ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE LEGEND OF SCHOOL

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 โรงเรียน Legend of school

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 48


           ในเช้าที่สดใส อากาศที่สดชื่น กับลมเย็นๆที่พัดผ่านมามันช่างเป็นความรู้สึกที่สบายจนทุกๆคนที่นอนอยู่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลยทีเดียว ขณะนี้พระอาทิตย์ก็ได้สาดส่องแสงแห่งความอบอุ่นให้กับทุกๆคนบนดาวเอเลนด้าดวงนี้



           ดาวเอเลนด้าเป็นดาวที่โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวที่ได้รับแสงอาทิตย์ได้อย่างพอดี ที่ดาวเอเลนด้านั้นมีอากาศที่สดชื่นจากธรรมชาติที่พร้อมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆต้นไม้นานาชนิดดอกไม้หลายชนิดหลายพันธุ์ที่ต่างพากันเบ่งบานรับแสงตะวันในยามเช้าอวดโชว์สีสันที่สวยงามให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ชมและได้เด็ดมันไปดอมดมบ้าง นกน้อยบางตัวก็โผบินจากต้นไม่ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง บางตัวก็คาบอาหารส่งเข้าปากลูกน้อยๆของมัน บางตัวก็ส่งเสียงร้องที่ไพเราะฟังแล้วมันช่างเข้ากับบรรยากาศยามเช้าเป็นที่สุด เมื่อมองภาพต่างๆจากอาคารที่สูงๆแล้วมันช่างเป็นภาพที่สวยงามเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดเลยทีเดียว

              

           ณ บ้านหลังหนึ่งยังมีเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของเขาเด็กหนุ่มคนนี้มีนามว่า “เวสเตอร์” ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาที่กลมโตกับนัยน์ตาสีฟ้าใสใต้ตามีรอยแผลเป็นเล็กๆเป็นรูปกากบาท ผิวพรรณที่ขาวเนียนเห็นแล้วน่ากอด ตอนนี้เวสเตอร์กำลังหลับสบายๆบนเตียงของเขาเพราะอากาศในตอนเช้ามันช่างเย็นสบายจนเด็กๆอย่างเขาไม่อยากลุกออกจากเตียงเลยทีเดียว และก็คงจะหลับอีกยาวถ้า...

              

    “เวสเตอร์ตื่นได้แล้วลูก วันนี้มีสมัครเรียนเดี๋ยวไปสายนะลูก” เสียงของ \'ทูเบอร์โรส\' หญิงที่เป็นหัวหน้าครอบครับตั้งแต่พ่อของเวสเตอร์ตายไปตั้งแต่เวสเตอร์ยังเด็กแต่หน้าตาของทูเบอร์โรส ไม่ได้ดูแก่เลย หน้าตาของนางยังคงเป็นเหมือนหญิงวัย 35 โดยทั่วไปแม้ว่านางจะทำงานหนักกว่าคนอื่นก็ตาม นางต้องเลี้ยงดูเวสเตอร์เพียงลำพังแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาหนักเลยแม้แต่น้อย



    “เวสเตอร์ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปสายนะ นางบอกลูกชายอีกครั้ง” ซึ่งตอนนี้เวสเตอร์ได้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงบิดขี้เกียจไปมา เพื่อออกจากอาการง่วงนอน พร้อมๆกับเหลือบสายตามองนาฬิกา



    สายแล้ว! เวสเตอร์ร้องดังลั่นบ้านเมื่อสิ่งที่เขาเหลือบเห็นคือนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างกำแพงซึ่งตอนนี้มันบอกเวลาที่สายมากแล้วให้เค้าได้ตกใจเล่น เวสเตอร์รีบกระโดดลงจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว ทูเบอร์โรสส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมๆกับยิ้มที่มุมปาก นางรีบเก็บที่นอนของเวสเตอร์แล้วลงไปทำอาหารเช้า     ส่วนเวสเตอร์รีบลงมากินข้าวเช้าทันทีที่แต่งตัวเสร็จ



    “ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้ลูกเดี๋ยวติดคอนะ” ทูเบอร์โรสบอกด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเมื่อเห็นการกินของลูกชายที่เรียกว่ายัดก็ยังได้    



    “ไอ่เอ็นไอออั้บแอ่เอี๋ยวไออ๋าย”(ไม่เป็นไรครับแม่เดี๋ยวไปสาย) เวสเตอร์รีบตอบกลับทันทีที่ทูเบอร์โรสถามจบ และไม่วายหยิบขนมปังอีกแผ่นก่อนจะพูดคำว่ารักแม่นะครับพร้อมๆกับวิ่งออกจากบ้าน     ก่อนที่เสียงประตูที่ปิดดัง



    ปึ้ง! จะตามเจ้าตัวดีมาทีหลัง ทูเบอร์โรสส่ายหน้าเล็กน้อยและนึกดีใจที่เมื่อคืนนางได้ปรับเวลาที่นาฬิกาให้เร็วขึ้นอีกสามชั่วโมง!!!

        

          ตอนนี้เวสเตอร์ได้มาอยุ่หน้าโรงเรียนที่ชื่อ “legend of school” โรงเรียนที่มีระเบียบการเข้าที่แสนจะเรียบง่ายแต่เข้ายากเป็นที่สุด และก็ยังเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนสอบเข้ามากที่สุด แต่โรงเรียนแห่งนี้นั้นจะรีบนักเรียนแค่ 45 คนเท่านั้น



           ทั้งยังไม่มีการรับเงินหรือการใช้เส้นสายเพื่อเข้าโรงเรียนแห่งนี้เหมือนโรงเรียนอื่นๆ และเหตุผลที่นักเรียนนับพันสนใจที่จะสอบเข้าโรงเรียนแห่งนี้เพราะทุกคนที่จบจากที่นี้ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญของชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นจอมเวทย์  อัศวินไร้พ่าย  มหาปราชญ์  นักธุรกิจ  หมอวิเศษ  หรือแม้แต่พระมหากษัตริย์ซึ่งรวมไปถึงไฮคิงด้วยและโรงเรียนแห่งนี้ยังเปิดรับสมัครนักเรียนทุกชนชั้นไม่ว่าจะเป็นขอทานก็ตามถ้ามีความสามารถพอก็จะรับเข้าสมัครเช่นกัน แต่การที่จะสอบเข้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบที่ทางโรงเรียนนั้นสุดแสนจะภูมิใจเพราะว่าการสอบนั้นสามารถที่จะคัดเด็กเป็นพันๆคนให้เหลือเพียงสี่สิบห้าคนได้เสมอๆ” ซึ่งการสอบในแต่ละปีนั้นก็จะแตกต่างกันไปเพราะฉะนั้นจึงไม่มีการกวดวิชาเพื่อเข้าโรงเรียนนี้เหมือนที่อื่นๆ ดังนั้นนักเรียนที่จะเข้าโรงเรียนแห่งนี้ได้นั้นจะต้องเป็นคนที่เก่งในทุกๆด้านและต้องขยันมาตั้งแต่เด็กๆเพื่อการเข้าโรงเรียนแห่งนี้

        

    ปึก! ขอโทษครับ พอดีผมรีบไปหน่อยเลยไม่ทันได้สังเกต” เวสเตอร์รีบกล่าวคำขอโทษทันทีที่เขาชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนลมลงไปอย่างจัง



    “ไม่เป็นไรค่ะฉันก็รีบเหมือนกันเลยไม่ทันสังเกตเหมือนกัน” เด็กสาวรีบตอบกลับทันที เธอโครงหน้ารูปไข่ นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียว ปากสีชมพูที่ดูอ่อนนุ่มชวนให้หลงใหล ใส่เหล็กดัดฟันสีชมพู ผิวเธอเป็นสีขาวอมชมพู ผูกโบว์สีขาวที่เปียผมของเธอ กับชุดกระโปรงสีขาวดูสะอาดตาแต่ตอนนี้มันคงจะเลอะไม่น้อยเนื่องจากเธอเพิ่งล้มลงไปอย่างแรงหลังจากรับแรงกระแทกจากเด็กหนุ่ม



    “ขอโทษนะเธอคงจะเจ็บมากเพราะความใจร้อนของเรา” เวสเตอร์ส่งมือให้เด็กสาวเพื่อดึงเธอขึ้นมายืน



    “เธอก็มาสมัครเรียนที่นี้เหมือนกันเหรอ ?” เด็กสาวถามเมื่อเธอลุกขึ้นมายืนแล้วเห็นเอกสารที่เวสเตอร์หอบมาเป็นกระบุง ครับ ผมก็กะจะมาลองสมัครดูอ่ะครับ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะขนาดวันสมัครยังมาสายเลย เวสเตอร์ทำหน้าเศร้าเหมือนหมดอาลัยตายอยาก



    สายเหรอ!?



    “เด็กสาวทำหน้างงกับคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้า” ใช่สายแล้วเนี่ยเวสเตอร์ย้ำกับตัวเองพร้อมกับทำหน้าเหมือนคนกำลังจะบ้าตาย

              

    “ยังไม่สายหรอกจะนี่มันยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงนะ” เด็กหนุ่มทำหน้างงกับคำพูดของเด็กสาวตรงหน้าก็ตอนที่เค้ามองนาฬิกาก่อนออกจากบ้านมันสายแล้วนี่หน่า



    “สงสัยนาฬิกาที่บ้านเรามันอยากไปสวรรค์มั้งเลยทำกับเราอย่างนี้อ่ะ หรือไม่ก็เป็นฝีมือแม่สุดที่รักที่แกล้งเราแน่เลยอ่ะ” เด็กหนุ่มพูดหน้าตายแต่ไม่วายบิดไปบิดมาด้วยความเขินอาย ส่วนเด็กสาวตรงหน้ายืนมองเด็กหนุ่มพร้อมกับหัวเราะ คิกๆ กับท่าทางที่เด็กหนุ่มแสดงออกมา



    “อุ้ย! ขอโทษนะจ๊ะเสียมารยาทไปหน่อยอืมฉันชื่อ “เฟนิต้า” ” เด็กสาวเอ่ยแนะนำตัวทั้งๆที่ยังกลั้นหัวเราะอยู่



    “เรา เวสเตอร์” เด็กหนุ่มบอกชื่อตัวเองด้วยความเขินอายเพราะตัวเองกำลังทำตัวเปิ่นๆให้เด็กสาวตรงหน้าได้หัวเราะชอบใจอยู่



    “ฉันว่าเราไปอ่านหนังสือทบทวนกันหน่อยดีมัยจ๊ะเดี๋ยวต้องเข้าสอบอีกนะ”



    “อื้อ แต่ผมว่านะนั่งพักสบายๆทำสมาธิดีกว่านะไม่อยากเครียดก่อนสอบอ่า”



    “งั้นเราค่อยเจอกันตอนสมัครนะฉันไปอ่านหนังสือก่อนนะ”  



    “แล้วเจอกัน”  เด็กสาวกล่าวคำอำลาก่อนเดินออกไปหาที่นั่งสบายๆอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน ส่วนเวสเตอร์นั้นเดินชมวิวทิวทัศน์ของโรงเรียนแห่งนี้ไปเรื่อยๆ และคงจะเดินไปเรื่อยๆถ้ากลิ่นอาหารจากโรงอาหารไม่มาป่วนบริเวณจมูกของเขา



    “ชักหิวขึ้นมาอีกแล้วซิ” เวสเตอร์ลูบท้องตัวเองไปมา



    “เราว่าเมื่อเช้าก็กินมามากแล้วนี่หว่า แต่ช่างประไรกองทัพต้องเดินด้วยท้องอยู่แล้วนี่หว่างั้นกินสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” แต่เวสเตอร์ก็ต้องเกิดอาการเซ็งสุดขีดเมื่อเขาล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเงิน ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะ!!!  เวสเตอร์พูดอย่างหัวเสียเมื่อเค้าจับได้แต่เพียงอากาศในกระเป๋ากางเกง



    “เฮ้ออดกินจนได้” งั้นไปนั่งรอเวลาสอบดีกว่าเซ็งๆ เวสเตอร์ยังคงบ่นอุบอิบตลอดทางที่หาที่นั่ง แต่เมื่อเดินไปได้สักพักเค้าก็เจอกับเฟนิต้าอีกครั้งซึ่งเขาเห็นเธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว จึงเข้าไปนั่งด้วย



    “ไม่อ่านหนังสือบ้างเหรอจ๊ะ” เฟนิต้าถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



    \"ไม่ล่ะขี้เกียจ\" เวสเตอร์ตอบแบบไม่คิดมาก



    \"ไอ้ฉันมันมากับดวงอยู่แล้ว แต่วันนี้สงสัยจะดวงตกอ่ะ ดันลืมหยิบเงินกินข้าวมาซะนี่  



    เฮ้อเซ็ง! เด็กหนุ่มพูดไปทำหน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยากไป ส่วนเฟนิต้านั้นกำลังกลั้นหัวเราะอยู่เมื่อเธอเห็นสีหน้าของเวสเตอร์ที่ทำท่าเศร้าใจเกินเหตุ\"



    \"ประกาศจากทางโรงเรียน! ประกาศขอให้นักเรียนที่จะมาสมัครสอบไปรวมกันที่หอประชุมใหญ่ในเวลานี้ด้วยค่ะ ประกาศขอให้นักเรียนที่จะมาสมัครสอบไปรวมกันที่หอประชุมใหญ่ในเวลานี้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ\"



