คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : Promise
“ Elsa , remember when you feel alone
I always beside you forever ”
Jack Frost
Elsa Snow Queen :
ช่วงเวลาตีสามตีสี่ในแอเรนเดลล์ ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วนึกย้อนถึงเหตุการณ์ว่าตัวเองขึ้นมาบนเตียงได้ยังไง ฉันก็นั่งคิดเท่าไหร่ก็คิดๆไม่ออก โอยยิ่งคิดยิ่งปวดหัวนอนต่อดีกว่า
พอฉันทิ้งตัวลงบนเตียงเพื่อนอนต่อ ฉันหลับตาลงและนอนตะแคง ฉันได้วาดมือไปข้างหน้าเพื่อคว้าบางอย่าง พอฉันคว้าสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นหมอนได้ ฉันก็ดึงมันเข้าหาตัว แต่มันไม่ขยับฉันก็เลยขยับตัวไปเข้าไปใกล้ๆแทน ฉันเอาแขนกอดมันไว้พลางคิดไปว่า บนเตียงฉันมีหมอนข้างด้วยหรือเหรอแต่คิดมากก็ปวดหัวนอนต่อละกัน ซักพักฉันก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันหนักๆทับตัวฉันอยู่ฉันก็ลองขยับแขนดูว่าอะไรทับตัวฉันอยู่ ฉันก็เอาแขนข้างที่กอดหมอนข้างค่อยๆลูบมันจากจุดที่ทับฉันจนถึงปลาย ชัดเลยมันเป็นแขนคนที่วางพาดผ่านตัวฉันอยู่ แต่ฉันไม่ตกใจซักเท่าไหร่ เพราะบางทีอันนาก็ชอบแกล้งฉันแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรและขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิมเพราะฉันคิดว่าเป็นอันนา
“ปึก(เสียงหัวชนของแข็งเบาๆ)” หน้าผากของฉันไปคนคางของคนๆนั้นเข้า ฉันก็ไม่คิดอะไรและนอนต่อ
ระหว่างในช่วงที่ฉันกำลังเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ จู่ๆแขนข้างที่พาดผ่านตัวฉันอยู่ก็เริ่มกอดรัดฉันแน่นขึ้น ฉันก็ใช้มือทุบหน้าอกคนข้างหน้าฉันเบา แต่ความรู้สึกที่ทุบนั้นมันทั้งแน่นและแข็ง แสดงว่าคนที่กอดฉันอยู่ตอนนี้ไม่ใช่อันนาแน่นอนและไม่ใช่คริสตอฟด้วย เพราะคนนี้ตัวเล็กกว่ามาก ฉันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพที่ได้เห็นคือชายหนุ่มผมสีเงินหน้าตาหล่อเหลาพอประมาณ ใช่ชายคนนั้นคือ แจ็ค ฟรอสต์ ตอนนี้เรานอนกอดกันอยู่ ฉันก็ตกใจอย่างมากเมื่อคนที่ฉันกอดและกอดฉันไม่ใช่อันนา ตอนนี้หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับมันจะทะลุออกมาจากทรวงอกของฉัน เนื่องจากที่จู่ๆฉันก็ไปกอดผู้ชาย ถึงจะด้วยความไม่รู้ตัวก็เถอะ ฉันก็ไม่รู้ทำไงก็เลยทุบตีเขา แต่เนื่องจากฉันตัวอยู่ใกล้เขามากเลยทำให้ฉันวาดแขนได้ไม่กว้างมากเลยทำให้ฉันทุบเขาได้ไม่แรงพอ ฉันก็หยุดทุบเขาเปลี่ยนมาเป็นขอร้องเขาแทน
“แจ็ค ปล่อยฉันนะ" ฉันพูดออกด้วยความเขินอาย
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่การกระทำของเขากลับตรงข้ามกับที่ฉันสั่งให้เขาทำ
“แจ็คปล่อยสิ” ฉันทุบไปที่อกของเขาพร้อมกับบอกให้เขาปล่อยฉันออกจากแขนของเขา
ตอนนี้ฉันถูกแจ็คกอดรัดจนตัวเราชิดติดกันทำให้ขยับไปไหนก็ไม่ได้ ฉันก็พยายามฝืนสุดฤทธิ์เพื่อที่จะได้หลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่มันไม่เป็นผลเพราะยิ่งฉันดิ้นมากเท่าไหร่แจ็คก็ยิ่งกอดรัดฉันแน่นขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ฉันทั้งหน้าแดงพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง ฉันก็ปล่อยให้เขากอดฉันไป ตอนที่แจ็คกอดฉัน ฉันได้รู้สึกถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขาในระหว่างที่เขากอดฉัน ถึงไอเย็นที่แจ็คแผ่ออกมามันจะทำให้รู้สึกหนาว แต่อ้อมกอดของเขามันกลับอบอุ่นทำให้ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ฉันก็ปล่อยให้เขากอดฉันไปและสุดท้ายฉันก็เข้าสู่หัวงนิทราอีกครั้ง
