ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I want to see you again

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 13 : I want to see again (Ending)

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 57




    ประมาณสองร้อยปีที่แล้ว ที่อาณาจักรแอเรนเดลล์ หลุมศพของเอลซ่า
     

             หลังจากที่ชาวเมืองได้กลับไปหลังจากเสร็จพิธีกรรมแล้ว ข้าก็รอจนอันนา คริสตอฟ และ คริสติน่า พาอลิสกลับไปยังปราสาท พอข้าเห็นว่าที่นี่ไม่เหลือใครแล้วข้าก็ค่อยๆก้าวเดินไปยังหลุมศพของยอดรักของข้าที่ตอนนี้ป้ายชื่อของเธอตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเพียงลำพัง พอข้าก้าวไปถึงก้อนหินที่สลักชื่อของเธอเอาไว้ ด้านบนชื่อของเธอได้มีข้อความ ข้อความหนึ่งที่ถูกเขียนเป็นภาษานอร์เวย์โบราณ ซึ่งข้าก็อ่านไม่ออกว่ามันเขียนว่าอะไร แต่ชื่อของเธอนั้นได้เขียนไว้อย่างชัดเจน ข้าก็เอื้อมมือเข้าไปลูบชื่อที่ถูกแกะสลักอยู่ตรงนั้น ข้าก็ก้มหน้าทำใจซักครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับหินก้อนนั้นราวกับเธอได้ยืนฟังข้าอยู่ตรงหน้าข้าพยายามที่จะฝืนยิ้มทั้งๆที่ตอนนี้ข้ารู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมากในที่สุดข้าก็เริ่มพูดออกมาว่า

    เอลซ่า

    คุณจากผมไปแล้ว ผมรู้ว่ายังไงวันก็ต้องมาถึง

    ผมรู้ ผมรู้ว่าต้องอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้

    ผมพยายามที่จะเข้มเข็งเพื่อให้คุณสบายใจแล้วไม่ต้องเป็นห่วง

    แต่ผมยังทำใจไม่ได้ที่เสียคุณไปนะเอลซ่า

    คุณรู้ไหมว่าผมเสียใจแค่ไหนตอนที่คุณจากไป

    แต่ผมไม่ร้องไห้เพราะผมสัญญากับคุณแล้วไปนิผมพูดเสร็จก็ถอดผ้าคลุมออก แล้วเอามันไปพาดไว้ที่ป้ายหลุมศพของเธอ

    ผมจะทิ้งผ้าคลุมผืนนี้เอาไว้ให้คุณห่มนะ

    มันจะได้เหมือนว่าผมจะคอยโอบกอดคุณอยู่เสมอไงเอลซ่า

    ผมรู้เอลซ่าผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร

    ก็คุณเล่นถามคำถามแบบนี้กับผมมาเป็นพันครั้ง

    ผมก็ตอบคุณกลับไปเหมือนๆกันทุกครั้ง

    I will always love you forever (ผมขอสัญญาว่าจะรักคุณตลอดไป)

    ……………………………………………………………………………………………………………………………
     

    ราชวังแอเรนเดลล์ วันสุดท้ายที่เอลซ่าได้อยู่กับข้า
     

             ตอนนี้ข้ายืนอยู่ที่ห้องโถงกลางปราสาทพลางย้อนนึกวันเวลาทั้งหมดที่ผ่านมา ข้าว่าข้าใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้กับเอลซ่ามานานพอสมควร เพราะว่านี่ก็ผ่านมาเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ข้าได้รู้จักและได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนางในฐานะราชาแห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์ ในฐานะคนรักของนาง และในฐานะพ่อของลูก มีเรื่องราวมากมายไม่ว่าเรื่องสุขหรือทุกข์ ข้าอยู่กับนางเสมอไม่ว่านางจะเป็นอย่างไร ข้ารู้สึกมีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับนางพร้อมกับลูกสาวลูกคนแรกและเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างสละราชสมบัติให้อันนากับคริสตอฟปกครองเมืองนี้แทนเมื่อประมาณสี่เดือนที่แล้วในวันเกิดของอลิส แต่หลังจากนั้นไม่นานเอลซ่าก็เริ่มป่วยสุขภาพทรุดโทรมลงเรื่อยๆ  ข้าก็พยายามหาแพทย์มารักษานาง แต่ก็ไม่เป็นผลสุขภาพร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ จนข้าเริ่มหวั่นใจเพราะตอนนี้นางก็ได้แต่นั่งนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสามเดือนแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะถึงวันที่นางจะจากข้าไปตลอดกาล ข้ารู้ว่าซักวันมันย่อมเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น แต่ข้ายังทำใจไม่ไดั ข้ากลัวมากกลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนที่ข้าจะคิดอะไรให้กังวลไปมากกว่านี้จู่ๆอลิสก็มาสกิดแขนข้า
     