    “อืมๆ ถึงเวลาสอบแล้วซินะเนี่ย เฮ้อรอมาตั้งนาน” เวสเตอร์ทำท่าทางเบิกบานใจซึ่งต่างกับ เฟนิต้าที่ในตอนนี้เธอมีสีหน้าเป็นกังวลตัวสั่นเล็กน้อย และมือเธอเย็นผิดปกติ



    “เป็นอะไรไปเหรอเฟนิต้า ?” เด็กหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหันมาเห็นเด็กสาวมีสีหน้าที่แย่ลง



    “ฉัน...เอ่อ...ฉัน...กลัวน่ะ!”ฉันกลัวว่าจะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ท่านตั้งความหวังเอาไว้มากทีเดียว ฉันกลัวว่าฉันจะทำไม่ได้” ตอนนี้ตาของเฟนิต้าเริ่มแดงและมีหยาดน้ำใสๆคลอเต็มเบ้าตา สิ่งที่เฟนิต้าพูดทำให้เวสเตอร์ต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง



    ตอนนี้เรากำลังทำอะไรเนี่ย แล้วถ้าเราสอบไม่ติดแม่เราจะเสียใจหรือเปล่า แม่เราจะว่าอะไรเรามั้ยถ้าเราทำให้แม่ไม่ได้ แม่ตั้งความหวังไว้ที่เรามากหรือเปล่า แม่จะผิดหวังแค่ไหนถ้าเราสอบไม่ได้  เวสเตอร์คิดกับตัวเองในใจเพราะเค้าไม่ต้องการให้แม่เค้าเสียใจเพราะเค้ามีแค่แม่และแม่ก็มีแค่เค้าคนเดียวเช่นกัน สีหน้าของเวสเตอร์เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาบ้าง แต่สีหน้าเค้าก็กลับมาเป็นอย่างเดิมเมื่อเค้าคิดว่า



    ถ้าพยายามอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าจะทำให้แม่ผิดหวังแต่มันก็คือที่สุดของเค้าแล้ว แล้วเค้าก็จะไม่เสียใจกับมันถ้าเค้าได้ลงมือสอบในครั้งนี้อย่างเต็มที่  เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงหันมาบอกเฟนิต้าบ้าง เพื่อให้เธอคลายกังวล ซึ่งมันก็ทำให้เธอคลายกังวลได้บ้าง



    “เอาล่ะเฟนิต้าฉันว่านะเราไปเข้าห้องประชุมกันดีกว่าเดี๋ยวไปเข้าสายนะ” เฟนิต้าหันมามองเวสเตอร์ซึ่งตอนนี้เด็กหนุ่มมีท่าทีร่าเริง แจ่มใส ซึ่งดูผิดจากผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ที่เดินอยู่รอบกาย



    “จ๊ะ” คำตอบสั้นๆที่หลุดออกมาจากบอกของเฟนิต้าที่หน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ



    ณ ห้องประชุม

        

           ห้องประชุมแห่งนี้มีลักษณะคล้ายโดมขนาดใหญ่ประตูทางเข้าทำจากไม้สักซึ่งแกะสลักอย่างประณีตที่นั่งทำจากขนแกะชั้นดีปูพื้นด้วยพรมสีแดงผนังทำเป็นลวดลายสงครามสมัยสงคราม เทวากับซาตาน ที่อุบัติขึ้นเมื่อ 2,000ปีที่แล้ว บนโดมมีโคมไฟระย้าห้อยอยู่บนหลังคาโดมซึ่งทำจากกระจกซึ่งแม้จะเป็นเวลากลางวันแต่ก็มีแสงแดดส่องได้ไม่แรงนักและกระจกยังทำหน้าที่สะท้อนรังสีที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังมนุษย์ด้วย



           ส่วนพื้นห้องปูด้วยพรมสีดำตัดกับสีของเก้าอี้ ตรงกลางโดมมีเวทีใหญ่ที่ทำจากไม้สักทองชั้นดี แต่ที่แปลกคือไม่มีอุปกรณ์ที่ช่วยในการขยายเสียงเลยแม้แต่น้อย ด้านข้างเวทีมีทีวีที่สามารถฉายภาพสามมิติเป็นรูปร่างคนขึ้นมาได้ ซึ่งตรงกลางเวทีมีผู้ชายยืนอยู่สามคน คนหนึ่งเป็นคนชราแต่ดูแข็งแรงมากส่วนอีกสองคนเป็นชายรูปร่างกำยำแต่ทั้งสามคนสวมเครื่องแบบของการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนแห่งนี้คือเป็นชุดสูทสีขาวแต่เสื้อแขนยาวด้านในเป็นสีดำผูกไทด์สีขาวและติดเข็มกลัดโรงเรียนรูปตัว L สีทองที่ทำขึ้นสำหรับอาจารย์โดยเฉพาะที่หน้าอกด้านซ้าย



           ชายชราเดินมากลางเวทีทันทีที่ผู้สมัครสอบเข้ามาจนครบกันทุกคน ฉับพลันทั้งห้องก็เงียบกริบอย่างกับว่าถ้าขนนกล้วงอาจจะได้ยินเสียงดังขึ้นมาก็ได้ ชายชรายิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าผู้สมัครทั้งห้องนั้นให้เกรียติเค้าเป็นอย่างดี



    สวัสดีทุกท่านผมมีนามว่า เลอาโน่ เป็นผู้อำนวยการประจำโรงเรียนแห่งนี้ โรงเรียนที่มีจำนวนสอบเข้ามากที่สุด และเป็นโรงเรียนที่ผู้ที่มีอำนาจทุกคนบนดาวดวงนี้ได้เข้ามาสัมผัสและเข้ารับการฝึกสอนกันทุกคน ซึ่งจำนวนผู้เข้าสอบในปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 15,250 คน ซึ่งทุกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องประชุมแห่งนี้ล้วนแต่เป็นผู้สมัครสอบทั้งสิ้น และก็อย่างที่ทุกคนทราบกันเป็นอย่างดีว่าโรงเรียนแห่งนี้จะรับนักเรียนเพียงแค่ 45 คนเท่านั้น ซึ่งทางโรงเรียนของเรานั้นไม่มีการใช้เส้นสายในการเข้าโรงเรียนแห่งนี้และไม่รับสินบนใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะมีผู้มีอุปถัมภ์โรงเรียนแห่งนี้หลายคนแต่ทุกคนก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษใดๆทั้งสิ้น เพราะทุกคนนั้นก็ล้วนแต่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ทั้งสิ้น ในเรื่องการสอบนั้นทุกคนต้องสอบด้วยกัน 2 รอบโดยรอบแรกนั้นสอบในเรื่องของความรู้ ซึ่งข้อสอบของทางโรงเรียนก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังด้วยเช่นกันเพราะผมมั่นใจว่าปีนี้ก็คงไม่ต่างจากปีที่แล้วที่มีผู้สอบไม่ผ่านถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด และที่แน่นอนยิ่งกว่าก็คือ การสอบรอบที่สองที่จะเป็นตัวคัดเลือกนักเรียนให้เหลือเพียงแค่ 45 คนเท่านั้น โดยการสอบรอบที่สองของปีนี้ก็คือ การได้ทดสอบในเรื่องของการต่อสู้ ซึ่งตัวผมเองที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าผู้ใดที่สมควรจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมีนักเรียนสอบเข้าเป็นจำนวนมากทุกๆปีแต่ผมกลับไม่มีความเครียดแม้แต่น้อย เอาล่ะท้ายที่สุดนี้ผมก็ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการสอบที่จะเริ่มขึ้นในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า” เลอาโน่พูดรวดเดียวจบอย่างคล่องแคล่วเพราะเค้าต้องพูดอย่างนี้ทุกๆปีจนเนื้อหาที่จะพูดนั้นอยู่ในหัวของเค้าจนหมดแล้วเลอาโน่จึงไม่ต้องถือบทอ่านขึ้นไปบนเวทีเลย



           ผู้สมัครสอบทุกคนก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี จะมีก็แต่เวสเตอร์ที่ขึ้นไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่เลอาโน่เริ่มบรรยาย โดยมีเฟนิต้านั่งมองอย่างงงกับสิ่งที่เห็น ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนข้างๆเธอ

        

           ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องสอบกันทุกคนหลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงเพื่อให้ผู้สมัครเข้าประจำที่ในสถานที่สอบให้พร้อมกันทุกคน ภายในห้องสอบนั้นเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์ที่เปิดไปที่หน้าของข้อสอบของโรงเรียนโดยข้อสอบนั้นจะ Random ไปเรื่อยๆเพราะว่าคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องนั้นบรรจุข้อสอบไว้มากกว่า 100,000 ข้อซึ่งแต่ละข้อก็เป็นข้อสอบที่โรงเรียนแห่งนี้สุดแสนจะภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันทำให้ผู้เข้าสอบเป็นแสนลดลงได้ถึง 98 เปอร์เซ็นต์



           การสอบดำเนินไปอย่างเรียบง่ายไม่มีอะไรยุ่งวุ่นวาย และเป็นเพราะว่าทำข้อสอบกับ คอมพิวเตอร์ดังนั้นผลการสอบจะแจ้งให้ผู้เข้าสอบได้รับรู้ว่าตอนนี้ตนได้คะแนนสอบเท่าไหร่ และคะแนนของทุกคนก็จะถูกส่งไปที่คอมพิวเตอร์ของเลอาโน่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เลอาโน่จะมองเปอร์เซ็นของผู้ที่น่าจะสอบตกไปพลาง ส่ายหัวไปพลาง ซึ่งการสอบในด้านความรู้นี้ทุกคนจะต้องทำข้อสอบ 60 ข้อ ภายในเวลา 2 ชั่วโมง แต่คราวนี้เกิดเรื่องแปลกๆเพราะรายชื่อของผู้เข้าสอบคนหนึ่งที่เลอาโน่เก็งเอาไว้ว่าต้องตกแน่ๆกลับพลิกล็อกผ่านไปได้อย่างเฉียดฉิว ซึ่งผู้เข้าสอบที่ว่าก็คือ เวสเตอร์ อันที่จริงแล้วมันเป็นเพราะว่าเวสเตอร์เดาได้ถูกจนถึงคะแนนที่ตั้งไว้เป็นเกณฑ์



           เรื่องนี้ก็ทำเอาเลอาโน่งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน เพราะตัวเค้าเองไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าข้อสอบที่ตัวเค้าแสนจะภูมิใจนั้นโดนเด็กคนหนึ่งมั่วจนผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้มาได้ แต่เค้าก็คาดไว้ว่ารอบที่ 2 นี้ เวสเตอร์คงจะสอบไม่ผ่านเพราะการสอบรอบที่ 2 เป็นรอบที่จะคัดแต่นักเรียนที่พร้อมจริงๆได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แล้วการสอบ สอบในด้านนี้เค้าก็เป็นคนประเมินเองด้วยว่าใครจะผ่านหรือไม่ผ่านเพราะจะมีการสอบทีละคน และ ทุกคนจะต้องสอบในรอบนี้โดยผ่านสายตาของเค้า  



           หลังจากที่เวลาแห่งการสอบของรอบแรกผ่านพ้นไปจนหมดสิ้น ทั้งโรงเรียนจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ต้องเห็นคนที่ร้องไห้เพราะการสอบตกในครั้งนี้ เพราะว่าผลการสอบที่โชว์เด่นหลาก่อนที่ผู้เข้าสอบจะออกจากห้องสอบมันได้โชว์ตัวแดงเถือกที่อ่านได้ว่า “ไม่ผ่าน” ซะเด่นหลาหลังจากตอบคำถามสุดท้ายเสร็จ ซึ่งในปีนี้มีผู้ที่สอบไม่ผ่านมากกว่าปีที่แล้วแต่ก็ไม่มากนัก แต่จำนวนผู้สอบผ่านในปีนี้นั้นมีจำนวนเพียงแค่ 150 คนเท่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นปีที่มีผู้เข้าสอบสอบตกมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทางโรงเรียนจึงได้กำหนดวันสำหรับการสอบไว้ 3 วันโดยจะสอบวันละ 50 คน



    “เป็นไงเฟนิต้าผ่านป่ะ” เสียงเวสเตอร์เรียกทักเด็กสาวที่เดินออกมาด้วยท่าทางตกอกตกใจกับอะไรบางอย่าง



    ฉัน... ฉันสอบผ่าน!