Anna Princess of Arendelle :
ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าอันสดใส พอฉันตื่นขึ้นมาก็เห็นคริสตอฟกำลังหาสิ่งๆหนึ่งอยู่อย่างร้อนรน
“นายหาอะไรเหรอคริสตอฟ” ฉันถามคริสตอฟด้วยน้ำเสียงที่พึ่งตื่นพร้อมกับบิดขี้เกียด
“อ้าวตื่นแล้วเหรออันนา” คริสตอฟรีบหันกลับมาทักฉันพรัอมกับซ่อนของบางอย่างอยู่
“พึ่งตื่นนะ แต่ว่านายเถอะนายตื่นมานานหรือยัง” ฉันถามไปพร้อมกับลุกออกมาจากเตียง
“ก็ซักครู่หนึ่งแล้วละ” คริสตอฟยิ้มมาให้ฉัน แต่เอามือไขว้ด้านหลังซึ่งไม่เนียนเอาซะเลย
“นี่คริสตอฟ นายซ่อนอะไรไว้นะขอดูได้ไหม” ฉันถามกลับไป
“ผมไม่ได้ซ้อนแหวนที่จะให้เธอในวันแต่งของเราหรอกนะ” เขาตอบกลับมา ทำเอาฉันได้แต่ยิ้มความซื่อ(บื้อ)ในบางเรื่องของว่าที่สามีของฉัน
“คะ ฉันเชื่อว่าคุณไม่ได้ซ่อนอะไรไว้” ฉันตอบเพื่อให้เขาสบายใจก่อนที่จะถามเขาต่อ
“แล้วทำไมวันนี้นายตื่นเช้าจังละ”
“วันนี้ผมว่าจะไปดูธุรกิจส่งออกน้ำแข็งของอาณาจักรหน่อยนะ และก็จะไปฝึกงานให้เด็กใหม่ด้วย” เขาตอบกลับมา
“นายจะอยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันไหม?” ฉันถามเขา
“คือวันนี้ผมรีบ คงไม่ได้อยู่ทานดัวย” คริสตอฟพูดออกมาแล้วลูบผมฉันที่ยุ่งอยู่แล้วกลับยุ่งยิ่งกว่าเดิมอีก
“งั้นทำงานปลอดภัยนะคะ” ฉันพูดเสร็จก็เข้าไปกอด เขาตกใจเล็กน้อยตอนที่ฉันกอดเขาแต่เขาก็กอดตอบ
“นี่ผมไปทำงานเหมือนทุกๆวันนะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก” คริสตอฟตอบกลับมา
“ก็ฉันเป็นห่วงนายนิ” ฉันพูดกลับไป
“เอาน่า ผมรอดจากพิธีคัดเลือกมาแล้วนะต่อให้เกิดอุบัติเหตุยังไงผมก็ไม่เป็นไรหรอก” คริสตอฟตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มมาให้ ก่อนที่จะพูดต่อ
“ผมไปก่อนนะ” คริสตอฟคลายกอดก่อนที่จะเดินออกจากประตูพร้อมโบกมือลาให้ฉัน ฉันก็ยิ้มพร้อมกับโบกมือลาเขาก่อนที่จะเริ่มหวีผมตัวเอง
หลังจากที่ฉันแต่งตัวเสร็จก็รีบวิ่งไปที่ห้องอาหารเพราะกลัวว่าพี่เอลซ่าจะรอนาน แต่พอฉันไปถึงกลับไม่เจอพี่เอลซ่าฉันก็นั่งรอจนเวลาหกโมงสี่สิบห้านาที ฉันก็ถามแม่บ้านคนหนึ่งที่อยูีแถวนั้น
“เซนน่า” ฉันเรียกชื่อคนรับใช้คนน้ัน
“มีอะไรให้รับใชัเพคะองค์หญิง” เซนน่าถามกลับมาอย่างสุภาพ
“นี่เจัาเห็นท่านพี่เอลซ่าบ้างไหม” ฉันถามกลับไป
“องค์ราชินียังมิได้ออกจากห้องบรรทมเลยเพคะ” เซนน่าตอบกลับมา
“ขอบคุณนะ เชิญทำหน้าที่ของเจ้าต่อเถอะ” พอฉันได้ยินก็สั่งให้เซนน่าไปทำงานต่อ เซนน่าก็ถอนสายบัวให้ฉันก่อนจะเดินออกไป
ฉันก็นั่งคิดอยู่ที่โต๊ะครู่หนึ่งว่าจะไปหรือไม่ไปดี สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเดินไปตามพี่เอลซ่า ระหว่างที่ฉันเดินไปยังห้องของท่านพี่ ฉันก็ได้ยินเสียงเหล่าคนรับใช้รวมตัวคุยกัน ฉันทำไงก็แอบฟังนะสิ
“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ” คนรับใช้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“นี่พวกเธอฟังดีๆนะ ฉันว่าองค์ราชินีกำลังคบใครบางคนอยู่” คนรับใช้ท่ีถูกถามได้ทวนคำพูดอีกครั้ง
“แน่เธอมั่นใจได้ไงว่าองค์ราชินีมีความรักและกำลังคบกับใครคนหนึ่งอยู่” สาวใช้คนที่สามถามกลับมา
