ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I want to see you again

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10 : Anna's Wedding (Elsa&Jack Frost) (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 748
      5
      12 พ.ค. 57



    “วันสำคัญของน้องสาวตัวเองทั้งที
    จะไม่ให้จัดออย่างดีได้อย่างไรละ”

    Elsa

    “ก็เพราะจัดงานแต่งของน้องเจ้าไว้อย่างดีนี่แหละ
    แล้วพอถึงงานของตัวเจ้าเองเจ้าจะนึกอะไรออกไหม”

    Jack Frost

    ………………………………………………………………………………………………………..

     

    Elsa Snow Queen :
     

             หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากห้องของตัวเองฉันก็เดินไปที่หน้าปราสาทด้วยสีหน้าที่โมโหปนดีใจ ที่ดีใจคือได้เจอแจ็คแล้วแต่ที่โมโหนี่คือแจ็คทำให้ฉันรอจนรู้สึกเหงา ถ้าเขาติดต่อกลับมาบ้างฉันก็คงไม่โมโหเขาแบบนี้แน่ๆ พอฉันเดินไปถึงหน้าปราสาทเห็นอันนากำลังตบจมูกที่เกินอยู่ด้านหลังของโอลาฟอยู่พอดี
     

             “อ้าวไงเอลซ่า” โอลาฟมนุษย์หิมะตัวน้อยยืนโบกมือให้ฉัน ฉันก็ทักทายมัน ซักพัก
     

             “นิ่งๆไว้นะ โอลาฟ” น้องสาวฉันพูดออกมาพร้อมกับเอามือดันมันไว้ โอลาฟก็กำลังจะถามอันนาแต่ไม่ทันได้ถามหมด
     

             “เมื่อกี้บอกให้อ้าวโอ้วเอ้ว อ๊าวนี่ไงจมูกฉัน อันนาหาเจอที่ไหนเหรอ” โอลาฟกำจมูกตัวเองแล้วหันหลังไปถามอันนา อันนาก็ตอบกลับไปว่า
     

             “มันอยู่ข้างหลังนายไงโอลาฟ” อันนาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เพราะโอลาฟเอามือควานหา
     

             “ตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วไง” ฉันพูดพร้อมกับเอานิ้วกดจมูกมันไว้
     

             “เอ่อใช่จริงด้วย” โอลาฟพูดขึ้นมาพร้อมกับเกาหัวตัวเองเบาๆ
     

             “คราวหลังอย่าทำหายโอลาฟ” อันนาพูดออกมา
     

             “ได้สิ” โอลาฟก็ตอบมาตามประสาของมัน แล้วถามว่า
     

             “นี่ๆอันนากับเอลซ่าจะไปไหน” โอลาฟถามมาพร้อมกับหันไปหันมาระหว่างฉันกับอันนาอย่างสนใจ
     

             “ที่ท่าเรือ” ฉันกับอันนาพูดออกมาพร้อมกัน
     

             “ท่าเรือเหรอไปด้วยๆ” โอลาฟพูดออกมาพร้อมกับกระโดดไปมา
     

             “ได้สิ ถ้าเจ้าอยากไปก็ตามมาเลยโอลาฟ” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมกับยิ้มให้ ซักพักอันนาก็ยิ้มและชี้ไปทางหนึ่ง
     

             “อ้าวนั่นพี่แจ็คนี่นา” อันนาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
     

             “แล้ว” ฉันพูดออกไปพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นชา
     

             “อ้าวก็ท่านพี่อยากเจอเขาจะแย่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” อันนาพูดพร้อมกับดึงแขนฉันและชี้ไปที่แจ็ค
     

             “ใครอะไรพี่เหรอ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับเงียบไปซักครู่หนึ่ง
     

             “ก็ใช่นะสิคะ” อันนาพูดออกมา
     

             “พี่ว่าน้องเข้าใจผิดแล้วนะ แจ็ค ฟรอสต์ ที่พี่รู้จักนะเขาไม่ได้ทิ้งให้พี่เหงาเป็นเดือนหรอก” ฉันพูดออกไปโดยเน้นคำให้ชัดเจนอันนาก็ทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยแล้วปล่อยมือฉันลง
     

             “อันนาจะไปไหมดูเหมือนเรือมาเทียบท่าแล้วนะ” ฉันพูดกับอันนาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวล อันนาก็พยักหน้า จากนั้นฉันกับอันนาก็เดินไปที่ท่าเรือ
     

             ฉันก็เดินนำอันนาไปยังที่ท่าเรือระหว่างที่ฉันเดินอยู่แจ็คก็พยายามเข้าใกล้ฉันเพื่อขอคืนดีมีเหรอที่ฉันจะยอมใจอ่อนพอเขาเข้ามาใกล้ฉันก็เสกน้ำแข็งดันเขาออกไปหลายต่อหลายครั้ง ดูเหมือนตอนนี้คนในเมืองจ้องฉันกับแจ็คจนรู้สึกแปลกๆ ฉันก็พอรู้เหตุผลอยู่ก็น้องสาวตัวดีของฉันนะสิดันป่าวประกาศว่าคนที่ใส่เสื้อลินินสีขาวกับผ้าคลุมหนังสัตว์สีน้ำตาลที่เป็นสีเดียวกับกางเกงและรองเท้าบูทหนังของเขาเป็นคนรักของันนะสิ (ถึงจะเป็นความจริงก็เถอะ) ทำเอาทุกคนออยากมาเห็นหน้าของแจ็คกันหมดแทบทั้งเมือง ระหว่างที่ฉันเดินก็ได้ยินเสียงคนนินทาเกี่ยวกับฉันและแจ็คอยู่
     

             “นั่นใช่คนรักขององค์ราชินีแน่เหรอ” คนๆหนึ่งพูดออกมา
     

             “น่าจะใช่มั้งถ้าไม่รักกันคงไม่แกล้งกันแล้วดูน่ารักขนาดนี้หรอก” อีกคนพูเสริมขึ้นมา
     

             “หมอนั่นหน้ายังดูเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอ หรือว่าองค์ราชินีจะชอบคนที่มีอายุน้อยกว่า” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาถ้าฉันรู้พิกัดแม่จะแช่แข็งเจ้าแน่
     

             “มะเหงกสิ คนๆนั้นแจ็ค ฟรอสต์ รู้จักไหม แจ็ค ฟรอสต์ เขาเป็นภูติแห่งฤดูหนาวแก่กว่าเราหลายปีดีไม่ดีออาจจะหลายร้อยปีก็ได้ อย่าว่าท่านแบบนั้น” ชายเสียงชราผู้ที่กว่าพูดออกมาฉันก็ยิ้มออกมากับคำแย้งที่เขาพูด
     

             “นี่ๆทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดีนะ ถ้าลูกออกมาจะหน้าตาเป็นยังไงละคงจะหน้าตาดีแบบทั้งคู่เลยว่าไหมแก” ฉันได้ยินเสียคนๆนึ่งพูดขึ้นมาฉันก็หน้าแดงแล้วก้มหน้าหลบส่วนแจ็คก็คงได้ยินเหมือนกันเขาก็หน้าออกสีเหมือนกัน
     

             ตอนนี้ฉันอยู่ที่ท่าเรือแล้วจากตรงนี้เห็นเรือของอาณาจักรโคโรน่าอย่างชัดเจนทำไมนะหรือก็เรือลำนั้นเป็นเรือสีขาวและทีลายพระอาทิตย์ตกแต่งนิดๆนะสิ ฉันก็หันหลังไปหาอันนาแต่ปรากฏว่าไม่อยู่หายไปไหนเนี่ย ฉันก็จ้องหน้าถามแจ็คแจ็คก็ยังไหล่ทำเชิงบอกว่าไม่รู้ ซักพักฉันกับแจ็คก็ได้ยินเสียงอันนาร้องออกมาเราก็เลยหันไป ปรากฏว่าอันนาลื่นล้มฉันก็เลยเสกหิมะให้ไปรองรับแต่ดูเหมือนแจ็คจะทำแบบเดียวกัน ทำให้อันนาล้มลงบนกองหิมะโดยที่ไม่บาดเจ็บ ซักพักฉันก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ๆฉันก็หันไปมองเห็นราพันเซลเดินมากับยูจีนสามีของเธอ ฉันเห็นเธิโบกมือมาฉันก็โบกมือกลับแต่ทว่าอันนาวิ่งโบกมือเข้าไปหาแล้ว
     

             “พี่พันซ์ซี่” อันนาพูดออกมาพร้อมกับโบกมือ
     

             “ไงอันนา” ราพันเซลก็ตั้งท่ารอรับซักพักอันนาก็เข้าไปกระโดดกอกคอของราพันเซล
     

             “ไงราพันเซล ไม่เจอตั้งนานขอกอดได้ไหม” ฉันถามออกไปพร้อมกับกางแขนรอรับ
     

             “สวัสดีคะพี่เอลซ่า” ราพันเซลพูดออกมาพอพูดเสร็จก็คลายกอดจากอันนามากอดฉันแทนทันทีฉันก็พูดว่า
     

             “ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้เราอายุเท่ากันนะ แล้วเสด็จป้ากับเสด็จลุงทรงไม่มาเหรอ” ฉันถาม
     

             “ท่านพ่อกับท่านแม่มาไม่ได้ก็เลยส่งฉันกับยูจีนมาแทนนะ” ราพันเซลพูดออกมาแล้วดูเหมือนจะเห็นแจ็ค ฟรอสต์ เลยทำหน้าตกใจและกระซิบกับฉัน
     

             “นี่ๆคนๆนั้นคนรักเธอใช่ไหม” ราพันเซลถามออกมา
     

             “ใช่นะสิ แต่ตอนนี้ฉันงอนเขาอยู่” ฉันกระซิบตอบกลับไป
     

             “ทำไมละ” ราพันเซลกระซิบถามมา
     

             “ก็เขาดันทิ้งฉันให้เหงาเป็นเดือนแล้วไม่ติดต่อมา แต่ความจริงเขาติดต่อมาแล้วแหละเพียงแต่แม่บ้านนำจดหมายที่เขาส่งไปทิ้งเพราะมันไม่ได้เขียนว่าถึงใคร” ฉันกระซิบตอบกลับไป
     

             “แล้วเธออยากให้เขามาง้อเพราะว่าเขาทำให้เธอเหงาใช่ไหม” ราพันเซลกระซิบถามออกมาฉันก็พยักหน้าตอบจากนั้น
     

             “ร้ายเหมือนกันนะเนี่ยพี่ฉัน” ราพันเซลพูดออกมาแล้วตบไหล่ฉัน และมองฉันกับแจ็คสลับไปมาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
     

             “นี่ๆคนที่มายังอยู่ตรงนี้อีกคนนะ”
     

             “โทษทีฉันลืมไปว่านายมาด้วย” ราพันเซลพูดออกมาพร้อมกับน้ำเสียงและทำหน้าดูถูกผู้ที่เป็นสามีของเธอเอง
     

             “ว้าวๆพี่ยูจีนมาด้วยเหรอ” อันนาพูดออกไปพร้อมกับกระโดดไปมารอบๆตัวของยูจีนเชิงหยอกล้อ
     

