คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ติ่งอาริยามะ ทาคาเม่น ณ พัทยา ภาค 2
มาติดตามกันต่อ........
เสี้ยววินาที ที่ทั้งสี่ก้าวขึ้นมาบนรถ สองแถวคันแจ๋วก็ได้ดริฟต์โค้ง?กลับออกไปโลดแล่นในถนนสายพัทยาต่อไป
“แฮ่กๆๆๆ ทุกคนปลอดภัยนะ?” ทาคาป๊งหอบแฮก หันกลับไปเช็คสมาชิกที่เหลือ พร้อมกับสายตาประหลาดใจจากฝรั่งและชาวไทยบนรถที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ซะ เซฟ อ๊ะ ยามะจังขอโทษ!” เม่นโตะยกชูนิ้วโป้งประกันไปให้ทาคาป๊ง และก็บังเอิ๊ญพึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอนั่งทับยามาดะอยู่ซะนี่ ก็ว่าทำไมมันนิ่มๆ
“ไม่เป็นไร แล้วพวกนายเป็นบ้าอะไรกันอีกห๊ะเนี่ย!” ยามาดะหันมาตอบ แต่ไม่ทันไรก็เริ่มโวยวายซะแล้ว
“อย่าโวยวายสิ พวกเราช่วยพวกนายนะ เห็นกำลังเรียลลิตี้ เอ๊ย! เห็นกำลังอยากได้เวลาส่วนตัวกัน แต่เมื่อกี้มีแฟนคลับวิ่งเข้ามา แล้วรถวิ่งมาพอดี พวกเราก็เลย…” ทาคาป๊งทำท่าอธิบายเจี๋ยมเจี้ยมแลดูน่าสงสาร?
“…ก็เลยหิ้วพวกฉันขึ้นรถ ใช่มั๊ย?” ไดกิ ตอบแทนให้จบ
คู่หูทาคาเม่น พยักหน้าลงหนึ่งครั้ง ทำหน้าราวกับสุนัขโดนเจ้าของดุก็มิปาน
“เฮ้อ ให้มันได้งี้สิ แต่ก็เอาเหอะ พวกฉันก็กะจะพาขึ้นรถนี้อยู่แล้ว คุณล่ามแนะนำมาน่ะ แปลกดีเนอะ” ยามาดะถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มมองสำรวจตัวรถ เมื่อกี้คุณล่ามพึ่งบอกพอดีกว่าให้นั่งรถคันนี้เที่ยวรอบเมือง
“นั่นดิ ที่ญี่ปุ่นไม่มีนี่นา ว่าแต่ซิ่งดีนะ ฮ่าๆๆ!” ไดกิหัวเราะชอบใจ ช่วยให้ทาคาเม่นใจชื้นขึ้นยิ่งนัก และทั้งสี่ก็นั่งคุยกันพลางชมวิวไปพลางกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง ทาคาป๊งเริ่มรู้สึกได้ถึงวิวทิวทัศน์ที่เริ่มเปลี่ยนไป?
ทำไมยิ่งนั่ง วิวมันยิ่งคุ้นๆวะ? อย่าบอกนะว่า…
“อ้าว นี่เราวนกลับมาที่เดิมแล้วนี่?” ในที่สุดสิ่งที่ทาคาป๊งกลัวที่สุดก็ได้หลุดออกมาจากปากของไดกิแล้ว ม่ายยยยยยยยยย!!!
“ห๊ะ!?” เม่นโตะที่เหมือนจะพึ่งรู้สึกตัวทำตาโตใส่ไดกิ ที่กำลังชี้นิ้วออกไปนอกรถให้ยามาดะดู
“นั่นไงๆร้านที่เมื่อคืนเราออกมาซื้อของกันน่ะ นายเห็นป่ะๆ”
“อ๋อๆ จริงด้วย เอองั้น เดี๋ยวก็คงวนไปถึงโรงแรมแล้วสิ” ยามาดะ พยักหน้าเออออ ยิ่งทำให้ทาคาเม่นหน้าซีดใหญ่ เหยด รถแม่งวน!
“เฮ้ย เคย์โตะ! ไม่เห็นจะใช่อย่างที่คุยเลยนี่นา!?” ทาคาป๊งหันหน้าไปพูดกับคู่หูอย่างเอาเรื่อง
“เรื่องไหน? คุยอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน!?”
“เรื่องรถไง!? ไม่เห็นจะรู้เลยว่ารถมันวนน่ะ! งี้ที่เราตั้งใจจะพาอาริยามะหนีแฟนคลับก็สูญเปล่าดิ!”
“เอ๊า! มาว่าผมได้ไง! ผมจะไปรู้ได้ไงเล่าว่ารถมันวนอ่ะ!”
“แต่นายเป็นคนพูดไม่ใช่หรอว่า ขึ้นรถคันนั้นแล้วหนีกันน่ะ!” เอ๊ะเดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าต่างคนต่างวิ่งขึ้น?
“ตอนไหน อะไรอย่ามามั่ว ยูยะต่างหากที่เป็นคนพูด!” ห๊ะ!? สรุปพูดตอนไหน?
“อย่ามาขี้จุ๊เบ่เบ๋กับป๋า นายนั่นแหละ! อีกอย่าง นายเป็นคนวิ่งพายามะจังก้าวขึ้นรถก่อนฉัน 0.005 วินาที นายต้องรับผิดชอบ!”
“ไม่! ยูยะนั่นแหละอย่ามาขี้ตั๊วเบ่เบ๋ ยูยะที่พาไดจังขึ้นมาช้าหลังฉัน 0.005 วินาทีนั่นแหละต้องรับผิดชอบ!”
“ไม่! นายนั่นแหละ!”
“ยูยะ!”
“เคย์โตะ!”
