ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I want to see you again

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : Beauty (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 744
      7
      12 มี.ค. 57

    ไม่มีสิ่งใดที่ งดงามตลอดกาล
    นอกจาก ความงดงามของจิตใจ
    ที่จะอยู่ตลอดไป

        Elsa

    ……………………………………………………………………………

     

    Narrator :

     

              ช่วงเช้าในฤดูใบไม้ร่วงที่อาณาจักรแอเรนเดลล์ แสงแดดได้สาดส่องไปทั่วอาณาจักรได้ปลุกคนคนหนึ่งจากการหลับใหล คนๆนั้นมีเรือนผมสีบลอนด์แพลตินัมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตามปกติเจ้าของเรือนผมของเธอจะถักเป็นเปียข้างเดียวเสมอ มีแต่ตอนที่เธอนอนเท่านั้นที่จะปล่อยผมทำให้ตอนนี้ผมของเธอได้ปิดหน้าบางส่วนเอาไว้ เธอตื่นขึ้นมารับแสงแดดอันสดใสของเช้าวันใหม่พร้อมกับลูบหน้าและเสยผมที่ปกปิดหน้าของเธอเล็กน้อยเพื่อคลายความง่วงนอน พลางนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เจอคนที่มีพลังแบบเดียวกับเธอ และสามารถใช้เวทย์มนต์แห่งน้ำแข็งและหิมะเหมือนกับเธอ ทั้งๆเป็นเพียงวันเดียว แต่ก็มีความสุขมากกว่าทุกๆวัน อาจจะเพราะเจอคนที่มีพลังแบบเดียวกัน มีอดีตที่คล้ายกัน ก่อนที่เธอจะหลับต่อซักพักเธอก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

              “อรุณสวัสดิ์ เอลซ่า” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นทักทาย มันไม่น่าแปลกถ้าเขาทักตามปกติ แต่ตอนนี้เขาลอยอยู่เหนือหัวของเธอแบบกลัวหัวกลับหางด้วยนี่สิ

              “อรุณสวัสดิ์……(เงียบไปซักพัก)……..เดี๋ยวนะ!?” เอลซ่า ตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้ตนเองตื่นแล้ว
     

              แจ็ค!!! ท่านลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” เอลซ่า พูดขึ้นพร้อมกับเสกเสาน้ำแข็งพุ่งไปชนท้องของชายตรงหน้าที่ลอยกลับหัวกลับเท้าลงไปนอนกองกับพื้น พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาบังหน้าตนเอง

              “โอย รุนแรงจริงน้า นี่ข้าแค่ทักเจ้า ไม่ได้ทำมิดีมิร้ายซักหน่อย” แจ็ค ฟรอสต์ พูดขึ้นมาพร้อมกับลูบหัวตนเองจากการที่หัวกระแทกพื้นเมื่อครู่

              “ท่านก็ไม่น่าแกล้งฉันนะ แต่ตะกี้ขอโทษนะ” เอลซ่า พูดออกมาตอนนี้เหมือนว่าเธอตื่นเต็มที่แล้ว
     

              “อะไร ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ แต่เล่นซะจุกนี่สิ อูย” แจ็ค ฟรอสต์ พูดพลางเอามือกุมท้องเพราะเมื่อครู่ เอลซ่าเสกน้ำแข็งมาพุ่งใส่ที่ท้องของเขา
     

              “ก็ฉันบอกไปแล้วว่าขอโทษ แต่นี่ท่านเป็นอะไรมากไหม” เอลซ่า พูดขึ้นมาพร้อมกับลงจากเตียงไปดูอาการของ แจ็ค ฟรอสต์
     

              “ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็ไม่ตายซ้ำอีกรอบหรอก เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นอะไร” แจ็ค พยายามเตือนสติของ เอลซ่า ที่กำลังลนลานพยายามจะดูอาการของเขา
     

              “จริงด้วย ท่านเป็นภูติหิมะนิ แต่ยังไงก็ขอโทษละกัน” เอลซ่า พูดขึ้นมาพร้อมกับดึงมือออกมาจากศีรษะของ แจ็ค ฟรอสต์
     

              “ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไรมาก” แจ็ค พูดขึ้นพร้อมกับเดินควงไม้เท้าของเขาไปที่หน้าต่าง แล้วนั่งลงตรงที่ขอบหน้าต่างนั้น
     

              “ตรงนั้นมันอันตรายนะ ระวังจะร่วงเอา” เอลซ่า เตือนด้วยความหวังดี
     

              “ไม่เห็นจะ……เหวอ!!! แจ็ค กำลังจะพูดบางอย่างก่อนจะตกลงจากขอบหน้าต่างลงไปข้างล่าง
     

              แจ็ค!!! เอลซ่าตะโกนออกไปพร้อมกันวิ่งไปดูที่ขอบหน้าต่าง เธอรีบก้มมองไปพื้นเบ้องล่างเพื่อดูว่าเพื่อนของเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เธอไม่พบอะไรตอนนี้เธอได้แต่โทษตัวเอง ตอนนี้น้ำตาของเธอก็กำลังจะไหลออกมา
     

              “แหม นึกว่าจะไม่เป็นห่วงกันซะแล้วสิ” แจ็ค พูดขึ้นมาทำให้เอลซ่ารีบหันหน้าตามเสียงไปก่อนจะพูดต่อ
     

              “นี่ยังไงข้าก็ไม่เป็นอะไรง่ายๆอยู่แล้ว อย่าร้องไห้สิ เอลซ่า” แจ็ค พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปนเสียงหัวเราะพร้อมกับลอยไปหาคนที่เขาถาม แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีอารมณ์ที่จะสนุกด้วยจึงขึ้นเสียงใส่
     

              ท่านไม่ควรแกล้งเราแบบนั้นนะ ถึงท่านจะไม่เป็นอะไร แต่หัดนึกถึงคนที่ถูกแกล้งบ้างสิ   เอลซ่า ขึ้นเสียงใส่ แจ็ค พร้อมกับปาดน้ำตาของเธอออก
     

    คำพูดนี้ทำเอา แจ็ค หน้าซีดเลยทีเดียว ความจริงเขาผิดเต็มประตู แต่ถึงเขาจะไม่ผิด แต่เขาไม่ควรที่จะแกล้งกันแบบนี้ แจ็ค ก็ได้แต่บอกขอโทษ แต่ดูเหมือน เอลซ่า จะตักเตือนและสั่งสอนเขาด้วยคำพูดต่างๆทำเอา แจ็ค หูแฉะผิดเลยทีเดียว
     

    “โอย ข้าขอโทษ จะไม่แกล้งเจ้าแบบนี้แล้ว” แจ็ค พูดออกไป แต่ดูเหมือน เอลซ่า ยังโมโหอยู่
     

    “ยังไงก็ท่านก็ผิดอยู่ดีนั่นแหละ ไม่รู้หละเจอกันหน้าปราสาท” เอลซ่า พูดเสร็จก็ปิดหน้าต่างให้ แจ็ค ฟรอสต์ สำนึกผิดอยู่ข้างนอก