“ใช่ๆอย่างงานเทศการต้อนรับฤดูใบไม้ร่วง มีทั้งองค์ชายและพระราชาหลายเมืองมาจีบพระองค์แต่องค์ราชินีของเราไม่แม้แต่จะชายตามองเลยนะ” สาวใช้คนที่สี่พูดเสริม
“แหมก็องค์ราชินีของพวกเรา ทั้งสวย ทั้งฉลาด มากความสามารถ แถมยังสามารถใช้เวทย์มนต์แห่งน้ำแข็งและหิมะได้อีกด้วย เพียบพร้อมซะขนาดนี้ก็ต้องเลือกหน่อยละ”
“แต่พระองค์อายุก็21พรรษาแล้วนะ แถมยังให้พระขณิษฐาของพระองค์จะอภิเสกก่อนด้วย ฉันเกรงว่าองค์ราชินีจะไร้คู่ครองนี่สิ” คนรับใช้อีกคนหนึ่งพูดมา
“หยุดเลยๆ จำที่ฉันบอกได้ไหมว่า องค์ราชินี:กำลัง:คบ:กับ:ใคร:คน:หนึ่ง:อยู่” คนรับใช้คนที่ตอบคำถามเมื่อครู่รีบเตือนสติคนรับใช้คนอื่นๆ
“แล้วทำไมเธอแน่ใจอย่างนั้นละ” คนรับใช้คนที่สามพูด
“นี่ๆก็ฉันเป็นคนทำความสะอาดบริเวณทางเดินหน้าห้องขององค์ราชินีช่วงเวลากลางคืนนะ สองวันมานี้นะฉันได้ยินองค์ราชินีคุยกับใครก็ไม่รู้สองต่อสองในห้องของพระองค์อย่างสนิทสนมเชียวนะ” คนรับใช้คนนั้นพูด พอพูดเสร็จคนรับใช้คนอื่นๆก็กรี๊ดดีใจอย่างเบาๆ
“นี่ๆเธอพอรู้ไหมว่าชายคนที่สามารถละลายหัวใจน้ำแข็งขององค์ราชินีได้ชื่ออะไร” คนรับใช้คนแรกถามขึ้น
“ฉันไม่แน่ใจนะดูเหมือนว่าจะชื่อ แจ็ค อะไรนี่เนี่ยละมั้ง” คนรับใช้คนเดิมตอบ
“แล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นอะไร เจ้าชาย คนขายน้ำแข็ง หรือหัวขโมยละ” คนรับใช้คนที่สี่ถามด้วยความตื่นเต้น
“ฉันว่า ข้อเจ้าชายตัดทิ้งไปเลย เพราะถ้าเป็นเจ้าชายจริงเราควรรู้ชื่อไปแล้ว” คนรับใช้คนที่สามตอบ
“ส่วนหัวขโมยนั้นเป็นคู่ครองของเจ้าหญิงราพันเซลแห่งอาณาจักรโคโรน่าไม่ใช่เหรอ” คนรับใช้อีกคนพูดเสริม
“ส่วนคนขายน้ำแข็งนี้คู่รักของเจ้าหญิงอันนาว่าที่เจ้าชายแห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์เลยนะ” คนรับใช้คนเดิมพูดอีก
“จะว่าไปตระกูลนี้ไม่ได้แต่งกับเจ้าชายซักคนเลยเนอะ” คนรับใช้คนแรกพูดออกมาอย่างขำๆ
“นั่นสิอย่างที่โซเฟียพูด ตระกูลนี้ไม่ได้มีคู่ครองเป็นเจ้าชายเลยซักคน แต่ถ้าคนที่องค์ราชินีเอลซ่าคบอยู่ไม่ได้เป็นมนุษย์ละ” คนรับใช้คนที่สามพูดออกมา ทั้งกลุ่มเงียบไปซักครู่ก่อนที่โซเฟียจะพูดต่อ
“นี่ถ้าคนที่ราชินีคบอยู่ไม่ใช่มนุษย์ แล้วใครกันละที่คบกับองค์ราชินีอยู่” โซเฟียถาม
“ก็แจ็ค ฟรอสต์ ภูติหิมะไงดูเหมาะสมกับราชินีดีออก” คนรับใช้ที่ถูกถามตอบกลับมา ทำไมคนรับใช้คนนี้คิดแบบเดียวกับฉันเลยละ
“นี่แจ็ค ฟรอสต์มีจริงซะที่ไหน เพ้อไปแล้วนะ” คนรับใช้อีกคนพูดต่อ
“ที่อาณาจักรเรามีทั้งพวกโทรล์แถมองค์ราชินียังสามารถใช้เวทย์มนต์แห่งน้ำแข็งและหิมะได้เลย ทำไมภูติหิมะจะไม่มีบ้างละ” คนรับใช้คนเดิมพูดออกมาก็มีเหตุผลดี จริงๆฉันก็อยากอยู่ฟังต่อนะ แต่ฉันต้องรีบไปตามพี่เอลซ่าเพราะตอนนี้สายมากแล้ว
ฉันเดินไปคิดไปเกี่ยวกับเรื่องที่คนรับใช้กลุ่มนั้นพูด ถ้าคนรับใช้คนนั้นพูดจริงแสดงว่าคนที่พี่หญิงคบอยู่ยังอยู่ในห้องนอนของท่านพี่ ฉันก็เดินไปยิ้มไปทำไมนะเหรอก็ฉันดีใจนะสิในที่สุดพี่หญิงก็เจอคนที่ถูกใจซะที ยิ่งฉันเดินเข้าใกล้ประตูห้องท่านพี่ฉันยิ่งลุ้นว่าคนที่ท่านพี่คบอยู่จะเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยดีไหม ฉันคิดอย่างนี้วนไปวนมาจนถึงประตูห้องของพี่เอลซ่า ฉันค่อยๆเอามือไปขยับประตูเพื่อเปิดมันออกโดยหวังว่าพี่เอลซ่ากำลังนั่งทำผมโดยที่คนที่ท่านพี่คบอยู่ยืนด้านหลัง แต่ภาพที่ฉันเห็นไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ในห้องของท่านพี่มืดมากเพราะรูดม่านเอาไวัอยู่ ฉันก็ค่อยๆเดินเข้าไปในห้องของพี่เอลซ่าอย่างช้าๆโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูอย่างเบามือด้วย ระหว่างที่ฉันเดินฉันก็ได้แต่ภาวนาว่าท่านพี่คงไม่ทำแบบเดียวกับฉันเมื่อวานแน่ๆ ฉันก็ค่อยๆเดินไปที่หน้าต่างเพื่อที่จะเปิดม่านเท้าฉันไปสะดุดโดนไม้เท้าของคนๆนั้นเข้ มันเกิดเสียงดังพอประมาณแต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ได้ยิน ฉันก็เปิดผ้าม่านออกมาแสงแดดสอดส่องไปทั่วห้อง ภาพที่ฉันเห็นคือ ท่านพี่เอลซ่านอนอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่งอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบ(วู้วโล่งอก) ชายคนนั้นมีผมสีขาวออกเงินๆ หน้าตาหล่อเหลาใช้ได้ สีผิวของเขานั้นคลายกับพี่เอลซ่าแต่เข้มกว่าเล็กน้อย เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูงพอประมาณ ตัวไม่ใหญ่มาก เขาสวมเสื้อแขนยาวสีขาวส่วนท่อนล่างฉันไม่เห็นเพราะทั้งคู่ห่มผ้าห่มอยู่ แต่ดูเหมือนว่าแสงแดดเริ่มแยงตาของทั้งคู่ พี่เอลซ่าตื่นขึ้นมาก่อนซักพักชายคนนั้นก็ตื่นขึ้นมา
Jack Frost :
ข้าตื่นขึ้นมาสิ่งแรกทึ่รับรู้ถึงคือไอเย็นที่แผ่ออกมาจากบริเวณที่ข้ากอดอยู่ และตอนนี้ตัวข้ารู้สึกถึงแขนของใครบางคนทาบผ่านตัวข้าอยู่ ข้าก็ค่อยๆก้มหัวมองลงไปก็เห็นเอลซ่าที่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะตื่นขึ้นมาได้สักครู่หนึ่งแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกสับสนไปหมดว่านางมาอยู่ตรงนึ้ได้ไง ข้ากอดนางตั้งแต่ตอนไหน นางจะรู้สึกอย่างไร นางจะเกลียดหรือชอบไหม ดูเหมือนว่านางจะคูว่าข้าตื่นแล้ว เอลซ่าเลยก้มหน้าแล้วพูดออกมาว่า
“นี่แจ็คท่านปล่อยฉันได้รึยัง” นางพูดออกมาด้วยความเขินอาย ข้าก็รีบปล่อยนางออกทันทีตอนที่ข้าปล่อยนางขัารับรู้ถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงแสดงว่าข้ากอดนางเป็นเวลานานพอสมควร
“ของคุณนะ” เอลซ่าก้มหน้าและเปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งแล้วพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มตัวเองให้สูงถึงไหล่ของนาง
“เอ่อ...ข้าขอโทษ” ข้าพูดออกไปด้วยความรู้สึกผิดและรู้สึกอายด้วย
“ไม่เป็นไรหรอก” นางพูดออกมาเบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน
“แล้วข้ากอดเจ้านานไหม” นี่ข้าพูดอะไรออกไปถึงอยากรู้ก็ไม่น่าถามนะเห้ย
“ตั้งแต่ตีสี่” นางเงยหน้าขึ้นมาแล้วเสยผมแล้วหันมามองข้า
“ทำเจ้าไม่ขัดขืนละ” ข้าถาม
พอข้าถามเอลซ่าแต่ก็ไม่พูดอะไร นางก็ปลดกระดุมเม็ดบนสุดก่อนแล้วก็ไถลเสื้อข้างซ้ายไปกองที่ต้นแขนของนางเผยให้เห็นไหล่ขาวนวลน่าสัมผัส ซักพักนางก็ชี้ไปที่จุดๆหนึ่งบริเณไหล่ตรงบริเวณนั้นเป็นรอยช้ำพาดยาวเล็กๆ พอข้าเห็นรอยช้ำนั่นข้าก็ตกใจเล็กน้อย ซักพักเอลซ่าก็พูดขึ้นมา
“ก็พอฉันขัดขืนท่านก็กอดฉันแน่นขึ้น ยิ่งฉันขัดขืนมากเท่าไหร่ท่านก็ยิ่งกอดรัดฉันแน่นมากขึ้นเท่านั้น” เอลซ่าพูดขึ้นมาพร้อมกับดึงแขนเสื้อขึ้นที่เดิมพร้อมกับจดกระดุมเม็ดบนสุด
“แล้วท่านจะให้ฉันทำยังไงถ้าไม่ปล่อยให้ท่านกอดฉันไปเรื่อยๆ” เอลซ่าพูดต่อแล้วจ้องมาที่ข้า
“ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ตัวจริงๆนะ ว่าข้าทำแบบนั้นนะ” ข้าพูดตอบกลับไป
“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกเพราะว่า...” เอลซ่าพูดออกมาแล้วนิ่งไปซักครู่หนึ่ง
