่งกายดูเท่ไม่น้อย กางเกงยีนขาดเข่า กับ เสื้อฮู๊ดสีดำ ดูๆไปอาจจะหล่อสูสีชานยอลเลยก็ได้
“นี่นาย” ชานยอลเดินเข้าไปสะกิดคนหลับลึกอยู่
“…อือ…” นัยน์ตาสีน้ำตาลปรือเล็กน้อย ก่อนจ้องตรงมาที่สองคนที่ยืนอยู่หน้าเขา
“หาว…สวัสดี…เพื่อนร่วมห้อง” คำทักทายออกมาจากริมฝีปาก “นายแบคฮยอนสินะ ส่วนนายชานยอล” นิ้วเรียวชี้หน้าเพื่อนร่วมห้องสองคน พร้อมเอ่ยชื่อออกมา
แต่…มันผิด
“ฉันชานยอล ส่วนไอ้เตี้ยข้างๆเนี่ยแบคฮยอน”
“เตี้ยเหรอไอ้…” เสียงเล็กๆโดนขัดขึ้นก่อน
“หวัดดี ฉัน โอ เซฮุน”
นามสกุล…โอ…
ตระกูลชื่อดัง…พวกผู้ใช้พลังพิเศษลม
ชานยอลมองเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่น่าสนใจไม่น้อย มองดูเผินๆเซฮุนอาจจะดูไม่มีพิษสง แต่ตามที่เล่ากันมาคนตระกูลโอก็ไม่ต่างจากลม พัดไปมาทางนู้นทีทางนี้ที ไว้ใจได้ยาก แล้วยังไม่มีใครระบุได้ว่า ตระกูลนี้ประกอบอาชีพอะไรกันแน่
“นายสองคนนี่ช้าจริงๆกว่าจะมาได้ฉันนอนไปสามปีแล้ว”
“ถ้านานขนาดนั้นไม่เรียกว่า นอนแล้วมั้ง” แบคฮยอนพูดแกมหมั่นไส้กับคำเปรียบเปรยของหมอนี่
“ช่างมันเถอะ มาก็ดีแล้ว ฉันเลือกที่นอนแล้ว ฉันนอนเตียงเดี่ยว ส่วนเตียงสองชั้นนายสองคนไปบริหารกันเองแล้วกัน”
“ฉันเตียงชั้นล่าง”
ชานยอลกับเซฮุนเดินแยกกันคนละทาง ปล่อยแบคฮยอนยืนมองเพื่อนร่วมห้องที่ไม่สนใจเขาสักนิด ต่างคนต่างจัดข้าวของของตัวเอง
มันคิดว่ามันอยู่กันสองคนหรือไงเนี่ย
“นายสองคน ไม่คิดจะถามความคิดเห็นฉันที่ยืนหัวโด่อยู่นี่เลยหรือไง”
“ฉันเตียงชั้นล่างไง”
“ส่วนฉันเตียงเดี่ยว ประชาธิปไตยแล้วนิ”
“ประชาธิปไตยที่ตกลงกันสองคน มันเรียกประธิปไตยตรงไหนมิทราบ”
“เรื่องมากจริงๆ”
ชานยอลเดินไปหยิบกระเป๋าหนุ่มน้อยขี้บ่นโยนขึ้นชั้นสองอย่างไม่ปราณี ไม่พอเขายังแบกเจ้าตัวดีโยนขึ้นไปกองกับกระเป๋าด้วย
“หมดปัญหา นายนอนชั้นสอง”
“ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย”
“เพราะ ฉันเป็นผู้มีพระคุณของนายไง อย่าลืมนะว่าใครช่วยนาย”
คำว่าบุณคุณค้ำคอขนาดนี้ แบคฮยอนได้แต่แยกขี้ยวใส่ชานยอลเท่านั้น
บรรยายกาศยามค่ำคืนของโรงเรียนหนาวเกินไปสำหรับคนแพ้อากาศเย็นแบบแบคฮยอน ไอ้ที่ไม่อยากนอนชั้นสองเพราะมันมีหน้าต่างนี่แหละ ลมพัดมาทีสะดุ้งตื่นที จะให้ทำยังไงเขาก็ข่มตาหลับไม่ได้จริงๆ
ร่างเล็กตัดสินใจปีนบันไดลงมาจากชั้นสอง อาการง่วงเต็มทีทำให้เขาคลานเข้าไปเตียงชั้นล่างแล้วซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นๆโดนไม่รู้ตัวว่า เจ้าของผ้าห่มนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว
“เห้ย! นายลงมาได้ไง”
“ข้างบนมันหนาวนิ” ตอบคำถามทั้งที่ตายังคงปิดสนิทอยู่
“กลับขึ้นไปเลยมันอึดอัด”
“ไม่เอาๆ มันหนาว ฉันนอนไม่หลับนี่หว่า” ยิ่งพูดยิ่งซุกเข้ามาในผ้าห่มเรื่อยๆ
“แบคฮยอน”
“ไม่ต้องมาเรียกชื่อ อยากขึ้นก็ขึ้นไปเองสิ”
“ไม่มีทางซะหรอก นี่มันที่นอนฉัน”
“…อือ…” ร่างเล็กครางเบาๆ ก่อนซุกหน้าเข้ามาตรงหน้าอกของเขา
ชานยอลมองดูคนหลับง่าย ก่อนพลิกตัวเองไปอีกทาง เขาไม่อยากเถียงอะไรต่อ เพราะตัวเขาเองก็เหนื่อยไม่น้อย ตอนนี้ชาร์ตพลังก่อนพรุ่งนี้ค่อยจัดการเจ้าตัววุ่นวายที่นอนซบแผ่นหลังเขาอย่างมีความสุขแล้วกัน
+++++++++++++++++++
“อะไรนะ! เด็กคนนั้นหายตัวไป” เสียงหนึ่งประกาศก้องออกมา
“ใช่ครับ พวกโรงเรียนเอสเอ็มมาช่วยไว้” ลูกน้องตอบเจ้านายของตน
“ไอ้พวกนี้มันจะลองดีกับฉัน” ใบหน้าเหี้ยมโหดแสดงความโกรธต่อผู้มาท้าทายอำนาจ
“ท่านจะทำอย่างไรสั่งการมาได้เลยครับ”
“ตอนนี้ยังก่อน พลังของข้ายังไม่เต็มที่ บอกลูกชายของเจ้าตามหาเด็กคนนั้นและจับตาดูมันให้ดี”
“ครับท่าน”
++++++++++++++++++++++
ฮั่นแน่! สังสัยล่ะสิ ว่าประโยคด้านล่างคืออะไร ต้องคอยติดตามต่อนะค่ะ
เรื่องนี้ เรายำมาจาก นิยายแนวแฟนตาซีที่ตัวเองชอบล้วนๆเลยยยย
ยังไงก็ติ-ชม กันได้นะค่ะ ไม่ว่าจะติดแท็ก หรือ คอมเม้นเนาะๆๆ ^^
ตอนต่อไป แง้มไว้ก่อนว่า โผล่มาหลายคนเลยยยย อิอิ
ความคิดเห็น