     

    Elsa Snow Queen :

    หลังจากที่ฉันเทศนา แจ็ค เรื่องที่แกล้งกันนี่ฉันทำถูกหรือผิดที่ฉันไปว่าเขา แต่ชั่งมันเหอะปล่อยมันไป ไม่ต้องคิดอะไร เขาสมควรแล้ว ฉันคิดในใจอย่างนี้ตอนที่กำลังล้างหน้าอยู่ และพอเสร็จแล้วฉันก็ไปห้องแต่งตัวในห้องของฉันเพื่อแต่งตัว ชุดที่ฉันใส่ก็เหมือนชุดในวันพิธีราชาภิเษก ฉันมันผมฉันเป็นเปียข้างเดียวก่อนแล้วค่อยรวบมันไว้ด้านหลังเป็นปม จากนั้นสวมเสื้อแขนยาวสีดำรัดรูปก่อน แล้วก็สวมชุดเกาะอกรูปหัวใจสีเขียวน้ำทะเล และสุดท้ายฉันก็ห่มผ้าคลุมสีแดงแกมม่วงที่ทอดยาวไปตามพื้น ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ถุงมือสีเขียวน้ำทะเลที่ตกแต่งด้วยลวดลายเล็กน้อย ปกติฉันจะสวมมันตลอดเวลา แต่ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องสวมมันไว้แล้ว ฉันจึงเดินออกไปจากห้องไปที่ห้องอันนาซึ่งน่าแปลกปกติ อันนา จะต้องตื่นและออกมารอที่ห้องอาหารแล้ว ฉันจึงเดินไปที่ห้องของน้องและเริ่มเคาะประตูเป็นจังหวะแบบเดียวที่เราพี่น้องรู้กัน

              “ก๊อก กุก กุก ก๊อก” ฉันเคาะประตูเป็นจังหวะเดียวกับที่ อันนาเคาะห้องของฉันทุกวันตั้งแต่ที่ฉันต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง

     

              “อันนา นี่พี่เองนะ เอลซ่า” ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในห้องฉันก็เริ่มมันใจว่าน้องสาวแสนซนของฉันยังนอนอยู่
     

              “พี่จะเข้าไปละนะ” ฉันขออนุญาตเข้าห้องน้องและเปิดประตู และเห็นหน้าต่างตอนนี้มีม่านคลุมอยู่ ฉันตั้งใจจะไปเปิดม่านให้ห้องนี้สว่างขึ้น ระหว่างที่ฉันเดินไปที่หน้าต่างเพื่อเปิดม่าน รองเท้าฉันก็ไปสะกิดโดนผ้าผืนหนึ่งและฉันก็หยิบมันขึ้นมาดู พบว่า ผ้าผืนนั้นมันเป็นชุดของอันนาที่ใส่เมื่อวานก่อนไปนอนนิ ตอนนี้ฉันแน่ใจมากถึงไม่หันไปที่เตียงก็เดาได้ว่า น้องสาวตัวดีของฉันทำอะไรเมื่อคืนกับคู่มันของเธอ คริสตอฟ ฉันก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะวางแผนแกล้ง อันนา เล่นๆ ฉันเดินไปที่หน้าต่างและเปิดม่านออก ทำให้แสงอาทิตย์ส่องไปทั่วห้อง และภาพทีฉันพบก็เป็นอย่างที่ฉันคิด น้องฉันที่กำลังนอนอยู่กำลังถูกกอดโดยชายที่เป็นคู่มั่นของเธอ โดยร่างของทั้งคู่โผล่ออกมาจากผ้าห่มบางส่วน และเสื้อผ้าของทั้งคู่กระจัดกระจายอยู่รอบๆเตียง พอแสงแดดส่องโดนตาของทั้งคู่ทั้งคู่ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
     

              “อืม” ทั้งคู่เปล่งเสียงออกมาเหมือนไม่พอใจที่ใครมารบกวนการนอนของพวกเขา แต่ทั้งคู่ไม่ยอมลุก ฉันเลยจะแกล้งอันนาต่อโดยการปลุก
     

              อันนา นี่น้องทำอะไรฉันพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ที่นี้น้องฉันลืมตาทันที

              “พี่……ท่าน…..ท่านพี่……พี่……พี่หญิง” ตอนนี้ฉันทำหน้าแบบโกรธนิดๆ(ความจริงฉันอยากหัวเราะจะตายอยู่แล้ว หน้าของอันนาตอนเหวอและทำเสียงตะกุกตะกักมันช่างน่าตลกซะไม่มี) ซักพัก คริสตอฟ ก็ตื่นขึ้นมาแล้วหันมามองอันนาด้วยรอยยิ้มบางๆก่อนหันมาหาฉัน แล้วสีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที

              “องค์…..องค์ราชินี” ตอนนี้หน้าทั้งคู่ต่างตื่นกลัวและตกใจที่ฉันอยู่ในห้องพวกเขาและทำหน้าไม่พอใจ ก่อนอันนาจะพูดบางอย่างออกมา

              “นี่ไม่ใช่แบบที่พี่หญิงคิดนะคะ” ตอนนี้อันนาหน้าเหวอมากส่วน คริสตอฟนะเหรอ หน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว

              “ถ้าไม่ใช่แล้วสภาพของน้อง คือ : อะ : ไร” ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ โดยเน้นเสียงที่คำว่า คืออะไร โดยเน้นทีละตัวตอนนี้ คริสตอฟจะพูดขึ้นบางอย่าง

              “ไม่ต้องแก้ต่างแทนผมหรอกอันนา อันนี้ผมผิดเอง” คริสตอฟ บอกกับอันนาก่อนหันมาหาฉัน

              “เชิญ ลงโทษกระหม่อมเลย พะยะค่ะ” เขาพูดออกมาก่อนซักพัก อันนาก็พูดออกมาบ้าง

              “นี่นายไม่ได้ผิดนะ คริสตอฟ นี่เป็นความผิดฉัน” อันนาหันกลับไปพูดกับ คริสตอฟ ก่อนหันมาพูดกับฉัน

              “ถ้าท่านพี่จะลงโทษลงโทษเราทั้งคู่เลยคะ” แหมคู่นี้มียอมรับผิดแทนกันด้วยคงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่ตอนนี้ยังยอมรับผิดให้กันอีกท่าจะรักกันจริง พอฉันได้ยินคำพูดของทั้งคู่ฉันก็ยิ้มออกมา

              “ก็ได้ ถ้าต้องการอย่างนั้นละก็ พี่ก็จัดให้” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม ฉันแกล้งทำเป็นจะปล่อยเวทย์มนต์ใส่น้องสาวของฉัน คริสตอฟเอาตัวเข้ามาบังพร้อมกับกอดน้องสาวฉันราวกลับจะเสียมันไป ตอนนี้ฉันก็แกล้งจนพอใจแล้ว เลยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ

              “พี่แค่แกล้งน้องเล่น ไม่มีอะไรมากหรอก” ฉันพูดขึ้นก่อนรีบเดินออกจากห้อง พอฉันอยู่นอกห้องฉันก็หันกลับมาแล้วพูดกับทั้งคู่ว่า

              “พี่รออยู่ที่ห้องอาหารก่อนนะ อย่าลืมลงมากันด้วยละทั้งคู่” ฉันพูดออกไปตอนนี้ทั้งคู่ทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าฉันแกล้งพวกเขา

              ตอนนี้ฉันมารออยู่ที่ห้องอาหารเหล่าคนรับใช้ต่างพากันจัดเตรียมอาหารเช้าให้ฉัน,อันนาและ คริสตอฟ ซักพักทั้งคู่ก็เดินออกมา อันนาแต่งตัวตามสบาย สวมชุดกระโปรงยาวสีเทาสลับสีเขียวพร้อมผมเปียที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนคริสตอฟเขาสวมชุดคนตัดน้ำแข็งลงมา

              “นี่ คริสตอฟ ถ้าเจ้าแต่งกับอันนาแล้วเปลี่ยนการแต่งตัวด้วยนะ” ฉันพูดขึ้นมา

              “ค่าพี่หญิงเดียวน้องจัดการเอง”อันนาทำเสียงประชด

              “ครอบครัวสุขสันต์ดีเนอะ” จู่ๆก็มีเสียงกระซิบที่ข้างหูฉันฉันเลยหันไปพบว่าเป็น แจ็ค ฟรอสต์ ตอนที่ฉันหันมาหาเขาหน้าเราใกล้กันมาก ทำเอาให้ฉันเห็นหน้าตนเองสะท้อนดวงตาของเขา ดวงตาของเขานั้นมีสีน้ำเงินสดใสราวกับไพรินมีราคา  ฉันก็กระซิบออกมาเบาๆว่า

              “ท่านเข้ามาได้ยังไง” ฉันถามเขาดูเหมือนอันนาจะได้ยินเลยถามกลับมา

              “ตะกี้พี่พูดอะไรนะคะ” อันนาถามฉัน

              “ไม่มีอะไรทานต่อเลยจ่ะ” ฉันตอบน้องไป

              “ข้าก็เข้ามาทางหน้าต่างห้องเจ้านะสิถามได้” แจ็ค ตอบฉันกลับมา

              “ท่านช่วยเอาหน้าของท่านออกไปหน่อยได้ไหม มันใกล้เกินไปแล้วนะ” ฉันกระซิบบอก แจ็ค

              พอพวกเราทานอาหารเสร็จ คริสตอฟกระซิบกับอันนาบางอย่าง แล้วชี้มาทางแจ็ค แต่อันนาส่ายหน้าแล้วกระซิบตอบกลับไปซักพัก คริสตอฟก็ขยี้ตาและเพ่งดูอีกรอบ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เห็นแจ็คแล้วเขากระซิบบอกกับอันนาต่อ 

              “พี่ไปทำงานเอกสารต่อนะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปที่ห้องทำงานของฉัน ที่นั่นมีเอกสารมากมายไม่ว่าเอกสารจากในและนอกอาณาจักรแอเรนเดลล์ ฉันก็ได้สั่งให้ขุนนางและคนอื่นๆทำงานเอกสารเหล่านี้ด้วย เพื่อนประหยัดเวลาและฉันก็จะตรวจดูอีกรอบ พอเสร็จจากตรงนี้ก็จะไปรอที่ห้องท้องพระโรงเพื่อว่าคดีความต่างๆ พอเสร็จแล้วฉันก็จะไปเยี่ยมประชาชนภายในเมือง เหมือนทุกๆวัน ฉันเห็นแจ็ค ฟรอสต์ ลอยมาใกล้ๆจู่ๆเขาก็ถามฉัน

              “ข้านึกว่าเป็นราชินีจะสบายซะอีก” เขาพูดออกมา ระหว่างที่ฉันเดินไปหน้าประตูพระราชวัง

              “นั่นก็สำหรับบางคน แจ็ค บางคนก็ปล่อยมัวแต่สั่งๆๆ ไม่ยอมทำงานของตนเอง จนประชาชนไม่พอใจจนเกิดการกบฏขึ้น แต่สำหรับฉันนะ ฉันว่าฉันยอมเหนื่อยให้ประชาชนอยู่อย่างสบายจะดีกว่า” ฉันตอบแจ็คไป

              “เจ้านี่ งดงามทั้งภายในและภายนอกเลยนะ องค์ราชินีเอลซ่า” เหมือนเขาจะพูดออกมาล้อเลียนฉัน แต่ฉันกลับยิ้มกับสำเนียงที่เขาพูดซะนี่

              “นี่เจ้าจะไปไหนหรือ” เขาถามฉันดูเหมือนเขาจะลืมที่ฉันถามเขาเมื่อคืน(ถ้าไม่เข้าใจคำถามอยู่ช่วงท้ายๆของ Chapter 3 : My heart beats fast นะครับ [ไรเตอร์])

              “ก็พาท่านไปชมคนในเมืองตามคำสัญญาไง” ฉันพูดออกไป

              “อ้อ ข้านึกออกแล้ว” เขาพูดออกมาพร้อมกับวางไม้เท้าของเขาไว้บนบ่า

              “นี่ทำไมท่านต้องพกไม้เท้าไว้ด้วยละ” ฉันถามเขา

              “ถ้าข้าไม่มีมันข้าก็จะเหมือนคนปกติ ที่ข้าจะทำได้ ก็มีแค่แช่แข็งของที่จับก็เท่านั้น” แจ็ค พูดขึ้นก่อนจะพูดต่อ

              “แต่ข้าไม่เหมือนกับเจ้า เจ้าสามารถใช้เวทย์มนต์แห่งน้ำแข็งและนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งเจ้านี่เหมือนข้าข้ารู้สึกอิจฉาเจ้าอยู่นะเนี่ย” แจ็คพูดพร้อมกับชี้ไปที่ไม้เท้าของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ     

              “ท่านจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับพลังของฉันละ” ฉันพูดขึ้นมาพร้อมกับหยุดเดิน เขาก็หันมาหาฉันแล้วพูดว่า

              “ข้าขอโทษ” เขาทำอะไรผิด เขาขอโทษฉันทำไมฉันแค่หยุดเดินเท่านั้น

              “ท่านขอโทษเรื่องอะไร ท่านไม่ได้ทำไรผิดซักหน่อย” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเอียงคอนิดๆ

              “เรื่องพลังของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ามีความหลังเกี่ยวกับมัน” เขาพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเศร้าราวกับเขารู้ประวัติของฉันอย่างดี

              “พร้อมจะไปทัวร์เมืองนี้หรือยัง” ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องเลยพูดออกมา

