ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Guardian Of SM {Chanyeol X Baekhyun} Feat. EXO

    ลำดับตอนที่ #1 : [The Guardian] : Introduction

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 57



    Intro

     

                “เครื่องรางวิเศษ อย่างดีเลยนะพี่สาว”

                เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาล  เรือนผมสีดำสนิทตัดกับใบหน้าขาวได้รูป  แลดูจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดู   ผิดกับการแต่งกายที่ดูมอซอ  เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเก่า กับกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลตัวโคร่งที่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นสมบัติสืบต่อรุ่นต่อรุ่นแน่

                “แล้วมันจะช่วยฉันได้ยังไง” หญิงสาวที่เป็นลูกค้าชั้นดีเอ่ยถามขึ้น

                “เครื่องรางนี้เป็นหินอย่างดี  ขุดพบที่ส่วนลึกของหุบเขาทางตอนใต้ของเมืองนู้น  ตอนที่พบมันพี่สาวรู้ไหมว่า มีแสงส่องประกายออกมาจากหิน  คนที่พบเลยเอากลับมาไว้ที่บ้านของตน  เขาเป็นคนยากจนทำมาหากินอะไรก็ไม่ขึ้น  แต่พอเขานำหินนี้มาไว้ในบ้านนะ  ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ตอนนี้เขาร่ำรวยมหาศาลเป็นเศรษฐีเลยแหละ”

                เด็กหนุ่มยังคงอวดสรรพคุณต่างๆของเครื่องรางวิเศษให้กับลูกค้าของตน

                “ขนาดนั้นเชียว” หญิงสาวเชื่อสนิท กับคำโฆษณาของเด็กหนุ่มตรงหน้า

                “ใช่พี่สาว ของดีๆแบบนี้หายากนะ  กว่าผมจะได้มาก็เหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว”

                “แล้วมันจะแพงมากไหม”

                “ของดีระดับนี้ถ้าอยากได้มันก็ต้องลงทุนหน่อยนะพี่สาว  แต่เห็นว่าพี่สาวเป็นคนสวยผมลดให้ได้นะ”

                “เท่าไหร่”

                “ราคาก็อยู่ที่

                “แบคฮยอน

                เสียงตะโกนน่าหนวกหูดังขัดบทสนทนาของเด็กหนุ่มกับลูกค้าสาว  เด็กหนุ่มร่างท้วมกำลังวิ่งตรงมาที่ทางคนที่เขาตะโกนเรียกว่า แบคฮยอน

                “เกิดเรื่องใหญ่แล้วแบคฮยอนแฮ่กๆ”

                “เรื่องอะไรว่ะ  เห็นไหมเนี่ยว่าฉันกำลังขายของอยู่”  เด็กหนุ่มมองเพื่อนร่างท้วมอย่างหงุดหงิดสุดขีด

                “ที่บ้านนายแฮ่กที่บ้านเกิดเรื่องแล้ว”

                “เรื่องเรื่องอะไรวะ”  เขาหรี่ตามองด้วยความสงสัย

                “นักเลงที่ไหนไม่รู้กำลังซ้อมพ่อนายอยู่”

                “ห๊ะ! พ่อฉันโดนซ้อม”

                “เออไม่ต้องมาตกใจแล้วรีบไปเร็วๆ”


                แบคฮยอนทิ้งเครื่องรางที่โฆษณานักหนาวิ่งตรงดิ่งไปบ้านของตนเองทันที  บ้านเขาอยู่ห่างจากตัวเมืองมาก  เรียกว่าแทบจะสุดเขตแบ่งเมืองเลยทีเดียว  ขาเล็กออกแรงวิ่งอย่างรวดเร็วไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนเพื่อนร่างท้วมที่ตามมาติดๆในตอนแรก เริ่มห่างกันออกไปเรื่อยๆ

                เขาใช้เวลาไม่มากนักวิ่งมาจนถึงหน้าบ้านตัวเอง  ขาเล็กพักเอาแรงก่อนเดินเข้าไปถึงตัวบ้าน  เสียงข้าวของกระทบพื้น  พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกดังเล็ดลอดออกมา เขาไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปเต็มแรง

                “มาแล้วเหรอไอ้ตัวดี” หัวหน้านักเลงทักเขาขึ้น

                “แกเป็นใครวะ”

                ป๊าบ!

                ศีรษะเล็กโดนตบจนหน้าแทบทิ่มลงกับพื้น ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นมาสบตากับหัวหน้านักเลงตรงหน้าอย่างไม่ลดละ

                “เด็กเวรเอ๋ย  อย่ามาทำความจำเสื่อมแถวนี้ “

                “มันจะเสื่อมก็ที่แกตบไปเมื่อกี้แหละ  มือหรือไม้พายว่ะ  ตบแทบทิ่ม”

                “ไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่อง”

                “ก็ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง  ต่อให้แกตบฉันอีกสิบทีฉันก็ไม่รู้หรอกว่าแกเป็นใคร”

                “ไอ้เด็กเวร!