    “นั่นสิทำไมนิ่งเงียบไปละ” ฉันพูดออกไปแล้วยูจีนทำหน้าเครียดทันที ฉันก็เลยพูดต่อว่า“นี่ฉันล้อเล่น ไปเข้าปราสาทกันดีกว่าพวกเธอไม่หนาวกันหรือไง” ฉันพูดออกมาแล้วก็ชวนทั้งราพันเซลและยูจีนเข้าปราสาท
     

             “หนาวสิดูเสื้อผ้าฉันก่อน นี่ฝีมือเธอรึเปล่า” ราพันเซลพูดออกมาฉันก็ชี้นิ้วแล้วมองไปที่แจ็ค
     

             “ฮ่าๆๆ หมอนี่เนี่ยนะ” ซวยแล้วยูจีนขออย่าให้แจ็คโมโหนะ แต่ดูเหมือนไม่เป็นอย่างนั้นเพราะแจ็คแช่แข็งยูจีนอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว
     

             “เห้ๆน้อยๆหน่อยข้าเป็นภูตินะเฮ้ย เห็นอย่างนี้ข้าก็แก่กว่าเจ้า ระวังปากซะบ้าง” แจ็คพูดอออกมาพร้อมกับสกน้ำแข็งขึ้นมาก่อตัวช้าๆ
     

             “แจ็ค” ฉันพูดออกไปแต่แจ็คไม่ฟัง
     

             แจ็ค ละลายน้ำแข็งเดี๋ยวนี้” ฉันพูดเสียงดังขึ้นแต่แจ็คไม่ฟัง
     

             แจ็คถ้าท่านไม่ละลายน้ำแข็งฉันทำโทษท่านเพิ่มอีกวันแน่” ฉันขู่ออกไปแจ็คก็หยุดทำแล้วหันมาหาฉันทันที
     

             “ตะ..แต่” แจ็คพยายามอธิบาย แต่ฉันก็กอดอกแล้วจ้องตากลับเชิงสั่งว่าไม่ต้องพูด
     

             “เจ้าหมอนี่มัน” แจ็คพูดออกมาฉันก็เอามือข้างที่กอดอกตัวเองอยู่ชูข้างหนึ่งชูเลขหนึ่ง
     

             “มัน” ฉันก็ทำต่อทำต่อตออนนี้ชูเลขสอง
     

             “ข้าไม่ยอมเจ้าหรอก” ฉันก็เอียงคอเชิงถามว่าแน่ใจนะแล้วค่อยๆชูนิ้วขึ้นจนจะครับสามแจ็คก็พูดว่า
     

             “จ๋าจ๊ะ ผมจะละลายน้ำแข็งให้เดี๋ยวนี้แหละ” แจ็คพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ยอมแพ้พร้อมกับทำตามที่พี่ฉันทันที (ต้องให้ได้อย่างนี้สิที่รัก) พอละลายเสร็จพี่ยูจีนก็ปันตัวเองเล็กน้อยแล้วกล่าวขอโทษแจ็ค แล้วหันหน้าไปหาราพันเซลเพื่อฟ้องแต่ทว่า
     

             “โป๊ก(เสียงกระทะทอดไข่ฟาดที่หัว)” ราพันเซลเอากระทะทอดไข่ที่ซ่อนที่ไหนก็ไม่รู้มาฟาดหัวยูจีนอย่างแรงจนผู้ถูกกระทำเดินเซไปมาแล้วล้มลง
     

             “นี่โทษฐานที่นายทำผิด” ราพันเซลพูดออกมาแล้วเก็บกระทะเข้าที่เดิม(?) ซักพกยูจีนก็ลุกขึ้นมาพร้อมกบลูบหัวตัวเองเบาๆ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงไปกว่านี้ฉันก็เลยพูดไปว่า
     

             “พี่ว่าเราไปกันเถอะ หิมะเริ่มหนักแล้ว” ฉันพูดออกไป จากนั้นพวกอันนาก็พยักหน้าแล้วเดินตาม

     

    Jack Frost :
     

             ตอนนี้ฉันเดินกลับปราสาทไปพร้อมกับครอบครัวและญาติของนาง ความจริงข้าอยากเดินข้างนางนะแต่ข้าเห็นนางคุยกันอย่างสนุกสนานแบบนี้แล้วข้ารู้สึกไม่อยากรบกวนยงไงก็ไม่รู้
     

             “เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะที่ดูถูกนาย” ยูจีนกล่าวขอโทษ
     

             “ไม่เป็นไรยูจีน ข้าไม่ว่าอะไรหรอก” ข้าพูดออกไป
     

             “เรียกข้าว่าฟรินซ์เถอะ เพราะยูจีนเป็นชื่อที่ข้าจะให้พวกผู้หญิงที่สนิทเรียก” หมอนั่นพูดออกมา ข้าก็ตอบรับโดดยการพยักหน้า
     

             “นี่แจ็ค ท่านเป็นภูติมากี่ปีแล้วละ” ฟลินซ์ถามมา
     

             “ก็คงซัก 25 ปีได้แล้วมั้ง” ข้าก็ตอบกลับไป
     

             “วุ่นวายน่าดูสินะ 25 ปีมานี้นะ” ฟลินซ์พูดออกมาแล้วจ้องมองพวกเอลซ่าที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
     

             “หัวเราะอะไร” ข้าถามกลับไป
     

             “เปล่าข้าก็แค่คิดอะไรแปลกๆนะ” ฟลินซ์ตอบหลับมา
     

             “เรื่องอะไร” ข้าถมอีกครั้ง
     

             “ก็ดูสิ เดี๋ยวนี้เจ้าหญิงเขาไม่เรือกคบกับเจ้าชายแล้วหรือไง ดูอย่างภรรยาข้านางกลับแต่งงานกับโจรอย่างข้า ไหนจะอันนาที่จะแต่งกันคริสตอฟชายขายน้ำแข็ง และสุดท้ายก็ท่านภูติหิมะผู้ที่สามารถละลายหัวใจน้ำแข็งของราชินีหิมะได้” ฟลินซ์พูดเสร็จก็ยักไหล่เชิงแบบไม่ต้องสนใจคำเหล่านั้นก็ได้
     

             “ข้าว่าเจ้าต้องอะไรดีบางอย่างแน่ๆนางเลยยอมแต่งกับเจ้า” ข้าถามไป
     

             “ไม่ใช่นางยอมแต่งกับข้า ข้ายอมแต่งกับนางตะหาก” หานี่ข้าหูฝาดรึเปล่า
     

             “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเจ้ายอมแต่งกับนางงั้นหรือ” ข้าถามไปฟลินซ์ก็พยักหน้าตอบแล้วพูดต่อ
     

             “แต่ก็เพราะนางเป็นตัวของนางนี่แหละ ข้าถึงรักนางอย่างเงยหัวไม่ขึ้น แล้วท่านละท่านรักกับองค์ราชินีเพราะเหตุผลอะไร” ฟลินซ์ถามมาข้าก็ตอบไม่ถูกเลยทีเดียว
     

             “เพราะเอลซ่านางเป็นราชินี นางเคยมีความหลังใกล้เคียงกับข้า ตอนแรกข้าก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆนาง แต่ดูเหมือนยิ่งข้าอยู่ใกล้นางมากเท่าไหร่ ข้ายิ่งรู้สึกผูกพันกับนางมากขึ้นเท่านั้น แต่ตอนนี้นางงอนข้าอยู่เจ้าพอช่วยได้ไหม” ข้าก็ตอบคำถามกลับไป พร้อมกับถามไปด้วยฟลินซ์ถึงกับหน้าซีดกับคำถามที่ข้าถามไป
     

             “ข้าว่าข้าไม่ยุ่งดีกว่า ข้ากลัวไม่ได้เห็นหน้าลูก” ฟลินซ์พูดออกมาเดี๋ยวนะลูกงั้นเหรอ
     

             “อย่าบอกนะว่าเป็นอย่างที่ข้าคิดนะ” ข้าถามไปฟลินซ์ก็ตอบกลับมาว่า
     

             “ใช่นางท้องได้สองสัปดาห์แล้วละ ว่าแต่ท่านเถอะท่านวางแผนจะสร้างลูกครึ่งภูติตอนไหนละ” ฟลินซ์ถามออกมา ทำเอาข้าเขินนิดๆ
     

             “เอาให้นางหายงอนก่อน ถ้าหายเมื่อไหร่ค่อยคิดละกัน” ข้าตอบกลับไป ซักพักข้ากับฟลินซ์ได้ยินเสียงอันนาตาโกนออกมา แล้ววิ่งพร้อมกับร้องไห้ผ่านหน้าข้าไป
     

             “เดี๋ยวสิอันนารอก่อน” คริสตอฟวิ่งตามไปติดๆ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าสงสัยก็เลยเดินไปหาสองสาวที่คนหนึ่งยืนยิ้มอย่างพอใจและอีกคนหนึ่งกุมขมับตัวเองอยู่
     

             “เธอไม่น่าทำแบบนี้นะราพันเซล” เอลซ่าที่ตอนนี้กุมขมับตัวเองพูดออกมา ราพันเซลก็ตอบกลับไปว่า
     

             “เอาน่า ให้เรื่องแบบนี้นี่แหละเดี๋ยวคอยดูตอนเย็นมาทั้งคู่ยิ้มแฉ่งกันแน่” ราพันเซลพูดออกมาแล้วยืนมองอันนา
     

             “เดี๋ยวนะ สรุปนี่มันเรื่องอะไร” ข้าถามด้วยสีหน้าจริงจัง
     

               หลังจากที่ข้าถามออกไปเอลซ่ากำลังจะตอบข้า แต่จู่ๆเหมือนนางจะนึกอะไรออกนางก็ไม่ตอบข้าให้ข้าไปถามราพันเซลแทน สรุปนี้นางเป็นอะไรเนี่ยงอนหรือโมโห ถ้างอนงอนเรื่องอะไรบอกหน่อยได้ไหมข้าจะได้ง้อถูก
     

             “สรุปเกิดเรื่องอะไรราพันเซล” ฟลินซ์ถามภรรยาของตน ราพันเซลก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดฟัง พอพวกข้าฟังเสร็จก็ถึงกับกุมขมับแบบเดียวกับเอลซ่า ทำไมนะหรือก็ราพันเซลดันทำให้เจ้าหญิงขี้เล่นอย่างอันนามีอารมณ์หึงหวงนะสิ แล้วยังบอกว่าเดี๋ยวจะดีเองทำเอาผมละปวดหัวไปพร้อมกับเอลซ่าเลยทีเดียว
     

             “งั้นราพันเซล เธอจะเที่ยวชมเมืองนี้หรือเข้าห้องรับรองก่อนละ” เอลซ่าพูดถามมา
     

             “ขอเข้าห้องพักก่อนละกัน ฉันพึ่งเดินทางมาเหนื่อยๆแล้วอีกอย่าง” ราพันเซลตอบกลับมาแล้วกระซิบให้เอลซ่าฟัง เอลซ่าก็ทำหน้าตกใจอย่างมากข้าก็พอเดาได้ว่าเรื่องอะไรเรื่องที่ญาติของนางจะมีเจ้าตัวเล็กนะสิ
     