              “ข้าพร้อมแล้ว” เขาตอบกลับมาแล้ว ซักพักประตูก็เปิดออก ภาพแรกที่ฉันเห็นหลังจากที่ประตูเปิดออกมาคือชาวเมืองแอเรนเดลล์ที่ออกมาจากบ้านมาต้อนรับฉัน ทุกคนส่วนใหญ่รู้ว่าช่วงเวลานี้ของทุกวันฉันจะออกมาเยี่ยมเยียนเสมอ ฉันก็ได้แต่ยิ้มและโบกมือทักทายพวกเขา บางคนก็ชวนฉันให้ไปเยี่ยมเยือนบ้านของพวกเขา บางคนก็นำลูกของพวกเขามาให้ฉันอุ้ม นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องทำ ตอนนี้เดินแหวกฝูงชนออกไปจากราชวังและออกจากเมือง ระหว่างทางก็มีเด็กมาเล่นกับฉันบ้าง บางทีแจ็คก็แกล้งเด็กพวกนี้โดยเสกหิมะใส่บ้าง เล่นเอาให้ฉันอดอมยิ้มไม่ได้ที่เขาทำตัวให้คนอื่นมีความสุขเสมอพอฉันเยี่ยมชมคนในเมืองเสร็จก็จะไปทางแถบชนบทบ้าง ฉันต้องเดินออกจากเมืองเพื่อไปยังแถบชนบท ตอนนี้พวกเราออกมาจากตัวเมืองเรียบร้อยแล้ว

              “ฟู่ว(เสียงหายใจออกแรงๆ) กว่าจะออกมาได้เนาะ” แจ็ค พูดและทำท่าปาดเหงื่อแล้วหันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับซ่อนมือไว้ข้างหลังข้างหนึ่ง

              “ท่านไม่ต้องมาทำเป็นเหนื่อยเลย ท่านแค่เดินเฉยๆก็ทะลุพวกเขาไปหมดแล้ว” ฉันพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

    “และท่านไม่ต้องมาปาหิมะใส่ฉันเลยนะ” ฉันพูดต่อ

              “แนะ รู้ทันไม่สนุกเลย” เขาทำหน้ามุ่ยเลยทีเดียวพอฉันรู้ว่าเขาจะแกล้งปาหิมะใส่ เขาเอามือที่ซ่อนออกมา นั่นไงมีหิมะจริงด้วย

              “รู้ทันดีนัก นี่แนะ” แจ็คไม่ร้องรำทำเพลงเอาสโนว์บอลมายัดหน้าฉันซะ

              “อุ๊ก…..อุ๊ป….” ตอนนี้ฉันเปล่งเสียงออกมาไม่ได้เพราะตอนนี้แจ็คยัดสโนว์บอลใส่หน้าไม่พอยังขยี้ต่ออีกฉันไม่รู้ทำไงดิ้นก็ไม่หลุดเพราะตอนที่แจ็คขยี้สโนว์บอลบนหน้าเขาเอาไม้เท้าเกี่ยวเอวฉันไว้อยู่ฉันก็เลยก็เลย ชกสุดแรงเข้าที่ลิ้นปี่ของเขาปรากฏว่าได้ผล แจ็ค ฟรอสต์ นอนชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด(นี่ฉันทำรุนแรงไปป่าวเนี่ย)

     

    Jack Frost :

              โอยจุกชะมัดผู้หญิงอะไรต่อยแรงขนาดนั้น ตัวก็ออกจะเล็ก ทำไมแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย คือตอนนี้
    ข้านอนชักดิ้นชังงออยู่บนพื้น
    ดูเหมือนเธอจะเข้ามาดูอาการข้า ไม่รู้จะตอกย้ำหรือะไรกันแน่

              “แจ็ค ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” นางถามข้าใจจริงข้าอยากตอบว่า เจ็บสิไม่งั้นข้าจะชักดิ้นชักงออยู่แบบนี้เหรอ แต่เพื่อรักษาน้ำใจข้าเลยตอบไปว่า

              “ข้าไม่เป็นไร แค่จุกนิดหน่อยเอง” ข้าพยายามฝืนยิ้มสุดชีวิตไม่ให้นางกังวล แต่ดูเหมือนนางจะรู้ว่าข้าฝืนนางพยายามเปิดเสื้อข้าเพื่อดู รอยที่นางต่อย ข้าจะยอมไหม……………………..ยอมสิ ทำไมเวลานางมองหน้าข้าแล้วทำหน้าแบบนั้น แล้วข้าใจอ่อนทุกที

              “โอ้โห ดีนะที่ท่านไม่ใช่มนุษย์ถ้าใช่ซี่โครงแทงปอดแล้วเนี่ย” หา ข้าก้มมอองท้องตัวเอง ท่าจะจริงรอยช้ำม่วงเป็นรูปหมัดเลย

              “แล้วจะหายไหม” นางถามข้า

              “ลองดูเองสิ” ข้าเอื้อมมือไปจับไม้เท้าของข้า เกิดแสงสว่างที่ไม้เท้าของข้าและแสงนั้นค่อยๆเลื่อนมาจากไม้เท้าเข้ามาที่มือจากมือไหลไปที่แขนจากแขนไปที่ไหล่ไปเรื่อยๆและสุดท้ายก็หยุดตรงที่รอยช้ำนั่นซักพักผลข้าก็หายเป็นปกติ พอแผลข้าหายเสร็จพวกเราก็ลุกขึ้นเดินไปต่อ

              “สะดวกจริงนะท่าน ทีนี้ถ้าท่านบาดเจ็บสาหัดก็รักษาเองได้ใช่ไหม” นางถามข้า

              “มันไม่สะดวกอะไรขนาดนั้น ที่ข้าทำไปตะกี้มันทำได้แค่ฤดูละครั้งเท่านั้นยกเว้นฤดูหนาว” ข้าตอบ

              “ทำไมละ” นางเอียงคอถามข้า แต่เอลซ่าอย่าทำท่าแบบอีกนั้นได้ไหมมันทำให้หัวใจข้าเต้นแรง ข้าคิดคำพูดนี้ในใจจากนั้นข้าก็ตอบคำถามนาง

              “ก็มีแค่เฉพาะฤดูหนาวเท่านั้นที่ข้าสามรถให้พลังได้เต็มที่ ปกติช่วงฤดูอื่นข้าจะพักผ่อนม่ค่อยใช้พลังซักเท่าไหร่

              “อ้อ ถ้าอย่างงั้นทำไมท่าน” เหมือนนางจะถามข้าต่อ แต่ตอนนี้มีเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเอลซ่าเอาน่ายังไงเด็กพวกนี้ก็ไม่เห็นข้าอยู่แล้ว

              “องค์ราชินีคะ คนที่ยืนถือไม้เท้าข้างๆท่านคือใครคะ” เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งถามนาง แต่ทำไมเด็กคนนี้มองเห็นข้า

