คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Since when #Minseok x Luhan *ต่อจาก Secret*
เวอร์ชั่นเดิมเป็นของอินฟินิทนะคะ #อีกแล้ว -_- 555555555555555555555555
เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Secret :’D
มาเสพดราม่า(?)กันเถอะค่ะ #ปย๊ง!
ความผิดครั้งนี้มันเริ่มจากตรงไหน มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
.. ผมรู้ตัวดี ..
แต่ความรู้สึกที่พยายามสกัดกลั้น มันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่
.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ..
กว่าผมจะรู้ตัว ผมก็เผลอทำร้ายเขาไปอย่างไม่น่าให้อภัย
-Since When-
บนโลกใบนี้มีสิ่งต่างๆ มากมายหลายอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่กับความรู้สึกของตัวเอง เป็นสิ่งเดียวที่คิดว่าต้องควบคุมให้ได้ . . ทำไมกัน มันถึงไม่เป็นอย่างที่วางไว้ . . เพราะว่าอารมณ์ของมนุษย์นั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะต้านทานสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างนั้นหรอ ? หรือเพราะมันเป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนๆหนึ่งอย่างเขา คนเห็นแก่ตัวอย่าง . . คิมมินซอก . .
ปึง
เสียงปิดประตูรถยนต์คันสวยดังขึ้นฝั่งตรงข้ามคนขับ เรียกให้คนที่จมอยู่ในห้วงความคิดหลุดออกมาสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ซูโฮนั่งเหลียวมองฝั่งคนขับอย่างนึกสงสัยอะไรบางอย่าง สายตาที่จับจ้องมินซอกราวกับมีคำถามมากมายในหัว แต่ก็ไม่พูดออกมาจนมินซอกเริ่มสตาร์ทรถและออกตัว
“เมื่อวานไปส่งพี่ลู่หานดีไหมฮะ” เสียงแรกที่เปล่งออกหลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วรถ
“ไม่ดี .. แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร”
“หรอฮะ .. ผมนึกว่ามันดีมากๆเลยซะอีก” ไม่ได้คิดไปเองว่าบรรยากาศระหว่างเขากับซูโฮมันดูผิดแปลกไปตั้งแต่คนตัวเล็กก้าวขึ้นมาบนรถ เป็นเพราะน้ำเสียงเรียบเฉยที่เขาตอบออกไปหรือเพราะคำพูดที่ดูเหมือนมีอะไรแอบแฝงของซูโฮ
.. มันเหมือนซูโฮกำลังระแคระระคลายอะไรบางอย่าง ..
“แล้วนายล่ะ ธุระที่ไปทำราบรื่นดีใช่ไหม”
“ไม่ดี .. ไม่ดีเอามากๆเลยฮะ มันแย่จนผมคิดไม่ถึง” ซูโฮหันมองฝั่งคนขับอีกรอบ สายตาแข็งกร้าวถูกส่งออกไปยังคิมมินซอก แต่ก็ได้แต่ส่งออกไปเพราะคิมมินซอกไม่ได้หันมามองเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมถึงแย่ละ”
“เพราะได้รับรู้อะไรที่คาดไม่ถึงมั้งครับ แต่ผมคิดว่าผมคงจัดการได้ .. มันคงจะดีขึ้น เร็วๆนี้” แค่คำว่าคาดไม่ถึงคำเดียว ทำเอามินซอกอยากจะหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น ..คิมมินซอกไม่ได้โง่ เขามั่นใจในระดับหนึ่งแล้วละว่า ซูโฮระแคระระคลายอะไรบางอย่างจริงๆ
“จัดการได้เร็วๆนะ พี่เอาใจช่วย”
“พี่คิดว่ามันจะจัดการได้ง่ายๆไหมละ”
“ไม่รู้สิ” มินซอกยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไรมาก ข้อมือหักพวงมาลัยรถให้เลี้ยวเข้าสู่เขตสถานศึกษาที่เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนกำลังเดินเข้าโรงเรียนในยามเช้า รถคันหรูค่อยๆแล่นผ่านทางเข้าอย่างไม่รีบร้อน
“ผมคิดว่า ถ้าจัดการกับตัวปัญหามันก็คงจะดีขึ้นได้ .. พี่คิดว่าไงฮะ”
“แล้วนายหาตัวปัญหาเจอแล้วหรอ”
“แน่นอนฮะ .. มันใกล้ตัวผมมากๆเลยละ” รอยยิ้มเหยียดปรากฏบนใบหน้าสวยของซูโฮ มินซอกเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะดับรถ เมื่อเข้าเทียบลานจอดรถของโรงเรียน
กริ๊ก
เสียงปลดสายเบลล์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่งสุดท้ายก่อนจะก้าวลงจากรถ
“วันนี้พี่รอรับผมตอนเย็นด้วยนะฮะ”
“ถ้าไม่ติดธุระนะ” มินซอกเท้าแขนไปกับพวงมาลัยเอียงคอมองคนรักชะโงกหน้าเข้ามามองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ในความคิดของเขา
“พี่มีธุระอะไร ? สำคัญมากกว่ามารับผมกลับบ้านหรอฮะ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรซูโฮถึงไม่พอใจเอามากๆอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ที่คิมมินซอกเหมือนจะปฏิเสธกลายๆในการมารับเขากลับบ้านในตอนเย็น .. สองครั้งแล้วที่ซูโฮ โดนมินซอกปฎิเสธ ..
“ก็ .. ไม่ได้สำคัญ”
“งั้นก็มารับผมด้วยนะฮะ” พูดแค่นั้น ก่อนจะเหวี่ยงประตูรถปิดอย่างแรงตามอารมณ์ขุ่นมัว ซูโฮเร่งฝีเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็วให้ออกจากบริเวณนั้น
.. ถ้าอยู่นานกว่านี้ เขาอาจควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ..
เขารู้ว่าธุระของมินซอกคงจะเกี่ยวข้องกับลู่หานเป็นแน่แท้ หึ . . ก็คนมันมีอะไรต่อกันนี่นะ มันจะเป็นคนอื่นไปได้ยังไง .. ยิ่งคิด ก็ยิ่งอยากจะทำลายสิ่งต่างๆให้มันพังลงไปต่อหน้า .. ถ้าคนที่มินซอกไปพัวพันด้วยไม่ใช่รุ่นพี่ที่เขาเคารพมากอย่าง เสี่ยวลู่หาน เขาคงทำอะไรให้มันเจ็บแสบมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ก็เพราะเป็นลู่หานอีกนั่นแหละ .. มันทำให้เขาอยากจะลองทำบางอย่างที่มันยิ่งกว่าเจ็บแสบ ..
เคยได้ยินไหม ยิ่งรักมากก็ยิ่งเกลียดมาก
มินซอกมองดูซูโฮเดินไปยังสุดสายตา ก่อนจะก้มลงชิดกับพวงมาลัยรถ สิ่งต่างๆที่ครุ่นคิดก่อนหน้าตีกลับเข้ามาในหัวสมองอีกครั้ง เรื่องของเขาและลู่หาน สิ่งที่ปกปิดเหมือนกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา คำพูดและท่าทางของคนรักอย่างซูโฮเป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า เรื่องนี้มันเริ่มจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าทำไมในใจเขา ถึงไม่อยากให้มันถูกเปิดเผย
ทั้งที่ๆ เรื่องนี้จะเปิดเผยออกมาเลยก็ได้ .. เรื่องที่เขามีความสัมพันธ์กับลู่หาน .. เพราะสิ่งที่เขาทำ ซูโฮก็ทำมันเหมือนกัน แต่เพราะอะไรบางอย่างมันทำให้เขารู้สึกกังวลในคำพูดของซูโฮ .. ซูโฮจะทำอะไร ? แล้วลู่หานจะเป็นยังไง ? ถ้าซูโฮรู้เรื่องเขากับลู่หาน
ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่อยากปล่อยมือจากลู่หาน ถ้าหากซูโฮรู้เข้าจริงๆ
มันคงเป็นความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยของคนเห็นแก่ตัวอย่างเขา ถึงแม้จะพยายามปกปิดแค่ไหน มันก็ได้แค่ในช่วงเวลาหนึ่งเพราะในความเป็นจริง .. เขาเองไม่เคยห้ามความรู้สึกนี้ได้เลย ..
“นายยังรักฉันอยู่อีกหรอลู่หาน”
“ถึงนายจะให้เป็นได้แค่นั้น .. ฉันก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ”
คำพูดเมื่อวานของลู่หานไหลเข้ามาในสมองอีกครั้ง เสี่ยวลู่หานไม่เคยเปลี่ยนใจ แต่ทำไมกลับเป็นเขาเองที่เปลี่ยนใจ .. ถ้าวันนั้นคือจุดเริ่มต้นและเขาเป็นคนที่จิตใจมั่นคงกว่านี้ก็คงดี
จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง
‘มินซอก มีสเปย์คลายกล้ามเนื้อมั้ยว่ะ’ เสียงแหบพร่าจากเพื่อนสนิทอย่างคิมจงแดเอ่ยถามถึงสิ่งของบางอย่างที่คิดว่าอีกคนน่าจะมี
‘ไม่มีว่ะ ของฉันหมด .. เดี๋ยวไปยืมพี่ชานยอลให้แล้วกัน’ พูดบอกจงแดเสร็จก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังกลุ่มที่อยู่ใกล้แสตนด์ เสียงพูดคุยหยอกล้อดังมาเป็นระยะๆ จากจุดที่ปาร์คชานยอลยืนอยู่ เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะมีเสียงหยอกล้อดังมาจากตรงนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ชินตาเมื่อปาร์คชานยอล ผู้จัดการทีมบาสของเขาอยู่กับคนรักของตัวเองอย่างพยอนแพคฮยอน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจกลับเป็นบุคคลที่ไม่คุ้นเคย .. เสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั้น .. จะเรียกว่าสะดุดตาก็ว่าได้
‘พี่ชานยอล .. มีสเปย์คลายกล้ามเนื้อมั้ย’ ปากก็พูดเอ่ยถามรุ่นพี่ แต่สายตากลับจับจ้องไปอีกบุคคลหนึ่งอยู่เสี้ยววินาทีก่อนจะหันไปพยักหน้าเป็นเชิงตอบให้แก่ชานยอล
‘มีๆ รอเดี๋ยวนะมินซอก’ พยักหน้าอย่างช้าๆแล้วเห็นมามองที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้ไล่ตั้งแต่ริมสุดมายังท้ายสุด .. รอยยิ้มบางกระตุกขึ้นเล็กน้อยเป็นเพียงเสี้ยวนาทีที่สบตา ก่อนใบหน้าจะปรับเป็นปกติเมื่อสิ่งที่ขอจากชานยอล ถูกยื่นมาตรงหน้า
‘อ่ะ .. เจอหล่ะ ฉันให้ไปเลยแล้วกัน มันใกล้หมดแล้วด้วย’ มินซอกพยักหน้ารับอีกครั้งแล้วก้มโค้งเป็นการขอบคุณให้แก่รุ่นพี่ แต่สายตานั้นก็ไม่วายปรายตาไปยังบุคคลนั้นอีกรอบ
ไม่รู้เพราะอะไร มันยากที่จะละสายตาจากคนๆนั้น .. ตกหลุมรักงั้นหรอ ..