             “งั้นเชิญตามสบายนะราพันเซล แล้วยูจีน” เอลซ่าพูดกับราพันเซลพอพูดเสร็จแล้วก็หันมาทำหน้าดุใส่ฟลินซ์ พอฟลินซ์ได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าซีดทำเอาข้าหัวเราะออกมาเบาๆ
     

             “นายห้ามทำอะไรรุนแรงใส่ราพันเซลด้วยละอีกอย่าง อย่าให้เธอโมโห เครียด วิตกกังวล งอน หรือเสียใจเด็ดขาดเข้าใจไหม” เอลซ่พูดออกมาพร้อมกับเอาแท่งน้ำแข็งอันแหลมคมที่เสกขึ้นมาจ่อที่คอของฟลินซ์
     

             “ครับผม” เจ้าฟลินซ์ที่มาดกวนเมื่อกี้ตอนนี้เป็นหมาหงอยไปแล้ว หลังจากที่เอลซ่าพูดเสร็จฟลินซ์กันราพันเซลก็ไปที่ห้องรับรองรองโดดยที่คนรับใช้เดินนำไป
     

             “คู่นั้นดูน่ารักดีว่าไหม” ข้าพูดออกไปพร้อมกับโอบไหล่เอลซ่า
     

             “ใช่ฉันก็อยากให้คู่เราเป็นแบบนั้นนะ” เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับยิ้มโดยที่ลืมไปว่าตอนนี้ข้าโอบไหล่นางอยู่
     

             “แต่ติดอย่างหนึ่ง” จู่ๆนางก็พูดออกมาแล้วนิ้งไปซักครู่หนึ่ง ข้าก็สงสัยว่าอะไรซักพักเอลซ่าก็เอาข้อศอกมากระทุ้งท้องของข้าซะอย่างนั้น ทำเอาข้านั่งคุกเข่างอเป็นกุ้งอยู่ข้างๆนาง
     

             “ท่านอย่ามาเนียนเลยคะ ฉันบอกท่านแล้วไงว่าจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ท่านห้าม กอด จูบ ลูบ ไล้ ดม หอม แตะตัว หรือแม้แต่เข้าใกล้เลยคะ” เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับสะบัดหน้าหนีเดินแกจากปราสาท
     

             “เดี๋ยวก่อนเอลซ่า” ข้าลุกขึ้นมาพยายามออกเสียงให้มากที่สุด แต่เนื่องจากนางกระทุ้งศอกมาอย่างแรงทำให้ตอนนี้ข้าจุกจนพูดไม่ได้ สุดท้ายข้าก็ลอยตามนางไปข้าก็อยากรู้ว่าทำไมวันนี้นางถึงอยากออกนอกปราสาท
     

    Elsa Snow Queen :
     

             “แจ็คบ้าอยู่ๆมาโอบไหล่ได้ไง อย่านึกนะว่าแบบนี้จะง้อฉันได้นะ” ฉันบ่นพึมพำคนเดียวพร้อมกับเดินจ้ำออกมาจากปราสาท พอฉันเดินออกมาดูเหมือนแจ็คจะหายไปอีกแล้วแหะ ชั่งมันเถอะปล่อยเขาไป ถ้าเขารักฉันจริงเขากลับมาเองแหละ พอฉันเดินออกมาจากปราสาทเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งมายืนอยู่กลางลานสเก็ตที่ฉันเสกขึ้นมา ยืนรวมกลุ่มกันเหมืออนจะขอร้องอะไรบางอย่าง
     

             “ไงจ๊ะเด็กๆ มีอะไรกันจ๊ะ” ฉันเดินเข้าไปหาพวกเด็กๆที่ตอนนี้แต่งชุดหนาๆ เข้ากับฤดูหนาว ผิดกับฉันที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สร้างมาจากน้ำแข็ง
     

             “องค์ราชินีช่วยเสกให้หิมะตกได้ไหมคะ” เด็กสาวผู้หนึ่งในกลุมได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเอ็นดู
     

             “ทำไมละจ๊ะหนูน้อย” ฉันถามออกไป
     

             “ก็ๆพวกเราอยากปั้นมนุษย์หิมะกันนี่ครับ” เด็กชายอีกคนพูดขึ้นมา โถ่เด็กหนอเด็ก
     

             “อ้าว ตอนนี้ก็หน้าหนาวแล้วนะจ๊ะหิมะก็มีอยู่ทำไมไม่เล่นกันละจ๊ะหนูน้อย” ฉันพูดออกไปด้วยความสงสัย
     

             “องค์ราชินีเพคะ หิมะในเมืองพวกผู้ใหญ่เขาตักออกไปทิ้งหมดแล้วคะ” เด็กสาวตัวน้อยคนเดิมพูดขึ้นมา
     

             “งั้นเหรอจ๊ะงั้นก็ได้เดี๋ยวเราทำให้นะจ๊ะ” ฉันพูดเสร็จก็ลูบหัวเด็กคนนั้นเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน พอฉันยืนขึ้นฉันก็สัมผัสถึงลมหายใจที่เย็นระเรือที่อยู่ข้างหูฉัน
     

             “นี่จะเสกหิมะทั้งทีไม่คิดจะชวนกันเลยรึไง” แจ็คกระซิบมาข้างๆหูฉัน ทำเอาเด็กๆหลายคนปรบมือดีใจ
     

             “ว้าวๆได้เห็นหน้าคนรักขององค์ราชินีแล้ว” เด็กกลุ่มนั้นหลายคนปรบมือพร้อมกับกระโดดโลดเต้นดีใจ
     

             “หนูๆนอกจากให้หิมะตกแล้วอยากได้อะไรอีกครับ” แจ็คนั่งลงแล้วถามเด็กกลุ่มนั้น เด็กกลุ่มนั้นก็อยากถือไม้เท้าของแจ็คกันใหญ่ แจ็คก็ให้แต่โดยดีเด็กพวกนั้นก็เอามาเล่นกันอย่างสนุกสนาน
     

             ระหว่างที่เด็กเล่นไม้เท้าของแจ็คอยู่ฉันก็ค่อยๆโบกมือพร้อมกับเสกให้หิมะตกลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายฉันก็เลิกเสกแล้วปล่อยให้มันตกไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ แจ็คก็ยกมือของเขาขึ้นมาตวงหิมะที่ฉันเสก เขาหยิบออกมาเม็ดหนึ่งแล้วส่องดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาเสกก็สร้างหิมะบนมือเขาเหมือนกัน เขาเอาสองอันมาเปรียบเทียบกัน ตอนที่แจ็คทำหน้าจริงจังนั้นช่างดูดีไปอีกแบบ พอเขามองมันเสร็จเขาก็หันมามองฉันแล้วยิ้มให้แล้วพูดออกมาเบาๆแม้แทบไม่ได้ยิน แต่ฉันกลับได้ยินชัดเจนเขาพูดออกมาว่า
     

             “เสกมาสวยงามเหมือนเจ้าของเลยนะครับ” แจ็คพูดออกมาทำเอาฉันหน้าแดงนิดๆ ฉันก็ตอบกลับไป
     

             “บ้ามันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ” ฉันพูดออกไปด้วยอาการเขินนิดๆ อยู่ๆฉันก็นึกขึ้นได้ก็หันหลังพูดกับตัวเองเบาๆ
     

             “เอลซ่าเธอนี่งอนเขาอยู่นะ เขาทำให้เธอเหงาเป็นเดือนๆโดยที่ไม่ติดต่อมาเลยนะ เธอจะมาใจอ่อนกับคำชมเพียงคำเดียวเหรอเอลซ่า” ฉันบ่นกันตัวเองเบาๆ พร้อมกับเดินไปเดินมาตรงนั้น
     

             “แต่มันก็ทำให้รู้สึกดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าแจ็คมาขอโทษฉันเกี่ยวกับเรื่องที่ทำไป” ฉันบ่นกับตัวเองต่อแล้วหันไปทางที่แจ็คอยู่แต่เขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
     

             ตอนนี้เหลือแต่ไม้เท้าของเขาตอนนี้เหล่าเด็กๆกำลังเล่นไม้เท้านี่อย่างสนุกสนานโดยการแย่งกันไปแย่งกันมา จู่ๆฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสที่อบอุ่นที่เริ่มไล่จากด้านหลังอ้อมมาที่ด้านหน้า ใช่แล้วแจ็คตอนนี้สวมกอดฉันอยู่
     

             “แจ็คปล่อย” ฉันพูดออกไปโดยที่พยายามสลัดหลุดจากกอดของเขา แต่แจ็คกลับกอดฉันแน่นขึ้น
     

             “เอลซ่า” แจ็คกระซิบข้างหูฉัน
     

             “ผมต้องขอโทษนะที่ทำให้คุณเหงา” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับกอดฉันแน่นขึ้น แต่เดี๋ยวนะสรรพนามที่แจ็คเรียกมันแปลกๆ
     

             “อย่าโกรธผมเลยนะ ผมขอโทษถ้าผมจะไปไหนนาน ผมขอสัญญาว่าผมจะทำอะไรซักอย่างไม่ให้คุณเหงาแน่นอนเอลซ่า” แจ็คนิ่งไปอีกครั้ง
     

             “ที่ผมสัญญากับคุณไปแบบนั้นก็เพราะผมรักคุณนะเอลซ่า” แจ็คพูดออกมาฉันก็เอามือมาลูบหัวของเขาเบาๆ
     

             “ฉันยกโทษให้คุณคะแจ็ค ฉะนั้นตอนนี้คลายกอดก่อนได้ไหมเด็กๆกำลังมองเราอยู่” ฉันพูดออกไป แจ็คก็เงยหน้าขึ้นมาดูก็เห็นความจริงว่าฉันโกหกเพราะตอนนี้เด็กๆแยกกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งกำลังเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนานโดยที่อีกกลุ่มกำลังเล่นไม้เท้าของแจ็คอยู่ แต่ก็ไม่เขาก็ไม่ว่าอะไรแจ็คก็ค่อยๆคลายกอดแล้วเดินไปหาเด็กๆ
     

             “ไงเด็กๆสนุกเล่นไม้เท้าพี่สนุกไหม” แจ็คนั่งลงแล้วพูดกับเด็กกลุ่มนั้น เด็กกลุ่มนั้นก็คืนไม้เท้าให้ดูเหมือนแจ็คจะกระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กๆ
     

             พอเด็กกลุ่มนั้นได้ยินก็รีบวิ่งยังกลุ่มที่กำลังปั้นหิมะกันอยู่ พอเด็กกลุ่มนั้นได้ยินก็พยักหน้าแล้วแบ่งชายหญิง ฝ่ายหญิงวิ่งมาหาฉันส่วนเด็กผู้ชายวิ่งไปหาแจ็ค
     

             “เอ่อแจ็คคุณจะทำอะไร” ฉันถามออกไปแจ็คก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับพยักหน้าไปยังเด็กกลุ่มนั้น พวกเด็กๆก็ปั้นหิมะขึ้นมาขนาดพอดีมือฝั่งฉันก็ทำเหมือนกันชัวร์เลยว่ากำลังเล่นอะไร
     

