คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6 วันรวมญาติ (เพิ่ม)
ไซรินควบคุมลมหายให้ให้กลับมาจังหวะเดิม แล้วหยิบของเปิดประตูลงไป เดินตามไปทางที่เห็นพวกนั่นเดินไปอย่างรวดเร็วแม้จะอยู่บนส้นสูงสามนิ้วกว่า จนกระทั่งเจอเขาประคบประหงกันอยู่ห่างเธอไม่ไม่กี่สิบก้าวจึงรีบก้าวต่อไปอีก
แต่ไปได้ไม่เท่าไร จู่ๆภาพข้างหน้าก็มืดลง สติหายวืดไปเสียววินาที แต่ก็กลับมาทันที่ไซรินจะหาอะไรมาจับเพื่อทรงตัว
โอ๊ย... มาเป็นอะไรตอนนี้เล่า ไซรินคิดพลางบีบเสาแน่น ความรู้สึกคลื่นไส้ก็พรั่งพรูดมาจากไหนก็ไม่รู้ จนเธอเกือบจะปิดปากไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้อาเจียนออกมา เหมือนจะมีแค่ลมอย่างเดียว สงสัยจะเป็นโรคกระเพาะอีกแล้ว แต่ก็หน้าแปลก ท้องก็ไม่ปวด อาหารก็ไม่ตรงเวลาแค่วันนี้วันเดียว มันจะกลับมาง่ายขนาดนั้นเลยหรือ
ไซรินสูดอากาศเข้าปอดลึกๆแล้วเงยหน้ามองหาคนที่ตามมาตอนแรก พอเห็นหัวพลุบๆโพล่ๆอยู่ห่างออกไปสองสามบล็อกก็รีบดันตัวเองขึ้น พลางตัดสินใจว่าจะตามไปจนกว่าจะเจอร้านอาหารที่สามารถทำให้เธอหายเปรี้ยวปากได้ เพราะยังไงเธอก็ไม่เคยมาที่นี่
เมื่อเดินตามต่อไปเรื่องพลางมองร้านอาหารแล้วก็แปลกใจที่คุณสามีไม่ยอมหยุดที่ไหนสักที ทั้งๆที่ยัยงูพิษก็เจ็บอยู่ แต่เธอก็ยังคงก้าวเร็วตามความเคยชินเมื่ออยู่คนเดียว จนมีคนโทรเข้ามา ทำให้เธอละสายตาจากเส้นทางมาหยิบมือถือ
“ยีฮอัสมาเอย์...ว้าย”ไซรินดัดเสียงอย่างเรียบเนียนตอบมือถือเป็นภาษารัสเซียก่อนร้องขึ้นเมื่อไปชนสิ่งขวางหน้าที่กำลังตามอยู่ และอ้อมกอดที่คุ้นเคยก็หันกลับมารับเธอไว้ทันเวลาก่อนที่เธอจะต้องจ้ำเบ้าไปกับพื้น แล้วท่อนแขนแกร่งก็ออกแรงดึงจนเธอเข้าแนบชิดกับแผงอกกว้าง
ด้านฮวินหยาง ...หรือเชน ก็แปลกใจกับความรู้สึกแปลกๆที่เขามีต่อผู้หญิงในอ้อมกอด ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุ ที่เขามั่นใจกว่าหน้าก็ไม่คุ้น แค่สัมผัสกลับคุ้นเคย ราวกับว่า...เขารู้แม้กระทั้งว่าภายใต้เดรสนี่เป็นยังไง ทำให้เขาคิดถึงภรรยาตัวเองขึ้นมากระทันหัน
“แยหลี...”เท่านั้นแหละเขารู้สึกถึงอาการเกร็งของร่างบางที่เขารู้ตัวว่าหล่อนตามพวกเขามา ก่อนจะดันเธอออกอย่างสุภาพ
