ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I want to see you again

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 : Like or Love (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 57


     ความชอบกับความรักมันแตกต่างกันอย่างไร ไม่มีใครรู้
    บางคนเขาว่า
    ความชอบคือการเริ่มต้นที่จะเริ่มมีความรัก
    และไม่มีใครนิยามว่าความรักคืออะไร
    มีแต่เพียงเจ้าที่จะทำให้ข้ารู้ว่า
    ความรักมันคืออะไร”

                                                                                     Jack Frost

    ……………………………………………………………………………..

    Jack Frost :

    หลังจากที่ข้าอนุญาตให้เอลซ่านอนพักผ่อนได้ เพราะข้าเห็นนางสัปหงกหลายครั้ง ตอนนี้นางหลับไปแล้ว ข้าก็ลอยไปเรื่อยๆระหว่าที่ข้าลอยอยู่ข้าก็ก้มมองนางเป็นระยะๆ ตอนนี้นางนอนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและผ่อนคลาย เวลาดูแล้วทำให้ข้ารู้สึกสงบไปด้วย ข้าไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้มากี่ปีแล้วนะ 10 ปี หรือ 20 ปี แต่ช่างมันก่อน ข้าอยากอยู่แบบนี้ซักพัก และตอนนี้ข้าไม่อยากให้ช่วงเวลานี้หายไปเลย ข้าอยากจะหยุดช่วงเวลาตอนนี้ไว้ ข้าอยากมองใบหน้าของนางให้นานกว่านี้ และช่วงเวลานั้นข้าก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ซักพักร่างกายของข้ากลับขยับไปเอง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรและข้ารู้ตัวอีกที ข้าก็ก้มหน้าประทับริมฝีปากของข้าไปสัมผัสกับหน้าผากของนางเบาๆซะแล้ว ถึงแม้สัมผัสกันเพียงชั่วครู่ข้าก็รับรู้ถึง กลิ่นที่หอมราวกลับบุพผายามเบ่งบานตอนรุ่งสางจากตัวของนาง กลิ่นของนางนั้นช่างเหมือนกับกลิ่นของดอกกุหลาบสีขาว ถึงแม้ว่าดอกกุหลาบสีขาวนั้นจะมีกลิ่นที่เบาบางเวลาดมครั้งแรก แต่กลิ่นของมันจะติดอยู่ที่ปลายจมูกเสมอ ข้าก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น จนเสียงของนางปลุกข้าจากภวังค์
     

    “อื๊อ” นางส่งเสียงออกมาเบาๆก่อนที่จะขยับตัวและนางก็นำใบหน้านั้นมาซบที่อกของข้าเสียนี่ ซบเฉยๆข้าไม่ว่าอย่างเอาหน้ามาไซ้ตรงอกข้าแบบนี้สิ ข้าว่าตอนนี้ตอนนี้ข้าต้องหน้าแดงแน่ๆเพราะข้ารู้สึกถึงความอุ่นบนใบหน้าข้า
     

    ข้าก็ได้แต่ลอยไปข้าหน้าช้าๆ พร้อมด้วยใบหน้าที่แดงอยู่นั่น ซักพักนางก็ขยับตัวอีกครั้งกลับเป็นท่าตอนที่ข้าอุ้มนางมาตอนแรก ข้าก็พูดออกมาเบาๆว่า
     

    “แหม ดิ้นอย่างกับแมวเลยนะครับ องค์ราชินี” ข้าพูดออกมาเบาๆโดยไม่ให้ใครได้ยิน
     

    ……..” มีแต่ความเงียบตอบกลับมาหากไม่นับเสียงนกบริเวณนั้น แน่สิตอนนี้เอลซ่า นางกำลังนอนอยู่บนแขนของข้าแล้วนางจะตอบได้ยังไง
     

    ตอนนี้ข้าก็พานางมาถึงที่ห้องของนางแล้ว ข้าก็ก้มมองใบหน้าของพร้อมกับยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ข้าจะพูดออกมาเพื่อปลุกนาง
     

    “ตื่นได้แล้วครับ องค์ราชินี” ข้าปลุกนางด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใย
     

    “อืม(นางค่อยๆลืมตาตื่น)ถึงแล้วเหรอ(หาว)” นางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังง่วงอยู่ นางขยี้ตาตัวเองและตามด้วยบิดขี้เกียจบนแขนข้าซึ่งตอนนี้ข้าอุ้มนางในท่าเจ้าสาวอยู่
     

    ข้าเดินไปที่เตียงนอนของนางเพื่อจะวางนางลงบนเตียงของนางก่อนที่นางจะมาถามข้า
     

    “นี่ท่านจะทำอะไร” นางถามข้าด้วยสีหน้าที่ตกใจ
     

    “แค่วางเจ้าลงเฉยๆ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าเกินเลยหรอก” ข้าตอบคำถามนางพร้อมกับยิ้มออกมา และเดินไปที่เตียงของนางและวางนางลงบนตียงเบาๆ
     

    “ขอบคุณนะ” นางกล่าวขอบคุณข้า พอข้ามองเห็นนางข้าถึงกับหน้าขึ้นสี ลองนึกภาพตาม หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียง คนนั้นมีผิวขาวราวกับหิมะ หน้าเรียวได้รูป กำลังยิ้มและเอียงคอพยักหน้านิดๆ และกล่าวขอบคุณ มันช่างดูน่ารักซะไม่มี
     

    “แจ็ค ท่านเป็นอะไรรึเปล่า หน้าท่านดูแดงๆนะ” นางถามข้าด้วยความเป็นห่วง
     

    “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เอลซ่า ข้าแค่เมื่อยนิดหน่อย ข้าอุ้มเจ้ามาตั้งไกล จะเหนื่อยจนหน้าแดงข้าว่ามันก็ไม่น่าแปลกหรอก” ข้าตอบนางกลับไปและอ้างเรื่องอื่นๆไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะถามนางว่า
     

    “แล้วเจ้าเดินไหวไหม” ข้าถามนาง
     

    “จะลองยืนดูละกัน” พอนางพูดเสร็จนางก็จะพยายามลุกขึ้น ข้าก็เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อประคองตัวนาง หรือรับนางหากนางยังยืนไม่ไหวจริงๆ
     

    “โอ๊ย” พอนางยืนและทิ้งน้ำหนักลงบนเท้าทั้งสองของนาง นางก็ร้องขึ้นมาและทรุดตัวลงตามที่ข้าคิดไว้จริงๆ ข้าก็พยุงตัวนางไว้ไม่ให้ตก
     

    “แล้วนี่ฉันจะเดินลงไปข้างล่างยังไงละ” นางบ่นขึ้นมาเบาๆตอนที่มองข้อเท้าตัวเองและนางก็หันหน้ามาหาข้าด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อย
     