    “โห!แล้วดูทำหน้าเข้า ทำซะนึกว่าเป็นอย่างคนอื่นๆซะอีก”



    “แล้วเธอล่ะเป็นไงบ้างหน้าระรื่นเชียวนะ”



    “แฮะๆ หวุดหวิดเลยอ่ะ อืมเค้าเรียกว่ารัยนะ อืม...เส้นยาแดงฝ่าแปดอ่ะ แบบว่าพอดีเกณฑ์อ่ะอย่างนี้แหละที่เรียกว่ามาตรฐานชายหล่อ” เฟนิต้ามองดูเวสเตอร์ที่พูดไปทำท่าทำทางไป จนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะซะจนคนรอบๆต้องหันมาดู



    “ประกาศจากทางโรงเรียน! ผู้ที่สอบผ่านในวันนี้ขอให้ไปรวมกันที่ห้องประชุมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”



    “อืมเราไปกันเถอะเฟนิต้า” เด็กหนุ่มพูดจบก็ดึงมือลากเฟนิต้าไปห้องประชุมทันที ส่วนเฟนิต้ายังตกใจที่จู่ๆเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เดินเข้ามาจับมือแล้วลากเค้าไปที่ห้องประชุมโดยไม่ได้สนใจเลยว่าใครเค้าจะมองยังไง ภายในห้องประชุมยังคงเหมือนเดินทุกอย่าง เลอาโน่ยังยืนอยู่กลางเวทีตรงที่เคยยืนโดยด้านหลังก็ยังคงมีอาจารย์อีก 2 คนยืนอยู่ข้างหลัง



    “สวัสดีอีกครั้งนะทุกคนที่ยังเหลือรอด การสอบในวันนี้นั้นมีผู้ที่สอบผ่านเพียงแค่ 150 คนเท่านั้นซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา แต่! มันก็เป็นการดีสำหรับโรงเรียนเพราะมันทำให้ทางโรงเรียนไม่ต้องคอยวุ่นวายกับการคัดเด็กนักเรียนมากนักกับการสอบในรอบที่สองซึ่งทางโรงเรียนจะจัดให้มีการสอบวันละ 50 คนเท่านั้น ซึ่งเมื่อสอบรอบที่สองเสร็จทางโรงเรียนจะประกาศผลสอบหลังจากที่สอบวันที่สามเสร็จทันที ซึ่งทางโรงเรียนได้ติดประกาศไว้ที่บอร์ดแล้วว่าใครจะต้องสอบวันไหน ทางโรงเรียนก็มีเรื่องที่จะแจ้งให้พวกเธอได้ทราบเพียงเท่านี้เท่านั้น ไปฝึกซ้อมกันให้ดีๆล่ะเพราะว่าคนที่จะตรวจการสอบของพวกเธอก็คือตัวฉันเอง มีผู้ใดที่มีอะไรจะถามหรือเปล่าเชิญ ... ถ้าไม่มีก็ขอให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านไปได้ ขอให้โชคดี”

        

    สิ้นสุดการประชุมเฟนิต้าก็ปลุกคนขี้เซาข้างกายที่นอนหลับแบบไม่ไม่คิดที่จะสนใจกับการประชุมในแต่ละครั้ง



    “แฮะๆ โทษทีนอนเพลินไปหน่อยสงสัยวันนี้ใช้สมองมากเกินพิกัด” เด็กหนุ่มพูดไปพลางหาววอดๆไปพลางทั้งๆที่ยืนแบบเก้ๆกังๆเพราะอาการง่วงยังไม่สิ้นสุด ส่วนเฟนิต้ายื่นส่ายหน้าพร้อมกับร้อยยิ้มที่มุมปากถ้ารอบๆตัวเธอไม่มีใครเธอคงจะหัวเราะเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นแน่



    “อืมเฟนิต้าแล้วเค้ามีพูดเกี่ยวกับอะไรมั่งอ่ะ”



    “อืมก็พูดเรื่องนัดหมายการสอบในรอบที่สอง แต่เดี๋ยวเราไปดูวันที่เราจะต้องมาสอบรอบที่สองกันเลยดีกว่านะเพราะเค้าติดประกาศเอาไว้ข้างนอกแล้วอ่ะ” ด้านนอกหอประชุมยังคงมีผู้สมัครที่สอบตกอยู่อีกเป็นจำนวนมาก หน้าตาของแต่ละคนแดงก่ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้แบบน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือดก็ว่าได้



    “อืมเฟนิต้าเธอได้สอบวันไหนเหรอ”



    “เราได้สอบวันที่ 2 แล้วเธอล่ะสอบวันไหน”



    “ของฉันวันที่ 3 แถมยังสอบเป็นคนสุดท้ายซะด้วยซิบ้าจริงเชียว”



    “แหมแต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอได้รู้ข้อสอบล่วงหน้า แถมยังสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้อีกนะ”



    เตรียมตัวล่วงหน้าเนี่ยนะ งั้นถ้าฉันไปดูการสอบของวันแรกฉันก็รู้แล้วว่าเค้าสอบกันยังไงไม่ต้องรอดูการสอบในวันที่ฉันจะสอบหรอก



    “อืมแล้วนี่เฟนิต้าเธอจะกลับบ้านยังไงอ่ะ”



    “อืมเดี๋ยวมีคนมารับน่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนละกันนะพอดีทางขากลับกะจะเดินอ้อมซักหน่อยอ่ะ”



    “อืมงั้นโชคดีนะ แล้วเจอกัน” เวสเตอร์เดินออกจากประตูแล้วเดินลัดเข้าไปในป่าข้างๆ



    “อากาศในตอนเย็นมันช่างสบายอะไรอย่างนี้นะ” เด็กหนุ่มพูดไปเดินกระโดดแบบเด็กๆไปปล่อยความคิดทุกอย่าง แต่ก็ยังอดดีใจไม่ได้ที่ตัวเองสอบผ่านในรอบแรกทั้งๆที่ไม่น่าจะผ่านมาได้ คิดๆไปเด็กหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดแบบเด็กๆที่กำลังแสดงอาการดีใจสุดๆออกมา แต่เมื่อคิดได้ว่ายังการสอบรอบที่สองอีก เวสเตอร์ก็รู้สึกเซ็งแบบแปลกๆ เด็กหนุ่มแหงนมองท้องฟ้าที่บัดนี้พระอาทิตย์ได้ลาลับไปแล้ว ยังจะเหลือก็แต่ แสงดาวที่กระพริบราวกับการเต้นของหัวใจ เวสเตอร์เดินไปแหงนมองท้องฟ้าไปโดยไม่ต้องดูทางเพราะความชำนาญขนาดหลับตาเดินได้



    “โหดาวตกสวยจัง” เด็กหนุ่มมองดาวตกที่พุ่งลงมาซึ่งนานๆทีจะมีมาให่เค้าเห็นซักครั้ง แต่เวสเตอร์กำลังทำหน้าฉงงหัวคิ้วค่อยๆขยับเข้าหากัน เค้ารู้สึกเหมือนดาวตกกำลังพุ่งเข้ามา และมันก็พุ่งเค้ามาหาเค้าซะด้วย ฉับพลันเวสเตอร์รีบออกวิ่งวิ่งไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิ่งด้วยอาการตกใจสุดขีด ตัวเค้าก็ไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่ว่าดาวตกจะพุ่งมาที่เค้า แต่มันพุ่งมาซะแล้วพุ่งมาด้วยความเร็วจนมิอาจจะประเมินได้ ไฟที่ห่อหุ้มดาวตกลุกแรงดั่งไฟนรกที่ไม่มีวันมอดดับลงได้



    ตูม!!!!!!!!!!!!!!



           แรงระเบิดของดาวตกที่พุ่งลงมาพลักเวสเตอร์กระเด็นออกไปจนเวสเตอร์ลอยละลิ่วทั้งๆที่ตัวของเค้าก็ไม่ได้เบาซักเท่าไหร่ เด็กหนุ่มพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ระบมไปหมดทั่วทั้งตัว ร่างกายมีบาดแผลทั่วตัว แต่เวสเตอร์ก็ยังเดินไปบริเวณจุดที่ดาวตกตกลงมา ตรงจุดที่ดาวตกตกลงมานั้นเกิดหลุมขนาดใหญ่ เศษหินของดาวตกที่แตกกระจายมีอยู่ทั่วบริเวณ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เด่นชัดอยู่กลางหลุมมันเป็นก้อนหินสีแดงที่กระพริบเหมือนไฟกระพริบๆทั่วไป



           เวสเตอร์ค่อยๆไต่ลงไปยังกลางหลุมดาวตก แล้วหยิบหินก้อนนั้นขึ้นมาดูมันมีลวดลายที่สวยงามเกินกว่าจะคิดว่ามันตกลงมาพร้อมกับดาวตก เมื่อหินอยู่ในมือของเวสเตอร์มันก็หยุกกระพริบในทันที เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่เวสเตอร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นจริงได้ เพราะเท่าที่เค้าเคยรู้มานั้นเมื่อดาวตก พุ่งลงมายังดาวเอเลนด้านั้น มันจะต้องฝ่าชั้นบรรยากาศหลายชั้นซึ่งกว่าที่จะพุ่งทะลุมาได้ดาวตกก็แตกละเอียดกลายเป็นเศษก้อนหินแล้ว แต่นี่มันยังเหลือเป็นก้อนโตๆพุ่งมาใส่ตัวเค้า เวสเตอร์เก็บหินใส่กระเป๋ากางเกงแล้วไต่ออกมาจากหลุม



    ว้าก!!! เด็กหนุ่มตะโกนเสียงหลงเมื่อก้อนหินที่วางเท้าอยู่นั้นเกิดหลุดออกเป็นสาเหตุทำให้เค้าต้องหล่นตุ้บลงมานอนกับพื้น

              

    “สวัสดีเวสเตอร์” เวสเตอร์ลืมตาอีกครั้งแล้วพบว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ปลายเท้า เวสเตอร์ใช้เวลาปรับสายตาเล็กน้อยเพราะภาพที่เห็นมันยังมัวๆอยู่ แต่น่าแปลกที่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่มีให้เค้าเห็นในวันนี้



    “เป็นอย่างไรบ้าง” ชายตรงหน้ายังคงยืนอยู่ที่ปลายเท้าของเวสเตอร์



    “สวัสดีครับ” เวสเตอร์ทักตอบพร้อมๆกับยันตัวให้ลุกขึ้นมายืน แต่เมื่อเวสเตอร์มองคนตรงหน้าชัดๆอีกทีเค้าก็ต้องประหลาดใจ เมื่อคนตรงหน้ามีหน้าตาที่ไม่แตกต่างกับซาตานที่เค้าเห็นในหนังสือภาพสักเท่าไหร่



    “ผมตายแล้วเหรอฮะ” เด็กหนุ่มถามพร้อมกับทำหน้าตาเศร้าๆแบบคนยอมรับความเป็นจริง



    “ไม่เจ้ายังไม่ตายเจ้ายังไม่ถึงคาด” ชายตรงหน้ายืนยิ้มส่วนมือไพ่หลังไว้อยู่ เวสเตอร์มองไปรอบๆ เพื่อดูว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน แต่มันยังคงเป็นที่เดิมที่หลุมของอุกกาบาต



    “เจ้ามีภาระที่ต้องกระทำ มันเป็นชะตา” ชายหนุ่มเริ่มพูด



    “ภาระอะไร” เวสเตอร์ยังงงกับคำพูดของชายตรงหน้า



    “ไม่นานอีกไม่นานเจ้าจะรู้ มันเป็นภาระที่เจ้าต้องแบกรับและไม่มีใครจะมาทำแทนเจ้าได้” เวสเตอร์ยังคงยืนงงตอนนี้เค้างงกับคำพูดของชายตรงหน้ามาก



    สงสัยถ้าจะบ้าแฮะ  เวสเตอร์คิดในใจ ชายตรงหน้าเดินเข้ามาหาเวสเตอร์ ส่วนเวสเตอร์ผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ชายตรงหน้าเอื้อมมือไปจับหัวไหล่ข้างซ้ายของเวสเตอร์



    “เจ้าต้องมีพลังเพียงพอกับภาระในครั้งนี้” ฉับพลันแสงสีขาวก็ส่องประกายไปทั่วบริเวณ เวสเตอร์รู้สึกร้อนขึ้นมาฉับพลันร้อนจนแทบจะระเบิด มันปวดไปทั่วร่างกาย แต่เค้าดิ้นไม่ได้เค้าขยับไม่ได้เลย ทั้งๆที่ชายตรงหน้าแค่จับไหล่ของเค้าไว้เท่านั้นแต่เค้าไม่มีแรงพอที่จะต่อต้านคนข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย ฉับพลันที่แสงสีขาวหายไปหมดเวสเตอร์ก็สลบลงไปนอนกับพื้นเหมือนเคย



    “ชะตาของเจ้ามันช่างหนักหนานักแต่มันเป็นชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” พูดจบชายตรงหน้าก็หายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตรงนั้นมาก่อน



    ว้าก!!!!!!!! เวสเตอร์ร้องลั่นแล้วลุกขึ้นมานั่ง เหงื่อออกไปทั่วร่างกาย เค้ารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายบาดแผลยังคงอยู่ แต่ตอนนี้เค้านอนอยู่บนเตียงที่บ้านของเค้า



    “เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”



    “เวสเตอร์แม่เข้าไปนะลูก” ทูเบอร์โรสเดินเข้าไปในห้องในมือถือถาดที่เตรียมอาหารเช้าสำหรับเวสเตอร์เอาไว้



    “มีคนไปเจอลูกในป่า ตอนไปสำรวจหลุมอุกกาบาตเค้าบอกว่าลูกสลบอยู่ในหลุม” เวสเตอร์ยังมึนหัวไม่หาย ทั่วร่างกายมีผ้าพันแผลเต็มไปหมด



    “อาการเป็นอย่างไรบ้างฮึ” ตาของทูเบอร์โรสยังแดงอยู่เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้ไปเมื่อคืนขอบตายังช้ำอยู่เพราะเมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย



    “ไม่ค่อยปวดเท่าไหร่แล้วครับแม่”



    “ดีแล้วลูกนอนพักมากๆนะจะได้หายไวๆ” น้ำตาของทูเบอร์โรสเริ่มคลอที่เบ้าตาตาเริ่มแดงอีกครั้ง



    “อืมแม่ครับผมสอบผ่านรอบแรกด้วยนะครับ” ทูเบอร์โรสยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร



    “นอนพักมากๆนะลูก แล้วก็กินข้าวที่แม่เอามาให้ให้หมดนะลูกจะได้แข็งแรง”



    “ครับแม่”



