ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I want to see you again

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 : Always (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 57




    ต่อให้โลกนี้เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของข้าที่มีให้เจ้าก็ไม่มีวันเปลี่ยน
    ต่อให้เจ้าจะเกรียดข้ายังไง ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ
    ต่อให้เจ้าเจ็บป่วยหรือตายไป ข้าก็จะอยู่กับเจ้าจนถึงวันนั้น
    ทำไมนะหรือ ก็เพราะว่าข้าสัญญากับเจ้าไว้ว่า
    ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป

                                                                                              Jack Frost

    ..........................................................................................................

     

    Jack Frost :
     

             หลังจากที่อันนาปล่อยให้ข้ากับเอลซ่าอยู่กันสองต่อสองภายในห้อง ตอนนี้เราสองคนก็นั่งอยู่ข้างๆกับแบบเงียบๆไม่พูดอะไรกัน อาจเป็นเพราะตอนนี้เราสองคนกำลังเขินอายต่อกันหรือตอนนี้รู้สึกประหม่าอยู่ก็เป็นได้ เราก็อยู่แบบนั้นจนกระทั่ง
     

             “แจ็ค” จู่ๆเอลซ่าก็ทักมา
     

             “ครับ?” ข้าก็ขานตอบด้วยความสงสัย
     

             “ที่ท่านพูดกับฉันเมื่อครู่นั้นเป็นความจริงใช่ไหม” เอลซ่าถามมาด้วยใบหน้าที่แดงระเรือ
     

             “เรื่องเมื่อครู่คือเรื่องอะไรเหรอ” ข้าถามกลับไป
     

             “ก็ก็เรื่องที่ท่านพูดก่อนที่อันนาจะทักมาไง” เอลซ่าตอบกลับมาด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย พอข้าได้ยินนางพูดแบบนั้นก็นึกออกว่าเรื่องอะไร ข้าก็ลุกจากเตียงมานั่งคุกเข้าด้านหน้าเจ้าตัวเละกุมมือของนางอย่างหลวมๆ
     

             “เอลซ่า” ข้าเอยชื่อของนางพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของนาง
     

             “คะ?” เอลซ่าขานตอบกลับมา ด้วยสีหน้าที่ตกใจกับการกระทำของข้าเล็กน้อย
     

             “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเรื่องที่ข้าพูดออกมาไม่เป็นความจริงละ” ข้าถามนางออกไปพร้อมกับเอามืออีกข้างประกบมือนางเอาไว้
     

             “ก็ตอนที่ท่านพูดตอนนั้นฉันรู้สึกกังวลมาก” เอลซ่าตอบกลับมาแล้วพูดต่อว่า
     

             “ฉันก็คิดว่าที่ท่านพูดมาก็แค่ปลอบฉัน” นางพูดออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เศร้าเล็กน้อย
     

             “นี่เอลซ่า” ข้าพูดขึ้นมาพร้อมกับกุมมือให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย นางก็ตอบสนองโดยที่เอามืออีกข้างมาวางไว้บนมือของข้าพร้อมกับพยักหน้า
     

             “ที่ข้าพูดไปทั้งหมดมันเป็นความรู้สึกของข้าจริงๆนะ” ข้าพูดออกไปพร้อมกับดูสีหน้าของนาง
     

             “คำพูดทุกคำเลยใช่ไหม?” นางถามกลับมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น
     

             “ทุกประโยคทุกคำพูด” ข้าตอบคำถามนางพร้อมกับยิ้มให้
     

             “จริงๆนะ” นางถามกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
     

             “จริงสิ” ข้าพูดเสร็จก็เอามือที่กุมมือนางออกข้างหนึ่งแล้วนำมือข้างข้างนั้นไปเสยผมที่ปกหน้านางออก
     

             “คุณคือคนแรกและคนเดียวที่ผมจะรัก” ข้าเปลี่ยนสรรพนามเล็กน้อยไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร
     

             “คนบ้า” นางพูดออกมาพร้อมกับผลักข้าออกไปห่างๆแล้วลุกขึ้นยืน ข้าก็ยิ้มกับการกระทำของนาง
     

             “ถึงฉันเป็นราชินีก็เขินเป็นนะ” นางพูดออกมาด้วยความอาย ช่างน่ารักซะไม่มี
     

             “แล้วเจ้าละเจ้ารู้สึกอย่างไรกับข้า” ข้าถามนางออกไปพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาใกล้ๆ
     

             “ขอตอบเป็นการกระทำแทนได้ไหม” นางถามกลับมาพร้อมกับก้มหน้า ข้าก็ค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆนางก่อนกระซิบข้างหูว่า
     

             “ได้สิ” ข้ากระซิบไป พอข้าพูดเสร็จก็กลับมายืนในท่าเดิม
     

             ก็ได้” นางเงียบไปสักครู่หนึ่งก่อนแล้วพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆข้าแล้วก็เขย่งเท้ามาหอมแก้มข้าเบาๆไปทีหนึ่ง
     

             “ที่นี้รู้คำตอบรึยัง” นางพูดต่อ ข้าก็ได้แต่ยืนอึ้ง
     

             “ไม่ตอบงั้นเหรอ” เอลซ่าพูดขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปที่ประตู
     

             “งั้นฉันจะไปแต่งตัวก่อนนะ” เอลซ่าพูดออกมาก่อนที่จะเดินเข้าห้องแต่งตัวไป
     

             พอเอลซ่าเดินไปที่ห้องแต่งตัวของนางข้าก็เอามือมาลูบแก้มตรงจุดที่นางหอมแก้มข้าตอนที่นางประทับริมฝีปากของนางไว้บนแก้มของข้า ข้ารู้สึกถึงความเย็นที่ผ่านมาทางแก้มมันเป็นความเย็นที่ไม่เย็นมากแต่ข้าว่ามันรู้สึกกึ่งเย็นกึ่งอุ่น ข้าก็เอามือรูปตรงนั้นซักพักนึกย้อนไปตั้งแต่ตอนที่เจอเอลซ่าครั้งแรก ตอนที่เจอครั้งแรกนึกว่านางจะเป็นคนที่ดุขี้กลัว แต่พอข้าได้รู้จักนางมาสองวัน ข้าก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนาง ตัวตนของนางความจริงเป็นสาวน้อยที่นิสัยแทบไม่ต่างจากน้องสาวของนางเลย แต่ต่างกันตรงที่นางไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆแบบน้องสาวของนาง อาจเป็นเพราะว่านางเป็นราชินีของอาณาจักรนี้ก็ได้มั้ง นางเลยต้องวางภาพพจน์ของนางไว้เป็นแบบนั้น หรือไม่ก็เพราะอดีตของนางก็เป็นไปได้ เพราะนางอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยได้พบปะผู้คนเลยเป็นแบบนั้น ข้าก็คิดอยู่อย่างนี้จนกระทั่งเอลซ่ามาทักข้า
     

             “แจ็ค ฉันแต่งตัวเสร็จแล้วนะ” เอลซ่าทักขึ้นมา ทำเอาข้าหลุดจากห้วงความคิด   
      

    “วั้นนี้ฉันแต่งตัวเป็นไงบ้าง” เอลซ่าถามพร้อมกับขึ้นมาพร้อมกับหมุนตัวให้ดู ข้าก็ดูการเปลี่ยนแปลงของชุดที่ใส่นาง วันนี้นางแต่งตัวสบายๆสวมชุดกระโปรงแบบเดียวกับน้องสาวของนางเพียงแต่มันเป็นสีน้ำเงินไม่ใช่สีเขียว วันนี้นางมันผมเป็นหางม้าซึ่งไม่ได้ผัดเป็นผมเปียหรือม้วนตามแบบปกติทำให้ดูแปลก แต่ก็ดูสวยดี
     

             “ก็ดูดีนี่” ข้าพูดออกไปนางก็ยิ้มออกมาบางๆ
     

             “จะไปห้องอาหารด้วยกันไหม” นางถามขึ้น ข้าก็ตอบนางว่า
     

    “ไปสิ” ข้าตอบนางกลับไป พอข้าตอบเสร็จก็เดินไปที่ประตูแล้วเปิดมันออก
     

             “จะไปด้วยกันหรือให้ข้าไปคนเดียวคุณผู้หญิง” ข้าถามนางแบบขำๆพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้า
     