“เพราะว่า...เพราะว่าอะไรละ” ข้าคะยั้นคะยอถาม
“เพราะว่า....กอดของท่านอุ่นดี"”ประโยคหลังนางพูดเบาจนไม่ค่อยได้ยิน ข้าเลยขยับตัวเข้าไปใกล้นางเพื่อฟังให้ชัดๆ
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะข้าไม่ได้ยิน” ข้าถามนางอีกครั้ง
“ก็..ฉันพูดว่า กอด:ของ:ท่าน:อุ่น:ดี” เอลซ่าตอบกลับมาโดยเน้นคำพูดทีละคำอย่างชัดเจน พอนางพูดเสร็จก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอง ข้าก็ยิ้มออกมากับการกระทำของนาง พอข้ากำลังจะลุกออกมาจากเตียงข้าก็ได้ยินเสียงนางสะอื้นเบาๆ
“ฮึก(เสียงสะอื้น)...ฮึก”
“นี่เอลซ่าเจ้าเป็นอะไร” ข้าถามไปด้วยความเป็นห่วง
“ฉัน...ฮึก...ฉันไม่รู้” นางตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
“เอลซ่าใจเย็นๆค่อยๆคิด” ข้าคอยปลอบนาง ตอนนี้ข้ารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันรู้สึกกังวลเรื่องของเราเมื่อคืน” นางพูดออกมาแล้วสะอื้นเป็นพักๆ
“เมื่อคืนข้าแค่กอดเจ้านะ ข้าไม่ได้ทำอะไรมิดีมิร้ายเจ้าซักหน่อย” ข้าพูดเพื่อให้นางสบายใจ
“ที่ฉันกังวลเรื่องเรานอนกอดกันไงละแจ็ค” เอลซ่าพูดกลับมาด้วยความรู้สึกเศร้ากว่าเดิม
“ทำไมละ” ข้าขยับเข้าใกล้นางพร้อมกับถาม
“ก็...ก็...ฉันเป็นผู้หญิงนะ แค่มีผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรด้วยนอนบนเตียงเดียวกันมันก็ผิดแล้ว” นางตอบกลับมา แต่เสียงนางตอนนี้เหมือนจะร้องไห้
“อีกอย่างเรานอนเตียงเดียวกันไม่พอ พวกเราเรายังกอดกันอีก ถ้ามีใครมาเห็นเข้า มันเสียหายท่านรู้ไหม” เอลซ่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่เป็นภาษา
“อีกอย่าง...ฮึก...อีกอย่าง” เอลซ่ากำลังพูดต่อ แต่ดูเหมือนร่างกายข้าจะไปก่อนความคิดข้าคว้านางเข้ามากอดโดยที่นางยังร้องไห้อยู่
“แจ็คท่านทำอะไรนะ” นางถามกลับมาด้วยความตกใจ
“เอลซ่า” ข้าพูดออกมาเบาๆ
“คะ?” นางตอบกลับมาด้วยน้ำเสีที่สะอื้นเล็กน้อย
“เจ้าอย่าร้องไห้นะ” ข้าพูดออกไป
“...ฮึก...” ตอนนี้นางสะอื้นเป็นพักๆ ข้าก็กอดนางแน่นขึ้นเล็กน้อย
“เอลซ่า...เวลาที่เจ้าร้องไห้ เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกอย่างไร” ข้าพูดออกไปโดนที่ไม่คิด
“ฉันไม่รู้” นางพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าใจ
“ข้าก็รู้สึกเศร้าตามไปด้วยเวลาที่เจ้าร้องไห้นะสิ” ข้าตอบนางกลับไปก่อนที่จะพูดต่อ
“ฮึก...ทำไมละ” นางถามมาด้วยความสฃสัย
“เพราะข้าไม่อยากเห็นเจ้าเศร้าเสียใจไม่ว่าเรื่องใดๆ” ข้าพูดเสร็จ
“ข้าขอสัญญาหากเจ้ามีเรื่องอะไรที่เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ จำไว้นะข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ...เอลซ่า” ข้าพูดเสร็จก็คลายกอดนาง แล้วเช็ดน้ำตาที่เปื้อนหน้าออกให้
“ถึงเหตุผลอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่มันคือความจริงนะเอลซ่า” ข้าพูดออกไปพรัอมกับช้อนคางของเอลซ่าเข้ามาใกล้ๆ
“เหตุผลนั่นก็เพราะ” ข้ายื่นหน้าไปจุมพิตที่เปลือกตาของนางเบาๆ พอข้าจูบเสร็จก็กลับมาที่เดิม
“เพราะว่าข้ารักเจ้ายังไงละเอลซ่า” พอข้าพูดเสร็จนางก็หน้าแดงราวกับลูกมะเขือเทศที่สุกงอม ในที่สุดข้าก็บอกความในใจของข้าให้นางฟังเสียที ส่วนนางจะรับรักข้าไหมนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
“ขอบคุณนะ แจ็ค” เอลซ่ายิ้มออกมาพร้อมกับคำขอบคุณ
