ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS;SF] EXO

    ลำดับตอนที่ #6 : Hand in hand #Jong-In x Xuimin

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 56



     




    - คู่นี้เป็นอะไรที่แรร์มาก 5555555555555555







     

     
     

    ซิ่วหมิน...ตื่นได้แล้วนะลูก เดี๋ยวจงอินจะมาแล้วนะ

     

     
     

    อือ...ครับแม่ อีกห้านาทีนะครับ

     

     
     

    ไม่เอาแล้ว..ตื่นเลย ตื่นเดี๋ยวนี้นะซิ่วหมินมือเรียวตบปุๆลงบนก้อนผ้านวมหนานุ่มที่มีร่างบอบบางของลูกชายคนเล็กอยู่ด้านใน พยายามกันอยู่นานสองนานกว่าจะงัดเอาคนขี้เซาลุกขึ้นมาได้ คุณแม่คนสวยรุนหลังให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมทั้งกำชับกำชาว่าให้รีบอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วไม่อย่างนั้นจะไปโรงเรียนสาย

     

     

     
     

    แต่จนแล้วจนรอด...ก็ต้องขึ้นมาเรียกอีกรอบจนได้

     

     
     

     

    เพราะซิ่วหมิน...แอบหลับในห้องน้ำอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นไม่เบานักทำให้เด็กชายสะดุ้งตื่นขึ้น มือเรียวที่ยังคงถือแปรงสีฟันค้างเอาไว้ขยับขึ้นมาแล้วยัดมันเข้าไปในปากเพื่อทำความสะอาดด้านในอย่างรวดเร็ว กว่าที่จะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเปิดประตูออกมาก็ใกล้จะสายเต็มที ตากลมโตเบิกค้างไปชั่วครู่หากแต่มันก็กลับมาเป็นขนาดปกติเมื่อมองเห็นเพื่อนสนิทข้างบ้านของตนเองนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงนอนของตนเอง มานานยังอะ

     
     

     

    ก็ตั้งแต่ที่นายเข้าไปหลับในห้องน้ำนั่นแหละ

     

     
     

    เปล่าซักหน่อย...

     

     

     

    คนที่ทำอย่างที่ว่าส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับ ก่อนที่จะเดินหนีไปสำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจก เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรบกพร่องแล้วจึงเดินมาคว้ากระเป๋าหนังสือของตนขึ้นมาสะพาย เป็นจังหวะเดียวกับที่มือเรียวของอีกคนยื่นมาตรงหน้าพอดี

     

     

     

    ปะ...ไปโรงเรียนกัน

     

     
     

    อื้อ...

     

     

     

     

    ไม่ต้องมีความลังเลใจใดๆ...เหมือนที่เป็นนั้นตลอดมา

     

     
     

    เพียงแค่มือคู่นี้ส่งมาให้...

     

     
     

    ซิ่วหมินก็พร้อมจะวางมือของตัวเองลงไป...กระชับมันเอาไว้ และก้าวเดินไปด้วยกัน

     

     

     

     

     

    ซิ่วหมิน ข้าวกลางวันจ้ะ...แล้วก็นี่แซนด์วิชของทั้งสองคนเลยนะ

     

     
     

    ขอบคุณมากครับคุณน้า

     

     
     

    จ้ะ...ตั้งใจเรียนนะ

     

     

     

    ครับ

     

     
     

    สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่จะค่อยๆเดินเคียงข้างกันไปเส้นทางที่ร่มรื่นสู่สถานศึกษาของตนเอง ซึ่งซิ่วหมินก็คงจะเดินจนเพลินไปหน่อยเพราะไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งมาทางด้านหลัง เดือดร้อนให้อีกคนต้องกระตุกมือเพื่อรั้งร่างเล็กให้เข้าสู่อ้อมกอดเพื่อให้พ้นจากรัศมีการเฉี่ยวชนของกระบะคันใหญ่

     

     

     

    ใบหน้าหวานแนบซบกับแผ่นอกของเพื่อนสนิท ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะไม่เคยได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้มาก่อน นอกเหนือไปจากการจับมือแล้วก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยสักที

     

     

     

    ใจเต้น

     

     
     

    ดังด้วย...

     

     
     

    ทำยังไงดี...

     

     

     

     

    เดินให้มันระวังหน่อยสิ ถ้าโดนรถชนไปจะทำยังไงกัน

     

     
     

    “...”

     

     

     

     

    ให้ตายเถอะ...