             “ไปด้วยกันสิ” เอลซ่าตอบกลับมาพร้อมกับยื่นมือมาจับที่มือของข้า พอนางเดินออกมาจากห้องข้าก็ปิดประตู ล้วปล่อยมือของนางแล้วพูดออกมาว่า
     

             “อีกตั้งไกลกว่าจะถึงห้องอาหาร ข้าว่าเราเดินไปคุยไปดีกว่าไหม” ข้าถามนางพร้อมรอยยิ้ม
     

             “ได้สิ” นางตอบกลับมา แล้วเราก็เดินไปที่ห้องหารด้วยกัน

     

    Elsa Snow Queen :
     

             ฉันก็เดินมาถึงห้องอาหารพร้อมกับแจ็ค แทนที่ภาพฉันจะเห็นอันนาควรนั่งเหงาอยู่คนเดียวข้างๆโต๊ะเพราะคริสตอฟไม่อยู่ แต่ภาพที่ฉันเห็นคืออันนากำลังวิ่งไล่จับมาชเมลโล่โดยที่โอลาฟคอยวิ่งตามด้วยอย่างสนุกสนาน ฉันก็ดูการกระทำของน้องสาวฉันไปพลางยิ้มออกมาเพราะปกติฉันจะเห็นอันนาโดนมาชเมลโล่วิ่งไล่มากกว่า แต่วันนี้กลับมาชเมลโล่กลับวิ่งหนีอันนาออาจเป็นเพราะฉันย่อส่วนมันเมื่อวานด้วยมั้งทำให้อันนาวิ่งไล่กันอย่างนี้ ฉันกูดูๆไปจนสุดท้ายอันนาก็จับมาชเมลโล่ได้
     

             “วู้ว จับได้ซักที” อันนาพูดออกมาพร้อมกับค่อยๆยกมาชเมลโล่ขึ้นมาอุ้ม มาชเมลโล่ทำยังไงนะหรือมันก็พยายามสะบัดแขนสะบัดขาเพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการของอันนาให้ได้ แต่เสียดายที่มันแขนสั้นอันนาก็กอดมันเล่นราวกับตุ๊กตาบนเตียง
     

             “อันนาปล่อยมาชเมลโล่นะแฮกๆ(เสียงหอบ)” โอลาฟกระตุกกระโปรงของอันนาพร้อมกับพูดออกมาสรุปนี้คือวิ่งไล่อันนาเพื่อไม่ให้อันนาไล่มาชเมลโล่ใช่ไหมเนี่ย
     

             “โอลาฟฉันแค่อยากกอดน้องสาวเจ้าเองนะ ทำเป็นหวงไปได้” อันนาก้มหน้าพูดกับโอลาฟ พอพูดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นฉันก็ยิ้มออกมา
     

             “พี่เอลซ่ามาถึงเมื่อไหร่คะ”  อันนาถามมาพร้อมกับชูมาชเมลโล่ให้ดู ตอนนี้มาชเมลโล่ส่งสายตาออกมาราวกับจะพูดกับฉันแบบว่า “ช่วยหนูด้วยค่าเจ้านาย” ฉันก็หัวเราะเบาๆก่อนที่จะพูดว่า
     

             “ก็เมื่อกี้นี่เอง ส่วนน้องเถอะวิ่งไล่มาชเมลโล่ทำไมละ” ฉันถาม
     

             “ก็จู่ๆมาชเมลโล่ก็กระโดดขึ้นมาบนตักน้อง น้องก็นึกว่ามันอยากจะเล่นกับน้องที่ไหนได้มันแกล้งน้องโดยการดึงผมน้องก็เลยวิ่งไล่จับอย่างที่เห็นนี่ละคะ” อันนาตอบกลับมา
     

             “มาชเมลโล่(ทำเสียงต่ำ)” ฉันเรียกชื่อพร้อมกับทำสายตาดุใส่มัน พอมาชเมลโล่เห็นมันก็ก้มหน้ายอมรับผิด
     

             “ท่านพี่คะ แจ็ค ฟรอสต์ละคะ” อันนาถามมาฉันด้วยความสงสัย
     

             “ก็อยู่นี่ไง” ฉันหันไปทางที่แจ็คอยู่ แต่พอฉันหันไปเขากลับหายไปไหนก็ไม่รู้
     

             “ไหนละคะ” อันนาถามต่อ
     

             “เอ่อพี่ไม่รู้เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนิ” ฉันพูดเสร็จก็หันไปหาอันนา อันนากับมาชเมลโล่ก็จ้องฉันแปลกๆ(ยกเว้นโอลาฟที่พยายามยื่นมือไปช่วยมาชเมลโล่ออกจากอ้อมกอดของอันนา) ซักพักก็ทำหน้ากลับเป็นเหมือนเดิม
     

             “ท่านพี่คะ” อันนาเอ่ยชื่อชั้นออกมาพร้อมกับยิ้มแบบเจ้าเล่ห์พร้อมกับมาชเมลโล่
     

             “อะอะไรอันนา” ฉันถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก เพราะเวลาที่อันนาทำหน้าแบบนี้ทีไรต้องมีเรื่องที่แกล้งฉันทุกที
     

             “เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกแทนพี่แจ็คเปลี่ยนไปนะค้าาา” อันนาพูดออกมาโดยเน้นเสียงให้รู้ว่าต้องการสื่อถึงอะไร
     

             “ก็ไม่ได้เปลี่ยนซักหน่อย” ฉันพูดออกมาด้วยอาการเขินนิดๆ       
     

             “จริงหราาาา” อันนาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเชื่อ
     

             “พอเถอะอันนาพี่ว่าเราทานอาหารเช้ากันดีกว่าไหม เดี๋ยวค่อยคุยกันระหว่างที่ทานกันก็ได้” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะไม่อยากให้อันนาแซวฉันต่อ
     

             “โอเคคะ” อันนาตอบกลับมาพร้อมกับวางมาชเมลโล่ลง พอวางลงเสร็จมาชเมลโล่ก็รีบวิ่งไปซ่อนที่หลังโอลาฟอย่างรวดเร็ว พอฉันกับอันนานั่งเสร็จเล่าคนรับใช้ก็ค่อยๆมาเสิร์ฟอาหารเช้ามาให้ซึ่งอาหารเช้าวันนี้เป็นซุป ระหว่างฉันกับอันนาก็ทานอาหารด้วยกันอยู่ จู่ๆอันนาก็ถามมาว่า
     

             “ท่านพี่คะ” อันนาพูดออกมาพร้อมกับตักซุปเข้าปาก
     

             “หืม มีอะไรอันนา” ฉันตอบกลับไปแล้วทำแบบเดียวกับอันนา
     

             “ความสัมพันธ์ระหว่างกับท่านพี่เอลซ่ากับแจ็คไปถึงไหนแล้วละคะ” อันนาถามมา
     

             “ก็เรื่อยๆนะ” ฉันตอบกลับไปโดยไม่คิด
     

             “เดี๋ยวนะ” ฉันทวนคำถามอันนาอีกครั้งแล้วรีบพูดต่อ
     

             “ไม่ใช่!!!พี่กับแจ็คยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” ฉันรีบแก้ต่างทันที แต่อันนากลับยิ้มซะอย่างนั้น
     

             “คิกๆ(เสียงหัวเราะ)” จู่ๆอันนาหลุดหัวเราะออกมาทำเอาฉันสงสัย
     

             “หัวเราะอะไรเหรออันนา” ฉันเอียงคอถามไปด้วยความสงสัย แต่ดูเหมือนอันนาจะรู้สึกตลกอะไรบางอย่างเพราะตอนนี้หัวเราะร่ากว่าเดิม
     

             “มีอะไรตลกเหรออันนา?” ฉันถามกลับไปอีกครั้ง อันนาก็พยายามหยุดหัวเราะและสุดท้ายก็ทำได้ พออันนาหยุดหัวเราะแล้วก็เริ่มพูดอะไรบางอย่างบางอย่า
     