‘ฉันรู้นะ นายแอบมองใคร’ ทันทีที่ยื่นสเปย์คลายกล้ามเนื้อให้คิมจงแด คำพูดเชิงรู้ทันของเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย .. แค่เวลาไม่นานที่เดินไปเอาสเปย์ จงแดกลับมองมินซอกได้ทะลุขนาดนั้นเลยหรือไง ? สายตาของเขามันสื่อออกขนาดนั้นเลยหรอ ?
‘รู้งั้นหรอ ? ‘
‘ก็ใช่นะสิ ฉันเป็นเพื่อนนายมากี่ปีแล้วคิมมินซอก’ มินซอกไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมากดเล่นฆ่าเวลารอลงสนามแข่ง
‘ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น’
‘แน่ใจนะ ? ฉันมีเบอร์ เอาป่ะ’ จงแดกระทุ้งศอกเบาๆ แล้วยักคิ้วให้เล็กน้อยอย่างยิ้มๆ เขาคบกับมินซอกมาตั้งนาน ดูก็รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดออกมานั้นมันไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกเท่าไหร่หรอก คิมมินซอกหนะ .. ชอบทำอะไรตรงกันข้ามกับความรู้สึกอยู่เรื่อย ..
‘ก็บอกว่าไม่ได้สนใจมากมาย’
‘หรอออออออออออออ’ ไม่รอช้าโฮวอนคว้าโทรศัพท์ของมินซอกมา แล้วกดอะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็วจนเจ้าของไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะตั้งตัวได้โทรศัพท์ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
จงแดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับมินซอกที่นั่งมองโทรศัพท์ในมือ เมื่อสิ่งที่อยู่ในคอนแทรคลิตท์กลับมีชื่อของใครบางคนเพิ่มเข้ามา
Suho<3
009-936xxxx
‘ไม่ต้องขอบใจฉันนะเพื่อน’ จงแดยิ้มกริ่มพร้อมกับหัวเราะน้อยๆให้แก่เพื่อนสนิก่อนจะตบบ่าเบาๆ แล้ววิ่งไปรวมกับสมาชิกคนอื่นๆในทีมบาส เมื่อกัปตันทีมอย่างโอเซฮุนเรียกรวมตัวแล้ว
มินซอกส่ายหัวเล็กน้อย แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างบางเบา สายตาคมปรายไปมองตรงแสตนด์อีกครั้งหนึ่งก่อนจะวิ่งตามจงแดไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงกรีดร้องของผู้คนที่เข้ามาเชียร์บาสในแมชนี้ดังสนั่นทั่วทั้งโรงยิม เมื่อทีมที่ชนะตกเป็นของฝ่ายเจ้าบ้านอย่างทีมโรงเรียนและลูกสุดท้ายที่ทำให้ทีมชนะ คือผลงานของคิมมินซอกยิ่งทำให้เสียงกรีดร้องดังมากกว่าที่เคยได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามารายล้อมแสดงความยินดีกับเจ้าของลูกชู๊ตสุดท้าย เสียงหัวเราะเสียงแสดงความยินดีอย่างต่อเนื่อง เขายิ้มรับกับทุกคนที่เข้าโผกอดเขาด้วยความดีใจ แต่เชื่อไหมว่าถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เยอะแค่ไหนในสนาม แต่สายตาของคิมมินซอกกลับโฟกัสได้อยู่จุดเดียวที่อยู่ไกลออกไป ..
บุคคลที่อยู่บนสแตนด์เชียร์ คนที่ดึงดูดเขาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
รอยยิ้มเล็กๆ จากคิมมินซอกถูกส่งออกไปอย่างไม่รู้ตัว เขาเผลอยิ้มให้กับคนๆนั้นไปเสียแล้ว เพราะสิ่งมองอยู่ตรงหน้ามันสวยงามเกินกว่าจะห้ามใจไม่ให้ยิ้มออกมาได้
ผู้ชายที่เผลอละสายตาไม่ได้ ผมสีน้ำตาลอ่อน แววตาซุกซนเหมือนเด็กน้อย และรอยยิ้มที่เบิกบานยิ่งกว่าดอกทานตะวัน
.. ซูโฮงั้นหรอ ..
.
.
สิ่งที่มินซอกคิดว่าไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ตอนนี้กลับทำให้คนอย่างเขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก มือหนาถือโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองเดินไป เดินมาอย่างคนคิดไม่ตก .. เขาไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน ว่าจะมีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหม่าได้มากมายขนาดนี้ มากยิ่งกว่าได้ลงแข่งบาสนัดแรกเสียอีก
‘เป็นคนปอดแหกตั้งแต่มื่อไหร่ว่ะ คิมมินซอก’ พึมพำเบาๆ กับตัวเองก่อนจะกลั้นใจแตะนิ้วลงบนหน้าจอไอโฟนสีขาว สิ่งที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาใจเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ คล้ายกับว่ารอลุ้นผลอะไรบางอย่าง .. ตัวเลขแสดงเวลา เป็นสัญญาณว่าปลายสายได้รับโทรศัพท์ของเขาแล้ว
ใช่ .. คิมมินซอกกำลังโทรหาใครบางคนในคอนแทรคลิตท์ที่เพิ่งได้เบอร์มาเมื่อไม่นานนี้
[ฮัลโหล]
‘เอ่อ ..’
[ครับ ? นั่นใครพูดฮะ]
‘เอ่อ ..’ เหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอ ทำให้ไม่สามารถพูดออกไปเป็นประโยคได้ คิมมินซอกกำลังประหม่าขั้นสุดยอด
[ไม่พูด .. ผมวางแล้วนะ]
‘เดี๋ยว .. นายคือ .. ซูโฮใช่มั้ย’
[ฮะ .. นั่นใคร ? ]
‘ฉันคิมมินซอก .. มินซอก’
[ ….. ]
‘เอ่อ ..’
[พี่มินซอก .. จริงๆ หรอฮะ] พี่ .. งั้นหรอ ? มินซอกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อปลายสายพูดชื่อเขาพร้อมกับคำนำหน้าว่าพี่ .. เขาเข้าใจมาตลอดว่า ซูโฮกับเขาอายุเท่ากัน จากการประเมินด้วยสายตาในวันนั้นที่โรงยิม
‘จริงสิ ..’
[ไม่คิดว่า พี่จะมีเบอร์ผมด้วย]
‘อืม .. พี่ก็ไม่คิดว่าจะได้โทรมานะ’ มินซอกหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเกาท้ายทอยแก้อาการเงอะงะที่เหมือนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
[อย่างงั้น .. ต่อไปพี่ก็โทรมาทุกวันสิฮะ ผมรออยู่นะ]
นั่นเป็นครั้งแรกในการคุยกันของเขากับซูโฮ หลังจากที่เผลอมองในโรงยิมครั้งนั้น รอยยิ้มที่ปรากฏบ่อยๆ เมื่อได้คุยกัน มันทำให้มินซอกรู้สึกดีไม่ใช่น้อย
.. จะเรียกว่าจีบ จะได้มั้ยนะ ..
.
.
การคุยโทรศัพท์ทุกวันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันของคิมมินซอกไปแล้วนับตั้งแต่วันนั้น แค่ได้คุยกันทุกวันกับซูโฮถึงไม่ได้เจอหน้า ก็ทำให้เขามีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงตอนนี้จะบอกว่าซูโฮเป็นสิ่งที่คิมมินซอกไม่ได้สนใจอะไรมากมาย .. ก็คงไม่ใช่เสียแล้ว .. แม้สิ่งที่เขาคาดไว้ในตอนแรกกับซูโฮมันไม่ได้เหมือนไปทุกสิ่ง แต่ก็ยอมรับว่าซูโฮเป็นคนที่น่ารักคนหนึ่งเลยทีเดียว
‘นี่ซูโฮ พรุ่งนี้พี่มีแข่งนะ นายอยากมาดูมั้ย ?’
[อยากสิฮะ ! ผมไม่เคยพลาดนะ .. พี่รู้ใช่มั้ยว่าผมไปดูบาสที่โรงยิมบ่อยๆ]
‘อืม .. ก็เพิ่งรู้ตอนนายบอกนี่แหละ มาเชียร์ใครเป็นพิเศษหรอ ? ’ คำถามลองเชิงถูกถามออกไป .. คุยกันมาก็ไม่ใช่ระยะเวลาน้อยๆแล้ว ถ้าเขาจะคาดหวังจากซูโฮว่าคำตอบจะเป็นเขา ก็คงไม่ผิดใช่มั้ย
[พี่ไม่รู้จริงอ่ะ ? แกล้งกันหรือไงฮะ]
‘ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ก็อยากรู้นี่’
[ผมก็เขินเป็นนะ ! ไม่บอกหรอก คิดเองสิ]
‘งั้นพี่คิดว่าเป็นพี่นะ’ เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ตลอดทางเดินไปโรงยิมเพื่อซ้อมในตอนเย็น เขาไม่เหงาเพราะมีเสียงคุยจากซูโฮอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา คนในโทรศัพท์เล่าเรื่องพวกอันตพาธที่มาเข้ามาจีบเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟัง
[พี่ลู่หานเลยเอาถังสีน้ำ สาดคนพวกนั้นจนวิ่งหนีไปคนละทางเลยแหละฮะ]
‘ทีหลังอย่าเดินไปไหนคนเดียวสิ .. ดีนะที่ เอ่อ .. ลู่หานใช่มั้ย ตามมาดูทันนะ’
[ผมไม่กลัวหรอก .. ยังไงพี่ลู่หานก็มาช่วยผมอยู่ดี]
‘ยังไงก็ห้ามไปไหนคนเดียวสิ พี่ห่วงนะ.. แล้วตอนนี้กลับถึงบ้านหรือยัง ? ’ เขาเป็นห่วงอีกคนจริงๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เล่ามา
[ถึงแล้วฮะ .. พี่เป็นห่วงผมจริงๆ อ่ะ]
‘ใช่สิ คิดว่าพูดเล่นหรือไง .. หื้ม’
[ป่าวนะฮะ .. แค่ดีใจเท่านั้นเอง] รอยยิ้มถูกระบายออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินปลายสายพูดแบบนั้น .. มันถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เขาควรจะพูดความในใจออกไป ..
‘ซูโฮ .. เราลองคบกันมั้ย’
[ผมรอพี่พูดนานแล้วนะ]
รอยยิ้มกว้างมากกว่าที่เคยยิ้ม ปรากฏบนใบหน้าหล่อของคนที่เดินอยู่ในทางเชื่อมกับตัวอาคารหอศิลปะ ตึกที่เชื่อมกับโรงยิม .. ถ้าเขาแปลความหมายจากประโยคนั้นไม่ผิด .. ซูโฮคงตอบว่า คบ สินะ
‘รู้มั้ย .. พี่กำลังมีความสุขนะ’ เสียงหัวเราะพร้อมกับรอยยิ้มเขิน เป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นจากคนอย่างคิมมินซอกได้ง่ายเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเดินอยู่ตรงทางเชื่อมอาคารหอศิลปะในตอนเย็นนี้สิ จะได้เห็นมันออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ
พลั่ก
เพราะกำลังมีความสุขกับความรู้สึกใหม่ๆ ที่เขาและซูโฮเพิ่งเริ่มสร้างกันมา เลยทำให้ไม่ทันได้มองทางเดินจนชนเข้ากับคนที่เดินสวนกันเข้า .. มินซอกละโทรศัพท์ลงแล้วก้มมองสัมพาระที่หล่นกระจัดกระจายของคนที่เขาเพิ่งเดินชน จะโทษอีกคนก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ไม่ได้มองทางและคนนั้นก็ถือของพรุงพรังจนมองไม่เห็นทาง
‘ขอโทษนะครับ’
‘ไม่เป็นไรครับ .. ผมผิดเองที่ไม่มองทาง’ มินซอกย่อตัวลงเพื่อช่วยเก็บของที่หล่นกระจาย ทั้งเครื่องมือสีน้ำ ปล้องกระดาษและดินสออีอีสำหรับเขียนภาพ ทุกอย่างถูกรวบไว้ในมือก่อนส่งคืนให้แก่เจ้าของ
‘นี่คะ .. ครับ’
เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอกะทันหัน เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าสร้างความประหลาดใจให้แก่คิมมินซอกคนนี้ไม่ใช่น้อย ก่อนจะมองสลับกลับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
นี่มันอะไรกัน ?