     

     

     

    บทสนทนาของเด็กสิบสองขวบที่คุยกันมันชวนให้ใจเต้นได้ขนาดนี้เลยหรือไงนะ

     

     

     

    ซิ่วหมินเงี่ยหูฟังเสียงทุ้มที่เอ่ยอยู่บนหัวตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดที่เพิ่งรู้ว่ามันอุ่นมากมายแค่ไหนเพื่อก้าวเดินไปตามทางเหมือนเช่นก่อนหน้านี้

     

     

     

     

     

    อุ่น...

     

     
     

    อุ่นมากจริงๆนะ...

     

     

     

    เดินจูงมือกันมาจนถึงโรงเรียน จึงค่อยละการเกาะกุมออกจากกันเพื่อวางกระเป๋าลงที่โต๊ะของตนเองให้เรียบร้อย ร้องทักจงแดและเทาที่นั่งอ่านการ์ตูนเล่มใหม่อยู่ข้างกันอย่างคุ้นเคย ก่อนจะใช้ชีวิตไปตามปกติของตนเองเหมือนทุกวัน ตั้งใจเรียน ทานข้าวกลางวัน ตอนเย็นเล่นฟุตบอล และกลับบ้านด้วยกันเหมือนเดิม

     

     

     

    เหมือนปกติ...

     

     

     

    แต่ซิ่วหมินก็พอจะรู้ดี...

     

     

     

    ว่าหัวใจของตนเอง...เหมือนจะไม่ค่อยปกติซักเท่าไหร่...

     

     

    บ้าชะมัดเลย...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ................................................................

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หมินฮยอง...ทำอะไย~”

     

     

     

    เสียงเล็กๆสดใสร้องทักมาจากด้านหลัง เมื่อเจ้าของชื่อหันกลับไปมองก็พบกับเด็กน้อยตาโตเหมือนลูกกวางที่ยืนยิ้มหวานส่งมาให้ โดยที่ข้างกายก็มีเด็กชายตัวขาวจนเกือบซีดยิ้มให้อย่างเป็นมิตรอยู่

     
     

    ลู่หาน เซฮุน ออกมาทำอะไรกันเนี่ย ไม่นอนกลางวันเหรอ

     

     
     

    เค้าจะเลิกเลียนกันแย้วฮยอง...ไม่ยู้เยื่องเยย

     

     
     

    เดี๋ยวเหอะ เจ้าฮุน...งับแก้มขาด แล้วนี่จงแดไปไหนล่ะเนี่ยร่างบอบบางของผู้สูงวัยกว่าเอื้อมมือไปหยิกแก้มยุ้ยเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ลู่หานเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะชอบใจ พอได้ยินเสียงใสๆหัวเราะเจ้าคนที่โดนแกล้งก็หันไปกระชับอุ้งมือน้อยแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอย่างรวดเร็วเสียอย่างนั้น

     

     
     

     

    อ้าว นี่...หอมแก้มโชว์ด้วย อิจฉานะเนี่ย

     

     
     

    ก็ไปหอมแก้มจงอินฮยองฉิ...จะได้ไม่ต้องอิจฉา

     

     
     

    จะไปหอมได้ไง...ตกลงว่าจงแดไปไหนเนี่ย ทำไมปล่อยออกมาสองคน

     

     
     

    ทำไมจะหอมไม่ได้ ก็หมินฮยองชอบกับจงอินฮยองมะใช่เหยอ เอ้อ จงแดฮยองพายองซูไปฉี่...ฉ่วนแพคก็โดนเทาฮยองอุ้มไปไหนมะยู้...เลยต้องลอกันฉองคน แต่ฮุนจับมือลูลู่ไว้แย้วนะ ไม่ปล่อยหลอก จะไม่ให้ลูลู่เป็นอะไยเด็ดขาด

     

     

     
     

    แมน...

     
     

    แมนเหลือเกิน...

     
     

    ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ตัวเท่าเมี่ยงเองนะเนี่ย

     

     

     

     

    แหม...เท่จังเนอะ งั้นเดี๋ยวฮยองรอเป็นเพื่อนละกัน

     

     
     

    โอเค...

     

     

     

    ตัวยุ่งยกมือข้างที่ว่างจากการเกาะกุมมือน้อยให้ทำเป็นสัญลักษณ์โอเค ซิ่วหมินเห็นแบบนั้นก็หัวเราะร่า ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่บางของตนเอง พอหันไปมองก็เจอกับใบหน้าหล่อเหลาของบุคคลที่เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่นี้โผล่หน้ามายิ้มเผล่ให้

     

     

     

    คุยอะไรกัน ไอ้เปี๊ยก

     

     

     

    นินทาจงอินฮยองอยู่ล่ะ

     

     

     

    เซฮุน...