    “งั้นเดี๋ยวข้าจะล็อคข้อเท้าเจ้าให้ละกัน” ข้าพูดขึ้น
     

    “แล้วมันเจ็บไหม” นางถามข้าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
     

    “ก็เจ็บนิดหน่อย แต่ถ้าเสร็จแล้วเจ้าก็เดินได้ตามปกติแต่จะปวดหน่อยๆ” ข้าตอบคำถามนางก่อนจะถามนาง
     

    “เจ้าพอมีผ้าที่ยาวๆบางๆไหม” ข้าถามนาง
     

    “มีสิ อยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานฉันเอง” นางตอบ พอนางพูดเสร็จข้าก็เดินไปที่โต๊ะของนางพบว่ามันมีอยู่ 5 ลิ้นชัก ความจริงข้าจะไล่เปิดทีละอันก็ได้ แต่ข้าไม่อยากยุ่งของส่วนตัวเลยไม่จำเป็น ข้าเลยคิดว่าหันกลับไปถามนางจะดีกว่า
     

    “เอ่อลิ้นชักอันไหนเหรอ? เอลซ่า” ข้าหันหลังกลับมาถามนาง
     

    “อันกลางคะ อยู่มุมขวา” นางบอกตำแหน่งซะละเอียด พอข้าเปิดลิ้นชักขึ้นมาก็มีอยู่จริงๆด้วย ข้าเลยหยิบมันออกมาและปิดตามเดิม
     

    พอข้าได้ผ้ามาแล้วข้าก็เดินกลับไปหานางและนั่งคุกเข่ายกเท้าของนางขึ้นและจับข้อเท้าของนาง

    “โอ๊ย” นางร้องออกมาเบาๆแต่ข้าก็ได้ยิน
     

    “ทนเจ็บหน่อยนะ แป๊ปเดียวก็เสร็จแล้ว” ข้าพูดปลอบพร้อมกับมองไปที่หน้านาง
     

    “คะ” นางตอบพร้อมกับพยักหน้า
     

    ข้าก็เริ่มล็อคข้อเท้านางพอข้าจับข้อเท้านาง ข้าบิดข้อเท้าของนางให้กระดูกเข้าที่เสียก่อน ระหว่างที่ข้าหมุนข้อเท้าของนางนางก็ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะๆ จะสุดท้ายข้อเท้าของนางก็เข้าที่ พอข้าจัดข้อเท้านางเสร็จแล้ว ข้าก็นำผ้าที่ได้จากโต๊ะของนางมาพันข้อเท้าให้ ระหว่างที่พันข้อเท้าข้าก็ชวนนางคุยไปด้วย
     

    “นี่ เอลซ่า” ข้าทักนาง
     

    “ค๊ะ?” นางตอบกลับด้วยความสงสัย
     

    “รู้สึกยังไงบ้าง ตอนที่ข้าล็อคข้อเท้าให้” ข้าเริ่มต้นถามคำถาม
     

    “ก็เจ็บนิดหน่อยอย่างที่ท่านบอกนั่นแหละ” นางตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
     

    “งั้นเหรอ? ข้านึกว่าเจ้ารู้สึกเสียวซะอีก ก็เห็นเจ้าครางซะ” ข้าพูดออกไปเพื่อที่จะได้ให้นางหัวเราะพร้อมกับหัวเราะเบาๆ 
     

    “บ้า ใครจะไปรู้สึกอย่างนั้นละ” นางตอบกลับมาพร้อมกับตีเข้าที่ไหล่ของข้าเบาๆทำเอาข้าเซเล็กน้อย ซักพักข้าก็พันข้อเท้านางเสร็จ
     

    “เสร็จแล้ว ไหนลองขยับข้อเท้าสิ” พอข้าพันเสร็จข้าก็ปล่อยข้อเท้านางลง และข้าก็ได้บอกให้นางลองขยับข้อเท้าดู นางก็ลองขยับดูปรากฏว่านางขยับได้
     

    “ทีนี้ลองลุกขึ้นยืนดูสิ” ข้าบอกให้นางลองลุกขึ้นยืน และข้าก็คอยประคองตอนนางลุกขึ้นยืน ตอนนี้นางยืนได้โดยไม่เซไปเซมา พอนางยืนได้นางก็หันหน้ามายิ้มให้ข้า ข้าก็ยิ้มตอบนางกลับไปก่อนที่จะเริ่มบอกนางต่อ
     

    “โอเค ไม่มีปัญหาลองเดินดูสิ” ข้าบอกนางไปอีกครั้ง นางพยักหน้าตอบแล้วก็เดินไป
     

    “ไงเดินได้แล้วใช่ไหม” ข้าถามนาง
     

    “ใช่เดินได้แล้วถึงจะรู้สึกปวดหน่อยๆก็เถอะ” นางหันหลังกลับมาก่อนที่จะส่งยิ้มและตอบกลับมา  

    “ขอบคุณนะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างไรดี” นางตอบกลับมา
     

    “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้” ข้าโบกมือเชิงปฏิเสธ
     

    “เอาน่ายังไงฉันต้องตอบแทนบุญคุณท่านอยู่แล้ว งั้นไว้เมื่อนึกออกเมื่อไหร่ฉันจะบอกนะ” เอลซ่าบอกกับข้า
     

    “อ้อ อย่าลืมเอาน้ำแข็งประคบด้วยละ” ข้าบอกกับนาง
     

    “ฉันไม่ลืมหรอก จริงสิ ท่านอยากดูอะไรหน่อยไหม” นางถามข้า
     

    “มีอะไรน่าสนใจเหรอ” ข้าถามกลับ
     

    “เอาน่าลองไปดูสิ” นางพยายามให้ข้าตามนางไป
     

    “เอาสิไปก็ได้” สุดท้ายข้าก็ยอมนางและตามนางไป

     

    Elsa Snow Queen :

    ตอนนี้ฉันเดินนำแจ็คไปที่หน้าปราสาทเพื่อดูอะไรบางอย่าง ตอนนี้เราเดินข้างกัน แต่ดูเหมือนแจ็คจะยอมเดินตามฉันมา ซึ่งปกติฉันจะเห็นเขาลอยตามฉันเสียมากกว่า
     

    ความจริงฉันอยากให้ของตอบแทนคำขอบคุณของฉันเพราะเขาช่วยฉันหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องที่ช่วยฉันตกแต่งปราสาทน้ำแข็งของฉัน ช่วยชี้ทางฉันออกจากฝูงชน อุ้มฉันมาส่งถึงปราสาทเพราะฉันเดินกลับเองไม่ได้ และสุดท้ายเขายังช่วยล็อคข้อเท้าฉันอีก ทั้งหมดก็ดูโอเค ถ้าไม่มีเรื่องนี้เรื่องเดียว แค่เรื่องเดียว คือเรื่องที่จู่ๆมาจูบฉันเพราะฉันเสียงร้องดังเกินไป มันไม่สมเหตุสมผลกันเลย ฉันต้องเสียจูบแรกเพราะฉันเสียงดังเนี่ยนะ แต่ทำไมฉันถึงจูบตอบเขากลับนี่สิแปลกกว่า ตอนนี้ฉันเริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเองจนแจ็คสังเกตถึงสิ่งผิดปกติ
     