             “เปิดสงครามได้” แจ็คพูดออกมา เด็กๆก็เริ่มปาหิมะใส่กันทันที
     

             ตอนนี้พวกเด็กๆต่างพากันปาหิมะใส่กันฉันเห็นแจ็คเริ่มเสกที่กำบังให้กับเด็กฝั่งตนเองแล้ว ฉันก็ทำบ้างตอนนี้ฉันโดนลูกหลงบ้างแจ็คก็โดนบ้างเหมือนกันฉันก็ยิ้มที่เห็นพวกเด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนานแบบนี้ ซักพักฉันก็โดนหิมะจากไหนไม่รู้ลอยอัดมาโดนหน้า
     

             “ปุ๊(เสียงหิมะชนหน้า)” พอฉันโดนฉันก็ปัดหิมะออกจากหน้าแล้วหันซ้ายทีขวาทีเพื่อหาคนปาใส่ฉัน
     

             “วู้วโดนซะที” เสียงแจ็คพูดออกมาฉันก็หันไปทางทิศทางนั้นทันที
     

             “แจ็คคุณปาใส่ฉันเหรอ” ฉันถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว แจ็คก็พยักหน้าแล้วยิ้มออกมา ฉันก็ยิ้มกลับไป
     

             “ก็ผมเห็นคุณยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ ผมก็อยากให้คุณร่วมสนุกกับเด็กๆเหล่านี้ด้วยมันผิดเหรอ” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับปาใส่ฉันต่อ
     

             “แจ็คคุณอยากเปิดสงครามกับฉันใช่ไหมคะ” ฉันถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
     

             “ใช่แล้วคร้าาาบ” แจ็คพูดอออกมา ฉันก็ค่อยๆเสกบอลหิมะขึ้นมาด้วยมือของฉันทั้งสองข้าง
     

             “งั้นคุณก็” ฉันพูดออกไปแล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
     

             “อย่าอยู่เลยละกันนะคะ” ฉันยกมือขึ้นมาแล้วมันปรากฎออกมาเป็นบอลหิมะขนาดใหญ่ มันใหญ่ประมาณเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ แจ็คทำสีหน้าตกใจก่อนแล้วพยายามหลบแต่ก็นะฉันก็ขว้างมันโดนแจ็คเลยทันที
     

             “โอ้ย” แจ็คร้องออกมาพร้อมกับหันมาหาฉันแล้วยิ้มออกมาแบบเจ้าเลห์
     

             “ได้เลยจะที่รัก ทำกับผมแบบนี้อย่าหวังว่าจะจบง่ายๆ” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับเสกบอลหิมะบนมือทั้งสองข้าง แล้วเริ่มปาใส่ฉัน ฉันก็หลบอยู่หลังเสาทำให้แจ็คปามาไม่โดน
     

             “แล้วใครบอกว่าจะยอมละ” ฉันปาสวนไปทีหนึ่งโดนหน้าเขาพอดี
     

             “ได้เอลซ่าได้ เด็กๆมาช่วยกันปาใส่ราชินีหน่อยเร็ว” แจ็คสั่งให้เด็กกลุมตัวเองมาช่วยมีเหรอที่ฉันจะยอม
     

             “หนูๆอย่ายอมแพ้นะจ๊ะ มาช่วยกัน” ฉันก็หันไปหาความช่วยเหลือจากเด็กในกลุ่มฉัน พวกเด็กๆก็มาช่วยตามที่ฉันขอ
     

             หลังจากนั้นที่บริเวณลานสเก็ตก็เริ่มมีคนมาเข้าร่วมสงครามครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่อาจเป็นเพราะว่าทุกคนอยากมาดูการดวลปาหิมะระหว่าง ราชินีหิมะกับภูติแห่งฤดูหนาว ก็เป็นได้ตอนนี้ผู้คนก็มาเข้าร่วมจากที่ตอนแรกเราแบ่งกลุ่มแบบชายหญิง แต่ตอนนี้คือทุกคนเป็นศัตรู เพราะตอนนี้คือปาใส่กันโดยที่ไม่มองว่าเป็นอะไรกนแล้ว ฉันกับแข็คก็ปาหิมะใส่กันต่อบางทีเราก็ร่วมมือโดยการแกล้งคนอื่นด้วย วันนั้นรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกถือว่าเป็นการพักผ่อนจากงานเอกสารแล้วกัน พอทุกคนเริ่มหมดแรงพวกเขาก็มากล่าวลาฮันกร้อมกับก็ค่อยๆกลับบ้านของตนทีละกลุ่มๆ จนลานสเก็ตนี้ไม่เหลือใครเลยนอกจากฉันกับแจ็ค
     

             “โอยเหนื่อยชะมัด” แจ็คบ่นออกมาพร้อมกับค่อยๆละลายน้ำแข็ง
     

             “คุณเหนื่อยเป็นด้วยเหรอคะแจ็ค” ฉันถามออกไปพร้อมกับเดินเข้าไปหาเขา
     

             “เป็นสิข้าชอบสร้างมากกว่าเป็นคนละลายปิมะนะสิ” แจ็คพูดออกมา
     

             “งั้นให้ฉันเป็นคนทำซะสิ” ฉันเสนอแต่แจ็คกลับปฏิเสธความช่วยเหลือจากฉัน พอเขาละลายหิมะที่อยู่ตรงลานแห่งนี้เสร็จแจ็คก็เดินเข้ามาหาฉัน
     

             “แจ็คคุณจะว้าย” ฉันกำลังจะถามแจ็ค แต่เขาก็อุ้มฉันขึ้นมาในท่าเดิมคืออุ้มท่าเจ้าสาว
     

             “แจ็คคุณปล่อยฉันลงนะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับตีเขาเบาๆ แจ็คก็จ้องตาฉันแล้วเขาส่งสายตาว่า ถ้าไม่เงียบโดนเหมือนเดิมแน่ ฉันก็เงียบแล้วหยุดทุบตีทันที พอแจ็คเห็นฉันหยุดพูดเขาก็ยิ้มออกมาแล้วพูดออกมาว่า
     

             “เงียบแบบนี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะครับ” แจ็คพูดออกมาทำเอาฉันเขินนิดๆ ฉันก็หันหน้าไปทางอื่นแล้วพูดออกมาเบาๆว่า
     

             “คนบ้า คนอะไรก็ไม่รู้ทำให้ฉันเขินอยู่เรื่อย” ฉันบ่นออกไปเบาๆ
     

             “ถึงบ้าก็บ้ารักนะครับ” แจ็คพูดต่อ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะซ่อนในหน้าของฉันไว้ที่ไหนดีซ่อนตรงแผงอกเขาก็แล้วกัน พอฉันคิดได้ก็เอาหันหน้าไปที่หน้าอกของเขาเพื่อหลบหน้าแจ็ค
     

             “งั้นก็ระวังตกนะครับ” แจ็คพูดออกมาฉันก็กำเสื้อเขาเอาไว้อย่างแน่น ซักพักแจ็คก็ลอยขึ้นไปข้างบนปราสาทแห่งนี้เขาค่อยวางฉนลงย่างนุ่มนวล
     

             “เธอเคยขึ้นมาตรงนี้บ้างไหมเอลซ่า” แจ็คถามออกมาฉันก็ส่ายหน้าตอบ
     

             “คุณให้ฉันดูวิวที่นี่ทำไมหรือแจ็ค” ฉันถามออกไปแต่แจ็คก็กลับส่ายหัสกับความคิดฉัน
     

             “ฟู่ว(เสียงถอนหายใจ)นี่เอลซ่าที่ฉันพาเธอมาถึงข้างบนนี้ไม่ใช่ให้มาดูวิวหรอกนะ” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับยิ้มมาให้
     

             “อ้าวไม่ได้ให้ฉันมาชมวิวแล้วพาฉันขึ้นมาที่สูงทำไมละ” ฉันถามออกไป
     

             “เธอลองหลับตาดูสิ” แจ็คพูดออกมาฉันก็ทำตามจากนั้นฉันก็นิ่งไปซักครู่แล้วพูดว่า
     

             “ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดินเลยแจ็ค” ฉันถามเขาออกไป
     

             “เธอก็ลองนิ่งเงียบซักครู่สิ แล้วจะรู้ว่าผมต้องการสื่อถึงอะไร” แจ็คตอบกลับมาฉันก็ทำตาม ฉันนิ่งไปซักครู่ซักพักฉันก็เริ่มได้ยินเสียงต่างๆ
     

             เสียงที่ฉันได้ยินในตอนนั้นตอนแรกมันก็เงียบมันมีเสียงลมพัดที่พัดผ่านตัวฉันเบาๆ ฉันได้กลิ่นที่จะหอมก็ไม่หอมจะว่าไม่มีกลิ่นก็ไม่มีกลิ่นก็ได้ จากนั้นฉันก็ค่อยๆได้ยินเสียงต่างๆมากขึ้นถึงแม้ว่าเสียงจะมีอยู่มากมาย แต่เสียงเหล่านั้นมันเบามากทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายไปกับเสียงธรรมชาติเหล่านี้ พอฉันฟังมันฉันก็ค่อยๆเอนตัวไปซบที่ของแจ็ค
     

             “เอลซ่าเธอทำอะไร” แจ็คถามมาด้วยเสีบงที่สั่นเล็กน้อย
     

             “ฉันขอพักเหนื่อยหน่อยได้ไหม” ฉันถามออกไปแจ็คก็คงเขินละมั้งเพราะเขาหน้าแดงนิดๆ ฉันก็จ้องหน้าเขาพร้อมกับเอาหัวออกมา
     

             “เอ่อข้าว่ามันไม่ดีมั้ง” แจ็คพูดออกมาทำเอาฉันก็ถอนหายใจ
     

             “คุณอยากให้ฉันนั่งแบบนี้ใช่ไหมคะ” ฉันเปลี่ยนจากนั่งข้างตัวแจ็คเป็นมานั่งที่ตักเขาแทนทำเอาตอนนี้ แจ็คเริ่มลนลานแล้วสิแบบนี้น่ารักดีแหะ
     

             “ข้าว่ามันไม่” แจ็คกำลังพูดออกมาฉันก็ชิงพูดตัดไก่อน
     

             “ฉันรู้นะว่าคุณชอบแจ็ค อีกอย่างนานๆทีเราจะอยู่สองต่อสองแบบนี้ ขอฉันทำตามใจตัวเองบ้างเถอะนะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกัดึงมือของเขามากอดเอวฉันไว้

             “ดีมากจ๊ะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับเอนตัวพิงตัวเขาไว้
     

             “แจ็ค” ฉันเรียกชื่อเขาออกไป
     

             “ครับ?” แจ็คขานตอบกลับมา
     

             “แจ็คฉันก็ไม่ได้สวยและสาวตลอดกาล คุณจะยังรักฉันอยู่เหรอ” ฉันถามออกไป
     

             “เอลซ่าอย่าถามแบบนี้สิ ต่อให้เธอถามกี่ครั้งผมก็จะตอบกลับเป็นแบบเดิม” แจ็คพูดออกมาแล้วนิ่งไปซักครู่หนึ่ง
     

