ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพเบี่ยงรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 56


    ตอนที่ 4
     

    มีเพียงปลายนภาเท่านั้นที่รู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังสนุกสนานกับการร่วมวงสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ ทำอย่างกับว่าไม่เคยมีเรื่องน่าอายที่หลุดออกมาจากปากของเธอในก่อนหน้านี้อย่างนั้นแหละ หญิงสาวแอบค่อนขอดทุกคนที่มานั่งร่วมโต๊ะสนทนากันอยู่ในใจ

    ก็คงจะไม่มีใครรับรู้ถึงความว้าวุ่นที่อยู่ในใจของเธอสักเท่าไหร่ อดิรุธกำลังคุยจ้อกับหนูติ่งและหนูต่อ ซึ่งดูทั้งสองสาวเทียมจะติดอกติดใจและสนุกสนานไปกับการได้นั่งสนทนากับคุณหมอหนุ่มรูปงามจนลืมคนรอบข้างอย่างเธอที่นั่งหน้านิ่งแต่ร้อนวาบที่อก จะมีก็เพียงหมอหนุ่มอีกคนที่เพียงแค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ออกความคิดเห็นบ้างเป็นบางครั้งและหันมายิ้มอ่อนๆ ให้เธอเป็นระยะๆ

    ไม่มีอะไรที่ให้ปลายนภาได้ทำ ทนนั่งฟังจนกาแฟในแก้วหมดหญิงสาวจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำ

    คนหนึ่งหมอกระดูก อีกสองคนก็ดีไซเนอร์ มีอะไรที่ต้องคุยกันนักหนา หญิงสาวแอบบ่นต่อหน้ากระจก ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอดิรุธเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมักจะตระหนี่คำพูดกับเธอแต่สำหรับคนอื่นกลับพูดเป็นต่อยหอยไปได้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนสองบุคลิกหรือยังไงนะ!

    ตอนที่เธอลุกจากเก้าอี้เห็นว่าเขาตวัดสายตามามองที่เธอเพียงแวบเดียวก่อนจะหันกลับไปอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องกระดูกที่สองดีไซเนอร์สาวเทียมสนใจใคร่รู้ต่อ ซึ่งเธอแอบตาขวางกับสองสาวเทียมอย่างลับๆ เมื่อเดินผ่านหมอหนุ่มตอนที่เธอเดินมาเข้าห้องน้ำ ปลายนภาก็แอบทิ้งประโยคสั้นๆ ให้เพียงเขาได้ยินหนึ่งประโยค หมอกระดูกนี่มันเกี่ยวอะไรกับการออกแบบเสื้อผ้ามิทราบ

    บ่นอยู่คนเดียวจนพอใจแล้วจึงยอมออกจากห้องน้ำ ดูเหมือนว่าหล่อนจะใช้เวลาอยู่ในนี้นานเกินไปเสียสักหน่อย เมื่อเดินออกมาก็เจอร่างสูงของอดิรุธยืนรออยู่

    หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย

    คุณมาทำอะไรตรงนี้ค่ะ เพื่อความมั่นใจปลายนภาจึงหันไปมองที่ป้ายทางเข้าอีกครั้ง เห็นชัดว่ามีคำว่า ‘lady’ ติดอยู่ที่ป้ายทางเข้า นี่มันหน้าห้องน้ำหญิงนะคะ

    มารอคุณ

    รอฉัน!” ปลายนภาชี้ที่ตัวเอง พร้อมส่ายหน้าไม่เช้าใจ รอฉันทำไมคะ!” มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องมายืนเฝ้าหล่อนที่หน้าห้องน้ำหญิงแบบนี้ด้วย

    ทุกคนจะกลับกันแล้ว ก็เลย…”

    ค่ะหญิงสาวเข้าใจขึ้นมาทันที แล้วเอ่ย ขอโทษทีนะคะ ฉันเติมหน้านานไปหน่อย

    คำพูดของปลายนภาทำให้อดิรุธเกือบอ้าปากค้าง คำว่า เติมหน้านานไปหน่อย ทำให้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เห็นร่างบางทำท่าจะก้าวเดิน มือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ก็รีบชักออกมาคว้ามือบางของหญิงสาวไว้ทันที