    “แม่ไปนะ” เวสเตอร์ลงมือกินข้าวต้มอุ่นๆที่ทูเบอร์โรสเอามาให้จนหมดแต่เค้ายังนอนไม่ค่อยหลับเค้ายังนึกถึงความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นความฝันที่เหมือนกับความจริงเหมือนอย่างกับว่าตอนนั้นเค้ายืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ความรู้สึกเจ็บยังคงอยู่โดยเฉพาะบริเวณหัวไหล่ด้านซ้าย มันปวดจนไร้ความรู้สึกไปซะแล้วแต่เวสเตอร์เริ่มเบลอๆอีกครั้งเพราะในข้าวต้มที่เวสเตอร์กินเมื่อกี้นี้ทูเบอร์โรสได้ใส่ยานอนหลับเอาไว้เพราะต้องการให้เวสเตอร์นอนพักมากๆ

      

           เช้าวันรุ่งขึ้น อาการของเวสเตอร์หายเป็นไปหมดไม่มีแม้แต่รอยฟกช้ำแต่เค้าก็ยังคงปวดไหล่ซ้ายอยู่เล็กน้อย ทูเบอร์โรสเอาข้าวต้มมาให้เวสเตอร์อีก



    “แม่ฮะวันนี้ผมขอไปดูเพื่อนสอบที่โรงเรียนหน่อยฮะนะแม่”    



    “แม่ว่าลูกนอนพักอีกซักนิดจะดีกว่านะ”    



    “ผมไม่เป็นไรแล้วครับแม่ ดูซิฮะผมแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วครับขนาดรอยฟกช้ำยังไม่มีเลยนะฮะ” อันที่จริงทูเบอร์โรสเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเวสเตอร์ถึงไม่มีอาการฟกช้ำซักนิดทั้งๆที่ตอนที่มีคนอุ้มมาส่งที่บ้านครั้งแรกนั้น อาการน่าจะอยู่ในขั้นรุนแรงด้วยซ้ำไป



    “งั้นก็แล้วแต่ลูกเถอะจ๊ะ ระวังๆด้วยนะลูกเดี๋ยวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก”



    “ครับแม่ผมไปไม่นานหรอกครับแค่ไปดูเพื่อนผมสอบเท่านั้นแหละครับ” เวสเตอร์รีบกินข้าวที่ทูเบอร์โรสยกมาให้ พอกินเสร็จก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวทันที



    “ผมไปแล้วนะครับแม่” เวสเตอร์กล่าวลาพร้อมกับวิ่งออกไปเพราะเค้าก็ไม่แน่ใจว่าเฟนิต้าสอบตอนกี่โมง พอมาถึงที่หน้าโรงเรียนเวสเตอร์ก็เดินหาเฟนิต้ารอบๆบริเวณ



    “สวัสดีเวสเตอร์มาทำอะไรจ๊ะ ?” เวสเตอร์สะดุ้งเล็กน้อยเพราะว่าคนที่มาทักเค้าไม่ใช่ใครนอกซะจากจะเป็นเฟนิต้า เค้ารู้สึกงงเล็กน้อยเพราะว่าเค้าเดินหาเฟนิต้าตั้งนานแต่เฟนิต้ากลับมาเป็นฝ่ายทักเค้าซะเอง



    “สวัสดีเฟนิต้า สอบไปหรือยังล่ะ ?”    



    “ยังเลยเราสอบรอบบ่ายน่ะ”    



    “อืมแล้วเค้าสอบกันยังไงเหรอ” ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ แต่ที่รู้ๆนะยากสุดๆเลยล่ะเพราะแต่ละคนที่เดินออกมานะทำหน้าเครียดกันทุกคนเลยอ่ะ” เวสเตอร์ทำหน้าเอ๋อๆ ส่วนเฟนิต้านี่ไม่ต้องพูดถึงหาแตกตั้งแต่เจอเวสเตอร์ทำท่าเก้กังๆแล้ว



    “อืมนี่เวสเตอร์เดี๋ยวเราก้อจะสอบแล้วล่ะ”



    “เหรองั้นเดี๋ยวเราไปดูด้วยนะ” สถานที่สอบนั้นเป็นโดมสีขาวซะอาดตาแต่ไม่ให้ผู้ใดเข้ายกเว้นผู้เกี่ยวข้องกับผู้เข้าสอบเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเวสเตอร์ต้องรออยู่ด้านนอก แต่ด้านนอกทางโรงเรียนก็ได้เตรียมโทรทัศน์ขนาดใหญ่เรียงต่อกันไว้ประมาณ 50 เครื่องเพื่อให้ผู้ที่มารอหรือมาเชียร์ได้มีโอกาสได้ดู การสอบในแต่ละครั้งด้วย



    “แล้วเธอสอบเป็นคนที่เท่าไหร่อ่ะ\"    



    \"อ้อ ฉันสอบคนที่ 15 น่ะ”



    “แล้วจะคอยดูยอดมนุษย์สาวแสนสวยสอบคัดเลือกละกัน” เฟนิต้าหน้าแดงระเรื่ออย่างไม่ทราบสาเหตุ      



    “ไม่สบายหรือเปล่าเฟนิต้าหน้าแดงเชียว” เวสเตอร์หันมาถามทันทีเพราะเค้าเห็นว่าหน้าเฟนิต้าแดงอย่างกับลูกตำลึง    



    \"อ่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก ฉันว่านะเรามานั่งดูคนที่จะสอบคนแรกของรอบนี้กันดีกว่านะ” เด็กสาวรีบหาที่นั่งดูทีวีขนาดยักษ์ทันทีที่พูดจบ ส่วนเวสเตอร์กำลังงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเฟนิต้า    



    “อืมนี่เวสเตอร์”    



    “มีอะไรเหรอ ?”  



    “ฉันได้ข่าวมาว่าการสอบในปีนี้น่ะมีเจ้าชายจากเมือง โฮโลฟาส มาสอบด้วยนะเห็นเค้าบอกว่าเจ้าชายองค์นี้มีความสามารถหลายด้านอยู่เหมือนกันนะ”    



    “โหจริงดิ อย่างนี้เราก็ได้เป็นเพื่อนกับเจ้าชายแล้วอ่ะดิเจ๋งชะมัด” ท่าทางของเวสตอร์ดีใจอย่างกับที่บ้านถูกรางวัลที่ 1 ส่วนเฟนิต้าที่นั่งข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะต้องขำจนท้องแข็งกับท่าทางของเวสเตอร์ที่เธอเห็นทุกครั้งเป็นต้องหัวเราะทุกครั้ง    



    ประกาศจากทางโรงเรียนขอให้ผู้เข้าสอบคนที่หนึ่งของรอบบ่ายเข้าประจำสถานที่สอบในเวลานี้ด้วยค่ะ และขอให้ผู้เข้าสอบคนอื่นๆเตรียมตัวสำหรับการสอบด้วยค่ะขอบคุณค่ะ” ตรงหน้าโดมเพิ่งมีผู้เข้าสอบเดินเข้าไปคนหนึ่ง จอโทรทัศน์ก็ฉายภาพภายในโดมให้ทุกคนได้รับชม ภายในโดมเป็นที่โล่งกว้าง ตรงกลางห้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมการสอบประจำอยู่ในตำแหน่ง    



           ส่วนด้านหลังผู้คุมสอบมีอาวุธสำหรับใช้ในการโจมตีวางอยู่หลายชนิดวางอยู่บนกำแพง ด้านล่างจอทีวีมีรายชื่อของผู้เข้าสอบและเลขที่สอบขึ้นเพื่อแจ้งให้ผู้รับชมได้ทราบ ฉับพลันที่ผู้เข้าสอบได้เดินเข้าไปประจำตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการสอบก็ประกาศชื่อผู้เข้าสอบทันที    



    “โจนาทาน ดาวินโน่ ผู้เข้าสอบคนที่ 1 ในรอบบ่าย” หลังจากประกาศชื่อผู้เข้าสอบเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่มที่เครื่องมือที่สวมอยู่ที่แขนด้านขวาฉับพลันก็เกิดภาพเป็นเส้นด้านหน้าก่อนที่มันจะเกิดเป็นรูปร่างจนเห็นชัดเป็นรูปร่าง 3 ตัว



           ตัวแรกเป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายกับคนที่ไร้ความรู้สึกที่ยืนสงบนิ่งทั่วทั้งตัวเป็นสีดำสะท้อนแสงคล้ายกับผลึกทั้งหมด ตัวที่สองเป็นสิงโตธรรมดาๆแต่แววตาของมันเป็นสีแดงเพลิง สายตาที่ส่งมานั้นไม่ต่างจากสายตาของมัจจุราชที่พร้อมจะพรากชีวิตของคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ ส่วนตัวที่สามเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ประมาณห้าคนโอบได้มีเถาวัลย์เต็มไปหมดทั่วทั้งต้น ใบของต้นนั้นคมราวกับใบมีด ทันทีที่ภาพได้ฉายออกมาเป็นรูปร่างครบทั้งหมดแล้วตรงหน้าผู้เข้าสอบก็เกิดแผ่นใสลอยขึ้นอยู่ตรงหน้า และมีข้อความให้เลือกคู่ต่อสู่ตรงหน้า 1 ตัวและต้องล้มให้ได้ภายในเวลา 30 นาทีโดยจะให้เลือกแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ทันทีที่กดปุ่มเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วแผ่นใสๆก็หายไปพร้อมๆกับภาพศัตรูตรงหน้า ซึ่งตัวที่โจนาทานเลือกนั้นคือสิงโต    



           ทันทีที่ภาพหายไปหมดพื้นห้องตรงด้านหน้าโจนาทานก็เปิดออกแล้วกรงสิงโตก็ลอยขึ้นมารูปร่างและสายตาของสิงโตเหมือนกับในรูปทุกอย่าง เจ้าหน้าที่หันมาส่งสัญญาณให้โจนาทานเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ ทันทีที่โจนาทานพยักหน้าตอบกรงสิงโตตรงหน้าก็เปิดออกทันที สิงโตที่อยู่ภายในเดินออกมาทีละก้าวอย่างช้าๆ เสียงเท้าที่ก้าวของสิงโตนั้นดังจนได้ยินเพราะภายในห้องนั้นเงียบสนิทและไร้การเคลื่อนไหว ทันทีที่สิงโตออกมาจากกรงแล้วกรงที่ขังสิงโตไว้อยู่นั้นก็หายไปราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้นเลย



           โจนาทานเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่เริ่มขึ้น สิงโตตรงหน้าก็เตรียมตัวกระโจนไปด้านหน้าเพื่อโจมตีเต็มที่สายตาของมันที่จับจ้องคู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ต่างไปกับสายตาของมัจจุราชมันเพ่งมองโจนาทานตาไม่กระพริบเวลาผ่านไปประมาณสามนาทีโจนาทานเริ่มขยับบ้างแล้วเพราะว่าการทดสอบครั้งนี้จำกัดเวลาแค่สามสิบนาทีเท่านั้นสิงโตตรงหน้าพุ่งกระโจนเข้าโจนาทานทันทีที่เค้าขยับมันพุ่งออกไปด้วยความแรงของขาหลัง โจนาทานเอี้ยวตัวหลบการกระโจนเข้าใส่แต่ก็ไม่พ้นสิงโตยังคงฝากรอยแผลจากการตะปบที่หัวไหล่ไว้ได้ โจนาทานไม่รีรอเค้ารีบวิ่งไปที่กำแพงเพื่อหยิบอาวุธทันที โจนาทานหยิบพลองยาวออกมาพลองอันนี้ทำมาจากเหล็กมันจึงมีน้ำหนักพอควร



           สิงโตไม่รอช้ามันรีบกระโจนเข้าหาโจนาทานทันทีโดยไม่ปล่อยให้เค้าได้มีเวลาพัก ไม้พลองเหล็กถูกยกขึ้นมากระทุงเข้าลำตัวของสิงโตทันทีแต่แทนที่สิงโตจะกระอักด้วยความเจ็บปวด พลองที่กระทุ้งเข้าลำตัวสิงโตนั้นกลับงอลง แต่โจนาทานไม่รอช้าเค้ารีบหวดพลองในมือใส่สิงโตด้วยความแรงเท่าที่จะทำได้ เสียงร้องคำรามของสิงโตดังกึกก้องไปทั่วทั้งโดมมันลงไปดิ้นอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดแล้วกระโดดถอยหลังออกมาเล็กน้อย ส่วนพลองที่ฟากไปนั้นบิดเบี้ยวไม่ได้รูปโจนาทานรับเปลี่ยนมาถือดาบแทน สิงโตวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วส่วนโจนาทานก็วิ่งพุ่งเข้าหาด้วยเช่นกันในมือนั้นกำดาบไว้แน่น ก่อนที่จะฟันเข้าด้านหน้าสิงโตแต่มันยังเร็วไม่พอบวกกับความแรงที่ยังใส่ลงไปไม่พอนั้นสิงโตจึงอ้าปากงับดาบไว้ได้ก่อนที่มันจะพุ่งใส่ท้องของโจนาทาน



           เด็กหนุ่มพุ่งกระเด็นติดกำแพงหัวของโจนาทานแตกเล็กน้อยสิงโตไม่รอช้าพุ่งตัวสุดแรงเข้ากระแทกหมายจะโจมตีปิดฉาก โจนาทานกลิ้งตัวหลบได้ทันก่อนที่จะลุกขึ้นมาแล้วหยิบดาบเล่มใหม่ขึ้นมาเตรียมพร้อมโจมตี ดวงตาของสิงโตแดงขึ้นด้วยความโกรธมันพุ่งตัวสุดแรงเข้าใส่โจนาทาน โจนาทานกลิ้งหลับก่อนที่จะขวางดาบไปปักกลางหลังของสิงโตขณะที่เท้าของมันยังไม่แตะพื้น



