ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I want to see you again

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 12 : Alize Story (Crossover melt your heart) (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 723
      3
      23 พ.ค. 57




    กล่าวเตือนคำโตๆ :

            เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเรื่องราวของลูกสาวของแจ็ค ฟรอสต์กับเอลซ่านะครับ โดยที่เนื้อหาจะเป็นการข้ามไปยังนิยายของคุณ Papermail ในเรื่อง Fic.[Jelsa] melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละคร อลิส(Alize) เพราะเนื่องจากตัวละครนี้กล่าวขึ้นมาแล้วก็อยากให้คนรู้จักกันนะครับ หวังว่าจะชอบกันนะครับ

     

    ปล.อลิสนั้นผมสีบลอนซ์เงินจนเกือบขาวไว้ทรงผมอยู่สองทรงคือ เปียสองข้างเหมือนอันนา และปล่อยยาวแล้วรวบผมบริเวณตรงกลางผม ดวงตาสีน้ำเงินไพริน ผิวสีขาว สวมกระโปรงชุดสีฟ้าอ่อนแขนยาวเปิดไหล่ นะครับ

    ส่วนล่างของฟอร์ม

    ……………………………………………………………………………………………………………………………………...

    การที่มีชีวิตอมตะหรือไม่แก่ไม่ตายก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปหรอก
    ความจริงมันเป็นเหมือนเป็นคำสาปมากกว่า
    เพราะมันทำให้เราเห็นคนที่เรารักค่อยๆตายจากไปที่ละคน

                                                                            Alice de Arendelle Frost

    ……………………………………………………………………………………………………………………………………….

     

    Alice de Arendelle Frost :
     

             หลังจากที่ท่านพ่อเล่าเรื่องของท่านถึงตอนที่ท่านแต่งงานเสร็จก็ขออนุญาตพวกลุงๆป้าๆไปข้างนอก ฉันก็พอเดาได้ว่าท่านพ่อจะไปไหน
     

             “นี่แจ็คเขาไปไหนเหรออลิส” น้าทูธถามมา
     

             “สงสัยไปเดินไปหาท่านแม่ที่อยู่ในห้องด้านใต้ปราสาทละมั้งคะ” ฉันตอบกลับไป
     

             “เดี๋ยวนะอลิสร่างราชินีหิมะก็อยู่ข้างบนไม่ใช่” ลุงบันนี่มันถามกลับมา
     

             “ร่างของท่านแม่ที่พวกคุณอาเห็นนั้นเป็นร่างปลอมที่หนูสร้างขึ้นมาคะ” ฉันตอบลุงกลับไป
     

             “ทำไมต้องสร้างร่างเทียมขึ้นมาด้วยละ” ลุงบันนี่มันถามมาอีกครั้ง
     

             “ก็ห้องที่เก็บร่างจริงๆของท่านแม่นั้นพวกคุณไม่สามารถเข้าไปได้คะ เพราะมันเย็นมากอุณหภูมิในห้องนั้นแทบจะเป็นศูนย์องศาสมบูรณ์” หนูตอบกลับไป
     

             “แต่พวกน้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตนะอลิสยังไงพวกน้าก็ไม่มีทางตายรอบสองหรอก” น้าทูธพูดออกมาพร้อมกับหันไปมองผู้พิทักษ์คนอื่นๆ
     

             “ใช่คะที่พวกคุณอาไม่มีทางตายรอบสองเพราะเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าพวกคุณอาเดินเข้าไปในห้องนั้นหนูขอรับรองเลยว่าร่างจะถูกแช่แข็งจนขยับไม่ได้แน่นอนคะ” ฉันพูดเพื่ออธิบายให้เข้าใจ
     

             “แล้วใครบ้างที่เข้าห้องนั้นได้ละ” อานอร์ทถามกลับมา ฉันก็นับนิ้วมือและนึกชื่อ
     

             “ก็มีแต่หนู ท่านแม่ ท่านพ่อ มาชเมลโล่ และโอลาฟ และดอกไม้ที่หนูตัดต่อพันธุกรรมเท่านั้นที่สามารถอยู่ในห้องนั้นได้คะ” ฉันตอบกลับไป
     

             “เดี๋ยวนะเธอตัดต่อยีนพืชเป็นด้วยเหรอ” ลุงบันนี่มันถามมา
     

             “ก็หนูมีชีวิตอยู่มาสองร้อยกว่าปีแล้วนะคะ จบปริญญาเอกมาไม่รู้กี่สิบใบเรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ละคะ” ฉันตอบกลับไปดูเหมือน พวกคุณอาจะตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ฉันพูด
     

             “ถ้าจะถามว่าทำไมหนูถึงทำได้ หนูก็ต้องขอบอกเลยว่าหนูมีเครือข่ายที่มีอิทธิพลเยอะคะ” ฉันตอบกลับไปคนที่ช็อคมากที่สุดเหมือนจะเป็นลุงบันนี้มัน ซักพักมาชเมลโล่ก็เดินเข้ามา
     

             “อ้าวพี่มาชเมลโล่มาได้จังหวะพอดี” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับดึงมาชเมลโล่มา
     

             “แปปนะแจ็คเล่าว่ามาชเมลโล่เป็นมนุษย์หิมะร่างกายใหญ่ยักนิ ทำไมรูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดนี้ละ” อานอร์ทถาม
     

             “ก็หนูโมเสียใหม่ไงคะ เป็นยังไงบ้างคะฝีมืหนู” ฉันพูดออกไปพร้อมกับอวดเจ้ามาชเมลโล่
     

             “คุณหนูเอาดิฉันมาตรงนี้ทำไมคะ” มาชเมลโล่ถามมาด้วยสีหน้าที่ประหม่าเล็กน้อยเพราะสองร้อยปีที่ผ่านมานี้ มาชเมลโล่ไม่เคยเจอใครเลยนอกจากเพื่อนๆยุคใหม่ของฉัน
     

             “ก็อยากอวดฝีมือตัวเองหน่อยไงคะ เป็นยังไงกันบ้างคะ” ฉันพูดกับมาชเมลโล่เสร็จก็ถามพวกคุณอา
     

             “หนูโมมาชเมลโล่ซะสวยน่ารักเลยนะอลิส” น้าทูธ ชมฉันจากนั้นทุกคนก็พยักหน้า ฉฉันก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ ซักพักฉันก็ปล่อยมาชเมลโล่
     

             “นี่จัดห้องให้พวกคุณอาเสร็จรึยัง” ฉันถามมาชเมลโล่ไป
     

             คุณพี่กำลังตกแต่งห้องให้อยู่คะคุณหนู” มาชเมลโล่ตอบมาฉันก็พยักหน้าตอบ
     

             “งั้นเธอไปช่วยโอลาฟเถอะเดี๋ยวเขาบ่นให้ฉันฟังอีก” ฉันพูดกลับไป มาชเมลโล่ก็ก้มหัวให้ฉันแล้วเดินออกจากห้องไป
     

             “เอาละอลิสบอกความสามารถของหนูสิว่ามีอะไรบ้าง” อานอร์ทถามมาฉันก็สงสัยว่าถามมาทำไมหรือว่าเขารู้
     

             “คุณอานอร์ทรู้เหรอคะ” ฉันถามไป เขาก็พยักหน้ากลับมา ซักพักผู้พิทักษ์คนอื่นๆก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยแล้วพูดขึ้นมาว่า
     

             “เราก็รู้อยู่แล้วนิว่าอลิสมีพลังควบคุมหิมะและน้ำแข็งที่เหมือนแจ็คกับเอลซ่านินอร์ท” ลุงบันนี่มันพูดออกมา
     

             “ใช่ๆ อย่าบอกนะว่าอลิสมีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง” น้าทูธถามคุณอานอร์ท
     

             “มันเป็นลางสังหรณ์นะ” คุณอานอร์ทตอบกลับมาตอนนี้ทุกคนทำหน้าสงสัยไม่เว้นแต่คุณอาแซนดี้ ที่ตอนนี้ทำหน้ามึนงงและบนหัวมีเครื่องหมายปรัศนี(เครื่องหมายปรัศนีคือเครื่องหมายนี้ ? )เต็มไปหมด
     

             “บอกพวกเราได้ไหมว่ามีอะไรบ้าง” อานอร์ทถามมาอีกครั้งฉันก็พยักหน้าก่อนจะเสกกระจกที่สร้างจากน้ำแข็งขึ้นมาแล้วเคาะมันเบาๆ
     

             “ก็อกก็อก” ฉันเคาะสองครั้งวักพักกระจกก็แตกออกทุกคนทำหน้าตกใจอย่างมากทำไมนะหรือ เพราะคนที่ปรากฎออกมาหลังจากที่กระจกแตกก็คือคนที่มีทุกอย่างเหมือนฉันทุกประการ
     

             “อย่าบอกนะว่านี้คือความสามารถของหนูนะ” น้าทูธถามมาพวกเราก็พยักหน้าตอบ
     

             Mirror ใช่ไหม” อานอร์ทถามมาฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “ใช่คะ แต่รู้ชื่อของมันได้ไงละคะ” ฉันถามออกไป แต่อานอร์ทไม่ตอบ
     

             “อะไรคือ Mirror” ลุงบันนี่มันถามพร้อมกับหันไปมาระหว่างฉันกับตัวฉันอีกคนหนึ่ง
     

             “ก็ตรงๆนั่นแหละคะคุณลุง” ตัวฉันอีกคนหนึ่งตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
     

             “มันคืออะไรข้าทำไมเราไม่รู้มาก่อนเลยละ” น้าทูธถามมาอาแซนดี้ก็พยักหน้าเห็นด้วยฉันก็ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป
     

             “คือขออธิบายง่ายๆนะคะ เวลาเราเอากระจกมาส่องกันสองบานจะเกิดภาพซ้นไปซ้อนมาเรื่อยๆถูกไหมคะ” ฉันถามกลับไปทุกคนก็พยักหน้า
     

             “ซึ่งการที่เรามองไปยังแผ่นกระจกทั้งสองก็จะเหมือนกับเรากำลังมองโลกคู่ขนานของเราอยู่ โดยที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโลกคู่ขนานแห่งนั้นจะเป็นอย่างไร” ตัวฉันอีกคนหนึ่งพูด
     