    แต่ดูเหมือนเอลซ่าจะตกใจยิ่งกว่าข้าอีก ตอนนี้พวกเด็กๆต่างชี้มาที่ข้าและถามคำถามแบบเดียวกันตอนแรกข้าคิดว่ามีคนเห็นข้าเพียงไม่กี่คน แต่นี่มันเห็นกันทั้งกลุ่มเลยนี่หว่า

             “นี่หนูๆเห็นท่านด้วยเหรอจ๊ะ” เอลซ่าถามพวกเด็กกลุ่มนั้น

             “เพคะ องค์ราชินี” เด็กหญิงคนที่ถามเอลซ่าตอบ ตอนนี้เอลซ่ายิ้มออกมาบางๆก่อนจะพูอะไรบางอย่าง

             “แล้วหนูๆอยากเล่นกับพี่เขาไหมจ๊ะ” นางถามเด็กกลุ่มนั้นและทั้งกลุ่มพยักหน้าตอบ

             “งั้นไปเลยจ้า” นางลุกขึ้นพร้อมกับเผยมือมาที่ข้าเด็กทั้งกลุ่มรีบวิ่งมาหาข้า และกระโดดมาหาข้าทำให้ข้าต้องรับเด็กทีละคนทีละคนจนในที่สุดก็ต้องลงไปนั่งลงบนพื้น บางคนก็กระโดดมาเกาะแขน เกาะขาข้าบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเล่นไม้เท้ากับผมของข้า ข้าหันไปทางเอลซ่าด้วยสภาพที่เด็กปนป่ายบนตัวข้าราวกับข้าเป็นของเล่น นางยิ้มมออกมาบางๆและยกมือขึ้นเหมือนโบกมือลาแต่ค้างอยู่ตรงอกแล้วพูดบางอย่างข้าไม่ได้ยินเสียงแต่ข้าก็อ่านปากนางออกนางพูดว่า โทษนะ ออกมาเบาๆ ข้ารู้ความหมายข้าก็ยิ้มตอบนางตอนที่ข้ามองรอยยิ้มของนางนั้นเล่นเอาข้าเคลิ้มเลยทีเดียว จู่ๆข้าก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดเข้ามาทางศีรษะ

             “อ้าว เจ็บนะ” ข้าร้องอออกมาเพราะเด็กคนหนึ่งดึงผมข้า ดีที่ผมข้าไม่ได้หลุดติดมือเด็กไปด้วย

             “นี่ๆท่านชื่ออะไรคะ” เด็กน้อยช่างสงสัยที่คุยกับเอลซ่าเมื่อครู่ ตอนนี้หนูน้อยนั่งอยู่บนตักข้าและเริ่มถามคำถาม

             “แจ็ค……แจ็ค ฟรอสต์” ข้าตอบเด็กคนนี้ไป

             “นี่ๆ ท่านแจ็ค ฟรอสต์ ท่านสามารถใช้เวทย์มนต์แบบเดียวกับองค์ราชินีได้ไหมคะ” เด็กจ้อยถามอีกครั้ง ข้าหันไปมองเอลซ่าเชิงขออนุญาต นางพยักหน้า

             “ได้สิเด็กน้อย แต่หนูอยากให้พี่สร้างอะไรเหรอ” ข้าถามเด็กคนนั้น พร้อมกับเด็กคนอื่นๆด้วยคำถามเดียวกัน

             “สนามเด็กเล่น” ทุกคนส่งเสียงพร้อมกัน

             “ได้เลย ถอยออกไปหน่อยนะ” ข้าลุกขึ้นยืนและบอกให้พวกเด็กๆออกไปห่างๆ พวกเด็กๆก็เดินออกไป ถึงส่วนใหญ่จะหลบไปหลังผ้าคลุมของเอลซ่าก็เหอะ

     

             ข้าหยิบไม้เท้าจองข้าขึ้นมาควงไปทางซ้ายทีขวาที ตอนนี้ไม้เท้าของข้าได้เปล่งแสงแกมาแสงนั้นมีสีน้ำเงินแกมขาว ก่อนที่ข้าจะใช้ปลายไม้กรถทุ้งพื้นข้าก็ควงไม้ไว้บนหัวข้า ตอนที่ข้าควงไม่ข้านึกถึงสิ่งที่ข้าจะสร้าง ทั้งขนาด ความกว้าง ความสูง สิ่งประดับตกแต่ง ทั้งหมดนี้ข้าคิดทั้งหมดในการควงมันเพียงรอบเดียวเหนือหัว พอไม้เท้าข้าเปลี่ยนจากมือซ้ายไปมือขวาข้าก็กำมันไว้แน่นและทุบมันลงพื้น

    แสงที่อยู่บนไม้เมื่อครู่ได้ไหลลงไปที่พื้น แสงนั่นหลังจากลงพื้นได้กระจายออกเป็นวงกว้าง ซักพักพื้นที่บริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ พอพื้นกลายเป็นหิมะเสร็จแล้วก็มีเสาน้ำแข็งโผล่ออกมาจากเสาน้ำแข็งเปล่าๆมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นของเล่นในสนามเด็กเล่น ไม่ว่ากระดานลื่น ม้าหมุน ราวโหน แม้แต่บ่อทราย? พอพวกเด็กๆเห็นต่างพากันตื่นเต้นตกใจและดีใจและพาวิ่งไปเล่นของเล่นเหล่านั้น แต่บางคนก็กลาๆกลัวๆ ข้าจึงนำไม้เท้าของข้าเคาะบนพื้นหิมะนั่นสองสามครั้ง เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กๆที่ไม่มีพิษมีภัยสำหรับเด็กๆไม่วากระต่าย นกตัวเล็กๆ หรือแม้แต่สุนัข และสัตว์อื่นๆอีกหลายชนิดที่ข้านึกออก พอสัตว์ออกมา พวกเด็กๆที่กล้าๆกลัวก็ค่อยเดินมาเล่นกับสัตว์พวกนี้ และสุดท้ายเด็กน้อยขี้สงสัยก็เดินมาหาข้า   “ขอบคุณคะ ท่าน แจ็ค ฟรอสต์” หนูน้อยคนนั้นตอบกลับมาและวิ่งไปเล่นกับพวกของเธอ  

             หลังจากที่ข้าสร้างสนามให้เด็กๆเล่นแล้ว ข้าก็เดินไปหาเอลซ่าที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่

             “ไงฝีมือข้า   พอใช้ได้ไหม” ข้าถามนาง

             “ก็งั้นๆ” ดูนางตอบสิให้กำลังใจกันหน่อยก็ได้

             “แต่ท่านก็ทำให้เด็กที่ไม่กล้าเล่นกับคนอื่นไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆได้นี่ถือว่าไม่เลวนะ” นากล่าวชมข้าก่อนจะเดินออกไป