           เสียงร้อยด้วยความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานดังแสบแก้วหูไปทั่วโดม โจนาทานไม่รอช้ารีบหยิบอาวุธซัดปาใส่สิงโต จนมันล้มลงและนอนราบกับพื้นอย่างสิ้นแรงต่อต้าน สิ้นสุดการต่อสู้ผู้ชมภายนอกต่างสงเสียเฮดังลั่นด้วยความตื่นเต้น ส่วนผู้ควบคุมการสอบรีบวิ่งเข้ามารักษาผู้เข้าสอบและสิงโตอย่างรวดเร็วการรักษานั้นรวดเร็วมากเพราะรักษาด้วยเวทย์มนต์รักษาแผลที่เกิดขึ้นต่างๆจึงหายไปทันที และเป็นที่แน่นอนผู้เข้าสอบที่ยังไม่ได้สอบอีกหลายคนขอถอนตัวจากการสอบไปทันทีเพราะความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โจนาทานเดินออกจากโดมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนสิงโตที่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วก็หายไปราวกับไม่เคยอยู่มาก่อนเหมือนกับกรงของมัน ผู้เข้าสอบที่สอบต่อจากโจนาทานขอถอนตัวออกไปหลายคนจนเหลือคนที่สอบก่อนหน้าเฟนิต้าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น “เซวาโน่ ลานเชียร์”



           เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกผู้เข้าสอบคนต่อไปดังขึ้น เด็กหนุ่มผมสีเงินตัดกับสีดำของดวงตาลุกขึ้นยืนข้างๆเฟนิต้าก่อนที่จะวิ่งออกไปไปที่โดม เฟนิต้ารู้สึกคุ้นๆกับใบหน้าของเซวาโน่มากเหมือนเคยเจอกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนเวสเตอร์นั้นก็ยังหลับไม่ตื่นซึ่งเฟนิต้าก็ไม่อยากจะปลุกเพราะกลัวว่าจะเป็นการขัดขวางกิจวัตรของเวสเตอร์เสียเปล่าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้างงๆเมื่อหันมาเจอหน้าเด็กหนุ่มขณะหลับโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจกับการสอบที่จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง



           เซวาโน่เดินเข้าไปในโดมและหยุดอยู่กลางโดมเช่นเดียวกับโจนาทาน แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ ภาพที่เห็นด้านหน้านั้นได้มีหมีควายตัวใหญ่เข้ามาแทนที่สิงโต เซวาโน่เอื้อมมือไปสัมผัสกับรูปต้นไม้ที่แผ่นโปร่งแสงที่ลอยอยู่ด้านหน้า ฉับพลันภาพตรงหน้าก็หายไปหมดผู้ควบคุมการสอบก็เดินหายลับไปเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการสอบของผู้เข้าสอบ หลังจากที่ผู้ควบคุมการสอบเดินออกไปแล้วนั้นภายในโดมเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย พื้นตรงหน้าของเซวาโน่เริ่มแยกออกจากกัน มันค่อยๆแตกจนมีหลุมขนาดเล็กเกิดขึ้น ฉับพลันลากเล็กๆของต้นไม้ก็ค่อยๆงอกออกมาจากหลุมจากหนึ่งเป็นสองแล้วค่อยงอกออกมาเรื่อยๆจนพื้นช่วงนั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ก่อนที่ลำต้นจะพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับฟาดรากของมันไปตรงด้านหน้าของเซวาโน่



           เซวาโน่ยังคงยืนอยู่เฉยๆไร้การเคลื่อนไหวใดๆจนต้นไม้ปีศาจด้านหน้าโผล่ขึ้นมาบนพื้นเผยให้เห็นถึงขนาดที่ไม้น้อยไปกว่าห้าคนโอบ กลางลำต้นมีลักษณะเป็นรูปหน้าคนเถาวัลย์เป็นร้อยๆเส้นบนต้นคอยปัดป้องสิ่งที่จะมารบกวน เซวาโน่เดินไปที่กำแพงเลือกหยิบมีดบินมาสองสามอันก่อนที่จะซัดมันออกไป ปีศาจต้นไม้ใช้เถาวัลย์ปัดมีดบินได้ทั้งหมด เซวาโน่จึงเดินไปหยิบดาบซามูไรด้ามยาวออกมาก่อนที่จะวิ่งออกไปด้วยความเร็ว แซ่เถาวัลย์ก็พุ่งออกมาจากต้นไม้ด้วยความเร็วที่ไม้แพ้กัน เซวาโน่ยกดาบฟาดฟันลงไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะใช้ความเร็วพุ่งฝ่าเข้าไปในดงเถาวัลย์และฟาดดาบลงไปกลางลำตัว แต่เหมือนไม่เป็นผลแซ่เถาวัลย์นับร้อยตรงรี่เข้ามามัดร่างของเซวาโน่ก่อนที่จะยกตัวเค้าให้ลอยอยู่กลางอากาศพร้อมๆกับแซ่เถาวัลย์อีกสองสามเส้นที่ตรงเข้ามาฟาดใส่ร่างของเซวาโน่



           ตอนนี้ใบหน้าและร่างกายของเซวาโน่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ผู้ควบคุมการสอบเดินเข้ามาที่โดมและกำลังจะเข้าไปช่วยเซวาโน่แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเซวาโน่ส่งสายตามาเป็นเชิงบอกว่ายังไม่ยอมแพ้ ก่อนที่เซวาโน่จะหันกลับไปที่ต้นไม้ปีศาจอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความกล้าหาญ ตอนนี้ปากของเซวาโน่เริ่มขยับร่ายมนต์บางอย่างออกมาฉับพลันแซ่เถาวัลย์ที่มัดร่างของเค้าก็คลายออกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนโดนของมีคมตัดต้นไม้ปีศาจยิ่งบ้าคลั่งมันยกรากไม้ขึ้นมาฟากไปที่เซวาโน่ แต่ก่อนที่รากของมันจะพุ่งเข้าไปที่เซวาโน่ ดาบซามูไรก็ถูกหยิบขึ้นมากระชับไว้ในมือของเซวาโน่ก่อนที่เค้าจะวิ่งด้วยความเร็วจนคนที่คอยชมอยู่ด้านนอกด้วยทีวีวงจรปิดนั้นเห็นเป็นเพียงแค่ภาพลางๆ เซวาโน่ฟันดาบเข้าที่รากไม้ก่อนที่จะพุ่งดาบเสียบเข้าไปที่ต้นไม้แล้วฟันออกมาผ่าต้นไม้ปีศาจให้โค่นลงกับพื้นดังสั่นหวันไหวไปทั่วทั้งโดม



          ผู้ควบคุมการสอบยังคงยืนดูด้วยความตะลึงเล็กน้อย ผู้ชมภายนอกยกคงค้างกับภาพที่ได้เห็นทางทีวี ส่วนเลโอน่าที่ดูการสอบครั้งนี้อยู่ที่ห้องของเค้ายังคงนั่งมองดูการสอบครั้งนี้ด้วยความสงบ ส่วนเซวาโน่เดินออกมาจากโดมแล้วเดินหายลับไปทางด้านประตูทางออกต้นไม้ในโดมหายไปเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเช่นเดียวกับสิงโตพื้นภายในเริ่มเคลื่อนตัวเข้าหากันแล้วก็ปิดรอยแยกและหลุมที่เกิดจากต้นไม้ปีศาจ



    “เฟนิต้า เอโกด้า” เจ้าหน้าที่ประกาศชื่อเฟนิต้าออกมาทันทีที่สถานที่สำหรับการสอบพร้อมสำหรับการสอบในครั้งต่อไป เฟนิต้าเดินเข้าโดมโดยปล่อยให้เด็กขี้เซานอนหลับฝันดีสบายอารมณ์ต่อไป ผู้ควบคุมการสอบยืนอยู่ภายในรอเฟนิต้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเฟนิต้าเดินเข้าไปถึงกลางห้องรูปภาพตรงหน้าก็ฉายขึ้น



           ตอนนี้รูปต้นไม้ถูกแทนที่ด้วยหมาป่าสีขาวเผือก แผ่นใสๆลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเฟนิต้า ก่อนที่เฟนิต้าจะประทับมือลงไปที่รูปหมีควาย ฉับพลันแผ่นใสๆก็จางหายไปพร้อมกับภาพจำลองตรงหน้า พื้นห้องเริ่มแยกออกด้วยระบบอัตโนมัติกรงหมีควายถูกส่งขึ้นมาบนพื้นห้องพื้นห้องเลื่อนปิดก่อนที่กรงของหมีควายจะหายวับไปเช่นเดียวกับกรงของสิงโต ผู้ควบคุมการสอบหันหน้ามามองเฟนิต้าพร้อมกับส่งสัญญาณให้เริ่มการทดสอบได้ เฟนิต้าพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันไปยิ้มให้สัตว์ใหญ่ตรงหน้าแววตาของมันดุดันเล็บของมันคมพอที่จะตบสิ่งมีชีวิตให้ได้รับความทรมานแสนสาหัสได้ในคราวเดียว คนเชียร์ภายนอกจองมองทีวีด้วยความสงบ



           ส่วนเวสเตอร์นอนกลิ้งตัวตกลงไปนั่งกับพื้นส่งเสียงดังขัดกับบรรยากาศภายนอกโดยสิ้นเชิงทำให้สายตาโดยรอบหันมาจับจ้องพร้อมๆกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เวสเตอร์มองไปรอบๆเพื่อหาเฟนิต้าพลันสายตาก็ไปสะดุดกับคนในทีวีเข้าให้



    “จะไปสอบก็ไม่บอกดีนะที่ไม่ได้อดดูเฟนิต้าสู้ไม่งั้นเสียดายแย่” เด็กหนุ่มพูดอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อยก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่การสอบในครั้งนี้ ตอนนี้ภายในโดมเงียบสนิทไม่มีวี่แววของการขยับของทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นเพราะต่างฝ่ายต่างกำลังใช้ความกดดันข่มคู่ต่อสู้



           สักพักต่อมาเฟนิต้าก็เดินไปรอบๆโดมก่อนที่จะเดินไปหยิบธนูก่อนที่จะแพลงศรออกไปด้วยความแม่นยำ ศรพุ่งตรงเข้ากลางอกแต่ไร้ซึ่งวี่แววของการขยับของหมีควายตรงหน้ามันยังคงอยู่เฉยๆให้ศรพุ่งใส่มัน ศรที่ยิงออกมาพุ่งเข้าเป้าแต่สิ่งที่ทำให้เฟนิต้าต้องมองตามอย่างอดไม่ได้คือศรที่ยิงไปนั้นไม่ได้ระคายผิวของหมีควายเลยสักนิด หมีควายเริ่มขยับก่อนที่มันจะวิ่งเข้ามาหาเฟนิต้า เฟนิต้าคว้าดาบมาไว้ในมือก่อนที่จะกระโจนตัวหลบออกไปอีกด้าน หมีควายวิ่งมาอยู่ตรงหน้าก่อนที่มันจะใช้มือของมันตบเข้ากลางลำตัวของเฟนิต้า



           เฟนิต้านอนกอดดาบอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด หมีควายไม่ปล่อยให้เหยื่อตรงหน้าได้มีโอกาสตั้งตัวมันวิ่งกระโจนเข้าหาก่อนที่จะกระโดดทับเฟนิต้า เฟนิต้าเหลือบตามาเห็นเข้าพอดีจึงกลิ้งตัวหลบออกด้วยความรวดเร็วแต่ดาบที่กอดไว้ก็สร้างบาดแผลให้ร่างกายไม่น้อยขณะที่กลิ้งตัวหลบออกมานั้น ความรู้สึกของบาดแผลได้หายไปเพราะอาการชา แต่เฟนิต้าไม่สนใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอวิ่งเข้าไปหาก่อนที่ฟันดาบตัดแขนของหมีควายตรงหน้าขาดกระเด็น หมีควายหันมาหาด้วยความโกรธแววตาของมันฉายแววแห่งความอาฆาตแค้นมันร้องคำรามดังกึกก้องไปทั้งโดม เวสเตอร์และคนอื่นๆที่ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในครั้งนี้ถึงกับอ้าปากค้างเด็กๆบางคนทำหน้าหยีเมื่อเห็นเลือดที่แขนของหมีควายพุ่งกระฉูดออกมา เลือดของหมีควายเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ    



           เฟนิต้าวิ่งเข้าไปหาหมีควายหมายจะฟันซ้ำอีกครั้งแต่เธอก็โดนมืออีกข้างของหมีควายตบเข้าที่ท้องทำให้เฟนิต้ากลิ้งไปชนกำแพงอีกฝั่ง หน้าของเฟนิต้าซีดไปมากจากบาดแผลที่ได้รับเมื่อครู่ท้องของเฟนิต้าเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลที่เกิดขึ้น เวสเตอร์ที่อยู่ด้านนอกมองด้วยความรู้สึกอึดอัดอยากจะเข้าไปช่วยแต่เมื่อมันเป็นการสอบเค้าก็ทำได้เพียงแค่เป็นผู้ชมเท่านั้น



           เฟนิต้าใช้ดาบยันกายให้ลุกขึ้นยืนเลือดจากบาดแผลไหลไปตามร่างกาย ขาทั้งสองสั่นเพราะอาการจากบาดแผลที่ได้รับ ความเป็นจริงบาดแผลที่ได้รับมันเกินกว่าที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะทนรับได้แต่สายตาของเฟนิต้าไม่ได้บอกเช่นนั้น สายตาของเธอบ่งบอกถึงความตั้งใจที่อยู่เหนือกว่าอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับ หมีความค่อยเดินเข้ามาหาเธอก่อนที่มันจะล้มลงไปและหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ภายในโดม แผลทั่วร่างกายของเฟนิต้าหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นจะมีก็แค่แผลถลอกนิดๆในบางแห่ง ผู้ควบคุมการสอบหันหน้ามาหาก่อนที่จะบอกให้เธอเดินออกไปจากโดมเพื่อเริ่มการสอบในครั้งต่อไป



    “ซาวาเรส อาราโกส” เจ้าหน้าที่ประกาศรายชื่อของผู้เข้าสอบคนต่อไปทันทีที่สถานที่สำหรับการสอบพร้อมสำหรับการสอบแล้ว เวสเตอร์รีบวิ่งเข้าไปหาเฟนิต้าแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเฟนิต้าหน้าของเด็กหนุ่มแสดงออกถึงความงุนงงออกมาอย่างชัดเจน    



    “มีอะไรหรือเปล่าเวสเตอร์”     เด็กสาวพอจะเดาได้ว่าเวสเตอร์คิดอะไรอยู่



    “เธอบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า ?”    