“ขอบคุณนะที่จะอยู่เคียงข้างฉันเวลารู้สึกไม่สบายใจ” นางพูดต่อดูเหมือนตอนนี้นางจะหยุดร้องไห้แล้ว
“อีกอย่างนะฉันก็...ฉันก็...” ดูเหมือนนางจะประหม่า เพราะตอนนี้มือของนางเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้นางเอามือมากุมแขนตัวเองบ้าง ม้วนผมของนางบ้าง ดูน่ารักดี
“ฉันก็...อะแห่ม(เสียงใครคนหนึ่งพูดแทรก)” ตอนที่เอลซ่ากำลังพูดบางอย่างเราก็ได้ยินเสียงคนๆหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา เราก็รีบหันไปดูปรากฏว่าคนๆนั้นคือน้องสาวเพียงคนเดียวในครอบครัวของเอลซ่า อันนา
Elsa Snow Queen :
หลังจากที่แจ็คบอกความในใจของเขาใหัฉันฟัง ฉันก็พยายามจะบอกความในใจของฉันให้แจ็ครู้เช่นกัน แต่ดันมีเสียงเสียงหนึ่งพูดแทรกเข้ามาก่อน
“อะแห่ม” พอเราได้ยินเราทั้งคู่รีบหันไปดูปรากฎว่าเป็นนัองสาวเพียงคยเดียวของฉัน อันนาตอนนี้เธอนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของฉัน
“อะ..อะ..อันนา” ฉันพูดชื่อน้องสาวของฉันออกไป นี่น้องสาวฉันเข้ามาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเห็นการกระทำที่ฉันทำไปไหม เธอเห็นแจ็ครึเปล่า ตอนนี้มีคำถามมากมายอยู่ในหัวฉัน ซักพักอันนาก็พูดออกมา
“ก็ว่าทำไมพี่เอลซ่าไม่ออกมาจากห้องซะที ที่แท้ติดหมอนข้างใบใหม่นี่เอง” อันนาถามมาแบบนี้แสดงว่าเธอเห็นแจ็คจริงๆ แต่เธอเชื่อว่าเขามีตัวตนจริงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้ช่างมันก่อนรอดูสิว่าอันนาจะทำอะไรต่อ พออันนาแขวะฉันเสร็จเธอเอียงหัวไปซ้ายทีขวาทีพร้อมกับยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
“เป็นไงบ้างคะ หมอนข้างใบนี้กอดแล้วอุ่นไหม(คำว่าไหมเสียงสูง)?” อันนายิ้มแบบเดิมแล้วถามกลับมา
“ก็เย็นสบายดี เวลากอด” คำพูดนั้นฉันไม่ได้พูด แต่เป็นแจ็คที่พูดออกมา พอพูดเสร็จเขาก็หันมามองฉันต่อ
“เจ้าก็คิดอย่างงั้นใช่ไหมเอลซ่า” แจ็คหันมาถามพร้อมกับยิ้มทะเล่นออกมา ด้วยความเขินอายฉันจึงตบเขาไปเบาๆ
“ป๊าบ(เสียงฝ่ามือกระทบที่หลังอย่างรุนแรง)” ฉันตบเบาๆจริงนะ
“คนบ้า” ฉันสบถออกไปโดยที่ตอนนี้แจ็คก็เอามือกุมแผลเอาไว้อยู่ พอพูดเสร็จฉันก็ลุกออกจากเตียงเดินไปหาอันนา
“อันนาพี่ว่าเราไปคุยเรื่องนี้กันที่ห้องของน้องดีกว่าไหม” ฉันถามอันนา แต่ดูเหมือนว่าอันนาจะไม่ได้ฟังฉัน อันนาชี้ไปที่ข้างหลังฉันก็หันไปดูเห็นแจ็คกำลังเดินมา ฉันก็กำลังเดินหนีแต่ติดอันนาอยู่เลยไปไหนไม่ได้ แจ็คก็สวมกอดที่เอวฉันก่อนที่จะยกฉันขึ้น
“แจ็คปล่อยนะ” ฉันก็ดิ้นไปดิ้นมาในอ้อมกอดของเขา แต่ดูเหมือนแจ็คจะไม่ฟังเขายกฉันและนั่งลงบนเตียงแล้วให้ฉันนั่งบนตักเขาส่วนฉันฉันก็ดิ้นต่อ
“แจ็คปล่อยสิ” ฉันหยุดดิ้นและเปลี่ยนเป็นพยายามแกะมือเขาแทน แจ็คก็ค่อยๆโน้มหน้ามากระซิบที่หูฉันเบาๆว่า
“ถ้ายังขัดขืนข้าจะจูบเจ้าต่อหน้าน้องเจ้าแน่” พอฉันได้ยินแบบนั้นฉันก็หน้าแดงเลยทำอะไรไม่ถูกก็เลยนิ่งไป
“หวานกันจังนะคะ” อันนาพูดขึ้นมา
“ขนาดน้องกับคริสตอฟจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ยังไม่เคยทำอะไรหวานเท่าท่านพี่เลยนะคะ” อันนาพูดต่อเชิงหยอกล้อ
“พอเลยอันนาเข้าเรื่องดีกว่า” ฉันพูดออกไป
“น้องเข้ามาห้องพี่ต้องมีอะไรแน่ บอกพี่มา” ฉันถามอันนาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แต่สภาพที่ฉันอยู่ตอนนี้คือแจ็คกอดเอวและพาดคางของเขาไว้บนไหล่ฉันอยู่