             “แหมก็ท่านพี่ก็เห็นหยิ่งซะแบบนี้น้องก็ไม่คิดว่าจะมีบุคลิกแบบนี้นี่คะ” น้องสาวฉันตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อย
     

             “แบบนี้แบบไหน?” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
     

             “ก็แบบนี้นี่แหละคะ” อันนาตอบกลับกลับมาทำเอาฉันสงสัยมากกว่าเดิม ฉันก็เงียบไปซักครู่หนึ่ง สักพักอันนาก็พูดต่อ
     

             “ก็บุคลิกแบบสาวน้อยแบบน้องยังไงละคะ” พูดเสร็จอันนาก็พูดต่อว่า
     

             “น้องก็ไม่นึกว่าพี่หญิงจะมีมุมนี้เหมือนกันนะคะเนี่ย นี้ถ้าพี่ไม่เจอแจ็ค ฟรอสต์ หนูคงไม่มีทางเห็นพี่มุมนี้แน่ๆ” อันนาพูดพร้อมกับแซวเรื่องของฉัน
     

             “พี่ว่าพี่ก็ทำแบบนี้มานานแล้วนะ น้องไม่ได้สักเกตเลยเหรอ” ฉันพูดพร้อมกับหยิบแก้วที่ใส่ช็อกโกแลตร้อนขึ้นมาจิบ
     

             “แหมก็วันๆน้องก็เห็นพี่ทำงานเอกสาร ตัดสินคดี อนุมัติโครงการต่างๆ กับ เยี่ยมชาวเมืองนี่คะ อีกอย่างการกระทำของพี่เอลซ่าตามปกตินี้คือแทบจะตรงข้ามกับหนูทุกอย่างเลยนี่คะ หนูว่าคงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวมั้งที่พี่เหมือนน้องนะ” อันนาตอบกลับมา
     

             “จริงสิคืนนี้มีงานเทศกาลนี่คะ” จู่ๆอันนาพูดออกมาฉันก็ตกใจเล็กน้อยว่าวันนี้มีงานเทศกาลอะไร เพราะตามปกติฉันต้องรู้ว่าในเมืองต้องมีงานอะไร
     

             “งานเทศกาลอะไรหรืออันนา” ฉันถามออกไปแล้วจิบเครื่องดื่มต่อ
     

             “ก็เทศกาลต้อนรับฤดูหนาวไงคะ อย่าบอกนะว่าพี่ลืม” อันนาพูดออกมาพร้อมกับชี้นิ้วถาม
     

             “พี่ไม่ลืมหรอก แต่วันนี้เป็นวันเพ็ญเหรออันนา” ฉันถามกลับไปพร้อมกับวางแก้วลงที่โต๊ะแล้วเช็ดปากแล้วนั่งรอฟังที่อันนาจะพูดต่อ
     

             “ใช่สิคะพี่หญิงถ้าไม่แน่ใจก็เชิญเปิดปฏิทินเลยก็ได้คะ” อันนาพูดกลับมาพร้อมกับท้าทายฉันฉันก็ไม่ว่าอะไรแค่ลุกขึ้นไปที่ตู้หนังสือที่อยู่ในห้องอาหารเพื่อที่จะหยิบปฏิทินขึ้นมาดู ก็ใช่วันนี้จริงๆด้วย
     

             “เห็นไหมละคะ น้องก็คำนวณวันเป็นนะคะ” อันนาพูดอย่างภาคภูมิใจ
     

             “จ้าๆ พี่เชื่อก็ได้” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปที่เก้าอี้ตัวเดิม แต่ความรู้สึกที่นั่งมันไม่เหมือนเดิม ฉันก็ลุกขึ้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางยู่บนเก้าอี้ที่ฉันนั่งฉันก็หยิบขึ้นมาอ่านดูมันเขียนเป็นข้อความสั้นๆว่า มองขึ้นมาข้างบน ฉันอ่านข้อความแล้วก็มองขึ้นไปเห็นแจ็ค ฟรอสต์ ลอยตัวอยู่ข้างบนนั้น พอเขาเห็นฉันฉันก็ยิ้มตอบซักพักอันนาก็ถามมาว่า
     

             “พี่เอลซ่ามองอะไรคะ?” อันนาถามมาด้วยความสงสัย พอฉันได้ยินที่อันนาถามฉันก็ทำสีหน้ากลับเป็นเหมือนเดิม
     

             “มองขึ้นไปข้างบนดูซิ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับชี้ไปที่ด้านบน พอฉันพูดเสร็จอันนาก็มองขึ้นไปแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ
     

             “ว้าวๆ พี่แจ็คทำได้ไงคะ” อันนาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันก็ได้แต่ส่ายหัวกับนิสัยที่ดูเหมือนเด็กของอันนาแบบนี้
     

             “ข้าก็แค่สั่งให้ลมคอยหอบข้าขึ้นไปแล้วประคองเอาไว้ก็แค่นี้เอง” แจ็คห้อยหัวตอบคำถามของอันนา พออันนาได้ยินแบบนั้นก็ถามต่อว่า
     

             “งั้นพี่เอลซ่าก็ทำแบบเดียวกับพี่แจ็คได้ใช่ไหม” อันนาถามด้วยความตื่นเต้น
     

             “ไม่ได้หรอก ข้านะควบคุมสายลมได้ด้วย แต่เอลซ่าพี่สาวของเจ้านะควมคุมได้แค่น้ำแข็งและหิมะยังไงก็ลอยไม่ได้” แจ็คตอบกลับมาทำเอาอันนารู้สึกผิดหวัง เพราะคำตอบที่เธอคิดไม่ตรงกับคำถามที่เธอตอบ ซักพักแจ็คก็ลอยลงมายืนข้างๆฉัน
     

             “แจ็คท่านนั่งเก้าอี้ข้างๆฉันก็ได้นะ” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆที่ฉันนั่ง พอฉันพูดเสร็จแจ็คก็พยักหน้าตอบแล้วก็มาที่เก้าอี้ตัวนั้นเขาปักไม้เท้าลงบนที่พื้นข้างๆเก้าอี้ก่อนแล้วค่อยนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น พอแจ็คนั่งเสร็จแจ็คก็พูดขึ้นมาว่า
     

             “ว่านี้ทำไมเจ้าสองคนแต่งตัวสบายๆละ” แจ็คถามออกมาพร้อมกับหันมามองเราสองคน
     

             “วันนี้เราทั้งคู่ไม่มีอะไรต้องทำนะสิ แต่ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปเปลี่ยนชุดแล้วละเพราะลืมไปว่าวันนี้งานเทศกาล ฉันต้องรีบไปจัดคนให้มาทำงานก่อน” ฉันพูดตอบแจ็คกลับไปดูเหมือนอันนาอาจจะไม่พอใจเล็กน้อยเลยรีบตอบสวนมาว่า
     

             “พี่คะ ท่านพี่ไม่ต้องเปลี่ยนชุดหรอกคะ งานมีตอนเย็นๆอีกอย่างงานนี้พี่หญิงไม่ต้องจัดคนหรอกคะน้องเป็นคนจัดการเรียบร้อยแล้วคะ”
     

             “อ้าว แล้วน้องทำได้ยังไงน้องให้พี่เซ็นอนุมัติตอนไหน อีกอย่างพี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อด้วย” ฉันถามน้องสาวกลับไป
     

             “ท่านพี่คะ หนูยื่นใบนี้ให้พี่เซ็นกับมือ ท่านพี่ก็เซ็นรับรองเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างนะคะถ้าพี่หญิงไม่รู้จะทำอะไรก็ไปเที่ยวชมเมืองบ้างก็ได้นะคะ พี่แต่งตัวแบบนี้คนอื่นๆจำไม่ได้หรอกคะ” อันนารีบตอบกลับมาพร้อมกับแนะวิธีแก้ปัญหาให้ด้วย
     

             “ตะแต่ว่า” ฉันพยายามพูดปฏิเสธออกไป แต่อันนาก็พูดแทรกเข้ามาก่อน
     

             “ไม่ต้องมาต่งมาแต่เลยคะ ไปเลยคะเวลาว่างแบบนี้ท่านพี่มีมากซะที่ไหน” อันนาพูดกลับมา
     

