ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพเบี่ยงรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.18K
      17
      12 ก.ย. 56




    ตอนที่ 9

     

              คืนนี้...ผมคงนอนห้องนี้!

              นั่นเป็นคำสั่งหรือเป็นคำบอกเล่ากัน? ปลายนภาถือหวีค้างอยู่กลางอากาศ สายตาจ้องเขม็งไปยังกระจกตรงหน้าที่สะท้อนให้เห็นร่างสูงที่ยืนผิงประตูห้องนอนของเธอ ร่างสูงที่เห็นดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงถึงกับทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปยังด้านหลัง

    คุณว่าอะไรนะคะมือที่แข็งค้างไปก่อนหน้าเริ่มกลับมาเป็นปรกติ หวีที่ยังไม่ได้แตะต้องบนเส้นผมสักเส้นก็ถูกเก็บเข้าที่ตามเดิมอย่างช้าๆ ก่อนจะรวบชุดนอนที่สวมอยู่ใช้มิดชิดแล้วจะหันกลับมายังร่างสูงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

    คืนนี้...ผมคงนอนห้องนี้

    ทำไมต้องนอนห้องนี้คะ ห้องคุณก็มี

    วันนี้คงไม่ได้เจ้าของร่างสูงเอ่ยบอกเสียงเรียบ ดูเหมือนจะทำใจเอาไว้แล้วระหว่างเส้นทางที่เดินขึ้นมายังห้องนอนของเธอ ผมกลับไปนอนห้องเดิมเหมือนทุกวันไม่ได้ แอบสังเกตว่าความขุ่นข้องที่เธอมีต่อเขาก่อหน้านั้นคงเบาบางลงบ้างแล้ว เพราะน้ำเสียงที่แข็งของหญิงสาวตรงหน้ากลับกลายมาเป็นเรียบนิ่งเหินห่างอย่างเช่นทุกวัน อย่างดีที่สุดระหว่างเขาและเธอก็คงมีเพียงความเรียบนิ่งและเหินห่างเท่านั้นที่สัมผัสได้ สายตาที่ดูไร้เยื่อใยก็กลับกลายมาเป็นความว่างเปล่า อดคิดไม่ได้ว่าอย่างไหนมันจะดีกว่ากัน

    ทำไม! ปลายนภาขมวดคิ้วมุ่น ทำไมจะไม่ได้ ตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาเธอกับเขาก็แยกห้องนอนกันมาตลอด ห้องนอนใหญ่ห้องนี้ตกลงว่าเป็นของเธอ ส่วนเขาใช้ห้องอีกฝากหนึ่งของบ้านซึ่งเล็กกว่าห้องเธอเล็กน้อย นี่คุณจะมาไม้ไหนกันแน่

    อดิรุธส่ายหน้า เดินตรงดิ่งเข้ามานั่งที่ปลายเตียงเพื่อจะได้ใกล้กับร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยหันหลังให้โต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อลดเสียงการสนทนาให้เบามากที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ไม่อยากให้เสียงการสนทนาระหว่างคนสองคนดังออกไปจากบริเวณห้อง ผมไม่มีไม้ไหนทั้งนั้นคนพูดถอนใจแล้วหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนให้เหตุผลกับคนตรงหน้า คุณแม่จะค้างที่นี่

    จะค้างที่นี่!

    วูบ...สีหน้าหญิงสาวตรงหน้าสลดวูบเมื่อได้ยินเหตุผล

    แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะ

    น้ำเสียงและท่าทีที่เต็มไปด้วยความกังวลของคนตรงหน้าทำให้อดิรุธยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่เดินขึ้นบันได้เข้ามาเคาะห้องนอนของเธอ รอจนคนข้างในห้องเอ่ยเสียงอนุญาต แต่เมื่อถึงเวลากลับก้าวขาไม่ออกซะอย่างนั้น เรี่ยวแรงหมดไปตั้งแต่บันไดขั้นแรกที่ก้าวผ่าน

    คงต้องไหลตามน้ำไปก่อน คุณคงไม่อยากให้คุณแม่หรือใครรู้ว่าเราแยกห้องนอนกันเขาเองก็ไม่อยากเหมือนกัน ดังนั้นความยุ่งยากใจจึงเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้