     ความร้อนวูบประทะเข้าที่ข้อมือ ปลายนภาร้อนวาบขึ้นมาที่หัวใจจนต้องรีบระงับการเต้นแรงของมัน มีอะไรอีกคะน้ำเสียงนั้นดูจะสั่นเล็กน้อยขณะที่หันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม

    กลับไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะหญิงสาวฝืนยิ้มบางๆ กลบเกลื่อนความร้อนลึกที่อยู่ในอก ไม่ชอบอยู่ลำพังสองต่อสองกับเขาคนนี้ ยิ่งเวลาที่เห็นเขาทำหน้าสงบลึกแบบที่หล่อนคาดเดาความรู้สึกนึกคิดของเขาไม่ออกด้วยแล้ว ทำให้รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามาหาตัวหล่อนอย่างเงียบๆ โดยที่หล่อนก็ไม่สามารถเตรียมการรับมือได้ด้วย

    ก่อนจะกลับเข้าไป คุณกับผมต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

    คุย ปลายนภาเผลอเสียงสูง ไม่ทันคิดเสียด้วยซ้ำว่าเขาต้องการพูดกับหล่อนเรื่องอะไร เพราะความร้อนประหลาดยิ่งแผ่ซ่านไปทั่วข้อมือแล้ว อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเผาข้อมือเธอได้หรือไม่

    คุณปล่อยมือฉันก่อนสิคะพยายามดึงมือที่อยู่ในพันธนาการของเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผลจะคุยอะไรก็คุย แต่ไม่ใช่ที่นี่ นี่มันหน้าห้องน้ำ เขาไม่ห่วงหน้าตา ชื่อเสียง ทางสังคมของเขาก็ช่าง แต่สำหรับหล่อนนั้นห่วง ห่วงมากๆ เสียด้วย ดูรอบกายของเขาและเธอตอนนี้สิ มีผู้คนที่ผ่านไปมาเยอะแยะแถมเริ่มมองมาอย่างสนใจใคร่รู้ บางสายตาดูเหมือนจะจำเธอและเขาได้จากข่าวหรือนิตยสารทั่วไป นี้ถ้าเผลอมีนักข่าวแถวนี้ด้วยล่ะก็ โอ๊ยหล่อนไม่อยากคิด คงต้องไม่พ้นได้ขึ้นหราบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้งหลังจากได้ขึ้นมาแล้วตอนวันงานแต่งของเธอกับเขา คู่สามีภรรยาตระกูลดังทำไมถึงมายืนยื้อยุดฉุดกระชากลากถูกันที่หน้าห้องน้ำแบบนี้ แว่วว่าขาเตียงเริ่มสั่นคลอนคงจะมีมูลความจริง ทั้งที่เพิ่งแต่งงานไม่ทันถึงครึ่งปี งานนี้ดูท่าว่าสาวๆ ทั่วประเทศคงได้กลับมาเฮกันยกใหญ่ หลังจากได้เสียน้ำตาเพราะอกหักดังเป๊าะกันมาแล้วตอนที่ชายในฝันแห่งปี อย่างนายแพทย์อดิรุธ พิรชลธุ์ ประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบกับไฮโซสาวแสนสวยอย่าง ปลายนภา ชีวกิตรเฮ้อปลายนภาแอบถอนหายใจ ถ้ามีข่าวออกมาจริง พรุ่งนี้คงมีคนยกหูโทรศัพท์มาถามเธอให้แซ่ด

    คุณรุธปลายนภาเอ่ยเร่งเสียงแข็ง รีบปล่อยสิคะ ไม่เห็นหรือไงคนมองใหญ่แล้ว

    อดิรุธหยุดชะงักไปเล็กน้อยกับน้ำเสียงของคนตรงหน้า ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากข้อมือบาง แล้วก็รีบเอ่ยบอก รอให้ถึงบ้านแล้วเราคุยพูดกัน

    ทีนี้ร่างสูงของเขากลับขยับตัวเดินออกไปก่อนหล่อนเสียด้วยซ้ำ ทิ้งให้หล่อนยืนค้างในอารมณ์อยู่คนเดียว ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองควรจะต้องรีบออกจากบริเวณนี้ก็เนื่องจากเห็นฝูงคนเริ่มจับจ้องที่หล่อนเป็นตาเดียวแถมยังป้องปากทำท่าซุบซิบกันต่อหน้าต่อตาเธอโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด

     

    บรรยากาศแปลกๆ...