             “นี่เจ้าไม่ดูแลเด็กพวกนี้หน่อยเหรอ” ข้าถามนางเพราะอยู่ๆจะเดินออกไปโดยทิ้งเด็กไว้ได้ยังไง

             “ฉันไม่ได้ทิ้งพวกเขา พ่อแม่พวกเขาอยู่แถวนี้นี่แหละฉันเลยเดินออกมา” นางพูดขึ้นก่อนเดินไปต่อ

             “ไหนละข้าไม่เห็นมีเลยซักคน” ข้าแย้งนางด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

             “ก็ได้ ท่านไม่ได้สังเกตต้นไม้บนหัวของท่านเลยหรือ” นางพูดขึ้นข้าก็เงยหน้ามองดูด้านบน ด้านบนหัวของพวกเรามีบ้านไม้ที่สร้างบนต้นไม้หลายหลังบนต้นไม้หลายต้น

             “ที่แถบนี้นะเป็นกึ่งป่ากึ่งที่ราบ คนส่วนใหญ่จึงสร้างบ้านบนต้นไม้เพื่อป้องกันสัตว์ป่าตอนกลางคืน” เอลซ่าบอกข้าด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ

             “แล้วเราจะไปไหนกันต่อ” ข้าถามนางเพื่อจะได้รู้จุดหมายปลายทาง

             “ฉันจะไปสุสานประจำตระกูลของฉัน” นางตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยข้าเงียบพักหนึ่งเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ ข้าเลยพยายามชวนนางพูดเรื่องอื่นๆ ช่วงที่ข้ากับเอลซ่าเดินไปที่สุสาน เพื่อให้ลืมคำถามเมื่อครู่

             “นี่เอลซ่า” ข้าสะกิดไหล่นางและนางก็หันหน้ามา

             “มีอะไรเหรอแจ็ค?” นางถามกลับมา

             “เอ่อ…….ข้าขอถามอะไรบางอย่างได้ไหม” ข้าขออนุญาตนาง

             “ได้สิ แต่ท่านจะถามเรื่องอะไรละ” นางตอบกลับมา

             “เจ้าทำแบบงานแบบนี้ทุกวันเลยหรือ” ข้าถามนาง

             “ก็ไม่ทุกวันหรอกแจ็คแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่มันวุ่นวาย แต่ถ้าจะวุ่นวายจริงๆน่าจะช่วงเทศกาลนั่นแหละ” เอลซ่าตอบคำถามข้าและดูเหมือนนางจะพูดบางอย่างต่อ

             “แล้วท่านละ ทำไมถึงมาที่นี่ละ” นางถามข้ากลับ

             “ตอนแรกข้าแค่อยากพบหน้าคนที่มีพลังแบบเดียวกับข้าก็เท่านั้น แต่พอข้าเจอเจ้าข้าว่าจะอยู่ต่อซักหน่อย” ข้าตอบนางกลับไป

             “ทำไมท่านถึงอยากอยู่ต่อละ” นางถามข้าต่อ

             “ข้าไม่รู้ ตอนนี้ข้าแค่อยากอยู่ใกล้ๆเจ้าก็เท่านั้น” ข้าตอบนางกลับไป แต่ข้าพูดอะไรออกไป!!

             “แล้วเจ้าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรบ้างละ” ข้ารีบถามนางไม่ให้นางคิดถึงคำตอบที่ข้าพูดเมื่อครู่

             “อะไรที่ฉันเหรอ ขอนึกก่อนนะ” นางมองขึ้นข้างบนเหมือนนึกอะไรบางอย่างก่อนยิ้มออกมา

             “ไม่บอก เรื่องอะไรจะบอกท่านละ” นางพูดเสร็จก็วิ่งออกไป ข้าก็ยืนงงอยู่ตรงนั้นซักครู่นั่น พลางคิดในใจว่าโดนซะแล้วแจ็ค ฟรอสต์ ข้ายืนนิ่งซักครู่และเริ่มบินไปดักหน้านาง แต่เพราะนางมัวแต่มองดูข้างหลังเลยวิ่งชนข้า จนล้มลงไปทั้งคู่

    Elsa Snow Queen :

             ฉันว่าฉันวิ่งนำแจ็ค ฟรอสต์มาตั้งไกลแล้วนะทำไมเขามาดักหน้าฉันได้ละแต่ไม่สำคัญหลอก เพียงแต่ตอนนี้ฉันนอนทับทับอยู่

             “อูย ลุกได้รึยังหนักนะเห้ย” บอกให้ลุกเฉยๆก็ได้อย่าบอกว่าฉันหนักสิเคืองนะ แต่ท่าฉันจะหนักจริงเพราะชุดที่ฉันใส่แต่ละตัวผ้าก็ไม่ได้บางๆเลย พอเขาบอกให้ลุกฉันก็ลุกออกจากตัวเขาไปนั่งข้างๆ

             “ท่านเป็นอะไรไหม” ฉันถามเขาด้วยความเป็นห่วง

             “แค่เจ็บนิดหน่อย อ้อถ้าจะถามว่ามาดักหน้าได้ไง ข้าแค่บินมาดักหน้าก็เท่านั้นเอง” เขาตอบคำถามฉันและเหมือนเขาจะรู้คำถามที่ฉันจะถามต่อเลยตอบอีก

             “นี่เจ้าบาดเจ็บอะไรรึเปล่า” เขาถามฉันแปลกแหะ เขาเป็นห่วงเราเหรอ? ตอนนี้ฉันได้แต่นั่งคิดความคิดตีกันอยู่ในหัวของฉันจนลืมตอบคำถามเขา

              “ฮัลโหล ฮัลโหล โลกถามตอบกลับด้วย” แจ็คโบกมือขึ้นลงที่หน้าฉันให้ฉันหันมาสนใจเขา

             “ไม่……ไม่ได้บาดเจ็บอะไร” ฉันพูดพร้อมกับโบกมือทำท่า ปฏิเสธว่าไม่ได้บาดเจ็บ

             “แล้วตอนนี้เราใกล้ถึงยัง” เขาถามฉันก็มองรอบๆเห็นก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากที่พวกเรายู่

             “นั่นไงเรามาถึงแล้ว” ฉันบอกแจ็คพร้อมกับชี้ไปที่หิดสองก้อนนั้น พอแจ็คเห็นเขาก็ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือมาที่ฉัน

             “ลุกไหวไหมองค์ราชินี” เขาพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาให้ฉันในท่าที่แขนข้างซ้ายคล้องไม้เท้าเขาอยู่และยิ้มมาที่ฉัน

             “ไหวสิ” ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเขาและลุกขึ้นยืน ฉันพึ่งรู้ว่าเวลายืน ฉันสูงประมาณจมูกของแจ็คเท่านั้นเอง

             “เราต้องไปแล้ว ว้าย!!!” ฉันกำลังจะก้าวเดินจู่ๆฉันก็เซไปมาจะเซไปทางไหนไม่ไป ฉันดันเซไปซบตรงหน้าอกของเขาพอดี