    คืนนี้ผมคงต้องนอนห้องนี้ไปก่อนร่างสูงลุกขึ้นยืน คุณจะให้ผมนอนตรงไหนก็เอาหมอนไปวางไว้แล้วกันแอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นพื้นหรือโซฟาตรงมุมห้อง แต่ถึงยังไงพอตื่นเช้าขึ้นมาเขาก็คงจะปวดหลังอยู่ดี

    แล้วตัวเธอล่ะ คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ปลายนภาแอบถอนใจ แล้วเงยหน้าสบตากับเขา ภายในใจครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

    ไม่เป็นไรคะ คุณนอนบนเตียงก็ได้

    เห็นชัดว่าอีกฝ่ายถึงกับนิ่งอึ้งไปกับคำตอบที่ได้ยิน มันเกินความคาดหวังไปใช่ไหม?

    เตียงใหญ่น่าจะพอสำหรับนอนสองคนหญิงสาวให้เหตุผลเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกลับหนักอึ้งไปกับสถานการณ์ที่ตัวเองต้องตัดสินใจ ไม่เคยคิดมาก่อน ไม่มีการเตรียมพร้อมใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เธอมึนงงไปหมด จะให้เขานอนที่พื้นก็น่าเกลียดเกินไป จะให้เป็นที่โซฟาก็ดูเหมือนเธอจะไว้ตัวเกินเหตุไปอีก แต่จะให้ชิดใกล้เธอก็ไม่ต้องการอีก ทุกทางออกรู้สึกจะสร้างความหนักใจให้เธอทั้งสิ้น

     บ้านนี้ก็เงินของคุณครึ่งหนึ่ง สมบัติทุกอย่างของบ้านนี้ก็เป็นของคุณครึ่งหนึ่ง คุณมีสิทธิ์ในเตียงนี้ครึ่งหนึ่งอีกเช่นกัน ฉันคงไม่กล้าไล่ให้คุณลงไปนอนที่พื้นอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะน้ำเสียงที่อธิบายนั้นราบเรียบสีหน้าตื่นตะลึงหายไปหมดแล้วเหลือเพียงสายตาและสีหน้าที่บ่งบอกเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

    ปลายนภาเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลในทุกๆ เรื่อง การตัดสินใจทำทุกสิ่งทุกอย่างของเธอไม่เคยใช้อารมณ์ร่วมในการตัดสินใจ ความถูกต้องความเหมาะสมนั้นใช้ความเป็นจริงตัดสิน เธอเป็นอย่างนั้นอย่างที่เขารับรู้ได้เสมอมา แม้สิ่งที่ตัดสินใจทำจะทำร้ายความรู้สึกของตัวเอง แต่หญิงสาวตรงหน้าก็ยังจะเลือกความถูกต้องเหมาะสมอยู่นั่นเอง และครั้งนี้ก็เหมือนกันความถูกต้องความเหมาะสมได้เอาชนะความรู้สึกที่คัดค้านต่อต้านของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ถ้ามันฝืนใจของคุณมากไป ก็ไม่เป็นไร ผมเป็นผู้ชายนอนที่ไหนก็ได้

    ไม่ฝืนหรอกคะ แค่อาจไม่ชินร่างบางเปลี่ยนสายตาไปทางอื่น คุณเองก็ทนฝืนใจหน่อยแล้วกันค่ะ แค่คืนเดียว

     

    เขาใช้เวลาในอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน พอออกมาก็เห็นว่าปลายนภาหลับไปแล้ว ร่างบางนอนตะแคงข้าง เว้นพื้นที่อีกฝากหนึ่งของเตียงไว้ให้เขาตามที่ตกลง

    ภาพของวันนี้คลับคล้ายกับภาพที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อต้นสัปดาห์  ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้เหมือนกันกับที่เธอนอนหลับอยู่บนเตียงนี้ และที่เหมือนกันยิ่งกว่านั้นคือการที่เขายืนมองร่างบางที่หลับไม่รู้ตัวทั้งที่โรงพยาบาลและบนเตียงขณะนี้

    สายตานิ่งแปรเปลี่ยนจากร่างบางไปสำรวจภายในห้องเงียบๆ ก่อนจะก้าวตรงไปยังเตียงกว้างกลางห้อง พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับกรอบรูปที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง รอยยิ้มของคนในรูปดูคุ้นตาหลายคนเคยบอกว่ารอยยิ้มนั้นเป็นพิมพ์เดียวกันกับตัวของเขาแป๊ะ อดิรุธถอนหายใจเอื้อมมือปิดไฟหัวเตียงแล้วทิ้งตัวแล้วหลับตาลง พยายามเคลื่อนตัวให้เบาที่สุดขณะหันตะแคงข้างเพื่อที่จะไม่รบกวนคนอีกฝากหนึ่งของเตียง