             “แต่ว่าแจ็ค” ฉันไม่รู้จะอ้างอะไรดีก็เลยหันไปขอความช่วยเหลือจากชายที่นั่งข้างๆ
     

             “เรื่องครอบครัวจัดการกันเองข้าไม่ยุ่ง” แจ็คตอบกลับมาพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ
     

             “เห้อ(เสียงถอนหายใจ) ก็ได้วันนี้พี่ยอมให้น้องสั่งวันหนึ่งละกัน” ฉันพูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นแล้วหันไปที่แจ็ค
     

             “อีกอย่างวันนี้จะได้ตอบแทนสิ่งที่ท่านได้ช่วยฉันมาด้วยนะ” ฉันพูดออกมาแล้วยิ้มให้ พอฉันพูดเสร็จก็เดินไปที่หน้าประตูวัง ซักพักแจ็คก็ตามมาพร้อมกับไม้เท้าคู่ใจ
     

             “วันนี้จะเที่ยวชมเมืองกันหรือ” แจ็คถาม
     

             “ใช่วันนี้เราจะไปเที่ยวในเมืองกันซักหน่อย จะได้ตอบแทนท่านด้วยไง” ฉันหันไปพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา
     

             “ก็เอาสิข้าก็อยากรู้เหมือนกันเจ้าจะตอบแทนข้าด้วยอะไร” แจ็คหันมาพูดแล้วก็ยิ้มแบบเดียวกับฉัน 
     

             พอเราเดินถึงหน้าประตูวันนี้ประตูเปิดค้างไว้อยู่แล้วเราก็เลยเดินออกไปเลย ฉันกับแจ็คก็เดินไปเรื่อยๆ พอเราเดินถึงลานสเก็ตวันนี้ผู้คนมาเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนทุกๆวันแต่ทำไมวันนี้รู้สึกว่าหนาวผิดปกติ
     

             “แจ็ค ฉันว่าวันนี้มันเย็นกว่าทุกๆวันรึเปล่า” ฉันหันไปถามแจ็ค
     

             “ใช่ วันนี้หนาวกว่าทุกวันเพราะข้าเป็นคนทำเองแหละ วันนี้เข้าฤดูหนาวแล้วแค่ลดอุณหภูมิให้เย็นลงนิดหน่อย” แจ็คตอบกลับมา ฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะเขาเป็นภูติแห่งฤดูหนาว ถ้าไม่ทำหน้าที่ตนเองก็แปลกละ
     

             “ฉันว่าไม่นิดแล้วนะ ดูชุดที่แต่ละคนสวมสิไม่เสื้อผ้าหนาๆก็ผ้าขนสัตว์กันทุกคนเลย” ฉันพูดพร้อมกับชี้ให้ดู
     

             “ข้าว่าข้าก็แค่ลดนิดเดียวเองนะ แต่ก็จริงอย่างที่เจ้าว่างั้นข้าเพิ่มอุณหภูมิหน่อยละกัน” แจ็คพูดขึ้นพร้อมกับยกไม้เท้าขึ้น แต่ฉันกดไม้เท้าห้ามเขาไว้ก่อน
     

             “ฉันว่านะให้มันเป็นแบบนี้นะดีแล้วที่นี่ฤดูหนาวก็หนาวประมาณนี้แหละ” ฉันพูดออกไป
     

             “อีกอย่าง ความหนาวก็ไม่ทำให้ฉันเดือนร้อนซักเท่าไหร่ ” ฉันพูดออกไป พอแจ็คได้ยินก็หลุดขำออกมา
     

             ความหนาวก็ไม่ทำให้ฉันเดือนร้อนซักเท่าไหร่ ใช้ได้นิคำพูดนี้ไว้คราวหลังข้าใช้บ้างละกัน” แจ็คพูดมาพร้อมกับหัวเราะ
     

             “ท่านก็” ฉันไม่พอใจที่ถูกล้อเลียนเลยรีบหันไปทางอื่นแล้วกอดอกเดินไปเรื่อยๆอย่างรอดเร็ว
     

             “เดี๋ยวก่อนสิเอลซ่ารอก่อน” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับวิ่งตามฉันมา

     

    Jack Frost :
     

             ตอนนี้ข้าก็เดินตามนางนางไม่ยอมพูดกับข้าเป็นเวลานานพอสมควรข้าว่ามันแปลกๆแล้วนะ
     

             “นี่เอลซ่าเจ้าเป็นอะไร” ข้าถามไปแต่นางกลับตอบมาว่า
     

             “ไม่รู้” นางพูดออกมาแค่นี้ นี่สรุปงอนข้าใช่ไหมเนี่ย พอข้าคิดได้ข้ารีบเดินไปข้างหน้านางแล้วก็พูดกับนางแล้วพูดว่า
     

             “เอลซ่าข้าขอโทษข้าผิดไปแล้วยกโทษให้ข้าเถอะนะ” ข้าพยายามขอโทษนาง แต่นางกลับตอบมาว่า
     

             “ไม่” นางตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน แต่ถ้าคิดว่านางจะพูดแค่นี้คิดผิดแล้ว
     

             “แจ็ค ฉันไม่ชอบที่เวลามีใครล้อเลียนการพูดหรือการกระทำที่ฉันทำนะ แต่ยกเว้นอันนาคนหนึ่งเพราะเธอคือน้องสาวฉัน” เธอพูดออกมาพร้อมกับ ผลักข้าไปข้างๆเหมือนข้าขวางทางนาง ข้าก็ได้แต่เดินตามนางไปแต่โดยดี
     

             “เอลซ่า ข้าขอโทษ” ข้าพยายามง้อต่อ
     

             “ไม่” นางตอบมาด้วยคำเดิมแต่น้ำเสียงนี้คือดูเบาลงเยอะ แสดงว่านางเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
     

             “น่านะคนดี ยกโทษให้คนๆนี้หน่อยนะคร้าบ” ข้าพูดออกไปดูเหมือนนางจะชอบเลยยิ้มออกมาข้าก็หวังว่าคำตอบคงจะดีขึ้นแต่ว่า
     

             “ไม่” นางรีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเหมือนเดิม ข้าก็ตกใจกับคำตอบที่ได้เล็กน้อย
     

             “ไม่ยกโทษให้ก็แปลกแล้ว” นางพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ข้ามองทีไรก็อดยิ้มตามไม่ได้ซักที พอนางพูดเสร็จก็เดินไปแล้วหันมาพูดกับข้าเบาๆว่า
     

             “ท่านจะไปด้วยกันไม่ใช่หรือจะทิ้งให้ฉันไปคนเดียวละ” ข้าก็หันไปนางแล้วตอบนางว่า
     

             “ไปด้วยสิไม่งั้นข้าจะเดินมากับเจ้าหรือ” ข้าตอบนางกลับไปแล้วเราก็เดินไปที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
     

             “สวัสดีครับคุณลูกค้ายินดีต้อนรับสู่ร้านขายเสื้อผ้าสโตนมีอะไรให้รับใช้ครับ” ชายหัวล้านเคราสีน้ำตาลยาวถึงอกเจ้าของร้านพูดกล่าวทักทายลูกค้าอย่างสุภาพ โดยที่ไม่รู้เลยว่าหญิงสาวตรงหน้าคือราชินีที่ปกครองอาณาจักรที่ตนเองอยู่อยู่
     

             “งั้นส่วนของเสื้อผ้าบุรุษอยู่ตรงไหนหรือคะ” พอนางแน่ใจว่าคนตรงหน้าจำนางไม่ได้ก็ถามคำถามให้เจ้าของร้านทราบ
     

             “ตรงไปข้างในทางขวามือครับคุณลูกค้า” เจ้าของร้านชี้ไปทางที่เอลซ่าถามแล้วพูดบางอย่าง
     

             “คุณลูกค้าจะซื้ออะไรให้คนรักของคุณลูกค้าหรือครับ” เจ้าของร้านถามมาเอลซ่าก็หน้าแดง แล้วพูดตะกุกตะกัก เจ้าของร้านเลยพูดออกมาว่า
     