    "ท่านพ่อคะ" อลิสทักข้ามา
     

    "มีอะไรเหรออลิส" ข้าถามกลับไป
     

    "ท่านแม่เรียกคะ" อลิสพูดมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหดหู่
     

    "มีอะไรไม่สบายใจเหรอลูกพ่อ" ข้าถามไป
     

    "คือเรื่องของท่านแม่..." อลิสพูดออกมาข้าก็พอรู้ว่าเรื่องอะไร
     

    "งั้นพ่อไม่ถามแล้วกันนะอลิส" ข้าพูดออกไปพร้อมกับพูดต่อว่า
     

    "เพราะพ่อจะได้ไม่ต้องถามคำถามที่พ่อไม่อยากรู้คำตอบ" ข้าพูดออกไปพร้อมกับลูบหัวของอลิสอย่างเอ็นดู
     

    "ท่านพ่อ" อลิสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยพร้อมกับกอดข้าเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ออกมา
     

    "หนูเห็นภาพท่านพ่อ...หนูเห็นภาพท่านแม่ท่าน...ฮือ(เสียงร้องไห้)"อลิสพูดออกมาพร้อมกับร้องไห้ข้าก็กอดตอบกลับไป
     

    "พ่อรู้อลิสพ่อรู้ว่าลูกเห็นอะไร" ข้าตอบกลับไปโดยพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ซักพักอลิสก็คลายกอดแล้วพูดขึ้นมา
     

    "เดี๋ยวหนูพาท่านพ่อไปหาท่านแม่นะคะ" อลิสพูดขึ้นมาพร้อมกับเช็ดน้ำตาออก ข้าไดิยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาเป็นเชิงตอบรับ ซักพักอลิสก็พาข้าไปหาเอลซ่าที่ห้องนอนของเอลซ่าความเป็นจริงมันเป็นห้องที่ข้านอนกับนางตลอดดังนั้นต้องเรียกว่าเป็นห้องนอนของเราตะหากถึงจะถูก
     

    พอข้าเดินถึงหน้าห้องนอนของข้ากับเอลซ่าตอนนี้ที่หน้าห้องมีอันนา คริสตอฟ และคริสติน่า ยืนอยู่ระหว่างบานประตู พอข้าเดินเข้าใกล้ประตูครอบครับของอันนาก็เดินมาขวาง คริสตอฟวางมือไว้บนไหล่ข้าเบาๆแล้วพูดว่า
     

    "ท่านมั่นใจนะว่าจะพบเอลซ่า" ข้ากำลังจะตอบแต่อันนาพูดแทรกมาก่อนว่า
     

    "น้องว่าพี่แจ็คอย่าพึ่งพบพี่เอลซ่าดีกว่า" อันนาพูดขึ้นมา
     

    "ทำไมละ อันนา" ข้าถามไป
     

    "อะ...เอ่อ" อันนาพูดอ้ำอึ้งข้าก็ปัดแขนคริสตอฟออกจากไหล่แล้วพยายามเดินไปที่ประตู แต่คริสติน่าดึงแขนข้าไว้
     

    "คริสติน่าว่าคุณลุงอย่าเข้าไปหาคุณป้าดีกว่าคะ" คริสติน่าพูดขึ้นมา พอข้าไดิยินข้าก็หันกลับมาพร้อมกับวางมือไว้ที่ไหล่ของคริสติน่าแล้วพูดว่า
     

    "คริสติน่าฟังลุงนะ" ข้าพูดออกไป
     

    "ลุงสาบานไว้กับป้าของหนูว่าต่อให้เกิดอะไรเราทั้งคู่จะไม่ทิ้งกัน" ข้าพูด
     

    "ตอนนี้ป้าของหนูป่วย ทำไมหนูต้องขัดขวางลุงด้วยละ" ข้าพูดออกไป ดูเหมือนคริสติน่าเข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ พอข้าเห็นแบบนั้นก็ปล่อยมือออกจากไหล่ของหลานสาวแล้วเดินเข้าห้องไป
     