     

     

     

    ก็มันจิงนี่นา...พอเลาหอมแก้มลูลู่ หมินฮยองอิจฉา เลาก็บอกให้หอมแก้มจงอินฮยองไง...จะได้มะต้องอิจฉาเลา เนอะ ลูลู่

     

     
     

    อื้อ

     
     

     

    แล้วพอหมินฮยองบอกว่าจะหอมได้ไง เลาก็เลยบอกว่าทำไมจะมะด้าย เพาะว่าจงอินฮยองกับหมินฮยองชอบกัน เหมือนที่เลาชอบลูลู่ แล้วก็เหมือนที่ลูลู่ชอบเลาด้วย เนอะ ลูลู่

     

     
     

    อื้อ

     

     

     

     

     

    เป็นปี่เป็นขลุ่ย...

     

     

    หมดกัน...

     

     

     

     

     

    จริงเหรอเนี่ย

     

     

     

    พูดเล่นหรอกน่า...เนอะเซฮุน

     

     
     

    ไม่ยู้ฉิ...พูดเล่นทำจิงกะด้ายนิ

     

     

     

     

     

    ทำไมวันนี้รู้สึกอยากตบกะโหลกเด็กพิกล...

     

     

     

     

    จงอินมองเห็นใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทเริ่มเบ้ออกอย่างไม่พอใจก็หัวเราะหึหึในลำคอ ตากลมโตเหลือบไปเห็นร่างสูงๆของเพื่อนสนิทอีกคนที่เดินจูงมือน้องชายเพื่อน(ที่ตอนนี้ติดเทายิ่งกว่าพี่ชายตนเองเสียอีก)เข้ามาหา เซฮุนยักคิ้วให้สองคนที่ยืนกอดคอกันอยู่แล้วก็จูงมือลู่หาน(ที่หันมาโบกมือบ๊ายบายยิ้มหวานให้ด้วย)ออกไปหาเทาเพื่อกลับบ้านกัน

     

     

     

    จริงๆเลย...ไอ้เปี๊ยกเซฮุน

     

     
     

    ก็น้องมันยังเด็ก...อย่าไปใส่ใจมันเลย

     
     

     

    แต่เด็กมันไม่โกหกนะ

     

     
     

    แต่เซฮุนมันอาจจะโกหกก็ได้นี่นา

     

     
     

    ไม่มั้ง...ไม่งั้นคงไม่หน้าแดงขนาดนี้หรอก

     

     
     

    ไม่คุยด้วยแล้ว...ไปซ้อมดีกว่า

     

     
     

    เดี๋ยวสิ รอด้วย...

     

     

     

    ว่าแล้วก็วิ่งตามไปกอดคอเพื่อนรักให้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนเช่นเดิม จั๊กจี๋หยอกล้อไปมาจนเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ ปริมาณความสุขในอากาศล้นปรี่จนแทบจะสำลักตายไปข้างนึง

     

     

     

     

     

    จงอิน...

     

     

     

    ที่เราเป็นอยู่แบบนี้...มันคืออะไรนะ

     

     

     

    ถึงจะบอกตัวเองว่าเพื่อนรัก...แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึก

     

     

     

    ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น...

     

     

     

    แต่ก็ช่างเถอะ...

     

     

     

    แบบนี้...ก็ดีอยู่แล้วล่ะเนอะ

     

     

     

    จะคิดยังไง...ก็ปล่อยเอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ....................................................................

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จากเด็กวัยสิบสองขวบ...ก็เติบใหญ่จนกลายเป็นเด็กวัยมัธยมห้าที่มีสรีระเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ร่างสูงโปร่งสองร่างวิ่งไล่ตามลูกฟุตบอลกลมๆที่กลิ้งไปมาในสนามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เช่นเดียวกับคนที่มีใจรักในสิ่งเดียวกันอีกหลายคนที่กำลังจดจ่อในสิ่งเดียวกัน

     

     

     

    กว่าจะซ้อมเสร็จก็เหงื่อไหลไคลย้อย มือเรียวยื่นผ้าขนหนูสีขาวสะอาดให้กับร่างบอบบางที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งขวดน้ำเย็นแก้กระหาย ซึ่งอีกคนก็รับมันไปอย่างเคยชิน ก่อนที่คนยื่นให้จะได้รับกลับมาบ้าง

     

     

     

    ก็เป็นแบบนี้...