‘ขอบคุณครับ’ คนตรงหน้ารับสิ่งของมาเก็บไว้ในมือแล้วโค้งให้เล็กน้อยด้วยใบหน้าสีอ่อนๆ รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้คิมมินซอกที่ยืนค้างอยู่ตรงนั้น
.. รอยยิ้มเดียวกับในโรงยิมวันนั้น ..
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ? .. ใครกำลังเล่นตลกกับคิมมินซอก
เมื่อเห็นอีกคนไม่ได้ยิ้มตอบกลับหรือพูดอะไรต่อ คนที่ถืออุปกรณ์วาดรูปก็เตรียมเดินต่อเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ทันทีที่จะก้าวขาพ้นตัวของคนที่ถือโทรศัพท์แนบหูนั้น กลับถูกคว้าข้อมือไว้เบาๆ
.. จังหวะหัวใจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ..
‘ซูโฮ .. นายบอกว่าถึงบ้านแล้วใช่มั้ย ?’
[ใช่ฮะ .. มีอะไรหรอพี่มินซอก]
‘แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ .. คือใคร’ พูดออกมาอย่างเบาๆแค่นั้น มือที่กำโทรศัพท์ไว้กลับปล่อยตัวลง แล้วกดวางสายจากอีกคนอย่างนิ่งๆ แต่อีกมือที่คว้าข้อมือของใครบางคนไว้ กลับจับแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
‘นาย .. ชื่ออะไร’
‘ลู่หาน … เสี่ยวลู่หาน
คิมมินซอกได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ แต่สีหน้ากลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น .. พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับคิมมินซอกคนนี้ใช่มั้ย
มันคงเป็นเรื่องตลกร้ายที่สุด เท่าที่เขาเคยเจอมา
ความสุขจากการสารภาพความในใจก่อนที่จะเดินชนกับเสี่ยวลู่หานคนนี้ มันหายไปในพริบตา .. มีแต่ความสับสนในหัววนไปวนมากับสิ่งที่เกิดขึ้น
เสี่ยวลู่หานที่อยู่ตรงหน้าคิมมินซอกตอนนี้ คือ ผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนที่มีรอยยิ้มเหมือนทานตะวันที่เผลอมองในโรงยิมเมื่อวันนั้น .. แต่ไม่ใช่ซูโฮ คนที่เขาคิดว่าคือคนๆนั้นมาตลอด
เมื่อมาย้อนคิดดู .. ถ้าตอนนั้นเบอร์ที่จงแดกดลงบนโทรศัพท์ของเขาเป็นเบอร์ของคนๆเดียวกับที่เขาเผลอละสายตาไม่ได้ เขาก็อยากจะขอบคุณเพื่อนสนิทจากใจและเรื่องบางเรื่อง มันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ทั้งหมดจะบอกว่าเป็นเพราะคิมจงแดที่เข้าใจผิดก็ไม่ได้
ในเมื่อก็เป็นเพราะตัวเขาเองด้วย ถ้าเขาไม่เผลอรู้สึกดีๆ กับซูโฮด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ความรู้สึกที่ผูกพันผ่านการคุยโทรศัพท์ตลอดระยะเวลาเขาที่คิดว่าซูโฮคือลู่หาน มันก็ทำให้ยากที่จะเปลี่ยนไปหา.. คนที่หมายตาไว้ในครั้งแรก ..
แล้วยิ่งเขากับซูโฮเพิ่งจะคบกัน มันยิ่งยากเข้าไปอีก
เรื่องทั้งหมดมันเหมือนจะหยุดลงตรงที่เขาคบกับซูโฮไป แล้วปล่อยให้คนที่ตกหลุมรักในครั้งแรกตัวจริงอย่างลู่หาน เป็นเพียงแค่สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแค่นั้น คิมมินซอกควรมองซูโฮเท่านั้นก็คงจะดี แต่มันไม่ใช่แบบนั้น .. ไม่ใช่เลยสักนิด ยิ่งพยายามออกห่างมากเท่าไหร่ ดูเหมือนพระเจ้าจะยิ่งแกล้งเขามากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งหนีความรู้สึก ยิ่งรู้สึก ยิ่งสกัดกลั้นเอาไว้ มันก็ยิ่งล้นออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
เหมือนอย่างตอนนี้ ที่เขาเผลอก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในอาคารศิลปะตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาที่ชะเง้อหาใครบางคนอย่างไม่รู้ตัว .. คิมมินซอกกำลังทำตามหัวใจตัวเอง .. เขาเลือกที่จะส่งข้อความไปบอกซูโฮว่าติดธุระ ไม่สามารถไปส่งที่บ้านได้ และเดินเข้ามาในอาคารศิลปะแทนที่จะไปทำธุระอย่างที่บอกซูโฮ
ธุระ .. ก็แค่ข้ออ้างในการหนี
มินซอกเดินไล่ตามทางเดินตั้งแต่ห้องแรกตรงมุมสุด สายตาคอยส่องเข้าไปมองภายในห้องสีเหลี่ยมว่าอาจมีใครบางคนที่เขาหาอยู่ก็เป็นได้ แต่เดินตั้งแต่ห้องแรกยันห้องเกือบสุดท้าย ก็ยังไม่ปรากฏกายของคนที่ตามหา มินซอกกรอกตาไปมา เมื่อคิดว่าวันนี้เสี่ยวลู่หานอาจไม่ได้มาที่อาคารศิลปะอย่างทุกวัน .. เสียเวลาชะมัด ..
มือหนาล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ก่อนจะต่อสายไปถึงใครบางคน .. คนที่ทำให้เขามายืนอยู่ในอาคารศิลปะได้ เสียงรอสายดังอยู่สักพักก่อนจะตัดไป สร้างความงุนงงให้แก่คิมมินซอกไม่น้อย คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันอย่างอัตโนมัติเมื่อถูกตัดสายไปอีกครั้ง
เสี่ยวลู่หานกำลังเล่นตลกอะไรอยู่
เขาไม่อยากจะคิดว่าการตัดสายใส่เขาของลู่หาน จะเป็นเหมือนการบ่งบอกว่าอีกคนกำลังพยายามหนีเขาอยู่ .. แล้วหนีเพราะอะไรล่ะ ? เสี่ยวลู่หานกล้าคิดจะหนีคิมมินซอกอย่างงั้นหรอ ลมหายใจถูกพ่นออกมาด้วยอารมณ์ที่เริ่มครุกกรุน .. เขากำลังอารมณ์เสีย .. เพราะลู่หานคู่นอนของเขาตัดสายใส่
“จะหนีฉันหรอไง เสี่ยวลู่หาน” มินซอกตัดสินใจกดโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วเดินไปยังห้องสุดท้ายตรงริมสุดของทางเดิน ถ้าห้องนี้ไม่มีเสี่ยวลู่หาน .. เขาก็ไม่รู้แล้วว่า อีกคนหายไปอยู่ไหน ..
เสียงรอสายยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงริงโทนของใครบางคนที่ดังแว่วมาจากในห้องที่มินซอกหยุดเดินลง มือหนาเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหู เมื่อสิ่งที่เห็นผ่านกระจกตรงบานประตูปรากฏร่างของใครบางคนที่นั่งหันหลังให้เขาพร้อมกับมองโทรศัพท์ในมือ
.
.
ลู่หานกำลังจ้องมองสายที่โทรเข้ามาด้วยความรู้สึกอึดอัดจะบอกว่าไม่อยากรับก็ไม่ใช่ แต่เพราะอะไรบางอย่างต่างหากที่ทำให้เขาตัดสินใจกดตัดสายอีกครั้ง
“พี่เคยได้ยินมั้ย .. ของหายอยากได้คืน ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าของๆ ผมกำลังจะหายไป .. ใครแถวนี้กำลังจะพรากมันไปจากผม ..”
“ถ้าพี่รู้ตัวว่าใคร .. ก็ช่วยบอกเขาให้คืนให้ผมด้วยนะฮะ ^^”
เขาจะทำผิดไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาควรคืนมินซอกให้กับเจ้าของตัวจริงสักที
ลู่หานเผลอกัดริมฝีปากเพื่อสะกดหยาดน้ำตาที่เหมือนจะเอ่อในแววตาไม่ให้ไหลออกมา เพียงแค่คิดว่าต่อไปนี้เขาต้องหนีจากคิมมินซอก จะไม่ไปหา จะไม่เข้าไปยุ่งอีกเพื่อที่เขาจะรักษาความสัมพันธ์ของเขากับซูโฮไว้ .. เพราะซูโฮคือรุ่นน้องที่เขารักที่สุด
แล้วคิมมินซอกละ คนที่เหมือนหัวใจของเสี่ยวลู่หาน แค่เฉือนหัวใจตัวเองทิ้งมันคงไม่เจ็บมากเท่าไหร่ .. อย่างงั้นหรอ .. คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆนะหรอ
มันเจ็บมาก เจ็บกว่าทุกสิ่งที่เขาเคยเจ็บมาทั้งชีวิต
“ตัดสายฉันทิ้ง คิดว่าจะหนีฉันได้หรอเสี่ยวลู่หาน” เสียงเรียบเฉยดังขึ้นใกล้ๆ หูของลู่หานพร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆดันไหล่บางของเขาให้หันไปเผชิญหน้า
ลู่หานเบิกตากว้างก่อนจะเบือนหน้าหนีมินซอกที่ตั้งใจจ้องเข้ามาในดวงตา เหมือนอีกคนกำลังค้นหาคำตอบจากดวงตาคู่นี้ของเขา .. ยิ่งลู่หานเงียบ มินซอกก็ยิ่งกดน้ำหนักลงบนไหล่บางมากขึ้นเท่านั้น อารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูงของมินซอกกำลังจะทำร้ายลู่หานอย่างไม่ทันรู้ตัว
“ทำไมต้องเงียบ .. คิดจะหนีฉันจริงๆสินะ”
“….”
“ใช่มั้ย เสี่ยวลู่หาน !” ระดับเสียงยิ่งเพิ่มเหมือนอารมณ์ข้างในของมินซอกเพิ่มมากขึ้นด้วย
เพราะยิ่งลู่หานเงียบ ก็เหมือนกับว่าสิ่งที่มินซอกพูดมันคือความจริง .. เสี่ยวลู่หานกำลังจะหนีเขาไปงั้นหรอ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกคนจะทำ .. แรงบีบเพิ่มมากขึ้นจนลู่หานนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ พยายามบิดตัวให้ออกจากการเกาะกุมที่รุนแรงนั้น
“ตอบ”
“….”
