ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS;SF] EXO

    ลำดับตอนที่ #12 : Accident love #Chanyeol x Baekhyun

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 56


     






       





     

     






    Only have a hope

    Only have a faith in affection

    And only believe in feeling about each other

    As a result be able to embroil at even

    Don’t have way turn back
     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     

    เพียงแค่มีกำลังใจ

    เพียงแค่มีศรัทธาในความรัก

    เพียงแค่เชื่อมั่นในความรู้สึกที่มีต่อกัน

    ก็จะสามารถเชื่อมความรักที่แม้ไม่มีหนทางให้กลับคืนได้

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Park Chanyeol

     

                ความทรงจำท้ายสุดที่ผมจำได้ก่อนสมองจะดับวูบลง คือ .. คำบอกเลิกของใครบางคน .. ใครบางคนที่ผมก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร และความทรงจำล่าสุดของผมก็คือใบหน้าของใครสักคน ที่ผมต้องย้ำกับตัวเองนักหนาว่า นายห้ามลืมใบหน้าของคนๆนี้เด็ดขาด .. ก่อนถึงวันคริสมาส ผมจะทำให้เขาเห็นผมให้ได้

     

     

     

     

     

     

     

     

    Byun Baekhyun

     

            บางทีผมก็คิดว่าตัวเองคงจะบ้าจริงๆเหมือนที่คนรอบข้างชอบพูดนิยามตัวผม .. หรือบางทีผมก็คิดว่าผมคงไม่ได้บ้าหรอก เพราะสิ่งที่ผมได้เจอบางทีมันอาจเป็นโชคชะตาที่คนบนฟ้ากำหนดให้ผมอยู่แล้วก็ได้ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนชอบฝืนชะตาเสียด้วยสิ  .. คริสมาสนี้ ผมไม่ขออะไรมาก แค่เขามาปรากฏตัวตรงหน้าผมด้วยร่างกายแท้จริงเท่านั้นก็พอใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      Accident love

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

              

     

     

     

     

     

     

     

                “แบคฮยอนอา..ตื่นได้แล้วเสียงปลุกแผ่วเบา ไม่ได้เรียกให้เจ้าของชื่อตื่นขึ้นมาได้อย่างที่อยากให้เป็น มีเพียงการขยับตัวเล็กน้อยเท่านั้น

     

     

     

     

     

    เหมือนจะรับรู้แต่ก็ไม่ใช่

     

     

     

                คนตัวเล็กบนที่นอนสีอ่อนขยับซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนาเหมือนกำลังหาที่อุ่นๆให้กับตัวเอง ขยับเพียงเท่านั้นแล้วก็หยุดนิ่งเหมือนเคยหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงความฝัน คนที่ส่งเสียงปลุกได้แต่ระบายยิ้มอย่างซุกซน..บยอนแบคฮยอนปลุกยากนักใช่ไหม ต้องเจอไม้นี้ !

     

     

     

     

     

                ผ้าห่มผ้าหนาถูกดึงพรวดออกจากคนตัวเล็กจนคนที่ซุกตัวอยู่นั้นกลิ้งหลุนๆตามแรงดึงก่อนจะลงกระทบกับพื้นไม้เนื้อดี เรียกให้คนถูกกระทำตื่นขึ้นอย่างเต็มตาแต่ยังคงมีอาการงัวเงียอยู่

     

     

     

     

     

                “อะไรวะเนี่ย ! เจ็บชะมัดแบคฮยอนส่งเสียงร้องติดไม่พอใจพร้อมกับใบหน้ายุ่งๆ มือเล็กขยี้ตาเบาเพื่อให้ตัวเองหายงัวเงีย..คนแกล้งส่งเสียงหัวเราะคิกคักก่อนจะปาหมอนใบใหญ่ใส่คนเพิ่งตื่นดังปั่กเป็นการส่งท้ายสำหรับขั้นตอนการปลุกในเช้านี้

     

     

     

                แบคฮยอนปัดหมอนออกจากหน้าด้วยใบหน้ายุ่งมากกว่าเดิม ผมสีน้ำตาลอ่อนชี้ฟูไปคนละทางทำให้เจ้าตัวดูเหมือนเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดูถูกขยี้จนมันฟูมากกว่าเดิมเหมือนกำลังจะหงุดหงิดเต็มที่ ยิ่งทำให้คนที่โยนหมอนมายิ้มชอบใจยิ่งขึ้นไปอีก ขยับมานั่งตรงหน้าคนตัวเล็กจ้องมองใบหน้าน่ารักที่กำลังอารมณ์เสียอย่างมีความสุข

     

     

     

     

     

                “โอ้ย หล่นมาได้ไงวะพลันสายตาขึ้นมามองตรงไปยังคนที่ปาหมอนมาอย่างเอาเรื่อง

     

     

     

    ..เหมือนจะใช่แต่ก็ไม่ใช่

     

     

     

    แปดโมงแล้ว !!!!!!!! สายแน่ๆบยอนแบคฮยอน !!!!!คนตัวเล็กเบิกตากว้างเมื่อเห็นเข็มสั้นชี้เลขแปดบ่งบอกเวลาว่าตอนนี้ใกล้จะถึงคลาสเรียนแรกของเขาแล้ว แบคฮยอนคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ตรงปลายเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป เหลือทิ้งคนปลุกไว้ภายในห้องคนเดียว ...

     

     

     

     

     

    จะว่าทิ้งก็ไม่ได้หรอก เพราะบยอนแบคฮยอนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปาร์คชานยอลอยู่ตรงนี้ด้วยอีกหนึ่งคน เสียงของเขาเหมือนแบคฮยอนจะรับรู้ แต่ไม่เคยจะตอบรับกลับมาให้มั่นใจว่าได้ยิน สายตาที่เหมือนจะมองเห็นเขาแต่ก็ไม่เคยจะใช่สักครั้ง .. มันเป็นแบบนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว

     

     

     

     

     

    เกือบหนึ่งเดือนที่ปาร์คชานยอลได้แต่ตามติดบยอนแบคฮยอนเป็นวิญญาณตามตัว เรียกว่าวิญญาณก็คงไม่ถูกซะทีเดียว เพราะเขาคิดว่าเขายังไม่ตาย เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้ว่าร่างกายของเขาอยู่ที่ใด เขาจึงไม่รู้ว่าจะเรียกสถานะตัวเองว่าอย่างไร ในเมื่อไม่มีใครสามารถสื่อสารกับเขาได้สักคน ไม่มีใครมองเห็นเขาแม้แต่แบคฮยอน .. เขาก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

     

     

     

     

     

    ชานยอลจำได้ว่าความทรงจำสุดท้ายของตัวเองคือคำบอกเลิกของใครบางคน ก่อนที่เขาจะมารู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นอย่างที่เห็น .. ไม่มีใครมองเห็นเขาสักคน

     

     

     

     

     

    ในตอนนั้นเขายืนอยู่ริมฟุตบาทคนเดียวท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปกันมาผ่านร่างกายเขา ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหัวสมองมันขาวโพลนไปหมดเหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมา คิดแต่จะต้องทำให้ใครสักคนเห็นเขาให้ได้ และพาเขากลับไปที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่คนเดียว จนความคิดของเขาถูดดูดดึงให้หันไปเจอคนตัวเล็กคนนี้ บยอนแบคฮยอน ที่กำลังเดินข้ามถนนสวนมา

     

     

     

     

     

    ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดจะติดตามหรือให้แบคฮยอนเป็นคนช่วยเขาหรอก เพียงแต่ในเวลาเสี้ยววินาทีนั้นที่ได้สบตา บอกได้เลยว่ามันเหมือนมนต์สะกดที่น่าหลงใหล เขาถูกดึงให้ไปตามคนตัวเล็กนี้เองโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ ไม่ว่าแบคฮยอนจะไปทางไหนขายาวๆของเขาก็จะก้าวตามไปด้วย เขาเคยลองหยุดนิ่งๆแล้วปล่อยให้แบคฮยอนเดินห่างออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จขาของเขาจะก้าวตามเองโดยอัตโนมัติ จนกลายเป็นว่าเขาได้จับพลัดจับพลูติดสอยห้อยตามคนตัวเล็กจนถึงทุกวันนี้

     

     

     

     

     

    โดยทั้งๆ ที่แบคฮยอนเองก็ไม่รู้

     

     

     

     

     

    เขาเคยพยายามที่จะสื่อสารกับแบคฮยอนให้ได้แต่ไม่ว่าจะลองกี่ครั้งก็ไม่สำเร็จ คนตัวเล็กไม่มีท่าทีว่าจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา ถึงแม้บางทีจะทำเป็นเหมือนรับรู้ให้ชานยอลได้ดีใจเล่น แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม .. แบคฮยอนก็ไม่ยังรู้อยู่ดีว่าปาร์คชานยอลตามติดเป็นตังเมอยู่แบบนี้ !!