…ยูยะ! เคย์โตะ! ยูยะ! เคย์โตะ!
ท่ามกลางผู้โดยสารแทบเต็มคันรถ? มองทั้งคู่เป็นสายตาเดียวกัน ส่วนอาริยามะก็ได้แต่อายจนไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่แสร้งมองออกไปด้านนอก ทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกัน
ไม่นาน รถก็วนมาถึงหลังโรงแรมที่ๆเขาขึ้นรถกัน ไดกิยื่นมือออกไปทุบที่ตัวรถด้านนอกเบาๆ เพราะกริ่งมันเสีย บอกให้คนขับจอดและเขาก็พายามาดะเดินลง กลับโรงแรมไป ปล่อยให้ทาคาเม่น นั่งเถียงกันต่อไปบนรถเอง…
“แฮ่กๆๆ ขอพักเดี๋ยวได้มั้ย หายใจไม่ทัน” เคย์โตะนั่งเอามือยันกับเข่าหอบหายใจราวกับไปวิ่งมาราธอนยังไงยังงั้น
“อืม พักก่อนก็ได้ ฉันก็เหนื่อย แฮ่กๆๆๆ” ยูยะเองก็เห็นด้วย
“อ่ะเร๊ะๆ แล้วสองคนนั้นล่ะ” เคย์โตะเอามือวางเท้าแขนไปที่ว่างข้างตัวแล้วก็รู้สึกว่ามันโล่งผิดปกติ พอหันดูก็พบว่าอาริยามะหายไปซะแล้ว!
“จริงด้วย หายไปไหนแล้ว หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เคย์โตะ ช่วยกันหาเร็วเข้า” ยูยะเริ่มลุกลี้ลุกลนกระวนกระวาย ก้มหาอาริยามะใต้ที่นั่งบนรถสองแถว
“จะบ้าเหรอ!! อาริยามะนะ คนตั้งสองคน ไม่ใช่เหรียญร้อยเยนถึงจะได้ไปตกอยู่ใต้นั้นน่ะ” เคย์โตะหิ้วคอเสื้อยูยะที่กำลังก้มๆเงยๆหาอาริยามะใต้ที่นั่งขึ้นมา
“จริงด้วยแฮะ เป็นเพราะนายนั่นแหละชวนฉันทะเลาะ เหนื่อยก็เหนื่อย แถมตอนนี้อาริยามะยังมาหายไปอีก เพราะนายคนเดียวเลยเคย์โตะ” ยูยะโวยวายโทษเคย์โตะเป็นการใหญ่
“เฮ้ย ไหงมาโยนความผิดกันงี้ล่ะ เถียงกันเหนื่อยจนหอบเป็นหมา อาริยามะก็หาย จะมาโทษฉันคนเดียวได้ไงแบ่งความผิดกันไปคนละครึ่งเลย!”
“อ้าว ก็นายผิดอ่ะจะมาแบ่งความผิดกันได้ไง” ยูยะไม่พอใจที่จะต้องมีส่วนผิดในเรื่องนี้ด้วย
“ไหนบอกว่าต่อไปทุกอย่างหารสองไง เพราะฉะนั้น ความผิดที่อาริยามะหายไปก็ต้องหารสองด้วย จริงมั้ย” เคย์โตะพูดแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ยูยะได้ฟังถึงกับผงะหน้าเจื่อนไปเลย
“เออๆๆๆๆ ก็ได้ผิดกันคนละครึ่งละกัน ว่าแต่ว่าเราจะไปหาอาริยามะกันที่ไหนล่ะเนี่ย”
“คงกลับเข้าโรงแรมไปแล้วแหละ เดี๋ยวเราต้องรอให้รถมันวนกลับไปที่หน้าโรงแรมอีกทีแล้วค่อยลงไปหาอาริยามะกัน” เคย์โตะตอบ
“ถึงไม่บอกให้ลงรถฉันก็จะลงอยู่แล้วล่ะน่า แต่หวังว่าสองคนนั้นจะอยู่ที่โรงแรมนะ”
ในเวลาไม่นานนัก(แต่นานพอที่จะทำให้คู่หูคู่ติ่งทาคาเม่นทะเลาะกันต่อได้)รถสองแถวสีแดงแรงฤทธิ์ก็วนมาจนถึงหน้าโรงแรมอีกครั้ง ทาคาป๊งและเม่นโตะรีบพุ่งลงจากรถทันที แต่ก็ไม่วายที่เม่นโตะจะขาพันกันเองจะล้มกลิ้งลงจากรถ เสียลุคไอดอล?หมดเลย มาดเท่ๆหน้าตาหล่อๆหายไปในพริบตา ยูยะยิ้มแหยๆมองคู่หูด้วยความอนาถใจ
“โอ๊ย!! เจ็บๆๆ” เคย์โตะร้องออกมา
“สมน้ำหน้า ซุ่มซ่ามได้ไม่เลือกเวลาและสถานที่เลยนะนายเนี่ย” ยูยะซ้ำเติม พร้อมกับยื่นมือไปฉุดเคย์โตะขึ้นมา
“ก็คนมันรีบนี่นา”
“ถึงไม่รีบนายก็ซุ่มซ่ามสะดุดฝุ่นอยู่เป็นประจำนั่นแหละ ไม่ต้องมาแถว่ารีบเลย ไปกันเถอะเสียเวลาไปเยอะแล้ว” ยูยะพูดแขวะคู่หูเม่นโตะแล้วก็ลากคอเม่นโตะเดินออกจากตรงนั้น
“เฮ้ๆๆ สองคนนั้นน่ะ เฮ้ๆๆๆ” คนขับรถตะโกนออกมา พร้อมกวักมือเรียกทาคาเม่นที่หันหลังให้แล้วเดินจากไปเรื่อยๆ
เมื่อทาคาเม่นไม่รู้ตัวว่าถูกเรียก คนขับจึงตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินไปคว้าคอเสื้อของทั้งคู่ไว้ได้ทันพอดี ทาคาเม่นถึงกับงงป็นไก่ตาแตกแทบจะหงายหลังเพราะแรงดึงนั้น