             “แต่เพราะความสามารถของหนูที่สามารถรับรู้ถึงตัวตนของตัวเองในโลกคู่ขนานอื่นๆได้ ทำให้หนูสามารถเดินทาง ติดต่อ หรือเรียกตัวตนจากโลกโลกคู่ขนานอื่นๆได้โดยที่ไม่ผลอะไรต่อธรรมชาติ” ฉันพูดออกมา
     

             “ถ้าจะให้พูดภาษาชาวบ้านก็คือหนูสามารถเดินทางไปยังโลกคู่ขนานอื่นๆได้” เราทั้งคู่พูดพร้อมกันตอนนี้ทุกคนทำหน้าเหมือนจะเข้าใจขึ้นเล็กน้อย
     

             “งั้นแสดงว่าเจ้าก็คืออลิสอีกโลกหนึ่งงั้นสิ” ลุงบันนี่มันถามมาพร้อมกับชี้มาทางที่ตัวฉันอีกคน เราทั้งคู่ก็พยักหน้า
     

             “หนูชื่อเจนนะคะคุณลุง” ตัวฉันอีกคนพูดออกมาแล้วหันมายิ้มให้ฉัน
     

             “แสดงว่าคนอื่นๆในโลกคู่ขนานของหนูก็สามารถเดินทางไปโลกอื่นๆได้เหมือนกันใช่ไหม” น้าทูธถามเจน
     

             “ไม่คะ จะมีแค่ตัวตนของหนูที่เกิดจากท่านพ่อ แจ็ค กับท่านแม่ เอลซ่าเท่านั้นคะ” เจนตอบกลับไป
     

             “แสดงว่ามีตัวตนของหนูที่ไม่ได้เกิดจากแจ็คหรือเอลซ่าใช่ไหม” อานอร์ทถามเรามาทั้งคู่ เราทั้งคู่ก็พยักหน้า
     

             “แล้วมีกี่คนที่สามารถทำแบบหนูได้” น้าทูธถามมาอีกครั้ง
     

             “ก็นับไม่ถ้วนคะที่สนิทกันก็มีกันอยู่ 6 คน แต่มีคนหนึ่งพิเศษหน่อยถึงหล่อนจะย้ายมิติเหมือพวกหนูที่เหลือไม่ได้ แต่เราสามารถสื่อสารกันได้ผ่านกระจกคะ” ฉันตอบกลับไปทุกคนก็พยักหน้าตอบกลับมา ซักพักเจนก็เสกกระจกขึ้นมาทุกคนก็ตกใจว่าเจนจะทำอะไร
     

             “ฉันต้องไปก่อนนะเหมือนท่านพ่อกับท่านแม่จะเรียกนะ” เจนพูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้ฉัน
     

             “ตามสบาย” ฉันยิ้มแล้วพูดออกไป เจนเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปในกระจกพอเธอเดินเข้าไปเสร็จแล้วกระจกบานนั้นก็แตกออกและเศษซากของกระจกบานนั้นก็หายไปเหมือนตอนที่ฉันเรียกมา
     

             “แล้วเจ้ารู้ว่ามีความสามารถนี้ตอนไหนเหรอ” ลุงบันนี่มันถาม
     

             “น่าจะซักตอน 8 ขวบ มั้งคะ” ฉันตอบกลับไป ฉันก็เห็นคุณอาแซนดี้เสกทรายของเขาเป็นตัวอีกษรว่า
     

             Telling please” ฉันเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วพูดว่า
     

             “เพราะอาแซนดี้ต้องการรู้เรื่องนะเนี่ยหนูเลยยอม” ฉันพูดอกไปทุกคนก็รีบหันไปหาอาแซนดี้แต่พอทุกคนหันมาคุณอาก็เก็บทรายไปเรียบร้อยแล้ว  
     

             “งั้นหนูจะเล่าเรื่องของหนูแล้วนะคะ”

    .

    .

    .

    ที่ปราสาทแอเรนเดลล์ ประมาณสองร้อยปีที่แล้ว อลิสอายุ 8 ขวบ
     

             “วู้วถึงบ้านเราซะที” ฉันบ่นออกมาเบาๆซักพักท่านพ่อก็เข้ามาหยิกแก้มของฉันเบาๆ
     

             “นี่แนะเจ้าตัวเล็กเดินเรื่อแค่นี้ทำเป็นบ่นเหรอ” ท่านพ่อพูดออกมาฉํนก็ดึงมือของท่านพ่อออก
     

             “ท่านพ่อหนูแปดขวบแล้วนะคะ ไม่ใช่สามสี่ขวบซะหน่อยหยิกมาได้” ฉันพูดออกไปพร้อมกับหันหลังให้ท่านพ่อแล้วทำแก้มป่องและกอดอก
     

             “อย่างอนสิลูก เดี๋ยวพ่อซื้อช็อคโกแลตให้อะ” ท่านพ่อพูดออกมาฉันก็หันหน้าไปหาแล้วพูดว่า
     

             “ไม่คะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับทำแบบเดิมต่อซํกพักฉันก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากด้านหลัง
     

             “พ่อลูกคู่นี้ทะเลาะกันอีกแล้วนะ” เสียงนี้ไม่ใช่ใครท่านแม่นั่นเอง พอฉันได้ยินเสียงท่านแม่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
     

             “ท่านแม่” ฉันเรียกท่านกน้อมกับกระโดดกอดเอวท่าน
     

             “หนูคิดถึงท่านแม่อยู่แต่บนเรือไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำเลย” ฉันพูดโดยพยายามอ้อมท่านแม่สุดฤทธิ์ ท่านแม่ก็กอดฉันกลับแล้วพูดว่า
     

             “ไม่มีอะไรให้ทำเลยงั้นเหรอคะลูกแม่” ท่านแม่พูดออกมาฉันก็พยักหน้าทั้งๆที่หัวฉันชิดพุงของท่านแม่นั่นแหละ ท่านแม่ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า
     

             “งั้นไปทานอาหารเช้ากันไหมจะคนดี” ท่านแม่พูดออกมาฉันก็คลายกอดท่านแม่แล้วเงยหน้าตอบกลับไป
     

             “คะ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสท่านแม่ก็คลายกอดฉันแล้วหันไปทางท่านพ่อที่กำลังยุ่งอยู่
     

             “แจ็ค” ท่านแม่เรียกชื่อท่านพ่อ ท่านพ่อก็หันมา
     

             “ฉันกับลูกเข้าวังก่อนนะ แล้วถ้าทำงานเสร็จแล้วเจอกันที่ห้องอาหารนะคะ” ท่านแม่พูดขึ้นมาท่านก็ก็พยักหน้าตอบรับ
     

             “อย่ามาสายนะคะท่านพ่อ” ฉันพูดออกไปท่านพ่อก็ยิ้มแล้วตอบมาว่า
     

             “จ้าคุณลูก” ท่านพ่อตอบกลับมาแล้วยิ้มให้ฉันกับท่านแม่แล้วท่านก็ไปทำงานของท่านต่อ
     

             พอฉันกับท่านแม่ถึงที่ห้องอาหารฉันก็เห็น น้าอันนา น้าคริสตอฟ และพี่คริสติน่า(อายุ 10 ปี) อยู่กันพร้อมหน้า แน่นอนโอลาฟก็ด้วย
     

             “สวัสดีคะ น้าอันนา น้าคริสตอฟ” ฉันสวัสดีพวกท่านออกไป ท่านทั้งสองก็ทักกลับมาเหมือนกัน
     

             “สวัสดีจ๊ะอลิส ไม่เจอกันนานมาให้น้ากอดหน่อย” น้าอันนาพูดเสร็จก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาที่หน้าฉฉันแล้วคุกเข่าพร้อมกับอ้าแขน
     

             “คะ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับกอดน้าอันนาคุณน้าก็กอดตอบซักพักท่านก็คลายกอดฉันแล้วพูดขึ้นมาว่า
     

             “ปะไปที่โต๊ะกันวันนี้หนูนั่งข้างพี่คริสติน่านะจ๊ะ” น้าอันนาพูดมาดูเหมือนท่านแม่จะไม่พอใจเล็กน้อย
     

             “นี้อันนาจะไม่ให้ครอบครัวพี่นั่งด้วยกันเลยรึไง” ท่านแม่พูดออกมาน้าอันนาก็ตอบกลับไปว่า
     

             “เอาน่าท่านพี่น้องก็อยากให้ลูกๆนั่งข้างกันบ้าง” น้าอันนาพูดออกมาฉันก็พยักหน้าเร็วๆท่านแม่เห็นดังนั้นก็ยอม
     

             “โอเคคราวนี้พี่ยอมให้แล้วกันนะ แต่คราวหลังบอกพี่ก่อนโอเคนะ” ท่านแม่พูดขึ้นมาน้าอันนาก็ยิ้มตอบกลับไป พอฉันนั่งบนเก้าอี้ข้างพี่คริสติน่าเสร็จก็นั่งรอท่านพ่อมา มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกจนกระทั่ง
     

             “นี่แนะ” พี่คริสติน่าเอาสันหนังสือเล่มหน้ามาฟาดที่กลางหัวของฉัน
     

             “โอ๊ย” ฉันร้องออกไปพร้อมกับกุมหัวตัวเอง
     

             พี่หญิงทำหนูทำไมคะ” ฉันหันไปถาม
     

             “ก็น้องไยอมทักพี่ซะทีไงยังเห็นพี่อยู่รึเปล่า” ท่านพี่ตอบกลับมาฉันก็ย้อนคิดก็จริงฉันลืมทักพี่เขาซะงั้น
     

             “ขอโทษค่าท่านพี่ ยกโทษให้หนูนะ” ฉันพูดออกไปพี่คริสติน่าก็บีบจมูกฉันแล้วพูดว่า
     

             “จ้า พี่ยอมก็ได้” พี่คริสติน่าพูดเสร็จก็ปล่อยมือ ซักพักท่านพ่อก็เดินเข้ามาแล้วนั่งข้างท่านแม่แล้วทั้งคู่ก็กระซิบอะไรบางอย่าง สงสัยเรื่องที่ฉันบอกท่านพ่อว่าอยากมีน้องมั้ง ท่านแม่ได้ยินก็หน้าขึ้นสีแล้วตบไหล่ท่านพ่อเบาๆ มันมีอะไรน่าเขินฉันแค่อยากมีน้องบ้างก็แค่นั้น ซักพักเหล่าคนรับใช้ก็เสิร์ฟอาหารแล้วพวกเราก็เริ่มรับประทานอาหารกัน พอเราทานอาหารเสร็จพี่คริสติน่าก็พูดขึ้นมาว่า
     

             “เป็นไงอร่อยไหม” พี่คริสติน่าถามมา
     

             “ก็อร่อยดีนะ ท่านพี่ว่าไงละ” ฉันตอบกลับไปพี่คริสติน่าก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำไมละ?
     