“เอ่อ...ขอโทษนะค่ะที่เดินชน แล้วก็ขอบคุณที่รับตัวฉันด้วย”ไซรินค้างเล็กน้อยเมื่อโดนผลักออกมา แต่เมื่อนึกได้ว่าตนอยู่ในฐานะคนแปลกหน้าก็รีบขอโทษขอโพย แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าจะไม่สน
“คุณตามพวกผมมาทำไม”เสียงนิ่งเรียบไร้เยื้อใยที่เธอไม่เคยได้ยินออกมาจากปากคนที่เธอคิดว่ารู้จักที่สุด
“เอ่อ คือ...”โห นี่คุณถามแบบไม่กลัวว่ามันจะไปทำใครเสียหน้าเลยนะคะ คุณสามีค่า ไซรินคิดประชดในใจ พลางทำเป็นลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กตกใจที่โดนจับได้ว่าแอบขโมยขนม “อะ...อะไรของคุณห๊ะ ฉันก็เดินตาม...ร้านอาหารแค่นั้นเอง”
“ตามร้านอาหาร”เชนทวนกับคำพูดที่ไม่ชัดเจน แต่ก็ยังไม่เชื่อ เมื่อเห็นได้ชัดว่าหล่อนโกหก พร้อมกับบีบไหล่เล็กแน่นขึ้น “ผมว่าคุณพูดความจริงมาดีกว่าไหม ไม่งั้นผมจะให้ตำรวจเคลียร์ให้”
“เอ้ยๆ”ไซรินทำเป็นตกใจ แต่ในใจกำลังขำกับอีกบุคลิกของเขา โอ๊ย.... พ่อคุณจะซีเรียสไปไหนเนี่ย “โอเคๆ ฉันตามพวกคุณมา”
“แล้ว...”
“ก็ฉันไม่เคยมาที่นี่ ก็เลยกะว่าจะตามมาดูว่าพวกคุณเข้าร้านไหนก็จะลองเข้าไปด้วย แค่นั้นแหละ” ไซรินพูดด้วยน้ำเสียงอัปยศสุดๆในชีวิตกับการตามคนเพราะหลง
“ทำไมต้องพวกผม คนอื่นมีเป็นร้อยเป็นพัน”เชนดูเหมือนจะเชื่อกับความจริงที่พูดไม่หมดของไซริน แต่ก็ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
“ก็...ก็...”ก็หึงนี่หว่า คิดปุ๊บใบหน้าที่ลงแป้งไม่หนามากก็ขึ้นสีระเรื่อปั๊บ จนคนมองยังแปลกใจ ก่อนที่เสียงหวานจะตอบออกมา “...ก็คุณจอดรถตรงข้ามฉันนี้”
“อ้อ คุณนี่เองที่ทำผมตกใจแทบแย่”น้ำเสียงของผู้ชายคนเดียวในกลุ่มดูเป็นมิตรขึ้นมากโข “แล้วคุณไปทำอีท่าไหนถึงไปโดนแตรเอาได้ละครับ”
“เออ...คุณไม่ต้องรู้หรอกค่ะ มันเป็นความอัปยศอันที่น่าอายของฉัน”น่าอายมากที่สุดในสามโลก ไซรินคิดอย่างอนาถกับตัวเอง
“ว่าแต่คุณหาร้านที่อยากไปได้ยังครับ”เชนถามด้วยรอยยิ้มละลายใจสาว แต่กลับใช้ไม่ได้กับไซรินที่เริ่มหงุดหงิดอีกครั้งเพราะเยอะกว่านี้ก็เจอมาแล้ว “มากับพวกผมก็ได้นะ”
หือ? นี่ถึงขนาดจะชวนไปด้วยเลยหรือ เพิ่งคุยกันแค่ไม่กี่นาทีเนี่ยนะ เฟรนลี่เกินไปไหมค่ะ ถึงจะดีใจที่เขาชวญ แต่อีกใจก็หึงที่เขาชวนผู้หญิงไปด้วยกันอย่างง่ายดาย
“เอ่อ...จะดีหรือค่ะ คุณก็มากับ...”แทนคำพูด ไซรินมองไปทางต้าซินที่หน้างออยู่หลังพี่ชายที่โดนลืม
“อ้อ นี่ต้าซินครับ เขา...”