             “หากคุณลูกค้าไม่สบายใจที่จะตอบก็ไม่เป็นอะไรครับเชิญตามสบายครับ” เจ้าของร้านพูดขึ้นแล้วเดินไปทางอื่น เขาเดินทะลุร่างข้าเหมือนข้าเป็นอากาศ เอลซ่าก็ตกใจเล็กน้อยที่เห็นแบบนั้น ข้าก็พูดไปว่า
     

             “ไม่เป็นไร ข้าชินแล้วละ” ข้าพูดพร้อมกับฝืนยิ้มออกมาเพื่อนให้นางสบายใจ และเดินตามนางไป
     

             ตอนนี้ข้าอยู่ในตรงที่ขายรองเท้าดูเหมือนนางกำลังจะเลือกอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนข้านะหรือข้าก็เดินไปเดินมาแถวนั้นนั่นแหละซักพักเอลซ่าก็มาสะกิดข้าจากด้านหลัง
     

             “แจ็คท่านลองใส่หน่อยได้ไหม” นางเรียกชื่อข้าพร้อมกับสะกิดหลังข้าเบาๆ ข้าก็หันไปดูเห็นรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาล ข้าก็จ้องมันซักพักก่อนที่จะถามนางว่า
     

             “จะให้ข้าใส่คู่นี้นี่นะ” ข้าถามไปนางก็พยักหน้าตอบ ข้าก็ลองใส่รองเท้าดูนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ข้าใส่รองเท้าเพราะปกติข้าจะใช้เท้าเปล่าเดิน ความรู้สึกที่ใส่ครั้งแรกคืออุ่นดีแหะ
     

             “ไหนท่านลองยืนขึ้นสิ” เอลซ่าสั่งให้ข้าลุกขึ้นยืน ข้าก็ลุกขึ้นยืนนางก็ยืนจ้องซักพัก แล้วก็ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า    
     

             “ฉันว่าแล้วว่ามันต้องเหมาะกับท่านแน่” นางพูดพร้อมกับชื่นชมผลงานตัวเอง ข้าก็ยอมให้นางเอาเสื้อมาเทียบตัวข้าต่อข้าก็ยอมเป็นหุ่นให้นางแต่โดยดี ข้านั้นสูง6ฟุต2นิ้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่นางเอาเสื้อมาเทียบตัวข้านางต้องยกแขนสูงนิดหน่อย เพราะนางนั้นตัวเล็ก ข้าก็กะความสูงประมาณคร่าวๆว่าน่าจะสูงซัก5ฟุต8นิ้วได้มั้ง ข้าก็ยืนอยู่เป็นหุ่นให้นางเทียบเสื้อไปเรื่อยๆ ซักพักข้าก็ไปสะดุดกับเสื้อที่ทำจากผ้าลินินสีขาว ข้าก็ชี้ให้นางดูนางก็เดินไปหยิบเสื้อตัวนั้นแล้วก็เทียบกับตัวข้าซักพักนางก็พูดว่า
     

             “ท่านถอดรองเท้าออกมาก่อน ฉันไปจ่ายเงินสักครู่หนึ่งนะ ท่านรออยู่ตรงนี้นะ” นางพูดมาข้าก็ทำตามที่นางบอก นางหยิบรองเท้าข้าไปแล้วไปจ่ายเงิน ข้าก็ดูตามนางไปก็รู้สึกว่าทำไมคนที่อาณาจักรจำนางไม่ได้เลย อาจเป็นเพราะทรงผมที่นางเปลี่ยนหรือไม่ก็เป็นเพราะชุดที่นางใส่ก็เป็นได้ เพราะชุดที่นางใส่นั้นมันใกล้เคียงคนกับคนทั่งไปใส่ก็เป็นไปได้ ซักพักเอลซ่าก็เดินมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
     

             “ร้านนี้เขาใจดีลดให้ เพราะปกติต้องสามเหรียญทองทว่าเขาลดให้เหลือแค่เหรียญเดียวเอง” เอลซ่าพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
     

             “ก็ดีแล้วนี่ แล้วของพวกนี้ซื้อให้ใครหรือ” ข้าถามกลับไป
     

             “ให้ท่านนะสิ” เอลซ่าพูเสร็จก็ยื่นชุดกับรองเท้ามาให้ข้า
     

             “ขอบใจนะ” ข้ากล่าวขอบคุณแล้วก็นั่งลงเพื่อใส่รองเท้าคู่ใหม่(คู่แรกด้วย)
     

     

    Elsa Snow Queen :
     

             ฉันก็มองดูเขาแต่งตัวตรงหน้าเขาค่อยๆสวมรองเท้าหนังสีน้ำตาลคู่ใหม่ ซึ่งเป็นสีเดียวกับกางเกงของเขาพอดีฉันก็มองไปเรื่อยๆซักพักเขาก็ปลดผ้าคลุมไหล่ของเขาออก แล้วลุกขึ้นยืนแล้วมองรอบๆ ฉันก็นึกว่าเขาจะหาห้องลองเสื้อที่ไหนได้เขาถอดเสื้อตัวเก่าออกตอนนี้ฉันดึงเสื้อเขาไม่ทันทำให้ฉันเห็นหุ่นของเขาอย่างชัดเจน เขาเป็นคนซ่อนรูปอย่างที่อันนาคาดคะเนไว้ไม่มีผิด แจ็คนั้นหุ่นดีมากและฉันเห็นกล้ามของเขาอย่างชัดเจน รอบต้นแขนเขาน่าจะซักประมาณ12นิ้วได้ แผ่นหลังของเขากว้างพอประมาณเห็นเป็นรูปตัวVอย่างชัดเจน อีกอย่างเขามีกล้ามหน้าทองเป็นหกลูกเรียงสวยอีก พอฉันพิจารณารูปร่างเสร็จก็รีบเอามือปิดตาอย่างรวด เพราะฉันไม่อยากเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนนานๆ ซักพักแจ็คก็พูดออกมาว่า
     

             “นี่ๆเจ้าไม่ต้องอายหรอก ที่นี่ไม่มีใครเห็นฉันอยู่แล้ว” แจ็คในตอนนี้ที่กำลังใส่เสื้อพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ
     

             “ฉันไม่ได้อายว่าจะมีคนมาเห็นท่าน แต่ที่ฉันปิดตาเพราะไม่อยากเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนตะหาก” ฉันรีบพูดกลับไป ซักพักแจ็คก็ค่อยๆแกะมือฉันออก
     

             “นี่เปิดตาได้แล้ว ข้าใส่เสร็จแล้ว” แจ็คพูดขึ้นมาพร้อมกับพยายามแกะมือฉันออก ฉันก็ค่อยๆลดมือที่อยู่ตรงหน้า เห็นแจ็คตอนนี้ที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
     

             “ขอบคุณนะที่ซื้อสิ่งเหล่านี้ให้ข้า” แจ็คกล่าวขอบคุณแล้วดึงฉันให้ลุกขึ้น
     

             “ข้าว่าเราไปที่อื่นกันดีกว่า” แจ็คพูดขึ้นมาฉันก็พยักหน้าตอบ เราก็เดินออกจากร้านโดยที่ไม่มีใครสงสัยอะไร
     

             “แจ็คดูร้านนู้นสิ” ฉันชี้ไปที่ร้านขายขนม พอแจ็คเห็นก็มองตาม
     

             “เจ้าอยากกินเหรอ” แจ็คถามมา
     

             “อื้ม” ฉันตอบแจ็คกลับไป
     

             “ก็ตามใจเจ้าละกัน” แจ็คพูดกลับมา ฉันก็เดินไปร้านนั้นแล้วซื้อขนมต้นสนมาสองชิ้นพอซื้อเสร็จก็เดินกลับไปหาแจ็ค
     