     

     

     

     

     

    ได้แต่คิดแล้วก็กลุ้มใจหรือว่าเขาจะตายเป็นวิญญาณแล้วจริงๆ วะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ชานยอลหยุดความคิดต่างๆ เมื่อเสียงน้ำไหลหยุดลงสักพักก่อนคนตัวเล็กจะรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งผมที่ยังเปียกหมาด แบคฮยอนรีบคว้าเสื้อมาสวมอย่างลวกๆ โดยไม่สนใจแม้แต่จะทำผมของตัวเองให้แห้งเสียก่อน ชานยอลส่ายหัวเล็กน้อย..เป็นแบบนี้ประจำแล้วก็ต้องเป็นเขานี่แหละที่ต้องจัดการในส่วนตรงนี้

     

     

     

     

     

    ถึงแม้จะสื่อสารด้วยไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรให้ไม่ได้เสียหน่อย

     

     

     

     

     

    ชานยอลขยับลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าโต๊ะกระจกที่เต็มไปด้วยเครื่องบำรุงผิวของคนตัวเล็กนี้ เขาเปิดลิ้นชักเล็กๆของโต๊ะออกแล้วหยิบไดส์เป่าผมออกมา โดยที่อีกคนไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่ง่วนกับการติดกระดุมเสื้อเชิตร์

     

     

     

     

     

    ฟู่

     

     

     

    ลมร้อนถูกปล่อยออกมาจากเครื่องเป่าผมสีผมสนิทดังฟู่เล่นเอาคนที่กำลังขะมักเขม่นรีบแต่งตัวให้เสร็จ ถึงกลับสะดุ้งสุดตัวหันขวับมองไปทางต้นเสียงด้วยแววตาแตกตื่น แบคฮยอนอ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น รีบติดกระดุมเม็ดสุดท้ายให้เสร็จแล้วทำใจกล้าเดินไปตรงโต๊ะเครื่องแป้งที่มีไดท์เป่าผมสีดำเปิดใช้การอยู่

     

     

     

     

     

    ลืมดึงปลั๊กออกหรอวะแบคฮยอนเจ้าตัวทำหน้าแหย่มองไดท์เป่าผมเจ้าปัญหา ถึงจะพูดว่าตัวเองลืมดึงปลั๊กออก แต่ในใจเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ ! ทำไมบยอนแบคฮยอนจะจำไม่ได้ว่าตัวเองเก็บไดท์เป่าผมหลังจากใช้เสร็จเข้าลิ้นชักไปเมื่อสองวันก่อน ... แล้วที่มันมาวางไว้บนโต๊ะและเปิดเองได้นี่

     

     

     

    คือ อะ ไร

     

     

     

     

     

    ไม่อยากจะคิดให้ขนลุกขนชัน มือเล็กลูบแขนตัวเองเป็นการเรียกกำลังใจกลับมาก่อนจะสะบัดผมเป็นพัลวันจนน้ำหยดเล็กๆที่เกาะตามไรผมสวยเพราะยังไม่แห้งกระเซ็นโดนใบหน้า

     

     

     

     

     

    อ้าว ลืมเช็ดผมอีกแล้วใช้มือจับๆที่เส้นผมแล้วขยี้เบาๆ ก็เห็นว่าผมยังไม่แห้งลงเลยสักนิด เวลาตอนนี้ก็ใกล้คลาสเรียนแรกเข้ามาทุกที คงไม่มีเวลามานั่งเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูอย่างที่ชอบแน่ๆ แบคฮยอนตัดสินใจหยิบไดท์ที่เปิดอยู่ขึ้นมาเป่าผมของตัวเองอย่าเร่งรีบ

     

     

     

    อา .. ถ้าไม่เห็นไดท์เป่าผมบยอนแบคฮยอนคงเดินหัวเปียกไปเรียนแน่นอนเลย

     

     

     

     

     

     

     

    การกระทำเหล่านั้นเรียกรอยยิ้มให้บุคคลที่ยืนมองสะท้อนอยู่ในกระจกได้อย่างไม่ยาก ชานยอลยืนกอดอกมองอย่างพอใจที่ทำให้เจ้าตัวเล็กเช็ดผมให้แห้งก่อนออกจากบ้านได้ เขารู้ว่าแบคฮยอนไม่ชอบเท่าไหร่ถ้ามีฝุ่นติดหัวหลังจากสระผมเสร็จ แล้วการออกไปข้างนอกทั้งๆ ที่ผมยังไม่แห้งก็ยิ่งทำให้ฝุ่นเกาะง่ายขึ้นกว่าเดิมมากๆ ถ้าเป็นแบบนั้นมีหวังตอนเย็นแบคฮยอนคงต้องกลับมาสระผมอีกรอบแน่

     

     

     

     

     

    ชานยอลมองคนที่ยืนก้มหัวตั้งใจเป่าผมอีกครั้ง .. รอยยิ้มน่ารักจากปากบางสวยถูกฉายผ่านกระจกมาให้เขาพร้อมกับดวงตาเรียวเล็กสีน้ำตาลเข้มที่ช้อนมองมาทางเขาเช่นกัน

     

     

     

    อีกแล้วที่แบคฮยอนเหมือนจะส่งยิ้มมาให้เขาเป็นการขอบคุณ ทำเหมือนว่าเขามีตัวตนในสายตาของเจ้าตัว

     

     

     

     

     

     ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชานยอลรู้สึกแบบนี้ แต่มันทุกครั้งที่เขาได้ทำสิ่งต่างๆ ให้แบคฮยอน แล้วจะได้รอยยิ้มแบบนี้กลับมาเสมอ เหมือนว่าแบคฮยอนกำลังยิ้มเพื่อขอบคุณเขา

     

     

     

     

     

     

     

    นายเห็นฉันไหม บยอนแบคฮยอน

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      Accident love

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

    พี่แบคฮยอน ! เสียงตะโกนดังมาตามระเบียงทางเดิน ร่างสูงโปร่งของใครบางคนกำลังวิ่งมาทางเจ้าของชื่อพร้อมถุงขนาดใหญ่ในอ้อมแขน

     

     

     

     

     

    หวางจื่อเทา นักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศจีน เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผู้มีผมสีดำขลับ ดวงตาเฉียวที่มองเพียงแว๊บแรกคนอื่นอาจพากันคิดว่าเป็นพวกนักเรียนอันตพาล แต่ถ้าหากลองได้เข้าใกล้หรือพูดคุยแล้ว .. หวางจื่อเทาคนนี้ ห่างไกลจากคำว่าอันตพาลมาเลยทีเดียว

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนหันไปตามเสียงเรียกพร้อมกับเลิกคิ้วมองอย่างุนงง เขายกนาฬิกาเรื่อนโปรดขึ้นดูเวลาที่บ่งบอกว่าตอนนี้ได้เลยเวลาเรียนคาบแรกมาแล้วเล็กน้อย แต่ทำไมรุ่นน้องต่างแดนคนนี้ยังวิ่งเล่นอยู่ตามทางเดินอีกเนี่ย

     

     

     

     

     

    ไม่เข้าเรียนหรอจื่อเทา ? ” ถามออกไปก่อนจะมองรุ่นน้องตัวสูงที่กำลังเท้ามือไปกับหน้าขาแล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ท่าทางนั้นทำให้เขาเผลอหายใจแรงๆตามจังหวะของจื่อเทาไปด้วย

     

     

     

     

     

    จื่อเทาเงยหน้ามองรุ่นพี่ตัวเล็กที่หายใจอย่างเหนื่อยหอบตามเขาแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง พี่แบคฮยอนน่ารักแต่เช้าเลยแฮะ

     

     

     

     

     

    ตอนนี่แค่คาบโฮมรูม ไม่เข้าไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากเจอพี่แบคฮยอนก่อน

     

     

     

    เอ๋ ? ” แบคฮยอนเอียงคออย่างงุนงง ทำไมจื่อเทาต้องอยากเจอเขาก่อนด้วยล่ะ ยังไงเย็นนี้เข้าชมรมการแสดงก็ต้องเจอกันอยู่ดี

     

     

     

    ผมแค่อยากจะมาชวนพี่ก่อนคนอื่น

     

     

     

    ชวนพี่ ? ชวนอะไรหรอ ? ”

     

     

     

    ก็ .....จื่อเทาแกล้งลากเสียงยาวให้อีกคนลุ้นเล่นๆ ก่อนจะก้มตัวลงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนแบค ฮยอนต้องเอนตัวเว้นระยะห่างให้มากที่สุด

     

     

     

    ตึก.. ตึก.. ตึก..

     

     

     

    ห่างออกไปไม่ไกลจากสองคนนั้น เสียงเคาะรองเท้ากับพื้นดังขึ้นเงียบๆ มีเพียงเจ้าของรองเท้าเท่านั้นที่ได้ยิน ปาร์คชานยอลที่ติดสอยห้อยตามคนตัวเล็กกอดอกยืนพิงกำแพงมองแบค ฮยอนกับจื่อเทาคุยกันมาได้สักพัก ความรู้สึกหงุดหงิดใจก่อตัวอย่างเงียบๆ

     

     

     

     

     

    เรื่องนี้ก็เช่นกันที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปาร์คชานยอลรู้สึก หากแต่มันเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งหรือเรียกได้ว่าแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ ... ทุกวันที่บยอนแบคฮยอนมาโรงเรียนและทุกครั้งที่มีคนมายุ่งย่ามเหมือนอย่างที่ไอ้แพนด้าจากชิงเต่ากำลังทำอยู่

     

     

     

    บอกได้เลยว่าปาร์คชานยอลไม่ชอบใจเท่าไหร่หนักหรอกและเผอิญว่าเขาแต่เดิมที่ยังมีร่างเป็นตัวเป็นตนก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว พอไม่ชอบใจอะไรก็ไม่ทนดูเฉยๆแน่นอน

     

     

     

    ชานยอลดุนลิ้นไปกับกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด คิ้วเรียวได้รูปขมวดจนเกือบจะแน่นมองจื่อเทาและแบคฮยอนอย่างไม่วางตา ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดจนอย่างจะเข้าไปขัดให้หน้าหงายไปซะตรงนั้น

     

     

     

     

     

     

     

    เล่นอะไรสนุกๆกันหน่อยแล้วกันนะไอ้แพนด้าชิงเต่ายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย

     

     

     

    เรื่องทำให้คนอื่นหน้าแตกขอให้บอกปาร์คชานยอลคนนี้เถอะ

     

     

     

     

     

     

     

    ก็อะไรหรอจื่อเทาแบคฮยอนถามอีกครั้งและยังเกร็งตัวเว้นระยะห่างเอาไว้ รุ่นน้องตัวสูงก็ยังคงอมยิ้มไม่ยอมตอบออกมาเสียที แถมยังเริ่มจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแบคฮยอนมากกว่าเดิม

     

     

     

    ก็ ..... พรวด ! แค่กๆ ! อะไรเข้าปากผมอ่ะจื่อเทาที่กำลังจะอ้าปากถามคำถาม อยู่ๆก็บ้วนเศษกระดาษกลมๆเล็กๆออกมาจากปากตัวเองแล้วทำหน้าบอกบุญไม่รับ

     

     

     

    บุญจะรับได้ยังไงล่ะ ! อยู่ๆ ก็มีกระดาษก้อนกลมลอยมาเข้าปากเนี่ยนะ ! มันมาได้ยังไงหวางจื่อเทาไม่เข้าใจ !!