    “ก็ไม่นะทำไมเหรอ ?”      



    “แต่ฉันว่าฉันเห็นเธอบาดเจ็บสาหัสนะ”



    “ฉันว่าเธอตาฝาดแล้วล่ะ”



    “ไม่จริงอ่ะคนอื่นที่ดูเค้าก็เห็น” เด็กสาวหัวเราะร่าอย่างขบขันเมื่อเห็นหน้าของเวสเตอร์ที่ทำหน้าปั้นยากกับท่าทางที่ดูไม่ค่อยเข้ากับหน้าสักเท่าไหร่ ?”



    “นี่นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าบาดแผลจากการต่อสู้ หรือผลกระทบต่างๆที่เกิดจากการต่อสู้จะหายไปทันทีที่การทดสอบเสร็จสิ้นเพราะว่าผู้ควบคุมการสอบเป็นจอมเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นบาดแผลจึงหายในฉับพลันที่ได้รับเวทย์แห่งการรักษา”    



    “งั้นก็ดีไปเลยดิอย่างงี้ก็ลุยได้เต็มที่เลยใช่ป่ะ? ไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต”    



    “อืมแต่พวกอาการฟกช้ำก็ยังพอมีนะ สงสัยเค้าจะเหลือไว้ให้เป็นที่ระลึกมั้ง”



    “อืมนี่ฉันว่านะนายควรไปนอนหลับพักผ่อนให้มากๆจะดีกว่านะ เพราะฉันคิดว่าการสอบของวันพรุ่งนี้ก็คงไม่ต่างไปจากวันนี้หรอกเพราะว่าการสอบเมื่อวานก็เป็นการสอบแบบของฉัน”    



    “อืมๆ งั้นเราไปก่อนละกันนะเดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาดูฉันด้วยล่ะ”



    “ได้จะมาดูคนโดนอัดหน้าเละ” เวสเตอร์ทำหน้าเบ้ทันทีที่นึกสภาพของตัวเองเวลาที่โดนอัดจนหน้าเละ



    “งั้นฉันไปก่อนนะแม่เราคงรออยู่ที่บ้านด้วยน่ะ ไปก่อนนะ” เวสเตอร์โบกมือลาก่อนที่จะค่อยเดินหายลับออกไป ส่วนเฟนิต้ายังคงยืนดูการต่อสอบต่อไปจนถึงคนสุดท้ายแต่ก็มีบ้างที่ผู้สมัครสอบคนอื่นจะเดินเข้ามาถามถึงเรื่องการสอบของเธอ แต่ส่วนใหญ่ที่เข้ามาคงไม่แคล้วที่จะต้องถูกเธอปฏิเสธการคุยด้วยทุกครั้งเพราะจุดประสงค์หลักของแต่ละคนที่เข้ามาไม่พ้นเรื่องของการขอเบอร์เลยสักคน

                  

    “แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ” เมื่อถึงบ้างเวสเตอร์รีบวิ่งไปที่ห้องส่วนตัวจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงนิ่มๆที่ทำให้เค้าไม่ค่อยอยากจะจากมันไปในตอนเช้า



    “เวสเตอร์กินข้าวได้แล้วลูก” ทูเบอร์โรสตะโกนเรียกจากด้านล่างก่อนที่จะค่อยๆเดินไปทยอยจัดเตรียมอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ



    “แม่ครับพรุ่งนี้ผมสอบนะครับ แม่ต้องไปดูให้ได้เลยนะครับ”



    “พรุ่งนี้แม่ไม่ค่อยว่างน่ะลูก พอดีแม่ติดธุระนิดหน่อยน่ะ”



    “เหรอฮะ งั้นก็ไม่เป็นไรฮะ” แววตาของเวสเตอร์ฉายแววเศร้าชั่วครู่ก่อนที่จะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม



    “แม่ครับวันนี้ผมไปดูการสอบของเพื่อนมาด้วยล่ะครับตื่นเต้นสุดๆ”



    “แล้วตอนนี้อาการของลูกเป็นไงบ้างล่ะ”ทูเบอร์โรสพูดตัดบทก่อนที่เวสเตอร์จะได้เล่าเรื่องต่างๆที่ได้ไปเจอมา เวสเตอร์ทำหน้าเซ็งเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของหญิงตรงหน้า



    “ผมหายดีแล้วครับแม่ไม่ปวดอะไรแล้วล่ะครับ”



    “งั้นก็รีบๆทานข้าวแล้วขึ้นนอนซะนะพรุ่งนี่จะได้ตื่นแต่เช้า”



    “ครับแม่” จบบทสนทนาทั้งห้องก็เงียบกริบมีแค่เพียงเสียงตอนทานข้าวเท่านั้น หลังจากทานข้าวเสร็จเวสเตอร์ก็รีบไปอาบน้ำเข้านอน ทูเบอร์โรสเก็บจานไปล้างอยู่ในห้องครัวก่อนที่จะอาบน้ำแล้วเข้านอน เวสเตอร์ข่มตานอนแต่นอนไม่ค่อยหลับเค้ายังสงสัยอยู่เลยว่าวันนี้แม่เป็นอะไรทำไมถึงพูดจาและทำท่าทางแปลกๆ แต่สุดท้ายบรรยากาศรอบๆก็ทำให้เวสเตอร์ผลอยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว พระอาทิตย์ยามเช้าเข้ามาแทนที่พระจันทร์สีนวลอีกครั้ง



    “เวสเตอร์ตื่นได้แล้วลูก วันนี้มีสอบนะ” มันคงเป็นเรื่องปกติที่จะมีเด็กนอนตื่นสายอยู่ทุกวัน เวสเตอร์ยังคงงัวเงียหาววอดๆอยู่บนเตียง “เวสเตอร์ไปอาบน้ำได้แล้วลูกสายแล้วลูกเดี๋ยวไม่ได้สอบไม่รู้ด้วยนะ” ทูเบอร์โรสยังคงส่งเสียงเรียกพร้อมๆกับจัดแจงทำอาหารเช้าเตรียมพร้อมอยู่ด้านล่าง ส่วนเวสเตอร์รีบกระโจนไปอาบน้ำเหมือนทุกๆครั้งที่นอนตื่นสายเรื่องเมื่อวานได้หายไปจากความคิดตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องคิดคือ อาบน้ำแต่งตัวและกินข้าวให้เร็วที่สุด หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เวสเตอร์ก็ลงไปกินข้าวเช้าด้านล่าง โดยที่ทูเบอร์ได้จัดแจงอาหารไว้ด้านล่างเสร็จเรียบร้อยรออยู่แล้ว



    “เวสเตอร์แม่ขอให้ลูกโชคดีกับการสอบนะลูก ถ้าแม่ทำงานเสร็จแล้วแม่จะรีบไปนะ” ทูเบอร์โรสพูดแล้วยิ้มน้อยออกมา ส่วนเวสเตอร์ก็ยิ้มรับ    



    “ขอบคุณครับแม่ ผมไปก่อนนะฮะ” เวสเตอร์เดินออกจากบ้านก่อนที่จะวิ่งตรงไปยังสถานที่สอบรอบสุดท้าย



    “สวัสดีเวสเตอร์ มาแต่เช้าเชียวนะ”  



    “อ้าวสวัสดีเฟนิต้า มาก่อนเราอีกนะเนี่ย แล้วนี่ทำไมมาเช้าจังเลยล่ะ”  



    “อ้อก็ฉันตื่นเช้าแล้วมันไม่มีอะไรทำก็เลยมาที่นี้ก่อนเลยน่ะ แล้วนี่นายจะต้องเข้าสอบตอนกี่โมงล่ะ”  



    “อืมฉันสอบตอนบ่ายอ่ะเดี๋ยวก็ต้องสอบแล้วล่ะ”  



    “งั้นไปรอกันที่โดมเลยดีกว่าจะได้ไปรอเลยด้วยเดี๋ยวเกิดนายนอนเพลินล่ะยุ่ง”    



    “อ่ะนะพูดไปได้  แล้ววันนี้เค้าสอบกันแบบไหนอ่ะรู้ป่ะ ?”



    “ก็สอบแบบเดินอ่ะ แต่ว่านะตอนที่นายยังไม่มายังไม่มีใครผ่านสักคนเลยนะ ฉันว่าวันนี้คงยากกว่าสองวันที่ผ่านมานะเพราะว่าคงจะคัดคนให้สอบตกมากวันนี้แหละ”



    “สงสัยสองวันแรกคงได้คนที่สอบผ่านเกือบจะครบแล้วมั้ง” เวสเตอร์ทำหน้าเซ็งกับข่าวที่ได้ยินมาหมาดๆ



    “อืมแล้วนี่จะบ่ายหรือยังอ่ะ ?” “ยังๆทำไมเหรอกะจะนอนเอาแรงอีกเหรอ”    



    “พูดเป็นเล่นกะจะค่อยๆเดินไปน่ะแล้วก็อยากจะคิดอะไรสักหน่อยน่ะ”



    “แหมคิดเรื่องแฟนเหรอ”



    “โหเรายังไม่มีหรอกเรากำลังคิดอยู่น่ะว่าแม่เราเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อวานแม่เราพูดแล้วก็ทำท่าทีแปลกๆน่ะ”



    “เหรองั้นเดี๋ยวเราค่อยๆเดินไปก็ได้”



    “แล้วนี่ฉันขอเตือนนะว่าตอนสอบน่ะอย่าเลือกคู่ต่อสู้ที่เป็นคนนะไม่งั้นนายตกแน่ๆ เพราะว่าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ยังไม่มีคนที่สอบผ่านเลยสักคนนะ”



    “มันเก่งขนาดนั้นเชียว”  



    “ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรแต่อย่าลองก็แล้วกันถ้านายอยากจะสอบเข้าโรงเรียนนี้น่ะ”  



    “อ่ะนะ”  



    “นี่เวสเตอร์จะไม่ลองไปศึกษาดูหน่อยเหรอว่าวันนี้คนที่มาสอบน่ะเค้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”  



    “อืมก็ดีนะแต่ว่าเราไม่อย่างฟังเรื่องที่แบบว่าจะทำให้ตัวเองหดหู่ก่อนที่จะต้องไปทำอะไรที่เหมือนๆกับพวกเค้าน่ะ”  



    “อืมแล้วทานอะไรมายังล่ะ”  



    “ทานมาจากที่บ้านแล้วน่ะ” เวสเตอร์มองหน้าเฟนิต้าแบบงงนิดๆเพราะ เค้ารู้สึกแปลกมาที่เฟนิต้าวันนี้ดูจะเป็นฝ่ายชวนเค้าคุยมากผิดปกติ แต่เวสเตอร์ก็ยังไม่ได้พูดอะไร และก็นึกว่าเฟนิต้าคงจะดีใจไม่หายที่ชนะหมีควายตัวนั้นมาได้  



    “อืมนี่เฟนิต้า เราไปนั่งใต้ต้นไม่กันดีป่ะ อากาศสดชื่นดีด้วย”  



    “โหแต่ว่ามันร้อนอยู่นะ”  



    “โหใต้เงาไม้น่ะเย็นสบายจะตายไป”  



    “อืมๆได้ๆไปดิ”



    “ประกาศจากทางโรงเรียน! ผู้เข้าสอบรอบบ่ายทุกคนขอให้มารวมกันที่หน้าสนามสอบในเวลานี้ด้วยค่ะขอบคุณค่ะ”



    “โหคนกำลังอยากจะนอน เซ็งเลยอ่ะ” เวสเตอร์รู้สึกเซ็งนิดกับประกาศที่ทำเอาตัวเค้าอดนอนกลางวันจนได้



    “อืมนี้เฟนิต้างั้นเดี๋ยวเราไปที่สนามสอบเลยละกันนะ”    



    “อืมงั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่งแล้วจะรอดูอยู่ตรงทีวีนะ”



    “อืมๆไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวเฟนิต้าไปรอเราที่ทีวีเลยก็ได้”