             “ว่าผมจะรักคุณจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตผม” แจ็คตอบกลับมา
     

             “ฉะนั้น ตอนนี้เธอพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวผมจะกอดให้ความอบอุ่นให้” แจ็คพูดต่อพร้อมกับกอดฉันแน่นขึ้นเล็กน้อย
     

             “งั้นก็ขอรบกวนแล้วกันนะคะ” ฉันหันไปพูดกับเขา แจ็คก็หอมแก้มกลับมาแล้วพูดว่า
     

             “ผมยอมให้คุณรบกวนทั้งชีวิตอยู่แล้วเอลซ่าพัดผ่อนเถอะ” แจ็คพูดขึ้นมาฉันก็ยิ้มออกมาบางๆ ฉันเอาหัวของฉันไปพิงที่ไหล่ของเขาจากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง ฉันฟังเสียงธรรมชาติอีกครั้งแล้วก็หลับลง
     

            

    “ฝันดีนะครับที่รัก” แจ็คกระซิบบอกที่ข้างหูฉันแล้วประทับรอยจูบไว้ตรงนั้น จากนั้นฉันก็ค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    Jack Frost :
     

             “หลับไปซะแล้ว” ข้าพูดขึ้นมาพร้อมกับลูบหัวของนางอย่างแผ่วเบา ก็อย่างที่เขาว่าผู้หญิงตอนนอนนี่น่ารักน่าเอ็นดูเสมอ
     

             พอข้าลูบหัวนางเสร็จข้าก็เปลี่ยนมากอดนางเหมือนเดิม ข้าชอบนะเวลาที่เราได้ยิ้มได้หัวเราะด้วยกันมันทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขเหมือนสิ่งที่ได้ขาดหายมาเติมเต็ม ข้าไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ข้าหลงรักสตรีผู้นี้ ข้ารู้ว่ายังไงนางย่อมแก่ตัวและต้องตายจากไป แต่ทำไมข้ายังยากอยู่กับนางทั้งๆที่รู้แบบนี้ ก็เพราะว่าข้ารักนะสิ มันอาจจะฟังดูไร้เหตุผล เพราะรักเนี่ยนะเจ้าถึงอยากอยู่กับนางความจริงมันก็มีหลายเหตุผลนั่นแหละ เพียงแต่มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ว่าเพราะอะไรมันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ข้าก็ก้มหน้ามาจูบศีรษะของนางอย่างแผ่วเบา พอข้าจูบเสร็จก็เอามือข้างหนึ่งไปช้อนตัวนางเพื่อที่จะอุ้มขึ้นมาและพยายามให้นางรู้สึกน้อยที่สุด พอข้าอุ้มนางเสร็จแล้วก็พานางกลับห้องนอนของนาง
     

             พอข้าถึงห้องนองของนางข้าก็เดินไปที่เตียงพร้อมกับวางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ห่มผ้าให้เสียเรียบร้อย ข้าก็สำรวจห้องนี้ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง มันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิดเดียว จู่ๆสายตาข้าก็ไปสะดุดอยู่ตรงโต๊ะทำงานของนาง ปกติที่โต๊ะนั่นจะมีเอกสารกองโตวางเอาไว้แต่วันนี้กลับไม่มีอาจเป็นเพราะนางทำเสร็จแล้วก็ได้มั้ง ความจริงที่ข้าหันไปที่โต๊ะไม่ใช่เพราะกองเอกสารหายไปหรอก ข้าเห็นตุ๊กตาที่เหมือนกับตัวข้าตาหาก ข้าก็เดินไปที่โต๊ะพร้อมกับหยิบตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมาดู
     

             “เย็บซะเหมือนเลยนะ” ข้าพูดออกมาพร้อมกับพลิกมันไปมาอย่างสนุกสนาน และข้าก็เหลือบไปเห็นสมุดบันทึกเหตุการณ์ของนางอีกแล้ว ข้าก็หยิบมันขึ้นมาอ่านโดยทันทีข้าก็อ่านข้อความไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นบันทึกเกี่ยวกับการทำงานของเธอ การพูดอธิบายเกี่ยวกับตัวของข้าและการประชุมกับเหล่าขุนนางและมหาดเล็ก ข้าก็อ่านไปยิ้มไปข้าไม่นึกว่านางจะรักข้าแบบจริงจัง ข้านึกว่านางจะรักข้าแค่ต้องการคนรู้ใจและไม่คิดจะผูกพันด้วย เพราะข้อความที่นางพูดกับมหาดเล็กนั้นได้เขียนไว้ว่า

            

             “พวกท่านก็ควรให้ความเคารพในสิทธิ์ของคนอื่นได้ตัดสินใจบ้าง ไม่ใช่บังคับให้ต้องทำตามที่เขียนในรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ถึง แจ็ค ฟรอสต์จะไม่ใช่เจ้าชายจากดินแดนอื่นหรือเขาไม่ใช่มนุษย์ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเป็นคนรักของฉัน พวกท่านอย่ามาอ้างเรื่องรัฐธรรมนูญอีกเลย เพราะฉันอ่านมันมาแล้วทุกตัวอักษร มันไม่มีข้อที่บอกว่าฉันต้องหลุดจากตำแหน่งราชินีหากฉันแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เชื้อราชวงศ์หรือฉันห้ามคบกับคนที่ไม่ใช่มนุษย์”

     

             ข้าก็ยิ้มออกมาหลังจากอ่านข้อความนี้ ข้าก็อ่านต่อไปเรื่อยๆจนถึงหน้าสุดท้ายเอลซ่าเขียนไว้ว่า

            

             หากแจ็คกลับมาฉันจริงๆ ฉันจะรีบบอกเขาทันทีว่าฉันได้สั่งตัดชุดของเขาไว้ให้แล้ว 4 ชุด โดยที่ทั้ง 4 ชุดนั้นฉันได้เตรียมไว้ในห้องแต่งตัวของฉันแล้วเรียบร้อย

     

             ข้าก็ปิดสมุดแล้ววางมันลงที่เดิมแล้วเดินไปยังห้อองแต่งตัว(ห้องแต่งตัวอยู่ในห้องนอน) พอข้าเดินไปข้าก็เจอ ชุดทั้ง4ตัวถูกปขวนเอาไว้อยู่ ข้าก็เดินเข้าไปดู ทั้ง 4 ตัวนั้นได้มีกระดาษวางไว้อยู่ ข้าก็เดินเข้าไปอ่านมัน
     

             ตัวแรกเป็นชุดสีขาวล้วนตัดสีกับสีสองตรงรอยตะเข็บฟ้าอ่อนการเย็บดูประณีตมาก กับรองเท้าหนังสีดำขัดเงาเธอเขียนไว้ว่า ชุดลำลองไว้ใส่คู่กันเวลาที่ฉันสวมชุดเดรสน้ำแข็ง
     

             ตัวที่สองเป็นชุดสีฟ้าอ่อนแบบเดียวกับที่ข้าสวมเมื่อวันเทศกาลต้อนรับฤดูหนาว แต่คราวนี้ได้ช่างมากฝีมือมาช่วยด้วยแน่นอนถึงมันจะดูเรียบง่ายแต่กลับดูประณีต นางก็ได้เขียนโน้ตไว้ว่า ชุดทางการสำหรับใส่คู่กันเวลาฉันใส่ชุดพิธีราชาภิเษก
     

             ตัวที่สามมันเป็นชุดเหมือนกับของกัปตันเรือคือเป็นเสื้อสีขาวไว้ด้านในและด้านนอกเป็นเสื้อคลุมสีน้ำเงินกรมท่า พร้อมกับรองเท้าบูทสีน้ำตาล ชุดสำหรับเวลาเดินทางด้วยเรือไปยังอาณาจักรต่างๆ
     

             ส่วนตัวสุดท้ายนั้นคล้ายกับชุดที่สอง แต่เครื่องประดับตกแต่งนั้นมีน้อยกว่าเอลซ่าได้เขียนสั้นๆว่า ชุดแต่งงาน
     

             และใกล้ๆชุดทั้งสี่มีไม้เท้าที่ตรงหัวนั้นทำมาจากโลหะชนิดหนึ่งแล้วแกะสลักรูปเกล็ดหิมะสูงจากพื้นประมาณเอวได้ตั้งไว้อยู่ ข้าก็หยิบมันขึ้นมาแล้วตรวดเช็ค พอข้าจับมันขึ้นมาข้าก็ลองควงมันเล่น
     

             “เหมาะมือดี” ข้าพูดออกมา พร้อมกับลองใช้พลังดูปรากฎว่าไม้เท้าอันนี้แทบไม่ต่างกับไม้เท้าที่ติดตัวข้าเลย
     

             ข้าก็หยิบชุดตัวแรกพร้อมกับไม้เท้าขึ้นมาแล้วนำมันมาแขวนไว้ข้างนอกห้องแต่งตัวข้าเดินไปยังถังน้ำที่อยู่ใกล้ๆหน้าต่าง พอข้าเดินไปถึงข้าก็เสกน้ำขึ้นมาจากถังใบนั้นแล้วนำผ้าผืนหนึ่งไปวางไว้ที่ขอบ ข้าปลดผ้าคลุมของตัวเองออกพร้อมกับถอดเสื้อที่ใส่ออกด้วย ข้าก็ขยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาบิดให้พอหมาดๆแล้วนำผ้าผืนนั้นมาเช็ดตัวเพื่อทำความสะอาดร่างกายของตนเอง
     

             พอข้าทำความสะอาดตัวเสร็จก็หยิบชุดที่เอลซ่าได้เตรียมไว้ให้ขึ้นมาใส่ พอข้าใส่เสร็จข้าก็หยิบแหวนที่อยู่ในผ้าคลุมออกมาดู แหวนนั้นมีสองวงซึ่งทั้งสองวงนี้ข้าจะให้เอลซ่า โดยที่วงหนึ่งเป็นแหวนมั่นและอีกวงหนึ่งคือแหวนแต่งงาน ข้าว่าข้าจะสวมแหวนหมั้นแก่เธอเมื่อมีช่วงเวลาที่พอเหมาะ

     

    Elsa Snow Queen :
     

             ฉันค่อยๆตื่นขึ้นมาแล้วลืมตามองดูรอบๆตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอนของฉันซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ฉันจำได้ว่าช่วงที่ฉันหลับไปนั้นบ่ายสามอยู่เลยนี่นา แล้วฉันมาที่นี่ได้ยังไง ฉันจำได้ว่าฉันหลับไปหลังจากที่แจ็คได้พาฉันฟังเสียงธรรมชาตินี่นา ฉันก็ค่อยๆลุกออกจากเตียงแล้วสวมรองเท้า และเดินออกจากประตูห้องไปเพื่อไปยังห้องของราพันเซล
     

             “ก๊อกก๊อกก๊อก” ฉันเคาะประตูห้องรับรองโดยคิดว่าราพันเซลจะอยู่ในห้องนี้
     

             “หืมมีอะไร(หาว)” ราพันเซลเปิดประตูออกมาพร้อมกับหาวเล็กน้อย
     

             “เอ่อราพันเซลเธอเห็นแจ็คไหม” ฉันถามออกไปราพันเซลได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
     