             “อันนี้ฉันให้” ฉันพูดพร้อมกับยื่นขนมชิ้นหนึ่งให้แจ็ค
     

             “ขอบคุณนะ แต่ข้าว่าข้าไม่รับดีกว่า” แจ็คพูดออกมาเชิงปฏิเสธ
     

             “ทำไมละ” ฉันถาม
     

             “ก็ก็ช่างมันเถอะ รับก็ได้” เขาพูดเสร็จแล้วก็รับมันไป เวลาแจ็คเขินนี่ดูน่ารักไปอีกแบบ แจ็คก็มองขนมชิ้นนั้นไม่รู้ว่าจะกินตรงไหนดีฉันก็พูดออกไปว่า
     

             “กินจากด้านบนซะสิจะได้ไม่ทิ่มตา” ฉันบอกวิธีกินให้เขาไปแจ็คก็ทำตาม
     

             “อร่อยดีแหะ ข้าชอบนะ” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าที่มีความสุข
     

             “เห็นไหมละ ขนมนี้ฉันชอบเป็นอันดับที่สองเลยน้า” ฉันพูดไปพร้อมกับยิ้มให้
     

             “อันดับที่สอง แล้วขนมอันดับที่หนึ่งที่เจ้าชอบคืออะไรละ” แจ็คถามมาด้วยความสงสัย
     

             “ช็อกโกแลต” ฉันพูดออกไปด้วยเสียงที่เบามากเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่บอกไม่ชอบมันเพราะทำให้อ้วน
     

             “จะอายทำไม ข้าว่ามันก็เข้ากับบุคลิกของเจ้าดีนะ” แจ็คพูดออกมาทำเอาฉันสงสัย
     

             “ยังไงเหรอ” ฉันถามออกไป
     

             “ก็ช็อกโกแลตนะมันมีทั้งรสหวานและรสขมมันก็เหมือนนิสัยของเจ้า บางทีเจ้าก็หยิ่งจนหน้ากลัวบางครั้งก็ไร้เดียงสา” แจ็คยิ้มและตอบกลับมา
     

             “ฉันไม่ได้ไร้เดียงสานะ” ฉันพูดพร้อมกับตบไปที่หลังของเขาเบาๆ
     

             ฉันกับแจ็คก็เดินเที่ยวชมในเมืองผู้คนส่วนใหญ่ภายในเมืองนั้นจำฉันไม่ได้ว่าฉันเป็นราชินีของที่นี่ แต่ถึงอย่างไรผู้คนในอาณาจักรนี้มีน้ำใจไมตรีต่อกัน บางคนก็ทักทายอย่างราวกับคุ้นเคยกันอย่างดี บ้างก็พูดย่างตรงไปตรงมา และพ่อค้าส่วนใหญ่ก็ต้อนรับอย่างดีเวลาไปเลือกซื้อของ ฉันกับแจ็คก็เดินเที่ยวในตัวเมืองไปเรื้อยๆ ฉันกับแจ็คก็เดินไปคุยไปบ้างแกล้งกันบ้าง เราต่างสนุกกันบ้าง วันนี้เป็นวันที่ดีและรู้สึกมีความสุขมากกว่าทุกๆวัน อาจเป็นเพราะวันนี้ฉันได้เป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ต้องปกปิดอะไรไว้ก็ได้ แต่ก็เหมือนอย่างที่เขาบอกกันเวลามักผ่านไปไวเสมอ กว่าฉันจะรู้ตัวก็ตอนเย็นแล้ว ฉันกับแจ็คก็เดินกลับปราสาทกันพอฉันเดินเข้าเขตปราสาทฉันก็เห็นว่าสถานที่นั้นถูกตกแต่งผิดกับตอนเช้าโดยไม่มีผิด ซักพักฉันก็ได้ยินเสียงอันนาเรียกขึ้นมาว่า
     

             “พี่เอลซ่า พี่เอลซ่า น้องตามหาซะตั้งนาน พี่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นกล่าวเลยนะคะ อันนารีบพูดอย่างร้อนรน
     

             ขึ้นกล่าว กล่าวอะไร พี่พึ่งมาพี่งมาถึงเองนะอันนา ฉันถามน้องไป

             ขึ้นกล่าวในงานต้อนรับฤดูหนาวยังไงละคะ อันนาตอบกลับมาแล้วพูดต่อ

             ยังไงก็ต้องรีบๆหน่อยคะอีกสองนาทีจะเริ่มแล้วนะคะ อันนาพูดมาทำเอาฉันตกใจเล็กน้อย
             “เมื่อกี้น้องว่าไงยังนะ ฉันถามกลับไป

             “อีกสองนาทีคะ อันนาตอบกลับมา

             “พี่ว่าแต่งตัวไม่ทันแล้วละ พี่ขึ้นไปพูดเลยละกัน ฉันพูดขึ้น

             “แต่ว่าชุดแบบนี้นะเหรอคะ อันนาถามมาฉันก็พยักหน้าตอบ

             “ไม่เป็นไรหรอกอันนา นี่น้อยช่วยมัดเปียให้พี่ที ฉันสั่งให้อันนาทำอันนาก็เปียเสร็จอย่างรวดเร็ว

             “ขอบใจนะ ฉันบอกขอบคุณอันนาหลังจากที่เธอมันผมให้ฉันเสร็จ จากนั้นฉันก็เดินไปยังลานตรงกลางเพื่อกล่าวอะไรเล็กน้อยสำหรับงานฤดูหนาว
     

             ระหว่าที่ฉันเดินไปยังกลางลานสเก็ตฉันก็ได้เสกชุดขึ้นมาเหมือนตอนที่ปลดปล่อยพลังครั้งแรก ฉันก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับมีแสงส่องสว่างออกมาไล่จากข้างล่างขึ้นข้างบน เสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่แต่เดิมตอนนี้มันค่อยๆเปลี่ยนเป็นชุดเดรสที่สร้างมาจากพลังแห่งน้ำแข็งและหิมะ พอฉันเดินมาถึงกลางลานทุกคนต่างมองฉันด้วยความตกตะลึง ฉันก็รีบสั่งให้คนดำเนินงานเริ่มพูด
     

             “บัดนี้ราชินีเอลซ่า องค์ราชินีที่ 2 แห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์ได้เดินทางมาถึงแล้วขอให้ทุกคนสำรวมกิริยาด้วย” คำดำเนินงานพูดขึ้นมา แล้วก็หันมาที่ฉันให้ฉันเริ่มพูด
     

             “วันนี้เป็นวันที่ดี” ฉันพูดออกไปแล้วมองรอบๆ
     

             “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เราขอขอบคุณทุกๆท่านที่คอยช่วยเหลืออาณาจักรแห่งนี้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง” ฉันพูดต่อแล้วดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้คนจะเริ่มตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันจะพูด
     

             “และขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่คอยเก็บสะสมเสบียงและอาหารไว้ทำให้วันนี้เรามีปริมาณมากพอที่จะเลี้ยงชาวเมืองทุกๆท่านได้ในตลอดหน้าหนาวนี้” 
     

             “และขอขอบคุณที่ยกโทษและยอมรับให้ฉันเป็นคนปกครองอาณาจักรแห่งนี้ ถึงแม้ว่าตอนที่ฉันได้รับตำแหน่งใหม่ๆฉันจะก่อปัญหาอันใหญ่หลวงไว้” ฉันพูดต่อแล้วบางส่วนก็พยักหน้า บางส่วนเห็นด้วย
     

             “เพราะฉะนั้นวันนี้ เราจะลาฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวและความสุนทรีย์กันไปก่อน”
     

             “แล้วเราจะต้อนรับฤดูหนาวที่หนาวเหน็บและน่าหวาดกลัว แต่มันก็ยังคงมีความสวยงามอยู่บ้างและยังสามารถรู้สึกอบอุ่นได้ด้วยสายใยรักแห่งครอบครัว” ฉันพูดแล้วหันไปหาอันนา
     

             “สุดท้ายนี้ถึงฤดูกาลจะเปลี่ยนไปยังไง แต่ตัวเรายังคงรักและคอยดูแลปกป้องทุกๆท่านด้วยความเต็มใจ” ฉันพูดออกไปแล้วเว้นไว้ซักระยะหนึ่ง
     

             “เพราะเหตุในนะหรือ เพราะว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน” ฉันพูดเสร็จทุกๆคนก็ต่างพากันปรบมือ บางคนก็น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติ ฉันก็ยิ้มตอบพวกเขาไปแล้วพูดว่า
     