    พอข้าเดินเข้าห้องแล้วก็ค่อยๆปิดประตูอย่างแผ่วเบา พอประตูปิดสนิทข้าก็ค่อยๆเดินไปที่เตียงของข้ากับเอลซ่าซึ่งตอนนี้เธอกำลังนั่งแล้วยิ้มมาให้ ข้าก็ยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับเดินเข้าไปหา พอข้าถึงเตียงนอนข้าก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเตียงนอน พร้อมกับยกมือของเธอขึ้นมาแล้วจูบไปที่มือนั้นแล้วจ้องมองใบหน้าของเธอ วันนี้เอลซ่ามัดผมเป็นเปียข้างเดียวแบบทุกทีเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นชุดกระโปรงสีน้ำตาลตัดกับแถบสีน้ำเงิน ใบหน้าของเธอนั้นไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่แต่ก็มีริ้วรอยเล็กน้อยตามอายุ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ดูสาวกว่าคนรุ่นเดียวกันถึงตอนนี้เธอจะอายุ60กว่าๆแล้วก็ตาม
     

    "สวัสดียามเย็นครับที่รัก" ข้าพูดออกไปเอลซ่าก็ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบมาว่า
     

    "เช่นเดียวกันคะ" พอเธอตอบกลับมาข้าก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
     

    "วันนี้เป็นยังไงบ้างเอลซ่า" ข้าถามไปพร้อมกับกุมมือเอาไว้
     

    "ก็เหมือนทุกวันคะแจ็ค แคก(เสียงไอ)...แคก" เอลซ่าตอบกลับมา
     

    "อาการไม่ดีขึ้นเลยเหรอเอลซ่า" ข้าถามไปด้วยความเป็นห่วง แต่เธอส่ายหน้าตอบกลับมาแล้วพูดออกมาว่า
     

    "จะว่าดีก็ดีจะว่าแย่ก็แย่
     

    "ทำไมละเอลซ่า...ทำไม...ผมก็พยายามหาแพทย์หลวงจากหลายๆที่มารักษาคุณแล้วนะ ทำไมอาการป่วยของคุณถึงไม่ดีขึ้นเลยละ" ข้าถามไปดัวยความรู้สึกที่คับแค้นใจที่ไม่สามารถหาทางช่วยเหลือเธอได้เลย
     

    "อย่าคิดแบบนั้นสิคะที่รัก ฉันรู้ว่าคุณพยายามเพื่อฉันขนาดไหนแจ็ค" เอลซ่าพูดออกมาแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง
     

    "แต่แพทย์หลวงทุกคนที่ท่านพามาต่างบอกว่าโรคนี้ฉันเป็นคนแรกที่เป็น แต่พวกเขาก็พยายามหาทางรักษาฉัน เพราะฉะนั้นแจ็ค คุณอย่ากังวลสิคะ" เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับลูบหน้าข้าอย่าแผ่วเบาข้าก็เอามือกุมมือเธอไว้แล้วเอามาแนบที่แก้มของข้า
     

    "แต่ผมกลัวนะเอลซ่า ผมกลัวว่าผมจะเสียคุณไป" ข้าพูดออกไปพร้อมกับนำมือของเธอไปไว้ที่ตักของเธอแล้วกุมมือนั้นไว้แน่นขึ้น
     

    "อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิดคะที่รัก" เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
     

    "แต่คุณสัญญากับฉันได้ไหมคะว่าถ้าฉันจากไปแล้วคุณจะไม่ร้องไห้" เอลซ่าพูดต่อทำเอาข้าตกใจเล็กน้อย
     

    "คุณยังอยู่ได้อีกนานเอลซ่า แต่ก็ไม่เป็นไรผมสัญญาว่าผมจะไม่ร้องไห้" ข้าพูดกลับไปพร้อมกับสัญญากับเธอ เธอก็ยิ้มกลับมาให้
     

    "ที่รักคะ" เอลซ่าเรียกข้า
     

    "ครับ?"ข้าขานรับด้วยความสงสัย
     

    "คุณช่วยมานั่งตรงนี้ได้ไหมคะ" เอลซ่าพูดขึ้นมาพร้อมกับเอามือตบตรงที่ว่างบนเตียงนอนข้างๆเธอ ข้าก็พยักหน้าแล้วเดินอ้อมเตียงแล้วขึ้นไปนั่งข้างๆเธอ
     