“ค่ารถล่ะ” คนขับรถพูดพร้อมกับแบมือออกมา ที่แท้ทั้งคู่ก็ลืมจ่ายค่ารถนี่เอง
“ห๊ะ!!?” ยูยะอุทานออกมาเพราะไม่เข้าใจฟังภาษาไทยไม่ออก
“ค่ารถ” คนขับรถย้ำด้วยท่าทางขึงขังบวกกับน้ำเสียงที่ฟังราวกับกำลังข่มขู่
“นี่ๆ เคย์โตะ ตอนนี้เรากำลังเจอการปล้นในที่สาธารณะอยู่ใช่มั้ยเนี่ย” ยูยะกระซิบถามเคย์โตะที่ข้างหู
“ผมก็ว่างั้นแหละ ไม่นึกว่ามาเมืองไทยครั้งแรกก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้ซะแล้ว”
คนขับยังคงทำหน้าตาขึงขังและแบมือรอค่ารถจากทั้งสองคนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าทาคาเม่นจะเข้าใจอะไรผิดไปซะแล้วล่ะ
“นายลองถามเค้าดูซิว่าเค้าต้องการอะไรกันแน่” ยูยะกระทุ้งเคย์โตะ
“ผมพูดไทยไม่ได้นะ” เคย์โตะหันมาแย้ง
“ไอ้บ้านี่ พูดอังกฤษสิเฟ้ย ต่อมกระแดะหยุดทำงานรึไงห๊ะ ทีเวลาอื่นพูดได้พูดดีทั้งที่ไม่จำเป็น ตอนนี้เปิดโหมดเปลี่ยนภาษาเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่จะซวยไปมากกว่านี้” ยูยะโวยวายใส่เคย์โตะด้วยเสียงกระซิบ?
“คงไม่มีอะไรซวยไปกว่านี้แล้วล่ะ อาริยามะก็หายแถมยังเหมือนว่ากำลังจะโดนปล้นอีก เอาวะ เป็นไงเป็นกันต้องคุยให้รู้เรื่อง” เคย์โตะเรียกกำลังใจแล้วก็ถามคนขับออกไป “เอ่อ......................” เคย์โตะพูดไม่ออก
คนขับจ้องหน้าแล้วกระดิกมือคอยเงินค่ารถ
“เอ่อ..............................”
“เอ่อ แอ่ อยู่ได้ พูดออกไปซะทีสิโว้ย!!” ยูยะตบหัวคู่หูให้ป้าบนึงเพื่อเรียกสติ
“เอ่อ คุณต้องการอะไรหรือครับ” มันต้องเจอระบบสัมผัสแบบนี้เคย์โตะจึงจะกลับมาพูดอังกฤษได้ตามปกติ แถมพูดออกมาอย่างรวดเร็วซะด้วย
“ค่ารถ” คนขับตอบกลับมา
“อ๋อออออออออออ” เคย์โตะถึงกับตีหน้าผากดังแป๊ะ ร้องอ๋อออกมาอย่างยาว
“อะไรๆ เค้าต้องการอะไร” ยูยะรีบถาม
“ค่ารถน่ะ เมื่อกี้เราลงจากรถมายังไม่ได้จ่ายให้เค้าเลย มัวแต่คิดว่าจะตามหาอาริยามะที่ไหนเลยลืมเรื่องนี้ไปเลย” เคย์โตะตอบ
“เฮ้อออออ โล่งออก ตกใจแทบแย่ คิดว่าโดนปล้นซะอีก” ยูยะยกมือทาบอกถอนหายใจเฮือกใหญ่
เคย์โตะควักแบงค์พันในกระเป๋าออกมาใบนึงแล้วยื่นให้คนขับรถ คนขับมองเคย์โตะกลับมาด้วยสายตาโกรธเคืองนิดหน่อยก่อนจะบอกว่า “ผมไม่มีตังค์ทอน”
“เอ่อ..... ไม่ต้องทอนก็ได้ครับ” อั้ยยะ เม่นโตะใจป๋ามากเลย แล้วก็กอดคอยูยะคู่เดินกลับเข้าโรงแรมไป จริงๆไม่ใช่ว่าเคย์โตะจะใจป๋ากับคนแปลกหน้าหรืออะไรนะ ตังค์ทอนค่ารถก็อยากได้อยู่หรอก แต่อาริยามะนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เค้ายอมเสียเงินส่วนนั้นไปไม่ยอมเสียเวลารอคนขับหาเงินมาทอนเค้าหรอก สู้เอาเวลาตามหาอาริยามะให้เจอจะดีกว่า
“ไปดูบนห้องพักกันมั้ย” ยูยะเสนอ
“อื้ม ไปๆ” เคย์โตะเห็นด้วยแล้วทาคาเม่นก็ขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักของอาริยามะทันที
โชคชะตาช่างเป็นใจ พระเจ้าก็ช่างเมตตาติ่งทั้งสองยิ่งนัก เพราะดูเหมือนว่าอาริยามะจะปิดห้องไม่สนิท ประตูห้องพักเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย เป็นโชคของติ่งทั้งคู่ ทั้งสองจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไปไม่ให้เกิดเสียง แล้วสองติ่งก็ต้องตะลึง นิ่งค้างเมื่อเจอกับฉากเรียลลิตี้ของอาริยามะ
ทั้งคู่ถอยหลังออกจากห้องแล้วปิดประตูแต่ไม่ปิดจนสนิทเพราะประตูห้องพักเป็นแบบออโต้ล็อคถ้าปิดสนิทก็จะไม่สามารถเปิดเข้าไปได้อีกนอกเสียจากว่าคนข้างในจะเปิดให้เองหรือมีกุญแจเท่านั้น ซึ่งคงจะเป็นไปไม่ได้ทั้งสองกรณี สองติ่งเดินมาจนพ้นหน้าห้องของอาริยามะ
“ไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยย” จู่ๆยูยะก็ตะโกนออกมาซะเสียงดัง
“ฉันก็จะไม่ทนแล้วเหมือนกัน อะไรมันจะเรียลลิตี้ได้ขนาดนี้!!!” เคย์โตะสำทับ
“ว่าแต่ นายถ่ายรูปมาได้มั้ย” ยูยะถาม
“ติ่งเมพตัวทวดระดับนี้แล้ว มีเหรอจะพลาด นี่ไงดูซะให้เต็มตา” เคย์โตะยืดอกพูดด้วยความภูมิใจในความติ่งพร้อมกับโชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง? ให้ยูยะดู ส่วนยูยะก็ไม่รอช้ารีบไลน์เข้าเครื่องตัวเองทันทีเหมือนกัน
“เรียลลิตี้ได้ใจติ่งอย่างเราขนาดนี้ ฉันว่าเราไปขอยืมพัดจากแฟนคลับข้างล่างมาโบกเชียร์ความเรียลหน่อยดีมั้ย” ยูยะเสนอความคิด
“จะบ้าเหรอยูยะ ถ้าเราไปขอยืมพัดจากแฟนคลับมาล่ะก็ เราจะไม่ได้มานั่งติ่งอาริยามะแค่สองคนหรอกนะ เพราะแฟนคลับก็จะตามมาขัดจังหวะด้วย นายจะเอางั้นเหรอ”
“เออ จริงด้วยแฮะ งั้นเอาไงล่ะ ฉันอยากให้สองคนนั้นเห็นว่าเราสองคนเนี่ยแหละแฟนคลับตัวจริงติ่งอาริยามะของแท้อ่ะ” ยูยะเกาคางครุ่นคิดราวกับเป็นปัญหาระดับชาติ
“เอางี้มั้ย เราไปซื้ออุปกรณ์มาทำพัดกัน แล้วเอาไปโบกเชียร์อาริยามะ พัดที่เราทำเองสองคนนั้นคงจะปลื้มใจกว่านะ” เคย์โตะเสนอความคิดอีกครั้ง
“งั้นจะรอช้าอยู่ใย ไปกันเลยดีกว่า” ไม่รอช้ายูยะก็กระชากมือเคย์โตะพุ่งเข้าลิฟท์ตรงดิ่งไปหาซื้ออุปกรณ์มาทำพัดทันที
.
…
….
ย้อนกลับมาทางด้านอาริยามะ หลังจากที่ทั้งสองเดินกลับขึ้นมาบนห้องพักแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายเข้าห้องพักของตัวเอง แต่แล้วไม่นานเท่าไหร่นัก
“ไดจัง ฉันอยู่ด้วยคนได้มั๊ย ห้องมันกว้างน่ะ จะให้นอนเล่นอยู่คนเดียวกลางวันแสกๆก็กะไรอยู่” ยามาดะก็เปิดประตูเข้ามา เพราะว่าไดกิเปิดประตูแง้มเอาไว้
ไดกิที่กำลังเดินวนเก็บนู่นนี่อยู่ในห้องเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิท
“อ้าวนาย อ๋อได้สิ ฉันก็คิดอยู่ว่าจะไปนั่งเล่นห้องนาย ฮะๆ” ไดกิหัวเราะ แล้วก้มลงเก็บของต่อ ยามาดะพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนที่เตียงฝั่งริมหน้าต่าง
“เฮ้อออ วิวสวยจัง ที่ห้องฉันมันมีต้นไม้บังนิดหน่อยน่ะ” ยามาดะพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
“จริงดิ? งั้นคืนนี้มานอนด้วยกันมั๊ย ตอนกลางคืนนะ สวยมากกกกกกก เพราะไม่มีอะไรมาบังเลย” ไดกิทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมก้มลงชวนเพื่อนสนิท หุหุ น่าสนุกจัง!
“เห จริงดิ!? เอาๆๆๆๆ เดี๋ยวไว้ตอนเย็นอาบน้ำอะไรเสร็จแล้วฉันจะมานอนด้วยนะ เออตอนลงไปกันอีกรอบ ซื้อขนมมาตุนไว้ด้วยมั๊ย!?” ยามาดะทำตาเป็นประกาย อย่างนี้ก็เสร็จล่ะ คุยกับไดจังทั้งคืนนน!!
“ก็ได้นะ แต่พรุ่งนี้เราต้องเข้ากรุงเทพแต่เช้า แล้วก็กลับญี่ปุ่นเลย นายเดี๋ยวก็ไม่ไหวหรอก?” ไดกิเตือน ดูเหมือนเพื่อนสนิทจะลืมงานพรุ่งนี้ไปซะแล้ว
“ฉันมืออาชีพอยู่แล้ว” ยามาดะกระตุกยิ้มตามสไตล์ แต่แลดูกวนโอ๊ยที่สุดในสายตาเพื่อนสนิทอย่างไดกิ
“เออๆ ตามใจ” ไดกิผลักหัวเพื่อนสนิทหนึ่งทีก่อนจะลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม
“ฮะๆ~ เออจะว่าไป เราสองคนลืมอะไรไปป่ะ?” ยามาดะ ทำหน้าคิด อืมม จู่ๆก็รู้สึกเหมือนลืมอะไรทิ้งเอาไว้ที่ไหน
“หืม? นายทำของหายหรอ? มือถือ? หมวก? แว่น? กระเป๋าตังค์?” ไดกิเดินกลับมาหายามาดะ พลางทำท่านับนิ้วถึงสิ่งของที่ยามาดะน่าจะทำหล่นหายไว้
“ไม่ใช่นะ เมื่อกี้เพิ่งเอาวางไว้ในห้อง…”
“อืมมม แล้วอะไรล่ะ?”