             “อย่าบอกนะว่าพวกน้องทำนะ” ท่านแม่ถามน้าอันนากับพี่คริสติน่า ทั้งคู่ก็หันมายิ้มให้กันแล้วพยักหน้า
     

             “เห้อเธอนี่นะ แต่ก็ไม่เป็นไรฝีมือทั้งคู่ยังดีเหมือนเดิม” ท่านแม่พูดออกมาแสดงว่าเคยกินแล้วนะสิทำไมฉํนไม่รู้เลยละ
     

             “พี่คริสต้าทำอาหารให้ท่านแม่ชิมตอนไหนเหรอคะ” ฉันถามไป
     

             “ก็ช่วงที่เธอไม่อยู่ไง” พี่คริสต้าตอบกลับมาฉนก็พูดว่า
     

             “ขี้โกงอะทำไมไม่ให้น้องกินก่อนละ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับงอนเล็กน้อย
     

             “ไม่เป็นไรน่าไว้วันหลังพี่จะทำขนมให้น้องกินเอาไหม” พี่คริสตีน่าพูดออกมาฉันก็ตอบตกลงทันที
     

             “เอาสิคะของชอบของน้องนิ” ฉันพูดออกไปพี่คริสติน่าก็ลูบหัวของฉันแล้วพูดว่า
     

             “เห็นแก่กินนะเรา” พี่คริสติน่าพูดเสร็จก็หัวเราะออกมา ฉันก็หัวเราะออกมาด้วย ซักพักฉันก็นึกออกว่าจะทำอะไรก็เลยหันไปคุยกับท่านแม่ว่า
     

             “อ้อท่านแม่หนูขอไปเล่นที่สวนท้ายปราสาทได้ไหมคะ” ฉันขออนุญาต
     

             “ได้สิแต่” ท่านแม่พูดออกมาฉันก็กลืนน้ำลายตัวเองเสียงดังด้วยความกลัว
     

             “กลับมาก่อนอาหารกลางวันนะ โอลาฟไปดูอลิสด้วยนะ” ท่านแม่พูดออกมาแล้วยิ้มให้
     

             “ค่า” ฉันพูดเสร็จก็รีบลุกออกจากโต๊ะแล้ววิ่งไปที่สวนท้ายปราสาท
     

             พอฉันเดินไปถึงสวนท้ายปราสาท ฉันก็ร้องเพลงและกระโดดโลดเต้นในแบบของฉันอย่างมีความสุข ระหว่างที่ฉันวิ่งเล่นอยู่ในสวนก็เสกหิมะออกมาโปรยไว้ด้วย ทำเอาโอลาฟหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่สนใจฉันเล่นแบบนั้นต่อไปเปมือนปลดปล่อยสิ่งที่อยากทำมาทั้งอาทิตย์เพราะเมื่อตอนที่ฉันอยู่ในเรือโดนห้ามนั่นอย่าทำนู่นอย่าทำนี่ไปหมดเสียแทบทุกอย่าง พอฉันได้เล่นสนุกอล้วก็ทิ้งตัวลงบนหญ้าในส่วนที่ฉันไม่ได้เสกหิมะไว้ ฉันสูดกลิ่นของมันอย่างโหยหา
     

             “เห้อ(เสียงถอนหายใจ) กลิ่นดินกลิ่นหญ้านี้หอมกว่ากินทะเลเยอะเลยว่าไหมโอลาฟ” ฉันพูดออกมาแต่โอลาฟไม่ตอบ
     

             “โอลาฟ” ฉันลุกขึ้นแล้วหามองหาโอลาเห็นโอลาฟนอนหมดแรงโดยมีเมฆหิมะส่วนตัวที่ท่านแม่เสกขึ้นให้โอลาฟอยู่ในฤดูร้อนได้
     

             “โอลาฟ” ฉันพยายามปลุกแต่ไม่ตื่นดูท่าฉันจะซ่าไปหน่อยทำเอามนุษย์หิมะหมดแรงได้ฉํนก็ลากโอลาฟเข้าไปในปราสาทแล้วก็มานอนที่เดิม
     

             ตอนที่ฉันนอนลงไปนั้นก็ขยับแขนขาไปด้วย ซักพักฉันก็เริ่มเบื่อฉันไม่รู้จะทำยังไงสุดท้ายฉันก็นึกออก
     

             “จริงสิท่านแม่บอกว่าถ้าเบื่อให้เล่นกับเงาในกระจกนี่นา” ฉันนึกขึ้นได้ก็เสกกระจกที่สร้างจากน้ำแข็งขึ้นมา ฉันก็เริ่มเล่นกับเงาตัวเองซึ่งมันก็สนุกดีเพราะฉันพยายามขยับตัวให้เร็วกว่าเงาของตัวเองซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
     

             “มีเล่นกันอยู่คนเดียวสนุกที่ไหนละจริงไหม” ฉันพูดกับเงาตัวเองในกระจกเสร็จฉันก็พยักหน้าเหมือนเงาของฉันเห็นด้วย ฉันก็เสกกระจกน้ำขึ้นมาที่ ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวา
     

             “เยอะๆแบบนี่สิเนอะถึงสนุก” ฉันพูดกับเงาของตัวเองอีกครั้ง พอฉันพูดเสร็จก็มองไปยังกระจกรอบๆตัวฉันตอนนี้ฉันรู้สึกมีโลกส่วนตัวของตัวเอง ฉันก็มองกระจกทั้งสี่บานนั้นจนไปหยุดอยู่ที่กระจกบานหนึ่ง
     

             “เอมันดูแปลกๆนะ” ฉันพูดออกมาพร้อมกับหยิบผมของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับมองดูเงาตัวเองในกระจก คือฉันผมเปีย แต่เงาในกระจกนั้นปล่อยตรงและยังทำแบบเดียวกันอีก
     

             ฉันก็ลองขยับล่างกายดูปรากฏว่าเงาในกระจกบานนั้นก็ทำท่าทางพร้อมกับที่ฉันทำพอดีอีก ฉันก็เริ่มสงสัยว่านั้นใช่เงาของฉันจริงๆรึเปล่าที่เหมือนฉันก็มีแค่หน้าตา สีผม สีดวงตา ส่วนสูง วัย แต่ที่ไม่เหมือนคือ ทรงผม ชุดที่ใส่ ฉันก็ลองวิธีสุดท้ายคือใช้เวทย์มนต์แห่งน้ำแข็งและหิมะ ปรากฏว่าภาพในเงานั้นกลับเป็นเวทย์มนต์แห่งพฤกษา ฉันก็เริ่มสงสัยแล้วก็เอามือไปดันกระจกบานนั้นไว้เงาในกระจกก็ทำแบบเดียวกัน
     

             “นี่เธอจะทำตามฉันไปถึงไหนกันละ” ฉันถามออกไปเงานั้นก็ขยับปากตามฉันเหมือนกัน ฉันก็ลองผลักกระจกนั้นดูปรากฏว่ากระจกบ้านนั้นแตกออก
     

             “ว้าย” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ดูเหมือนตอนที่กระจกแตกฉันเห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่หลังบานกระจกนั้นด้วยนะทำให้ฉันทับคนๆนั้นไปเต็มๆแล้วหัวฉันก็โขกลงบนพื้นอย่างแรงด้วย
     

             “โอ๊ยหัวฉัน” ฉันพูดออกมาพร้อมกับนั่งกุมหัวตัวเอง แล้วสำรวจตัวเองว่ามีแผลอะไรไหมจนมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
     

             “โอ๊ยหลังฉัน” ฉันก็หันไปตามเสียงเห็นเด็กผู้หญิงน่าจะเป็นวัยเดียวกับฉัน แต่เดี๋ยวนะทำไมสีผมและเสียงเหมือนฉันเลยละ แต่ช่างมันก่อนเราผิดที่ไปกระแทกเขาล้มต้องขอโทษ
     

             “นี่ๆเธอเป็นอะไรไหม” ฉันสะกิดเอวถามทั้งๆที่คนๆนั้นกำลังพยายามที่จะหันไปดูหลังของตัวเอง
     

             “ก็เจ็บนะสิถามได้” พอเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ยินที่ฉันถามก็รีบสะบัดหน้ามาหาฉันแล้วกำลังจะบ่นพอเห็นหน้าฉันเธอคนนั้นก็ค่อยๆพูดช้าลงแล้วทำสีหน้าตกใจซึ่งฉันนั้นก็ทำแบบเดียวกัน
     

             เราทั้งคู่เอามือทั้งสองข้างมาจับหน้าตัวเอง ค่อยๆไล่จากหน้าผากไปยังแก้มแล้วเลื่อนมือไปจมูกแล้วจบที่ปากของตัวเองเราทำแบบเดียวกันแล้วเริ่มสงสัยเราก็ยื่นมือไปจับใบหน้าของอีกฝ่ายบ้างแล้วเราพูดพร้อมกันว่า
     

             “ทำไมหน้าเหมือน อลิส/อลิซ เลยละ” เราพูดออกมาพร้อมกันแล้วตกใจกว่าเดิมเราเอามือชี้หน้าแล้วค่อยๆขยับหนีแล้วพูดว่า
     

             “ทำไมชื่อเหมือนกันอีกละ” เราพูดพร้อมกันอีกครั้ง ตอนนี้ฉันตื่นกลัวมาก ฉันต้องควบคุมสติตัวเองเหมือนที่ท่านแม่สอนมา ฉันพึ่งรู้เรื่องที่ท่านแม่สอนมีประโยชน์ก็วันนี้แหละ ฉันหาใจเข้าออกช้าๆเพื่อควบคุมสติแล้วพูดขึ้นมาว่า
     