    "กอดฉันหน่อยสิคะ" เอลซ่าพูดขึ้นมา
     

    "ตะ...แต่" ข้าพูดออกไป
     

    "จะกอดหรือไม่กอดคะ" เอลซ่าพูดมาด้วยน้ำเสียงเชิงสั่
     

    "กอดคราบยังไงผมก็ต้องการกอดอยู่แล้ว" ข้าตอบกลับไปพร้อมกับทำตามที่เธอขอมา
     

    ตอนที่ข้ากอดเอลซ่าอยู่บนเตียงเธอก็พยายามขยับตัวมานั่งใกล้ๆ ข้าก็ช่วยเธอโดนการขยับตัวเข้าหาแล้วก็ยกเธอให้มานั่งบนขาของข้าข้างหนึ่งแล้วกอดเธอเอาไว้
     

    "กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้นั่งกันในท่านี้นะ" เอลซ่าพูดขึ้นมา
     

    "ไม่รู้สิแต่ก็นานพอสมควรเลยละ" ข้าตอบกลับไป
     

    "แล้วทำไมจู่อยากให้ผมกอดขึ้นมาละที่รัก" ข้าถามไป
     

    "ฉันแค่อยากเก็บความรู้สึกดีๆที่เกี่ยวกับคุณเอาไว้" เอลซ่าพูดขึ้นมา แล้วนิ่งไป
     

    "อย่าพูดแบบนั้นสิเอลซ่า ทำไมพูดอย่างกับคุณจะจากผมไปงั้นแหละ" ข้าถามไป
     

    "คุณเคยได้ยินคำๆนี้ไหมคะที่ว่า ชาติหน้ามาก่อนวันพรุ่งนี้ นะ" เอลซ่าตอบกลับมาพร้อมกับถาม ข้าก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
     

    "ฉะนั้นฉันก็จะไม่ประมาทฉันจะเก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้ในความทรงจำของฉัน" เธอพูดต่อพร้อมกับมองไปที่หน้าต่างบานที่ข้าเคยนอนพักตอนที่พึ่งรู้จักกันใหม่ๆ ข้าก็หันไปตาม
     

    "ภาพในเมืองตอนนี้ดูสวยดีนะคะว่าไหม" เอลซ่าพูดออกมา
     

    "ใช่สวยงามมาก เพราะเธอดูแลนั่นแหละมันถึงได้สวยงามแบบนี้" ข้าพูดเชิงยกยอเล็กน้อย
     

    "ไม่ใช่แค่ฉันหรอกนะ ทุกๆคนนั่นแหละที่มีส่วน" เธอพูดสวนมา
     

    "จ้า..." ข้าตอบกลับไปแล้วเราทั้งครู่ก็นิ่งเงียบไม่พูดคัยอะไรเปฺนเวลานานพอสมควร
     

    "แจ็คคะ คุณยังรักฉันไหมถึงฉันจะแก่หรือตายจากไป" เธอถามคำถามแบบนี้อีกครั้ง
     

    "เอลซ่าผมก็จะตบกลับเปฺนแบบเดิมคือ ตลอดกาล...และตลอดไป" ข้าก็ตอบกลับไป
     

    "ขอบคุณนะ" เอลซ่าพูดออกมา
     

    "ขอบคุณทุกๆอย่างที่คุณทำให้ฉัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์" เอลซ่าพูดต่อ
     

    "ก็เราเป็นสามีภรรยากันนะเอลซ่า ต่อให้เราจะไม่ใช่ข้าก็จะรักเจ้าอยู่ดี" ข้าพูดกลับไป
     

    "คุณนี่ช่างพูดให้กำลังใจฉันจริงๆนะแจ็ค" เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ
     

    "ก็เราอยู่ด้วยกันมาจะทั้งชีวิตแล้วนะเอลซ่า" ข้าพูดพร้อมกับยิ้มไปให้
     

    "ไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข" เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ
     

    "แต่สำหรับผมมันมีแต่ความสุข" ข้าพูดออกไปดูเหมือนเอลซ่าจะยิ้มออกมา เราก็นิ่งเงียบไม่พูดคุยกันเป็นเวลานานพอสมควรระหว่างที่เรานิ่งเงียบข้าก็นั่งกอดเธอให้แน่นขึ้นเล็กน้อยเพราะกลัวเธอหนาว
     