    “เจ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ? เอลซ่า” แจ็คสะกิดไหล่ฉันพร้อมกับถามฉันด้วยความสงสัย

    “เรื่องไม่สบายใจ…..ฉัน…..ฉันเนี่ยนะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับชี้นิ้วมาที่
    ตัวเอง

     

    “ก็ใช่นะสิตอนนี้มีแค่เจ้ากับข้านะ จะมีใครที่ไหนอีกละ” แจ็คตอบกลับมา ก่อนจะถามฉันต่อ
     

    “สรุปเจ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายเหรอ” เขาถามฉันด้วยคำถามเดิม
     

    “ก็มีอยู่เรื่องเดียว เรื่องที่หน้าหลุมศพของท่านพ่อกับท่านแม่นะ” ฉันตอบเขากลับพร้อมกับก้มหน้าของฉันลง (จะไม่ให้ก้มได้ไงก็เรื่องนี้มันน่าอายนี่นา o/////o ) ดูเหมือนเขาจะหน้าขึ้นสีเหมือนกันเวลาฉันพูดเรื่องนี้
     

    “ก็….ก็ ข้าขอโทษเจ้าแล้วไง” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก
     

    “ถึงอย่างไรก็เถอะ ท่านไม่ควรทำอย่างนั้นนะ ยิ่งหน้าหลุมศพของท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย” ฉันพูดกับเขาต่อโดยพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด แต่ตอนนี้หัวใจฉันกลับเต้นแรงแถมหน้าของฉันแดงขึ้นด้วย
     

    “ทำไมเหรอ กลัวพวกท่านเข้าใจผิดว่าเราเป็นอะไรกับหรือไง” เขาดันตอบได้ตรงตามความคิดฉันอีก พอฉันได้ยินคำตอบจากเขาฉันก็ได้ถามเขาต่อ
     

    “ทำไม่ท่านถึงรู้ละว่าฉันคิดอะไร” ฉันถามเขาด้วยความสงสัย
     

    “ก็เจ้าเป็นผู้หญิงไม่ใช่ มันมีไม่กี่เรื่องหรอกที่ผู้หญิงกังวลนะ” เขาตอบฉัน และคำถามต่อไปนี้ไม่รู้ฉันกล้าถามกับเขาไปได้ยังไง
     

    “แล้วท่านละ ท่านรู้สึกอย่างไรตอนที่ท่าน………….จูบฉัน” ฉันกำลังจะถามเขาและฉันก็เงียบไปสักพักก่อนพูดออกมาเบา ไม่รู้ว่าเพราะปากไปไวกว่าความคิดหรือฉันคิดช้าฉันเลยถามเขาออกไปแบบนั้น
     

    ซึ่งตอนนี้ฉันบ่นกับตัวเองในใจว่า “เธอบ้าไปแล้วเอลซ่า เป็นสาวเป็นแซ่ แถมยังเป็นถึงราชินี เธอกล้าไปถามผู้ชายอย่างนั้นได้ไงละ” ฉันบ่นกับตัวเองซักพักเขาก็ตอบกลับมา
     

    “ความรู้สึกของข้าเหรอ ขอข้านึกแปปนะ………..เอาความรู้สึกตอนนั้นหรือว่าเอาหลังจากนั้นละ” เขาถามฉันกลับ
     

    “ตอนไหนก็ได้ตามใจท่านเถอะ” ฉันตอบเขากลับไป ตอนนี้ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาแล้วฉันรู้สึกอายมาก
     

    “ตอนแรกข้ากะจะขู่เจ้าเล่น แต่พอเริ่มเท่านั้นแหละ จู่ๆข้าก็รู้สึกเหมือนอยู่อีกมิติหนึ่ง มันทำให้ข้าไม่รับรู้ว่าข้าทำอะไรกับเจ้าต่อ จนกระทั่งเจ้าจูบตอบนี่สิเล่นเอาข้าทำอะไรไม่ถูก” ดูเหมือนแจ็คจะอายเหมือนกันตอนที่ตอบคำถามฉัน เขาและเอาผ้าคลุมของเขามาคลุมหน้าพร้อมกับก้มหน้าลงและเลิกควงไม้เท้าเล่นเปลี่ยนมาเป็นถือธรรมดาแทน และเริ่มถามฉันต่อ
     

    “แล้วเจ้าละรู้สึกอย่างไร” เขาถามมาด้วยน้ำเสียงที่ฝังก็รู้ว่าตอนนี้เรารู้สึกแบบเดียวกัน
     

    “ฉันไม่รู้ ฉันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไม” ฉันเขาไปด้วย
     

    “อ้าวขี้โกงนิ” เขาเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบจากฉันพร้อมกับบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
     

    “ไม่ได้โกงก็ฉันอธิบายไม่ได้จริงๆนี่นา” ฉันรีบหันมามองตรงที่เขาอยู่ ปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ด้านข้างฉัน แล้วตอนนี้หายไปไหน? ฉันก็หยุดเดินและมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เจอเขา แจ็ค ฟรอสต์
     

    “ฮัลโหล” เขาลอยห้อยหัวมาทักฉันตรงหน้า
     

    “ว้าย!!!” ฉันตกใจจนลื่นล้ม ตอนนี้ฉันควรลงไปนั่งบนพื้นแล้วถ้าไม่มีไม้เท้าเขามาเกี่ยวเอวฉันไว้
     

    “นี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามฉันด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะกลับตัวมาเป็นปกติแล้วเดินมาหาฉันพร้อมกับปัดฝุ่นบนตัวฉันออกให้
     

    “แค่ตกใจนิดหน่อย ฉันไม่เป็นอะไรมาก” ฉันตอบเขาพร้อมกับเสยผมที่ปกหน้าตัวเองออกไปไว้ด้านข้าง
     

    “ดีแล้ว ข้ากลัวเจ้าจะข้อพลิกอีกข้าง” เขาพูดกับฉันและหัวเราะเบาๆ ใบหน้าปนหัวเราะที่เป็นเสน่ห์ของเขานี่ละที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ตอนนี้ฉันก็ได้ยิ้มออกมาบางๆ
     

    “เอลซ่าเป็นอะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว?” เขาถามมาด้วยความสงสัยพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่ทำไมหน้าฉันต้องแดงด้วยเนี่ย
     

    “ไม่เป็นอะไร………ฉัน…..ฉันสบายดี” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
     