     

     

     

    แค่กๆ เค็มด้วยอ่ะพี่แบคฮยอน แหวะ

     

     

     

    ค่อยๆ จื่อเทา เป็นอะไรมากไหมแบคฮยอนลูบแขนลูบหลังรุ่นน้องเป็นการใหญ่เมื่อเห็นสภาพบอกบุญไม่รับของจื่อเทา

     

     

     

     

     

    เขาได้แต่ทำยิ้มแห้งๆ เป็นการปลอบประโลมให้รุ่นน้องหายตกใจ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ จ้องไปยังถังกระขยะสแตนเลดที่ต้องอยู่ตรงมุมก่อนจะเลียวไปอีกทาง ในนั้นแบคฮยอนเห็นกระดาษปึกใหญ่ที่ถูกขย้ำทิ้งจนเกือบจะล้นออกมาปะปนไปกับเศษขยะอย่างอื่นด้วย...ไม่อยากจะคิดว่าไอ้เศษกระดาษพวกนั้นอาจจะมาจากถังขยะ

     

     

     

    ชานยอลยืนหัวเราะจนตัวงอกับท่าทางของจื่อเทาที่โดนเขาโยนเศษกระดาษใส่อยู่ตรงข้างถังขยะ ฝีมือเขาแม่นเอาเรื่องอยู่เหมือนกันแฮะ ชู้ตลงปากไอ้แพดด้าชิงเต่าพอดิบพอดี นึกแล้วก็ยิ่งหัวเราะไม่หยุดแต่สักพักกลับต้องชะงักเพียงเพราะรู้สึกถึงสายตาของใครบางคน

     

     

     

    สายตาที่เขาก็ไม่รู้ว่าได้มองมาที่เขาจริงหรือเปล่า แบคฮยอนมองมาทางเขาใช่ไหม

     

     

     

    ใบหน้าน่ารักงอง้ำเหมือนไม่พอใจมองมาทางเขาเป็นสิ่งที่ชานยอลเห็นและสัมผัสได้ แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจจื่อเทาอีกครั้ง

     

     

     

    เมื่อกี้ไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ? แบคฮยอนทำท่าเหมือนเห็นเขาและดูเหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นคนทำ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อแบคฮยอนไม่เคยรู้ว่ามีเขาอยู่ติดข้างกายแบบนี้

     

     

     

    อีกแล้วที่แบคฮยอนทำเป็นเหมือนรับรู้ว่ามีเขาอีกคน

     

     

     

    พี่ว่าจื่อเทารีบเข้าเรียนดีกว่า จวนจะหมดคาบโฮมรูมแล้วด้วยแบคฮยอนยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาอีกรอบแล้วบอกรุ่นน้องให้รุ่นน้องเข้าห้องเรียนเพราะเขาก็อยากจะรีบเข้าห้องเรียนเหมือนกัน ... นี่ก็เลยเวลามาเยอะแล้วด้วย

     

     

     

     

     

    งั้นพี่ฟังที่ผมจะพูดดีๆนะแบคฮยอนเลิกคิ้วสูงอย่างงุนงง ก่อนจะพยักหน้ารับตาม

     

     

     

    ไปฉลองคริสมาสกับผมนะครับ

     

     

     

    ห๊ะ !”  แบคฮยอนเผลอตะโกนออกมาเมื่อได้ยินเรื่องที่จื่อเทาตั้งใจบอก ถุงกระดาษสีหวานใบใหญ่ที่เขาเห็นจื่อเทาอุ้มมาด้วยตอนแรกถูกส่งมาตรงหน้าเขา

     

     

     

    คนตัวเล็กมองถุงกระดาษใบนั้นสลับกับคนถือที่ยืนก้มหัวจนแทบจะติดพื้นเหมือนเป็นการเว้าวอนให้เขารับถุงใบนี้ไปด้วย แบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าการที่เขายื่นมือไปรับถุงนี้แล้วมันจะเป็นการตอบตกลงกรายๆไปด้วยหรือเปล่า เขาจึงรู้สึกลังเลอยู่แบบนั้นใช้เวลาคิดอยู่นานพอสมควร

     

     

     

    ไม่ใช่เขารังเกียจจื่อเทาหรืออะไรหรอกนะ แต่คริสมาสนี้เขาคิดไว้แล้วน่ะสิว่าจะฉลองกับใคร หากแต่ว่าก็ปฏิเสธรุ่นน้องไม่ออก เห็นความตั้งใจแล้วมันก็ใจอ่อนอ่ะนะ ยิ่งจื่อเทาบอกว่ามารอเขาก่อนเข้าห้องเรียนก็ยิ่งเห็นใจ บยอนแบคฮยอนใจอ่อนกับคนอื่นเสมอ

     

     

     

    และเหมือนว่านิสัยข้อนี้คนที่ตามติดแบคฮยอนเป็นตังเมมาได้สักพักอย่างปาร์คชานยอลก็รับรู้เช่นกัน ยิ่งทำให้คนตัวสูงรู้สึหงุดหงิดอีกเป็นเท่าตัว เพราะชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนต้องปฏิเสธไอ้แพนด้าชิงเต่าไม่ได้แน่ๆ

     

     

     

     

     

    ว่ายังไงครับพี่แบคฮยอน ไปเดทกับผมนะจื่อเทาอ้อนขออีกครั้งพร้อมกับส่งสายตาวิ้งๆเหมือนลูกแพนด้าน้อยที่เห็นแล้วก็ต้องใจอ่อนมาให้แบคฮยอน แต่สำหรับชานยอลแล้วมันน่ากระโดดเตะมากกว่าน่ะสิ !

     

     

     

     

     

    แค่เศษกระดาษเมื่อกี้คงไม่พอเสียล่ะมั้ง ... ถ้าจะคิดหาเหตุผลว่าทำไมปาร์คชานยอลต้องอยากจะขัดขวางทั้งคู่ด้วย คำๆ นั้นปาร์คชานยอลคงตอบได้แค่คำเดียว

     

     

     

     

     

     .. สิ่งนั่นมันคงเรียกว่าหึงล่ะมั้ง ..  เขาไม่เคยโกหกความรู้สึกและความคิดของตัวเอง

     

     

     

     

     

    ถึงเขาจะเป็นแค่คนที่เผอิญกลายเป็นร่างโปร่งแสงไร้ร่างเป็นตัวเป็นตนตน ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับใครได้สักคน แม้แต่คนที่ผูกติดกับเขาอย่างแบคฮยอนด้วย แต่ความรู้สึกนึกคิดของเขาก็ยังใช้การได้เป็นอย่างดี ถ้าจะเกิดความรู้สึกแบบนั้นก็คงไม่ผิด ...

     

     

     

     

     

    ยิ่งคนนั้นเป็นคนที่เขาถูกเอาตัวมาผูกติดด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ บยอนแบคฮยอนเป็นคนแรกที่เขาเห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาจากความมืดมิดนั่น นับตั้งแต่นั้นแบคฮยอนก็คือคนแรกในทุกๆ วันของปาร์คยอล คนแรกที่ปาร์คชานยอลต้องเห็นหน้าตอนลืมตาขึ้นในทุกเช้า คนแรกที่เขาต้องมาคอยปลุก คอยดูแลทุกอย่างโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรับรู้ และเป็นคนแรกที่ปาร์คชานยอลรับรู้ทุกการกระทำ ความรู้สึก ลักษณะนิสัยผ่านการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน โดยปราศจากการแสแสร้งต่อกัน

     

     

     

    มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายที่จะสรรหามาบรรยายความรู้สึกของเขาว่ารู้สึกอย่างไรกับคนตัวเล็กคนนี้  บางทีเรื่องนี้ชานยอลก็เคยคิดว่ามันเป็นโชคชะตาของเขาและแบคฮยอน

     

     

     

    เอ่อ .. คือว่าพี่ ..

     

     

     

    ผมรู้ว่าพี่ยังไม่ใคร .. ช่วยรับคำขอของผมได้ไหมครับจื่อเทาพูดพร้อมกับจับถุงใบโตนั่นใส่มือเล็กของแบคฮยอนเหมือนเป็นการรวบรัดให้อีกฝ่ายตอบตกลง .. เหอะ ความหงุดหงิดของชานยอลจากระดับห้าเพิ่มขึ้นเป็นระดับเก้าอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เห็นจื่อเทาแตะลงบนมือของแบคฮยอนและจับค้างไว้อยู่แบบนั้น

     

     

     

     

     

    คอยดูจะทำให้เดินกลับชิงเต่าไม่เป็นเลยไอ้หมีแพนด้า !

     

     

     

     

     

     

     

    เอ่อ จื่อเทาคือ ..