             “และสุดท้ายนี้ยินดีต้อนรับสู่เทศกาลต้อนรับฤดูหนาว” ฉันพูดเสร็จก็รวมรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือแล้วเสกมันไปขึ้นบนฟ้าพอถึงจุดๆหนึ่งมันก็กระจายออกเป็นเกล็ดหิมะเล็กๆโปรยปรายไปรอบๆสถานที่แห่งนี้ ซักพักดนตรีก็บรรเลงทุกคนก็ต่างพากันสนุกสนานไปกับงานเทศกาล พอฉันเห็นแบบนี้แล้วก็เดินออกมา เห็นอันนาทะเลาะกับคริสตอฟอยู่
     

             “เมื่อกี้นายบอกว่าเห็นเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้วงั้นหรือ” อันนาขึ้นเสียงใส่คริสตอฟ
     

             “ก็ใช่นะสิ” คริสตอฟตอบกลับมา
     

             “แล้วทำไมนายไม่บอกฉันเล่า” อันนารีบถาม
     

             “ก็ฉันกลัวว่าเธอจะหาว่าฉันบ้านะสิ” คริสตอฟตอบ
     

             “ไม่รู้ละ ยังไงนายก็ผิด ฉันไปละ” อันนาพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในงานทิ้งคริสตอฟอยู่คนเดียว
     

             “เดี๋ยวก่อนสิอันนา องค์ราชินี” คริสตอฟจะไปตามอันนาแต่เห็นฉันก่อนเลยหยุดไป
     

             “ไปตามง้อซะสิ คู่หมั้นเจ้ามิใช่หรือ” ฉันบอกคริสตอฟไปพอคริสตอฟได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วเดินไปหาอันนา
     

             “อันนารอด้วย” คริสตอฟพูดออกไป
     

             “แน่จริงก็ตามให้ทันสิ” อันนาขานตอบกลับมาแล้วทั้งคู่ก็เดินหายไปในฝูงชน ฉันก็มองบรรยากาศรอบๆมันก็ดูครื้นเครงดีซักพักฉันก็ได้รับรู้ถึงอะไรเย็นๆอยู่ข้างหลังฉัน ฉันก็หันไปมองเห็นแจ็คยืนอยู่
     

             “วาอุตส่าว่าจะแกล้งเล่นซักหน่อยอดเลยเรา” แจ็คพูดออกมาทำเอาฉันหัวเราะเบาๆ
     

             “ก็นายแผ่ไอเย็นมาขนาดนี้ไม่รู้สึกก็แปลกแล้วละ” ฉันตอบกลับไป
     

             “เมื่อกี้นี่เจ้าพูดได้ดีนิ” แจ็คพูดออกมาแล้วพูดต่อว่า
     

             “แล้วเมื่อกี้พูดตามสะคลิปหรือด้นสดละ” แจ็คถาม
     

             “พูดสดนั่นแหละ” ฉันตอบกลับไป
     

             “พูดได้ดีนี่ ทำเอาเกือบน้ำตาไหล” แจ็คชมฉันนี่ฉันหูฝาดรึเปล่า
     

             “ข้าว่าเราเดินดูรอบๆงานกันเถอะเพราะน้องเจ้าวางแผนทั้งทีนี่เนอะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉันฉันก็ยิ้มตอบเขาไป
     

             ฉันกับแจ็คก็เดินดูงานที่อันนาจัดซึ่งน้องสาวคนนี้จัดตกแต่งอะไรได้ดีกว่าฉันเสียอีกงั้นไว้คราวหน้าให้น้องฉันคิดแบบแผนเพื่อจัดงานท่าจะดี ฉันก็เดินไปเหล่าผู้คนในเมืองก็ต้อนรับอย่างดี ดูเหมือนคุฯสโตนจะมาด้วยเขารู้สึกเขินอายนิดหน่อยเวลาฉันถามเขาเขาก็ขอโทษว่าที่ต้อนรับไม่ให้สมเกียรติ์ ฉันก็ตอบไปว่าทำอย่างนั้นดีแล้วจะได้เรียกลูกค้าได้เยอะๆ ซักพักกลุ่มเด็กๆก็วิ่งมาหาฉันฉันก็คุกเข่าลงเพื่อทักทายพวกเขา พวกเด็กๆชอบให้ฉันเสกหิมะให้ดูหรือไม่ก็ขอของที่ระลึกจากฉัน ซักพักฉันก็ได้ยินเสียงดนตรีที่เปลี่ยนไปมันเป็นเสียงดนตรีที่ใช้สำหรับงานเต้นรำ ฉันก็เดินไปที่กลางลานเห็นผู้คนมากมายหลายคู่เต้นกันบริเวณนั้น แน่นอนคริสตอฟกับอันนาก็อยู่ที่นั่นด้วย ฉันก็ได้แต่มองพวกเขาไปเพราะว่าไม่มีทางที่ฉันจะได้ไปเหยีบบนฟลอเต้นแบบนั้นเพราะฉันนั้นไม่มีคู่ที่จะเต้นด้วย ซักพักแจ็คก็มากระซิบข้างหูว่า
     

             “เจ้าอยากออกไปงั้นหรือ” เขาถามออกมาฉันก็ตอบเขากลับไปว่า
     

             “อยากสิแต่ฉันคงไม่มีโอกาส” ฉันพูดออกไปแล้วพูดต่อ
     

             “เพราะว่าฉันนั้นไม่มีคู่เต้น” ฉนพูดเสร็จก็ทำหน้าสลด
     

             “เฮ้อ(เสียงถอนหายใจ) ถ้าเจ้าอยากเต้นนักก็คู่กับข้าก็ได้” แจ็คพูดออกมาฉันก็หันไปหาเขา
     

             “ท่านเต้นรำแบบนี้เป็นด้วยหรือ” ฉันถามออกไป เขาก็พยักหน้าตอบแล้วพูดว่า
     

             “นี่เอลซ่าข้าอยู่มาก็หลายปีแล้ว ทำไมแค่การเต้นรำของคนชั้นสูงข้าจะเต้นไม่ได้ละ” แจ็คพูดออกมาพร้อมกับยักไหล่
     

             “อีกอย่าง ข้าว่าชุดนี้คงไม่เหมาะกับการเต้นในงานอย่างนี้แน่” พูดเสร็จแจ็คก็เอาไม้เคาะที่ผ้าคลุมที่เขาสวมอยู่ผ้าคลุมนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบราชการแบบเดียวกับที่ท่านพ่อเคยใส่เพียงแต่มันเป็นสีฟ้าอ่อน กางเกงของเขาก็เปลี้ยนไปเช่นเดียวกันมันเปลี่ยนจากที่ดูรุงรังมาเป็นแบบสุภาพมีเพียงแต่รองเท้าและเสื้อที่ยู่ด้านในเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง พอเขาเปลี่ยนชุดด้วยวิธีเดียวกับฉันพอเขาเปลี่ยนเสร็จกักไม้เท้าลงที่ข้างตัวแล้วยื่นมือมาพร้อมพูดว่า
     

             “เอลซ่าช่วยเต้นรำกับกับข้าได้ไหม” เขาพูดมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงอีกครั้ง ฉันก็ยิ้มและยื่นมือไปจับมือของเขา
     

             “ตกลงคะ” ฉันตอบตกลงไปแล้วฉันกับแจ็คก็เดินไปที่กลางฟลอร์ด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาที่จับจ้อง

     

    Narrattor :
     

             หลังจากที่เอลซ่าและแจ็คได้เดินไปที่กลางฟลอร์เต้นรำ ทั้งคู่ก็เริ่มขยับร่างกายไปตามจังหวะและเสียงดนตรี ผู้คนๆอื่นๆต่างก็ตกใจว่าทำไมองค์ราชินีถึงได้เข้ามาในฟลอร์แล้วมาเต้นรำเพียงคนเดียว ซึ่งความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย
     