                หัวหน้านักเลงร่างใหญ่จับคอเสื้อเก่าๆของเด็กหนุ่มร่างเล็กกระชากเข้ามา  หมายจะคาดโทษเด็กกวนประสาท  แต่ข้อมือใหญ่กลับโดนใครบางคนที่กองอยู่ตรงพื้นเมื่อครู่จับมันสะบัดออกไปอีกทาง

                “พ่อ! ไม่เป็นไรมากใช่ไหม เห็นนอนกองอยู่ที่พื้นนึ กว่าตายไปแล้ว” แบคฮยอนทักคนเป็นพ่อ ที่ลุกขึ้นมายืนบังพวกนักเลงตรงหน้าเขาอยู่

                “ไอ้ลูกปากหมา  ถ้าฉันตายฉันจะหักคอแกคนแรกเลย”

                “กลัวตายล่ะเออพ่อ แล้วตกลงไอ้พวกนี้มันใครอ่ะ”

                “ก็พวกนักเลงที่เราเคยขายของวิเศษเราให้พวกมันไง”

                “ถุย!ของวิเศษ  มันของหลอกลวงชัดๆ”  หัวหน้านักเลงกลับมามีบทสนทนาอีกครั้ง

                “ของวิเศษขนาดไหน ไปอยู่ในมือพวกนักเลงเลวๆอย่างแกมันก็ไม่เกิดผลหรอกเว้ย”  เสียงเล็กๆเถียงไม่ยอมลดละ

                “ชักจะมากไปแล้วนะ  จัดการมัน”

                เหล่าลูกน้องหลังฟังคำสั่งจบก็ไม่รอช้าที่จะเข้ามาจัดการสองพ่อลูกทันที  เมื่อถูกล้อมไว้ไม่เปิดช่องทางให้หนี  เขาก็ต้องสู้ตายอย่างเดียวแล้ว

                แบคฮยอนคลำหาท่อนไม้ด้านหลังเขาจนเจอ เขาไม่รอช้าฟาดมันเข้าไปกลางศีรษะนักเลงลูกน้องตรงหน้า อีกมือหนึ่งจับแจกันเก่าที่เขากับพ่อไปขุดเจอตอนที่ล่องเรือไปเมืองแถบตะวันออก ฟาดใส่นักเลงอีกคน

                นัยน์ตาเล็กๆมองไปส่วนกลางของบ้าน  เขาพบว่าพ่อของเขากำลังหมดท่าหัวหน้านักเลงอยู่  ดาบสีเงินถูกเงื้อมขึ้นเหนือศีรษะหวังจากฟาดลงไปที่เหยื่อตรงหน้า



                พ่อเขากำลังจะโดนฆ่า



              ความโกรธของคนที่กำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักกำลังถาโถมเข้ามากระทบจิตใจเขาอยู่  มันเปิดช่องทางให้พลังที่หลับไหลมาสิบแปดปีปะทุขึ้นมา นัยน์ตาสีน้ำตาลกลับเปลี่ยนเป็นเรืองแสงสว่างออกมา มือเล็กที่ปราศจากแรงต้านทานใดๆส่งแสงสว่างจ้า  พลังของแสงเพิ่มความรุนแรงขึ้น  มันเคลื่อนย้ายจากมือเล็กกระแทกเข้าเต็มๆร่างของหัวหน้านักเลง



                ทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่ง



                “แฮ่กๆๆ” เสียงหอบหายใจของร่างเล็กดังขึ้นมาก่อน

                “แบคฮยอนแกไม่เป็นอะไรใช่ไหม”  คนเป็นพ่อที่รอดจากดาบวิ่งเข้ามาถามลูกชายที่ดูตื่นตระหนกไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                “เกิดอะไรกับผมทำไมมือผมมีแสง” เสียงเล็กๆกำลังสั่น ความกลัวกำลังก่อตัวขึ้น

                “อย่าเพิ่งถามอะไรมากตอนนี้เราต้องหนีก่อน”

                “หนี! หนีทำไมอ่ะพ่อ”

                “บอกแล้วว่าไม่ต้องถาม รีบหนีไปจากที่นี่ก่อน”

                ไม่รอช้า มือหนาคว้าข้อมือเล็กๆวิ่งข้ามพวกนักเลงที่นอนกองระเนระนาด  ทิ้งบ้านชานเมืองของตัวเองไปทันที

                สองคนออกแรงวิ่งสุดกำลังเข้าไปในป่าลึก คนเป็นลูกแม้ไม่รู้ว่าหนีอะไรอยู่ก็ตาม  แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่เขาต้องทำตามคำสั่งคนเป็นพ่อก่อน  

    ทั้งคู่วิ่งมาจนถึงกลางป่า แต่แล้วพ่อเขากลับหยุดดื้อๆ

    ตุ๊บ!