     

     

     

    นะครับพี่แบคฮยอน ตอบตกลงเถอะครับ ใกล้คาบเรียนแรกแล้วนะครับ ถ้าพี่ไม่ตอบตกลงผมไม่ปล่อยพี่ไปนะเห็นแบคฮยอนอ้ำอึ้งจื่อเทาเลยใช้วิธีมากระกระตุ้นให้อีกคนตอบกลับมาแล้วต้องเป็นการตอบตกลงด้วย

     

     

     

    เอาไงดี .. เขาไม่กล้าปฎิเสธหวางจื่อเทา แบคฮยอนใช้ความคิดอย่างหนักกับการหาคำมาเพื่อปฏิเสธรุ่นน้องคนนี้แต่ว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เขาไม่เคยปฏิเสธใครเสียด้วยสิ

     

     

     

    ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักสายตาพลันหลุบมองไปยังพื้นเบื้องล่างก่อนจะ

     

     

     

    เฮ้ย อย่านะ !แบคฮยอนร้องตะโกนออกมา เรียกให้จื่อเทาถึงกลับขมวดคิ้วทันที และเหมือนแบคฮยอนจะรู้ตัว นิ้วเรียวชี้ไปยังพื้นอย่างอ้ำอึ้งพร้อมกับบอกว่า

     

     

     

     

     

    มะ เมื่อกี้เห็นตัวอะไรไม่รู้จะเข้ารองเท้านายน่ะจื่อเทา ลองถอดออกมาเคาะๆ ดูไหม เผื่อมันจะเข้าไปในรองเท้าแล้วจื่อเทาอ้าปากหวออย่างงุนงง ภาษาเกาหลีเขาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอมาเจอประโยคยาวๆของแบคฮยอนก็เกิดอาการงุนงงเลยทำเป็นไม่สนใจและวกกลับเข้าเรื่องของตัวเองต่อ

     

     

     

     

     

    พี่แบคฮยอนไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยครับ พี่ยังไม่ตอบตกลงผมเลย

     

     

     

     

     

    คือ คือ ... แบคฮยอนหน้าซีดเล็กน้อย ถึงเวลาที่ต้องหาทางออกจริงๆจังๆแล้วสินะ มือเล็กรับถุงกระดาษใบหใญ่มาไว้ในอ้อมแขน

     

     

     

     

     

    เอาไว้พี่บอกจื่อเทาอีกทีแล้วกัน ขอคิดก่อน ส่วนอันนี้พี่รับไว้ก่อนแล้วกันนะ ..ไปล่ะแบคฮยอนทิ้งทายอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบผละออกจากจื่อเทาวิ่งหายไปทางห้องเรียนของตัวเอง

     

     

     

     

     

    รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนมุมปากเรียวบางของคนตัวเล็ก เหมือนกำลังรู้สึกดีกับอะไรบางอย่าง ที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากอะไรและเพราะอะไร

     

     

     

     

     

     

     

    เดี๋ยวสิครับพี่แบคฮยอน !จื่อเทาตะโกนรั้งรุ่นพี่แต่ก็ก็ไม่ทัน หลังบางๆของแบคฮยอนแวบหายเข้าไปในห้องเรียนเรียบร้อย เด็กหนุ่มได้แต่ทำคอตก .. อุส่ารีบมาขอก่อนคนอื่นเพราะกลัวว่าจะมีใครฉกตัวพี่แบคฮยอน สุดท้ายหวางจื่อเทาก็ยังไม่ได้คำตอบ

     

     

     

     

     

    ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางห้องเรียนตัวเองบ้าง แต่เพียงแค่ก้าวขาเท่านั้น ร่างสูงทั้งร่างนั้นก็หน้าขมำไปกับพื้นเรียกเสียงร้องโอดครวญได้ไม่น้อย

     

     

     

     

     

    ไอ้ @$%@$%#$#^ เชือกผูกติดกันได้ยังไงวะ !!!! จื่อเทาร้องโวยวายอย่างตกใจที่รู้เหตุว่าหน้าขมำเพราะอะไร มือใหญ่สั่นเล็กน้อยรีบแก้ปมเชือกรองเท้าที่ถูกผูกติดกันทั้งสองข้างตัวเอง

     

     

     

    ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วทั้งระเบียงทางเดินแต่มีเพียงเจ้าของเสียงเท่านั้นที่ได้ยิน ชานยอลยืนขำจื่อเทาจนตัวงอง้ำแทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นที่แกล้งไอ้หมีแพนด้าสำเร็จ

     

     

     

     

     

     

     

    ก็บอกแล้วจะทำให้เดินกลับชิงเต่าไม่เป็นเลย !

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      Accident love

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     “จื่อเทาอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ บอกแล้วไงว่าพี่ขอคิดก่อนแบคฮยอนพยายามพูดให้รุ่นน้องหายทำหน้าบูดเป็นตูดหมึก หลังจากที่เขาบอกแปะโป้งคำตอบไว้ก่อนเมื่อเช้าจื่อเทาก็มีอาการอย่างที่เห็น เจอกันในคาบชมรมการแสดงอีกรอบบยอนแบคฮยอนเลยต้องมานั่งเกลี้ยมกล่อมให้รุ่นน้องตัวสูงหายไอ้อาการตุบป่องแบบนี้เสียที

     

     

     

    พี่ก็ตอบผมมาตอนนี้เลยสิ

     

     

     

    ก็บอกว่าขอคิดก่อนไงแบคฮยอนถอนหายใจอย่างเหนื่อยเพลีย เขาก็พอรับรู้ความรู้สึกจื่อเทาอ่ะนะ แต่จะให้ทำยังไงได้ .. เขาไม่ได้ชอบจื่อเทานี่หน่า แต่ก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจรุ่นน้องด้วยเพราะจื่อเทาก็เป็นรุ่นน้องที่น่ารักคนนึง แบคฮยอนก็ไม่อยากต้องมาเสียมิตรภาพเพราะเรื่องอะไรพรรนั้น

     

     

     

    ขอคิดอะไรหรอพี่แบคฮยอนเสียงเอ่ยถามดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างสูงของใครบางคนหย่อนตัวลงนั่งอีกด้านที่ว่างของแบคฮยอน คิมจงอิน รุ่นน้องอีกคนในชมรมการแสดงของเขา

     

     

     

    ไม่มีอะไรสักหน่อย จงอินอย่ามายุ่งเลยเป็นจื่อเทาเองที่ตอบคำถามนั้นออกไป

     

     

     

    ฉันถามพี่แบคฮยอนไม่ใช่แกเว้ย ไอ้จื่อเทา

     

     

     

    อ้าว ก็มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับฉันอ่ะ ทำไมจะตอบไม่ได้เด็กหนุ่มจากประเทศจีนเถียงกลับไม่ยอมจนคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่แสยะหน้าอย่างไม่พอใจ

     

     

     

    อ่อ ไม่มีมารยาทสินะ เวลาคนอื่นเขาคุยกัน คนนอกไม่ควรแทรก ประเทศนายไม่ได้สอนหรือไง ? ” อีกฝ่ายก็โต้กลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน คิมจงอินและหวางจื่อเทาชอบกัดกันเป็นประจำจนคนในชมรมเห็นเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ถ้าหากทั้งคู่พูดดีๆใส่กันนี่สิแปลก

     

     

     

    แกมากกว่ามั้งที่ไม่มีมารยาท ฉันคุยกับพี่แบคฮยอนก่อนเถอะ !

     

     

     

    แต่ฉันถามพี่แบคฮยอนไม่ใช่แก !

     

     

     

    โอ้ย ! พอทั้งคู่เลยจงอิน จื่อเทาแบคฮยอนส่ายหัวอย่างเพลียใจ กรอกตาขึ้นด้านบนเหมือนกำลังสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด อยู่กับสองคนนี้ทีไร ปวดหัวทุกที ! ทำไมชอบทะเลาะกันนะ ?

     

     

     

    งั้นพี่แบคฮยอนตอบผมมาสิครับ ว่าพี่ขอคิดอะไรจงอินยังไม่ลดละในการถาม จื่อเทาเห็นดังนั้นกำลังจะเปิดปากแห่วใส่อีกรอบ แต่แบคฮยอนจ้องปรามเอาไว้ก่อน จื่อเทาเลยต้องสงบปากแล้วทำหน้าฮึกฮัดแทน

     

     

     

    ไม่มีอะไรหรอก จื่อเทาชวนพี่ไปเที่ยววันคริสมาสน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะว่างไหมเลยขอคิดก่อนโกหกคำโตออกไปแล้วก็ได้แต่นั่งปาดเหงื่อเงียบๆ

     

     

     

    ได้ไง มันมาขอพี่ก่อนผมได้ยังไง

     

     

     

     

     

    หา ? ”

     

     

     

     

     

    ผมก็จะชวนพี่ไปฉลองคริสมาสด้วยกันพอดีจงอินตอบออกไปอย่างเรียบๆ แต่สายตาพลันเหลือบไปมองคู่กัดตัวแสบเป็นการะเยาะเย้ยว่าคราวนี้ต้องมาแข่งกันหน่อยแล้วล่ะ ว่าพี่แบคฮยอนจะเลือกใคร

     

     

     

    เห็นไหม ! ถ้าผมไม่ไปดักรอแล้วขอพี่ก่อน จงอินมันต้องมาตัดหน้าผมแน่ๆ แต่ก็พี่ก็ไม่ตอบตกลงผมสักที”  จื่อเทารัวภาษาเกาหลีสลับกับภาษาบ้านเกิดจนคนฟังถึงกลับมึน จงอินยกมือขึ้นมาอุดหูเหมือนรู้งาน

     

    เงียบไปเลยไอ้จื่อเทา ใครว่าพี่แบคฮยอนจะตอบตกลงแกวะ

     

     

     

    ยังไงพี่แบคฮยอนก็ต้องตอบตกลงฉัน เพราะฉันขอก่อนแก

     

     

     

    ตรรกะโง่เง่า ของแบบนี้อยู่ที่ใจพี่แบคฮยอนเว้ย ว่าพี่เขาอยากไปกับใครมากกว่ากันจงอินเริ่มโต้เถียงกับจื่อเทาอีกครั้ง โดยมีเจ้าตัวท็อปปิคนั่งคั่นกลางของทั้งคู่

     

     

     

    ยังไงก็ไม่ใช่แกแน่ๆ คิมจงอิน

     

     

     

    ไม่ใช่แกนั่นแหละ หวางจื่อเทาไอ้แพนด้าชิงเต่า

     

     

     

    งั้นมาตัดสินเลยมา ว่าพี่แบคฮยอนจะไปกับใคร !

     

     

     

     

     

     ห้ะ !? ตัดสินอะไร  แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินการโต้ตอบของรุ่นน้องทั้งสองคน เหมือนว่าจะเห็นเคล้าความวุ่นวายลางๆ ยังไงไม่รู้แฮะ

     

     

     

    แข่งกินไอศกิมตอนหน้าหนาวนี่แหละ ! มาดูกันว่าใครจะกินได้เร็วกว่ากัน ใครเสร็จก่อน ได้ไปฉลองคริสมาสกับพี่แบคฮยอนจื่อเทายื่นข้อเสนอให้จงอิน

     

     

     

    ตกลง ! ใครชนะได้พี่แบคฮยอน

     

     

     

    หา !!! บยอนแบคฮยอนยังไม่ตอบตกลงเลยนะเว้ย ! มาตกลงเออออกันเองแบบนี้ได้ยังไง

     

     

     

     

     

    พี่แบคฮยอนต้องไปเป็นกรรมการ หลังเลิกชมรมเจอกันร้าน be sweet on”

     

     

     

     

     

    ได้ ไม่มีปัญหา !!