             “เธอชื่อว่าอลิซใช่ไหม” ฉันถามออกไป เธอคนนั้นก็พยักหน้าตอบกลับมา
     

             “แล้วสะกดอย่างไรละ” ฉันถามอีกครั้งอลิซก็ตอบอย่าตื่นกลัว
     

             Alice สะกดด้วย A-L-I-C-Eโอเคนะ” อลิซตอบกลับมาฉันค่อยๆขยับเข้าไปหา
     

             “ฉันก็ชื่ออลิสนะ” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรอลิซ
     

             “แล้วสะกดยังไงละ”  อลิซถามมาฉันก็พยายามยิ้มแล้วตอบไปว่า
     

             Alize สะกดด้วย A-L-I-Z-E” ฉันตอบกลับไปดูเหมือออลิสจะเริ่มหายกลัวฉันแล้ว ฉันก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเพื่อผูกมิตร
     

             “ฉันชื่ออลิส ยินดีที่รู้จักนะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับจับมือทักทาย
     

             “ฉันก็ชื่อว่าอลิซ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” อลิซก็ทักทายฉันกลับ ดูเหมือนตอนนี้สถานการเริ่มดีขึ้น
     

             “จะว่าไปชื่อเราคล้ายกันเลยว่าไหม” ฉันถามออกไปพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
     

             “จริงด้วยต่างกันแค่ตัว C กับตัว Z เองเนอะ” อลิซก็ตอบกลับมาแล้วหัวเราะไปด้วย
     

             “ว่าแต่ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนหรือ” ฉันถามอลิซกลับไป อลิซก็เอามือกุมปากตัวเองแล้วมองรอบๆ
     

             “ที่ไหนเหรอ” ฉันเอียงคอถามอีกครั้ง ดูเหมือนอลิซก็เหมือนจะนึกออกเธอปรบมือครั้งหนึ่งแล้วตอบคำถามฉัน
     

              “ตอนนี้เราอยู่ที่เนินแถบชนบทของแอเรนเดลล์นะ” อลิซตอบกลับมา ฉันก็สงสัยเล็กน้อยเพราะตอนที่ฉันนล้มลงฉันอยู่ในสวนหลังปราสาทนิ
     

             “จริงเหรอ แต่ฉันจำได้นะว่าฉันอยู่สวนหลังปราสาทก่อนมานี่นา” ฉันพูดออกไปอลิซก็ทำหน้าสงสัย
     

             “จริงสิอลิซเห็นฉันมาที่นี่ยังไงเหรอ” ฉันถามไป
     

             “ตอนแรกอลิซก็เดินเล่นกับลุงบันนี่แถวนี้แหละ” อลิซตอบกลับมา ฉันก็พยักหน้าเพื่อที่จะรับฟังต่อ
     

             “แต่อลิซเห็นอะไรซักอย่างอยู่แถวนี้ก็เลยเดินมา พอเอามือไปแตะกระจกก็แตกแล้วอลิสออกมาจากกระจกบานมาทับอลิซแหละ” อลิซพูดต่อพร้อมกับยิ้มมาให้ฉัน ฉันก็พยักหน้าตอบพร้อมกับรู้สึกผิดนิดๆ   
     

             “แล้วลุงบันนี่ที่มากับอลิซอยู่ไหนละ” ฉันถามออกไปพร้อมกับชะโงกหน้ามองด้านหลัง
     

             “ก็ลุงบันนี่อยู่ข้างหลังลิซไง” อลิซตอบกลับมาพร้อมกับหันหลังกลับไปดู แต่ไม่พบว่ามีใครก็เลยพูดช้าลง ฉันสังเกตเห็นน้ำตาของอลิซเริ่มออกมา 
     

             อลิซโดนทิ้งแล้วอ่าาา” อลิซพูดออกมาพร้อมกับทรุดตัวลงแล้วก้มหน้าทำหน้าเศร้า
     

             “นี่ๆอลิซเป็นอะไรไป” ฉันนั่งลงแล้วสะกิดไหล่ถาม
     

             “ก็ก็อลิซโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว” อลิซตอบกลับมาพร้อมกับสะอื้นนิดๆ
     

             “ไม่เป็นไรหรอกน่า” ฉันพูดออกไปอลิซก็หันมาด้วยความสงสัย
     

             “ก็อลิซไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นา” ฉันพูดออกไปพร้อมกับยิ้ม
     

             “ที่นี่มีใครอีกงั้นเหรอ?” อลิซถามมา
     

             “ก็อลิสคนนึ่งไงอย่าบอกนะว่าไม่เห็นอะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับยิ้มให้ พออลิซได้ยินก็หัวเราะออกมาเบาๆ
     

             “เห็นสิแต่ อลิซพูดออกมาแล้วนิ่งไปแป๊ปนึ่งแล้วพูดต่อ
     

             อลิซไม่เคยมีใครอยู่เป็นเพื่อนเลยนี่นาเวลาโดนทิ้ง” อลิซพูดต่อพร้อมกับทำหน้าเศร้าอีกครั้ง
     

             “งั้นอลิสจะอยู่เป็นเพื่อนอลิซเอง โอเคไหม” ฉันพูดออกไป พออลิซได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา
     

             “แต่เราจะทำอะไรดีละ” อลิซถามมา
     

             “ก็แบบนี้ไง” ฉันพูดพร้อมกับเสกเกล็ดหิมะออกมาจากฝ่ามือ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
     

             “ลืมไปเธอทำไม่ได้นี่นะ” ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเพื่อกลบเกลื่อน
     

             “ใครว่าอลิสทำได้คนเดียวละ” อลิซพูดออกมาพร้อมกับเสกต้นไม้อออกมาจากมือ
     

             อลิซก็ทำได้” เธอพูดต่อพร้ออมกับยิ้มอย่างพอใจ พอฉันเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
     

             “ปะมาเล่นอะไรสนุกๆกัน” ฉันพูดออกไปอลิซก็พยักหน้าตอบรับ
     

             ตอนที่เราเริ่มเล่นอะไรสนุกๆฉันก็ย่ำไปข้างหน้าสองเก้าแล้วเหยียบพื้นตอนที่ฉันเหยียบหิมะสีขาวก็ค่อยๆแผ่ออกจากบริเวณที่ฉันเหยียบไปไกลเรื่อยๆจะคลุมทั้งเนิน จากนั้นฉันก็ค่อยๆวักมือจากล่างขึ้นบนทำให้หิมะที่อยู่บนพื้นหนาขึ้นเรื่อยๆ พอฉันทำเสร็จก็หันไปหาอลิซแล้วพูดว่า
     

             “ต้องมีหิมะหน่อยถึงจะสนุกว่าไหม” ฉันพูดออกมาพร้อมกับยิ้มไปให้ อลิซเห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมาปัดหิมะบนตัวออก
     

             “แต่แบบนี้ก็เรียบไปนะอลิซว่า” อลิซพูดขึ้นมาพร้อมกับค่อยๆวักมือจากล่างขึ้นบนต้นไม้และดอกไม้ก็ค่อยๆขึ้นมาจากกองหิมะ
     

             “ค่อยดูดีขึ้นหน่อย” อลิซพูดออกมาพร้อมหันมาหาฉันแต่
     

             “ปุ๊(เสียงบอลหิมะลอยมาโดนศีรษะ)” ฉันขว้างบอลหิมะใส่หน้าอลิซ เธอก็ปัดมันออกแล้วยิ้มมาให้
     

             “ไม่เตือนกันเลยน้าาา อลิส” อลิซพูดออกมาพร้อมกับเอามือไขว้หลัง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรเธออาจจะขว้างก้อนดินมาหาฉันมั้ง แต่ฉันคิดผิด
     

             “(เสียงกองหิมะกองใหญ่หล่นมาทับตัวจากด้านบน)” ฉันพยายามลุกออกจากกองหิมะกองนั้น พอฉันออกมาได้ก็มองขึ้นไปข้างบนเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตอนนี้ตรงส่วนปลายเอนมาทางฉัน ฉันมองเสร็จก็มองไปทางอลิซที่ตอนนี้ยืนหัวเราะกุมท้องอย่างสนุกสนาน
     

             “มีใช้เครื่องทุ่นแรงด้วยหราาา” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตอแหลสุดๆ
     

             “ก็ไม่ได้บอกว่าห้ามใช้นีนาอุ๊(เสียงสำลักหิมะ)” อลิซพูดเสร็จฉันก็ปาบอลหิมะเข้าปากอย่างพอดิบพอดี อลิซก็บ้วนหิมะทิ้งพร้อมกับแลบลิ้นแล้วเอาปัดหิมะออก ฉันก็ใช้จังหวะนี้ลุกขึ้นมาปั้นบอลหิมะเพื่อเตรียมขว้าง
     

             “นี่แนะ” ฉันพูดพร้อมกับขว้างอออกไป แต่บอลของฉันตอนนี้ไปไม่ถึงตัวเพราะอลิซเสกต้นไม้มาบัง จากนั้นเธอก็ปัดใบไม้ออกแล้วจ้องมาหาฉันด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่ห์
     

             “ได้เวลาแก้แค้น” อลิซพูดออกมาพร้อมกับเสกต้นไม้ขึ้นมาตักหิมะขึ้นแล้วมันก็ปั้นให้เสียเสร็จสรรพ
     

             “เก่งจริงก็ปาให้โดนสิอลิซ” ฉันพูดพร้อมกับกระโดดโลดเต้นท้าทาย
     

             “อย่าหลบละอลิสคราวนี้อลิซรับประกันว่าโดนแน่ๆ” อลิซพูดออกมาแต่ใครจะยืนนิ่งๆให้ละ

    .

    .

    .