    “ไม่เป็นอะไรได้ไง หน้าก็แดงเสียงก็สั่นไม่สบายรึเปล่า” แจ็ค ถามฉันด้วยความเป็นห่วง จู่ๆเขาก็เดินมาหาฉันพร้อมกับผลักหัวของฉันให้หน้าผากของฉันชนหน้าผากของเขา ซักพักเขาก็เอาหัวของเขาออกหางจากหัวฉัน ก่อนจะพูดออกมา
     

    “ตัวก็ไม่ร้อนนิ ทำไมหน้าแดงละ” เขาถามฉันอีกครั้ง
     

    “ก็ฉันบอกว่าไม่เป็นอะไรไง” ฉันขึ้นเสียงเล็กน้อยด้วยความอายก่อนเดินไปหน้าปราสาทอย่างไว
     

    “เฮ้ เดี๋ยวรอกันบ้างสิ” เขาตะโกนตามหลังฉันมาพร้อมกับวิ่งตาม
     

    ……………” ฉันเงียบไม่ตอบเขา ไม่รู้ว่าฉันอายหรือโมโหเขากันแน่ที่จู่ๆแจ็คก็เอาหน้าผากของตนเองมาชนหน้าผากฉัน
     

    พอฉันมาถึงหน้าปราสาทฉันก็หยิบนาฬิกาและมองมองมันดูเหมือนว่าฉันยังไม่พลาดนัด แล้วซักพักแจ็คที่เดินตามฉันมากก็มายืนคู่ฉันก่อนจะถามขึ้น
     

    “เจ้าให้ข้ามารอดูอะไรเหรอ” เขาถามฉัน
     

    “เอาน่าเดี๋ยวท่านก็รู้เอง” ฉันก้มมองนาฬิกาที่อยู่ในมือ พอฉันก้มมองก็มีเสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
     

    “ใกล้แล้วละ 3….2….1” ฉันนับถอยหลัง ส่วนแจ็คก็ยืนงงอยู่
     

    “พี่ค้าาาา ช่วยพวกหนูด้วย” เสียงตะโกนนี้ไม่ใช่ใครนี่เป็นเสียงของน้องสาวฉันเองอันนา ดูเหมือนน้องฉันคงไปแกล้งเจ้าตัวน้อยของฉันอีกแล้ว
     

             “เอ่อ………………..น้องเจ้าขอความช่วยเหลือ เจ้าไม่คิดจะไปช่วยหน่อยเหรอ” แจ็คหันมาถามฉันพร้อมกับชี้ไปที่รถเลื่อนคันหนึ่งกำลังขับหนีเจ้าตัวน้อยของฉันอยู่
     

             “ไม่ละ ฉันจะลงโทษพวกเขาซักหน่อย เพราะยังไงเจ้าตัวตัวน้อยของฉันไม่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บมากหรอก” ฉันหันไปตอบแจ็คและหันกลับไปที่เดิมและกอดอกดูเจ้าตัวน้อยของฉันกำลังไล่กวดอันนากับคริสตอฟด้วยความแค้นปนสนุกสนาน
     

             ระหว่างที่อันนากับคริสตอฟกำลังขับหนีเจ้าตัวน้อย อันนาก็ได้แต่ตะโกนขอความช่วยเหลือจากฉัน ส่วนฉันนะหรือยืนกอดอกพลางหัวเราะ(ตอนหัวเราะฉันก็นำมือข้าหนึ่งปิดปากตามปกติ)และมองดูน้องของฉันจะโดนอะไรหลังจากที่แกล้งเจ้าตัวน้อยของฉัน

     

    Jack Frost :

             “เอ่อ………เอลซ่า” ข้าสะกิดไหล่นาง
     

             “ค๊ะ?” นางหันหน้ามาที่ข้าพร้อมกับทำเสียงสูงถาม
     

             “นี่เจ้าไม่คิดจะช่วยน้องสาวของเจ้าหน่อยเหรอ?” ข้าถามนาง
     

             “ทำไมเหรอ?” นายเอียงหัวถามด้วยความสงสัย
     

             “ข้ากลัวว่า เจ้าตัวเล็กของเจ้า จะทำร้ายน้องเจ้าบาดเจ็บนะ” ข้าถามนางความจริงข้าอยากบอกนางว่า ไปช่วยน้องของเจ้าหน่อยเหอะเดี๋ยวน้องเจ้าโดนทำร้ายตายพอดี พอข้าพูดกับนางเสร็จ
     

    “จะว่าไปเจ้าตัวเล็กที่นางเรียก ข้าว่ามันไม่แปลกใจถ้ามันตัวเล็กจริง เจ้าตัวเล็กของนางนั้นเป็นมนุษย์หิมะสีขาวหัวเล็กๆ ตัวโตหน่อย มีแขนและข้าที่สร้างจากน้ำแข็ง เดี๋ยวนะ!!! มันมีนิ้วมือด้วย เป็นมนุษย์หิมะที่แปลกดี ทุกส่วนของมันดูน่ารักน่ากอดถ้าไม่นับหนามน้ำแข็งบนตัวมัน แต่ข้าว่านางเรียกประชดเปล่าที่เรียกว่าเจ้าตัวเล็ก ถ้าตัวเล็กจริงเจ้าตัวใหญ่จะใหญ่ขนาดไหน เพราะแค่เจ้าตัวเล็กก็สูง 5 ถึง6 เมตรแล้ว บ้าไปแล้วเอลซ่าตัวขนาดนี้เรียกตัวเล็ก แต่ถึงอย่างไรช่วยน้องเจ้าก่อนไหม!!!” ข้าคิดในใจคำเหล่านี้ในใจ
     

    ในที่สุดข้าก็ตัดสินใจหันไปบอกนางให้ช่วยน้องของนางเองพอข้าหันไป ปรากฏว่านางไม่ได้ยืนอยู่ข้า แต่นางเดินไปหามนุษย์หิมะที่กำลังไล่น้องสาวของนาง แต่นางจะหยุดเจ้าตัวเล็กของนางได้เหรอ ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นห่วงนางหรือด้วยเหตุผลอื่น ข้ารีบบินไปหานางก่อนที่ข้าจะถึงตัวนางนางก็ได้ตะโกนออกมาคำหนึ่ง
     

    “มาชเมลโล่” นางตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดุดันฟังดูหน้ากลัว ซักพักมาชเมลโล่หรือเจ้าตัวเล็กของนาง ก็หยุดลงและหันหน้ามาหานาง
     

    “เจ้าจะทำอะไรกับอันนาและคริสตอฟ บอกมา” นางออกคำสั่งให้มาชเมลโล่ตอบตัวมันพูดออกมาข้าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เสียงของมันทุ้มต่ำฟังยากแต่ข้าพอจับใจความได้ว่า อันนากับคริสตอฟรบกวนเวลาพักผ่อนของมัน เลยโมโหและไล่ตามให้มาขอโทษ แต่อันนากับคริสตอฟ หนีออกมาเลยเป็นอย่างที่เห็น
     