             “แจ็ค” เอลซ่าพูดออกมา
     

             “ทำไมหรือเอลซ่า” แจ็คก็ขานตอบ
     

             “ผู้คนเริ่มมองฉันแปลกๆแล้วละสิ ฉันเริ่มกังวลแล้วนะ” เอลซ่าพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่สบายใจทำให้แจ็ค ฟรอสต์ คอยพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น
     

             “ไม่เป็นไรเอลซ่าเจ้าไม่ต้องคิดอะไร เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไปเอง” แจ็คพูดกับเอลซ่าทำให้เอลซ่ารู้สึกดีขึ้นมาก เอลซ่าก็พูดกลับไปว่า
     

             “ฉันจะลองเชื่อท่านดู” เอลซ่าพูดจบ แจ็คก็ยิ้มตอบกลับไป
     

             ทั้งคู่ก็เต้นรำกันต่อโดยไม่ได้ก้าวพลาดหรืออะไรเลย ทั้งคู่ต่างยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข พอเต้นไปได้ซักพักเอลซ่าก็พูดว่า
     

             “แจ็คท่านว่าเรื่องระหว่างเราจะเป็นไปได้ไหม” เอลซ่าถามด้วยความเขินอาย
     

             “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ละ” แจ็คถามกลับไปด้วยความสงสัย
     

             “ก็ฉันเป็นมนุษย์ส่วนท่านเป็นภูติเรื่องระหว่างเรามันอาจ” เอลซ่าตอบกลับไปแต่พูดไม่ทันจบมือหนาของของชายตรงหน้าก็มาปิดปากของตนเอาไว้
     

             “แต่ข้าว่ามันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเจ้าว่างั้นไหม” ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอถามออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอก็ยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับคำพูดที่ว่า
     

             “ใช่ฉันจะเสี่ยงที่จะรัก แต่ว่าแจ็คฉันก็ไม่ได้หนุ่มสาวตลอดกาลฉันก็ย่อมแก่ตัวลงทุกๆวัน ท่านรู้อย่างนี้ท่านยังจะรักฉันอยู่หรือ” เอลซ่าถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจนัก
     

             “ต่อให้เจ้าจะเป็นยายแก่หนังเหี่ยวยังไงและต่อให้เจ้าตายไป ข้าก็จะรักเจ้าตลอดกาลและตลอดไป”( I will always love you forever. ) แจ็คให้คำสัญญาแก่หญิงสาวตรงหน้าพอได้ยินคำตอบนั้นก็ยิ้มตอบให้ และซักพักแจ็คก็พูดกับอเลซ่าต่อว่า
     

             Because My love in the air around for you” แจ็คพูดจบเอลซ่ายิ้มกับคำตอบ ทั้งคู่เต้นไปซักพักแล้วก็หยุดลงเพราะเพลงนั้นได้หยุดบรรเลง
     

             “แจ็คฉันเลือกรักท่าน ท่านจะเลือกรักฉันไหม” เอลซ่าถาม
     

             “ข้าเลือกเจ้านานแล้ว ข้าก็รอคำๆนี่จากเจ้าเหมือนกัน” พอแจ็คพูดเสร็จก็โน้มใบหน้าไปประกบริมฝีปากหญิงสาวคนข้างหน้าอย่างแผ่วเบาเพียงครู่เดียว พอเสร็จแล้วแจ็คก็พูดต่อว่า
     

             “ข้ารักเจ้านะเอลซ่า” เอลซ่าได้ยินก็ตอบกลับไปว่า
     

             “ฉันก็รักท่าน ผู้พิทักษ์ของฉัน” เอลซ่าพูดเสร็จก็กอดคอแจ็คให้โน้มตัวลงมา
     

             การจูบกันครั้งนี้ยาวนานพอประมาณในช่วงที่ทั้งคู่จูบกันอยู่นั้นผู้คนภายในเมืองกลับเริ่มมองเห็นแจ็ค ฟรอสต์โดยที่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุ แต่หญิงสาวหลายคนต่างตกตะลึงในความหล่อเหลาปานเทพบุตรของเขา และในที่สุดที่สุดทั้งคู่ก็คลายจูบแก่กัน แต่กอดกันอยู่ทั้งคู่รู้สึกถึงน้ำที่ระเหยจากพื้นที่ตนเองเหยียบ ทั้งคู่ก็มองดูเหตุการณ์รอบๆตัวเองแจ็คก็พูดขึ้นมาว่า
     

             “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เขาดูเหตุการณ์รอบๆตัวเองพร้อมกับถามออกมา เอลซ่าก็เหน้าผากตนเองไปซบที่แผงอกที่แข็งแรงของแจ็คแล้วพูดออกมาว่า
     

             “มีเพียงความรักเท่านั้นที่ละลายน้ำแข็งของฉันได้ ตอนนี้มันละลายนี่แหละคือความรู้สึกของฉัน” เอลซ่าพูดเสร็จก็เอาหัวออกจากตรงนั้นแล้วก็จับมือของแจ็ค
     

             “เอลซ่า” แจ็คพูดขึ้นมา
     

             “มีไรหรือแจ็ค” เอลซ่าถาม
     

             “ข้าต้องลาเจ้าไปก่อนนะ” แจ็คพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าเล็กน้อย
     

             “ทำไมละ ท่านไม่รักข้าแล้วเหรอ” เอลซ่าถามมาด้วยความเศร้าใจ
     

             “เปล่าเอลซ่าข้ารักเจ้านะ แต่ตอนนี้ข้าคงต้องไปทำหน้าที่ของข้าก่อนเพราะตอนนี้ฤดูหนาวแล้ว แต่พอข้าทำหน้าที่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาแน่นอน เจ้าสัญญาได้ไหมว่าเจ้าจะรอข้าโดยที่ไปมีชายอื่นก่อน” แจ็คตอบคำถามขอองเอลซ่าและถามออกไป
     

             “ได้สิ แต่ท่านสัญญากับฉันก่อนนะว่าจะกลับมาก่อนวันแต่งของอันนา” เอลซ่าถามออกไป
     

             “ได้สิข้าสัญญา” แจ็คพูดเสร็จก็หอมแก้มเอลซ่าไปทีหนึ่งแล้วก็ค่อยๆลอยออกไปพร้อมกับไม้เท้าประจำตัว
     

             “สัญญาแล้วนะอย่าลืมละ” เอลซ่าพูดออกไปพร้อมกับโบกมือลา แจ็คเห็นแล้วได้ยินดังนั้นก็ยิ้มตอบเขาโบกไม้เท้าไปรอบหนึ่งก่อนที่จะบินหายลับไป ซักพี่ที่อาณาจักแห่งนี้หิมะก็เริ่มตก
     

             “องค์ราชินีเพคะชายคนนั้นคือใครหรือเพคะ” คนในวังคนหนึ่งถามออกมาเอลซ่าก็ตอบไปสั้นๆว่า
     

             “ชายคนนั้นคือคนรักของฉันเอง” เอลซ่าตอบกลับไปแล้วเดินเข้าไปในปราสาททิ้งให้คนที่อยู่ข้างนอกสงสัย

    .

    .

    .

    To Be Continued

     

    ……………………………………………………………………………………….
     

    วู้วจบไปแล้วนะครับสำหรับ Chapter 9 : Always อาจติดๆขัดๆนิดหน่อยแต่ก็หวังว่าจะชอบกันนะครับ ต้องขอโทษที่ทำให้รอกันนานนะครับ แต่ถ้าคิดว่าฟิคนี้จบแล้วยังไม่จบนะครับเพราะผมวางแผนไว้ว่าจะเขียนไปทั้งหมด13ตอนจบนะครับ
     

    นี่คือรายชื่อตอนต่อๆไปที่จะลงนะครับ
     

    Chapter 10 : Anna’s Wedding
     

    Very shot fiction : When I was your man (Hans story)
     

    Chapter 11 : Our Wedding
     

    Chapter 12 : Children
     

    Special Chapter : Alize story (Crossover melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ)
     

    Chapter 13 : I want to see you again (Ending)
     

    แต่ถ้าไม่พอใจอะไรจะให้ปรับปรุงตอนไหนก็คอมเมนต์มาได้นะครับ
     

    สำหรับในที่นี้ขอลาไปก่อนครับสวัสดีครับ

            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×