“พี่เชน พี่พาฉันไปในร้านได้ยังค่ะ ปวดแผลจะตายอยู่แล้วนะค่ะ”ได้จังหวะปุ๊บหล่อนก็เรียกร้องความสนใจทันที
“แต่เขา...”ซึ่งคนเป็นพี่ก็เข้าไปพยุงน้องทันที แต่มันกลับเป็นเชื้อเพลิงทำให้ไฟหึงลุกพรึบขึ้นภานในใจของคนที่ยืนยิ้มอยู่ “คือเราจะไปร้านอาหารไทยน่ะครับ คุณจะไปด้วยกันไหมครับ”
คนที่กะจะปฏิเสธในตอนแรกก็ต้องหูผึ่งเมื่อได้ยินคำว่าอาหารไทย รสชาติเปรี้ยวๆเผ็ดๆของซุปที่เฟลมกับมาริซะเคยทำให้กินก็เข้ามาในมโนจิตจนแทบน้ำลายไหล ทำให้คนโดนถามเปลี่ยนใจทันที “ไปค่ะ”
“แน่ใจนะค่ะ อาหารที่นี่เผ็ดนะ”น้ำเสียงไร้มิตรของคนบาดเจ็บดังขัดรอยยิ้มคนที่รู้สึกเปรี้ยวปาก
“แน่ค่ะ โดยเฉพาะแกงเผ็ดๆที่เขาเรียกว่า...ต้ม...ต้มยำน่ะค่ะ ของโปรด”
“คุณก็ชอบเหมือนกันเหรอค่ะ”แค่ได้ยินเมนูโปรดของตนเช่นกันก็ทำตัวน่ารักกว่าเดิมเยอะ
“ค่ะ ตอนนี้ฉันก็หิวจะแย่แล้ว ตอนเช้าทานแค่ขนมปังกับกาแฟ รีบไปเถอะค่ะ”คนที่จู่ๆก็รู้สึกหิวมากมายได้อย่างน่าประหลาดก็รีบพูดแล้วเดินจ้ำอ้าวไปข้างหน้า ก่อนจะหันมาแล้วยิ้มแหย “ว่าแต่ไปทางไหนเหรอค่ะ”
เชนมองผู้หญิงที่เพิ่งรู้จัก แต่กลับรู้สึกคุ้นเคย โดยเฉพาะรอยยิ้มนั่นตอนที่หล่อนหันมาถามทางก็ยิ่งทำให้เขาคิดถึงคนรักที่กำลังทำให้เขาหนักใจเรื่องงานอย่างช่วยไม่ได้
“คุณชื่ออะไรหรือค่ะ ร่วมโต๊ะกันตั้งที”ต้าชินถามอย่างเป็นมิตร “นี่ชื่อเชนค่ะ เขาเป็นพี่ชายฉัน...”
“พี่น้อง...”คนฟังเบิกตาเล็กน้อยอย่างยินดี ที่แท้ก็แค่พี่น้อง เธอนี่ก็หึงไปเรื่อย เดี๋ยวนะ... พี่น้อง ก็หมายความว่าเธอมีน้องสะใภ้เป็นงูพิษนะซิ โอ้วไม่นะ... แม้ในใจจะกรีดร้องจบอยากจะคว่ำโต๊ะ แต่ไซรินตอบไปอย่างสบายๆ แม้จะเดาออกแล้วว่าทั้งสองรู้จักชื่อนี้ในฐานะอะไร“ไซรินค่ะ”
ทั้งสองคนที่ของเป็นเจ้ามือถึงกับมองหน้ากันอย่างตกใจ แล้วมองศัตรูตัวฉกาดทันทีอย่างระแวง
“ทำไมถึงมองฉันอย่างนั้นละค่ะ”ไซรินมองพวกเขาอย่างกลัวแบบคนขวัญอ่อน ก่อนจะเขยิบไปชิดกำแพงของห่วงทานข้าวส่วนตัวในร้าน “ฉะ...ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจรึเปล่าค่ะ”
“คือ...คุณทำงานอะไร เอ้ย หมายถึงนามสกุลอะไร”เมื่อเห็นอย่างนั้น เชนจึงมีท่าทีที่อ่อนลง ซึ่งทำให้ไซรินหายใจได้สะดวกขึ้น
“ฉันชื่อไซริน บักกิ้งแฮมค่ะ จบสถาปัตจากอังกฤษ แล้วมาทำงานที่ปักกิ่งค่ะ”ไซรินตอบยิ้มๆ แล้วลอบถอนหายใจ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว ท่าทีของทั้งสองก็ดีขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น ยิ่งทำให้ใจไซรินยิ่งปวดใจที่ต้องหลอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