    ไฟในห้องดับลงสักพักแล้ว ปลายภาจึงลืมตาขึ้น รู้สึกเหมื่อยขบที่แขนข้างที่นอนทับมาเกือบชั่วโมง ร่างบางค่อยๆ พลิกตัวนอนหงาย

    นึกว่าคุณหลับแล้วเสียอีก

    หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะยังไม่หลับ แต่เมื่อมาคิดๆ ดู คงจะหลับลงยากอยู่หรอก ก็คนมันทำเพราะความฝืนใจนี่นะ

    หลับแล้วค่ะหญิงสาวปด แต่รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำก็เลยตื่น

    ให้ผมช่วยไหม

    ช่วยอะไรคะ

    ขาคุณเจ็บอยู่ ให้ผมช่วยประคองดีกว่า เดี๋ยวก็ล้มไปเหมือนตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลหรอก

    ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลทำให้รอยยิ้มมุมปากของคนที่ยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงผุดขึ้นมา

    แล้วต่อมาคุณก็จะถูกฉันตบหน้าอีกหรือเปล่าคะ

    ไฟหัวเตียงสว่างขึ้นเพราะร่างสูงนั้นเอื้อมไปเปิด

    คราวนี้คงไม่ร่างสูงลุกจากเตียงแล้วเดินมาใกล้

    ไม่เป็นไรค่ะเอ่ยปฏิเสธขณะที่ลุกขึ้นยืน มือด้านหนึ่งเอื้อมไปจับไม้ค้ำช่วยเหลือในการทรงตัว ฉันช่วยตัวเองได้

              ถือว่าตอบแทนคุณ ที่คืนนี้ยอมเสียสละเตียงให้ผมครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน

    ปลายนภาถอนหายใจ

    ก็คิดเสียว่าฉันทำหน้าที่ภรรยาที่ดีก็แล้วกัน

    ใช่สินะ คุณเป็นภรรยาที่ดีประกายบางอย่างผุดขึ้นในดวงตาคู่คมของคนพูด แต่เพราะมันจางหายเร็วเกินไปปลายนภาจึงไม่ทันสังเกตเห็นมัน

    ถ้าคิดว่าฉันดีก็จงช่วยคิดต่อไป คิดให้มากๆ ว่าฉันดีขนาดไหน ถ้าวันหนึ่งไม่มีฉันอยู่ อย่างน้อยคุณก็จะได้คิดถึงความดีที่ฉันเคยมีต่อคุณบ้าง

    ร่างบางนั้นขยับเบี่ยงไปให้พ้นร่างสูงที่ยืนประจันหน้าอยู่

    ผมขอถามคำถามคุณอีกข้อสิ

    คุณจะถามอะไรอีกค่ะ ฉันจะเข้าห้องน้ำบ้าจริง! ช่วงนี้อดิรุธเกิดอารมณ์ปรวนแปรอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี้ย ถามโน้นถามนี้เต็มไปหมด

    ทำไมคุณถึงยอมแต่งงานกับผม

    เท้าที่กำลังก้าวอยู่ชะงัก ไม่คิดว่าอยู่ๆ เขาจะถามคำถามนี้ขึ้นมา

    แล้วทำไมคุณถึงขอฉันแต่งงาน

    แทบจะกลั้นใจรอคอยคำตอบ แต่ก็เห็นเพียงการส่ายหน้าของอีกฝ่าย หญิงสาวจ้องมองคนตรงหน้านิ่งก่อนภาพความทรงจำบางอย่างจะผุดขึ้นมา

    แต่ผมไม่ได้รักเขา และไม่มีวันจะรักได้ด้วย

    แต่ยังไง เธอก็แต่งงานกับคุณแล้ว

    ฟ้าให้โอกาสคุณได้เลือกแล้วนะคะ แต่คุณไม่เลือกเอง'

    ผมทำไม่ได้ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ฟ้าก็รู้

    เพราะคุณทำไม่ได้ คุณจึงต้องแต่งงานกับเธอ

    ผมจำเป็น

    ทุกประโยคทุกถ้อยคำมันชัดเจนในความทรงจำ ปลายนภารู้สึกว่าตัวเองเผลอกำมือแน่น

    ถ้าคุณไม่มีคำตอบให้ฉัน ฉันก็ไม่มีคำตอบให้คุณเหมือนกัน

     