“…”
“…”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ทั้งสองนั่งนึกยังไง๊ยังไงก็นึกไม่ออก มันติดอยู่ที่ปลายลิ้นเนี่ยแหละ แต่ทำไมถึงนึกไม่ออกนะ? ผ่านไปไม่ถึง 2 นาที เพื่อนซี้ทั้งสองก็ล้มเลิกความตั้งใจ…ซะงั้นอ่ะ!
“เอาเหอะ เดี๋ยวก็นึกออกเองแหละ อุวะฮ่าๆ!” ไดกิหัวเราะออกมาเป็นคนแรก
“ว่างั้นแหละ ฮ่าๆ!!” เอ่อ…งั้นจะบอกให้ก็ได้ ทาคาเม่นไง ติ่งพวกเธอน่ะ…
“นี่ๆนายจำเมื่อวานได้มั๊ย ตอนที่ถ่ายAAA น่ะ ตอนนั้นที่พวกเล่นSSSกัน แล้วก็ บลาๆๆ” และแล้วไดกิก็เริ่มต้นบทสนทนาอย่างเร่าร้อน และมีหรือที่ยามาดะจะปฏิเสธ เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของสองเพื่อนซี้ดังลั่นไปทั่วห้อง จนไม่มีที่ว่างเหลือให้สำติ่งทาคาป๊งและติ่งเม่นโตะอีกต่อไปในสมองของอาริยามะ
เวลาผ่านไป ดวงตะวันเริ่มเคลื่อนทิศไปทางทิศตะวันตกอีกมากขึ้นฉันท์ใด หัวกลมๆของยามาดะก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้ไดกิเรื่อยๆฉันท์นั้น จนสุดท้ายกลายเป็นว่า ยามาดะนอนหนุนตักของไดกิอยู่ซะนี่!
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเม้ามอยของเพื่อนรักแต่อย่างไร จนกระทั่งจู่ๆบทสนทนาก็ขาดช่วง
“แล้วๆทีนี้นะ หมอนั่นแม่ง…! อ๊ะ!” ยามาดะที่กำลังพ่นไฟ ร้องอ๊ะออกมากะทันหันตัดช่วง พร้อมกระพริบตาปริบๆจนน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ร้อนถึงคนที่ทำตัวเป็นหมอนเห็นดังนั้นจึงรีบสำรวจเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรๆ!!!” ไดกิเผลอยกมือขึ้นประคองหน้ายามาดะบนตักของตัวเองเอาไว้พร้อมกับใช้นิ้วปาดน้ำตาเพื่อนรักเบาๆ
“เจ็บอ่ะไดจัง เหมือนคอนแทคจะเลื่อน” ยามาดะกระพริบตาปริบๆทำให้เห็นว่า ตาของเขาเริ่มจะแดงขึ้นมามากแล้ว
“นายอย่ากระพริบตาบ่อยสิแล้วก็อย่าขยี้ตาด้วย!” ไดกิตีมือยามาดะที่กำลังจะเอื้อมมาขยี้ตาหนึ่งที พร้อมกับหันซ้ายหันขวา คว้ากระเป๋าของยามาดะที่วางอยู่ใกล้ๆ ค้นหาน้ำตาเทียมที่เพื่อนรักมักจะพกเอาไว้ในประเป๋าซิบหลังแล้วหยิบออกมา ก่อนจะค่อยๆบรรจงหยอดตาให้กับเพื่อนที่นอนอยู่นี้
“พยายามลืมตาหน่อยนะ” ไดกิพูดเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆหยดน้ำตาเทียมลงไป ซึ่งตอนนั้นเป็นจังหวะพอดีเองที่สองติ่งเดินเข้ามา แต่เพราะว่าทั้งอาริและยามะกำลังใช้สมาธิ?กันอยู่จึงไม่ได้ยินเสียงของติ่งทั้งสองแต่อย่างใด…
ว่าแต่เห็นภาพนี้แล้ว คิดไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย!