อ่อ ฮวินหยางคนเดียวนะ นังงูพิษไม่เกี่ยว
“คุณเป็นลูกครึ่งหรือครับ”เชนถามอย่างแปลกใจ เมื่อเจ้าหล่อนไม่มีเค้าโครงของยุโรบสักนิด ก็มีนิดหน่อยแต่เขาคิดว่าคงเป็นเพราะเธอแต่งหน้า
“ฉันเป็นแค่ลูกบุญธรรมนะค่ะ เคยไปเรียนแลกเปลี่ยน แล้วเราเองก็เป็นเด็กกำพร้า เขาก็มีลูกไม่ได้ ก็เลยผลเป็นงี้ละค่ะ”ไซรินอธิบายทุกอย่างด้วยความจริงบางส่วน
“ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะค่ะ”จู่ๆต้าซินก็พูดขึ้น เชนก็พลางจะลุกขึ้นไปช่วยแต่หล่อนห้ามไว้ “ฉันไหวค่ะ ใกล้แค่นี้เอง พี่อยู่คุยกับคุณไซรินเถอะค่ะ”เมื่อต้าซินไป ก็เกิดความเงียบขึ้น เชนยกน้ำขึ้นดื่ม เผยบางอย่างให้ไซรินได้ชวนคุย
“คุณแต่งงานแล้วหรือค่ะ”เชนเหล่ตามามองคนชวนคุยอย่างแปลกใจ
“คุณรู้ได้ไงครับ”เขาชักมือมาประสานกันอย่างมืออาชีพในการประชุม
“แหวนคุณค่ะ แบบเหมือนของสามีฉันมาก เลยสะดุดตาเป็นพิเศษน่ะค่ะ”ไซรินอธิบายเพื่อไม่ให้เขาระแวง
“เหรอครับ ผมนึกว่าจะมีแค่วงเดียวในโลกซักอีก”เท่านั้นเขาจึงมองที่นิ้วของไซรินที่ยังคงสวมแหวนแต่งงานไว้ และแหวนของเธอก็เหมือนกับที่เขาให้แยหลีไม่มีผิด
“ฉันเองก็คิดเช่นนั้น เพราะสามีก็เป็นสถาปัตเหมือนฉัน เขาหลอกให้ฉันช่วยร่างแบบกับเขา บอกว่าอยากได้แนวคิดให้เพื่อน”ไซรินมั่นใจว่าตาไม่ฝาดที่เชนคิ้วกระตุก “ฉันก็ดันเชื่อสนิทใจซะด้วย พอวันที่เขาเอาแหวนมาให้ ฉันนี่ดีใจมากที่ได้เห็นมัน แต่ก็ไม่เท่าตอนได้ยินคำพูดที่เขามอบให้ คำพูดทุกคำที่ขอให้ฉันใช้ชีวิตร่วมกับเขา มันยังคงดังอยู่ในหัวของฉันทุกครั้งที่ฉันเหนื่อยกับชีวิตคู่ หรือแม้กระทั้งเวลาที่ฉันหมดหวัง มันก็ทำให้ฉันรู้ว่ามีเขาที่จะอยู่ข้างๆฉันตลอด”
“แล้วเขา...ไปไหน”ไม่รู้ว่ามันเป็นการยุ่งเรื่องคนอื่นรึเปล่า แต่พอเขาได้ฟังแล้วก็อยากฟังต่อ เหมือนเด็กอยากฟังนิทานก่อนนอน
“เราเป็นสถาปัตนิกเหมือนกัน แต่ทำงานให้คนละบริษัท”ไซรินไม่ตอบแต่กลับเล่านิทานที่เธอแต่งเองสดๆที่มันกำลังจะเกิดกับเขาและเธอแน่นอน พลางดูแหวนวงเดียวที่เธอมีอย่างรักใคร่ปนเศร้าเสียใจที่ไม่ได้เกิดจากการแสแสร้ง “หลังจากแต่งงานได้ปีกว่า บริษัทของพวกเราก็เกิดทะเลาเบาะแวงและตีตนเป็นศัตรูกัน ทั้งฉันและเขาต่างมีตำแหน่งที่สำคัญมากต่อบริษัทตัวเอง ถึงเราจะไม่ได้หย่าขาดจากกัน แต่ก็ไม่สามารถเจอหน้ากันได้ นอกจากในงานสังคมที่บริษัทเราต้องไปร่วม”
“แล้วทำไมคุณ...หรือเขาไม่ลาออกจากงานละครับ”เชนถามอย่างระมัดระวัง แต่กลับเป็นคำถามที่เธออยากให้เขาถามมากที่สุด