    "ฉันขอนอนทั้งๆแบบนี้ได้ไหมคะแจ็ค" เอลซ่าถามมา
     

    "ได้สิคุณขออะไรมาผมเคยขัดที่ไหนละ" ข้าพูดออกไปเอลซ่าก็หัวเราะออกมาเบาๆ
     

    "งั้นอย่าบ่นแล้วกันนะ" เอลซ่าพูดออกมา
     

    "คราาาบ" ข้าตอบกลับไปเอลซ่าก็เอาตัวมาพิงที่ข้าแล้วเริ่มนอน
     

    "ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ" เอลซ่าพูดออกมา
     

    "ครับ" ข้าขานรับ
     

    "พักผ่อนเถอะเอลซ่า" ข้าพูดออกไป ไม่นานหลังจากที่นางก็นอนหลับไปข้าก็ลูบหัวของนางเบาๆอย่างเอ็นดู ซักพักข้าก็ค่อยๆหลับไป
    .
    .
    .
    เช้าวันใหม่

     

    ข้าค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับค่อยๆหันไปมองที่เอลซ่าที่ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของข้าอยู่ แต่พอข้าหันไปกลับเห็นผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทำเอาข้าตกใจ
     

    "เอลซ่า" ข้าเรียกชื่อพร้อมกับปลุก
     

    "เอลซ่าตื่นสิ" ข้าเรียกชื่อของเธออีกครั้งพร้อมกับเขย่าตัวเธอด้วย
     

    "เอลซ่าอย่าเล่นกับผมแบบนี้สิมันไม่ขำนะ" ข้าพูดออกไปพร้อมกับเอามือไปวางไว้ที่ต้นคอเพื่อเช็คชีพจรว่ายังเต้นอยู่ไหม แต่มันไม่เต้น
     

    "ไม่เอลซ่าไม่" ข้าพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่นองอยู่ในนัยตา
     

    "อยากจากผมไปแบบนี้สิเอลซ่า"
    "

    "ผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคุณ"
    "


    "เอลซ่า"

     

    "ฟื้นขึ้นมาสิ" ข้าพูดออกไปพร้อมกับก้มหน้า
     

    "เอลซ่า...ได้โปรด" ข้าอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผลเพราะเธอไดัไปแล้ว และตอนที่ขิากำลังจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาข้ากลับนึกคำพูดที่เธอเคยพูดออกมา
     

    "แต่คุณสัญญากับฉันได้ไหมคะว่าถ้าฉันจากไปแล้วคุณจะไม่ร้องไห้
    "

    "คุณยังอยู่ได้อีกนานเอลซ่า แต่ก็ไม่เป็นไรผมสัญญาว่าผมจะไม่ร้องไห้" ข้าพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดเร็วขนาดนี้ พอข้านึกไดัข้าก็ทำตามคำสัญญา ข้าก็ค่อยๆคลายกอดจากเธอแล้วเดินลงจากเตียง แล้วเดินไปที่ห้องแต่งตัวไปเอาชุดของเธอจากไปห้องนั้นพอขิาออกมาข้าก็ไม่ลืมที่จะหยิบเพชรที่ข้าได้ไว้ให้เธอมาด้วย ปกติเพชรเม็ดนี้จะประดับเอาไว้ที่หัวเตียง แต่ตั้งแต่ที่เอลซ่าป่วยเธอก็เอามันมาเก็บไว้ในห้องนี้
     

             หลังจากที่ข้าหยิบชุดของเธอมาได้ข้าก็เริ่มทำความสะอาดตัวของเธอโดยการเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเอามาเช็ดตามตัวเพื่อทำความสะอาดร่างกาย พอเสร็จแล้วข้าก็พรมน้ำหอมกลิ่นที่เธอชอบเพื่อให้เธอมีกลิ่นที่หอมน่าหลงใหลเหมือนตอนที่ยังสาว ข้าพยายามสวมชุดใหม่ใหัเธอแทนชุดเก่าซึ่งมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะรูปร่างของเธอนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ถึงแม้ว่าเธอจะคลอดลูกมาเท่าไหร่ก็ตาม หลังจากที่ข้าสวมชุดให้เธอเสร็จแล้วข้าก็จัดร่างของเธอให้อยู่ในท่านั่งแล้วก็ปล่อยผมของเธอแล้วเริ่มหวีให้ใหม่ พอข้าหวีเสร็จแล้วก็พยายามมัดผมให้กลับเป็นเหมือนเดิม พอข้าทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแล้วข้าก็เสกโลงน้ำแข็งขึ้นมาแล้ววางดอกไม้เอาไว้เพื่อเป็นเบาะรองร่างไร้วิญญาณของเธอ พอข้าวางดอกไม้เสร็จแล้วข้าก็ค่อยๆช้อนตัวเธอขึ้นมาแล้ววางไว้ในนั้นหลังจากที่ข้าวางเธอไว้ในโลงข้าก็จัดท่าทางของเธอโดยให้เอามือกุมเอาไว้ที่กลางอกพอข้าจัดเสร็จแล้วก็วางเพชรเม็ดนั้นไว้ระหว่างมือทั้งสองโดยให้ข้อความที่สลักไว้ว่า I will always beside you forever อยู่ด้านหน้าพอข้าทำทุกอย่างเสร็จแล้วข้าก็ทำก้มหน้าไปจูบที่กลางหน้าผากเป็นเชิงบอกลาและสุดท้ายข้าก็เสกให้ฝาโลงน้ำแข็งนั้นปิดลง ตอนที่มันกำลังปิดข้าก็พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติขึ้นมาว่า
     