กลับมาที่ทาคาเม่นจากวงเฮย์เซย์จัมพ์
สองติ่งเดินเข้าไปในร้านกิฟท์ช็อปที่อยู่ในห้าง เพราะนอกจากที่นี่แล้วพวกเค้าก็ไปที่อื่นไม่เป็นและไม่รู้ว่าในที่แบบนี้จะมีอุปกรณ์ทำพัดขายให้พวกเค้ารึป่าว และมันก็ไม่มีจริงๆด้วย ยูยะเดินดูทั่วร้านแล้วก็เดินคอตกเพราะไม่ได้ของตามที่ต้องการ
“นี่ๆ ยูยะ เราเอานี่ไปแทนมั้ย” เคย์โตะชูพัดรูปมิกกี้เมาส์อันใหญ่ให้ยูยะดู
“นายจะเอาไอ้หนูตัวนี้ไปโบกเชียร์ไอดอลเหรอ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันหมายถึงเอาพัดอันนี้ไปแทนโครงพัดที่เราหาซื้อไม่ได้ต่างหากเล่า แล้วก็ไปซื้อกระดาษมาปะติดเอา” เคย์โตะอธิบาย
“อ่อๆๆ งี้นี่เอง นายนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะ” ยูยะยิ้มแล้วเอ่ยชมคู่หู
“พูดอย่างกับว่าปกติผมไม่ฉลาดอย่างงั้นแหละ” เคย์โตะพูดเหมือนงอนอีกฝ่ายแล้วก็สะบัดหน้าหนี เอาพัดสองอันที่ถืออยู่ไปให้เจ้าของร้านแล้วก็จ่ายเงิน
จากนั้นทาคาเม่นก็ไปซื้อกระดาษและอุปกรณ์อื่นๆที่พอจะเอามาตกแต่งพัดอาริยามะของพวกเค้าได้ แต่ก็ไม่วายเถียงกันอีกจนได้
“ฉันว่าสีนี้ดีกว่า”
“ฉันว่าสีนี้”
“ก็ฉันจะเอาสีนี้นี่นา”
“เอ๊ะ นายนี่ยังไง สีของนายน่ะ เสล่อจะตายไป อาริยามะไม่ปลื้มขึ้นมานายจะทำยังไง”
“ของนายนั่นแหละเสล่อ โด่ววววววว สีส้มสะท้อนแสง แสบตาชะมัด”
“โหยยยยยยย สีเขียวสะท้อนแสงของนายดีตายล่ะ”
“ฉันจะเอาสีนี้”
“ไม่ ไม่เอา จะเอาสีนี้”
แล้วทั้งคู่ก็เถียงกันไปเถียงกันมาตกลงกันไม่ได้ซักที จนคนที่เลือกซื้อของอยู่ในร้านเครื่องเขียนหันมามองเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่แฟนคลับของทั้งคู่ที่แอบเดินตามมาด้วย
“ฉันขอใช้ความเป็นพี่บังคับ?ให้นายเอาสีนี้เคย์โตะ” ยูยะเอาความอาวุโสมาบีบบังคับให้เคย์โตะทำตาม
“คิดว่าเป็นพี่แล้วฉันจะยอมทำตามงั้นเหรอ ไม่มีทาง ฉันจะเอาสีนี้”
“ไม่ เอาสีนี้”
“พอๆๆๆๆๆ เลิกเถียงกันเถอะ คนมองพวกเรากันทั้งร้านแล้ว” เคย์โตะตัดบท ยูยะหันมองรอบตัวก็เห็นสายตาหลายต่อหลายมองมาแล้วก็อมยิ้ม บางคนก็ขำคิกออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“งั้นก็เอาทั้งสองสี ทำสีละอัน จบ!!” ยูยะหาข้อสรุปให้
“เอางั้นก็ได้ ก่อนที่จะอายไปมากกว่านี้เราไปจ่ายเงินแล้วออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
สองติ่งถืออุปกรณ์ที่เลือกมาทั้งหมดแล้วไปจ่ายตังค์ แน่นอนว่าทุกอย่างหารสอง
ไม่รอช้า หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็ตรงกลับโรงแรมทันที เข้าไปในห้องพักของตัวเองเพื่อทำพัดอาริยามะ แต่ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อน มันก็ย่อมทุลักทุเลเป็นธรรมดา กว่าจะได้พัดออกมาทั้งสองคนบ่นให้กับความยากของมันมาไม่รู้กี่รอบแล้ว
“นายจะบ่นอะไรนักหนาเนี่ยเคย์โตะ”
“ว่าแต่ฉัน นายก็บ่นเหมือนกันนั่นแหละ โด่ววววววววววว”
“ก็มันยากนี่จะไม่ให้บ่นได้ยังไง” ยูยะบ่นต่อ
“เอาน่า คิดจะติ่งแล้วมันต้องเดินเครื่องให้สุดกำลังติ่ง รีบทำเถอะ สู้ๆ”
“เฮ้อออออออออออออออ เสร็จซะที” ยูยะถอนหายใจแล้วก็หงายหลังลงนอนแผ่หลากับพื้น
“เสร็จแล้วก็ใช่ว่าจะมานอนพักสบายใจได้นะยูยะ”
“เออ จริงด้วย ภารกิจติ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด รีบไปกันเถอะ ของค่อยมาเก็บทีหลังก็ได้” ยูยะคิดได้ก็ลุกพรวดพลาดหยิบพัดอันนึงมาถือไว้แล้วพุ่งออกจากห้องพักทันที เคย์โตะก็หยิบพัดอีกอันแล้วตามไป
กลับไปที่อาริยามะต่อในระหว่างที่ทาคาเม่นกำลังเถียงกันเรื่องพัดอยู่ที่ชั้นล่าง
“เป็นไง?” ไดกิวางน้ำตาเทียมในมือลง
ยามาดะค่อยๆกระพริบตาปริบๆเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตามองหน้าไดกิที่กำลังก้มมองลงมาด้วยความเป็นห่วงเต็มตา
“โอ้ หายแล้วๆ เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย” ยามาดะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจพร้อมๆกับไดกิที่ถอนหายใจตาม ยามาดะที่นอนมองอยู่ข้างล่างแอบหัวเราะก่อนจะยกมือหนาๆขึ้นไปตบหน้าผากของไดกิอย่างแรง
ป๊าบ!
“โอ๊ย! ตีฉันทำไมวะ!” ไดกิโวย
“เห็นนายทำหน้าเป็นห่วงฉันแล้วมันตลกดี ฮ่าๆ!” ยามาดะหัวเราะชอบใจ
“หนอย คนอุตส่าห์เป็นห่วงนะไอ้เตี้ย!”
“เฮ้ยไรวะ! นายก็เตี้ยเหอะ!”
“แต่ฉันสูงกว่านาย 0.5 เซ็น!”
