คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Hand in hand #Jong-In x Xuimin
- คู่นี้เป็นอะไรที่แรร์มาก 5555555555555555
“ซิ่วหมิน...ตื่นได้แล้วนะลูก เดี๋ยวจงอินจะมาแล้วนะ”
“อือ...ครับแม่ อีกห้านาทีนะครับ”
“ไม่เอาแล้ว..ตื่นเลย ตื่นเดี๋ยวนี้นะซิ่วหมิน” มือเรียวตบปุๆลงบนก้อนผ้านวมหนานุ่มที่มีร่างบอบบางของลูกชายคนเล็กอยู่ด้านใน พยายามกันอยู่นานสองนานกว่าจะงัดเอาคนขี้เซาลุกขึ้นมาได้ คุณแม่คนสวยรุนหลังให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมทั้งกำชับกำชาว่าให้รีบอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วไม่อย่างนั้นจะไปโรงเรียนสาย
แต่จนแล้วจนรอด...ก็ต้องขึ้นมาเรียกอีกรอบจนได้
เพราะซิ่วหมิน...แอบหลับในห้องน้ำอีกแล้ว
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นไม่เบานักทำให้เด็กชายสะดุ้งตื่นขึ้น มือเรียวที่ยังคงถือแปรงสีฟันค้างเอาไว้ขยับขึ้นมาแล้วยัดมันเข้าไปในปากเพื่อทำความสะอาดด้านในอย่างรวดเร็ว กว่าที่จะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเปิดประตูออกมาก็ใกล้จะสายเต็มที ตากลมโตเบิกค้างไปชั่วครู่หากแต่มันก็กลับมาเป็นขนาดปกติเมื่อมองเห็นเพื่อนสนิทข้างบ้านของตนเองนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงนอนของตนเอง “มานานยังอะ”
“ก็ตั้งแต่ที่นายเข้าไปหลับในห้องน้ำนั่นแหละ”
“เปล่าซักหน่อย...”
คนที่ทำอย่างที่ว่าส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับ ก่อนที่จะเดินหนีไปสำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจก เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรบกพร่องแล้วจึงเดินมาคว้ากระเป๋าหนังสือของตนขึ้นมาสะพาย เป็นจังหวะเดียวกับที่มือเรียวของอีกคนยื่นมาตรงหน้าพอดี
“ปะ...ไปโรงเรียนกัน”
“อื้อ...”
ไม่ต้องมีความลังเลใจใดๆ...เหมือนที่เป็นนั้นตลอดมา
เพียงแค่มือคู่นี้ส่งมาให้...
ซิ่วหมินก็พร้อมจะวางมือของตัวเองลงไป...กระชับมันเอาไว้ และก้าวเดินไปด้วยกัน
“ซิ่วหมิน ข้าวกลางวันจ้ะ...แล้วก็นี่แซนด์วิชของทั้งสองคนเลยนะ”
“ขอบคุณมากครับคุณน้า”
“จ้ะ...ตั้งใจเรียนนะ”
“ครับ”
สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่จะค่อยๆเดินเคียงข้างกันไปเส้นทางที่ร่มรื่นสู่สถานศึกษาของตนเอง ซึ่งซิ่วหมินก็คงจะเดินจนเพลินไปหน่อยเพราะไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งมาทางด้านหลัง เดือดร้อนให้อีกคนต้องกระตุกมือเพื่อรั้งร่างเล็กให้เข้าสู่อ้อมกอดเพื่อให้พ้นจากรัศมีการเฉี่ยวชนของกระบะคันใหญ่
ใบหน้าหวานแนบซบกับแผ่นอกของเพื่อนสนิท ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะไม่เคยได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้มาก่อน นอกเหนือไปจากการจับมือแล้วก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยสักที
ใจเต้น
ดังด้วย...
ทำยังไงดี...
“เดินให้มันระวังหน่อยสิ ถ้าโดนรถชนไปจะทำยังไงกัน”
“...”
ให้ตายเถอะ...