    “หลับให้สบายนะครับที่รัก”
    .
    .
    .

    ยุคปัจจุบัน

     

             หลังจากที่ข้าเล่าเรื่องราวของข้าเสร็จแล้วข้าก็ปิดสมุดลง แล้วเงยหน้าไปมองเทพผู้พิทักษ์คนอื่นปรากฏว่าทุกคนต่างมีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่พี่จิงโจ้(บันนี่มัน)ก็ยังมีซึมๆ แต่ที่หนักสุดคงจะเป็นทูธที่ร้องไห้ออกมาจะอลิสต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับให้
     

    "น้าทูธคะ เรื่องนี้ก็ผ่านมานานแล้วนะคะ นี่แค่เรื่องเล่าไม่ต้องอินขนานนั้นก็ได้คะ" อลิสพูดออกมาพร้อมกับซับน้ำตาให้ แล้วหันไปที่พี่จิงโจ้(บันนี่มัน)
     

    "ลุงบันนี่ด้วย ตัวออกจะโตบ่อน้ำตาตื่นจังคะ" อลิสพูดเชิงจิกกัดใส่
     

    "อะ...อะไรข้าไม่ได้ร้องไห้ซักหน่อย" บันนี่พูดออกมา พร้อมกับปาดน้ำตาออก
     

    "พี่จิงโจ้ร้องไห้ก็รับมาเถอะ ข้าไม่ถือหรอก" ข้าพูดออกไปแบบขำๆดูเหมือนบันนี่มันจะขึ้นลุกขึ้นมาทำท่าจะคว้ามุมเมอแรงแต่กลับไม่มี
     

    "หาอันนี้อยู่เหรอคะคุณลุง" อลิสพูดออกมาพร้อมกับโบกมุมเมอร์แรงให้ดู
     

    "เจ้าเอาไปตอนไหน" บันนี่มันถาม
     

    "ตั้งแต่พวกท่านพ่อกับคุณลุงเข้ามาปราสาทแล้วคะ" อลิสตอบกลับไป
     

    "นี่เจ้า..." บันนี่พูดออกมา
     

    "หยุด" นอร์ทพูดออกมาทุกคนก็หันไปมอง
     

    “ที่นี่เป็นบ้านของ แจ็ค ฟรอสต์ เราต้องเคารพสถานที่ด้วยบันนี่” นอร์ทพูดออกมาห้ามปราม
     

    “แล้วนายทำใจได้รึยัง” ทูธถามมา
     

    “เรื่องอะไร?” ข้าถามกลับไป
     

             “เรื่องเอลซ่า” ทูธตอบกลับมา ข้าก็เงียบกลับไป สุดท้ายก็พูดขึ้นมาว่า
     

             “ข้าขอไม่ตอบแล้วกัน”
     

             “แต่พวกเจ้าจะอ่านบันทึกนี้ไหมละ” ข้าพูดพร้อมกับชูสมุดบันทึกของตัวเองขึ้นมา
     

             “ไม่แล้วกัน แค่นี้ก็น่าจะทำร้ายจิตใจเจ้ามากพอแล้วละ” นอร์ทพูดขึ้นมาพร้อมกับบิดขี้เกียจ
     

             “แล้วข้าว่าจะพักนิดหน่อย เสร็จงานมาเหนื่อยๆขอนอนสบายๆซักวันก็แล้วกัน” นอร์ทพูดขึ้นมาเชิงบอกว่า ข้าจะไปนอนแล้วนะพาข้าไปห้องนอนหน่อย พอข้าได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มขึ้นมาแล้วพูดขึ้นมาว่า
     