             “แหมตื่นมาเรียกหาคนรักเลยนะพี่สาว” ราพันเซลพูดออกมาทำไมถึงรู้ละ
     

             “เดี๋ยวนะทำไมเธอถึงคิดว่าฉันพึ่งตื่นละ” ฉันถามออกไป
     

             “ก็ดูหน้าตาเธอนะสิ สายตาแบบนี้คือพึ่งตื่นชัดๆ” ราพันเซลพูดออกมา
     

             “อ้อเมื่อกี้ฉันเห็นแจ็คเดินไปทางนั้นนะ” ราพันเซลพูดออกมาแล้วชี้ไปทางหนึ่ง
     

             “ขอบคุณนะอ้อ 6 โมงเจอกันที่ห้องอาหารนะ บอกยูจีนด้วยละ” ฉันพูดออกไป ราพันเซลกก็หยักหน้าแล้วปิดประตู จากนั้นฉันก็เดินตามหาแจ็ค
     

             ระหว่างที่ฉันเดินหาแจ็ค ฉันก็ได้ยินกลุ่มเหล่าคนรับใช้กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน ฉันก็ไม่สนใจแล้วเดินไปยังห้องโถงใหญ่ ระหว่างที่ฉันเดินไปเหล่าคนรับใช้ ขุนนางและมหาดเล็กต่างทำความเคารพ ฉันก็ยิ้มตอบกลับไปแล้วซักพักไคน์ คนส่งสารของอาณาจักรก็เดินเข้ามาหาฉัน
     

             “ทูลกระหม่อม กระผมได้รับข่าวมาว่าเจ้าชายทั้งสิบสามคนของเกาะทางใต้จะทรงมายังงานแต่งขององค์หญิงอันนาในวันมะรืนท่านจะทรงให้กระหม่อมทำปิดกั้นไม่ให้เข้ามาหรือไม่พะยะคะ” ไคน์ถามมา
     

             “ไม่ต้องหรอกไคน์ เขามาเป็นแขกคราวนี้คงมาดี แต่ถ้าเกิดเรื่องร้ายให้ท่านนำทหารมาปกป้องอันนาคริสตอฟและประชาชนด้วย ไม่ต้องป้องกะเราเพราะเราป้องกันตัวเองได้” ฉันตอบกลับไป ไคน์ก็คำนับให้แล้วเดินออกไป ฉันก็ถามเขาออกไปว่า
     

             “อ้อท่านเห็นแจ็ค ฟรอสต์หรือเปล่า” ฉันถามออกไปไคน์ก็ตอบกลับมาว่า
     

             “ดูเหมือนท่านแจ็ค จะเดินเล่นอยู่ที่ห้องโถงใหญ่พะยะคะ” ไคน์ตอบกลับมา
     

             “มีอะไรให้รับใช้อีกหรือเปล่าพะยะคะ” ไคน์ถามมา
     

             “ไม่แล้วละ ขอบคุณนะ” ฉันกล่าวของคุณ ไคน์ก์คำนับอีกครั้งแล้วเดินออกไป
     

             ฉันก็เดินไปยังห้องโถงใหญ่ก็ไม่เห็นแจ็คสงสัยเขาคงจะอยู่ที่ห้องอื่น ฉันก็เดินไปเรื่อยๆโดดยมองดูรอบๆจนลืมมองทาง ทำให้ฉันเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า
     

             “ขอโทษคะขอโทษคะ” ฉันกล่าวขอโทษชายคนหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมาดูพอว่าเป็นแจ็ค
     

             “อ้าวแจ็ค” ฉันเรียกชื่อเขาออกไปแจ็คก็ลุกขึ้นมาแล้วยื่นมือมาให้ฉันจับ ฉันก็จับมือเขาแล้วลุกขึ้นมา
     

             “คราวหลังเดินดูทางหน่อยสิ ดีนะที่เป็นผมคุณเลยไม่เป็นอะไรมาก” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับปัดฝุ่นบนตัวฉันออก
     

             “จ้า”ฉันตอบกลับไปแล้วสังเกตชุดที่เขาใว่เขาเอาชุดนี้มาจากไหน ถ้าเขาใส่ชุดนี้แสดงว่าเขาต้องเห็นโน้ต และอ่านที่ฉันเขียนในสมุดบันทึกแล้วสิ ซักพักฉันก็หน้าแดง
     

             “เอลซ่าเป็นอะไรทำไมหน้าแดง” แจ็คถามมาฉันก็หลบหน้าแล้วพูดว่า
     

             “ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณเถอะเอาชุดนี้มาจากไหน” ฉันถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
     

             “อะอาเอ่อคือว่า” แจ็คพูดอ้ำอึ้ง ฉันก็พูดออกไปว่า
     

             “ความจริงฉันก็รู้อยู่แล้วละ ฉันก็ถามดูเล่นๆแล้วแต่งสบายไหม” ฉันถามไปอีกครั้งแจ็คก็ตอบกลับมาว่า
     

             “สวมแล้วสบายดี” แจ็คตอบกลับมาฉันก็ยิ้ม
     

             “อ้อแจ็คท่านจะไปห้องทานอาหารด้วยกันไหม” ฉันถามออกไป
     

             “ถ้าก็ก็ตามมานะ” ฉันพูดเสร็จก็เดินไปซักพักแจ็คก็เดินตามมา

     

    ห้องอาหาร เวลา 6.00.
     

             “เมื่อไหร่อันนาจะซะทีเนี่ย” ราพันเซลพูดออกมาพร้อมกับก้มไปข้าวหน้าแล้วยืนตัวบนโต๊ะอาหาร
     

             “นี่ราพันเซลรอแป๊ปหนึ่งสิ” ยูจีนพูดออกมาพร้อมกับลูบไปที่หลังของราพันเซลเบาๆ
     

             “แอ็ด(เสียงเปิดประตู)” พอเสียงประตูดังขึ้นฉันก็หันไปเห็นคริสตอฟ อุ้มอันนาเข้ามา อันนาก็โบกมือทักทาย ซักพักคริสตอฟก็วางอันนาลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วซักพังเขาก็ดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆอันนา
     

             “นี่นายทำอะไรอันนา ทำไมอันนาถึงเดินมาไม่ได้” ราพันเซลถามออกมาพร้อมกับเอากระทะทอดไข่ชี้หน้าคริสตอฟ(ไปเอามาจะไหนกันนะ : เอลซ่า)
     

             “เห้อันนาเธอข้อพลิกเลยเดินมาไม่ได้ ผมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” คริสตอฟตอบราพันเซลได้ยินก็เก็บกระทะ ซักพักคนรับใช้ก็เสิร์ฟอาหาร ระหว่างที่พวกเราทานอาหารกันอยู่ฉันก็พูดขึ้นมาว่า
     

             “อ้อคริสตอฟวันนี้ฉันอนุญาตให้นายนอนกับอันนาวันสุดท้ายแล้วนะ” ฉันพูดออกไปอันนาได้ยินถึงกับทำส้อมตก
     

             “ท่านพี่ทำไมละคะ” อันนาถามมาด้วยอารมณ์ที่โมโห
     

             “ก็หลังจากพรุ่งนี้เธอเป็นเป็นคนอนุญาตเขาเองยังไงละอันนา” ฉันพูดออกไปด้วยสีหน้านิ่งๆ อันนากำลังจะโวยวายแต่ก็เงียบไปแล้วพูดว่า
     

             “ขอบคุณคะ” อันนากล่าวขอบคุณ ฉันกับราพันเซลก็หัวเราะออกมาเบาๆกับความเปิ่นของน้องสาว
     

             “อย่าหัวเราะกันสิคะ” อันนาพูดออกมา ฉันก็พูดสวนกลับไปว่า
     

             “อ้ออีกอย่านะอันนาพรุ่งนี้น้องห้ามเจอหน้าคริสตอฟนะ มันเป็นกฎสำหรับคู่ที่จะแต่งงาน คือ ห้ามพบหน้าหรือติดต่อเป็นเวลา 1 วัน” ฉันพูดพร้อมกับอธิบาย
     

             “คะ” อันนาตอบกลับมา     

     

    ก่อนวันพิธีเสกสมรส ที่ปราสาทน้ำแข็ง ตอนกลางคืน

     

             “ท่านพี่ปล่อยน้องออกไป น้องจะไปเจอคริสตอฟ” อันนาพูดออกมาพร้อมกับทุบประตู
     

             “อันนาใจเย็น แค่นี้วันเดียวเองนะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับเอาเสกน้ำแข็งมาปิดประตูให้แน่นขึ้นเพราะเมื่อครู่อันนาได้พังประตูออกมาได้ กว่าฉันจะดันอันนากลับเข้าไปได้ก็กินเวลาไปหลายนาทีอยู่
     

             “ท่านพี่ปล่อยหนูนะ” อันนาตะโกนออกมาอีกครั้งฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเสกหิมะให้ตกในห้องของน้องสาวฉันฉันไม่ได้เสกแค่หิมะหรอกนะ ฉันเปิดประตูแล้วเรียกอันนาพ้อมกับปาบอลหิมะที่อาบไปด้วยยาสลบใส่อันนาอย่างจัง
     

             “ท่าน….พี่ปล่อย” อันนากำลังพูดขึ้นมาแต่ก็สลบไป โอยต้องทำแบบนี้สินะถึงจะยอม ฉันเป็นห่วงทางแจ็คแล้วสิ แจ็คต้องกันคริสตอฟไม่ให้เข้ามาภายในปราสาทซึ่งคริสตอฟตัวก็ไม่เล็กถ้าคลั่งแบบอันนาขึ้นมาคงอันตรายน่าดู
     

             “แจ็คทางคุณเป็นยังไงบ้างคะ” ฉันตะโกนถาม แจ็คก็ได้แต่เงียบแต่มีเสียงดังที่ประตู
     

             “แจ็คคะ” ฉันเรียกชื่อของเขาอีกครั้งคราวนี้ก็ไม่มีเสียงกลับมา ฉันว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ ฉันเลยรีบวิ่งไปหาแจ็คที่หน้าปราสาททันที แต่ฉันมันร้อนรนเลยรีบวิ่งไปหน่อยก็เลยทำให้สะดุดตกบันไดไถลลงมาจากชั้นบนเหมือนลื่นมาจากสไลด์เดอร์
     

             “โอยสะโพกฉัน” ฉันบ่นออกมาพร้อมกับกุมสะโพกตัวเอง ตอนนี้เดินทีมันก็ปวดสะโพกไปหมด ตอนนี้ฉันเดินมาถึงหน้าปราสาทเห็นแจ็คเสกเสาน้ำแข็งหลายๆต้นมาดันประตูเอาไว้
     

             “แจ็คคุณเป็นอะไรไหม” ฉันถามออกไปพร้อมกับเดินไปกุมสะโพกตัวเองไป
     

             “เอลซ่าอยู่นี้นี่เองขอโทษที่ไม่ได้ตอบ คริสตอฟมันเอามาชเมลโล่มาช่วยเปิดประตูผมก็เลยยุ่งไปหน่อย” แจ็ครีบวิ่งมาประคองฉันแล้วพาเดินมายังประตูปราสาท
     