     

     

     

     

     

     

     

    เออ เอาเข้าไป ... พวกแกไม่มีปัญหา แต่บยอนแบคฮยอนมีเว้ย ! เรื่องมันวุ่นวายจริงๆ ด้วย

     

     

     

     

     

     

     

    เนื้อหอมจริงๆ แฮะคนที่หลังโปร่งแสงอยู่ด้านหลังแบคฮยอนเอ่ยลอยๆ พลางดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มด้วยท่าทางยียวน

     

     

     

     

     

    ก็ไม่ได้อยากเนื้อหอมหรอกนะ ได้ยินแล้วรีบมาแบบเป็นๆสักทีสิแบคฮยอนเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนจงอินและจื่อเทาต้องหยุดเถียงกันแล้วหันมามองตามอย่างุนงง

     

     

     

    พี่แบคฮยอนพูดกับผมหรอ ?” จงอินชี้มาทางตัวเองอย่างงงๆ แบคฮยอนได้แต่อ้ำอึ้ง ส่ายหัวเป็นพัลวัน

     

     

     

    งั้นพี่พูดกับไอ้จื่อเทาหรอ ?” จงอินเบนนิ้วไปทางจื่อเทาที่นั่งหน้าอึนเช่นกัน

     

     

     

    ปะ..เปล่า ไม่ได้พูดกับใคร พะ .. พี่ซ้อมบท เนี่ย !มือเล็กรีบชูกระดาษปึกใหญ่ในมืออย่างตะกุกตะกัก

     

     

     

    อา ผมก็นึกว่าพี่พูดกับพวกผมจงอินและจื่อเทาพยักหน้าตามอย่างว่าง่าย และเชื่อว่านั่นคือบทละครที่รุ่นพี่กำลังท่องอยู่จริงๆ แต่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามันไม่ใช่ ...

     

     

     

     

     

    เหมือนเสียงหัวใจของเรือนร่างโปร่งแสงกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ถ้าไม่ได้คิดไปเอง .. ประโยคนั้นของแบคฮยอนมันเหมือนเป็นประโยคโต้ตอบกลับเขาอย่างไงอย่างงั้น ปาร์คชานยอลไม่ได้หูฝาดใช่ไหม ? ปาร์คชานยอลไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรอนะ ? แต่ถ้าจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอ

     

     

     

     

     

    ในเมื่อประโยคนั้นมันดูชัดเจนมากทีเดียว ... แต่มันยังมีอยู่หลายเหตุผลที่ทำให้ปาร์คชานยอลไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง

     

     

     

     

     

    หนึ่ง .. แบคฮยอนมองไม่เห็นเขา

     

     

     

    สอง .. เมื่อมองไม่เห็นก็คงไม่สามารถได้ยินถึงเสียงเขาได้

     

     

     

    สาม .. ตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมา แบคฮยอนไม่มีท่าทีว่าจะสามารถสื่อสารกับเขาได้เลยน่ะสิ

     

     

     

     

     

    หรือว่าปาร์คชานยอลจะคิดไปเองอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      Accident love

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

              

     

                แบคฮยอนถูกลากมาถึงคาเฟ่เล็กๆใกล้โรงเรียนของเขาจนได้ จงอินและจื่อเทากักตัวเขาไม่ให้หนีกลับบ้านอย่างที่ใจต้องการ ทั้งคู่จับเขานั่งอีกฝั่งส่วนตัวก็แย่งกันนั่งตรงข้ามเขาซึ่งแบคฮยอนเห็นแล้วก็เพลียไม่น้อย .. ในโรงเรียนก็กัดกัน ออกมาข้างนอกก็ยังกัดกันอีก ถามคนกลางอย่างบยอนแบคฮยอนไหม ว่าเหนื่อยหรือเปล่า

     

    -0-

     

                “รับอะไรดีครับเสียงทุ้มเอ่ยถามตามหน้าที่ก่อนจะวางเมนูเล่มโตให้ตามจำนวนลูกค้า

     

     

     

                “มีไอศกรีมอะไรแนะนำบ้างครับจงอินรีบเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น เป้าหมายของเขาและจื่อเทาคือมาแข่งกินไอศกรีมกัน !

     

     

     

                “ก็แนะนำทุกรสแหละครับ ไม่อร่อยก็คงไม่ทำขายพนักงานหนุ่มตอบอย่างยียวนตามนิสัยด้วยท่าทางนิ่งเรียบจนคนฟังรู้สึกเส้นขมับกระตุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยความที่คิมจงอินก็เป็นคนที่ไม่ใช่ใครจะมากวนตีนได้ง่ายๆ จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองออกไปอย่างยียวนไม่แพ้กัน

     

     

     

                “แล้วถ้าไม่อร่อย คุณให้พวกผมกินฟรีไหมครับลอยหน้าลอยตาตอบกลับ แต่ก็ไม่ได้สร้างความสะทกสะท้านให้แก่พนักงานคนนั้น แบคฮยอนเห็นท่าทางเริ่มไม่ดีจึงปรามรุ่นน้องเบาๆ

     

     

     

                “จงอินไม่เอาน่าคนตัวเล็กขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหัวปรามรุ่นน้องก่อนจะรีบสั่งเมนูแก่พนักงาน

     

     

     

                “งั้นขอเป็นไอศกรีมรสช็อกโกแลตสองที่แล้วกันครับแบคฮยอนเงยหน้าสั่งรายการของหวานพร้อมกับยิ้มส่งไปให้ ทันทีที่ได้เห็นพนักงานคนนั้นก็ต้องชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบหลบสายตาที่จ้องมองมา

     

     

     

                พนักงานร้านนี้หล่อไปไหมนะ หน้าตาดีเกินไปแล้ว

     

     

     

                “รอสักครู่ครับ

     

     

     

                หลังจากที่พนักงานคนนั้นเดินออกไป จงอินก็สั่งเสียงฮึดฮัดแสดงท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด นั่งกอดอกยู่หน้ามองรุ่นพี่ที่แอบปลื้มไม่วางตา

     

     

     

     

     

                “พี่เขินหมอนั่นหรอ ? เขินทำไมฮะ

     

     

     

                “เฮ้ย พี่เปล่านะแบคฮยอนเบิกตากว้างรีบปฏิเสธพัลวัน เขาก็แค่เห็นว่าหล่อเกินพนักงานก็เท่านั้น ไม่ได้เขินไม่ได้รู้สึกชอบเสียหน่อย ._.

     

     

     

                “งั้นก็แล้วไปจงอินพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย

     

     

     

                “พูดอย่างกับพี่แบคฮยอนเป็นแฟนแกงั้นแหละ เขาจะมองใครมันเรื่องอะไรของแกไหมจงอิน

     

     

     

                “โถ่ อย่ามาทำเป็นพูดดี ฉันรู้ว่าแกก็ไม่ชอบใจไอ้หมอนั่นหรอกเป็นอีกครั้งที่จงอินและจื่อเทาเริ่มโต้เถียงกันด้วยประเด็กของแบคฮยอน

     

     

     

                “แต่ฉันก็ไม่ได้ทำกร่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่แบคฮยอนเหมือนแกเว้ย

     

     

     

                “อยากทำแต่ทำไม่ได้มากกว่ามั้ง ? เหอะจื่อเทาจ้องมองจงอินเขม่งเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ดวงตาเฉียวดูเกรี้ยวโกรธขึ้นมาเล็กน้อย แบคฮยอนได้แต่นวดขมับอย่างเหนื่อยใจ

     

     

     

     

     

                “ไอศกรีมได้แล้วครับถ้วยไอศกรีมสองถ้วยถูกวางเสริฟ์บนโตเป็นการห้ามสงครามที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น แบคฮยอนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าการโต้เถียงเมื่อครู่

     

     

     

     

     

                เขาเลื่อนถ้วยไอศกรีมไปตรงหน้าของทั้งคู่ เริ่มเลย

     

     

     

                จงอินและจื่อเทารับถ้วยไอศกรีมมาแล้วรีบจ้วงเนื้อไอศกรีมใส่ปากอย่างไม่ยั้ง จังหวะของทั้งคู่แทบจะเป็นจังวะเดียวกัน จนมองไม่ออกมาใครนำใครตามหลัง .. แบคฮยอนก็ไม่ได้อยากให้แข่งกันหรอกนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ตั้งใจปฏิเสธทั้งคู่อยู่ดี

     

     

     

     

     

     

     

                คริสมาสปีนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เขาคนนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ปล่อยให้สองคนนั้นแข่งกันต่อไป ส่วนคนที่มานั่งเป็นกรรมการอย่างเขาก็ได้แต่ถอนหายใจเหม่อมองออกไปด้านนอกกระจกใสที่ติดกับโต๊ะของเขา

     

     

     

                ท้องฟ้ามืดสลัวเร็วกว่าในเวลาปกติทั้งๆ ที่ตอนนี้เพิ่งเวลาหกโมงเย็นนิดๆ แสงไฟจากรวงร้านตามข้างทางถูกเปิดเพื่อใช้ส่องสว่างไสว และยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง แสงไฟต่างๆจึงมีหลากหลายสีตามที่แล้วแต่ร้านนั้นๆจะประดับตกแต่ง อุณหภูมิที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมาเป็นเหมือนสัญญาณว่าหิมะแรกใกล้จะมาถึง

     

     

     

     

     

    เขานึกถึงคำบอกเล่าเกี่ยวกับหิมะแรกของปีพลางมองผู้คนด้านนอกเดินสวนกันไปมาอย่างเงียบๆ

     

     

     

     

     

    ...เหมือนจะเป็นแบบนั้นแต่ก็ไม่ใช่

     

     

     

     

     

                หากคำร่ำลือที่ว่า...ถ้าได้อธิฐานขอพรจากหิมะแรกที่ร่วงหล่นลงในปีนั้นๆ จะสมหวังตามที่อธิฐานคือเรื่องจริง บยอนแบคฮยอนคนนี้ก็อย่างจะลองอธิฐานสักครั้ง

     