บทสนทนาของเด็กสิบสองขวบที่คุยกันมันชวนให้ใจเต้นได้ขนาดนี้เลยหรือไงนะ
ซิ่วหมินเงี่ยหูฟังเสียงทุ้มที่เอ่ยอยู่บนหัวตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดที่เพิ่งรู้ว่ามันอุ่นมากมายแค่ไหนเพื่อก้าวเดินไปตามทางเหมือนเช่นก่อนหน้านี้
อุ่น...
อุ่นมากจริงๆนะ...
เดินจูงมือกันมาจนถึงโรงเรียน จึงค่อยละการเกาะกุมออกจากกันเพื่อวางกระเป๋าลงที่โต๊ะของตนเองให้เรียบร้อย ร้องทักจงแดและเทาที่นั่งอ่านการ์ตูนเล่มใหม่อยู่ข้างกันอย่างคุ้นเคย ก่อนจะใช้ชีวิตไปตามปกติของตนเองเหมือนทุกวัน ตั้งใจเรียน ทานข้าวกลางวัน ตอนเย็นเล่นฟุตบอล และกลับบ้านด้วยกันเหมือนเดิม
เหมือนปกติ...
แต่ซิ่วหมินก็พอจะรู้ดี...
ว่าหัวใจของตนเอง...เหมือนจะไม่ค่อยปกติซักเท่าไหร่...
บ้าชะมัดเลย...
................................................................
“หมินฮยอง...ทำอะไย~”
เสียงเล็กๆสดใสร้องทักมาจากด้านหลัง เมื่อเจ้าของชื่อหันกลับไปมองก็พบกับเด็กน้อยตาโตเหมือนลูกกวางที่ยืนยิ้มหวานส่งมาให้ โดยที่ข้างกายก็มีเด็กชายตัวขาวจนเกือบซีดยิ้มให้อย่างเป็นมิตรอยู่
“ลู่หาน เซฮุน ออกมาทำอะไรกันเนี่ย ไม่นอนกลางวันเหรอ”
“เค้าจะเลิกเลียนกันแย้วฮยอง...ไม่ยู้เยื่องเยย”
“เดี๋ยวเหอะ เจ้าฮุน...งับแก้มขาด แล้วนี่จงแดไปไหนล่ะเนี่ย” ร่างบอบบางของผู้สูงวัยกว่าเอื้อมมือไปหยิกแก้มยุ้ยเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ลู่หานเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะชอบใจ พอได้ยินเสียงใสๆหัวเราะเจ้าคนที่โดนแกล้งก็หันไปกระชับอุ้งมือน้อยแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอย่างรวดเร็วเสียอย่างนั้น
“อ้าว นี่...หอมแก้มโชว์ด้วย อิจฉานะเนี่ย”
“ก็ไปหอมแก้มจงอินฮยองฉิ...จะได้ไม่ต้องอิจฉา”
“จะไปหอมได้ไง...ตกลงว่าจงแดไปไหนเนี่ย ทำไมปล่อยออกมาสองคน”
“ทำไมจะหอมไม่ได้ ก็หมินฮยองชอบกับจงอินฮยองมะใช่เหยอ เอ้อ จงแดฮยองพายองซูไปฉี่...ฉ่วนแพคก็โดนเทาฮยองอุ้มไปไหนมะยู้...เลยต้องลอกันฉองคน แต่ฮุนจับมือลูลู่ไว้แย้วนะ ไม่ปล่อยหลอก จะไม่ให้ลูลู่เป็นอะไยเด็ดขาด”
แมน...
แมนเหลือเกิน...
ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ตัวเท่าเมี่ยงเองนะเนี่ย
“แหม...เท่จังเนอะ งั้นเดี๋ยวฮยองรอเป็นเพื่อนละกัน”
“โอเค...”
ตัวยุ่งยกมือข้างที่ว่างจากการเกาะกุมมือน้อยให้ทำเป็นสัญลักษณ์โอเค ซิ่วหมินเห็นแบบนั้นก็หัวเราะร่า ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่บางของตนเอง พอหันไปมองก็เจอกับใบหน้าหล่อเหลาของบุคคลที่เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่นี้โผล่หน้ามายิ้มเผล่ให้
“คุยอะไรกัน ไอ้เปี๊ยก”
“นินทาจงอินฮยองอยู่ล่ะ”
“เซฮุน...”