    “โอ้ย! พ่อจะหยุดทำไมเนี่ย” แบคฮยอนโวยวายใส่พ่อเขา

    “พ่อว่าเราตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ”

    จบคำตอบ กระแสลมที่สงบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  เหมือนเจ้าป่ากำลังพิโรจน์  ต้นไม้เคลื่อนไหวเสียดสีกันรุนแรง ต้นที่เล็กกว่าหักโค่นลงมา แบคฮยอนกับพ่อของเขาต้องคอยหลบอันตรายเหล่านั้น  ฝุ่นจากพื้นดินทำให้ตาของทั้งคู่มองเห็นได้ลางๆ


    กลุ่มคนชุดดำจำนวนมาก


    ถึงแม้จะลางเลือนแต่แบคฮยอนก็มั่นใจว่ามันมากเกินไป  ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวาเขาก็พบคนชุดดำเต็มไปหมด

    พวกเขากำลังถูกล้อม

    “ฟังพ่อนะแบคฮยอน  แกต้องรีบหนีไป พ่อจะรับมือพวกมันเอง พอพ่อเปิดทางให้แกหนีไปทันที”

    “ไม่! ผมไม่หนีไปคนเดียวแน่” เสียงเล็กๆแข็งกร้าวขึ้นมา

    “อย่าดื้อ! ถ้าแกไม่หนี  แกก็จะตาย”

    “ไม่! ผมไม่หนี ผมจะอยู่กับพ่อ”


    “แบคฮยอน”


    เสียงคำรามของคนเป็นพ่อดังขึ้น  ขณะเดียวกันกองทัพชุดดำตรงหน้าเริ่มเดินเข้ามาใกล้เขาทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ  เขารอช้าไม่ได้แล้ว เขาต้องปกป้องลูกของเขา ครั้นคิดได้ คนเป็นพ่อตัดสินใจ ยื่นมือออก ไม่ถึงนาที เปลวไฟร้อนห่อหุ้มมือหนานั้น  พร้อมสาดใส่กองทัพตรงหน้า

    เปลวเพลิงโหมกระหน่ำอย่างหนัก  คนเป็นพ่อไม่รอช้า กระชากลูกชายของตน เหวี่ยงไปด้านที่ไร้ทั้งเปลวเพลิงและคนชุดดำ

    “หนีไป!

    “แต่พ่อ

    “ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นพ่อ  แกต้องหนีไป”

    ร่างเล็กทำอะไรไม่ถูก  เขาพยายามลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปตามคำสั่งของพ่อ  แต่ใช่ว่าทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ  คนชุดดำห้าหกคนวิ่งตามเขามา  ด้วยที่วันนี้วิ่งมากเกินไป ทำให้ขาเล็กเริ่มอ่อนแรงลง หนึ่งในคนชุดดำจึงตามทันได้ง่ายๆ

    “จะไปไหน” เสียงแข็งกร้าว เหมือนปีศาจดังขึ้น

    “ปล่อยนะเว้ย!” แบคฮยอนพยายามแกะมือหนาที่จิกลงบนศีรษะตัวเอง

    “ไม่ปล่อยแกต้องไปกับฉัน”

    “ไม่ไปโว้ย!” ร่างเล็กพยายามดิ้นจากการจับกุมสุดชีวิต

    ชายชุดดำเริ่มโมโหร่างเล็กที่ดิ้นไปมา มือหนาจึงเงื้อมขึ้น  หมายจะใช้พลังทำร้ายร่างเล็กตรงหน้า

    “อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”  เขาร้องสุดเสียง


    เขากำลังจะโดนฆ่าตาย


    พลันความคิดแล่น  ร่างกายของเขากลับเป็นอิสระ  คนชุดดำปล่อยเขาไปแล้ว แต่ร่างเล็กยังไม่หยุดสั่นด้วยความกลัว  ความรู้สึกที่กำลังจะโดนทำร้ายทำให้ขาแขนอ่อนแรงไปหมด ร่างทั้งร่างกำลังทรุดลงบนพื้นดิน  ก่อนร่างเล็กของเขาจะถึงพื้นด้านล่าง กลับมีแขนแกร่งมาโอบรัดไว้ก่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ตอนนี้พล่ามัว มองเห็นใบหน้าลางๆของเจ้าของแขนแกร่งนั้น  เสียงแหบพร่าดังออกมาเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนที่โลกทั้งโลกจะมืดสนิท

     


     

    “ช่วยด้วย”

     



     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ฝากติดตามมมด้วยน้าาาาา  แต่งแนวนี้ยากมาก
    แต่จะพยายามให้ถึงที่สุดนะค่ะ ^^






     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×