             “ว่าไงนะมาชเมลโล่ช่วยคริสตอฟเนี่ยนะ” ฉันถามแจ็คไป แจ็คก็พยักหน้าตอบกลับมา
     

             “งั้นฉันจัดการเอง คริสตอฟ” ฉันตะโกนออกไป
     

             “ครับองค์ราชินี” คริสตอฟตอบกลับมา
     

             “นายจะเข้าไปหาอันนาใช่ไหมคริสตอฟ” ฉันถามออกไป
     

             “ใช่ครับผม” คริสตอฟก็ตอบกลับมา
     

             “นายเข้ามาได้นะ แต่ว่าหากนายเข้ามานายแน่ใจนะว่าอันนาจะพอใจ” ฉันถามเขาไปอีกครั้ง
     

             “ทำไมองค์ราชินีถึงถามมาเช่นนั้นละขอรับ” คริสตอฟถามกลับมาก็เข้าตามที่ฉันวางแผนไว้พอดี
     

             “ก็อันนาคาดหวังไว้ว่านายจะรักษาสัญญานะสิ อันนาคาดหวังใจตัวของนายไว้มากนะ ตอนนี้อันนาเธอก็อยากพบหน้านาย และความจริงอันนาจะออกไปหาก็ได้ แต่ไม่ทำรู้ไหมทำไม” ฉันพูดแล้วเงียบไปซักพักหนึ่ง
     

             “ก็เพราะเธอคิดว่ายังไงเธอจะแต่งงานกับนายยังไงละเธอถึงยอมอยู่คนเดียวโดยที่ไม่เจอนายจนกว่าพรุ่งนี้ยังไงละ” ฉันพูดต่อ คริสตอฟได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาว่า
     

             “นี่อันนารอผมงั้นเหรอครับ” คริสตอฟถามมาอีกครั้ง
     

             “ใช่แล้วคริสตอฟ นายเห็นแบบนี้นายจะตอบแทนอันนาแบบนี้เหรอ” ฉันถามกลับไปคริสตอฟก็ตอบกลับมาว่า
     

             “ขนาดอันนายังทำตามกฎผมก็จะทำตามกฎครับ ขออภัยที่ก้าวร้านนะครับ” คริสตอฟพูดเสร็จฉันก็ได้ยินเสียงเขาเดินออกไป
     

             “ฟู่ว(เสียงถอนหายใจ) สุดท้ายก็สงบสินะ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับหันหน้าไปทางแจ็ค
     

             “ใช่แล้วละ” แจ็คตอบกลับมา
     

             “งั้นเราไปนอนกันเถอะ ฉันง่วงแล้วละ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับลุกขึ้นยืนแจ็คก็คอยประคองไม่ให้ฉันล้มพอฉันก้าวเท้าแรกไปเท่านั้นแหละก็เซทันที
     

             “โว้ว โว้ว เอลซ่าเจ้าเป็นอะไรทำไมเดินเซละ” แจ็คถามฉันด้วยความเป็นห่วง
     

             “เมื่อกี้ฉันตกบันไดมานะ ก็เลยปวดสะโพกนิดหน่อย” ฉันพูดออกไปโดยหัวเราะออกมาเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง
     

             “ตกบันไดยังจะมาหัวเราะอีกนะ มานี่เดี๋ยวผมอุ้มไปส่งเอง” แจ็คพูดขึ้นมาพร้อมกับช้อนตัวฉันทันทีไม่รอให้ฉันบอกอนุญาตสักคำ พอเราถึงห้องแจ็คก็วางฉันอย่างเบามือแล้วถอดรองเท้าออกขึ้นมาบนเตียงนอนข้างฉันเลย
     

             “แจ็คคุณออกไปนะ” ฉันผลักแจ็คออกไปแจ็คก็ไม่ยอมขยับ
     

             “ทำไมละผมนอนบนนี้ไม่ได้เหรอที่เมื่อคืนยังให้เลย” แจ็คพูดออกมาฉันก็ตอบกลับมาว่า
     

             “ก็เมื่อคืนคุณนอนแล้วฉันเป็นไงละ ดูไหล่ฉันสิม่วงไปหมดเห็นไหม” ฉันพูดออกไป
     

             “ข้าขอโทษแค่ข้านอนกอดเจ้าแน่นไปหน่อยเท่านั้นเอง ยกโทษให้ข้าเถอะนะ” แจ็คพูดอ้อนวอนสุดชีวิต ฉันเห็นแบบนี้ใจอ่อน
     

             “ก็ได้นะ แต่แค่นอนนะห้ามมีอย่างอื่น” ฉันพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าของแจ็คแจ็คก็ยิ้มพ้อมกับพยักหน้าตอบฉันก็เอนตัวลงนอนโดยหันหลังให้เขา แจ็คก็สวมกอดฉันจากด้านหลังแล้วกุมข้อมมือฉันไว้แล้วจากนั้นฉันก็หลับไป

     

    พิธีเสกสมรส
     

             ฉันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่พอว่าแจ็คอยู่ในห้องแล้วสงสัยเขาคงไปแต่งตัวที่ปราสาทละมั้ง ฉันก็ตื่นขึ้นมาแล้วเดินแต่งตัว ระหว่างที่ฉันเดินฉันร็สึกปวดตรงสะโพกเล็กน้อยแบบเดียวกับเมื่อวานหากฉันเดินแบบแข็งๆก็จะไม่ปวดมาก ชุดที่ฉันใส่วันนี้เป็นชุดเดียวกับวันพิธีราชาภิเษกแล้วจู่ๆเหมือนสายตาฉันจะไปสะดุดอะไรอย่างหนึ่ง ใช่แล้วข้อมือของฉันเอง ฉันยกแขนของตัวเองขึ้นมาดูปรากฏว่าตรงข้อมือขอองฉันนั้นช้ำเป็นรอยม่วงอย่างชัดเจน
     

             “แจ็คจบวันนี้เจอดีแน่” ฉันพูดออกไปพร้อมกับค้นหาถุงมือ ฉันค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอกล่องใส่ถุงมือของฉัน ฉันก็มองดูนาฬิกาตอนนี้มันเกือบสายแล้วฉันคงต้องรีบหาแล้วละ จู่ๆฉันก็นึกออกว่ากล่องถุงมือฉันอยู่ในห้องอันนา ฉันก็กุมหัวตัวเองครู่หนึ่งแล้วรีบเดินไปยังห้องอันนาด้วยความเจ็บปวดที่สะโพก พอฉันถึงห้องอันนาฉันก็รีบเปิดประตูแล้วรีบหากล่องถุงมือนั้น
     

             “อยู่ไหนนะอยู่ไหน” ฉันพูดออกมาพร้อมกับเดินตรวจหาสิ่งของในห้องของอันนา อันนาก็มองตามฉันไปเรื่อยๆพร้อมกับยิ้มออกมา
     

             “พี่เอลซ่าหาอันนี้อยู่รึเปล่าคะ” อันนาไปหยิบถุงมือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ฉันเห็นก็เดินเข้าไปหาอันนาแล้วสวมมันทันที
     

             “ขอบใจนะอันนา” ฉันบอกขอบคุณแล้ว
     

             “วันนี้เธอสวยมากน้องพี่” ฉันพูดออกไปด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยน แล้วดูชุดของอันนาเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง
     

             “พี่เอลซ่าคะ” อันนาทักมาระหว่าที่ฉันเช็คความเรียบร้อยอยู่
     

             “มีอะไรอันนา” ฉันถามกลับไปพร้อมกับดูชุดต่อ
     

             “พี่ผ่านคืนหฤโหดกับพี่แจ็คมาแล้วใช่ไหมคะ” อันนาถามมาฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “ใช่เฮ้ยไม่ๆพี่ยังไม่ได้มีอะไรกับแจ็คนะ” ฉันอันนาไปแล้วนึกขึ้นได้ว่าฉันกับแจ็คยยังไม่เคยมีอะไรกัน แต่อันนาหัวเราะออกมาเบาๆ
     

             “จริงหราาาาาาาา” อนนาแซวฉันฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “พี่จะเคยหรือไม่มันก็เรื่องของพี่นะอันนาพี่ว่าเรามาคุยเรื่องอย่างอื่นกันดีกว่า” ฉันพูดออกไปแบบนี้หวังว่าอันนาคงเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการสื่อนะ
     

             “โอเคเรียบร้อยฉันตรวจเช็คความเรียบร้อยเสร็จแล้วก็พูดออกไป
     

             “ไปได้กันรึยังอันนา” ฉันถามออกไปพร้อมกับตั้งวงแขนให้อันนาก็เอาแขนเข้าไปคล้องแขนฉัน อันนาก็คล้องแขนฉันแล้วแล้วเดินไปยังห้องพิธีไปด้วยกัน
     

             ในพิธีเสกสมรสนั้นก็ผ่านไปด้วยดี ตอนที่ฉันเข้าไปครั้งแรกฉันยังตกตะลึกเกี่ยวกับแขกที่มายังพิธีนี้และที่สำคัญแจ็คก็แต่งตัวถูกด้วยว่าวันนี้ฉันจะแต่งชุดอะไร พอจบพิธีเสกสมรสจะฉันก็เริ่มพิธีแต่งตั้งดยุคคนใหม่ขงแอเรนเดลล์ทันที ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นจนกระทั่ง

     

    งานเต้นรำ
     

             “แจ็คพาคุณจะพาฉันไปไหน” ตอนนี้ฉันถูกแจ็คปิดตาเอาไว้อยู่ทำให้ฉันไม่รู้ว่าแจ็คจะพาฉันไปที่ไหน
     

             “ใกล้แล้วละ” แจ็คกระซิบข้างหูฉัน
     

             “ถึงรึยังแจ็ค” แจ็คก็ไม่ได้พูดอะไรเขาก็แกะผ้าปิดตาฉันออก ซักพักเขาก็จูบเปลือกตาของฉันทั้งสองข้างแล้วพูดว่า
     

             “ลืมตาได้แล้วครับที่รัก” แจ็คพูดออกมาฉันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นฉันก็มองไปรอบๆฉันดูไปซักพักก็นึกออกว่า ที่นี่มันคือลานนอกปราสาทน้ำแข็งที่ฉันกับแจ็คสร้างขึ้นมาโดยที่ทันยื่นออกมาจากปราสาทไปทางหน้าผา 
     

             “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมเหรอคะ” ฉันถามแจ็คออกไป แจ็คก็หันตัวฉันไปทางหน้าผาทำให้ฉันเห็นดวงจันทร์ที่ตอนนี้มันดวงใหญ่มาก
     

             “ดวงจันทร์วันนี้สวยดีว่าไหมแจ็ค” ฉันพูดออกไปแจ็คก็ตอบกลับมาว่า
     

             “ใช่สวย สวยมาก” แจ็คพูดออกมา
     

             “แล้วให้ฉันมาดูดวงจันทร์ทำไมหรือคะ” ฉันถามเขาออกไป
     

             “ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ที่ผมพาคุณมาดูดวงจันทร์วันนี้เพราะว่าดวงจันทร์วันนี้มันสวยงามเหมือนเมื่อตอนที่ผมได้ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับวางมือไว้บนไหล่ฉัน
     