“ก็มันจิงนี่นา...พอเลาหอมแก้มลูลู่ หมินฮยองอิจฉา เลาก็บอกให้หอมแก้มจงอินฮยองไง...จะได้มะต้องอิจฉาเลา เนอะ ลูลู่”
“อื้อ”
“แล้วพอหมินฮยองบอกว่าจะหอมได้ไง เลาก็เลยบอกว่าทำไมจะมะด้าย เพาะว่าจงอินฮยองกับหมินฮยองชอบกัน เหมือนที่เลาชอบลูลู่ แล้วก็เหมือนที่ลูลู่ชอบเลาด้วย เนอะ ลูลู่”
“อื้อ”
เป็นปี่เป็นขลุ่ย...
หมดกัน...
“จริงเหรอเนี่ย”
“พูดเล่นหรอกน่า...เนอะเซฮุน”
“ไม่ยู้ฉิ...พูดเล่นทำจิงกะด้ายนิ”
ทำไมวันนี้รู้สึกอยากตบกะโหลกเด็กพิกล...
จงอินมองเห็นใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทเริ่มเบ้ออกอย่างไม่พอใจก็หัวเราะหึหึในลำคอ ตากลมโตเหลือบไปเห็นร่างสูงๆของเพื่อนสนิทอีกคนที่เดินจูงมือน้องชายเพื่อน(ที่ตอนนี้ติดเทายิ่งกว่าพี่ชายตนเองเสียอีก)เข้ามาหา เซฮุนยักคิ้วให้สองคนที่ยืนกอดคอกันอยู่แล้วก็จูงมือลู่หาน(ที่หันมาโบกมือบ๊ายบายยิ้มหวานให้ด้วย)ออกไปหาเทาเพื่อกลับบ้านกัน
“จริงๆเลย...ไอ้เปี๊ยกเซฮุน”
“ก็น้องมันยังเด็ก...อย่าไปใส่ใจมันเลย”
“แต่เด็กมันไม่โกหกนะ”
“แต่เซฮุนมันอาจจะโกหกก็ได้นี่นา”
“ไม่มั้ง...ไม่งั้นคงไม่หน้าแดงขนาดนี้หรอก”
“ไม่คุยด้วยแล้ว...ไปซ้อมดีกว่า”
“เดี๋ยวสิ รอด้วย...”
ว่าแล้วก็วิ่งตามไปกอดคอเพื่อนรักให้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนเช่นเดิม จั๊กจี๋หยอกล้อไปมาจนเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ ปริมาณความสุขในอากาศล้นปรี่จนแทบจะสำลักตายไปข้างนึง
จงอิน...
ที่เราเป็นอยู่แบบนี้...มันคืออะไรนะ
ถึงจะบอกตัวเองว่าเพื่อนรัก...แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึก
ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น...
แต่ก็ช่างเถอะ...
แบบนี้...ก็ดีอยู่แล้วล่ะเนอะ
จะคิดยังไง...ก็ปล่อยเอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน
....................................................................
จากเด็กวัยสิบสองขวบ...ก็เติบใหญ่จนกลายเป็นเด็กวัยมัธยมห้าที่มีสรีระเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ร่างสูงโปร่งสองร่างวิ่งไล่ตามลูกฟุตบอลกลมๆที่กลิ้งไปมาในสนามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เช่นเดียวกับคนที่มีใจรักในสิ่งเดียวกันอีกหลายคนที่กำลังจดจ่อในสิ่งเดียวกัน
กว่าจะซ้อมเสร็จก็เหงื่อไหลไคลย้อย มือเรียวยื่นผ้าขนหนูสีขาวสะอาดให้กับร่างบอบบางที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งขวดน้ำเย็นแก้กระหาย ซึ่งอีกคนก็รับมันไปอย่างเคยชิน ก่อนที่คนยื่นให้จะได้รับกลับมาบ้าง
ก็เป็นแบบนี้...
ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...
เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยร่างกายที่สดชื่นกว่าเมื่อตอนที่เดินเข้าไปก่อนหน้านี้มากนัก ซิ่วหมินสะบัดผมชื้นๆให้พอหมาดๆก่อนจะยิ้มให้คนข้างๆที่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากตนเองไม่มากนัก
“เช็ดดีๆสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“เดี๋ยวมันก็แห้งแล้ว” เซฮุนส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผ้าขนหนูที่โปะอยู่บนหัวทุยนั่นให้มันซับน้ำและความชื้นออกไป ผละออกไปเก็บของและแต่งตัวให้เข้าที่เรียบร้อย แล้วจึงค่อยเดินกลับมาหาคนที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าพัดลมให้เป่าผมและร่างกายจนสั่นสะท้าน “หนาวจะตายยังจะมาตากพัดลม...กลับบ้านได้แล้ว”
“อือ”
อากาศหนาวเย็นที่สัมผัสผิวกายทำให้ซิ่วหมินต้องห่อตัวเข้าหากันเพราะลืมเอาเสื้อกันหนาวที่หนาๆและผ้าพันคอผืนอุ่นมาด้วย จงอินเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา หากแต่ก็เอื้อมมือไปปลดผ้าพันคอของตนเองออกไปพันให้คนที่ขี้หนาวจนเรียกล้อกันว่าขาดความอบอุ่นให้หายหนาวสั่น พร้อมทั้งแบ่งอุ่นไอจากเสื้อโค้ทตัวหนาของตนเองให้ร่างเล็กบางด้วยการดึงอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ด้านในเสื้อด้วยกัน
มือบางที่เย็นเฉียบก็ถูกมืออุ่นหนาจับเอาไว้อย่างแนบแน่น...
ถ่ายทอดอุ่นไอ...เข้าสู่ร่างกายและหัวใจไปพร้อมกัน
“มือเย็นหมดแล้ว...”
“อะ..อือ”
“มองอะไรอย่างนั้น มีอะไรจะถามเหรอ?”
“ก็..ก็แค่อยากรู้”
“...”
“ว่าเรา...เป็นอะไรกัน”
“แล้วซิ่วหมินคิดว่าเราเป็นอะไรล่ะ”
“ไม่รู้สิ...เพื่อน แต่มันก็เหมือนจะมากกว่านั้น” เสียงหวานเอ่ยแผ่วๆด้วยความไม่มั่นใจ เรียกรอยยิ้มกว้างๆจากคนข้างกายได้เป็นอย่างดี อ้อมกอดอุ่นกระชับร่างเล็กให้แน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด “ก็ไม่เห็นว่าจะต้องเป็นอะไรกันเลยนี่นา”
“...”
“แค่รู้เอาไว้ว่าเราคิดเหมือนกัน...ก็พอแล้วล่ะมั้ง”
“จงอิน...”
“ไม่เห็นต้องไปนิยามเลยว่าเราเป็นอะไรกัน แค่มีเราสองคนคู่กันก็พอแล้ว...ใช่มั้ยล่ะ”
“อื้อ...พอแล้ว”
ถ้ามองแบบผิวเผิน ทั้งสองคนอาจไม่มีสิ่งใดที่เหมือนกัน ...
ร้อน กับ เย็น ...
ขาด กับ เกิน ...
แต่นั่นก็ทำให้มันลงตัวได้อย่างพอดี...
จงอินอาจจะใจร้อน แต่ซิ่วหมินก็ใจเย็นพอจะห้ามปรามและทำให้จงอินเย็นลง
ซิ่วหมินอาจจะขาดความอบอุ่นทางกายเพราะขี้หนาว แต่จงอินก็อุ่นมากพอที่จะทำให้ทั้งสองคนอุ่นไปพร้อมกัน
พร้อมกัน...ทั้งสองหัวใจ
แค่ยังจับมือกันเอาไว้...ก็พอแล้ว..
.จบจ้า.
กว่าจะแต่งคู่นี้ออก แบบว่าตีลังกาคิดเลยนะ ว่าจะเอาแนวไหนดี ;___; 555555555555555
cinna mon
ความคิดเห็น