    “อืมงั้นไปก่อนละกันโชคดีนะเวสเตอร์แล้วอย่าลืมล่ะอย่าเลือกคู่ต่อสู้ที่เป็นคนรู้เปล่า ไปนะ” พูดจบเฟนิต้าก็ก้าวฉับๆเดินลิ้วไปหาที่นั่งตรงทีวี ส่วนเวสเตอร์ก็เดินเข้าไปตรงบริเวณสนามสอบที่ตอนนี้มีผู้สอบมารวมกันไม่มากนักเนื่องจากบางคนขอถอนตัวทันทีเมื่อได้เห็นการสอบของรอบเช้าไป



           ไม่ว่าจะเป็นการสู้สัตว์ป่าชนิดต่างๆ หรือพวกมอนสเตอร์พันธุ์ต่อสู้ชนิดต่างๆ แต่ที่แน่ๆก็คือผู้เข้าสอบส่วนใหญ่บาดเจ็บกันปางตายเกือบทุกรายซึ่งทุกคนที่ดูการสอบอยู่ภายนอกถึงกับต้องเบือนหน้าหนีจากการสอบอันสุดแสนจะหฤโหดในครั้งนี้ อาจารย์ที่ควบคุมการสอบของรอบบ่ายได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดของการสอบเล็กน้อยเหมือนกับทุกๆรอบที่ผ่านๆมาก่อนที่จะให้ทุกๆคนไปหาที่ยืนรอการสอบ ก่อนที่จะเดินหายลับเข้าไปภายในโดมเพื่อจัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับการสอบให้พร้อม



    “เวนซัว ฟรานบาเซส” เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกผู้เข้าสอบคนแรกเข้าสู่สนามสอบดังขึ้นและตามมาด้วยชายร่างยักษ์ที่เดินดุ่ยๆเข้าไปภายในโดม และคู่ต่อสู้ที่เวนซัวเป็นคนเลือกคือ เม่นเพลิงมอนสเตอร์ชนิดต่อสู้ผสมเพลิง ซึ่งขนาดตัวของมันเล็วพอๆกับขนาดของฝาเท้าเวนซัว แต่เพียงเวลาแค่ยี่สิบนาทีเวนซัวก็ต้องเดินออกมาด้วยความเศร้าด้วยความต่างชั้นของความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเม่นตัวเล็กแค่นั้นแต่กลับปล่อยหนามเพลิงพุ่งเข้าโจมตีคู่ต่อสู่ของมันอย่างไม่ขาดสายราวกับว่าขนของมันไม่มีวันที่จะหมดไปจากตัวของมัน จนเวนซัวถึงกับวิ่งหนีหนามเพลิงไปรอบโดมโดยไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย



    “เวสเตอร์ วอซาโร่” เสียงประกาศเรียกจากผู้คุมสอบดังขึ้นทันทีที่สถานที่สอบพร้อมแล้วสำหรับการสอบ เวสเตอร์รีบเดินเข้าไปด้านในแล้วมองดูสถานที่รอบๆพร้อมๆกับเดินเข้ามาที่กลางห้องทุกอย่างภายในห้องยังคงเหมือนกับผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ฉับพลันแผ่นใสก็ลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเวสเตอร์ พร้อมกับภาพจำลองสามมิติ ของคู่ต่อสู้ที่เค้าต้องเลือก เม่นไฟยังคงอยู่เพราะว่ายังไม่มีใครเอาชนะมันได้แต่    เวสเตอร์ก็ส่ายหน้าเพราะเพิ่งเห็นฤทธิ์ที่ไม่เข้ากับรูปร่างของมัน และภาพของเวนซัวที่ต้องวิ่งไปรอบๆที่ทำให้เค้าต้องเอามือกุมท้องด้วยความปวดจากการหัวเราะไม่หยุดก็ยังไม่หายไปจากสมองของเค้าเลยด้วย



           ส่วนอีกตัวที่อยู่ตรงกลางก็เป็นตัวที่เฟนิต้าเน้นนักเน้นหนาว่าห้ามเป็นอันขาดไม่งั้นสิ่งที่ตามมามันคงเป็นเรื่องที่ทุกๆคนรู้กันดี ส่วนอีกตัวที่อยู่ด้านขวาก็ไม่ได้น่าเลือกไปมากกว่าอีกสองตัวที่เหลือสักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นมอนสเตอร์กินคน ไลคาส ที่อยู่ในแดนเดมอส ถึงจะตัวเล็กแต่ความน่ากลัวนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่เหมือนสวรรค์แกล้งจมูกเจ้ากรรมดันเกิดคันขึ้นมาซะได้เป็นเหตทำให้เกิดอาการ



    “ฮัดเช่ย” เสียงจามดังลั่นไปทั้งโดมอันเนื่องมาจากความเงียบที่ราวเข็มตกพื้นยังได้ยินภายในโดม และอาจเป็นดวงกุดๆของเวสเตอร์ก็เป็นได้ทำให้มือที่ยังขึ้นมาป้องปากก่อนที่จะจามอีกระลอกดันไปโดนแผ่นใสที่ลอยอยู่กลางหน้าเข้าอย่างจังฉับพลันแผ่นใสก็แตกสลายหายไปก่อนที่ภาพตรงหน้าจะกลายเป็นตัวเป็นๆที่เคลื่อนออกมาตรงหน้าทั้งสามตัว ผู้ควบคุมการสอบหันมาหาก่อนที่จะทำหน้ามาพูดเสียงเครียด



    “นี่นายโทษฐานที่กดเลือกทั้งสามตัวเพราะฉะนั้นนายต้องสู้ให้ชนะหมดทั้งสามตัว” เสียงเครียดกับรอยยิ้มที่ประดับที่มุมปากที่ดูไม่เค้ากันซักนิดออกมาจากผู้ควบคุมการสอบก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินหายเข้าไปในห้องที่ต่อกับโดมเพื่อหลีกทางให้คนดวงกุดได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่  



    ซวยแล้วกรู  หน้าสีขาวซีดราวกับไม่มีเลือดหมุนเวียนกับดวงตาที่โตผิดปกติ ปากอ้าหวอราวกับรอให้แมลงบินเข้าไปนอนเล่น ตายังกระพริบปริบๆขึ้นลงราวกับฝุ่นเข้าตาทุกๆวินาที  ส่วนด้านนอกอาการของคนที่มาเข้าชมก็ไม่ได้แตกต่างจากคนในโดมซักเท่าไหร่ ส่วนเฟนิต้านั่งเอามือกุมหัวกับความบ๊องของเวสเตอร์  



    “นายนี่มันบ้าจริง”   เสียงบ่นอุบอิบดังมาไม่ขาดสายจากปากของเฟนิต้า เวลาผ่านไปสักครู่ก่อนที่เม่นไฟ กับ ไลคาสจะค่อยๆเดินดุ่มๆเข้ามาส่วนมนุษย์หุ่นยังคงยืนอยู่ทีเดิมไม่ได้ขยับราวกับไม่ได้มีตัวตน



           เวสเตอร์เริ่มสงบสติก่อนจะตัดสินใจวิ่งฝ่าตัวอันตรายตรงหน้าไปยังแผงอาวุธที่อยู่ด้านหลังของพวกมัน แต่ราวกับเม่นไฟรู้ทันกองอาวุธตรงหน้าก็กลายเป็นกองเพลิงทันทีที่หนามไฟถูกปล่อยออกไปยังแผงอาวุธ เวสเตอร์กลิ้งตัวหลบออกมาจากแผงอาวุธทันทีก่อนที่ไฟจะลามเข้ามา ฉับพลันไลคาสก็กระโดดพุ่งเข้าใส่ก่อนจะใช้ขาของมันเตะร่างเวสเตอร์ให้เข้าไปใกล้ๆกองเพลิง เวสเตอร์รีบกลิ้งตัวหลบก่อนที่จะกระเด็นเข้ากองเพลิงแบบฉิวเฉียด ก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่แผงอาวุธแผงอื่น ฉับพลันรอบห้องก็กลายเป็นเปลวเพลิงจากหนามเพลิง อาวุธทุกอย่างมอดไหม้อย่างรวดเร็วราวกับไฟที่ไหม้ลามในป่าทึบ ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกองเพลิงจากอาวุธที่แตกระเบิด หน้าของผู้ชมด้านนอกยังคงตะลึงค้างและคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นกันไว้เหมือนๆกันทุกๆคน แต่กระนั้นสายตาที่จ้องมองก็ไม่มีวี่แววว่าจะกระพริบสักคน



           เวสเตอร์ยังคงตั้งท่าจู่โจมตอนนี้เค้าต้องพึ่งความสามารถล้วนๆ  สายตาของเวสเตอร์เปลี่ยนไปฉับพลันแต่กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่แววตาของคนที่สิ้นหวัง สายตายังคงมุ่งมั่นและจดจ้องการต่อสู้ เม่นไฟปล่อยหนามเพลิงโจมตีด้วยความรวดเร็ว   หนามเพลิงพุ่งทะลุแขนด้านซ้าย เลือดสดๆพุ่งกระฉูดออกมาพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาด้วยความรวดเร็ว   ไลคาสพุ่งเข้ามาพร้อมๆกับเคี้ยวที่คมราวกับไปมีด เวสเตอร์เอี้ยวตัวหลยก่อนที่จะกระโดดเตะไลคาสให้ปลิวเข้ากองเพลิง  แต่มันกลับไม่ได้ผลไลคาสพุ่งเค้าออกมาจากกองเพลิงทั้งๆที่ไฟยังคงท้วมตัวอยู่เวสเตอร์รีบกลิ้งหลบด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะวิ่งฝ่าหนามเพลิงเข้าไปเตะเม่นเพลิงก่อนที่มันจะลอยเข้าไปใกล้ๆมนุษย์หุ่น ฉับพลันร่างของเม่นเพลิงก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆด้วยหมัดเพียงหมัดเดียวของมนุษย์หุ่นก่อนมันที่จะพุ่งไปโดนมนุษย์หุ่น  



           ไลคาสวิ่งพุ่งเข้ามาด้วยความโกรธ ส่วนเวสเตอร์กระโดดหลบด้วยความรวดเร็ว  ฉับพลันร่างของไลคาสก็กลายเป็นผุยผงเช่นเดียวกับเม่นเพลิง เวสเตอร์หันไปมองพลังหมัดของมนุษย์หุ่น ก่อนที่จะตั้งท่ารอรับการจู่โจม มนุษย์หุ่นค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นมาก่อนที่ผลักอากาศตรงหน้าให้พุ่งเข้าใส่เวสเตอร์ด้วยความเร็วราวกับจับอากาศขว้างได้ ฉับพลันที่เวสเตอร์ลอยไปด้วยความแรงของก้อนพลัง  มนุษย์หุ่นก็วิ่งอ้อมมายังด้านหลังก่อนที่จะกระโดดถีบเข้าใส่ด้วยความแรงจนถึงขีดสุด เวสเตอร์ไถลไปกับพื้นด้วยความเร็วบาดแผลตามร่างกายเปิดกว้างอย่างรวดเร็ว เสียงภายในห้องเงียบถนัด มนุษย์หุ่นค่อยๆเดินเข้ามาก่อนที่จะง้างขาเตะสุดแรงเวสเตอร์ปลิวตัวลอยขึ้นตามแรง  เวสเตอร์ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น  แขนขาและทุกๆส่วนของร่างกายสั่นระริก มนุษย์หุ่นยังคงยืนอยู่เฉยๆด้วยสายตาที่เย็นฉาไร้ความรู้สึก



           ทั่วร่างกายของเวสเตอร์เต็มไปด้วยบาดแผล มือของมนุษย์หุ่นเรืองแสงขึ้นก่อนที่แสงในมือจะพุ่งตรงเข้ามาที่เวสเตอร์ ฉับพลันเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังลั่นโดม แสงเรืองขึ้นในมือของมนุษย์หุ่นอีกครั้ง ฉับพลันแสงในมือก็พุ่งเข้าหาเวสเตอร์อีกรอบ แต่จู่ๆแสงที่พุ่งเข้ามาก็หยุดอยู่ตรงหน้าเวสเตอร์ก่อนที่มันจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้รับอย่างไร้สาเหตุ ฉับพลันแสงสีขาวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นก็เข้ามาห้อมล้อมตัวเวสเตอร์เอาไว้ แสงสีขาวค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ  เวลาผ่านไปชั่วครู่ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติแสงรอบห้องค่อยๆจางหายไป มนุษย์หุ่นหายไปจากโดมเหลือทิ้งไว้แต่เพียงเศษเหล็กที่กองไว้อยู่ตรงที่ๆมนุษย์หุ่นเคยยืนอยู่



           ผู้คนที่คอยยืนเชียร์อยู่ด้านนอกพึ่งได้สติหลังจากแสงได้จางหายไปหมดแล้ว เลอาโน่ที่มองการทดสอบในครั้งนี้ก็ยังคงสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวสเตอร์เดินออกมาจากห้องโดยที่อาการบาดเจ็บได้หายไปพร้อมๆกับแสงสีขาวที่จางหายไปราวกับว่าแสงได้นำความเจ็บปวดออกไปจากร่างกาย ผู้คนด้านนอกเริ่มกระจายกลุ่มออกไปยังที่ต่างๆ  ส่วนสายน้อยเฟนิต้าที่คอยลุ้นตัวโก่งอยู่ด้านนอกรีบวิ่งมาหาเวสเตอร์ที่หน้าประตูทางออก ก่อนที่จะปรบมือดังลั่นแสดงความยินดีให้กับคนตรงหน้าที่สอบผ่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนเวสเตอร์ได้แต่ทำหน้างงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ความอบอุ่นที่ได้รับจากแสงสีขาวยังคงสัมผัสได้อยู่



    “ขอจบการสอบแต่เพียงเท่านี้ รายชื่อผู้ที่สอบผ่านสามารถดูได้ที่สนามหน้าโรงเรียนเวลา 8.00น.เป็นต้นไป โดยทางโรงเรียนจะติดไว้ที่บอร์ดกลางสนาม และผู้ที่ผ่านการทดสอบทางโรงเรียนจะรับเด็กนักเรียนเข้าโรงเรียนในทันทีโดยหลังจากการมอบตัวเสร็จเรียบร้อยนักเรียนทุกคนจะต้องเข้ามาอยู่ในโรงเรียนโดยทันที ขอบคุณค่ะ”  เสียงประกาศจากทางโรงเรียนดังขึ้นเมื่อผู้ประกาศได้รับแจ้งเรื่องการสอบ



    “อืมนี่เวสเตอร์นายนี้มันบ้าสุดๆไปเลยนะเนี่ย แต่นายก็สุดยอดไปเลยนะเอาชนะมนุษย์หุ่นได้ด้วยอ่ะไม่น่าเชื่อ”



    “โหของมันแน่อยู่แล้วฝีมือเกือบล้วนๆรู้ไรป่ะ กางเกงเกือบเปียก แล้วไอ้หมัดของหุ่นบ้านั่นนะหนักอย่างกับโดนช้างเตะ พูดแล้วยังเสียวๆอยู่เลย”



    “แล้วสอบเสร็จแล้วนายจะไปไหนหรือป่าวอ่ะ ?”