“ตอนแรกน้องจะมาตามท่านพี่ไปทานอาหารเช้าคะ แต่พอน้องเข้ามาเห็นพวกพี่นอนกอดกันอยู่ก็เลยไม่อยากปลุก” อันนาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสในแบบของเธอ
“นี่น้องเข้ามาในห้องพี่ตั้งแต่ตอนไหนนะ” ฉันถามกลับไปด้วยความตกใจ
“ก่อนที่พวกพี่จะตื่นคะ” อันนาตอบกลับมา
“งั้นเจ้าก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในห้องใช่ไหม” แจ็คตอนนี้ที่เอาคางมาพาดบนไหล่ฉันพูดขึ้นมา
"คะ ทุกเหตุการณ์ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ และทุกอย่างเลย
“แล้วพี่เอลซ่าคะ คนที่อยู่ข้างหลังพี่ชื่ออะไรคะ” อันนาถามมาพร้อมกับเอียงคอถาม
“พี่แนะนำให้น้องรู้จักไปแล้วนะอันนา…เมื่อสองวันก่อนน่ะ” ฉันตอบคำถามอันนากลับไป อันนาก็คิดสักครู่หนึ่งแล้วก็นึกออก
“แจ็ค ฟรอสต์ ใช่ไหมคะ” พอแจ็คได้ยินก็ยิ้มออกมา
“แล้วพี่แจ็คคะ พี่มีความสามารถเหมือนพี่เอลซ่ารึเปล่าคะ?” ดูเหมือนน้องฉันจะสงสัยเลยถามไปแบบนั้น
“เจ้าอยากรู้เหรอ” แจ็คถามขึ้นมา อันนาก็พยักหน้าตอบ
“ก็ได้” แจ็คพูดออกมาพอเขาพูดเสร็จก็วางฉันลงบนเตียงแล้วยืนขึ้น เขาบิดขี้เกียดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเริ่ม
แจ็คยื่นมือไปด้านข้างทำท่าจะคว้าอะไรบางอย่าง จู่ๆไม้เท้าของเขาที่วางอยู่บนก็เริ่มสั่นเบาๆแล้วมันก็ลอยอย่างรวดเร็วไปที่มือของเขา พอแจ็คจับไม้เท้าได้เขาก็ควงมันอย่างรวดเร็ว ทวงท่าตอนที่เขาควงไม้เท้ามันช่างดูสวยงาม ดูสง่า และดุดัน พอเขาควงแล้วหมุนตัวได้รอบสองรอบเขาก็เอาไม้ปักลงบนพื้น เกิดแสงเจิดจรัสบนพื้นห้องและสุดท้ายมันก็กระจายไปทั่วห้อง พอแสงหายไป ทั่วทั้งห้องจากเดิมที่ตกแต่งไปด้วยหินอ่อนและไม้ ตอนนี้มันกลับมีน้ำแข็งออกมาเป็นลายดูสวยงามมิใช่น้อย ฉันกับอันนาก็จ้องมองไปรอบๆห้อง ชื่นชมกับฝีมือของแจ็ค
“คราวนี้มีอะไรจะถามอีกไหม” แจ็คพูดขึ้นมาก่อนที่จะพิงไม้อย่างสบายใจ
“นี่ๆพี่แจ็ค” อันนาทักเชิงสนิทสนม
“หืม?” แจ็คก็ขานตอบ
“ทำไมพี่ต้องควงไม้เท้าก่อนเสกด้วยละ” อันนาเอนหัวถาม
“อ้อที่ข้าทำก็เพราะข้าต้องใช้เวลานึกภาพนะ” แจ็คตอบกลับไป
“ถ้าข้ามีภาพอยู่ในหัวอยู่แล้วข้าทำแค่นี้ก็ได้” แจ็คพูดเสร็จก็บิดไม้เท้าที่ปักอยู่บนพื้นไปมา ระหว่างที่เขาบิดลวดลายต่างๆก็ค่อยๆเปลี่ยนบางทีก็มีตุ๊กตาหิมะโผล่ออกมาบ้าง สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆบ้างสุดท้ายเขาก็หยุดบิดไม้เท้า ตอนนี้พื้นห้องของฉันระหว่างเตียงของฉันถึงเก้าอี้ที่อันนานั่งอยู่ปรากฏเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งออกมา ฉันกับอันนาก็จ้องมองดูลายละเอียดของมัน ซักพักฉันก็นึกออกว่านี่คือเมืองอะไร
“นี่พี่/ท่านรู้ผังเมืองนี้ได้ยังไง” ฉันกับอันนาพูดพร้อมกัน
“นี่ๆข้าอยู่นี่กี่วันแล้วละ และอย่าลืมสิข้าเป็นภูติข้าไม่ใช่มนุษย์ แค่เห็นอะไรก็จำรายละเอียดได้แล้วถ้าข้าอยากจะจำน่ะ” แจ็คพูดออกมา
“ท่านไม่ใช่มนุษย์หรอกเหรอ” อันนาถามขึ้นมา
“ใช่” แจ็คตอบ พอแจ็คตอบเสร็จอันนาก็จ้องมาที่ฉันแล้วยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
“ฮัด ชิ่ว” อันนาจามออกมา
“อ้าวหนาวไปเหรอ งั้นข้าจะเปลี่ยนเป็นเหมือนเดิมเลยละกัน” แจ็คพูดเสร็จก็กระทุ้งไม้ลงบนพื้นอีกครั้ง คราวนี้เหล่าหิมะและน้ำแข็งค่อยๆละลายและละเหยหายไป