“นายควรตอบฉันมาลู่หาน คิดว่าสิ่งที่กำลังจะทำ .. นายจะทำมันได้หรือไง”
“ทำไม่ได้ ก็ต้องได้ .. ” สายตานิ่งจากลู่หานหันมาสบเข้ากับดวงตาที่แข็งกร้าวของคนที่บีบไหล่อยู่ มินซอกขบกรามด้วยความรู้สึกโมโหที่ได้ยินอีกคนพูดอย่างนั้นและเผลอจิกลงไปบนหัวไหล่อีกฝ่าย
“ป .. ปล่อย ฉันเจ็บ” เสียงสั่นเล็กน้อยจากอีกคน ทำให้มินซอกต้องก้มมองมือของตัวเองที่กดอยู่บนไหล่เนียน แววตาที่เริ่มมีน้ำเอ่อออกมามันทำให้ความโมโหเมื่อครู่พลันหายไป
แค่คำพูดของเสี่ยวลู่หาน ก็จะทำให้คิมมินซอกเป็นบ้าอยู่แล้ว ถ้าอีกคนทำได้จริงๆ ไม่ต้องคิดว่าเขาจะต้องเป็นบ้ามากกว่านี้แน่ๆ
เมื่อไหร่กันที่เขาไม่สามารถสกัดกลั้นความรู้สึกที่มีต่อลู่หานได้อีกแล้ว
“นายลืมไปได้เลยว่าจะทำได้”
มินซอกปล่อยมือจากตัวลู่หานก่อนจะเดินไปนั่งพิงหลังตรงเก้าอี้ถัดไปอีกสองตัว สายตาคมยังคงจ้องมองมายังอีกคนที่นั่งก้มหน้านิ่ง .. เขารู้ดี ลู่หานกำลังเจ็บปวด .. แต่ทำยังไงได้ในเมื่อตอนนี้ เขาปล่อยมมือจากเสี่ยวลู่หานไม่ได้แล้ว ความรู้สึกของเขามันเกินกว่าจะปล่อยอีกคน และถ้าเกิดเขาปล่อยไป คนที่เจ็บอาจจะเป็นเขาเองซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
คิมมินซอกเป็นคนเห็นแก่ตัว .. เห็นแก่ตัวตั้งแต่คิดให้ลู่หานเป็นคู่นอนเพื่อประชดซูโฮแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงข้ออ้างที่สร้างขึ้นเพื่อปกปิดความรู้สึกตัวเองเท่านั้น
“ทำไมต้องคิดจะหนีฉัน ..ทั้งที่เมื่อวาน”
“ซูโฮกำลังรู้เรื่องนี้ .. ซูโฮรู้ว่าฉันกับนายเป็นอะไรกัน” น้ำเสียงสั่นเอ่ยขึ้นมา ลู่หานบีบมือตัวเองแน่นเหมือนกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“เราไม่ควรทำอย่างนี้อีกต่อไปแล้วมินซอก”
-Since When-
เสียงเข้าของข้อความ เรียกให้คนที่นั่งรอเวลาให้คนรักมารับกลับบ้านอย่างซูโฮรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความ ลางสังหรณ์ว่าเขาอาจจะรอเก้อนั้นมันเริ่มจะเป็นจริง เมื่อข้อความที่ถูกส่งมาเป็นชื่อของคิมมินซอก
‘กลับบ้านเองได้มั้ยซูโฮ พี่ติดธุระ’
หึ .. เสียงหัวเราะเหยียดถูกพ่นออกจากซูโฮ คิดผิดที่ไหน .. ว่ามินซอกจะไม่มารับ ในใจรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังรอเพื่อพิสูจน์ .. ธุระอย่างงั้นหรอ คิดว่าซูโฮโง่มั้ยล่ะ ..
“กล้าที่จะไปหาพี่ลู่หานนะ .. พี่มินซอก” พูดพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้ากระเป๋าเป้แล้วเดินดิ่งตรงไปยังจุดเป้าหมาย โดยที่ไม่ทันมองทางข้างหน้า
พลั่ก
ซูโฮเกือบล้มลงไปกับพื้นทางเดิน ถ้าไม่มีมือใครบางคนคว้าเอาไว้ก่อน .. กลิ่นกายที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูกทำให้ไม่ต้องเงยขึ้นไปสบตาก็รู้ว่าคนที่เขาเดินชนนั้นเป็นใคร
.. พี่เซฮุน ..
คนที่อีซองจงไม่อยากเจอที่สุดในเวลานี้ ทั้งที่เมื่อวานเขาขอยุติความสัมพันธ์ลับๆกับเซฮุน แต่อีกคนกลับตอบว่าไม่ แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ในเมื่อสุดท้ายคนที่เขาเลือกก็คือคิมมินซอก
“จะรีบไปไหนซูโฮ”
“พี่ไม่จำเป็นต้องรู้” ซูโฮดันตัวเซฮุนออกก่อนจะรีบเดินหนีอีกคน แต่ข้อมือกลับถูกคว้าไว้
“ไปหามินซอกหรอ”
“ก็รู้ แล้วจะถามผมอีกทำไม”
“ทั้งๆที่รู้ว่าไปแล้วอาจจะเจอมินซอกอยู่กับลู่หานหน่ะหรอ” ซูโฮตวัดสายตามองมาที่เซฮุนอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินประโยคนั้น .. มันแทงใจดำเขาเหลือเกิน ..
“พี่มินซอกเป็นแฟนผม ทำไมผมจะต้องกลัว” ซูโฮชักสีหน้าก่อนจะหมุนตัวรีบเดินออกจากตรงนั้น คำพูดของเซฮุนกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า มาพูดตอกย้ำทำไมว่ามินซอกต้องอยู่กับลู่หาน
“แต่พี่ไม่อยากให้นายไปหามินซอก”
“พี่คิดอะไรอยู่ .. หา พี่คิดว่าพี่ห้ามผมได้งั้นหรอ” เซฮุนยังคงเดินตามซูโฮไปเรื่อยๆ พร้อมกับพูดห้ามไม่ให้ซูโฮตามหามินซอก .. เขาไม่อยากให้ซูโฮเป็นเหมือนเมื่อวาน เพราะเขารู้ว่ามินซอกอยู่กับลู่หานตอนนี้ .. ที่เขารู้เพราะบังเอิญเห็นคิมมินซอกเดินเข้าไปในอาคารศิลปะ แน่นอนว่าที่นั่นต้องมีเสี่ยวลู่หานอยู่
“มาดูแล้วกันว่าผมกับพี่ลู่หาน .. พี่มินซอกจะเลือกใคร” ซูโฮพลักบานประตูหน้าอาคารศิลปะเข้าไปข้างในที่ตอนนี้แทบไม่มีใครอยู่ เพราะช่วงเย็นนักเรียนสายศิลป์ต่างก็พากันกลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว
“แล้วพี่จะตามผมมาทำไม”
“พี่ไม่ให้นายเจอมมินซอก” เซฮุนคว้าข้อมือซูโฮไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้อีกคนเดินกลับออกจากอาคารศิลปะ แต่ทว่าแรงของซูโฮนั้นกลับมีมากกว่าที่คิด
ซูโฮสะบัดมืออกแล้ววิ่งเข้าไปเกือบถึงห้องสุดท้าย แต่เซฮุนรีบคว้าตัวไว้ได้ก่อนที่จะถึงห้องสุดท้าย
.. ถ้าเปิดเข้าไป เรื่องมันแย่กว่านี้แน่ ..
.
.
“เราไม่ควรทำอย่างนี้อีกต่อไปแล้วมินซอก”
แค่คำพูดนั้น มินซอกแทบจะพุ่งตัวเข้ามาจับตัวลู่หานไว้ แต่เพราะน้ำตาที่ไหลออกมาของอีกคนทำให้เขาต้องหยุดตัวเอง ก่อนกลายเป็นการโอบกอดไว้แทน
น้ำตาของลู่หานมีอิทธิพลต่อเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“ไม่ .. อย่าร้องไห้ได้มั้ยลู่หาน”
“……”
“ถึงตอนนี้นายจะอยากปล่อยมือฉันไป แต่ฉันปล่อยนายไม่ได้แล้วจริงๆ”
มันถึงเวลาที่เขาจะเลิกโกหกตัวเองสักทีว่าเสี่ยวลู่หานเป็นแค่คู่นอนเท่านั้น เพราะในความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นมาตั้งแต่แรก.. เขาไม่เคยเห็นลู่หานเป็นแค่คนที่มาคอยเป็นที่ระบายความต้องการแค่นั้น แต่ลู่หานเป็นมากกว่านั้น ..
“ฉันรู้ว่าฉันเป็นได้แค่นั้น แค่คู่นอน แค่ชู้ของนาย .. แต่ปล่อยได้มั้ย นายปล่อยฉันได้มั้ยมินซอก .. ฉันทำร้ายซูโฮไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ยิ่งได้ยินคำพูดของมินซอก หัวใจของลู่หานก็ยิ่งเจ็บ คำพูดที่เหมือนว่าเขานั้นสำคัญมัน ยิ่งทำให้เขาไม่อยากที่จะไปจากมินซอก
“ฉันก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน อาจจะตั้งแต่ครั้งแรก ถึงนายจะขอร้องฉันแค่ไหน .. ฉันก็ทำให้ไม่ได้”
มือหนาค่อยๆเกลี่ยหยดน้ำที่เอ่ออยู่รอบดวงตากลมที่เคยสดใส ก่อนหน้าที่เรื่องทั้งหมดจะเกิดดวงตาคู่นี้ของลู่หานมันเคยสดใสมากจริงๆ เป็นเพราะเขาเองที่ทำลายความสดใสนั้นไปจนหมดสิ้น รอยยิ้มที่เคยเบิกบานเหมือนดอกทานตะวัน ก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ฝืนอยู่บ่อยครั้ง
.. จะพูดว่าขอโทษตอนนี้ ก็คงจะสายไป ..
มินซอกก้มมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เหมือนมีแรงดึงดูดให้เข้าไปหา ลมหายใจที่ใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนกลายเป็นลมหายใจเดียวกัน .. มินซอกกดริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาช้าๆ เหมือนต้องการให้อีกคนซึมซับความรู้สึกทั้งหมดของเขาผ่านจูบนี้
จูบที่แทนคำขอโทษ
จูบที่ปลอบประโลม
จูบที่แทนความรู้สึก
จูบที่อยากจะบอกว่า .. รัก ..
‘ฉะ .... ฉันชอบนาย ...’
‘นายชอบฉัน จริง ๆ หรอ ..’ นับตั้งแต่คำสารภาพรักของลู่หานในวันนั้น
ไม่ว่ายังไงคิมมินซอกจะไม่ปล่อยเสี่ยวลู่หานไปแน่นอน
.
.
“พี่เซฮุนปล่อยผมนะ ! ” ซูโฮพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของโอเซฮุน .. มันจะเกินไปแล้ว ..
“ไม่ปล่อย .. นายรู้ แต่นายก็ยังจะทำร้ายตัวเอง ทำร้ายลู่หาน”
“ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น” มือเล็กพยายามดันร่างแกร่งอีกครั้ง .. รู้อย่างงั้นหรอ ..
“นายรู้มัน ! นายรู้แต่ก็ยังทำ”
“พี่จะพูดอะไรกันแน่ !”