    ที่โลกของอลิสเวลาบ่ายๆ

     

    Elsa SnowQueen :
     

             “อลิสอยู่ไหนลูก” ฉันตะโกนเรียกชื่ออลิสลูกสาวแสนซนของฉัน ฉันก็เดินหามาตอนนี้จะทั่วพระราชวังแล้วนะอยู่ไหนเนี่ย ตอนนี้ฉันฉันเดินมาถึงตู้ที่อลิสชอบเอาไว้แกล้งเหล่าคนในราชวังให้ตกใจ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าออยู่ในนี้รึเปล่าก็เลยเคาะดู
     

             “อลิสอยู่ในนี้รึเปล่าจ๊ะ” ฉันถามออกไปแต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ฉันก็เดาว่าอยู่ข้างในแน่ๆ ก็เลยเปิดประตูออกมา
     

             “เจอตัวแล้วลิส” พอฉันเปิดประตูออกมาก็ต้องผิดหวังเพราะอลิสไม่อยู่ในต็ใบนี้
     

             “ไม่อยู่งั้นเหรอ” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย พร้อมกับปิดประตูตู้นั้นเบาๆ  ตอนนี้ลูกสาวคนเดียวของฉันอยู่ไหนกันฉันรู้สึกเป็นห่วงเพราะหามาทั้งปราสาทแล้ว ฉันก็ลองถามขุนนางแถวนี้ดูก็แล้วกัน ฉันก็เดินไปเจอเหล่าขุนนางพอดีดูเหมือนขุนนางคนหนึ่งจะเห็นฉันก็เลยโค้งคำนับให้ฉันก่อนแล้วถามคำถาม
     

             “องค์ราชินีทรงมีเรื่องขุ่นพระหฤทัยใช่หรือไม่” ขุนนางคนนั้นถามมา
     

             “ท่านรู้ได้อย่างไร” ฉันถามกลับ แต่ขุนนางตนนั้นก้มหน้าให้ฉันแล้วเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะออกมาพูดว่า
     

             “พระพักตร์ของพระองค์ทรงดูเศร้าหมอง กระหม่อมจึงวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องนี้พะยะคะ” ขุนนางคนนั้นตอบกลับมา
     

             “พระองค์ทรงมีเรื่องอะไรที่กระหม่อมพอช่วยได้ไหมขอรับ” ขุนนางคนนั้นถามมา
     

             “ท่านเห็นอลิสผ่านมาแถวนี้หรือไหม” ฉันถามกลับไปขุนนางคนนี้ก็โค้งให้ฉันก่อนที่จะตอบกลับมาว่า
     

             “กระหม่อมเห็น องค์หญิงน้อย ครั้งล่าสุดก็ที่สวนหลังปราสาทพะยะคะ” ขุนนางคนนั้นตอบกลับมา ตอนนี้ฉันก็พอรู้ว่าอลิสน่าจะอยู่ที่ไหน
     

             “ขอบคุณท่านมาก เชิญท่านทำหน้าที่ของท่านต่อเถอะ” ฉันพูดออกไปขุนนางคนนั้นก็โค้งคำนับให้ฉันแล้วเดินไปต่อ
     

             “อยู่ที่สวนหลังปราสาทงั้นเหรอ” ฉันบ่นพึมพำคนเดียวก่อนที่จะเดินไปกาอลิส
     

             พอฉันเดินไปใกล้ๆสวนหลังปราสาทก็เห็นโอลาฟที่ฉันสั่งให้อยู่กับอลิส แต่ตอนนี้กลับนอนหมดแรงข้าวต้มอยู่บริเวณทางเดิน ฉันก็เดินเข้าไปหาพร้อมกับปลุกมัน
     

             “โอลาฟ” ฉันเรียกชื่อพร้อมกับปลุกเบาๆ แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงกรนของมัน

             “โอลาฟ” ฉันเรียกชื่ออีกครั้ง แต่ตอนนี้เหมือนโอลาฟจะรับรู้เลยพูดออกมาว่า
     

             “ไม่เอาอย่างนั้นสิอลิส อย่าวิ่งเร็วนักสิ” โอลาฟพูดออกมาพร้อมอาการกระวนกระวาย โอลาฟพูดออกมาแบบนี้แสดงว่าอลิสต้องแล่นซนจนโอลาฟตามไม่ทันเลยลากมาในนี้แน่นอน ฉันก็ปล่อยให้มันนอนพักอย่างนั้นไปแล้วเดินเข้าไปในสวนเพื่อหาอลิส
     

             “อลิส” ฉันเรียกชื่อลูกออกไปหวังว่าคงจะอยู่แถวนี้
     

             “อลิสออกมาได้แล้วลูก อย่าแกล้งแม่อย่างนี้สิคนดี” ฉันพูดออกไปพร้อมกับมองไปรอบๆ เพื่อด่าอยู่รึเปล่า แต่เท้าฉันก็ไปสะดุดกับเศษกระจกชิ้นหนึ่งฉันก็เลยหยิบขึ้นมาดู ซักพักแจ็คก็ลอยลงมาหาฉัน

             “คุณเจออลิสไหมคะ” ฉันถามออกไป
     

             “ผมบินหาจนทั่วที่นี่แล้วนะ แต่ไม่เจอเลย” แจ็คตอบกลับมาพร้อมกับทำหน้าเศร้า
     

             “แล้วลูกของเราอยู่ในปราสาทไหมเอลซ่า” แจ็คถามมา ฉันก็ส่ายหน้า
     

             “ฉันเริ่มเป็นห่วงลูกแล้วสิ” ฉันพูดออกมาพร้อมกับก้มหน้าแล้วทำหน้าเศร้า
     

             “ไม่ต้องกังวลเอลซ่า คุณก็รู้นิว่าลูกของเราซนขนาดไหนดีไม่ดีตอนนี้อาจนอนเล่นอยู่ในห้องของเราก็ได้” ฉันรู้ว่าตอนนี้แจ็คพยายามพูดปลอบใจฉัน แต่ฉันกลับทำหน้าซึมเศร้ากว่าเดิม
     

             “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูก แต่เราก็พยายามตามหากันทุกที่แล้วนะ ผมว่าอย่างพึ่งกังวลจะดีกว่า” แจ็คพูดออกมาทำเอาฉันโมโหนิดๆ
     

             “คุณจะไปเข้าใจอะไรละ วันๆหนึ่งคุณไม่ค่อยได้อยู่หรือเล่นกับลูกด้วยซ้ำคุณจะไปรู้อะไรละ” ฉันตวาดออกไปทำเอาแจ็คอึ้งเล็กน้อย
     

             “รู้สิทำไมผมจะไม่รู้ละ ผมก็เป็นพ่อของอลิสนะ ผมก็พยายามอยู่กับคุณอยู่กับลูกให้มากที่สุดแล้ว เรื่องเป็นห่วงผมก็เป็นห่วง แต่ตอนนี้กระวนกระวายไปเราก็ไม่เจอลูกเราหรอก” แจ็คตวาดกลับมาทำเอาฉันอึ้งเล็กน้อย เขาพูดมาก็เป็นความจริงถึงฉันกระวนกระวายไปก็ใช่ว่าจะเจอลูกเร็วขึ้น
     

             “แต่ฉันเป็นห่วงลูก” ฉันพูดออกไปพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า
     

             “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูก” แจ็คพูดออกมา
     

             “แต่อลิสก็เป็นลูกของผมเหมือนกัน ฉะนั้นผมเองก็เป็นห่วงไม่แพ้คุณนั่นแหละเอลซ่า” แจ็คพูดต่อพร้อมกับอธิบยเหตุผล
     

             “อีกอย่างลูกของเรานั้นเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่ากังวลไปเลยที่รัก” แจ็คพยายามพูดปลอบใจฉัน ฉันได้ยินอย่างนั้นก็ปาดน้ำตาที่คลอเบ้าออก
     

             “ขอบคุณนะ ที่คอยปลอบใจฉันเสมอ” ฉันกล่าวขอบคุณ
     

             “จำที่ผมสาบานไว้ไม่ได้เหรอเอลซ่า” แจ็คพูดออกมาฉันก็ยิ้มไปให้
     

             “งั้นฉันไปหาอลิสในปราสาทต่อนะ” ฉันพูดออกไปแจ็คก็พยักหน้า
     

             “ผมจะไปหาต่อรอบนอกต่อแล้วกัน” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้ฉันแล้วค่อยๆลอยขึ้น ฉันก็หันหลังให้เขาแล้วหาอลิสต่อ

     

    โลกของอลิซ

     

    Jack Frost :
     

             เห้อบันนี่มันนะบันนี่มันดันทิ้งเด็กซะได้ลำบากใครละทีนี้ ข้านี่แหละลำบากความจริงข้าไม่จำเป็นต้องมาตามเจ้าลูกครึ่งเทพตัวแสบหรอก มีที่ไหนเวลาเจอกันก็ต้องทะเลาะกับข้าตลอด และข้าพูดหรือเตือนเรื่องอะไรก็ไม่เคยจะฟัง ทีเอลซ่าพูดดันตั้งใจฟังซะอย่างนั้น ถ้าไม่ติดที่ข้าสัญญากับนอร์ทว่าจะดูแลเด็กคนนี้ไม่งั้นข้าคงทิ้งเจ้าเด็กคนนี้ไปแล้ว(ความจริงข้าก็เต็มใจเลี้ยงดูเละละ) ข้าก็บ่นกับตัวเองขณะกำลังบินไปยังเนินแถบชนบทของแอเรนเดลล์พอข้าเห็นเจ้าตัวแสบข้าก็ค่อยๆร่อนลงแล้วเดินไปหา วันนี้มีดูเหมือนจะมีเพื่อนเล่นด้วยแหะกำลังกระโดดบนใบไม้ว่าใครสูงกว่ากันละมั้ง
     

             “สูงอีกอลิส สูงกว่านี้อีก” นั่นมีคุยกับตัวเองด้วย
     

             “ท้าเหรออลิซเอาสิท้ามาก็กล้าทำอยู่แล้ว” เด็กอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาสงสัยชท่คล้ายกันมั้งมองมุมนี้เห็นไม่ค่อยชัดด้วยสิ แต่ไหนๆข้าก็มาแล้วข้าก็เดินขึ้นไปบนเนินแต่ข้าก็เห็นอะไรบางอย่าง
     

             “หิมะ เป็นไปไม่ได้” ข้าพูดออกมาเพราะตอนนี้คือหน้าร้อน ไม่ใช่หน้าหนาวหิมะไม่มีทางที่จะอยู่มากมายขนาดนี้ ที่ข้าพอรู้ว่าใครที่มีพลังแบบเดียวกับข้าก็คงมีแต่เอลซ่าเท่านั้น แต่นี่ฝีมือใครอย่าบอกนะว่าเป็นเด็กที่เล่นกับอลิซ
     

             “วู้ฮู้ว” เสียงเด็กสองคนนี้ดังดีแหะข้าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าตัวแสบนานเท่าไหร่แล้วนะ ข้าว่าเล่นด้วยซักหน่อยดีกว่าข้าคิดได้ก็ลอยเข้าไปหา
     

             “ไงตัวแสบ” ข้าทักไปอลิซก็ตกใจจึงกระโดดพลาด ทำให้ลื่นล้มข้าก็เสกกองหิมะขึ้นมาไม่ทันซะด้วยสิ
     