“แค่นี้น่าจะโอเคแล้วละมั้ง” แจ็คพูดขึ้นมาก่อนที่จะยกไม้เท้าติดตัวมาด้วยและมานั่งข้างๆฉัน ฉันก็จะขยับไปข้างๆแต่แจ็คก็เอาไม้เท้าเกี่ยวเอวของฉันไม่ให้ไปไหน ซักพักอันนาก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า
“น้องว่าพี่สองคนน่าจะลองคบกันดูนะคะ” อันนาพูดขึ้นมาทำเอาฉันกับแจ็คหน้าแดงไปทั้งคู่
“ทำไมละอันนา” ฉันถามกลับไปด้วยความสงสัยปนความเขินอาย
“ก็พี่สองคนดูเหมาะสมกันจะตาย มีพลังเหมือนกัน หน้าตาก็ดีเหมือนกัน ฉลาดพอกัน ดีไม่ดีอาจซ่อนรูปเหมือนกันอีกก็ได้นะ” อันนาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข โถ่น้องสาวฉัน
“แล้วน้องรู้ได้ไงว่าพี่กับแจ็คซ่อนรูป” ฉันถามพร้อมกับก้มหน้า
“ขอองท่านพี่น้องพึ่งรู้เมื่อวานคะ ส่วนพี่แจ็คเดาๆเอา” อันนาตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มมาทางฉันแล้วก็หันไปทางแจ็ค
“พี่แจ็คเห็นทุกสัดส่วนของท่านพี่เอลซ่าแล้วอะดิ” อันนาถามแจ็คบ้างแจ็คดูเหมือนจะเขินกับคำถามเขาก็เลยเกาหัวเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเห็นแล้ว
“ข้าไม่เคยหรอก ถึงข้าจะอยากเห็นแค่ไหนก็ต้องให้นางเต็มใจให้ข้าดูเท่านั้น ถ้านางไม่เต็มใจข้าก็ไม่ทำ” แจ็คตอบคำถามอันนาไปอันนาก็ดูเหมือนพอใจกับคำตอบเลยยิ้มอย่างพอใจ
“สุภาพบุรุษจังนะคะ” อันนาพูดออกมาก่อนที่พูดต่อ
“น้องเห็นหุ่นพี่เอลซ่าแล้ว น้องอยากเห็นว่าที่สามีของพี่เอลซ่าบ้างอะ” อันนาพูดอออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“ว่าท่งว่าที่สามีอะไรเล่าอันนา” ฉันรีบตอบสวนกลับไปแต่
“แล้วเจ้าอยากดูไหมละเอลซ่า” แจ็คหันมาถามฉันแต่ไม่เขารอฟังคำตอบ เขาค่อยๆดึงเสื้อตัวเองขึ้นส่วนฉันทำไง ก็ดึงเสื้อเขาลงนะสิ
“ตาบ้า น้องฉันยังอยู่อายบ้างไหม” ฉันพูดเสร็จก็ดึงเสื้อแจ็คลงที่เดิม
“ก็ได้ๆข้าแค่แกล้งเจ้าเฉยๆ” แจ็คพูดขึ้นมาแล้วเราก็หันไปที่อันนาต่อ อันนาก็จ้องฉันกับแจ็คสลับไปมาก่อนที่จะพูดบางอย่าง
“งั้นน้องไปรอท่านพี่ที่ห้องอาหารนะคะก่อนนะ” อันนาพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกประตูไป แต่ก่อนที่อันนาจะปิดประตู เธอก็พูดบางอย่าง
“อีกอย่างนะคะ ถ้าพี่แจ็คจะจีบพี่เอลซ่าหนูสนับสนุนเต็มที่นะคะ” พออันนาพูดเสร็จก็ปิดประตู ตอนนี้ในห้องเหลือแต่ฉันกับแจ็คกันแค่สองคน
.
.
.
.
.
.
To Be Continued
………………………………………………………………………………………………………
จบไปแล้วนะครับสำหรับ Chapter 8 : Promise ผมแต่งไปแต่งมาอยากเปลี่ยนชื่อตอนยังไงชอบกล เนื้อเรื่องเริ่มขยับไปนิดหน่อยแล้วละครับ ตัวเอกบอกรักตัวนางแบบตรงๆแล้วส่วนตัวนางจะบอกตอนไหนนั้นลุ้นเอาเองนะครับ
ตอนนี้ก็ใกล้ตามเป้าหมายที่ผมวางไว้แล้วนะครับ น่าจะอีกไม่กี่ตอนก็จะถึงตอนจบ นะครับ ขอขอบคุณ คุณ Papermail มากนะครับที่คอยแนะนำข้อเสนอเล็กๆน้อยๆให้ และวางแผนจะลองแต่งข้ามฟิคกันดูนะครับ แต่คาดว่าคงอีกนานเพราะว่ายังไม่ว่างกันทั้งคู่ครับ คนอื่นๆก็ต้องขอบคุณด้วยนะครับที่ติดตามกันมาถึง 8 ตอนนะครับ สำหรับตอนนี้ขอลาไปก่อนนะครับ
สวัสดีครับ
Spoil Chapter 9 : Always
“ ต่อให้โลกนี้เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของข้าที่มีให้เจ้าก็ไม่มีวันเปลี่ยน
ต่อให้เจ้าจะเกรียดข้ายังไง ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ
ต่อให้เจ้าเจ็บป่วยหรือตายไป ข้าก็จะอยู่กับเจ้าจนถึงวันนั้น
ทำไมนะหรือ ก็เพราะว่า ข้าสัญญากับเจ้าไว้ว่าข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป ”
ความคิดเห็น