     

     

    ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

    เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยร่างกายที่สดชื่นกว่าเมื่อตอนที่เดินเข้าไปก่อนหน้านี้มากนัก ซิ่วหมินสะบัดผมชื้นๆให้พอหมาดๆก่อนจะยิ้มให้คนข้างๆที่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากตนเองไม่มากนัก

     

     

     

    เช็ดดีๆสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก

     

     

     

    เดี๋ยวมันก็แห้งแล้วเซฮุนส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผ้าขนหนูที่โปะอยู่บนหัวทุยนั่นให้มันซับน้ำและความชื้นออกไป ผละออกไปเก็บของและแต่งตัวให้เข้าที่เรียบร้อย แล้วจึงค่อยเดินกลับมาหาคนที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าพัดลมให้เป่าผมและร่างกายจนสั่นสะท้าน หนาวจะตายยังจะมาตากพัดลม...กลับบ้านได้แล้ว

     

     

    อือ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อากาศหนาวเย็นที่สัมผัสผิวกายทำให้ซิ่วหมินต้องห่อตัวเข้าหากันเพราะลืมเอาเสื้อกันหนาวที่หนาๆและผ้าพันคอผืนอุ่นมาด้วย จงอินเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา หากแต่ก็เอื้อมมือไปปลดผ้าพันคอของตนเองออกไปพันให้คนที่ขี้หนาวจนเรียกล้อกันว่าขาดความอบอุ่นให้หายหนาวสั่น พร้อมทั้งแบ่งอุ่นไอจากเสื้อโค้ทตัวหนาของตนเองให้ร่างเล็กบางด้วยการดึงอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ด้านในเสื้อด้วยกัน

     

     

     

    มือบางที่เย็นเฉียบก็ถูกมืออุ่นหนาจับเอาไว้อย่างแนบแน่น...

     

     
     

    ถ่ายทอดอุ่นไอ...เข้าสู่ร่างกายและหัวใจไปพร้อมกัน

     

     

     

     

     

    มือเย็นหมดแล้ว...

     

     
     

    อะ..อือ

     

     
     

    มองอะไรอย่างนั้น มีอะไรจะถามเหรอ?”

     

     
     

    ก็..ก็แค่อยากรู้

     
     

     

    “...”

     

     
     

    ว่าเรา...เป็นอะไรกัน

     

     
     

    แล้วซิ่วหมินคิดว่าเราเป็นอะไรล่ะ

     
     

     

    ไม่รู้สิ...เพื่อน แต่มันก็เหมือนจะมากกว่านั้นเสียงหวานเอ่ยแผ่วๆด้วยความไม่มั่นใจ เรียกรอยยิ้มกว้างๆจากคนข้างกายได้เป็นอย่างดี อ้อมกอดอุ่นกระชับร่างเล็กให้แน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด ก็ไม่เห็นว่าจะต้องเป็นอะไรกันเลยนี่นา

     

     
     

    “...”

     

     
     

    แค่รู้เอาไว้ว่าเราคิดเหมือนกัน...ก็พอแล้วล่ะมั้ง

     

     
     

    จงอิน...

     

     
     

    ไม่เห็นต้องไปนิยามเลยว่าเราเป็นอะไรกัน แค่มีเราสองคนคู่กันก็พอแล้ว...ใช่มั้ยล่ะ

     

     
     

    อื้อ...พอแล้ว

     

     

     

     

     

     

    ถ้ามองแบบผิวเผิน ทั้งสองคนอาจไม่มีสิ่งใดที่เหมือนกัน ...

     

     

     

     

    ร้อน กับ เย็น ...

     

     

     

    ขาด กับ เกิน ...

     

     

     

     

    แต่นั่นก็ทำให้มันลงตัวได้อย่างพอดี...

     

     

     

     

     

     

     

    จงอินอาจจะใจร้อน แต่ซิ่วหมินก็ใจเย็นพอจะห้ามปรามและทำให้จงอินเย็นลง

     

     

     

    ซิ่วหมินอาจจะขาดความอบอุ่นทางกายเพราะขี้หนาว แต่จงอินก็อุ่นมากพอที่จะทำให้ทั้งสองคนอุ่นไปพร้อมกัน

     

     

     

     

    พร้อมกัน...ทั้งสองหัวใจ

     

     

     

     

    แค่ยังจับมือกันเอาไว้...ก็พอแล้ว..


     

    .จบจ้า.

     



    กว่าจะแต่งคู่นี้ออก แบบว่าตีลังกาคิดเลยนะ ว่าจะเอาแนวไหนดี ;___; 555555555555555




    cinna mon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×