     

     

     

     

                ดวงตาสวยจ้องมองทะลุผ่านกระจกบานใสเข้าไป กระจกที่สะท้อนทั้งภาพด้านนอกและสะท้อนเงาสิ่งที่อยู่ด้านใน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    รีบมาปรากฏตัวจริงๆ ต่อหน้าฉันสักทีสิ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Chanyeol’s side

     

     

     

     

     

    เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกแบบนี้ .. ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองมาที่ผมใช่ไหมครับ มันเหมือนมากจริงๆ แต่ผมไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่า แบคฮยอนรับรู้ว่ามีผมอยู่ตรงนี้

     

     

     

    ผมมองแบคฮยอนที่สะท้อนในกระจกหน้าต่าง สายตาคู่นั้นมองออกไปยังด้านนอก แต่ถ้าหากได้มองดีๆแล้ว จุดโฟกัสของสายตาคู่นั้นกลับไม่ได้อยู่ด้านนอกอย่างที่คิด ผมมองเห็นตัวเองในกระจกบานนั้นเช่นกัน มันสะท้อนตัวผมที่นั่งซ้อนหลังแบคฮยอนอยู่ เราทั้งคู่สบตากันผ่านกระจกบานนั้น

     

     

     

    สายตาของเขาเหมือนต้องการจะสื่อสารกับผม ดวงตาสวยนั้นมองมาอย่างมีความหมาย

     

     

     

     

     

    ถ้าหากว่าแบคฮยอนมองมาที่ผมจริง รับรู้ว่ามีผมอยู่ตรงนี้ ... ผมจะขอแสดงความรู้สึกตัวเองออกไปได้ไหม

     

     

     

     

     

    ถึงความจริงแล้วแบคฮยอนอาจจะมองไม่เห็นผมก็ตาม

     

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนหัวใจผมเริ่มสั่งให้ร่างกายขยับไปตามที่ใจคิด ผมรู้ว่าสิ่งที่ทำอาจจะส่งไม่ถึงความรู้สึกของแบคฮยอน แต่...ขอแค่สักครั้งที่จะได้ทำแบบนี้ ให้ผมได้ส่งความรู้สึกออกไปเถอะนะครับพระเจ้า

     

     

     

     

     

    ผมสวมกอดจากด้านหลังเข้าที่เอวเล็กของคนน่ารัก อุ่นไอจากรอบตัวแบคฮยอนทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก นานแล้ว .. ที่ผมไม่ได้สัมผัสถึงไออุ่นจากผู้คน หลังจากที่พบว่าตัวเองกลายเป็นแบบนี้ แบคฮยอนเป็นคนแรกที่ผมได้สัมผัส

     

     

     

     

     

    ผมมองภาพสะท้อนในกระจกใบหน้าของผมกับเขาห่างกันเพียงแค่นิดเดียว ผมเคยคิดว่าถ้าเกิดได้สัมผัสแก้มใสๆนั่น จะรู้สึกดีแค่ไหนนะ .. แล้วริมฝีปากแดงช่ำเหมือนลูกเชอร์รี่นั่นล่ะ จะหวานเหมือนกันไหม

     

     

     

     

     

    มันเป็นเพียงความคิดผมในตอนแรกที่เราได้พบกันและตอนนี้มันก็กลับมาอีกครั้ง และถ้าเกิดผมจะทำตามใจตัวเองจนถึงที่สุด .. ก็คงไม่ว่าใช่ไหมครับพระเจ้า

     

     

     

     

     

    แบคฮยอน .. ฉันรู้ว่านายอาจไม่ได้ยิน แต่ฉันอยากพูดมันออกไปผมมองผ่านกระจกเข้าไปในดวงตาของเขา

     

     

     

     

     

    เหมือนมากจริงๆ เหมือนว่าเขากำลังมองกลับมาและตั้งใจฟังที่ผมพูด

     

     

     

    ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ฉันทำตามใจตัวเองแบบนี้ นายอาจะไม่ชอบถ้าหากได้รู้ แต่ฉันห้ามมันไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ .. ถ้าหากฉันไม่เป็นแบบนี้ มันก็คงจะดีกว่านี้สินะแบคฮยอนแม่มริมฝีปากเข้ามาหากัน หลุบต่ำลงและส่ายหัวเล็กน้อย .. หัวใจผมเหมือนจะเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวกระตุ้นให้ผมยิ่งพูดสิ่งที่อยู่ข้างในออกไป

     

     

     

     

     

    มันอาจจะฟังดูบ้า ที่คนเพิ่งรู้จักกัน .. ไม่สิ ที่ฉันเพิ่งรู้จักนายฝ่ายเดียว แต่กลับเหมือนจะเป็นบ้าทุกครั้งที่มีคนเข้าใกล้นาย หงุดหงิด ไม่พอใจทุกครั้ง ฉันมันนิสัยไม่ดีใช่ไหมแบคฮยอน

     

     

     

     

     

     

     

    ผมกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ถึงมันจะไม่เป็นผลให้เขารับรู้ถึงสัมผัสของผมได้ แต่ความรู้สึกของผม พระเจ้าช่วยส่งให้ถึงเขาด้วยเถอะนะครับ

     

     

     

     

     

     

     

              “ฉันมันนิสัยไม่ดีที่หลงรักนายจนบ้าแบบนี้

     

     

     

     

     

     

     

                “รักจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว..ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง นายถึงจะเห็นฉันและได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ฉันต้องทำยังไงช่วยบอกทีแบคฮยอน

     

     

     

                ผมซุกหน้าลงบนไหล่บางอย่างอ่อนล้า ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไรกับความรักที่มันผิดที่ผิดเวลาแบบนี้ .. มันไม่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงที่ผมมีสภาพแบบนี้ ไม่ควรเลยสักนิด

     

     

     

     

     

                แต่มันก็ห้ามไม่ได้และผมก็ไม่คิดจะห้ามความรู้สึกตัวเองเช่นกัน

     

              

     

     

     

     

     

     

     

                ถ้าหากขอพรได้หนึ่งข้อต่อพระเจ้า ... ผมอยากจะข้อให้ความรักของผมครั้งนี้ หากมีหนทางใดที่จะเชื่อมมันเข้าไว้ด้วยกันและรับรู้ถึงกันได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ได้โปรดประธานพรนี้ให้ปาร์คชานยอลด้วยเถอะครับ

     

     

     

     

     

              

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ร่างบอบบางกระชับผ้าพันคอหนาให้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อกันความหนาวที่กำลังตีปะทะอยู่ตอนนี้ บยอนแบคฮยอนเดินไปตามถนนสายยาวที่เชื่อมทางไปยังจุดหมายหนึ่ง

     

     

     

                เขาแยกกับจงอินและจื่อเทาได้สักพักแล้วหลังจากที่ตัดสินใจปฏิเสธทั้งคู่ก่อนที่ไอศกรีมในถ้วยจะหมดลง รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ปฏิเสธความรู้สึกดีๆของทั้งคู่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อหัวใจของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อสองคนนั้น ..หากแต่ทั้งคู่ก็ยังคงเป็นรุ่นน้องที่น่ารักของเขาอยู่เสมอ ถึงเขาจะปฏิเสธแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีโวยวายอย่างที่ชอบทำ กลับยอมรับอย่างว่าง่าย ทำให้แบคฮยอนโล่งใจในจุดนี้

     

     

     

                เรียวขาเล็กก้าวเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพียงลำพัง แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกหว้าเว่หรือปล่าวเปลี่ยวในใจที่มองไปยังผู้คนรอบข้างที่มักเดินสวนทางมาเป็นคู่ แบคฮยอนกลับยิ้มออกมาได้

     

     

     

     

     

              เพราะในเมื่อเขาไม่ได้เดินคนเดียวสักหน่อยนิ

     

     

     

     

     

     

     

                ปลายเท้าหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงปุยสีขาวบางเบา แบคฮยอนยื่นมาออกจากเสื้อโค้ชที่สวมใส่อยู่มารองรับละอองหิมะสีขาวนวลเหล่านั้น

     

     

     

     

     

    อา ... หิมะแรกของปี หิมะก่อนคริสมาส

     

     

     

     

     

                เขาก้าวเท้าเดินต่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่เป็นตึกใหญ่ตระหง่าสูง เดินเข้าไปด้านในเลี้ยวตามทางอย่างคุ้นเคย

     

     

     

     

     

                “สวัสดีคะคุณบยอน

     

     

     

                “สวัสดีครับแบคฮยอนโค้งตัวทักทายพยาบาลคนหนึ่งที่เอ่ยทักเขาตรงหน้าโรงพยาบาล

     

     

     

     

     

                ดูไม่ผิดหรอก .. ที่ๆบยอนแบคฮยอนกำลังยืนอยู่คือโรงพยาบาลในเครือของครอบครัวเขาเอง ไม่ต้องแปลกใจหากจะมีพยาบาลหรือแม้แต่หมอมากหน้าหลายตาต่างเอ่ยทักทายเขาตลอดทางเดินไปจุดหมายปลายทางที่แท้จริง

     

     

     

                ขาเรียวหยุดสนิทตรงหน้าประตูสีขาวสะอาดหมายเลข 502 เขาไม่กล้าที่จะเปิดเข้าไปอย่างที่ใจอยากจะกระทำ ทำได้เพียงมองผ่านช่องกระจกของประตูที่สามารถเห็นด้านในได้เพียงเล็กเท่านั้น

     

     

     

                เขายืนมองอย่างนั้นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหันไปทางด้านหลังที่เขารู้มาตลอดว่า มีใครอีกคนผูกติดอยู่กับเขา

     

              

     

     

     

    ใบหน้าขาวใสเช่นเดียวกับคนที่นอนอยู่ในห้อง 502 ที่เขาเฝ้ามองเมื่อครู่กำลังจ้องมองตรงมาทางเขาเหมือนกำลังลุ้นอะไรบางอย่างจนเขาต้องหลุดยิ้มออกไปเล็กน้อย พาขาตัวเองก้าวไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้า

     

     

     

     

     

                ชานยอลจ้องมองร่างบอบบางที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาเหมือนกับว่าเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ไม่จริงมั้ง เป็นไปไม่ได้ ...