             “นี่ไหนว่าไหว ทำไมก้าวทีเซแล้วละ” แจ็คดันฉันออกก่อนถามฉัน ตอนนี้เขาจับแขนฉันอยู่

             “ก็บอกว่าไหวไงปล่อยสิ” ฉันบอกเขาอีกครั้ง และเขาก็ปล่อยฉัน ฉันเดินได้สองสามก้าวก็ล้มลง โชคดีที่แจ็คมารับทัน

             “ไหนบอกว่าไหวไหนดูข้อเท้าสิ” แจ็คพูดเสร็จก็ดูข้อเท้าฉันปรากฏว่ามันบวมมาก

             “เอานี่ประคบไว้ก่อน” เขาเสกก้อนน้ำแข็งขึ้นมาให้ฉันประคบแผลซักพักเขาก็พูดต่อว่า

             “เธอพอเดินไหวไหม” เขาถามฉัน

             “ตอนแรกคิดว่าได้ แต่ตอนนี้ฉันว่าไม่น่าได้” ฉันตอบเขาไปตรงๆ และจู่ๆเขาก็เข้ามายกแขนและพยุงฉัน

             “เท่านี้ก็เดินได้แล้วใช่ไหม” เขาหันมาถามฉัน ฉันพยักหน้าตอบ

     

    พอเราถึงหลุมศพของท่านพ่อและท่านแม่ ฉันก็จัดการเสกดอกไม้ที่สร้างจากน้ำแข็งวางไว้หน้าหลุมศพของพวกท่านก่อนที่จะพูดคุยกันเรื่องส่วนตัว ราวกับท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ส่วนแจ็ค ฟรอสต์ นะเหรอเขาไม่ได้อยู่ใกล้ๆฉันหรอกเขาอยู่ห่างจากฉันเป็นสิบเมตรได้ ทำไมนะหรือเขาบอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องภายในครอบครัว พอฉันพูดกับพวกท่านเสร็จตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ฉันก็หันไปหาแจ็คแล้วแจ็คก็เดินเข้ามา

             “เจ้าพูดคุยพวกท่านเสร็จแล้วหรือ?” แจ็คถามฉัน

             “อื้ม วันนี้มีเรื่องเยอะแยะเลยนานกว่าปกตินะ” ฉันบอกกับเขา

             “แล้วกลับกันหรือยัง” เขาถามฉัน

             “ความจริงก็อยากกลับอยู่ แต่ดูสภาพฉันสิ” ฉันบอกกับเขาให้ดูว่าตนนี้ฉนแม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้เลย

             “จะให้ข้าพยุงให้ไหม” แจ็คถามฉันอีกครั้ง

             “ที่เดินมาได้ตะกี้ก็สุดความสามารถฉันแล้วละ” ฉันยิ้มและตอบเขา ตอนนี้แจ็คเดินคิดไปๆมาๆ แล้วดูเหมือนเขาจะคิดออก เขาเดินมาหาฉันแล้วช้อนตัวฉันขึ้นและอุ้มฉันในท่าเจ้าสาวโดยไม้เท้าของเขากันไม่ให้ฉันหลุด ฉันยอมให้ทำไหม……..ไม่ ฉันก็ขัดขืนดิ้นไปดิ้นมาในแขนของเขา

             “แจ็ค ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” ฉันออกคำสั่งใส่แจ็ค

             “ไม่ ก็เจ้าเดินไม่ได้ แถมแถวนี้ก็ไม่ได้มีคนมากมายผ่านมา แล้วเจ้าจะกลับยังไง” เขาก็พูดถูก แต่ยังไงฉันก็ไม่ยอมถูกอุ้มอยู่ในท่าเจ้าสาวแบบนี้จนถึงปราสาทแน่นอน

             “จะยังไงก็แล้วแต่ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้” ตอนนี้ฉันเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

             “นี่เบาๆหน่อย เดี๋ยวหูข้าพังพอดี” เขาบอกฉันต่อใครจะไปยอมละ

             ไม่” ฉันส่งเสียงดังขึ้นกว่าตะกี้

             “จะเบาไม่เบา ถ้าไม่เบาข้าจะหุบปากเจ้าด้วยปากข้านี่ละ” แจ็ค ขึ้นเสียงทำขู่ฉัน ยังไงเขาก็แค่ขู่ไม่ทำจริงหรอก

             ไม่” ฉันพูดขึ้นเสียงเบากว่าเมื่อตะกี้แต่ก็ดังอยู่ดี

             “ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ” แจ็ค ไม่รอคำพูดใดๆจากฉันซักอย่าง ฉันรู้ตัวอีกทีริมฝีปากของฉันกับของเขาก็ประกบกันซะแล้ว

             “อื้ออู้อื้อ” นั่นเสียงฉันตอนที่เขาจูบฉันอยู่

    ฉันทำไง ทุบสิคะ ฉันก็ทุบตัวเขาแรกๆก็แรงอยู่ แต่พอผ่านไปซักพักฉันกลับไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนเพื่อทุบต่อ ฉันพยายามดันตัวเขาออก แต่เขากลับรั้งให้ฉันอยู่ตรงนั้นต่อ ตอนแรกฉันขัดขืน แต่ตอนนี้ฉันดันยอมให้เขาจูบต่อและฉันก็จูบตอบกลับ นี่ฉันเป็นอะไรไป ฉันทำอะไร ฉันไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปและไม่เข้าใจเกี่ยวกับตัวเองเลย ฉันก็ทำได้แค่ปล่อยตัวเองไปตามความรู้สึก ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้ราวกับเวลาได้หยุดเดิน ฉันกับ แจ็ค ฟรอสต์ ยังจูบกันอยู่ในท่าที่เขาอุ้มฉัน พอเวลาผ่านไปซักพักเขาก็ถอนริมฝีปากออก สิ่งแรกที่เราทำคือสูดอากาศให้ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้ และเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ความเป็นห่วงว่า

             “เจ้าเป็นอะไรไหม ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเสียงดักก็เท่านั้น” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงฟังดูอบอุ่น

             ……………..” ฉันก็ได้แต่นิ่งไม่ยอมพูด ตอนนี้หน้าฉันคงจะแดงจนเห็นได้ชัด ฉันเลยหลบหน้าเขาโดยการก้มหน้าลงและไม่พูด

             “ข้าขอโทษ” แจ็ค ฟรอสต์ ขอโทษฉันน้ำสียงของเขารู้เลยว่าเขาเสียใจจริงๆ ฉันควรโกรธเขาไหม ฉันควรทุบเขาไหม ฉันควรทำอย่างไร แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยตอนนี้

             “จะให้ข้าไปส่งที่หน้าวังหรือห้องของเจ้าละ” เขาถามฉันต่อด้วยน้ำเสียงแบบเดิมเพียงตอนนี้เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ฉันก็ได้แต่หน้าแดงไม่รู้ว่าจะหลบหน้าเขายังไง ฉันก็ตอบเขากลับไปว่า