    “อืมก็ไม่ได้ไปไหนนะเรากะจะกลับบ้านเลยน่ะ”



    “งั้นเดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้เลยละกันนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”



    “อืมแล้วพรุ่งนี้เจอกันนะบ๊ายบาย”



    “อืมโชคดีนะแล้วเจอกัน” เวสเตอร์กับเฟนิต้าเดินแยกกันตรงประตูทางออกก่อนที่เฟนิต้าจะเรียกโฟนิต้ามอนสเตอร์ม้าสีน้ำนมก่อนจะควบม้ากลับบ้านด้วยความเร็ว ส่วนเวสเตอร์ค่อยๆเดินไปกระโดดไปอย่างสบายอารมณ์เพราะว่าเค้าไม่รีบร้อยมากกับการกลับบ้านและเรื่องที่สอบผ่านในครั้งนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ดีใจไม่หาย ยิ้มกว้างที่กว้างเกินปกติเห็นได้เด่นชัดบนหน้าของเวสเตอร์ในตอนนี้ถึงแม้จะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจเกิดขึ้นแต่ตอนนี้เรื่องนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสมองของเวสเตอร์ซะแล้ว เวสเตอร์ถึงบ้านในตอนค่ำก่อนที่จะทรุดตัวที่โซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน



    “เป็นไงบ้างเวสเตอร์ทำได้ไหมลูก”เสียงทูเบอร์โรสดังมาจากห้องครับเหมือนรู้ว่าผู้ที่เข้ามาในบ้านเป็นใคร



    “แม่คิดว่าไงล่ะครับ”เวสเตอร์ตอบกลับเมื่อเห็นทูเบอร์โรสเดินออกจากห้องครัวแล้วทรุดตัวลงนั้งที่โซฟาตัวข้างๆ  



    “อืมแม่คิดว่าลูกคงไม่ทำให้แม่ผิดหวังนะ”  



    “งั้นแม่คงต้องเสียใจนิดหน่อยแล้วล่ะครับ”  



    “แม่ไม่เสียใจหรอกลูกเพราะแม่รู้ว่าลูกทำดีที่สุดแล้ว แม่ไม่ว่าอะไรหรอก”



    “คือ ผมอ่ะสอบผ่านรอบนี้แล้วครับแม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะติดหรือปล่าวเท่านั้นเองครับ”  



    “แล้วฟังผลสอบวันไหนล่ะ”  



    “ฟังวันพรุ่งนี้ครับถ้าติดก็มอบตัวในวันนั้นเลยครับ”    



    “อืมงั้นก็ต้องฉลองกันวันนี้น่ะสิก่อนที่จะไม่ได้ฉลอง” ทูเบอร์โรสยิ้มกว้างแสดงความยินดีกับผู้เป็นลูก ส่วนเวสเตอร์นั้นแม้จะเหนื่อยกับการเดินกลับบ้านแต่สีหน้าของเค้าก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างไม่แพ้กับตอนสอบเสร็จ สองแม่ลูกขยับตัวเข้ามากอดกันอย่างมีความสุขตาของทูเบอร์โรสแดงขึ้นเรื่อยๆก่อนที่น้ำใสๆจะไหลออกมาจากเบ้าตาน้ำตาแห่งความสุข น้ำตาแห่งความยินดีที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นแม่เพื่อเป็นการแสดงความดีใจและความยินดีกับผู้เป็นลูก ทั้งคู่กอดกันกลมก่อนที่ทูเบอร์โรสจะขยับตัวออกมาปาดน้ำตา



    “ลูกไปนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสายเอาได้นะ”  



    “งั้นผมไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับแม่”  



    “นอนหลับฝันดีนะลูก”  



    “เช่นกันนะครับแม่” พูดจบเวสเตอร์ก็รีบวิ่งเข้าห้องเพื่ออาบน้ำเข้านอน ส่วนทูเบอร์โรสก็เดินเข้าห้องส่วนตัวแล้วเข้านอนเช่นเดียวกัน

                    

           เช้ารุ่งอรุณที่สดใสของวันใหม่ เป็นเหมือนประตูสู่ชีวิตที่สดใสของ เวสเตอร์ เลยทีเดียว เพราะหลังจากที่ เวสเตอร์ ตื่นขึ้นเด็กหนุ่มก็รีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะวิ่งออกจากบ้านไปโรงเรียนเพื่อดูผลการสอบ

        

    “อรุณสวัสดิ์เวสเตอร์” เสียงใสๆของเฟนิต้าที่มาถึงโรงเรียนก่อนเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น



    “อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงของเด็กหนุ่มดูไม่แปลกใจที่จะเห็นเฟนิต้าในตอนเช้าแบบนี้



    “เป็นไงบ้าง เฟนิต้า? สอบผ่านอยู่แล้วล่ะซิถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้น่ะ”



    “ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบ แต่เรายังได้ดูของนายเลยอ่ะ มัวแต่ดีใจเพลินไปหน่อย”



    “อ่อไม่เป็นไรหรอก เพราะเราก็อยากลุ้นเองเหมือนกันอ่ะ”



    “งั้นเดี๋ยวฉันไปช่วยหาให้นะ” พูดจบเฟนิต้าก็เดินไปที่บอร์ดประกาศผลการสอบโดยมีเวสเตอร์เดินตามาติดๆ

        

    “โอ้ยหาไม่เจอเลยอ่ะเวสเตอร์ นายเจอรึยัง”    



    “ยังไม่เจอเหมือนกันอ่ะ” สีหน้าของเวสเตอร์ดูแย่ในฉับพลัน เพราะเค้ามั่นใจว่าเค้าดูรายชื่อผู้สอบผ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 รอบแล้ว ความเครียดเริ่มประเดประดังกันเข้ามาถาโถมใส่เวสเตอร์  



    “อย่าเครียดเลยเวสเตอร์ เค้าอาจจะพิมพ์ชื่อนายตกไปก็ได้” เฟนิต้าหันมาปลอบ เมื่อดูสีหน้าของเวสเตอร์ในตอนนี้แล้วมันยิ่งที่ให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด



    “เป็นอย่างไรบ้างฮึ มาดูผลการสอบกันแต่เช้าเชียวนะ” เสียงปริศนาดังขึ้นขัดกับบรรยากาศที่แสนจะตรึงเครียดของเวสเตอร์ ก่อนที่ทั้งสองจะหันกลับมามองเพื่อมองหาเจ้าของเสียง  



    “สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านผู้อำนวยการ” ทั้งสองรีบกล่าวคำทักทายทันทีที่มองเห็นผู้ที่เข้ามาทักทาย ซึ่งอันที่จริงทั้งสองก็ยังคงตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย  



    “ท่านผ.อ.ค่ะ คือว่าเพื่อนหนูไม่มีชื่ออยู่ในประกาศอ่ะค่ะ”  เฟนิต้ารีบยิงคำถามขณะที่เวสเตอร์ยังคงปรับตัวไม่ถูก



    “แล้วนี่พวกเธอได้เช็คกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือยังล่ะ”  



    “ยังเลยอ่ะค่ะ” แต่ทันทีที่เลอาโน่พูดจบ เวสเตอร์ก็รีบเดินข้ำไปนั่งเช็คข้อมูลกับเครื่องคอมด้วยสีหน้ารีบร้อนทันที ก่อนที่เสียงเพลงแปลกจะดังขึ้นจากคอมเหมือนเป็นการแสดงความยินดี



    “เป็นไงบ้างเวสเตอร์ ?” ทันทีที่เสียงเพลงจบเฟนิต้าก็รีบเดินเข้าไปหาเวสเตอร์ทันที ส่วนเลอาโน่ยังคงยืนยิ้มกว้างเพราะรู้ว่าผลการสอบเป็นอย่างไรแล้ว ก่อนที่จะเดินจากออกไปโดยที่ทั้งสองไม่มันรู้ตัว เวสเตอร์หันกลับมามองเฟินต้าก่อนที่จะจับมือของเฟินค้าด้วยมือที่สั่นเทาของเขาก่อนที่จะกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กๆ



           เฟนิต้าเหลือบไปมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งบัดนี้มันได้แสดงผลการสอบของเวสเตอร์ แต่ใจความที่ขึ้นมาทีหลังถึงกับทำให้เฟนิต้าทำตาโตเลยทีเดียว เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เวสเตอร์เก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่นั่นเอง ซึ่งที่กรอบด้านขวาล่างในหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน เลยว่าเวสเตอร์ได้ผ่านการคัดเลือกนักเรียน และยังเป็นนักเรียนทุนเอกด้านวิชาการต่อสู้ซะด้วย

        

    “เป็นเธอเองหรอกรึ นักเรียนที่ได้รับทุนแขนงใหม่จากทางโรงเรียน ยินดีด้วยนะ” เสียงเด็กหนุ่มที่เดินมาดูผลการสอบเช่นกัน เอ่ยขึ้นขณะมองหน้าเวสเตอร์อย่างพิจารณา  



    “อ่อ ขอโทษทีเราชื่อ โจนาทาน ดาวินโน่ นักเรียนทุนเอกด้านวิชาการ ส่วนนี่เพื่อนเรา” โจนาทานเดินไปลากเด็กหนุ่มอีกคนออกมาจากกลุ่มฝูงชนที่บัดนี้ได้เดินทางมาดูผลการสอบกันเต็มสนามไปหมด

        

    “สวัสดีครับผมเซวาโน่ ลานเชียร์”  



    “เจ้านี่น่ะนักเรียนทุนเอกมหาเวทย์เชียวนะ” โจนาทานพูดไปพลางตบไหล่เซวาโน่ไปพลาง



    “เรา...”  



    “เวสเตอร์ กับ เฟนิต้า นักเรียนทุนด้านการต่อสู้ กับ นักเรียนทุนด้านการบริหารการปกครอง” เซวาโน่พูดจบก่อนที่เวสเตอร์จะทันได้แนะนำตัวเอง  



    “ได้ข่าวมาว่าปีนี้มีการให้ทุนกับนักเรียนแค่ 4 คนเองนะ” เฟนิต้าหันมาพูดกับเวสเตอร์ซึ่งเด็กหนุ่มยังคงมองหน้านักเรียนทุนด้านการปกครองอย่างงงๆ



    “เอางี้ไหมล่ะ ไหนๆเราก็รู้จักกันแล้วเรามาตั้งกลุ่มของเรากันเองเลยดีกว่ามะ” โจนาทานพูดเสนอความคิดขณะมองหน้าทุกคนที่ยืนอยู่สลับกันไปมา ก่อนที่ทุกคนจะตอบตกลงกันเป็นเสียงเดียว ฉับพลันแสงรูปดาว 5 แฉกก็ปรากฏอยู่ที่พื้นเป็นวงล้อมรอบทุกคนเอาไว้ก่อนที่มันจะหายไปพร้อมๆกับ สร้อยข้อมือรูปดาว 5 แฉกที่ปรากฏออกมาตรงหน้าของแต่ละคน



    “นี่อะไรอ่ะ” เวสเตอร์ถามอย่างงงๆ  



    “อ่อ นี่คือสร้อยที่เกิดจากการทำพันธะความเป็นเพื่อนของพวกเราอ่ะ” เซวาโน่หันไปตอบกลับขณะหยิบสร้อยเงินมาใส่ที่ข้อมือ



    “ประกาศจากทางโรงเรียน! ทางโรงเรียนของเลื่อนการมอบตัวออกไปในวันพรุ่งนี้แทน โดยให้นักเรียนเตรียมเงินมากันคนละ 5,000 สแน็ฟ และการ์ดมอนสเตอร์ของแต่ละคนให้พร้อมค่ะ ขอบคุณค่ะ”



    “ว้าแย่จังนี่เราอุตส่าหอบสำภาระมาแล้วนะเนี่ย นี่ต้องให้แบกกลับอีกจนได้สิเนี่ย” โจนาทานบ่นออกมาในฉับพลันที่ฟังประกาศจบ



    “งั้นพรุ่งนี้เราค่อยเจอกันที่หน้าประตูก็แล้วกันนะ” เฟนิต้าหันมานัดแนะก่อนที่ทุกคนจะตอบตกลง แล้วแยกย้ายกันกลับไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×