“นายรู้ว่าคิมมินซอกรักเสี่ยวลู่หาน ! แต่นายก็ยังเอาเขาไปจากลู่หาน”
“พี่มินซอกรักผม !! เขาขอคบผม เขาไม่ได้รักพี่ลู่หาน”
“นายคิดว่าสิ่งที่ทำ มันถูกแล้วหรอ นายมั่นใจนะ ว่ามินซอกรักนาย .. ถ้านายมั่นใจก็เชิญเปิดประตูเข้าไปได้เลย” ถ้ามันจะทำให้ซูโฮเลิกคิดจะทำร้ายทั้งตัวเองและลู่หาน เซฮุนต้องปล่อยให้ได้เจอกับสิ่งที่ซูโฮได้ยินแล้วอาจจะรับไม่ไหว
“พี่ไม่ต้องท้า ผมเปิดแน่”
ซูโฮสะบัดตัวแล้วตรงดิ่งไปยังห้องสุดท้าย มือจับลูกบิดเตรียมจะเปิดเข้าไปแต่สิ่งที่แว่วออกมาเห็นมันทำให้เขามือสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้และยิ่งภาพที่คนรักของเขากำลังโน้มใบหน้าเข้าไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ .. เสี่ยวลู่หาน ..
“ถึงตอนนี้นายจะอยากปล่อยมือฉันไป แต่ฉันปล่อยนายไม่ได้แล้วจริงๆ ลู่หาน”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน อาจจะตั้งแต่ครั้งแรก ถึงนายจะขอร้องฉันแค่ไหน .. ฉันก็ทำให้ไม่ได้ ”
คิมมินซอกรักเสี่ยวลู่หาน คือ เรื่องจริง
[ Suho’s part ]
สิ่งที่ผมเห็นและได้ยินมันเป็นความจริงที่ผมคิดไว้แล้ว ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้นแต่พอได้มาเจอจริงๆ ทำไมผมรับมันไม่ไหว .. มันเกินกว่าที่ผมจะรับมันได้ .. เรื่องที่พี่มินซอกรักพี่ลู่หาน ผมรู้มาตลอด เพราะสายตาเวลาที่มองพี่ลู่หาน มันแตกต่างกับเวลามองผมเหลือเกิน แต่ผมก็แกล้งที่จะมองข้ามเพราะพี่มินซอกก็แกล้งที่จะไม่รู้สึกอะไรกับพี่ลู่หาน
ผมรู้ว่าสักวันมันต้องทนไม่ไหว .. ความรู้สึกมันกลั้นได้นานแค่ไหนกัน
แต่เป็นผมเองที่หลอกตัวเองจนถลำลึกเกินไป หลอกตัวเองว่าคนที่พี่มินซอกรักคือผม ไม่ใช่พี่ลู่หาน และการที่ผมมีพี่เซฮุนอีกคนก็เพราะอยากให้เขารู้สึกว่าถ้าผมมีคนอื่น เขาจะเป็นเช่นไร .. เขาจะรู้สึกว่ารักผมไหม .. ถ้าผมไม่ได้เป็นของเขาคนเดียว
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ .. ไม่รู้สึกอะไรเลย .. กลับเหมือนผมเปิดทางให้เขากับพี่ลู่หานมากขึ้นด้วยซ้ำ เปิดทางให้พี่ลู่หานเข้ามาเป็นชู้กับพี่มินซอก ผมมันโง่เอง ที่ทำแบบนั้น แต่ไม่ว่ายังไง ..
“ของที่เป็นของผม ยังไงมันก็ต้องเป็นของผมตลอดไป”
-Since When-
“ของที่เป็นของผม ยังไงมันก็ต้องเป็นของผมตลอดไป” ซองจงพึมพำออกมาเบาๆ เซฮุนที่ยืนอยู่ข้างกายหันมองด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ ..ได้ยินขนาดนนี้ ยังยืนยันแบบนั้นอยู่อีกหรอซูโฮ..
“พี่ไม่เข้าใจ .. นายรักมินซอกมากขนาดนั้นเลยหรอ”
“มากกว่าอะไรทั้งหมด .. มากจนผมสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้เสี่ยวลู่หานหายไปซะ” สายตาเหม่อลอยของซูโฮพร้อมกับคำพูดที่ออกมาจากปากเรียวสวย ทำให้เซฮุนรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดเดียว .. เขากลัวซูโฮจะทำอะไรที่เกินเลย ..
ปึง
เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของคนสองคนที่เดินก้มหน้าออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่สังเกตว่ามีใครยืนอยู่ตรงบริเวณนั้น ซูโฮเหลือบมองก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา
“พี่ลู่หาน.. พี่มินซอก”
“ซ .. ซูโฮ” ลู่หานเอ่ยชื่อออกมาอย่างยากลำบากด้วยความคิดไม่ถึงว่าจะเจอซูโฮตรงนี้ ที่นี่ .. ซูโฮได้ยินอะไรไปบ้างหรือป่าว .. ความกลัวเริ่มแทรกซึมเข้ามาอีกครั้ง
“ธุระของพี่อยู่ที่นี่หอฮะ พี่มินซอก”
“อืม”
“หรอฮะ งั้นธุระพี่เสร็จหรือยังละ .. พี่เซฮุนอยากจะยืมตัว ‘ธุระ’ ของพี่สักหน่อยหนะ” คนที่ถูกเอาเข้ามาเอี่ยวในประโยคสนทนาหันขวับด้วยความไม่เข้าใจ .. ซูโฮกำลังทำอะไร ? ..
“อะไรซูโฮ .. นายจะทำ ..”
“พี่ลู่หาน .. พี่เซฮุนมีอะไรจะบอกพี่แหละฮะ” ยังไม่ทันที่เซฮุนจะพูดจบ ซูโฮกลับเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงร่าเริง ยิ่งทำให้เซฮุนงุนงงเข้าไปอีก ร่วมทั้งมินซอกที่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ
“มีอะไรจะพูดกับลู่หานหรอครับ กัปตัน” เหมือนคนที่ถามจะไม่รู้ตัวว่าทำเสียงอย่างไรออกไป มินซอกจ้องหน้าเซฮุนอย่างนิ่งเฉยแต่อารมณ์ข้างในมันคนละความรู้สึก
“พี่อย่าไปยุ่งซี่” ซูโฮเข้ามาดึงแขนมินซอก ก่อนจะแกล้งกระซิบที่เหมือนไม่กระซิบให้อีกคนได้ยิน
“คนเขาจะสารภาพรักกัน พี่จะเข้าไปยุ่งไม่ได้นะ” ซูโฮยิ้มหวานให้กับมินซอกเมื่อพูดเสร็จ ถ้อยคำทั้งประโยคถูกได้ยินกันทุกคน .. เซฮุนมองซูโฮด้วยแววตาอึ้ง เมื่อซูโฮเอาไม้นี้มาใช้ ซูโฮรู้ดีว่าคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างโอเซฮุนคงไม่ปฎิเสธตรงหน้าลู่หานหรอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง .. เพราะรู้ดีเลยใช้แผนนี้
ซูโฮหนะร้ายกว่าที่คิดเยอะ
ลู่หานมองหน้าเซฮุนสลับกับซูโฮด้วยความงุนงง ก่อนจะเหลือบมองที่คนข้างกายอย่างมินซอก แรงบีบตรงนิ้วมือจากมือหนาที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาทางด้านข้างอย่างช้าโดยที่ไม่ทันมีใครได้เห็น เหมือนกับว่ามินซอกกำลังส่งความรู้สึกผ่านแรงบีบนี้ .. มินซอกกำลังไม่พอใจ ..
“เรากลับบ้านกันเถอะฮะพี่มินซอก ให้พี่เซฮุนกับพี่ลู่หานคุยกันดีกว่านะ” ซูโฮคล้องแขนแกร่งแล้วซบลงอย่างต้องการแสดงให้อีกคนเห็น
พี่เห็นหรือเปล่าพี่ลู่หาน .. เขาเป็นของผม
“ลู่หานต้องกลับบ้านพร้อมเรา”
“พี่มินซอก ! ”
“ผมอยู่รอตรงนี้แหละ กัปตันจะพูดอะไรก็พูดมาสิ” มินซอกไม่ฟังเสียงซูโฮแม้แต่น้อย กลับจ้องเซฮุนอย่างไม่วางตา .. สิ่งที่มินซอกทำออกไป เขารู้ตัวบ้างมั้ยนะว่า กำลังแสดงออกความรู้สึกจริงๆของตัวเองที่มีต่อลู่หาน ต่อหน้าซูโฮมากแค่ไหน
“มันจะมากไปแล้ว” ซูโฮก้มหน้าพึมพำเบาๆ ก่อนจะตวัดสายตามองไปที่ลู่หานอย่างแข็งกร้าวโดยไม่รู้ตัว ส่วนคนถูกจ้องได้แต่ก้มหน้าลงกับพื้น .. เขาจะต้องทำยังไง ..
เซฮุนที่มองเหตุการณ์อยู่สักครู่ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ดวงตาหลับลงอย่างใช้ความคิดแล้วพูดออกไป
“ไม่ต้องหรอกมินซอก ฉันพาลู่หานกลับบ้านเอง นายกับซูโฮกลับไปได้แล้ว .. ฉันจะคุยกับลู่หานแค่สองคน” ไม่ได้สนับสนุนให้ซูโฮทำแบบนี้ แต่ถ้าปล่อยไปคนที่จะแย่คือลู่หาน .. และเขาจะไม่ยอมให้ซูโฮทำสิ่งที่ผิดแน่นอน
เพราะเขาเดาความคิดซูโฮได้ว่าจะทำอะไรกับลู่หาน
“กัปตันถามลู่หานแล้วหรือไงว่าอยากกลับบ้านด้วย แล้วอยากคุยกับกัปตันหรือเปล่า”
“ฉันจะกลับบ้านกับพี่เซฮุน” แค่นั้นทำเอามินซอกหันขวับมองลู่หานด้วยสายที่ไม่พอใจทันที แต่ลู่หานไม่กล้าที่จะสบตา ถ้าทำแบบนั้นเขาอาจจะหยุดน้ำตาตัวเองไม่ได้
..อย่าทำแบบนี้ได้ไหมมินซอก อย่าทำเหมือนหึงฉัน.. เพราะมันทำให้ฉันไปจากนายไม่ได้ แล้วทุกอย่างมันจะพัง ทั้งซูโฮและเรา
“ชัดเจนนะ เรากลับกันได้แล้วฮะพี่มินซอก” ซูโฮดึงแขนมินซอกให้เดินออกมาจากตรงนั้น แต่สายตาของมินซอกยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าลู่หาน
.. คิดจะไปจากฉันให้ได้เลยใช่มั้ย เสี่ยวลู่หาน ..
“ลู่หาน .. ไปเถอะ” เซฮุนเอื้อมไปจับที่ข้อมือบางแล้วพาลู่หานให้เดินออกไปบาง เขาได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาของมินซอกที่ยังคงมองไม่วางตา
.. ขอโทษ แต่ฉันต้องทำ ..
.
.
.