     

    หญิงสาวสาวเอื้อมมือไปรับกาแฟที่ยื่นมาตรงหน้า

    ขอบคุณค่ะ

    อาดีใจมากที่ปลายยอมเข้ามาที่บริษัทเจ้าของคำพูดในชุดสูทสีเทาเนียบเดินไปนั่งฝั่งตรงข้างกับหญิงสาวที่กำลังยกกาแฟที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่ขึ้นดื่ม

    ก็อาภพเล่นโทรหาแทบจะทุกวัน เป็นใครก็ต้องยอมล่ะคะ รอยยิ้มหวานล่ำส่งไปให้คนตรงหน้า อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบเช่นกัน

    เพราะอามีเรื่องร้อนใจที่ต้องให้ปลายช่วย

    ช่วยปลายนภาชักสีหน้า ความสงสัยปรากฏชัดในดวงตา เรื่องอะไรค่ะ

    ธนภพขยับตัวนั่งหลังตรง สีหน้านั้นแปรเปลี่ยนจากดูสบายๆ เป็นตึงเครียด จนคนที่เห็นยิ่งเพิ่มความสงสัยใคร่รู้ คิ้วได้รู้เริ่มขมวดมากยิ่งขึ้น

    อย่าบอกนะคะว่าจะให้ปลายเข้ามาทำงานที่นี่ ฮึ... หญิงสาวรีบส่ายหน้าดิก ไหนเราตกลงกันแล้วนี่ค่ะ ว่าปลายจะดูสาขาที่ญี่ปุ่น ส่วนคุณอาก็ดูสาขาที่เมืองไทย

    ไม่เชิงว่าจะต้องให้มาดูที่เมืองไทยหรอก แต่อาอยากให้ปลายเข้ามาช่วยในบางส่วนเท่านั้น เพราะตอนนี้ส่วนนี้มันมีปัญหา และอาก็คิดว่าปลายเท่านั้นที่จะแก้ไขมันได้

    ส่วนไหนกันค่ะปลายนภาคิดไม่ออก กิจการโรงแรมในเครือชีวกิตรเติบโตจนต้องขยายสาขาไปในหลายๆ ประเทศ ยิ่งในประเทศไทยนับได้ว่าสร้างกำไรได้มากที่สุดในแต่ละไตรมาส ไม่ว่าจะช่วงไฮหรือโลวซีซั่นก็ตาม โรงแรมที่เมืองไทยไม่เคยสักครั้งที่จะได้รับผลกระทบเหมือนโรงแรมอื่นๆ แต่นี่คุณอาของเธอกำลังบอกว่ามีปัญหาเกิดขึ้นในบางส่วน ส่วนไหนกัน!

    โครงการขยายโรงแรมที่หัวหิน

    ที่หัวหินสีหน้าสวยบาดใจนั่นหมองลงจนคนที่เห็นรีบเอ่ย

    อารู้ว่าปลายลำบากใจ แต่ถ้าไม่ใช้ปลายก็คงไม่มีใครต่อยอดโครงการนี้ให้สำเร็จไปได้

    แต่ปลายเคยบอกแล้วนี่ค่ะว่าโครงการนี้ปลายจะไม่แตะต้องมันอีก

    ปลายธนภพพยายามหว่านล้อมอีกครั้ง คิดซะว่าเป็นการสานฝันของตฤณให้สำเร็จเถอะนะ

    ชื่อของคนที่ธนภพเอ่ยขึ้นกระทบความรู้สึกของคนฟังจนรู้สึกแสบกระบอกตาขึ้นมาดื้อๆ อาการเสียดแทงที่อกแวบขึ้นจนเจ้าตัวต้องยกมือกุมที่หัวใจ

    เสียงที่พยายามเอ่ยออกไปนั่นดูเครือๆ

    ไม่ค่ะ มันจะไม่เกิดขึ้น ปลายขอโทษนะค่ะแต่ปลายขอปฏิเสธ

    ฟังเจตนารมณ์ของคนตรงหน้าแล้วธนภพก็ร้อนใจขึ้นมา ปลาย อาอยากให้ปลายทบทวนอีกครั้งนะ

    ปลายนภายังคงส่ายหน้า ไม่อยากรับรู้อะไรอีก

    ความจริงถ้าอาจัดการเองได้ อาก็คงไม่มารบกวนปลายให้ลำบากใจอย่างนี้หรอกอีกฝ่ายสารภาพตามตรง อาพยายามต่อรอง เจรจามาเป็นปีๆ แต่พวกชาวบ้านก็ยังไม่ยอมย้ายออกไปจากที่ดินผืนนั้นเสียที