    “โอเค ขอบคุณที่ตอบนะจ๊ะเจ้าตัวเล็ก แต่เจ้าอยู่ตรงนี้ซักแปปนะ” หลังจากที่เอลซ่าฟังคำที่มาชเมลโล่พูด นางก็กลับมาใช้น้ำเสียงที่เป็นปกติของนางพูดกับมันอย่างเอ็นดู พอนางพูดเสร็จมาชเมลโล่ก็นั่งลง
     

    “อันนา” นางเรียกน้องสาวของนาง
     

    “นี่พวกน้องไปแกล้งมาชเมลโล่ทำไม” เอลซ่าถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย
     

    “ก็……ก็” ดูเหมือนน้องสาวของนางจะพยายามนึกคำพูดเพื่อตอบคำถามนาง
     

    “ก็อะไรละอันนา พี่ : ถาม : ว่า : ทำ : ไม” ดูเหมือนเอลซ่าจะโมโหนิดๆ เฮ้นั่นน้องสาวเจ้านะ ใจเย็นๆค่อยๆคุยกันก็ได้
     

    “ก็ตอนแรกอันนาจะเล่นกับมาชเมลโล่ แต่พอแตะมาชเมลโล่จู่ๆมันก็วิ่งไล่พวกเราอย่างที่เห็น พะยะค่ะ” คริสตอฟเดินมาและตอบแทนอันนา ดูเหมือนเจ้านั่นจะห่วงอันนามากเลยนะ
     

    “ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนอันนาเลยคริสตอฟ ถึงเจ้าจะเป็นคู่หมั้นของน้องฉันและเรื่องที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง ฉันขอฟังจากอันนาพูดจะดีกว่า” เอลซ่ายืนกอดอกแล้วหันไปทางคริสตอฟและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
     

    “สรุปอันนาเรื่องเป็นยังไง” เอลซ่าถามพร้อมกับจ้องมาที่อันนา
     

             “ก็แค่ตอนแรกน้องอยากเล่นกับมาชเมลโล่เฉยๆ เห็นมันชออบอยู่นิ่งๆเลยกลัวมันเบื่อ” อันนาตอบคำถามเอลซ่า ดูเหมือนเอลซ่าจะเข้าใจอันนาเลยยิ้มออกมาเล็กน้อย
     

             “ทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรกละ” เอลซ่าถามอันนาด้วยอารมณ์ที่เย็นลง
     

             “ก็น้องกลัวพี่เอลซ่าโกรธนี่คะ” อันนายืนก้มหน้า
     

             “พี่ไม่โกรธน้องหรอก แต่คราวหลังน้องบอกพี่ก่อน พี่จะได้บอกให้มาชเมลโล่ไม่ให้ทำร้ายพวกน้อง” เอลซ่าลูบหันน้องของนางอย่างเอ็นดู และดูเหมือนอันนาจะยิ้มออกมาด้วยแหะ
     

             “ตอนนี้พวกน้องเข้าไปในวังกันก่อนนะ อย่าลืมละวันนี้มีประชุมสามทุ่ม ห้าม : มา : สาย”เอลซ่า บอกน้องของนางด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
     

             “คริสตอฟ นายเข้าไปในวังก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันคุยกันพี่เอลซ่าแป๊ป” อันนาบอกให้คู่หมั้นของเธอเข้าไปในวังก่อน พอเขาเข้าไปในวังแล้วซักครู่เอลซ่าก็ถอนหายใจออกมา
     

             “ฟู่ว(เสียงถอนหายใจ) อันนาคราวหลังพี่ไม่เล่นบทแบบนี้แล้วนะ” เอลซ่ายืนกอดอกก่อนที่จะยิ้มออกมาและหันไปคุยกับน้องสาวของนาง
     

             “โถ่ท่านพี่น้องแค่รู้เฉยๆว่า เขารักหนูแค่ไหนก็แค่นั้นเอง” อันนาตอบเอลซ่ากลับไป แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ข้างงไปหมดแล้ว
     

             “พี่รู้ว่าน้องอยากรู้ว่าคริสตอฟรักน้องแค่ไหน แต่น้องจะแต่งกับเขาอีกไม่กี่เดือนแล้วนะชีวิตคู่ต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เหมือนที่ท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ด้วยกันนั่นแหละ” เอลซ่าตักเตือนน้องสาวของนาง ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่าเรื่องเป็นยังไงมาไงแน่ข้าเลยถามเอลซ่าไป
     

             “นี่เอลซ่าสรุปนี่มันเรื่องอะไร” ข้าถามนาง
     

             “ฉันถูกอันนาขอร้องมาให้แสดงบทโหดให้คริสตอฟดูก็แค่นั้นละ” นางกระซิบบอกข้าเพราะอันนายืนอยู่ด้านข้างนาง โอเคข้าพอเข้าใจละ
     

             “ท่านพี่คุยกับใครคะ?” อันนาถามมาด้วยความสงสัย
     

             “ไม่ต้องยุ่งเลยอันนา” นางขยี้หัวน้องของนางเบาๆก่อนพูดอีกประโยค
     

    “น้องตามคริสตอฟไปก่อนเดี๋ยวงอนกันอีก พี่ขี้เกียดเป็นคนปรับความเข้าใจให้กันแล้วนะ” เอลซ่าพูดออกไป
     

             “โถ่ท่านพี่ น้องไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ แต่ที่พี่เอลซ่าพูดก็ถูกงั้นน้องไปก่อนนะคะ” อันนาพูดเสร็จก็รีบวิ่งเข้าปราสาทตามคริสตอฟไป
     

             “สรุปเจ้าให้ข้ามาดูเจ้าทะเลาะกับน้องตัวเองเหรอ” ข้าถามนางกวนๆไปงั้นๆแหละ
     

             “ไม่ใช่ซักหน่อย ฉันอยากให้ท่านมาดูเจ้าตัวเล็กนี่ตะหาก” เอลซ่าพูดเสร็จก็ชี้ไปที่มาชเมลโล่ที่นั่งรออยู่
     

    “ข้าว่าตัวมันก็ไม่เล็กนะ” ข้าพูดไปตามความจริง
     

    “บอกว่าเล็กก็เล็กสิ” นางกลับมาตอบด้วยความไม่พอใจ
     

    “ก็ได้ๆ” ข้ายกมือยอมแพ้นางก่อนที่จะเดินตามนางไปหามาชเมลโล่
     

    “นี้ข้าไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวนะ แต่มนุษย์หิมะนี้เป็นหญิงหรือชายกันละ” ข้าถามนาง
     

    “ตัวนี้น้องสาวโอลาฟเองละ” อืมผู้หญิงสินะ เดี๋ยวนะ ผู้หญิงทำไมเจ้าไม่เสกให้มันดูง่ายกว่านี้หน่อยละ
     