“เทียบกับคนอื่นก็เตี้ยเหมือนกันแหละน่า…” ยามาดะลดเสียงลงนิดๆ เมื่อรู้สึกว่าสู้ไม่ได้
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่ทั้งคู่จะระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่ไม่นาน หนังตาก็เริ่มหย่อนคล้อยลงไปเรื่อยๆดูเหมือนว่าอาหารที่เพิ่งกินไปเมื่อครู่นี้จะเริ่มย่อยแล้ว
ยามาดะขอตัวลุกไปถอดคอนแทคเลนส์ที่ห้องตัวเองก่อน ก่อนจะเดินกลับมาเห็นไดกินอนยาวอยู่ใต้ผ้าห่ม ยามาดะส่ายหัวนิดๆ ดึงม่านลูกไม้ปิดเล็กน้อยก่อนจะแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มด้วยและนอนเบียดเข้าไปด้วยกัน
…แล้วทาคาเม่นล่ะ?
ประตูห้องพักของอาริยามะที่ทั้งคู่แกล้งปิดแบบไม่สนิทเอาไว้ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แสดงว่าอาริยามะยังไม่ได้ออกจากห้องไปไหนสินะ
ทาคาเม่นเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องหวังว่าจะได้เห็นฉากเรียลลิตี้อีกครั้ง ก็ปรากฏว่า อาริยามะหลับไปซะแล้ว ถึงกระนั้นก็เถอะทั้งคู่ก็ยังรู้สึกว่าฉากที่เห็นตรงหน้านั้นมันเรียลลิตี้อยู่ดี
“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อะไรจะเรียลลิตี้ได้โดนใจติ่งขนาดนี้ อาริยาม๊า”
“ช่ายยยยยยยยยยยยยยย แม้แต่ยามหลับยังเรียลลิตี้ได้เลย”
ทั้งคู่นั่งลงข้างเตียงโบกพัดไปมาพร้อมกับทำหน้าตาเคลิบเคลิ้มฟินกับฉาก(ที่คิดว่า)เรียลลิตี้ตรงหน้า
“นายดูสิอาริยามะนอนหนุนแขนกันด้วยอ่ะ” ยูยะชี้ให้เคย์โตะดู
“อื้มๆๆ เห็นแล้วๆ แบบนี้น่ะ มันเป็นอะไรที่.....”
“เรียลลิตี้เนอะ!!” ทั้งคู่ประสานมือแล้วพูดออกมาพร้อมกันด้วยความปลื้มใจที่ได้เห็น ตอนนี้พวกเค้าเหนือกว่าแฟนคลับคนอื่นๆไปมาก เพราะได้เห็นภาพเรียลลิตี้ยามหลับของอาริยามะแบบเรียลไทม์ มันช่างเป็นความภาคภูมิใจของติ่งตัวทวดอย่างทาคาเม่นโดยแท้
“นอนหนุนแขนกัน อีกมือนึงที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันนั้นก็คงจะจับกันไว้ด้วยสินะ” เคย์โตะจินตนาการไปถึงมือที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
“นั่นสิๆ แบบนี้มันช่าง...............”
“เรียลลิตี้เนอะ!!” ทาคาเม่นพูดพร้อมกันด้วยความฟินเวอร์อีกครั้ง
“ใบหน้าอาริยามะในยามหลับ ฉันไม่อยากให้ติ่งที่ไหนได้เห็นเลยนอกจากเราสองคน” ยูยะพร่ำเพ้อ
ในขณะที่ยูยะกำลังพร่ำเพ้ออยู่นั้น เคย์โตะก็ยังคงทำหน้าที่ติ่งอย่างดีที่สุดโดยการเอาไอโฟนคู่ใจถ่ายภาพยามหลับของอาริยามะเก็บเอาไว้ด้วย อยากรู้จริงๆเลยว่าถ้าไอโฟนเครื่องนี้พังหรือหายไปเนี่ย ติ่งสองตัวนี้จะอยู่ยังไง
เคย์โตะรัวกดถ่ายแบบนันสต๊อป เก็บภาพมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ความจำของไอโฟนจะจุได้ ราวกับกำลังถ่ายรูปเอาไว้แบ็คเมล์?อาริยามะยังงั้นแหละ << ผิด!!
เมื่อได้รูปเยอะเวอร์จนพอใจแล้วเคย์โตะก็กลับมานั่งฟินเวอร์อยู่ข้างๆยูยะ ฮำเพลงในลำคอแล้วชูพัดอาริยามะโบกไปมา จนกระทั่งหลับไปทั้งคู่
.
..
….
กา กา กา…??
เหมือนจะหลับไปนานมาก จนในที่สุดสองติ่งสุดสมานท์ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นพร้อมเสียงนกกา? แสงแดงสีส้มจัดสาดส่องเข้ามาตามช่องผ้าม่าน
“นี่เราหลับไปนานแค่ไหนเนี่ย” ทาคาป๊งขยี้ตาด้วยหัวอันฟูฟ่องด้านข้างมีพัด เขียนว่า “อาริ” ตกอยู่
“เกือบสองชั่วโมงอ่ะ” เม่นโตะยกนาฬิกาขึ้นมาดู บนตักมีพัด “ยามะ” วางไว้ง่อนแง่น
ทาคาป๊งพยักหน้าค่อยๆปรับสายตาให้ชินกับแสงแดด ก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองอาริยามะที่นอนอยู่บนเตียง …ทั้งสองยังคงนอนหลับนิ่งสนิท แถมนั่นคืออะไร? แขนของไดกิยกขึ้นพาดตัวของยามาดะเอาไว้อีกด้วย!