    หนูติ่งกับหนูต่อใจตรงกันขณะยืนมองมองสองสามีภรรยาเดินไปขึ้นรถหลังจากกล่าวทักทายและกล่าวลาพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    หนูต่อมีสีหน้าครุ่นคิด ส่วนหนูติ่งก็ดูเคร่งเครียด มีเพียงแค่ดนัยเท่านั้นที่ยืนสังเกตการณ์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม รอจังหวะให้คู่สามีภรรยาตระกูลดังเดินไปถึงที่จอดรถแล้ว เขาจึงสบโอกาสเอ่ยขึ้น

    ยืนคิดอะไรอยู่ครับสาวๆ ไปขึ้นรถเถอะครับ รถผมอยู่ตรงนี้ชายหนุ่มชี้มือไปยังรถที่จอดห่างจากที่ทุกคนยืนอยู่แต่สองก้าว เดี๋ยวสารถีสุดหล่อคนนี้จะบริการไปส่งให้ รับรองถึงบ้านอย่างปลอดภัยหายห่วงคนที่รับอาสาเป็นสารถีกล่าวเชื้อเชิญแต่ไร้การตอบสนองจากผู้โดยสาร คิ้วหนาของชายหนุ่มจึงเลิกขึ้น พร้อมกับหันไปจ้องยังสิ่งที่ทำให้ผู้โดยสารของเขาสนอกสนใจจนไม่ยอมละสายตามาสนใจอย่างอื่น ดนัยเปิดยิ้มเมื่อเข้าใจในเหตุผลก่อนจะเอ่ยเย้าปลุกสติสองสาวเทียมที่เอาแต่ตกอยู่ในความคิดนั้นอีกครั้ง

    อย่าเป็นห่วงไปเลยครับ เมื่อกี้ก็ได้ยินจากคุณปลายแล้วนี่ครับ ว่านายรุธน่ะ ทั้งแซ็กซี่ทั้งร้อนแรงดนัยกลั้นหัวเราะเมื่อหวนนึกถึงน้ำเสียงของปลายนภาที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา ไม่รู้สิ ทำไมมันรู้สึกตลกเมื่อเป็นคำพูดที่มาจากผู้หญิงที่ชื่อปลายนภาคนนี้ก็ไม่รู้

    คำพูดของดนัยได้ผล หนูติ่งกับหนูต่อหันมายังผู้พูดพร้อมกัน น้องนัยแน่ใจนะ!” น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความประหลาดใจ แต่พวกพี่ไม่คิดอย่างนั้นเลยค่ะภาพที่เห็นมันขัดกับความรู้สึกชอบกล ภาพหนุ่มหล่อที่เดินโอบเอวภรรยาสาวสวยที่เห็นเบื้องหน้ามันดูสมจริงไหลลื่นแต่ก็ขัดตาเล็กน้อยกับท่าทีขัดเขินของปลายนภาที่ปิดไม่มิด ความแคลงใจจึงติดค้างอยู่ที่สายตาของหนูติ่งและหนูต่อ บอกตามตรงนะคะ ถ้านั้นไม่ใช้ฉากหนึ่งที่ทั้งสองคนนั้นแสดงตบตาพวกเรา พี่จะดีใจมากเลยค่ะ

     ผมถามจริง ทุกคนคาดหวังและเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตครอบครัวของพวกเขาสองคนจนเกินความเหมาะสมไปหรือเปล่าครับ ดนัยออกความเห็น

    ประโยคนั้นทำให้คนที่เหลือได้แต่เงียบงันไป

    ทุกคนคิดหรือครับ ว่าการช่วยเหลือของพวกเราจะทำให้คนสองคนที่เอ่อ…” หมอหนุ่มหยุดพูดไปเล็กน้อยแล้วตัดสินใจพูดออกมาด้วยเสียงที่เบากว่าตอนแรก ไม่ได้รัก จะเปลี่ยนมารักกันได้ ผมว่ามันดูฝืนธรรมชาติของคนสองคนเกินไป ความใกล้ชิดและแรงเชียร์อย่างเดียวมันไม่พอหรอกครับ ถ้าคนสองคนนั้นไม่มีสารตั้งต้นของความรักให้กันและกันอยู่เลย