             “งั้นตามข้ากับอลิสมาเลยแล้วกัน” ข้าพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วพาผู้พิทักษ์คนอื่นๆไปยังห้องรับรองของแต่ละคน พอข้าพาผู้พิทักษ์เข้าห้องแล้วก็เดินไปที่ห้องของตัวเองพร้อมกับอลิส ที่นอนอยู่ห้องข้างๆ
     

             “พ่อไม่คิดว่าลูกจะเก็บสมุดนี้ไว้นะเนี่ย” ข้าพูดออกมาพร้อมกับโชว์สมุให้ดู
     

             “ก็สมุดนี่เป็นสิ่งเดียวที่เป็นของของท่านพ่อนะคะ” อลิสตอบกลับมา
     

             “แล้วลูกได้เปิดอ่านไหม” ข้าถามอีกครั้ง
     

             “ก็นิดหน่อยคะ แหะๆ” อลิสตอบกลับมาโดยหัวเราะแบบเขินเล็กน้อย ข้าก็ขยี้หัวลูกสาวตัวดีไปทีหนึ่ง
     

             “จบปริญญามากี่สิบใบแล้วยังทำตัวแบบนี้อีก” ข้าพูดออกไป
     

             “ท่านพ่ออย่าเล่นผมของหนูสิ ดูดิผมเสียทรงหมดแล้ว” อลิสพูดอออกมาพร้อมกับงอนข้าเล็กน้อย
     

             “จ้าเจ้าตัวแสบ” ข้าพูดออกไปเชิงล้อเลียน ออลิสก็เดินงอนตุ๊ปป่องนำข้าไปยังที่ห้องนอนของข้า
     

             “นิสัยแบบนี้เหมือนเอลซ่าดีแหะ” ข้าพูดออกมา เพราะมันเหมือนจริงๆ
     

             ระหว่างที่ข้าเดินไปยังห้องนอนของตัวเองข้าก็นึกย้อนในเหตุการณ์ในห้องใต้ปราสาท เพราะมันแปลกประหลาดมากเพราะหลังจากที่ข้าร้องไห้อยู่ในห้องนั้นจู่ๆก็มีแสงจันทร์ส่องมาตรงที่ร่างของเอลซ่าพอดีแล้วจากนั้นเกิดแสงสว่างวาบพอแสงนั้นหายไปกลับไม่มีร่างของนางนอนอยู่ตรงนั้นแต่ตรงที่นางนอนกลับเป็นสมุดของข้าที่วางอยู่โดยที่เพชรที่นางกุมเอาไว้บนอกนั้นวางอยู่บนปกของมัน พอข้ากำลังจับต้นชนปลายข้าก็เดินถึงห้องของข้าพอดี ข้าเห็นอลิสยืนอยู่ที่หน้าประตูอีกบานหนึ่ง(ประตูบานคู่) ข้าก็กำลังผลักประตูเพื่อเข้าไปในห้อง แต่ก่อนที่ข้าจะผลักสุดข้าก็หันไปถามอลิสว่า
     

             “วันนี้จะนอนห้องของพ่อไหมอลิส” ข้าถามไปอลิสก็ส่ายหน้าเป็นการตอบ
     

             “หนูว่าจะไปเอาของในห้องของท่านพ่อหน่อย” อลิสพูดออกมาข้าก็ยิ้มไปให้พร้อมกับค่อยๆผลักประตูเข้าไปในห้อง
     

             ตอนที่ประตูกำลังจะเปิดข้าก็เห็นคนๆหนึ่งอยู่ในห้องของข้าที่ตอนนี้กำลังยืนหันหน้าพร้อมกับยิ้มมาให้ เชิงต้อนรับแต่ทำไมความรู้สึกตอนที่เห็นข้ากลับรู้สึกคุ้นๆหน้าอย่างบอกไม่ถูก และตอนที่ประตูเปิดหมดทั้งข้าและอลิสก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าประตู ข้าแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าข้าพบเห็นอะไร ข้าหวังให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตลอด แต่ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเป็นความจริง หากว่านี่เป็นความฝันข้าคงไม่อยากตื่นแล้วละ ระหว่างที่ข้ายืนอึ้งอยู่นั้นอลิสนั้นก็วิ่งไปหาคนๆนั้นพร้อมกับกระโดดกอดด้วยความคิดถึง ข้าก็มองภาพที่อยู่ตรงหน้าข้าไม่ได้เห็นภาพนี้มานานกี่ปีแล้ว ภาพที่แม่กับลูกกอดกันด้วยความคิดถึงแบบนี้ ดูเหมือนเธอคนนั้นจะเห็นข้าด้วย เธอเลยคลายกอดจากอลิสแล้วหันมาหาข้าแล้วยิ้มให้
     