             “แล้ววันนี้ผมว่าคงได้เวลาแล้วละ” แจ็คพูดออกมาฉันก็สงสัยเลยหันไปหาเขา
     

             “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ” ฉันถามออกไป แต่แจ็คก็เงียบ
     

             “ทำไมละนี่ก็ยังไม่หมดฤดูหนาวนะ ท่านจะทิ้งฉันอีกแล้วเหรอ” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำสียงที่โมโหขึ้นเล็กน้อย
     

             “ทำไมละ ทำไมในวันสำคัญสำคัญท่านต้องจากฉันไปทุกทีเลยละ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหและน้อยใจพร้อมกับผลักเขาออกไป แล้วหันหลังให้เขา
     

             “เอลซ่าฟังผมก่อน” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับพลิกตัวฉันและจับไหล่ฉันไว้
     

             “ที่ผมบอกถึงเวลาไม่ใช่เพราะผมต้องไป” แจ็คพูดขึ้นมาทำเอาฉันตกใจเล็กน้อย
     

             “ที่ผมบอกว่าถึงเวลาแล้วคือผมจะ อุ๊ป” แจ็คพูดขึ้นมาแต่แล้วจู่ๆเขาก็ทรุดตัวลงไป
     

             “แจ็คคุณเป็นอะไร แจ็ค” ฉันพยายามช่วยพยุงเขา แต่แจ็คกลับปัดมือฉันออกแล้วเอามือกุมไว้ที่อกของตนพร้อมกับหายใจเร็วขึ้นเรื่อยๆ
     

             “เอลซ่า” เขาเรียกชื่อฉันออกมาพร้อมกับล้มลงแล้วพลิกมานอนหงายโดยที่มือข้างหนึ่งกุมหัวใจของตัวเขาเองอู่
     

             “คะ? มีอะไรคะ แจ็ค” ฉันนั่งลงพร้อมกับถามแจ็คด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
     

             “เอลซ่าผมขอนอนหนุนตักคุณได้ไหม” แจ็คถามฉันด้วยเสียงที่สั่นและหายใจออย่างรวดเร็ว ฉันก็พยักหน้าแล้วขยับตัวไปใกล้ๆเขาแล้วยกหัวเขามาหนุนตักฉัน
     

             “ที่ผมบอกว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะ อ๊าก” แจ็คพูดออกมาแต่ไม่ทันจะจบเขาก็ร้องคลวนครางออกมา เขาเป็นอะไรทำเขาถึงทรมานอย่างนี้ละ
     

             “แจ็คคุณเป็นอะไรบอกฉันหน่อยสิ” ฉันถามไปด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเสียใจพร้อมกับน้ำตาที่กำลังจะไหล    
     

             “เอลซ่า” เขาเรียกชื่อของฉันออกมาพร้อมกับเอามือมากุมแก้มฉัน
     

             “อย่าเอาแต่เรียกชื่อฉันสิแจ็ค มีอะไรก็พูดออกมาสิ” ฉันถามเขากลับไปตอนนี้น้ำตาฉันเริ่มไหลออกมาบ้างแล้ว
     

             “เอลซ่ามันถึงเวลาของผมแล้วนะ ก่อนผมจะไปผมขอบอกอะไรให้คุณรู้ไว้อย่างหนึ่งได้ไหม” แจ็คพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด
     

             “ได้สิแจ็คพูดออกมาเลย” ฉันพูดเชิงอนุญาต
     

             “เอลซ่าผมระ” แจ็คกำลังจะพูดบางอย่าง แต่แจ็คก็หลับตาลงแล้วมือที่เขากุมแก้มฉันไว้ก็ร่วงลงไปด้วย
     

             “แจ็ค” ฉันเขย่าตัวของเขาแต่แจ็คก็ไม่ตอบอะไร
     

             “แจ็คอย่าแกล้งกนแบบนี้สิมันไม่ตลกเลยนะแจ็ค” ฉันพูดออกมาพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหล
     

             “แจ็คฟื้นขึ้นมาสิแจ็ค” ฉันพูดพร้อมกับตบหน้าเขาไปรอบหนึ่ง
     

             “แจ็คฟื้นขึ้นมาสิ ฉันสัญญาถ้าคุณฟื้นขึ้นมาฉันจะยอมทำตามที่คุณขอเลยนะ”
     

             “จริงๆนะแจ็คฟื้นขึ้นมาสิ”
     

             “แจ็ค” ฉันพูดออกไปพร้อมกับก้มหน้าเหน้าผากของเขากับของฉันชนกัน
     

             “แจ็คฉันขอร้องฟื้นขึ้นมาสิ” ฉันพูดออกมาเบาๆพร้อมกับร้องไห้
     

             “แน่ใจนะว่าจะยอมทำตามที่ผมพูดนะ” ฉันได้ยินเสียงของเขาพูดขึ้นมาฉันก็ตอบกลับไปโดยไม่คิดไปว่า
     

             “ใช่สิแจ็คฟื้นขึ้นมานะ” ฉันพูดออกไปแต่เดี๋ยวนะ ฉันก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นแจ็คกำลังยิ้มแก้มปริอยู่
     

             “คุณหลอกฉันเหรอ” ฉันฉันพูดออกไปพร้อมกับตบหน้าเขาไปทีหนึ่ง
     

             “ก็แค่แกล้งนิดหน่อยเอง……………เฮ้ยๆๆ” แจ็คพูดออกมาแบบนี้ฉันก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้เขา โดยที่ปล่อยให้เขาหัวโขกพื้นน้ำแข็งไป
     

             “เอลซ่า” แจ็คเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น
     

             “แจ็คคุณจะแกล้งอะไรฉันอีกละ” ฉันหันไปหาเขาอีกครั้งคราวนี้ฉันง้างมือเตรียมปล่อยเวทย์มนต์ใส่เขา แต่คราวนี้แจ็คนั่งคุกเข่าพร้อมกับให้ฉันข้างหนึ่ง ฉันเห็นอย่างนั้นก็ค่อยๆลดมือซ้ายลง(ฉันเป็นคนถนัดซ้ายนะ)
     

             “เอลซ่า” แจ็คเรียกชื่อฉันออกมาพร้อมกับกุมมือฉันไว้ข้างหนึ่ง
     

             “คะ?” ฉันขานตอบไปด้วยความสงสัย
     

             “เอลซ่าคุณช่วย” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับนิ่งไปซักครู่หนึ่ง
     

             “ช่วย ช่วยอะไร” ฉันถามเขากลับ
     

             “ช่วยแต่งงานกับผมได้ไหม” จู่ๆแจ็คก็ถามมาแบบนี้ทำเอาฉันที่ไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องแบบนี้ทำตัวไม่ถูก
     

             “ได้ไหมครับ” แจ็คถามออกมา ฉันก็ตอบกลับไปว่า
     

             “ไม่” ฉันพูดออกไปพร้อมกับดึงมือออกทำเอาแจ็คหน้าซีดทันที
     

             “ทำไมละเอลซ่า เพราะคุณเป็นมนุษย์และผมเป็นภูติ เราเลยแต่งงานกันไม่ได้ หรือเพราะที่คุณโมโหกับสิ่งที่ผมทำไปเมื้อกี้เลยไม่ตกลง หรือคุณไม่ได้รักผมแล้ว หรือ” แจ็คพยายามหาเหตุที่ทำให้ฉันไม่ตกลงกับเขา ฉันก็เอามือปิดปากเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาพูดต่อ
     

             “ก็คุณเล่นสวมแหวนให้ฉันข้างขวามันถูกไหมละ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับยื่นมือซ้ายให้เขา
     

             “สรุปคือคุณไม่ได้ปฏิเสธผมใช่ไหม” แจ็คถามมาอีกครั้ง
     

             “ของแบบนี้ฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้วละ” ฉันพูดออกไป แจ็คได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วถามฉันใหม่ว่า
     

             “เอลซ่า องค์ราชินีแห่งแอเรนเดลล์ คุณจะแต่งงานกับผมที่เป็นภูติแห่งฤดูหนาวได้ไหมครับ” แจ็คถามฉันอีกครั้ง
     

             “ฉันตกลงคะ” ฉันตอบกลับไปแจ็คก็สวมแหวนที่พกมาที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน พอเขาสวมแหวนวงนี้เสร็จก็ลุกขึ้นยืนแล้วกอดฉัน
     

             “ขอบคุณนะเอลซ่าที่ตอบรับความรู้สึกจากผม” แจ็คพูดออกมา พอพูดเสร็จเขาก็คลายกอดจากฉัน
     

             “ไม่เป็นไรคะแต่ฉันขอเอาคืนนิดหน่อยนะคะ” ฉันพูดออกไปแจ็คก็พยักหน้าตอบ
     

             เพี๊ยะ(เสียงโดนตบหน้า) นี่สำหรับที่แกล้งฉันเมื่อกี้” ฉันตบหน้าของแจ็ค แล้วพูดออกไปแล้วเริ่มต่อ
     

             ปึ๊ก(เสียงโดนชกที่ท้อง) นี่สำหรับที่ทำให้ฉันร้องไห้” ฉันต่อยท้องของเขา และสุดท้ายฉันก็กระชากคอเสื้อเขาเข้ามาแล้ว
     

             จุ๊บ(เสียงริมฝีปากประกบกันเพียงชั่วครู่) อันนี้สำหรับเมื้อกี้นะ” ฉันพูดเสร็จก็วิ่งหนีเข้าปราสทปล่อยให้แจ็คยืนอึ้นอยู่อย่างนั้น

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    To Be Continued

     

    ………………………………………………………………………………………………………………………..

            

             จบไปแล้วนะครับสำหรับตอนนี้ ตอนนี้ก็จัดหนักจัดเต็มเหมือนเคยครับ คือ เขียนด้วยตัวอักษร TH Niramit AS 18 เป็นจำนวน 30 หน้าเหมือนตอนที่แล้วไม่มีผิดเลยนะครับ หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะพอใจกันนะครับ
     

             เอาละครับตอนนี้ฟิคของผมเรื่องนี้ก็ใกล้จะจบลงไปแล้ว ถามว่าจะมีภาค 2 ไหม ไม่ครับ แต่จะมีเรื่องใหม่มาแทนโดยที่คู่หลักจะเป็นคู่เดิมคือ Jelsa (Jack & Elsa) นั่นเองครบโดยที่เนื้อเรื่องก็จะเป็นอ้างอิงถึงเรื่อง Hunger Games นั่นเองครับ โดยที่ผมจะอ้างอิงเพียงเล็กน้อยคือถ้าใครเป็นแฟนพันธ์แท้ก็ขออภัยด้วยนะครับ มีใครสนใจกันบ้างไหมครับ
     

             แต่ก็นะครับสำหรับตอนนี้ใครคิดว่าจะเรต ขอย้ำว่าไม่มีนะครับไม่มีเลยแม้แต่ฉากเดียวจริงๆนะครับ สุดท้ายนี้ก็ขลาไปก่อนนะครับขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ

     

    สำหรับตอนนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×