    “ผู้หญิง?” ข้าพูดออกมาก่อนที่จะมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของมนุษย์หิมะยักตนนี้
     

    “ใช่ ท่านมีปัญหาอะไรรึเปล่า” นางถามกลับมา
     

    “เปล่าๆ ทำไมเจ้าถึงตั้งชื่อประชดกับขนาดตัวละ
     

    “ท่านดูเอาเองละกัน” นางพูดเสร็จก็หันไปที่มาชเมลโล่ก่อนที่จะเริ่มทำอะไรบางอย่าง
     

    “คราวนี้ท่านจะได้เชื่อว่ามันตัวเล็กจริง” นางพูดออกมาก่อนที่มือของนางจะไปสัมผัสที่ตัวของมาชเมลโล่
     

    พอนางสัมผัสตัวของมาชเมลโล่ ตัวของมาชเมลโล่ได้เปล่งแสงสีขาวออกมา ซักพักแสงนั้นก็หายไปจากมนุษย์หิมะสูง 5 ถึง 6 เมตร เหลือแค่ขนาด 30 เซนติเมตรเท่านั้น ตอนนี้มาชเมลโล่เหมือนตุ๊กตามากกว่ามนุษย์หิมะซะอีก ตอนนี้มันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก พอนางเสกเสร็จนางก็ยกมันขึ้นมาอุ้มและหันมาหาข้าก่อนถามข้า
     

    “เป็นไง ตัวเล็กน่ารักใช่ไหมละ” นางพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มและหลับตาลง เล่นเอาหน้าข้าขึ้นสี
     

    “อืม….ใช่น่ารัก….น่ารักมากซะด้วย” ข้าตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักส่วนประโยคหลังข้าพูดออกมาเบาๆ และที่ข้าบอกว่าน่ารักคิดเอาเองละกันว่าอะไรน่ารัก
     

    “ก็ฉันบอกแล้วไงคราวนี้เชื่อรึยัง” นางถามข้าต่อ
     

    “จ้าๆ ข้าเชื่อเจ้าแล้ว” ข้ารีบตอบนางกลับไป ซักพักนางก็วางมนุษย์หิมะตัวนั้นลงและมนุษย์หิมะตัวนั้นก็วิ่งเข้าไปในปราสาทก่อนที่จะหายตัวไป

     

    Narrator :

             หลังจากเหตุการณ์ที่หน้าปราสาทที่เอลซ่ากับน้องสาวของนางอันนา ได้ร่วมมือกันวางแผนลองใจคริสตอฟพอคริสตอฟรู้เขาแทบจะโมโหทันที แต่เพราะอันนาบอกเหตุผลว่าทำไปทำไมทำให้เขาอารมณ์เย็นลงได้ ตอนนี้ทั้งสามคน(ไม่นับแจ็คเพราะแจ็คไม่ใช่มนุษย์)อยู่ที่ห้องอาหารต่างคนต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พอถึงเวลาสามทุ่มทั้งสามก็เข้าไปประชุมร่วมกับขุนนางคนอื่นๆ(แน่นอนแจ็คตามไปด้วย) ในการประชุมก็ได้ว่าด้วยเรื่องการส่งออกสินค้า การนำเข้าทรัพยากรณ์ที่ไม่มีในแอเรนเดลล์ เรื่องการเตรียมอาหารเมื่อขาดแคลนในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ไหนจะเรื่องโจรป่าแต่ตอนนี้ได้ตัดสินคดีไปแล้ว สุดท้ายก็เรื่องว่าด้วยรัฐธรรมนูญของราชวงศ์
     

             “ทำไมพวกท่านจึงคุยกันเรื่องรัฐธรรมนูญของคนในราชวงศ์ด้วย” เอลซ่าที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมได้ถามด้วยความสงสัย
     

             “ว่าด้วยเรื่องรัฐธรรมนูญในที่นี้ กระหม่อมไม่แน่ใจว่าสมควรพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่ เนื่องจากงานมงคลขององค์หญิงอันนาใกล้เข้ามาแล้ว” ขุนนางคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัว
     

             “แล้วมันเป็นเรื่องอะไรละท่าน เชิญท่านบอกมาเถิด” อันนาที่นั่งอยู่ริมโต๊ะด้านขวามือของเอลซ่าได้ถามขุนนางคนนั้น
     

             “ว่าด้วยเรื่องรัฐธรรมนูญมีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ราชาหรือราชินีแห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์ ต้องมีคู่ครองภายในปีที่ขึ้นครองราชย์” ขุนนางคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัว พอเอลซ่าได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย และพูดขึ้นต่อ
     

             “ท่านเอาข้อนี้มาจากไหน ทำไมเราอ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้หลายครั้งทำไมเราถึงไม่เจอข้อนี้” เอลซ่าถามขุนนางคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
     

             “มันอยู่ในหน้าที่ 210 มาตราที่ 13 ย่อหน้าที่ 2 บรรทัดที่ 18 พะยะคะ” พอขุนนางพูดเสร็จ เอลซ่าก็ได้ขอให้ขุนนางคนหนึ่งไปหยิบรัฐธรรมนูญฉบับนั้นมาแล้วเปิดตาม ปรากฏว่ามีข้อความนั้นอยู่จริงๆ
     

             “แล้วพวกท่านจะให้เราทำอย่างไร” เอลซ่าถามขุนนางคนนั้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ดูก็รู้ว่าความจริงไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะเธอยังไม่เคยคิดเรื่องที่จะมีคู่ครอง
     

             “พวกกระหม่อมได้ปรึกษาหารือกันก่อนหน้านี้แล้วพะยะคะ พวกเราเห็นพ้องกันว่า หลังวันแต่งขององค์หญิงอันนา เราจะเชิญชวนเจ้าชายจากอาณาจักรต่างๆมาให้ท่านดูตัวซึ่งภายในวันนั้น เราอาจจัดการประลองเพื่อคัดเลือกเจ้าชายที่มีความสามารถ ทั้งด้านการต่อสู้ ความฉลาด และด้านอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับองค์ราชินีพะยะคะ” ขุนนางคนนั้นตอบกลับมา
     

             “นี่พวกท่านตัดสินใจกันก่อนจะมาถามเรา ใช่หรือไม่” เอลซ่าถามขุนนางด้วยน้ำเสียงที่เรียบเชียบ พร้อมกับปล่อยไอเย็นไปทั่วทั้งห้องประชุมนั้น ทำเอาขุนนางคนอื่นๆต่างพากันสั่นกลัว
     

             “ท่านพี่ใจเย็นก่อนสิคะ” อันนาหันไปหาเอลซ่าพี่สาวของเธอ พร้อมกับพูดเพื่อให้เอลซ่าใจเย็น แต่ดูเหมือนเอลซ่าจะไม่ได้ฟัง
     