             “ว้าย” อลิซร้องขึ้นมา แต่ข้าก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะมีกองหิมะโผล่ขึ้นมาจากดินพอดี ข้าก็เงยหน้าขึ้นมาว่าฝีมือใคร ข้าเห็นเด็กที่หน้าตาที่คล้ายอลิซมากกำลังจ้องมาที่ข้าด้วยสายตาที่ดุ ความรู้สึกของข้าตอนนี้เหมือนว่าเคยเห็นสายตาแบบนี้มาจากที่ไหนมาก่อน
     

             “ท่านพ่อแกล้งอลิซทำไมคะ” เด็กคนนั้นถามข้ามาเดี๋ยวนะท่านพ่อเหรอข้ากับเอลซ่าแต่งานกันมาแล้วก็จริงแต่เราทั้งคู่ยังไม่มีลูกนะแล้วเด็กคนนี้ใคร ก่อนที่จะมีคำถามมากไปกว่านี้อลิซก็ร้องขึ้นมา
     

             “ใครก็ได้ช่วยอลิซที” เสียงเจ้าตัวแสบร้องขึ้นมาพร้อมกับกวักมือหาสิ่งของเพื่อคว้า
     

             “แค่นี้ก็ต้องให้ช่วยนะเจ้าตัวแสบ” ข้าพูดออกไปพร้อมกับลอยลงไปหาแต่ดูเหมือนเพื่อนของอลิซจะมาเร็วกว่า
     

             อลิสจับมือของอลิซไว้แล้วนะ นับ 1 ถึง 3 แล้วลุกขึ้นนะ” เดี๋ยวนะเด็กคนนั้นชื่อเหมือนเจ้าตัวแสบงั้นเหรอ
     

             1…2…3…” เด็กคนนั้นนับเลขแล้วดึงเจ้าตัวแสบออกมาจากหิมะ
     

             “เจ้าเจ้าทำอย่างนั้นได้ยังไง” จู่ๆข้าก็ถามออกไปก็ข้าอยากรู้นี่หว่า พอข้าถามเด็กคนนั้นก็จ้องข้า ซักพักหล่อนถอนหายใจแล้วพูดว่า
     

             “ท่านพ่อลืมไปแล้วเหรอคะว่าหนูเป็นลูกของท่านพ่อกับท่านแม่นะ” เด็กคนนั้นพูดออกมาทำเอาข้าสงสัย
     

             “เจ้าคือใครทำไมถึงเรียกข้าว่าพ่อละ” ข้าถามออกไปเจ้าเด็กคนนั้นก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย พร้อมกับทำหน้าเศร้าแล้วเริ่มร้องไห้
     

             “ฮึกฮึก” เด็กคนนั้นเริ่มสะอื้นแล้ว ข้าเริ่มสงสารนิดๆแต่มีเหรอที่ข้าจะใจอ่อน
     

             “ต่อให้เจ้าร้องไห้ข้าก็ไม่สนใจเจ้าหรอก” ข้าพูดออกไปพร้อมกับกอดอก
     

             “ฮีกฮึกแง้” นั่นเด็กคนนั้นเริ่มร้องไห้แล้ว
     

             “ท่านพ่อลืมอลิสไปแล้วอ่าาา แง้” เด็กคนนั้นร้องไห้ขึ้นมา ทำไมข้าถึงรู้สึกผิดละ
     

             “แง้” ดูเหมือนอลิสจะร้องไห้ต่อข้าก็ต้องไปปลอบ
     

             “อย่าร้องไห้สิหนูน้อย” ข้าปลอบไปแต่
     

             “แง้” อลิสดันร้องไห้ดังกว่าเดิมอีกแต่ร้องแบบนี้เหมือนใครซักคน ข้าคิดได้ก็หันไปหาอลิซ
     

             “ช่วยข้าหน่อยสิอลิซ” ข้าหันไปขอความช่วยเหลือแต่มีเหรอที่เจ้าตัวแสบจะช่วยข้า
     

             “แจ็คเป็นคนทำฉะนั้นก็ควรปลอบคนเดียวซะ” เจ้าตัวแสบพูดขึ้นมา
     

             “ท่านพ่อใจร้ายลืมลูกของตัวเองได้ยังไงแง้” อลิสร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม ดูเหมือนตรงนี้จะเกิดพายุหิมะย่อมๆด้วยแหะ ข้าเห็นอลิสที่กำลังร้องไห้ลุกขึ้นมาข้าคิดว่าหล่อนคงคิดอะไรได้แต่ข้าคิดผิด
     

             “ท่านพ่อลืมหนูต้องลงโทษ” จู่ๆเด็กนั้น ก็เริ่มเสกพายุหิมะออกมา แต่การกระทำเวลาโมโหแบบนี้เหมือนเอลซ่าไม่มีผิดข้าก็หลับตายอมรับชะตากรรมแต่ข้ากลับไม่รู้สึกอะไรข้าจึงค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นพายุหิมะเมื่อครู่หายไปแล้วเด็กคนนั้นก็ฟุบลงบนกองหิมะข้าไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาทันที
     

             “เฮ้ยๆ เจ้าเป็นอะไร” ข้าพูดพร้อมกับปลุกอลิสแต่เธอไม่ตื่น
     

             “เฮ้ตื่นสิเจ้าหนู” ข้าพยายามปลุกต่อ
     

             อลิสหิวข้าวหมดแรงแล้ว” เห้อดีนะที่ไม่เป็นอะไรไป ข้าก็เรียกอลิซมาเกาะไหล่ข้าเพราะข้าจะพอเด็กสองคนนี้กลับปราสาทแล้วจะได้คุยกับเอลซ่าเรื่องเด็กคนนี้ด้วย
     

             “สายลมพาข้ากลับปราสาทแอเรนเดลล์” ข้าสั่งลมให้พาข้ากลับปราสาท ซักพักมันก็พัดข้ากลับปราสาทแอเรนเดลล์

            

    ปราสาทแอเรนเดลล์

     

    Alize Little-princess of Arendelle :
     

             ฉันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่หอมๆลอยมาติดจมูก พอลืมตาจนตื่นได้ที่แล้วก็สังเกตสถามที่แห่งนี้นี่มันห้องนอนของท่านแม่กับท่านพ่อนี่นา หลังจากที่ฉันรู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหนฉันก็ก้มลองมองตามกลิ่นที่ได้ดู ฉันก็ไปเห็นซุปถ้วยหนึ่งวางอยู่กับขนมปังก้อนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะฉันก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลงจากเตียงแล้ววิ่งไปที่โต๊ะตัวนั้นแต่ถูกใครวักคนคว้าเอวฉันไว้ก่อน ฉันก็ขัดขืน

             “ปล่อยอลิสนะ” ฉันพูดออกปพร้อมกับพยายามขัดขืนแต่คนนั้นก็ไม่ยอมปล่อย
     

             “จะรีบวิ่งทำไมละหนู เดี๋ยวก็เป็นลมอีกหรอก” เสียงที่นุ่มนวลแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกใครคนหนึ่งฉันก็หันหลังกลับไปดู พอฉันเห็นหน้าของเจ้าของเสียงนั้นก็ถึงกับร้องไห้ด้วยความปิติ
     

             “ท่านแม่” ฉันพูดออกไปพร้อมกับสวมกดท่านแม่เอาไว้ท่านแม่ก็สวมกอดฉันเบาๆ
     

             “ท่านแม่รู้ไหมท่านพ่อลืมหนู” ฉันพูดออกไปพร้อมกับร้องไห้ท่านแม่ก็กอดฉํนแน่นขึ้นเล็กน้ยแล้วพูดว่า
     

             “อย่าร้องไห้นะอลิส แจ็คเขาไม่ได้ลืมลูกตัวเองหรอก” ท่านแม่พูดออกมา ฉันก็สงสัยก็เลยคลายกอดออกท่านแม่ก็เอาผ้ามาเช็ดน้ำตาให้ฉัน
     

             “แต่ทำไมท่านพ่อถึงจำหนูไม่ได้ละคะ” ฉันถามออกไป
     

             “ก็เพราะความจริงเราทั้งคู่ไม่เคยมีลูกเลยตาหากอลิส” ฉันก็ตกใจกับคำพูดนั้น
     

             “ฉันไม่แน่ใจนะว่าหนูมาจากไหน แต่ถ้าจะให้ฉันเดาก็คงมาจากโลกที่ฉันไปมาตอนฝันแน่ๆ” จู่ๆท่านแม่ก็พูดมาแบบนี้ โลกที่เคยไปตอนฝันคืออะไรฉันงงไปหมดแล้ว
     

             “สรุปท่านแม่พูดอะไรคะหนูงงไปหมดแล้ว” ฉันถามไป แต่ท่านแม่ก็ได้แต่ยิ้มมาให้ฉันแล้วพูดว่า
     

             “เอาเป็นว่าไปที่โต๊ะนั้นก่อนไหมอลิส” ท่านแม่พูดออกมาฉันก็พยักหน้าเป็นการตอบ ระหว่างที่ฉันเดินไปที่โต๊ะตัวนั้นฉันก็คิดกับตัวเองว่าไม่มีทางที่คนๆนี้ไม่ใช่ท่านแม่แน่ๆเพราะทั้งนิสัย การพูด รอยยิ้ม และกลิ่นนี้คือท่านแม่ถึงวิธีการพูดจะไม่ใช่ก็เถอะ พอฉันถึงโต๊ะก็จะหยิบขนมปังมาแต่ท่านแม่หยิบไปก่อน
     

             “เอามานี่เดี๋ยวฉันแกะมันให้” ท่านแม่พูดขึ้นมาพร้อมกับหักขนมปังก้อนนั้นแล้ววางไว้บนจานเช่นเดิม ฉันก็ตักซูปและกินพร้อมกับขนมปังไปเรื่อยๆจนหมด พอฉันกินหมดแล้วก็นั่งเอาตัวชิดเบาะ

             “อิ่มแล้วใช่ไหม” ท่านแม่ถามมาฉันก็พยักหน้าตอบ
     

             “งั้นฉันจะเล่านะว่าทำไมแจ็คถึงจำอลิสไม่ได้” ท่านแม่พูดขึ้นมาฉันก็ทำหน้าสงสัย พร้อมกับถามกลับไปว่า
     