“ไม่เป็นไรนะลู่หาน”
“ค .. ครับ” เซฮุนเอ่ยถามหลังจากที่เดินออกมาจากตัวอาคารได้ระยะหนึ่ง สวนข้างๆอาคารศิลปะที่เชื่อมกับโรงยิม ลมเย็นพัดผ่านมาเป็นระยะ ท้องฟ้าที่ครึมฟ้าครึมฝนเหมือนกับว่าอีกไม่นานอาจจะมีหยดน้ำเม็ดใหญ่หล่นจากฝากฟ้า ลู่หานทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆ ต้นไม้ใหญ่เหม่อมองไปยังธารน้ำเล็กๆที่สร้างประดับเพื่อความสวยของสวนแห่งนี้
“ผมไม่เป็นอะไร”
“นายเข้มแข็งกว่าที่ฉันคิดอีกนะ” ลู่หานระบายยิ้มเล็กๆ ให้กับเซฮุน .. ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดูอบอุ่นมากเลยทีเดียว ไม่แปลกที่ซองจงจะนอกใจมินซอกแล้วมีเซฮุนอีกคน
.. เขารู้ว่าโอเซฮุน ก็ตกอยู่ในสถานภาพเดียวกับเขา .. ชู้ คำเดียวสั้นๆ ที่กรีดลงไปในส่วนลึกหัวใจของคนทั้งคู่
“นายรักมินซอกมากเลยสินะ”
“ก็คงเหมือนพี่ .. ที่รักซูโฮ”
“ฮึ .. มันไม่เหมือนหรอก .. ไม่เหมือนสักนิดเดียว” ลู่หานมองเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของอีกคน สายตาที่แข็งแกร่งและแน่วแน่ตอนนี้กลับมีแต่ความสั่นไหวและความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาคู่นั้น .. เขารักซูโฮ แต่ซูโฮไม่ได้รักเขา .. มันไม่เหมือนมินซอกกับลู่หานเลยสักนิดเดียว
“ถามได้ไหม .. ทำไมพี่ถึงยอม ยอมเป็นชู้กับซูโฮทั้งที่ซูโฮมีมินซอก มันเหมือนของผมไหมที่เพราะคำว่ารัก”
“เหมือนกันนั่นแหละ .. แต่พี่เลวกว่าด้วยซ้ำ”
“ทำไมครับ”
“เพราะตอนนั้นที่ตัดสินใจคบกับซูโฮ .. พี่ก็มีคนรักอยู่แล้ว พี่ทำร้ายความรักของมินซอกและซูโฮไม่พอ .. พี่ทำร้ายเขาด้วย โดคยองซู” ลู่หานจ้องเซฮุนด้วยสายตาไม่อาจคาดถึง เมื่อได้ยินเรื่องของอีกฝ่าย
“แล้วตอนนี้ ..”
“เขาไปแล้ว .. เขาไปจากพี่แล้ว” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงอดีตคนรัก เซฮุนรู้ตัวเองดีว่าทำเลวไว้มากแค่ไหน เมื่อเทียบกันแล้ว ของลู่หานมันเล็กลงไปเลยด้วยซ้ำ
“พี่เซฮุน ..”
“พี่มันเลวนะว่ามั้ย .. ที่เคยคิดอยากจะกลับไปหาคยองซู แต่มันก็ได้แค่คิดเพราะ ตอนนี้พี่รักซูโฮ ไม่ใช่คยองซู”
“พี่ไม่ได้เลวคนเดียวนะ” ลู่หานหัวเราะกับคำพูดของตัวเองเพื่อให้บรรยากาศมันไม่ดูหมองเกินไป “ผมก็เลวเหมือนกันแหละ ที่รู้ทั้งรู้ว่า มินซอกเป็นคนรักของซูโฮแต่ก็ยังคิดเกินเลย”
“มินซอกเป็นของนาย”
“พี่บ้าหรือป่าว” ลู่หานหัวเราะอีกครั้งแต่ครั้งนี้ มันเป็นการหัวเราะอย่างฝืนๆ
“พี่พูดความจริง”
“……”
“นายลองมองดีๆสิ สายตาแบบนั้นของมินซอกที่มองมาทางนายมันก็เหมือนกับสายตาที่พี่มองซูโฮนั่นแหละ”
“พี่อย่าพูดแบบนี้ .. เพราะผมกำลังจะเดินออกจากมินซอก ผมทำร้ายซูโฮไม่ได้อีกแล้ว”
“แต่เลือกจะทำร้ายตัวเองนะหรอ ?”
“ถ้ามันทำให้เรื่องทั้งหมดเปลี่ยนไป .. ผมก็ยอม”
“แต่พี่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ” เซฮุนขยี้หัวของลู่หานเบาๆ ก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นพร้อมกับฉุดคนข้างๆให้ลุกตาม
“มินซอกไม่ปล่อยนายไปหรอกลู่หาน”
.
.
.
“เพราะหมอนนั่น .. รักนายยิ่งกว่าอะไรเสียอีก”
-Since When-
หลังจากเมื่อวานที่เซฮุนพาลู่หานเดินออกไป มินซอกรู้สึกว่าจิตใจไม่อยู่กับตัวเองสักเท่าไหร่ .. เขาไม่ชอบให้ลู่หานไปกับผู้ชายคนอื่น ยิ่งคนนั้นคือโอเซฮุน คนที่เป็นชู้กับซูโฮ
แค่ซูโฮคนเดียวไม่พอหรือไง จะเอาลู่หานไปจากเขาอีกคนอย่างงั้นหรอ
มินซอกเดินดุ่มๆเข้ามาในเขตโรงยิม เพื่อนร่วมทีมที่ซ้อมอยู่เอ่ยทักตลอดตามทางที่เดินผ่าน แต่อีกคนก็ไม่สนใจที่จะทักทายตอบ เพราะเป้าหมายของเขาคือโอเซฮุน
“กัปตัน”
“คิมมินซอก .. มีอะไร” เซฮุนละสายยตาจากตารางแข่งที่ชานยอลเพิ่งเอาให้ดูเมื่อครู่ ก่อนจะจ้องมองมินซอกกลับ
“เมื่อวานกับปตันคุยอะไรกับลู่หาน”
“นายอยากรู้ไปทำไม”
“มันเป็นสิทธิ์ของผม .. ในตัวลู่หาน”
“สิทธิ์งั้นหรอ ? .. สิทธิ์อะไรละ บอกฉันมาหน่อยสิ” เซฮุนปรายตามองอย่างเรียบเฉย เขารู้ว่าสิทธิ์นั้นคืออะไร .. แต่เขากำลังจะทำให้มินซอกพูดความรู้สึกจริงๆของตัวเองออกมาเสียที
“เหมือนสิทธิ์ที่กัปตันก็มีในตัวซูโฮ .. เข้าใจหรือยังครับ”
“น .. นาย” คำตอบด้วยใบหน้านิ่งจากมินซอกทำให้เซฮุนผงะไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกคนจะกล้าพูด .. คิมมินซอกรู้ว่าเขากับซูโฮ ..
“ผมรู้มาตลอดเรื่องซูโฮ เพราะอย่างงั้นกัปตันช่วยอย่าพรากคนของผมไปอีก”
.
.
“เพราะลู่หานไม่เหมือนซูโฮ .. ผมไม่ยอมง่ายๆแน่”
“ฮึ .. ” เซฮุนหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดของมินซอก .. แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเสี่ยวลู่หานสำคัญมากกว่าซูโฮ .. มินซอกมองด้วยความไม่พอใจที่เห็นเซฮุนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะกัปตัน” มินซอกมองหน้าเซฮุนอีกครั้งก่อนจะปรายสายตาแล้วเดินจากออกมา .. ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว แต่กล้ายิ่งกว่าเสืออีกนะ .. ว่าแล้วก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆอีกครั้ง
.
.
มินซอกกดโทรศัพท์ต่อสายถึงใครบางคน แต่ก็โดนตัดสายเหมือนเมื่อวานเด๊ะ เขาเลยตัดสินใจส่งข้อความไปแทน จะไม่อ่านก็ให้มันรู้ไป
‘มาหาฉันที่โรงยิมเดี่ยวนี้ .. อย่าให้ฉันต้องบุกไปอาคารศิลปะเหมือนเมื่อวาน’
‘วันนี้ฉันไม่ได้ใจดี เพราะฉะนั้นรีบมา ถ้าไม่อยากให้ซูโฮรู้เรื่องของเรา’
‘ฉันบอกแล้วนะ ว่าฉันจะไม่ปล่อยนายไป’
ลู่หานถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นข้อความนั้น เขาอุส่าตัดสายทิ้งแต่ก็ยังส่งข้อความมาจนได้ .. แล้วเนื้อหาที่ส่งมา มันบังคับกันชัดๆ
ฉันจะหนี้นายไม่ได้เลยจริงๆใช่มั้ย คิมมินซอก
ถึงในใจจะสะกดตัวเองให้ไม่อยากไปหาตามที่อีกคนสั่ง แต่ร่างกายมันกลับไม่เป็นแบบนั้น ลู่หานพาร่างบอบบางของตัวเองมาถึงโรงยิมจนได้ สายตากวาดมองไปทั่วจนเจอคนที่ส่งข้อความบังคับให้เขาออกมา
“....”
“มาแล้วก็นั่งสิ”
“ฉันไม่ได้ว่างมานั่งดูนายซ้อม” มินซอกเหลือบมองเล็กน้อยก่อนฉุดแขนให้อีกคนนั่งลงตามแรงดึง
“ไม่ว่างก็ต้องว่าง”
“คิมมินซอก ! .. นายไม่คิดว่าซูโฮจะมาเห็นหรือไง” แน่นอนว่าถ้อยคำหลังถูกพูดอย่างเบาเพื่อให้ได้ยินแค่สองคน .. มินซอกกำลังคิดอะไร ท่าทางที่แสดงออกเหมือนว่าเขาเป็นคนรักแบบนี้ ..