     

     

     

     

     

              เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นถี่มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมือเรียวเล็กยื่นมาหยุดอยู่ที่ข้างแก้มเขา ก่อนจะลูบไล้อย่างแผ่วเบา ปาร์คชานยอลสัมผัสได้ถึงความอุ่นของอุ้งมือนี้

     

     

     

     

     

     

     

              บอกเขาทีว่านี่คือพรที่พระองค์ท่านประธานให้ปาร์คชานยอลคนนี้แล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “ช่วยมายื่นตรงหน้าฉัน ให้ฉันได้สัมผัสนายได้จริงๆสักทีเถอะนะปาร์คชานยล

     

     

     

     

     

     

     

              ถือว่านี่คือคำอธิฐานต่อหิมะแรกของบยอนแบคฮยอนคนนี้ด้วยเถอะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

         - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      Accident love 

        - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ตุ้บ

     

     

     

                “โอ้ย !เป็นเหมือนทุกเช้าที่บยอนแบคฮยอนต้องตื่นด้วยอาการระบมเพราะตกจากเตียงนอน หากแต่วันนี้มันมีอะไรที่ผิดแปลกไปสักหน่อย ตรงที่ไม่มีเสียงของใครบางคนมากระซิบปลุกเขาอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านอีกแล้ว

     

     

     

     

     

                แบคฮยอนขยี้ดวงตาเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาตรงฝาผนังที่บ่งบอกเวลาเกือบจะเก้าอยู่ร่อมร่อแล้ว และเป็นเหมือนทุกครั้งที่คนตัวเล็กต้องเร่งรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปทำธุระในห้องน้ำให้เสร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลาที่กำหนด

     

     

     

     

     

                เขาใช้เวลาได้อย่างประหยัดที่สุด ประหยัดกว่าทุกวันที่ผ่านมา ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกหมาดลู่ลงตามรูปทรงของศีรษะ แต่เจ้าของเรือนผมกลับสนใจไม่ เขารีบคว้าเสื้อผ้าใส่อย่างเร่งรีบอีกเช่นเคย แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ

     

     

     

     

     

                แบคฮยอนเดินไปทางโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะเปิดลิ้นชักแล้วนำไดท์เป่าผมออกมาเสียบปลั๊กและจัดการทำผมให้แห้ง ... ตอนนี้เขาไม่ใครคอยช่วยเตือนในเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้แล้ว ก็มีแต่ตัวเขานี่แหละที่ต้องจำให้ได้เอง

     

     

     

     

     

                จัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเก้าโมงเศษถึงได้ฤกษ์ออกจากรั้วบ้านเพื่อเดินทางไปโรงเรียนเสียที

     

     

     

     

     

                แบคฮยอนเดินไปตามถนนสายยาวอย่างไม่เร่งรีบถึงแม้จะล่วงเลยเวลาเข้าเรียนมาได้สักพักใหญ่แล้ว เขากลับเดินชื่นชมบรรยากาศในช่วงเทศกาลคริสมาสที่ตามรวงร้านต่างๆได้ประดับตกแต่งไว้

     

     

     

                เขาชอบกลิ่นอายความสุขช่วงเทศกาลเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนแต่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนหยุดเดินเมื่อเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กสองคนกำลังโกยหิมะจากพื้นทางเดินแล้วเริ่มปั้นเป็นตัวสโนว์แมนอย่างเก้ๆกังๆ แต่ก็ดูมีความสุข เขานั่งยองๆ มองเด็กทั้งคู่อย่างยิ้มๆ แถมยังช่วยปั้นให้มันดูเป็นตัวสโนว์แมนมากขึ้นด้วย เมื่อเสร็จแล้วเขาก็โบกมือลาเด็กน้อยทั้งคู่ก่อนจะก้าวเดินต่อไป

     

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก / ตึก ตึก ตึก

     

     

     

     

     

    เสียงกระทบของรองเท้าดังประสานกันเหมือนกับว่ากำลังมีใครบางคนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่แบคฮยอนหาได้หวาดกลัวไม่ เขายังคงก้าวเดินต่อไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นเล็กๆ

     

     

     

    ไม่เห็นว่ามีอะไรที่ต้องกลัวเพราะบอยนแบคฮยอนก็ไม่เคยเดินคนเดียวอยู่แล้วนี่หน่า .. จริงไหม

     

     

     

    แต่ก่อนที่เขาจะถึงโรงเรียน แบคฮยอนได้หยุดฝีเท้ากระทันหันแล้วพลิกตัวหันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเล็กๆผุดเป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาตรงหน้านี้

     

     

     

     

     

     

     

    เขาเคยคิดอยู่ว่าถ้าหากได้พบหน้ากันอย่างจริงจังและตัวเป็นๆ เขาจะทำตัวยังไงนะ ?

     

     

     

     

     

    จะรู้สึกดีมากแค่ไหน หรือ จะเขินจนไม่กล้าสบตาเลยกันแน่ ...

     

     

     

     

     

    แต่เวลานี้เขาได้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เขาไม่ได้เขินหรือรู้สึกดีอย่างที่เคยคิด หากแต่เขามีความสุขมากเลยต่างหากที่ได้สัมผัสคนตรงหน้าอย่างจริงๆเสียที

     

     

     

     

     

    ทำอย่างนี้เดี๋ยวก็หาว่าเป็นสโตเกอร์ซะหรอก

     

     

     

     

     

    ก็มันเคยชินนี่แบคฮยอนหัวเราะกับคำพูดของคนตรงหน้าจนเขารู้สึกว่าหน้าตัวเองต้องบานเป็นกระด้งมาแน่ๆ

     

     

     

     

     

    เอ่อ ...

     

     

     

    “ ?? ” คนตัวแล็กเอียงคอมองเป็นเชิงถามอย่างน่ารักว่าอีกมีอะไรจะพูดไหม

     

     

     

    นายต้องเข้าเรียนสินะ

     

     

     

     

     

    ก็คงต้องเป็นแบบนั้น

     

     

     

    เอ่อ ...เป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าเกิดอาการอ้ำอึ้งจนแบคฮยอนหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย

     

     

     

     

     

    ไม่พูดฉันเข้าโรงเรียนแล้วนะแบคฮยอนอมยิ้มล้อเลียนก่อนจะทำท่าหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินเข้าโรงเรียนจริงๆ เร่งให้คนที่มัวอ้ำอึ้งต้องเอ่ยคำพูดรั้งออกไป

     

     

     

     

     

     

     

    อาการประหม่ามีมากกว่าที่เคยคาดคะเนไว้อีกแฮะ .. เขาเคยคาดคะเนไว้ว่าถ้าหากได้มีโอกาสมาเจอกันด้วยร่างกายที่ปกติ เขาคงจะประหม่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่นี่ ... มันเกินกว่าที่เขาคาดคะเนไว้เยอะ ยิ่งได้เห็นใบหน้าหวานใสของคนตรงหน้าแล้ว ไอ้อาการอ้ำๆอึ้งๆก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

     

     

     

     

     

     

     

    เดี๋ยวก่อน ! เย็นนี้ไปฉลองคริสมาสกับฉันนะแบคฮยอนเขาตัดสินใจพูดออกไปและลุ้นให้อีกคนตอบรับเขากลับในคำตอบที่ต้องการด้วยเถอะเพราะเขารอเวลานี้มานานมากแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    รอเวลาที่จะได้อยู่กับบยอนแบคฮยอน ได้พูด ได้สัมผัส ได้อยู่ในสายตาของคนตัวเล็กคนนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฉันก็รอนายชวนมาตั้งนานแล้วนะปาร์คชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

    รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่ก่อนที่กลายเป็นเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เพียงแค่พวกเขาเชื่อในแรงอธิฐาน เชื่อในความรู้สึกของตัวเองและที่มีให้ต่อกัน หนทางที่ดูเหมือนจะไม่มีวันเป็นไปได้ก็สารมารถมาบรรจบกันได้อีกหน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     F l a s h B a c k

     

     

     

     

     

     

     

    Baekhyun’s side

     

     

     

     

     

    อาจดูว่าเหมือนเรื่องเพ้อเจ้อ แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับที่ผมได้รับรู้ มันไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเลยแม้แต่น้อย เรื่องที่ว่าเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้าวันคริสมาส

     

     

     

    มันเริ่มจากวันที่ผมได้ออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายหลังจากสอบกลางภาคเสร็จ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับเรื่องพรรคนี้เช่นกัน ตัวผมในตอนนั้นที่กำลังรอเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง ได้เห็นคู่รักคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงเลยก็ว่าได้ ฝ่ายชายดูเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับคำพูดของฝ่ายหญิง ทั้งคู่ยืนยืดยื้อกันอยู่สักพัก ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะโยนบางสิ่งใส่อีกคนแล้วเดินจากไป

     

     

     

    ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่ไปมองคนอื่นทะเลาะกันทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ทว่าในวินาทีแรกที่ผมได้เห็นผู้ชายคนนั้น ผมกลับละสายตาไม่ได้เลย เขาดูโศกเศร้าเลือนลอยผิดกลับใบหน้าขาวใสที่ดูเป็นคนร่างเริงนั่น .. ผมมองเขาอยู่สักพักจนสัญญาณไฟเขียวได้เปลี่ยนเป็นสีแดงและขึ้นสัญลักษณ์เป็นคนเดิน ผมถึงได้ละสายตาจากเขาและเดินหน้าเพื่อไปยังจุดหมายของผม

     

     

     

    และผมคิดว่าเราอาจจะได้เดินสวนกัน หากเขาคนนั้นข้ามถนนมา

     

     

     

    แต่เรื่องที่คิดว่าน่าจะเป็นไปแบบนั้น มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพียงแค่พริบตาเดียวเสียงวี้ดร้องก็ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามทันที ผมเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกผู้คนรอบข้างต่างพากันเข้าไปรุมดูเหตุการณ์

     

     

     

    ผู้ชายคนนั้น ... ผู้ชายคนนั้นนอนจมกองเลือดอยู่ริมฟุตบาทและห่างออกไปก็มีชิ้นส่วนของรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่คว่ำอยู่พร้อมกับเจ้าของรถ เดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้ถูกรถชน