             “ฉันกลับมาแล้วคะที่รัก” เธอพูดคำนั้นออกมา ทำเอาข้ายิ้มแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความปิติ ในที่สุดเธอก็กลับมาคนแรกที่ข้ารักคนแรกแคนเดียวที่ข้าจะรักตลอดไป ข้าก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วกอดเธอเอาไว้เหมือนไม่อยากแยกจากกันอีก ข้ากอดเธอแน่นขึ้นพร้อมกับพูดประโยคหนึ่งออกมามันมักจะเป็นประโยคที่เธอมักพูดกับข้าเสมอ
     

    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ” ข้าพูดออกไปพร้อมกับคลายกอดแล้วกุมมือเธอเอาไว้เราก็ยืนยิ้มให้กันอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งและสุดท้ายข้าก็กล่าวออกมาคำๆหนึ่ง

    .

    .

    .

    “เอลซ่า”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    The End

     
    คลิ๊กซะ

    …………………………………………………………………………………………………………………..
     

             จบไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อเรื่องของนิยายชุดนี้ ผมขอขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านพันกว่าครั้งนะครับเพราะถ้าไม่มีพวกคุณผมคงไม่มีทางแต่งเรื่องนี้จบแน่ๆต้องขอขอบคุณจริงๆนะครับที่ติดตามนิยายชุดนี้
     

             ขอขอบคุณทุกๆในคอมเม้นที่เขียนมานะครับผมขอบอกเลยว่าทุกคอมเม้นที่เขียนมาผมนั้นได้อ่านทั้งหมดไม่ต้องน้อยใจกันนะครับว่าผมยังไม่ได้อ่านของใคร แต่ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ตอบคอมเม้นเพราะผมไม่รู้ว่าจะตอบไปยังไงดีแหะๆ
     

             ขอบอกอะไรนิดหน่อยนะครับฟิคเรื่องนี้ผมลงครั้งแรกเมื่อ วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.. 2557 และฟิคนี้ก็ลงวันสุดท้าย วันศุกร์ที่  6 มิถุนายน พ.. 2557 ทำไมนะหรือไม่ใช่เพราะมันวันศุกร์เหมือนกันหรอกครับเพียงแต่วันที่ 6 มิถุนายนคือวันคล้ายเกิดของผมเองก็เลยฉลองโดยการที่ลงตอนสุดท้ายในวันเกิดตัวเองซะเลย
     

             อ้อส่วนเรื่องฟิคอย่าลืมติดตามอีกสองฟิคใหม่ด้วยนะครับคือเรื่อง 4 Knight of Gwyn (Artorias&Ciaran) ที่เป็นแนวแฟนตาซีที่อ้างอิงมาจากเกม Dark Souls ที่บอกเนื้อเรื่องมาแค่80% เรื่องนี้ผมจะแต่งอยู่ในช่วง 20% ที่หายไปมีฉากหวานบ้างโหดบ้างอะไรบ้างอย่าลืมติดตามกันนะครับ ลอีกเรื่องหนึ่งคือ Disney Hunger Games ตัวเอกก็จะเป็นคู่ Jack&Elsa เหมือนเดิมครับ แต่ขอบอกอะไรไว้ก่อนนะครับสองเรื่องนี้ผมจะไม่ได้ลงเหมือนฟิคเรื่องนี้เพราะเปิดเทอร์มแล้วแถมยังต้องมีสอบเข้ามหาลัยอะไรอีก ก็เลยคาดว่าอาจจะลงเดือนละตอนอย่าหนีหายกันไปนะครับขอร้องลงละ แต่ถ้าผมมีที่เรียนแล้วก็คงจะกลับมาอัพอาทิตย์ละครั้งเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้ผูอ่านทุกๆท่านพอแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตขอให้ได้ทุกๆสิ่งที่ปรารถนาและขอให้ประสบความสำเร็จในทุกๆด้านสุขภาพแข็งแรงอายยืนนาน

     

    แล้วสุดท้ายนี้ขอลาไปก่อนนะรับสวัสดีครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×