             “เรื่องมันเป็นยังไงละคะ” ฉันถามกลับไปท่านแม่ก็ตอบฉันกลับมาโดยการเล่าเรื่องตั้งแต่เจอท่านพ่อครั้งแรกจนถึงตอนที่ท่านพ่อกับท่านแม่แต่งงานกัน ฉันก็จับใจความประมาณว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เหมือนว่าฉันมาจากอีกมิติหนึ่งก็งงอยู่เพราะคำแต่ละคำที่ท่านแม่อธิบายเสริมฉันไม่เข้าใจ
     

             “เอ่อสรุปง่ายๆนะคะ คือหนูไม่ใช่ลูกของท่านพ่อหรือท่านแม่ใช่ไหมคะ” ฉันถามออกไปโดยหวังว่าคำตอบคือไม่ใช่
     

             “ถูกต้องแล้วอลิส” ตอนที่ท่านแม่ตอบว่าฉันถึงกลับยืนอึ้ง ถ้าท่านแม่ไม่ช่ท่านแม่ของฉันแล้วฉันมีตัวตนที่นี่ได้ยังไงละ ฉันสงสัยแบบนี้แต่ดันถามไปว่า
     

             “แล้วหนูจะกลับโลกของหนูยังไงคะ” ฉันถามอะไรออกไปสิ่งที่ต้องการถามกับสิ่งที่ถามไปมันคนละโยชเลยนะ
     

             “ฉันก็ไม่รู้แต่อาจจะอลิซมาแล้ว” ท่านแม่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่อลิซก็เปิดประตูเข้ามาก่อน
     

             อลิซ” คำถามมากมายในหัวเมื่อครู่หายไปในพริบตาเมื่ออลิซเดินมาพร้อมกับกล่องใบหนี่ง ฉันก็ทักทายกลับไป
     

             “เอาอะไรมาละเล่นอีกละอลิซ” ท่านแม่ถามอลิซ
     

             “หมากรุกคะ” อลิซตอบกลับมา พร้อมกับหันมาหาฉันแล้วพูดว่า
     

             “เจ้าเล่นเป็นด้วยเหรอ” ท่านแม่ถามอลิซ อลิซก็พยักหน้าตอบกลับมา พร้อมกับหันมาหาฉันแล้วถามว่า
     

             อลิสเล่นด้วยกันไหม” อลิซถามมาฉันก็พยักหน้าตอบกลับไปฉันหันไปหาท่านแม่ท่านแม่ก็ทำท่าเชิงอนุญาต ซักพักอลิซก็ถามมาว่า
     

             “แล้วเธอละอลิสเล่นเป็นไหม” อลิซถามฉันฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “เซียนเลยละ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับยิ้ม อลิซก็การกระดานแล้วเริ่มวางหมากทีละตัวจนครบจำนวนพออลิซวางหมากทั้งหมดครบแล้วก็เงยหน้ามาถามฉันว่า
     

             อลิสจะเล่นสีไหนก่อน” อลิซถามมาฉันก็ก้มมองดูหมากที่อยู่บนกระดานมันมีสองสีคือสีเงินกับกับสีทองแดงฉัน
     

             “สีเงินแล้วกัน” ฉันพูดพร้อมกับหมุนกระดานเอาหมาสีเงินเข้ามาหาฉัน
     

             “จับเวลารอบละกี่นาทีดีละ” ฉันถามกลับไปอลิซก็ตอบกลับมาว่า
     

             “ครึ่งชั่วโมง” ฉันได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยเพราะมันสั้นมากสำหรับเกมหมากรุก
     

             “หรือกลัวว่าจะแพ้ขยับเป็นสามชั่วโมงได้นะ” อลิซพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะในคอ ฉันก็เดินหมากของฉันเสร็จแล้วกดนาฬิกาทันที
     

             อลิสเลือกสามสิบนาทีตาเธอแล้ว” ฉันพูดออกไปพร้อมกับนั่งกอดอกรอดูปฏิกิริยา ว่าอลิซจะทำสีหน้าอย่างไร แต่อลิซวางหมากแล้วกดนาฬิกาทำเอาฉันตกใจเล็กน้อยเพราะวางตัวนี้ถึงกับแผนฉันพังหมด ฉันก็จ้องหน้าแต่เธอกลับหัวเราะออกมา
     

             “แบบนี้สิถึงสนุกหน่อย” ฉันพูดออกไปพร้อมกับวางหมากต่อ

     

    ผ่านไป 30 นาที
     

             “แพ้แล้วอ่า” อลิซพูดออกมา เราทั้งคู่เหนื่อยกับการเล่นหมากรุกนานจนเครียด
     

             “ไม่เป็นไรต่ออีกตาไหม” ฉันถามออกไป แต่อลิซส่ายหน้าแล้วพูดว่า
     

             “ไม่ไหวแล้วเล่นกับอลิสแล้วปวดหัว” อลิซตอบกลับมา ฉันก็หัวเราะออกไปแต่จู่ๆก็เงียบไปและอลิซก็เปลี่ยนสีหน้าแล้วพูดมาว่า
     

             “แล้วอลิสจะกลับโลกของอลิสยังไงละ” อลิซถามมาทำเอาฉันตกใจ ฉันก็ตอบกลับไปตรงๆว่า
     

             อลิสก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตอบกลับไป
     

             “แต่อลิสรู้สึกดีนะที่อยู่ที่นี่” ฉันตอบกลับไป อลิซได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา
     

             “งั้นไปเล่นกันดีไหม” อลิซถามมาฉัน ฉันก็พยักหน้าตอบ อลิซก็เห็นดังนั้นก็ดึงฉันไปเล่นต่อ
     

             ในที่สุดฉันก็ถูกอลิซลากมาที่สวนหลังปราสาท แน่นอนท่านแม่ก็เดินตามมาด้วย
     

             “พาฉันมาที่นี่ทำไมละอลิซ” ฉันถามกลับไป
     

             “เล่นเหมือนตอนเช้าไง” อลิซตอบกลับมาฉันก็ทำแบบตอนเช้า พอทำเสร็จแล้วฉันก็พูดออกมาว่า
     

             “แล้วทำอะไรต่อเว้อ” ฉันถามต่อแล้วซักพักฉันก็โดนหิมะลอยมาใส่หัวอีกแล้ว ฉันก็หันไปดูเห็นท่านแม่ทำเมินประมาณแบบฉันไม่เกี่ยว
     

             “ท่านแม่” ฉันพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ
     

             “อะไรจ๊ะว้าย” ท่านแม่กำลังจะถามฉันแต่โดนหิมะกลบไปก่อน ฝีมือใครทำเพื่อนสาวฉันเอง
     

             “ทำได้เยี่ยมมากอลิซ” ฉันพูดกับอลิซพร้อมกับตบมือ ซักพักท่านแม่ก็ลุกออกมาจากกองหิมะ ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นสุดๆ
     

             “อยากโดนดีใช่ไหมจ๊ะเด็กๆ” ท่านแม่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่เสียงไม่ใช่สุดๆ
     

             ไม่คะ/ไม่คะ” ฉันกับอลิซพูดพร้อมกัน แต่ท่านแม่ไม่ฟังท่านแม่สร้างบอลหิมะขนาดใหญ่มากพอที่จะฝังเราทั้งคู่ได้
     

             “ข้าว่าเจ้าทั้งคู่อยากโดนนะ” ท่านแม่พูดเสร็จก็โยนบอลหิมะมาแต่เราทั้งคู่หลบทัน
     

             “ม่ายโดน” อลิซพูดออกมาท่านแม่ก็โมโหนิดๆ
     

             “ถ้าแบบนี้ละ” ท่านแม่พูดขึ้นมาพร้อมกับเสกบอลหิมะขนาดเดียวกันเดียวกันบนมืออีกข้างแล้วขว้างใส่ แต่มีเหรอว่าฉันจะอยู่เฉยๆฉันก็เลยกระโดดหลบ ทำให้เราทั้งสามคนขว้างสงครามหิมะกันไปจนไม่รู้กี่โมงจนไม่รู้ว่าท่านพ่อเข้ามาป่วนตอนไหนก็ไม่รู้

     

    ที่โลกของอลิส

     

    Jack Frost :
     

             ตอนนี้ทั้งข้าและเอลซ่าต่างอยู่ที่ห้องอาหารเราทั้งคู่ทานอะไรไม่ลง จนคนหลายๆคนเริ่มเป็นห่วงในสุขภาพของข้ากับเอลซ่าความจริงไม่ต้องห่วงข้าหรอกข้าเป็นอมตะอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องกินอะไรก็ได้ แต่เอลซ่านี่สิเธอไม่ยอมกินอะไรเลยงานเอกสารหรืองานต่างๆก็ไม่สามารถทำได้ เพราะทั้งข้าและเธอต่างเป็นห่วงอลิสจนไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรได้อีก
     

             “ท่านพี่กินอะไรหน่อยสิคะ” อันนาน้องสาวของนางยื่นถ้วยซุปมาให้ เอลซ่าก็จ้องมองแล้วพูดว่า
     

             “ซุปเห็ดนี้อลิสเขาชอบกิน” เธอพูดออกมาทำเอาบรรยากาศภายในห้องหดหู่ลงมากกว่าเก่า
     

             “พี่แจ็คด้วยคะ” อันนาส่งถ้วยมาทางข้าข้าก็ปฏิเสธ
     

             “ตอนนี้ลูกจะเป็นยังไงบ้าง” เอลซ่าพูดออกมาพร้อมด้วยสีหน้าที่เศร้าสุดๆ
     

             “ลูกเราจะหิวไหม จะบาดเจ็บอะไรไหม” เอลซ่าพูดต่อพร้อมกับเอาช้อนคนถ้วยซุปถ้วยนั้น ซักพักเธอก็หยุดคนแล้ววางช้อนแล้วหันมาหาข้า
     

             “แจ็คฉันเป็นห่วงลูก” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะร้องไห้
     

             “ผมรู้เอลซ่าผมรู้” ข้าตอบกลับไป ด้วย้วนน้ำเสียงที่คล้ายๆเธอ
     

             “รู้ รู้แล้วทำไมไม่ทำละ” เอลซ่าตวาดมาตอนนี้ข้าเริ่มเห็นน้ำตาที่ไหลนองออกมา
     

             “ก็ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วเอลซ่า ผมหาอลิซทุกที่แล้วนะ” ข้าตอบกลับไป
     