     

     

     

     

     

    ผู้คนรอบข้างผมต่างพากันตื่นตระหนกจนไม่มีใครนึกถึงว่าต้องเรียกรถพยาบาล ผมจึงตัดสินใจกดเบอร์โทรที่คุ้นเคยออกไป

     

     

     

     

     

    ช่วยมาตรงถนนฮงอิกพร้อมรถพยาบาลและเครื่องมือช่วยหายใจด่วนเลยนะครับโรงพยาบาลในเครือของครอบครัวผมอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเท่าไหร่นัก

     

     

     

     

     

    ผมคิดว่าอีกสักพักรถพยาบาลพร้อมแพทย์ก็คงจะมาถึง แต่ไม่รู้ทำไมในใจผมกลับรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก รอเพียงช่วงครู่เสียงไซเรนของรถพยาบาลก็มาถึง

     

     

     

    บุรุษพยาบาลช่วยกันห่ามคนเจ็บทั้งสองคนขึ้นรถพยาบาลอย่างรวดเร็ว ผมเดินเข้าไปหาพยาบาลแถวนั้นที่ติดมากับรถด้วย เพื่อพูดอะไรบางอย่าง

     

     

     

    คุณพยาบาลครับ

     

     

     

    คะ ? อ้าว คุณบยอนแบคฮยอนพยาบาลโค้งทักทายผมด้วยความแปลกใจ

     

     

     

    เอ่อ ผมฝากคนเจ็บด้วยนะครับ ช่วยติดต่อญาติของเขาแล้วก็ให้เขาพักรักษาอย่างดีที่สุดนะครับ

     

     

     

    ได้คะ คุณแบคฮยอนรู้จักกับคนเจ็บใช่ไหมคะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ไม่ครับ ผมไม่รู้จักเขา

     

     

     

     

     

    น่าแปลกที่ผมไม่รู้จักเขาเลยแม้แต่นิด แต่กลับรู้สึกเป็นห่วงและกังวลอยู่ไม่น้อยว่าเขาจะปลอดภัยไหม อาจะเป็นเพราะผมได้มองเขามาสักพักก่อนหน้านี้จนเหมือนรู้สึกคุ้นกันก็เป็นได้

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลต่อไป รถพยาบาลได้พาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ก็สบายใจไปได้เปราะหนึ่ง ผู้คนที่รายล้อมเมื่อครู่ก็กระจายตัวหายไปตามสถานการณ์ที่จบลง ตัวผมก็กลับมาสู่ปกติเดินเพื่อไปทำธุระอย่างอื่นตามที่คิดไว้ในตอนแรก

     

     

     

    ผมกลับมายืนรอสัญญาณไฟจราจรอีกครั้งใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นสัญลักษณ์ให้คนข้ามถนนได้ เรื่องทั้งหมดมันจะไม่ดูเป็นการเพ้อเจ้อเลย หากแต่ไม่ได้เจอกับสิ่งต่อไปนี้

     

     

     

    ในวินาทีนั้นผมรู้ได้ทันทีเลยว่าขาผมแทบจะก้าวไม่ออก ปลายนิ้วมันช้าไปหมด สายตาผมจับจ้องอยู่ที่บุคคลหนึ่งที่อยู่อีกฝากของถนนที่ผมกำลังจะข้ามไป ใบหน้าขาวใสที่ดูคุ้นเคยหันมามองทางผมเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง

     

     

     

     

     

    ผู้ชายคนนั้น ... คนที่เพิ่งโดนรถชนเมื่อครู่ กำลังยืนอยู่ริมฟุตบาทแล้วมองมาทางผมเหมือนที่ผมกำลังจ้องมองเขาอยู่

     

     

     

     

     

    ตอนนั้นหัวสมองผมขาวโพลนไปหมด คิดแต่ว่านี่มันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ เรื่องแบบนี้มาเกิดขึ้นกับผมได้ยังไง

     

     

     

    ... ผู้ชายคนนั้นกลายเป็นวิญญาณไปแล้วหรอ แปลว่าเขาตายแล้วงั้นสิ ?

     

     

     

     

     

    เขายังมองมาที่ผมอยู่แบบนั้นและเหมือจะรู้หรือเปล่าว่าผมมองเห็นเขา  ไม่รู้อะไรดลใจในตอนนั้นให้ผมแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแต่ทำตัวปกติเหมือนไม่มีเกิดขึ้น

     

     

     

    อาจเป็นเพราะหัวสมองผมยังไม่ยอมรับกับเรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนี้ ผมก้าวเดินต่ออย่างยากลำบากและสัมผัสได้ว่ามีบางอย่ากำลังตามหลังผมอยู่ ผมกลืนน้ำลายอย่างเหนียวคอ

     

     

     

    ... จะบอกว่ากลัวก็ใช่ ตกใจก็ใช่อีก มีหลายความรู้สึกปะปนกันไป

     

     

     

     

     

     

     

    ฮาโหล นายเห็นฉันไหม?” ผมหยุดนิ่งเบิกตากว้างอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงในนาทีแรกที่ผู้ชายคนนั้นเอ่ยทักและถามว่าผมเห็นเขาไหม .. แปลว่าเขาก็ต้องรู้ตัวเองในระดับหนึ่งว่า ตัวเขาไม่ได้มีร่างปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไป

     

     

     

     

     

    ฉันชื่อปาร์คชานยอล นายเห็นฉันหรือเปล่า ช่วยบอกฉันทีว่าฉันเป็นอะไรไป ทำไมคนอื่นถึงมองไม่เห็นฉันแบบนี้ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจริงๆ เลยตัดสินใจเดินหน้าต่อ

     

     

     

     

     

    จะให้ผมหันหลับไปตอบว่าฉันบยอนแบคฮยอน ฉันเห็นนายนะอย่างนั้นนะหรอ ? ผมยังไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเป็นบ้านะ ถึงเรื่องนี้มันจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

     

     

     

     

     

    นายก็มองไม่เห็นฉันอีกคนหรอ .. เฮ่อ ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ทำไมฉันถึงออกห่างนายไม่ได้เลยนะ

     

     

     

    ดูดิ .. นายเดินไปไหน ขาฉันก็ก้าวตาม มันคืออะไรเนี่ย !ปาร์คชานยอลยังคงโวยวายอยู่ข้างๆหูผม แต่ผมต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

     

     

     

     

     

     

     

    นายไม่รู้แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะเว้ย !! ไอ้ผีโง่ -_-

     

     

     

     

     

    ตั้งแต่นั้นข้างตัวผมก็จะมีปาร์คชานยอลติดสอยห้อยตามไปทุกที่ ถึงแม้ตอนแรกผมจะรู้สึกเกร็งและไม่ชินอยู่บ้าง ใครมันจะไปชินได้วะ ที่มีผีมาอยู่ข้างๆ แบบนี้ .. บางทีผมก็คิดว่าควรจะหาวิธีทำให้ชานยอล กลับไปเป็นปกติหรือไม่ก็จุดธูปเรียกยมทูตมารับตัวไปก็สิ้นเรื่อง

     

     

     

     

     

    แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นเลยน่ะสิ .. จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเดือน ทุกอย่างทุกความรู้สึกของผมก็ได้เริ่มเปลี่ยนไป จากที่ไม่ชินก็กลายเป็นเคยชินและรู้สึกดีที่มีชานยอลอยู่ข้างๆ

     

     

     

     

     

    หมอนั่นไม่ใช่วิญญาณไม่เอาอ่าวหรือเป็นวิญญาณที่นิสัยไม่ดี ถึงแม้จะมีบางทีที่ชอบแกล้งผมก็ตาม ชานยอลคอยดูแลผมในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เขาสามารถทำให้ได้อย่างเช่นพวกกิจวัตรประจำวันที่บางอย่างผมอาจสะเพร่าหรือลืมไป

     

     

     

     

     

    ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนใจร้ายหรือเป็นคนโศกเศร้าเหมือนที่เห็นวันนั้น ชานยอลสดใสและร่าเริงเหมือนกับผมนี่แหละ บางอย่างที่เขาทำก็ทำให้ผมยิ้มได้จนบางครั้งเกือบหลุดว่าผมสามารถมองเห็นเขาได้

     

     

     

    บางทีผมก็อยากจะบอกออกไปนะ เพราะสายตาของเขาเวลาที่เผลอมองเข้าไป มันเหมือนมีความหวังอะไรบางอย่างที่ผมเองก็บอกไม่ถูก จากคนไม่รู้จักกลายเป็นวิญญาณติดตัว อาจดูแปลกไปหน่อย แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าผมรู้สึกดีไม่ใช่น้อย

     

     

     

     

     

     

     

    จนมันพัฒนากลายเป็นความรักความผูกพันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และผมคิดว่าชานยอลก็คงคิดเหมือนกันกับผม

     

     

     

     

     

    ผมอธิฐานในทุกๆคืนว่าขอให้เรื่องของผมกับชานยอลเป็นไปได้ด้วยเถอะ ขอให้ชานยอลกลับมาเป็นปกติ ถึงแม้ในตอนนั้นเขาอาจจะจำผมไม่ได้หรืออะไรก็ตามแต่ .. แต่ผมก็ยังอยากขอเรื่องนี้เป็นจริง

     

     

     

     

     

     

     

    ขอให้เราได้สัมผัสกันด้วยร่างกายแท้จริง

     

     

     

     

     

     

     

    และในวันนี้ก็มาถึง .. วันที่ผมและเขาได้เจอกันโดยไม่ใช่เป็นเพียงวิญญาณกับผู้ที่คอยให้อาศัย แต่เป็นผม .. บยอนแบคฮยอนและปาร์คชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเชื่อว่าถ้าเรามั่นคงต่อจิตใจของเรา และเชื่อมั่นว่ามันจะต้องเป็นไปได้ ไม่ว่าจะต้องเจออะไร เราก็สามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน

     

     

     

     

     

     

     

    เหมือนผมตอนนี้ไง

     

     

     

     

     

    E N D

     

     

    cinnamon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×