ทาคาป๊งสะบัดหน้าไล่ความง่วงออกไปหยิบไอโฟนขึ้นมาถ่ายคลิป? ไม่ลืมจะเหลือบมองด้วยหางตาว่า เคย์โตะได้ทำหน้าที่ของมันอยู่หรือไม่!? และผลก็พบว่า…เม่นโตะกำลังยกไอโฟนขึ้นเล็งอาริยามะพร้อมสายตาหน้านิ่วคิ้วขมวดกับการถ่ายภาพอย่างตั้งใจสุดๆ
“อื้มมมม” ยามาดะครางในลำคอเบาๆ เป็นเหตุให้ทาคาเม่นสะดุ้งตกใจ
เฮือก!
“มุเนี๊ยะ มุเนี๊ยะ คุ้กกี้ คู~” เสียงละเมอถึงน้องหมาแสนรักที่บ้านหลุดออกมา ทำให้สองติ่งเบาใจ นึกว่าตื่นแล้วซะอีก! แต่ทว่า…
กระแซะ กระแซะ หมับ! จุ๊บ~
ทาคาป๊งและเม่นโตะอ้าปากค้างกับภาพที่อยู่ตรงหน้า อ่ะ อ่ะ อาริยามะเรียลลิตี๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ทาคาเม่นไม่ทนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ทาคาคินั่งถ่ายวิดิโอไปกัดปากไป มือข้างที่ว่างตีเข่าดังฉาดๆอย่างระบายอารมณ์ เคย์โตะก็ไม่ต่างกันมือข้างที่ว่างกำชายเสื้อแน่นพร้อมบิดไปบิดมา
ก็แหม ดูเหมือนยามาดะจะคิดถึงน้องหมาที่บ้านมาก ละเมอหา แถมยังดูเหมือนจะคิดว่าเพื่อนรักที่นอนอยู่ข้างๆคือน้องคู กับคุกกี้ซะนี่! กระแซะเข้าไปไม่พอกอดซะแน่น แถมยังมีจุ๊บที่แก้มของไดกิอีก คิดว่าติ่งจะทนได้งั้นเหรอ!!!
“อืมมม แจ๊บๆ” ไดกิขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนช่วงที่โดนจุ๊บแก้ม แต่ก็ยังคงหลับต่ออย่างสบายใจ แต่เหมือนว่ามือข้างที่ยามาดะนอนทับเอาไว้ ยกขึ้นมาลูบที่แขนยามาดะสองสามทีก่อนจะนิ่งไปอีกครั้ง…
ปับ!
เสียงทาคาป๊งกับเม่นโตะยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปิดปากพร้อมกัน เพราะเกรงว่าเสียกรี๊ด?ของติ่งจะเผลอหลุดรอดไปจนทำให้ไอดอลตื่น
ผ่านไปสองสามนาที ในที่สุดก็มีมารมาขัดจังหวะจนได้
ครืด ครืด~
หลังจากกดหยุดการถ่ายวิดิโอได้ไม่ถึงเสี้ยวนาที ไลน์จากยาบุก็เด้งขึ้นมาที่หน้าจอของโทรศัพท์ทาคาป๊ง
‘เฮ้ย พวกแกอยู่ไหนกันวะ! เจอกันที่…นะ! มากินข้าวเย็นได้แล้วโว้ย!’
“เฮ้ย เคย์โตะ ยาบุคุงเรียกให้ไปกินข้าวอ่ะ” ทาคาป๊งหันไปพูดกับเคย์โตะที่กำลังพยายามชะเง้อมาดูที่โทรศัพท์ของเขาอยู่รำไร ให้รู้ว่าตกลงแล้วใครติดต่อมา
“อ้าวงั้นหรอ แล้วอาริยามะล่ะ!?” เคย์โตะทำหน้าขมวดคิ้วอีกครั้งสองมือยกขึ้นทำท่าแบะออกข้างลำตัว ราวกับจะสื่อประมาณว่า ‘จะให้ทำไง?’
“คงต้องปลุกแหละว่ะ ถึงจะไม่อยากก็เหอะ” ทาคาป๊งเสมอหน้าไปมองทาง อาริยามะที่นอนอยู่ แล้วสตั๊นเงียบไปทั้งคู่
“อื้มมม~~”
“อืมๆๆ”
ยามาดะยังคงเบียดตัวเข้าไปกอดไดกิแน่นขึ้น แถมไดกิก็ยังคงใช้มือลูบไปมาที่แขนของยามาดะต่ออีก นี่รู้ตัวกันบ้างรึเปล่าว่าทำอะไรกันอยู่เนี่ย!
“โอ๊ยยยยยยย เคย์โตะแกปลุกเหอะ” ทาคาป๊งหันหน้าหลบมาทางด้านหลังพร้อมปาดน้ำตาแห่งความฟิน
แต่เคย์โตะที่กำลังน้ำตาไหลอยู่ไม่ต่างกันนี้กลับสะดุ้งตกใจ จากคำพูดของทาคาป๊ง รีบยกมือขึ้นสองข้างขึ้นมาโบกปฏิเสธตามฉบับ ใครมันจะทำลงกัน!
เคย์โตะส่ายหน้ายิก ทาคาคิเองก็ส่ายหน้ายิกเหมือนกัน
ทั้งสองส่ายหน้าใส่กันไป ใส่กันมา จนเวลาเริ่มช้าลงไปทุกที จนดูเหมือนว่า ชาวจัมพ์ที่เหลือจะทนไม่ไหวซะแล้วสิ…
และสองสามนาทีให้หลังจากนี้ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น…
“เฮ้ย! เมื่อไหร่จะลงไปกินข้าวกันวะ หิวโว้ยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน กับสมาชิกจัมพ์ที่มาไทยที่เหลือทั้ง 7 คน…
แล้วอาริยามะก็สะดุ้งตกใจตื่นเพราะเสียงของเมมเบอร์จั๊มพ์ที่กำลังเม้งแตกในที่สุด
อวสาน จบซะเถอะ!!!
ความคิดเห็น