             “พวกกระหม่อมได้เพียงปรึกษาหารือกันเท่านั้น มิได้ตัดสินใจแทนองค์ราชินี กระหม่อมเพียงต้องการให้อาณาจักรแอเรนเดล์นั้นสงบสุขเท่านั้น” ขุนนางคนนั้นได้พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัวอย่างมาก
     

             “เราเข้าใจว่าพวกท่านหวังดี เพียงแต่เรื่องนี้ควรปรึกษาเราด้วยไม่ใช่ปรึกษาเพียงคนในกลุ่มแล้วมาบอกเรา เราว่ามันไม่ถูก” เอลซ่าพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเดิมพร้อมกับปล่อยไอเย็นออกมาเรื่อยๆจนโต๊ะไม้เกิดลายเกล็ดหิมะและกำแพงห้องนี้ถูกแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว
     

             “เราขอขอบคุณพวกท่านที่มาประชุมในวันนี้ไว้ในการประชุมครั้งหน้าเราจะบอกคำตอบให้พวกท่านเอง เชิญพวกท่านกลับได้” เอลซ่าพูดออกมาเพื่อปิดการประชุม พร้อมกับลุกขึ้นยืนออกจากห้องไป ตอนนี้ภายในห้องเหลือแต่เพียงร่องรอยของเกล็ดหิมะตามทางที่เธอทิ้งไว้เท่านั้น
     

             ตอนนี้เอลซ่ารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากไม่ใช่เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องที่ขุนนางพยายามวางแผนให้นางแต่งงานกับคนที่นางไม่เคยรู้จัก เพียงแค่คนๆนั้นมีความสามารถที่เพียบพร้อมสำหรับปกครองเมืองต่อไปก็เท่านั้น
     

             เอลซ่าก็คิดเฉพาะเรื่องนี้จนถึงห้องตนเอง พอถึงห้องของตนเองแล้วเอลซ่าได้ปิดประตูและไปนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตนเองพร้อมกับก้มหน้าลงบนโต๊ะและร้องไห้ออกมา ถึงเธอจะเป็นถึงองค์ราชินีของอาณาจักรแห่งนี้ แต่เอลซ่าก็ยังเป็นผู้หญิงยังไงเธอก็อยากแต่งงานกันคนที่เธอรักจริงๆ ไม่ใช่คนที่คนอื่นเขาเลือกมาให้
     

             “เครียดเหรอเอลซ่า” แจ็ค ฟรอสต์ ได้ก้มหน้าถามเอลซ่า พอเอลซ่าได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมาพยายามเอามือปาดน้ำตาออกและเริ่มคุยกับแจ็ค
     

             “ก็นิดหน่อย” เอลซ่าพูดพร้อมกับปาดน้ำตาออก
     

             “เจ้าไม่ต้องเครียดไปหรอกเอลซ่า ข้าว่าพวกเขาแค่หวังดีเลยบอกมาแบบนั้น” แจ็คพยายามปลอบเอลซ่า ทำไมนะหรือ เพราะตอนนี้แจ็ครู้สึกเศร้าไปด้วยเวลาที่เอลซ่าร้องไห้
     

             “หวังดี ท่านรู้ได้ไงว่าพวกเขาหวังดี แบบนี้มันบังคับกันชัดๆ” เอลซ่าตวาดออกไปทำเอาแจ็คถึงกับตกใจกับบุคลิกของเอลซ่าตอนนี้มาก เพราะปกติเธอจะเป็นคนใจเย็นไม่วู่วามแบบนี้
     

             “ใจเย็นก่อนเอลซ่า ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ แต่เจ้าช่วยใจเย็นก่อนได้ไหม” แจ็คพูดโดยคอยเตือนสติเอลซ่า เพื่อไม่นางให้โมโหมากกว่านี้
     

             “แล้วจะให้ฉันทำยังไง ตอนนี้ในหัวฉันมีแต่เรื่องนี้จะให้ใจเย็นได้ไง” เอลซ่าตวาดออกไปพร้อมกับน้ำตาก่อนที่จะพูดต่อ
     

             “ก็ท่านไม่ใช่ฉันท่านจะไปเข้าใจความรู้สึกของฉันได้อย่างไร” เอลซ่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงมากจนแทบจะไม่ได้ยินก่อนที่จะก้มหน้าร้องไห้ต่อ
     

             “ถึงข้าไม่ใช่เจ้า แต่ข้าก็พอเข้าใจความรู้สึกของเจ้าว่าทำไม” แจ็คพูดออกมาทำให้เอลซ่าที่ร้องไห้ตะกี้เงยหน้าขึ้นมามองแจ็ค
     

             “ท่านรู้ได้ถึงความรู้สึกของฉันได้อย่างไร” เอลซ่าถามด้วยความสงสัยตอนนี้ แต่น้ำตาของเธอก็ยังไหลอยู่
     

             “เอาเป็นว่าข้ารู้ละกัน” แจ็คพูดขึ้นพร้อมกับนั่งคุกเข่าที่หน้าเอลซ่าก่อนที่จะพูดต่อ
     

    “เจ้าอย่าคิดมากไปเลยอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดไปเถอะ” แจ็คพูดขึ้นมาก่อนที่จะนำมือข้างหนึ่งสัมผัสที่แก้มของนางและให้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาออก
     

    “ข้าว่าใบหน้าของเจ้าที่ไร้น้ำตาดูดีกว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานะเอลซ่า” แจ็คพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น พร้อมกับยิ้มออกมา เล่นเอาเอลซ่าหน้าขึ้นสีเล็กน้อยเพราะการกระทำของแจ็ค ฟรอสต์เมื่อครู่
     

    “ขอบคุณนะ ที่คอยปลอบฉัน” เอลซ่ากล่าวขอบคุณแจ็คด้วยเสียงที่ฟังดูมีความสุขมากขึ้น
     

    “ไม่เป็นไร ข้าแค่ไม่อยากเห็นเจ้าร้องไห้ก็เท่านั้น” แจ็คตอบกลับไปด้วยอาการเขินอายนิดๆพร้อมกับหลบหน้า
     

    “แจ็คคะ” เอลซ่าทักแจ็คทำให้เขาหันกลับมามองใบหน้าของเธอที่ตอนนี้มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่เล็กน้อย
     

    “อะไรเหรอเอลซ่า” แจ็คถามเอลซ่าพร้อมกับยื่นมือไปเช็ดน้ำตาออกให้
     

    “ฉันขอโทษนะที่ตวาดท่านไปเมื่อตะกี้ เพราะเมื่อกี้ฉันแค่โมโหท่านไปนิดหน่อย” เอลซ่ากล่าวขอโทษแจ็ค
     

    “ไม่เป็นไรเอลซ่า ข้าเข้าใจว่าเจ้าไม่พอใจเรื่องขุนนางเจ้าก็ทำได้แค่ปล่อยมันไปเท่านั้นเอง” แจ็คตอบเอลซ่ากลับไป
     