“สำหรับเขา ฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน ใจจริงก็อยากจะออกไปอยู่กับเขาให้รู้แล้วรู้รอด...แต่ก็ทำไม่ได้”ไซรินพูดพลางสบตากับเชนอย่างสื่อความหมาย น้ำตาไหลรินและหยดลงบนมือของเจ้าของ “หัวหน้าฉันเขามีบุญคุณกับฉันมากเกินกว่าจะทดแทน และบริษัท...เราก็ช่วยกันสร้าง เหมือนกับสร้างปราสาทจากเม็ดทรายเล็กๆที่พร้อมจะปริวไปกับลมเสมอ แทบจะมอบชีวิตถวาย จนมีหลายคนต้องสูญเสียหลายอย่างที่สำคัญต่อชีวิต แล้วฉันก็เคยทำผิดต่อพวกเขามาแล้วเพื่อที่จะยื้อการเปิดสงครามระหว่างสองบริษัท เพื่อยื้อเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่ฉันรัก แล้วฉันจะใจร้ายใจดำทิ้งให้พวกเขาหมดกำลังใจอีกได้ยังไง”
“งานสำหรับฉันคือผู้สร้างชีวิตฉันให้มีความหมาย และสามีฉันก็เป็นคนที่ทำให้ชีวิตฉันมีค่า ที่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่...”เสียงของไซรินหายไป ดวงตาสีเทาที่กลายเป็นสีดำเพราะคอนแทคเลนส์ถอนสายตาออกไปเพื่อเช็ดน้ำตา แต่ดูเหมือนน้ำตาจะไม่หยุดไหลง่ายๆเธอจึงเล่าต่อทั้งๆที่เสียงยังคงสั่น “ฉันจึงพยายามสู้งานเพื่อที่จะให้บริษัทตัวเองชนะ เพื่อจะได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะต้องเจอในฐานะผู้ชนะหรือผู้แพ้ ไม่ว่าเขาจะรักฉันหรือเกลียดฉันก็ตาม ฉันก็จะถือว่าฉันทำเต็มที่เพื่อทั้งสองสิ่งที่ฉันรัก”
“เขาไม่มีวันเกลียดคุณ”เชนพูดปลอบออกมาอย่างมั่นใจ เพราะรู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองจริงๆ และเขามั่นใจว่าต่อให้หล่อนฆ่าคนรอบข้างเขาจนหมด เขาก็ยังคงรักแยหลีของเขาตลอดไป ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าแยหลีคือศัตรูที่ทำร้ายน้องสาวเขาปางตาย เขาโกรธแต่ไม่เกลียดไม่แค้น ถ้าใครจะทำให้เธอตายจริงๆ ต่อให้เป็นซินฟานินก็เถอะ เขาก็เอามันตายแน่ๆ
ไซรินยิ้มให้เชนอย่างขอบคุณ พลางคิดว่าตนโชคดีที่ใช้เครื่องสำอางกันน้ำ ก่อนที่ยิ้มจะค้าง
“อ้าว นี่ใครละ ฉันมาสายเหรอ”เสียงคุ้นหูที่ไซรินไม่อยากจะคุ้นดังขึ้นมาจากทางเข้าห้องอาหารนี่พร้อมกับต้าซิน เชนหันไปมองคนมาใหม่ที่เพิ่งคิดถึงอย่างปลงๆ
ให้ตายดิ วันนี้มันวันรวมศัตรูหรือไง องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า กับเจ้าแม่กวนอิมโปรดช่วยให้ลูกกลับบ้านได้ด้วยเถิด...สาธุ ไซรินภาวะนาในใจ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มไปหาคนมาใหม่
ความคิดเห็น