“ก็อย่าให้เห็นสิ” ลู่หานถอนหายใจอย่างสงบสติอารมณ์
“ฉันไม่ว่าง .. ฉันต้องส่งผลงานวันพรุ่งนี้นายเข้าใจมั้ย”
“งั้นฉันไปเฝ้านายเอง”
“มินซอก !” ลู่หานเบิกตากว้าง เมื่ออีกคนกำลังลากเขาออกจากโรงยิมแล้วตรงดิ่งไปที่อาคารศิลปะ .. ถ้าเป็นเมื่อก่อนลู่หานอาจจะรู้สึกดีใจมากกว่านี้ ที่มินซอกเหมือนเอาใจใส่และอยู่ข้างๆกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ .. เพราะซูโฮกำลังจะรู้เรื่องนี้ ความลับของพวกเขากำลังจะถูกเปิดเผย
“นายบ้าไปแล้วใช่มั้ยมินซอก”
“อาจจะเป็นแบบนั้น”
มินซอกดันลู่หานให้เข้ามาในห้องศิลปะเดิมที่ใช้วาดผลงานเมื่อวาน จัดแจงที่นั่งเสร็จสรรพก่อนจะมองอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงมุม
“มาวาดงานให้เสร็จสิ ฉันจะนั่งรอตรงนี้”
“นายมันบ้า”
“ก็เพราะนายนั่นแหละ” ลู่หานมองด้วยแววตาไม่เข้าใจ ก่อนจะทำตามที่บอกเพื่อให้มันเสร็จๆไป มินซอกกับเขาจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้
ลู่หานหยิบพู่กันและถาดสีน้ำขึ้นมาแล้วตั้งสมาธิลบความฟุ่งซ่านจากคนใกล้ๆที่นั่งมองอยู่ออกไป จรดปลายพู่กันลงบนผืนผ้าใบใหญ่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันก่อนหน้านี้ต่อให้สมบรูณ์ ถึงมือจะตวัดพู่กัน แต่ในหัวสมองกลับมีแต่มินซอก
สายตาคมที่จ้องมาจากด้านข้างมันทำให้เขารู้สึกเกร็งไม่ใช่น้อย ยังไงมินซอกก็ยังมีอิทธิพลต่อเขามากสุดอยู่ดี .. สีอ่อนๆเกิดขึ้นบนแก้มนั่น เมื่อถูกจ้องมองมากเกินไป .. มินซอกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของอีกคน
“เมื่อวานคุยอะไรกับเซฮุน”
“ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย” ลู่หานตอบแบบปัดๆ แล้วแกล้งตั้งหน้าตั้งตาระบายผืนผ้าต่อ แต่ยิ่งแกล้งตั้งใจมากเท่าไหร่เหมือนสมาธิเขายิ่งหายไปมากเท่านั้น
เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของอีกคนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ มินซอกจับเข้าที่เอวบางของลู่หานก่อนจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วสอดตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้สูงนั่นแทนและกดตัวลู่หานนั่งลงมาบนตักเขาอีกหน
“เดี๋ยวมินซอก .. จะ จะทำอะไร” ลู่หานดิ้นอยู่สักพักแล้วปล่อยให้คนที่ฉวยโอกาสกอดเข้าให้ที่เอวอย่างเบาๆ ใบหน้าหล่อเกยอยู่บนไหล่ ริมฝีปากที่อยู่ข้างๆใบหูของลู่หาน เรียกเลือดให้สูบฉีดขึ้นบนใบหน้าได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ได้คุยอะไรกันมากจริงๆหรอ”
“อือ”
“กัปตันไม่ได้ .. บอกรักนายใช่มั้ย”
“อือ” แค่นั้นริมฝีปากเรียวก็ฝังลงไปบนซอกคอเนียนก่อนไล้ไปตามแนวจนถึงหัวไหล่ลาด วงแขนยิ่งกระชับให้ร่างลู่หานใกล้เข้ามาชิดอกมากกว่าเดิม ก่อนมือที่อยู่ไม่สุขเริ่มเลื่อนขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อของอีกคนอย่างช้า โดยที่ลู่หานไม่รู้สึกตัว
“ได้ยินแบบนั้น ฉันก็ดีใจ” เริ่มซุกไซ้เข้าสูดดมที่รำคอระหงส์อีกครั้ง มือหนาก็ยังทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนถึงเม็ดสุดท้ายลู่หานเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังถูกปลดเปลื้องเสื้อผ้าอยู่
“ย .. หยุดนะมินซอก” ลู่หานพยายามดันมือมินซอกออกแล้วติดกระดุมกลับแต่ไม่เป็นผล เมื่อมินซอกจับตัวลู่หานอุ้มขึ้น
“ตรงนี้ไม่ถนัดเลย” มือใหญ่กวาดทุกสิ่งลงจากโต๊ะยาวที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะวางตัวลู่หานลงไม่รอช้าให้อีกคนดิ้นหนี ดันไหล่ลู่หานนอนแนบไปกับโต๊ะแล้วกักเรียวแขนเอาไว้ไม่ให้พยายามดันเขาออก
“อย่าทำแบบนี้นะมินซอก”
“นายห้ามฉันเคยได้ด้วยหรอ ลู่หาน”
กดจูบลงบนกลีบปากแดงอย่างแผ่วเบา ดูดดึงหาความหวานจากข้างในโพลงปากอย่างอ้อยอิ่ง ลู่หานเผลอเคลิ้มไปกับจูบหวานนี้อีกครั้ง สมองที่เริ่มพล่าทำให้ความพยายามจะดิ้นหนีเมื่อครู่หายไป มินซอกถอนริมฝีปากออกก่อนจะเลื่อนประทับรอยลงไปที่อื่น ทุกๆที่ๆเขาแตะลงไปล้วนแต่ทิ้งรอยสีกุหลาบไว้ทั่วพื้นที จนลู่หานอดไม่ได้ที่จะเผลอส่งเสียงครางออกไป
“ร้องออกมาดังๆ”
มือที่ว่างอยู่หลังจากปล่อยเรียวแขนนั่นเป็นอิสระ เลื่อนมาปลดเข็มขัดของอีกคนอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน สิ่งที่อยู่ใต้ร่มผ้าเริ่มขยายตัวมากยิ่งขึ้นเพราะอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นจากคิมมินซอก เขาสัมผัสลงไปอย่างแผ่วเบาก่อนจะลูบไล้ไปมา
ลู่หานครางออกมาเบาๆ เมื่อถูกสัมผัส และเหมือนมินซอกจะยิ่งได้ใจที่ได้ยินเสียงหวานครางออกมา เพิ่มความเร็วและแรงลงเน้นๆตรงจุดอ่อนไหวของลู่หาน จนปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเต็มฝ่ามือ เสียงหอบโยนของลู่หานยิ่งทำให้อารมณ์ที่ยังไม่ถูกปลดปล่อยของมินซอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาพลิกตัวลู่หานให้นอนคว่ำไปกับโต๊ะ ก่อนจะจูบพรหมลงไปบนแผ่นลังขาวเนียนอย่างใคร่หา
“นายกำลังทำฉันเป็นบ้า”
“ม .. มินซอก”
“ฉันไม่มีวันปล่อยนายไปและยกให้ใครแน่นอน”
.
.
.
“ฉันรักนายลู่หาน”
ปึง !
“แล้วผมละ .. พี่เห็นผมเป็นอะไรพี่มินซอก !!! ” สิ่งที่คาดไม่ถึงมาแสดงอยู่ตรงหน้าเขาทั้งคู่แล้ว
ซูโฮกำลังมองด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา
ถ้าไม่บังเอิญเดินเข้าไปโรงยิมก็คงไม่เห็นทั้งคู่เดินออกมาด้วยกันจนถึงห้องนี้ ถ้าไม่หยุดอยู่ตรงหน้าห้องเพื่อฟังทุกสิ่งที่ทั้งคู่พูด .. ซูโฮก็คงยังหลอกตัวเองต่อไปว่า คนที่คิมมินซอกรักคือตัวเขาเอง .. และเพราะกล้าที่จะเปิดประตูเข้ามานี่แหละ ทำให้เห็นภาพที่เกินกว่าจะรับได้อีกครั้ง
คิมมินซอกกำลังมีอะไรกับพี่ชายที่เข้าเคารพและรักมากที่สุด .. เสี่ยวลู่หาน .. แต่ตอนนี้มันกำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นความเกลียดชังยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“ซูโฮ ! ” ลู่หานเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะดันตัวมินซอกออกแล้วรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“ไม่ใช่อย่างที่นาย ..” จะบอกว่าไม่ใช่อย่างทีเห็นก็กระดากปากเกินกว่าจะพูดออกไป เพราะยังไงก็เห็นเต็มสองตาแล้วว่า เขากับมินซอกกำลังทำอะไรกัน .. ความรู้สึกผิด ความเสียใจ แล่นเข้ามาตีกันในความรู้สึกของลู่หานจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“พี่จะบอกว่าไม่ใช่อย่างที่เห็นหรอ ? พี่คิดว่าผมโง่มากหรือไง” ซองจงตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมองตั้งแต่มินซอกจนถึงลู่หาน
“พี่ทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไงพี่ลู่หาน .. ผู้ชายคนนั้นเป็นคนรักของผมพี่ก็รู้ ! ”
“อย่าโทษลู่หาน”
“ปกป้องงั้นหรอฮะพี่มินซอก รักมากมั้ย รักมันมากมั้ย !! ” น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ทั้งลู่หานและซูโฮ
“ฉันรักลู่หาน .. รักมาตลอดก่อนที่เราจะคบกัน” คำพูดของมินซอกทำให้ลู่หานหันขวับมองอย่างรวดเร็ว
“ม .. มินซอก”
.. มินซอกรักเขามานานแล้วอย่างงั้นหรอ ..
“จะบอกว่าผมเองใช่มั้ย ที่เข้ามาแยกพี่ออกจากกันนะ เหอะ ..” ซูโฮสบทออกมาก่อนจะเหยียดยิ้มให้กับตัวเอง
“แล้วพี่ขอคบผมทำไม บอกว่ารักผมทำไมกัน”
“เพราะฉันเข้าใจผิด คิดว่านายคือลู่หาน .. ฉันขอโทษ”
“มันสายไปมั้ยพี่มินซอก”
ตึง !
ซูโฮผลักข้าวของที่อยู่บนโต๊ะลงหมดก่อนจะพุ่งเข้าถึงตัวลู่หาน ดึงให้ออกห่างจากมินซอกแล้วเหวี่ยงเข้ากับชั้นเหล็กที่ใช้วางรูปปั้นงานศิลปะต่างๆ ลู่หานร้องออกมาด้วยความเจ็บทันที่ที่หลังกระแทกเข้ากับขอบของชั้นวางรูปปั้น
“พี่มันทุเรศ พี่กล้าแย่งของๆผมไปได้ยังไง” ซูโฮเขย่าตัวลู่หานอย่างรุนแรงให้กระแทรกกับชั้นจนสั่นสะเทือนไปหมด ลู่หานไม่ตอบโต้อะไร .. เพราะเขารู้ว่าเขาเองที่ผิด ที่ไปแย่งคนรักมาจากซูโฮ ..
“เป็นชู้กับแฟนชาวบ้านมันสนุกมากมั้ยฮะพี่ลู่หาน ผู้ชายของผมมันลีลาดีมั้ยละ หึ ..”
“หยุดพูดแบบนั้นนะซูโฮ” มินซอกพยายามจับแขนซูโฮไว้ แต่แรงของซูโฮมีมากกว่านั้น สะบัดออกได้ทุกครั้ง
“ขอโทษ .. พี่ขอโทษ ฮึก”
“คำขอโทษ มันเรียกความรู้สึกผมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วละครับ”
“ผมเกลียดพี่”
ออกแรงเต็มที่แล้วผลักลู่หานไปที่ชั้นเหล็กวางรูปปั้นอย่างเต็มแรง จนชั้นทั้งชั้นสั่นไหว รูปปั้นเดวิดที่วางอยู่เหนือศีรษะขึ้นไปหมั่นเหม่ จะตกลงมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ซูโฮผลักลู่หานเข้ากับชั้น และยิ่งซ้ำลงไปอีกครั้งรูปปั้นที่ใกล้จะตกจึงหล่นลงมาอย่างไม่มีใครคาดถึง
แม้แต่คิมมินซอก ..
เพล้ง
“ลู่หาน!!!!” เสียงร้องตะโกนของมินซอกทันทีที่เห็นลู่หานล้มลงต่อหน้า เลือดค่อยๆไหลจากบริเวณศีรษะเปื้อนเต็มพื้นที่ล้มลง ซูโฮมองด้วยแววตาตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เขาไม่คิดว่าไอหุ่นรูปปั้นจะหล่นลงมาใส่หัวลู่หาน .. ถึงปากจะบอกว่าเกลียดไปแล้ว แต่ข้างในมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะสายสัมพันธ์ของเขากับเสี่ยวลู่หานมันมากเกินกว่าจะเกลียดพี่ที่เคารพรักได้ แต่ที่พูดออกไปก็เพราะความโมโห ความอิจฉาที่ประทุกขึ้นในใจจนทำให้เขาเผลอทำร้ายพี่ลู่หานเข้า
“พ .. พี่ลู่หาน”
“โทรเรียกรถพยายาบาล .. โทรเรียกเร็วๆ !!!!!!” มินซอกเงยหน้ามองซูโฮด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะตะเบ่งเสียงใส่ เมื่อเห็นซูโฮลนลานจนมือไม้สั่นไม่เป็นอันหยิบโทรศัพท์
มินซอกตัดสินใจอุ้มลู่หานขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว สวนทางกับเซฮุนที่กำลังเดินผ่านหน้าอาคารศิลปะ
“มินซอก ! ลู่หานเป็นอะไร” เซฮุนลนลานวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นตระหนก ไม่มีเวลาอธิบายอะไรมากมินซอกได้แต่พูดว่า “ผมฝากดูแลซูโฮด้วย”
พูดแค่นั้นแล้วตั้งหน้าวิ่งไปให้ถึงหน้าโรงเรียนเพื่อเรียกรถไปโรงพยายาบาลให้เร็วที่สุด เซฮุนมองตามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะนึกได้ว่ามีอีกคนที่มินซอกฝากฝังไว้
.. ซูโฮ ..