             “ไม่จริงมันต้องมีซักที่สิ” เอลซ่าพูดออกมาพร้อกับทุบข้าไปเรื่อยๆ
     

             “อลิสจะหายไปได้ไงละแจ็ค” เธอถามข้าข้าก็ได้แต่ส่ายหัวตอบนางกลับเอลซ่าก็ก้มหน้าพร้อมกับร้องไห้ออกมาแล้วเริ่มพูดเพ้อคนเดียว
     

             “อลิสหายไปไหนละลูก” เธอพูดขึ้นมา
     

             “ลูกจะโมโหหรืออะไร แม่ไม่ว่านะแต่แม่ขอร้องกลับมาหาแม่เถอะนะลูกรัก” เธอเริ่มพูดคนเดียวข้าก็ไม่รู้ทำอย่างไรเพราะข้าก็รู้สึกแย่พอๆกับนางข้าก็ได้แค่ลุกจากที่นั่งมากอดที่หลังนางเบาๆ

     

    โลกของอลิซ
     

             “กลับมาหาแม่เถอะนะลูกรัก” จู่ๆฉันได้ยินเสียงของท่านแม่ดังจากในหัว ขณะที่กำลังคุยกับท่านพ่อกับท่านแม่เรื่องการหาวิธีกลับโลกของฉันอยู่และเสียงที่มันก้องอยู่ในหัวนี้กลับดังขึ้นเรื่อยๆ
     

             “ทุกคนได้ยินเสียงไหมคะ” ฉันถามไปทุกคนก็ทำหน้าสงสัยกลับมา
     

             “ข้าไม่ได้ยินอะไรนะ” ท่านพ่อตอบกลับมา ฉันก็หันหน้าไปหาท่านแม่
     

             “ข้าก็ไม่ได้ยิน” ท่านแม่ตอบกลับมา ฉันก็หันไปหาอลิซแต่ตอนนี้เธอทำหน้าตื่นตกใจ ฉันเลยถามไปด้วยความสงสัย
     

             อลิซได้ยินเหมือนกันไหม” ฉันถามไปแต่อลิซส่ายหน้าตอบกลับมา แล้วอลิซทำหน้าตกใจทำไมละ
     

             “ตกใจอะไรเหรออลิซ” ฉันถามไปด้วยความสงสัย แต่อลิซก็เอามือชี้มาที่หน้าฉันแล้วพูดว่า
     

             อลิสตัวเธอจางลง” พอฉันได้ยินก็ก้มหน้ามองตัวเองซึ่งมันก็จางไปจริงๆ แต่ฉันก็พอเดาได้อาจจะใหล้เวลาที่ฉันต้องกลับแล้วละมั้ง ขอย้ำว่ามั้งนะ
     

             “สงสัยหนูคงรู้วิธีกลับแล้วละคะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับหันไปหาท่านแม่ ท่านแม่ก็ยิ้มออกมา
     

             “ดีแล้วละจ๊ะ” ท่านแม่พูดออกมา ซักพักฉันก็ยืนขึ้นทุกคนก็ลุกขึ้นตาม
     

             “ลาก่อนนะเจ้าตัวแสบ” ท่านพ่อพูดออกมา ฉันก็เริ่มโบกมือลา
     

             “จะไปแล้วจริงๆเหรอ” อลิซถามมา ฉันก็พยักหน้าตอบ
     

             “แล้วจะกลับมาอีกไหม” ฉันได้ยินก็เดินเข้าไปกอดเพื่อนของฉันแล้วพูดว่า
     

             “แน่นอนสิ” ฉันตอบกลับไปพอฉันพูดเสร็จก็คลายกอด
     

             “สัญญาแล้วนะ เพื่อนอลิส” อลิซพูดขึ้นมาทำเอาฉันหัวเราะเล็กน้อย
     

             “ฉันไม่มีทางผิดสัญญาหรอก เพื่อนอลิซ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มแล้วโบกมือลา
     

             “ลาก่อนนะเพื่อนอลิส” อลิซพูดมาฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “อย่าพูดว่าลาก่อนสิ” ฉันพูดออกไป
     

             “ต้องบอกว่าแล้วเจอกันใหม่สิ” ฉันพูดออกไปอลิซก็ยิ้มแล้วพูดว่า
     

             “งั้นก็แล้วเจอกันใหม่นะอลิสอลิซพูดออกมาพร้อมกับโบกมือ ฉันก็ยืนยิ้มแล้วพูดไปว่า
     

             “แล้วเจอกันใหม่จ่ะอลิซ” ฉันพูดออกไปแล้วฉันก็รู้สึกเหมือนหมดสติไปชัวครู่แล้วรู้สึกตัวอีกทีก็ห้องอาหารของแอเรนเดลล์ตอนนี้เห็นท่านแม่กำลังร้องไห้แล้วท่านพ่อปลอบอยู่ ฉันก็เรียกท่าน
     

             “ท่านแม่” ฉันพูดออกไปพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา
     

             “อลิสเหรอ อลิส” ท่านแม่ได้ยินเสียงฉันก็หันมาหาฉันแล้วเรียกชื่อแล้วอ้าแขนรับ
     

             “ท่านแม่” ฉนเข้าไปสวมกอดท่านแม่ ท่านแม่ก็กดตอบพร้อมกับพูดขึ้นมา

     

             “ลูกไปไหนมาหาอลิสรู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง” ท่านแม่พูดออกมาพร้อมกับกอดฉันแน่นขึ้น

             “ขอโทษคะคือหนู” ฉันพูดไม่ทันจบท่านแม่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
     

             “คราวหลังบอกพ่กับแม่ก่อนนะว่าจะไปไหน” ท่านแม่พูดอกมาฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “คะ”

    .

    .

    .

    ยุคปัจจุบันปราสาทน้ำแข็ง
     

             “นั่นก็เรื่องของหนูตอนที่ไปต่างมิติครั้งแรกคะ” ฉันพูดออกไปพวกคุณอาก็ทำหน้าตกใจ
     

             “แล้วหนูได้ไปโลกนั้นอีกไหมคะ” น้าทูธถามมาฉันก็พยักหน้าตอบ ซักพักท่านพ่อก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมกับถือสมุดบันทึกของท่านเอาไว้ในมือ แล้วไปนั่งที่เจ้าอี้
     

             “ท่านพ่อไปไหนมาคะ” ฉันถามแต่ท่านพ่อไม่ตอบแต่กลับเอามือมาวางไว้ที่หนังสือเล่มนั้น ฉันก็พอเดาได้ว่าไปไหนมา
     

             “โอเคคะหนูไม่ถามแล้ว” ฉันพูดออกไปท่านพ่อก็ลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู
     

             “ไม่ต้องเครียดสิลูกพ่อ พ่อแค่ไปหาแม่เขาเฉยๆ” ท่านพ่อพูดออกมาพร้อมกับยิ้ม ดูก็รู้ว่าแกล้งยิ้ม
     

             “ขอโทษที่ขัดความสุขนะแจ็ค เราขอถามอีกข้อได้ไหม” คุณอานอร์ทถามมาท่านพ่อก็มองหน้าแล้วเอาสมุดเล่นนั้นวางไว้บนตักข้างหนึ่ง
     

             “วันสุดท้ายของนางเป็นอย่างไร” ลุงบันนี่มันถามมาทำเอาผู้พิทักษ์คนอื่นๆหันมาด้วยความตกใจ
     

             “ก็ทำไมละพวกเจ้าอยากรู้อยู่แล้วไม่ใช่?” ลุงบันนี่มันพูดต่อเหมือนแทงใจดำเพราะทุกคนเงียบหลังจากที่ลุงธิบาย ท่านพ่อก็ทำหน้าเหมือนจะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง ฉันก็จะพยายามห้ามแต่ท่านพ่อเอามือขึ้นมาห้ามฉันแล้วพูดว่า
     

             “จะให้ข้าเล่าช่วงสุดท้ายหรือวันสุดท้ายละ” ท่านพูพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
     

             “ตามใจเจ้าเถอะสหาย” อานอร์ทพูดออก
     

             “งั้นข้าจะเล่าแล้วนะห้ามถามห้ามขัด เพราะข้าจะเล่าแค่ครั้งเดียว” ท่านพ่อพูดออกมา

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    To Be Continued

     

    ……………………………………………………………………………………………………………………………………………

            

             จบไปแล้วนะครับสำหรับตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ช่วงหลังๆอาจจะดรอปลงไปเยอะเพราะปัญหามากมายครับไม่ว่าจะเป็นเพราะ จิตตกเพราะเนื้อเรื่องของเกมที่เล่น(ขอไม่เล่าดีกว่าครับว่าเพราะอะไร) การบ้าน และอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้ชอบกันนะครับ
     

             ขอสารภาพนะครับว่า ตอนแรกก็จะให้ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ แต่เนื่องจากยอดคนที่มาคอมเม้นมาไม่ตรงตามจำนวนเป้าที่วางเอาไว้คือขาดไปแค่คนเดียวผมก็รอจนอาทิตย์ก็ไม่กระดิกก็เลยเปลี่ยนตอนนี้เป็นตอนหลักเสียเลย จากที่ผมบอกเมื่อจบตอนของอันนาว่าเหลืออีก 5ตอนก็ขอลดเหลือ 3 ตอนแทนแล้วกันนะครับ ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ตอนหลังจากจบตอนของอันนาแล้ว แสดงว่านิยายเองนี้จะเหลืออีกแค่ตอนเดียวเท่านั้นนะครับ ซึ่งผมอาจใจดีเพิ่มตอนพิเศษเล็กๆน้อยๆให้ในตอนจบ ซึ่งผมบอกไว้ก่อนะครับว่าเรื่องต่อไปนั้นผมจะเอาคู่เดิมโดยที่จะมีชื่อว่า Disney Hunger Games ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องคล้ายๆกับ Hunger Games นั่นแหละครับแต่รับรองไม่เหมือนในหนังสือหรือนิยายแน่นอนครับ แต่ก็จะมีบางฉากคล้ายๆกันบ้างก็ไม่ว่ากันนะครับ อ้อเรื่องตัวละครไม่ใช่มีแต่ Disney ตามชื่อนะครับผมอาจเอาจากค่ายอื่นมาบ้างบางตัวนะครับ หวังว่าจะชอบกันนะครับ

     

    ปล.อาจมีเรื่องสั้นเล็กๆน้อยๆก่อนลงเนื้อเรื่องเรื่องต่อไปนะครับขอให้ลุ้นกันเอาเอง

     

    สุดท้ายนี้ก็ขอลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×