     

    บ้านที่อดิรุธบอกก่อนหน้า หมายถึงบ้านที่มารดาของเขาอาศัยอยู่ ซึ่งผิดกับความเข้าใจแรกของปลายนภาที่คิดว่าเขาหมายถึงบ้านที่เป็นเรือนหอของเขาและเธอ ปลายนภาขยับตัวเมื่อรถเลี้ยวผ่านประตูเข้ามาจอดตรงหน้าคฤหาสน์พิรชลธุ์

    ปลายนภาเกิดคำถามขึ้นทันที ครั้นจะอ้าปากเขาก็เอ่ยขึ้นมาก่อน เหมือนหยั่งรู้ความคิดของหล่อน

    ผมรับปากคุณแม่ไว้ ว่าวันนี้จะแวะมาทานข้าวที่นี้เสียงที่เอ่ยนั้นเรียบนิ่ง

    เมื่อไหร่คะเสียงเครื่องยนต์ดับลงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครเปิดประตูก้าวลงจากรถ

    ตอนที่รอคุณอยู่หน้าห้องน้ำ

    เอ๊ะแล้วทำไมคุณไม่บอกตั้งแต่นั้น

    ผมก็กำลังจะบอก แต่คุณเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าให้มาคุยกันที่บ้าน

    อ่ะ…”

    นี้ก็ถึงบ้านแล้ว

    แล้วอย่างนี้จะทำไงล่ะคะ ฉันไม่ได้เตรียมของมาไหว้คุณแม่ด้วย เสียงมารยาทตายเลย มาหาผู้ใหญ่ทั้งทีแต่มามือเปล่าประโยคนั้นห้วนด้วยอารมณ์ ไม่พอใจกับการกระทำของคนข้างๆ

    คุณอย่าห่วงไปเลย คุณแม่ไม่ใช่คนชอบหยุมหยิมกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอก

    แต่มันจะดูไม่สมควรนะสิคะ ตั้งแต่แต่งงานฉันยังไม่ได้มากราบคุณแม่ของคุณเลย แล้วนี้พอจะมาก็...อดกระดากในใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่คืนเข้าหอ หล่อนก็แจ้นบินไปที่ญี่ปุ่นถึงห้าเดือน นี่กลับมาได้เกือบอาทิตย์แล้วแต่ก็ยังไม่ได้เข้ามากราบผู้เป็นแม่สามีตามกฎหมาย ซึ่งหล่อนควรจะทำเพราะเป็นมารยาทที่ดีที่สังคมเขาปฏิบัติกัน  

    เอาเถอะคุณอดิรุธตัดบท เข้าไปในบ้านกันดีกว่า ส่วนถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจัดการเอง

    เพียงคำพูดของเขาแค่นั้น แต่ปลายนภากลับรู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดเหล่านั้นอย่างหมดใจ ใบหน้าสวยพยักตอบรับก่อนจะหันไปเปิดประตูรถออกไป แต่แต่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ ต้นแขนข้างขวาก็ถูกอดิรุธคว้าไว้ก่อน มันเป็นอีกครั้งที่หัวใจเธอเต้นแรงผิดปรกติ

    ค่ะ คุณมีอะไรอีก ดูเหมือนคำถามของปลายนภาจะเป็นเพียงลมปากเมื่อเขาไม่สนใจที่จะตอบแต่พุ่งคำถามที่เขาสนใจเท่านั้นมายังหล่อน

    แหวนของคุณไปไหน

    แหวน แหวนอะไรสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

    แหวนแต่งงานอดิรุธถอนลมหายใจ คุณจะเข้าไปพบคุณแม่ทั้งๆ ที่ไม่มีแหวนแต่งงานไม่ได้น้ำเสียงที่อธิบายต่อนั้นราบเรียบ ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เรื่องที่คุณจะสวมหรือไม่สวมมัน แต่ผมขอ...ถ้าอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งคุณแม่ของผมและคุณแม่ของคุณ คุณช่วยสวมมันไว้หน่อยก็ดี ผู้ใหญ่เขาจะได้ไม่สงสัย