    “ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะแจ็ค” เอลซ่าขอบคุณแจ็คอีกครั้ง
     

    “ไม่เป็นไร แค่ข้าได้อยู่ข้างเจ้าตอนที่เจ้าไม่สบายใจก็ดีแล้วละ” แจ็คตอบเอลซ่ากลับไป

    ซักพักทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
     

    “ก๊อกกุกกุกก๊อก” เอลซ่าได้ยินเสียงนี้รูเลยว่าใครจะเข้ามา
     

    “เข้ามาเลยอันนา ประตูไม่ได้ล็อก” เอลซ่าบอกกับอันนาให้เข้าห้องมาเลย
     

    “ขอบคุณคะ” อันนาเดินเข้ามาและปิดประตูและเริ่มคุยกับเอลซ่า
     

    “ท่านพี่คะ อย่าคิดมากเรื่องที่ประชุมนะคะ” อันนาพูดขึ้นมาปลอบเอลซ่า
     

    “ไม่เป็นไรอันนา พี่ทำใจได้แล้ว แต่น้องมานี่มีเรื่องอะไรเหรอ” เอลซ่าตอบคำถามของและถามอันนากลับ
     

    “คือวันนี้ท่านพี่ช่วยอาบน้ำกับน้องหน่อยได้ไหมคะ” อันนาถาม
     

    “ทำไมละ” เอลซ่าถามด้วยความสงสัย
     

    “ก็พวกเราพี่น้องไม่ได้อาบด้วยกันหลายปีแล้วนะคะ และอีกอย่างพวกเราจะได้มีเวลาคุยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวด้วยไงคะ” อันนาตอบคำถามของเอลซ่ากลับไป
     

    “ได้สิ งั้นน้องไปรอก่อนเลยนะ” เอลซ่าพูดกับน้องสาวของเธออย่างเอ็นดู
     

    “งั้นน้องไปก่อนนะคะ” พออันนาพูดเสร็จก็ก็กระโดดกอดคอเอลซ่า และเดินออกจากห้องไป
     

    “น้องเจ้านิสัยดูเด็กจังนะ” แจ็คเดินไปกระซิบข้างหูเอลซ่าทำเอาเอลซ่าสะดุ้งกับเสียงของเขาเล็กน้อย
     

    “แจ็ค คราวหลังไม่ทำแบบนี้แล้วนะ” เอลซ่าหันหลังกลับไปหาแจ็คพร้อมกับตักเตือน
     

    “และอีกอย่างถึงน้องฉันนิสัยถึงจะดูเด็ก แต่เธอก็เป็นคนที่คอยห่วงทุกๆคนนะ” เอลซ่าตอบแจ็คกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูร่าเริงขึ้น

     

    Jack Frost :

             ตอนนี้ข้าอยู่กับเอลซ่าสองต่อสองในห้องของนางเอง ตอนนี้ ข้าก็ได้แต่ปลอบนางไม่ให้นางร้องไห้ ทำไมนะเหรอเวลาที่นางร้องไห้ข้ารู้สึกเศร้าตามไปด้วย และข้าไม่อยากเห็นนางร้องไห้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร
     

             “งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” นางบอกกับข้า
     

             “ไปเถอะไปอาบน้ำเถอะ ปล่อยให้เรื่องที่ไม่สบายใจไหลไปกับน้ำที่เจ้าอาบซะนะ” ข้าบอกกับนางเพื่อให้นางสบายใจขึ้นตอนนี้นางเริ่มยิ้มออกมาแล้วทำเอาข้ายิ้มออกมาด้วย
     

             “ขอบคุณนะงั้นไปก่อนนะ” นางโบกมือลาก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่จู่ๆนางก็หยุดและเดินกลับมา
     

             “เจ้าลืมอะไรหรือ” ข้าถามนางแต่นางไม่ตอบ จู่ๆนางก็ดึงคอเสื้อข้าลงมาทำให้ข้าย่อตัวลงมาให้ริมฝีปากข้าประกบริมฝีปากของนางพอดี
     

             หลังจากที่นางดึงคอเสื้อข้าลงมาเราก็หลับตาจูบกันครู่หนึ่ง พอเวลาผ่านไปนางก็ปล่อยคอเสื้อข้าและข้าก็ค่อยๆลุกขึ้นมา ก่อนที่ข้าจะพูดนางก็พูดออกมาก่อน
     

             “เมื่อครู่สำหรับที่ท่านคอยปลอบและให้กำลังใจฉันนะ ไปละ” พอนางพูดเสร็จนางก็รีบปลดผ้าคลุมของนางออกและวิ่งออกไปจากห้อง ทิ้งข้าอยู่คนเดียว ข้าก็เดินไปที่ประตูและปิดมันลงก่อนที่จะพูดบางอย่างออกไปในห้องของนางคนเดียว

     

             “ข้าว่าข้าเริ่มรักนางเข้าแล้วสิ”

             .

             .

             .

             .

             To Be Continued

    ……………………………..……………………………………………………………………………………

             จบไปแล้วนะครับสำหรับ Chapter 6 : Like or Love นะครับ สำหรับตอนนี้ขอโทษเรื่องภาษาด้วยนะครับเพราะเพิ่งกลับมาจากค่ายรด. ก็รีบกลับมาแต่งเลยทำให้ภาษาไม่ค่อยสะสวยเท่าที่ควรนะครับ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
     

             สำหรับตอนนี้นะครับคือแจ็คเริ่มรู้ใจตนเองแล้วส่วนเอลซ่านะเหรอครับคิดเองละกัน(อ้าวยังไง) พูดถึงตอนต่อไปนะครับตอนต่อไปคือตอนพิเศษ
     

    เนื้อเรื่องในตอนพิเศษคือ แจ็คกับเอลซ่าในยุคปัจจุบันนะครับ จะเป็นเนื้อเรื่องหลังตอนจบ ในนิยายของผมแล้ว อย่าลืมกันนะครับว่าเนื้อเรื่องที่ผมแต่งคือแนวย้อนเรื่องราวอดีตนะครับ คือแจ็คเป็นเทพผู้พิทักษ์ในปัจจุบัน แต่ในนิยายของผมแจ็คยังเป็นเพียงจิตวิญญาณเท่านั้นเองขออย่าสับสนกันนะครับ
     

    ว่าด้วยเรื่องตอนต่อไปนะครับ ผมจะลงในวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2557 นะครับอาจมีฉาก nc นะครับ แต่เรทจะอยู่ประมาณ PG-15 ไม่เกิน PG-18 ถ้าจะเอาเกินPG-18ติดต่อทีEmailเดิมนะครับ

    Email : bear.p.blah.blah@gmail.com

     

    สำหรับตอนนี้ขอลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×