เซฮุนวิ่งเข้ามายังห้องที่เปิดประตูค้างไว้ ร่างของซูโฮที่ทรุดลงกับพื้นใกล้ๆ กองเลือดและร่องรอยของหุ่นรูปปั้นแตกละเอียด แววตาที่เลื่อนลอยออกไปไกลเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงอีกห้วงนึง เซฮุนเห็นแบบนั้นจึงคว้าตัวซูโฮเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ไม่เป็นไรแล้วนะซูโฮ”
“ผม .. ไม่ใช่คนที่พี่มินซอกรักจริงๆด้วย”
“ซูโฮ”
“ผมรู้แล้วว่าพี่มินซอกรักพี่ลู่หานมากแค่ไหน .. เมื่อกี้ถ้าเขาฆ่าผมได้ เขาคงทำ” น้ำอุ่นๆ ไหลออกมาเปื้อนเต็มเสื้อนักเรียนของเซฮุน .. เขาไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาเป็นคำพูดได้ มีแต่ความเห็นใจที่มีให้ซูโฮ .. ซูโฮกำลังเจ็บปวดเจียนตาย เสียงสะอื้นดังอย่างปิดไม่มิด
เซฮุนลูบผมนุ่มอย่างเบามือ .. เขาเคยบอกใช่มั้ย ถ้าซูโฮเจ็บ เขาเจ็บกว่าร้อยเท่า ..
“นายยังมีพี่ .. พี่จะอยู่กับนายเอง”
-Since When-
ดอกไม้สีขาวถูกจัดใส่แจกันทรงสูงข้างหัวเตียงคนไข้ มันถูกเปลี่ยนอย่างดูแลเอาใจใส่ทุกวันเพื่อรอให้คนที่นอนอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาดู คิมมินซอกมองร่างบอบบางที่นอนพันผ้าพันแผลรอบหัว อย่างคะนึงหา .. หลายสัปดาห์แล้วที่เขา ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นดวงตาที่สดใส และรอยยิ้มที่เปิกบานยิ่งกว่าดอกทานตะวันของ เสี่ยวลู่หาน ..
“จะนอนอีกนานมั้ยลู่หาน สายแล้วนะ” กระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบาด้วยความหวังว่าอีกคนจะตื่นตามที่ส่งเสียงปลุก แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากทุกวัน
เสี่ยวลู่หานยังนอนนิ่งแบบนั้น
ตื้ดดดดดดด
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องหรูของมินซอก ทำให้คนที่นั่งกุมมือคนป่วยอยู่ข้างเตียงต้องละมือออกแล้วหยิบขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหลครับ”
[มีแข่งวันนี้ .. นายจะมามั้ยคิมมินซอก]
“ไปสิครับกัปตัน”
[โอเค .. แล้วลู่หานเป็นยังไงบ้าง]
“เหมือนเดิมครับ”
[อย่างงั้นหรอ .. ซูโฮอาการดีขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ]
“ครับ .. ฝากกัปตันดูแลด้วย เพราะผมคงอยู่เคียงข้างเขาไม่ได้อีกแล้ว” มินซอกลูบหลังมือลู่หานอย่างแผ่วเบา เหมือนบอกว่า ต่อไปเขาจะอยู่เคียงข้างเสี่ยวลู่หาน
[ฉันรู้ .. ขอให้ลู่หานฟื้นเร็วๆ นะ]
“ขอบคุณครับ” ยิ้มที่ระบายออกมาจากใจเมื่อได้ยินแบบนั้น อย่างน้อยเขาก็เบาใจได้อย่างหนึ่งว่าซูโฮจะมีคนดูแล .. ในมื่อเขาไม่สามารถดูแลซูโฮได้อีกต่อไป ..
“ฉันไปแข่งบาสวันนี้ จะเอาชัยชนะกลับมาให้นายนะลู่หาน .. นายรีบฟื้นมาให้ฉันมองหน้าหน่อยนะ”
.
.
“รักนะครับ”
.
.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงกรีดร้องของคนบนสแตนด์เชียร์หลังหมดเวลาแข่งขันดังทั่วสนามบาส เมื่อชัยชนะครั้งนี้ตกเป็นของทีมบาสเก็ตบอลประจำโรงเรียนอีกครั้งและคนที่ทำคะแนนลูกสุกท้ายก็ยังเป็นคนเดิม
.. คิมมินซอก ..
เขายิ้มให้กับเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่พากันเข้ามากอดแสดงความดีใจเหมือนเช่นทุกที ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งนั้น .. ที่มีรอยยิ้มของใครบางคนส่งมาด้วย .. แต่ตอนนี้มันไม่มีรอยยิ้มนั้นให้เห็น มินซอกยิ้มบางๆให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหมายเลขปลายสายที่โทรมา รอยยิ้มที่บางเบากลายเป็นยิ้มกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูดออกมา
“จะไปไหนวะมินซอก ไม่ไปฉลองกับพวกเราก่อน” คิมจงแดร้องเรียกเพื่อนสนิทที่คว้าเป้เตรียมวิ่งออกจากโรงยิม
“ไม่ละ ไปกันเถอะ ^^”
“เฮ้ย .. เดี๋ยว ..”
“ปล่อยมินซอกไปเถอะ” เสียงเรียบดังขึ้นข้างๆตัวอีโฮวอน โอเซฮุนยืนมองลูกทีมที่วิ่งออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ทำให้จงแดเลิกคิ้วด้วยความงง ก่อนจะโค้งให้กัปตันทีมแล้วไปรวมตัวกับเพื่อนคนอื่นในทีม
.
.
‘
ญาติคุณเสี่ยวลู่หานใช่ไหมคะ .. ทางโรงพยาบาลจะเรียนให้ทราบว่า คุณเสี่ยวลู่หานฟื้นแล้วนะคะและคุณหมออยากพบญาติผู้ป่วยคะ’
คิมมินซอกวิ่งเข้าประตูโรงพยาบาลอย่างรีบร้อน เสียงเหนื่อยหอบดังมาเป็นระยะเมื่อหยุดรอลิฟท์อยู่ตรงชั้นแรกของโรงพยาบาล แต่เหมือนไม่ทันใจเขาตอนนี้ มินซอกจึงตัดสินใจใช้ทางหนีไฟวิ่งขึ้นไปยังชั้นที่ลู่หานพักฟื้นตัว
“หมอครับ ลู่หานเป็นยังไงบ้าง” ไม่ทันได้มีมารยาทเคาะประตูขออนุญาตคุณหมอเจ้าของห้องคิมมินซอกเปิดพรวดเข้ามา ถามถึงอาการคนรักด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ
“อา .. ใจเย็นๆ นะครับ”
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“ต้องบอกก่อนนะครับว่า อาการตอนนี้ของคุณลู่หานไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว แต่สิ่งที่หล่นมาทับศีรษะนั้นมีน้ำหนักมากเกินกว่าร่างกายคุณลู่หานจะรับไหว”
“แล้วยังไงครับ ? ”
.
.
มินซอกเปิดประตูห้องหมายเลขที่คุ้นเคยอย่างช้าๆ ร่างบอบบางที่นอนแน่นิ่งบนเตียงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์แต่ตอนนี้กลับนั่งตัวตรงจ้องมองไปยังหน้าจอพาสม่าขนาดใหญ่ตรงหน้าที่เปิดช่องรายการการ์ตูนเอาไว้
ลู่หานนั่งดูการ์ตูนด้วยรอยยิ้มอย่างที่เขาเคยได้เห็น .. แค่นี้หัวใจของมินซอกก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แล้ว ..
“ลู่หาน” เสียงเอ่ยชื่อของคนบนเตียงดังขึ้นอย่างเบาๆ ถึงแม้มินซอกจะเดินเข้ามาใกล้แล้วก็ตามแต่ลู่หานก็ยังให้ความสนใจกับสิ่งตรงหน้ามากกว่าอยู่ดี
“ลู่หาน” เอ่ยเรียกอีกครั้งหวังว่าอีกคนจะหันมา และก็สำเร็จเสี่ยวลู่หานหันมามองด้วยแววตาสดใส เอียงหัวตามองศาด้านข้างที่มีมินซอกยืนอยู่ ปากเล็กยู่เข้าหากัน .. ทำให้คิมมินซอกคิดว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า นั้นน่ารักมากเลยทีเดียว .. แต่สิ่งที่ออกจากปากของลู่หานกลับทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“นายเป็นใคร”
“……”
“แล้วใครคือลู่หาน”
.
.
‘แล้วยังไงครับ ?’
‘คุณลู่หานอาจจะมีความทรงจำบางอย่างที่เลือนหายไปนะครับ อาจจะจำไม่ได้ว่าใครเป็นใครที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเขา เหตุการณ์บางอย่างที่กระทบต่อจิตใจเขาก็จำไม่ได้ ’
‘ล .. แล้วจะมีทางหายไหมครับ’ เหมือนมีก้อนสะอึกมาจุกอยู่ที่คอ .. ฟื้นแล้ว แต่จำอะไรไม่ได้ .. พระเจ้ากำลังลงโทษผมอยู่หรือเปล่า
‘โอกาสหายมีนะครับ จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความร่วมมือของญาติ คุณต้องช่วยฟื้นความจำให้เขา’
‘ครับ .. ผมยินดีทำ ถ้าให้ลู่หานกลับมาเป็นเหมือนเดิม’
“ฉันชื่อคิมมอนซอก ส่วนนายชื่อเสี่ยวลู่หาน”
“มินซอก” ลู่หานเอียงศีรษะก่อนจะเอื้อมมือไปแตะแก้มของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง มินซอกหลับตาลงก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ แล้วจับมือลู่หานให้แตะที่แก้มเขาอย่างนั้น
มือหนาจับมืออีกคนแน่นราวกลับกลัวว่าเสี่ยวลู่หานจะหลุดหายไป
“นายเป็นคนรักของฉัน ลู่หาน”
ลู่หานยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด .. เขาไม่รู้ว่าลู่หานจะเข้าใจความหมายของมันไหม ณ เวลานี้ แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน เขาจะทำให้คนที่ชื่อเสี่ยวลู่หานเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนี้
เพราะเสี่ยวลู่หานสำคัญกับคิมมินซอกมากกว่าอากาศที่หายใจ ...
END.
* เพิ่งนึกได้ว่าเรื่องนี้ยังแต่งไม่จบ #ขอโทษ 55555555555555555555555555
มาเปิดในโน๊ตบุ๊คดูเลยนึกขึ้นได้ กราบขออภัยจริงๆ เพราะช่วงนี้แทบไม่ได้แตะ-......-
#หายไปหลายวัน ที่บ้านไหว้บรรพบุรุษค่ะ 555555555555555
วุ่นวายมาก ญาติโกโหติกาแห่กันมาจนล้นบ้าน ไม่มีที่จะนอน ต้องกางเต้นท์ OTL ลำบากแท้ 5555555555
เรื่องใหม่คิดพล็อตกับคู่ไว้แล้ว เจอกันเร็วๆนี้นะคะ ^^ #ชุ้บ <3
ความคิดเห็น