    สงสัยเรื่องอะไรค่ะ เรื่องแหวนแค่นี้นี่นะ

    ปลายนภาถอนหายใจบ้าง แล้วเบี่ยงตัวหลบออกมาอีกทาง พยายามก้าวเท้าให้ยาวและเร็วพอเพื่อที่จะให้พ้นการประจันหน้ากับเขาอีก แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คาดเพราะร่างสูงของอดิรุธก้าวพรวดมาทัน ยังไม่ทันเห็นร่างผู้เป็นเจ้าของบ้าน ร่างปลายนภาก็ลอยหวือไปปะทะอกกว้างของอดิรุธทันที

    มันเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทันและเพราะไม่คิดว่าคนอย่างอดิรุธที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยนในสายตาของทุกคนกลับหยาบคายด้วยการออกแรงกระชากร่างอันบอบบางของเธออย่างนี้

    ปลายนภาพูดไม่ออก สมองไม่สามารถประมวลผลได้ว่าตอนนี้หล่อนควรจะรู้สึกอย่างไร โกรธ โมโห หรือว่าเสียใจต่อการกระทำที่ไม่คาดคิดจากผู้ชายตรงหน้านี้

    อย่าเดินหนีแบบนี้ ทั้งๆ ที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง

    นี้คุณโมโหหรือค่ะตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ให้มากที่สุดก็แค่ทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึก แต่นี่...ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยแววตาที่เอาเรื่อง ทำไมคุณต้องโมโหขนาดนี้ด้วยเกิดบ้าอะไรขึ้นมากับอดิรุธ ทำไมจู่เขาถึงกล้าใช้กำลังกับหล่อน คุณจะทำอะไร!”

    เตือน

    สั้นๆ ได้ใจความ แต่ปลายนภาถึงกับปริ๊ด

    เตือน!” ปลายนภาทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    ผมจะพูดดีๆ ก็ต่อเมื่อคุณรับปากผมก่อน และอย่าเดินหนีผมทั้งๆ ที่ผมยังคุยธุระกับคุณไม่เสร็จ

    อะไรนะ!” ปลายนภาครางอย่างไม่เชื่อหู แค่นี่นะเหรอที่ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และกล้าออกแรงใช้กำลังกับหล่อนได้ บ้าไปแล้ว นี่มันใช่เหตุผลจริงๆ แล้วใช่ไหม นี่เป็นเหตุผลที่ดีแล้วหรือ มันไม่ดูงี่เง่าไปหน่อยหรือ

    แค่นี้เนี้ยนะคือเหตุผลของคุณ!” ให้ตายเถอะ! นี้คือเหตุผลของเขา พวกไอคิวสูงเขาคิดอะไรเหมือนชาวบ้านกันบ้างไหมนี้ ปลายนภาพยายามระงับอารมณ์ด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ  เรื่องแหวนหญิงสาวล้วงมือเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋า แล้วก็ยื่นมันมาข้างหน้าชายหนุ่ม ถึงฉันไม่สวมมันแต่ฉันก็พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา เข้าใจไว้ซะด้วย!”

    ก็ดี...อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องถาม ผมไม่อยากตอบคำถามซ้ำซากเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ

    เรื่องเดิมๆปลายนภาเลิกคิ้ว เป็นครั้งที่ร้อยแล้วใช่ไหมที่เธอต้องประสบปัญหากับการไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด คุณหมายความว่ายังไง

    ช่วยเปลี่ยนแหวนที่คุณสวมอยู่ให้เรียบร้อยก่อนเข้าไปพบคุณแม่

    เปลี่ยนนะเปลี่ยนแน่ แต่...คำพูดต่อไปติดอยู่ที่คอ เมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองหลงลืมอะไรบ้างอย่างไปเสียสนิท     แหวน...ที่เธอสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายเป็นแหวนอื่นที่ไม่ใช้แหวนแต่งงานของเขา แต่นั่นไม่เท่ากับที่ว่าแหวนวงนั้นเป็นแหวนของใครต่างหาก...ครานี้หล่อนคงจะต้องเป็นฝ่ายนิ่งเงียบเสียแล้ว ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาปวดหัว เขาเป็นพี่ชายและก็อยู่ในงานหมั้นครั้งนั้น...ทำไมเขาจะจำไม่ได้ว่าแหวนวงนี้เป็นแหวนหมั้นของน้องชายของเขาเอง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×