             “ที่ห้องของฉันละกัน” ฉันตอบเขา แต่เสียงของฉันนั้นเบาราวกลับกระซิบและดูเหมือนว่า แจ็ค จะได้ยินเขาเลยพูดต่อ

             “ที่ห้องของเจ้าใช่ไหม โอเค งั้นข้าจะบินไปส่งช้าๆนะ” แจ็คพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูมีความสุขขึ้นจากตอนแรกเยอะ

             ฉันก็พยักหน้าตอบเขาแจ็คค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นดินช้าๆจนพ้นต้นไม้และสูงขึ้นเรื่อยๆ

             “นี่…..นี่…..สูงไปแล้วนะ” ฉันสะกิดเขาและพูดด้วยน้ำเสียงกลัวๆ(ตอนนี้หน้าฉันก็ยังแดงอยู่)

             “นี่จะหลบหน้าข้าไปถึงไหน หันมาพูดกันบ้างก็ได้” เขาพูดออกมาโดยพยายามให้ฉันหันไปหาเขา

             “ขอฉันปรับอารมณ์สักครู่ก่อนได้ไหม” ฉันบอกเขา

             “ได้สิ” เขาพูดขึ้นและลอยตัวไปข้างหน้าช้าๆ ทำให้ฉันรู้สึกถึงลมที่พัดผ่านตัวฉันอย่างแผ่วเบา

             “นี่เจ้าลองมองวิวมุมนี้บ้างสิสวยดีนะ” จู่ๆแจ็คก็หยุดบินและลอยค้างอยู่ตรงนั้น ฉันเลยหันไปมองตามที่เขาบอกดู

    ภาพที่ฉันคือ อาณาจักรแอเรนเดลล์ช่วงที่ท้องฟ้าเป็นแสงสีทองทุ่งหญ้าและป่าไม้ทางแถบชนบทต่างมีต่างมีสีออกส้มๆแดงๆ ดูเหมาะสมกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นอย่างดี ตอนนี้ฝูงนกต่างพาบินกลับรังตอนช่วงเย็น ฉันมองภาพเหล่านั้นด้วยความสนใจจนลืมเรื่องที่ แจ็คทำกับฉันเมื่อครู่เสียสนิท

    “เป็นไงสวยใช่ไหมละ” แจ็คถามฉัน

    “ใช่สวย สวยงามมาก ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้เห็นภาพแบบนี้ในช่วงชีวิตของฉันนะ” ฉันพูดขึ้นก่อนยิ้มอออกมาบางๆ

    “ถ้าเก็บภาพนี้ได้ฉันก็อยากเก็บมันไว้นะ” ฉันพูดต่อและมองไปที่ใบหน้าของเขา แจ็ค ฟรอสต์

    สายลมที่พัดอ่อนๆและแสงแดดยามนี้ได้ทำให้เส้นผมของเขาที่เป็นสีขาวออกเงินๆเปลี่ยนสีผมของเขาเป็นสีออกเงินๆทองๆ และสายลมได้พัดเส้นผมของเขาปลิวไสวไปตามลม เขามองดูทิวทัศรอบๆด้วยความหลงใหลในความงดงามของมัน ตอนนี้ใบหน้าของเขายิ้มออกมารอยยิ้มนี้ไม่ใช่รอยยิ้มที่สนุกสนานหรือปั้นยิ้มแบบทุกที แต่รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงรู้สึกยินดีและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ฉันก็เผลอยิ้มแบบเขาตามไปด้วย

    “ปะ ไปกันต่อเถอะ” เขาพูดและก้มหน้ามามองที่หน้าฉัน พร้อมกับยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

    “ค่ะ” ฉันตอบกลับไป ช่วงที่เราค่อยๆลอยไปที่ปราสาท ฉันรู้สึกผ่อนคลาบจนเกือบเผลอหลับหลายรอบ ดูเหมือนแจ็คจะรู้เขาเลยพูดออกมา

    “ถ้าเจ้าจะนอนพักก็นอนได้นะข้าอนุญาต” เขาพูดออกมาด้วนน้ำเสียงที่ฟังแล้วสบายๆ

    “งั้นถ้าถึงแล้วปลุกด้วยนะ” ฉันบอกเขาก่อนที่ฉันจะหลับตาลงฉันก็ได้ยินเสียงจากเขส

    “ถ้าถึงแล้วจะปลุกให้ ตอนนี้ขอให้เจ้าพักผ่อนให้สบายก่อนนะ” ฉันได้ยินเสียงนั่นฉันก็สบายใจแล้ว

    สุดท้ายฉันก็หลับไป

    .

    .

    .

    .

    .

    To Be Continued

    …………………………………………………………………………………………..

             จบไปอีกตอนแล้วนะครับสำครับChapter 5 : Beauty

    สำหรับตอนนี้ถ้าสักเกตุผมจะพยายามบรรยายความสวยงามของแต่ละอย่างไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ เอลซ่า แจ็ค ฟรอสต์ อันนา หรืแม้แต่ คริสตอฟ ผมจะบรรยายให้ทุกคนเห็นภาพแบบที่ผมเห็นถ้าผิดพลาดอะไรก็ขอโทษด้วยนะครับ

             ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะครับที่อุตส่ารออ่านของผมกันถึงผมจะลงช้าไป 2 วันนะครับ สำหรับตอนพิเศษว่าจะลงหลังตอนที่ 6 นะครับ

             กำหนดนะครับ ตอนที่ 6 ผมจะลงอย่างช้า วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.. 2557 ทำไมหรือครับเพราะผมอยู่ ม.6 แล้ว(ความจริง5ขึ้น6) มีการเรียนอะไรเยอะแยะไหนจะสอบอีกอะไรอีก ทำไมไม่ลงวันจันทร์หรือวันอังคารหน้าละ ผมติดเข้าค่าย รด. ครับ ถ้าจะติดต่อให้ติดต่อที่

    Email : bear.p.blah.blah@gmail.com ด้วยนะครับ

     

    Chapter 6 : Like or Love

    ความชอบกับความรักมันแตกต่างกันอย่างไร ไม่มีใครรู้
    บางคนเขาว่า
    ความชอบคือการเริ่มต้นที่จะเริ่มมี
    ความรัก
    และไม่มีใครนิยามว่าความรัก
    คืออะไร
    มีแต่เพียงเจ้าที่จะทำให้ข้ารู้ว่า
    ความรักมันคืออะไร”

                                                                                     Jack Frost

    ตอนต่อไปผมจะพยายามเริ่มใส่บทหวานๆเข้ามานะครับ ที่ผมตั้งใจคือค่อยๆให้ตัวละครผูกพันกันก่อน อาจมีดราม่าบ้าง น่าเบื่อบ้างขอภัยด้วยนะครับ และสุดท้ายขอขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ สำหรับตอนนี้สวัสดีครับ

     

     

     

     

     

     

             

             

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×