    ปลายนภานั่งนิ่งเงียบ ต่อสู้กับความรู้สึกที่ตีบตันขึ้นมา

    โครงการนี้ปลายกับตฤณริเริ่มมาตั้งแต่ต้น และมันคงจะสำเร็จไปแล้วถ้ามันไม่เกิดเรื่องกับตฤณก่อน

    อาภพ!” เสียงที่ได้ยินนั้นกร้าวจนธนภพตกใจ สีหน้าของปลายนภาแดงจัดเหมือนโกรธใครมานานหลายชาติ

    หยุดพูดเรื่องนี้! แล้วอย่าพูดเรื่องนี้ให้ปลายได้ยินเรื่องนี้อีก

    ปลาย
     


     

    เอี๊ยดดด!

    เสียงเบรกดังขึ้นหลังจากที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก่อนจะหักหลบรถบรรทุกที่วิ่งกินเลนส์เข้ามา ร่างบางเบิกตาโพลงขณะที่เห็นว่าไม่สามารถควบคุมรถให้วิ่งตรงไปในวิถีทางที่ถูกต้องของมันได้แล้ว

    กรี๊ดดด! ปลายนภากรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ยังพอมีสติ เท้าที่วางอยู่บนเบรกเหยียบลงไปจนสุดแรงอีกครั้ง รถที่กำลังส่ายและพุ่งเข้าชนขอบกั้นถนนหยุดอยู่ห่างจากขอบแค่คืบเดียว

    ชั่วนาทีนั้นรู้สึกว่าได้ตายแล้วเกิดใหม่ ปลายนภาเงยหน้าที่ฟุบอยู่บนพวงมาลัยขึ้น สำรวจร่างกายของตัวเองอย่างช้าๆ แล้วก็เห็นว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มองจากกระจกหลังก็เห็นว่ารถบรรทุกที่เธอเกือบประสานงานเข้านั้นวิ่งหายลับไปแล้ว

    หญิงสาวทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนที่เบาะนั่ง แล้วน้ำตาก็ไหลริน

    แค่เสี้ยววินาทีเดียวที่ตัดสินใจหักหลบรถดังกล่าว แค่เสี้ยววินาทีเดียวที่เธอเปลี่ยนใจ เพียงเพราะนึกถึงใครบางคนขึ้นมา

    ตฤณปากบางพึมพำเบาๆ

    ฉันคิดถึงคุณ ฉันคิดถึงคุณได้ยินไหม น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแทบจะขาดเป็นห้วงๆ เพราะแรงสะอื้น

    ฉันรักคุณ คุณได้ยินไหม ฉันรักคุณ

    ผมก็รักคุณ

    น้ำเสียงแว่วๆ ลอยเข้ามาให้ได้ยิน ใบหน้าที่เจือไปด้วยรอยยิ้มส่งมาให้ ปลายนภาหลับตาลงไม่อยากให้ภาพตรงหน้ามลายหายไป

    ทำไมคุณไม่ปล่อยให้ฉันตายไปซะคำถามนั้นยังดังอยู่ในมโนภาพ

    คุณสัญญากับผมแล้วนะ อย่าผิดสัญญา

    ฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคุณ

    เชื่อผมสิ พี่รุธจะดูแลคุณได้

    ไม่จริงหรอก! คุณกำลังโกหกฉัน

    แล้วสักวันคุณจะรู้เอง

    แต่ฉันรักคุณ รักคุณคนเดียว

    ผมรู้

    รู้แล้วทำไมคุณถึงไล่ฉันให้ไปรักคนอื่น

    แล้วสักวันคุณจะรู้เอง

    ไม่มีทาง!”

    ผมอยากดูแลคุณแต่คงทำไม่ได้แล้วเสียงที่ได้ยินนั่นแผ่วเบา

    ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ แค่คุณอย่าทิ้งฉันไปไหนอีก

    ปลาย คุณก็รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่มโนภาพของคุณ

    ไม่จริง!”

    ผมไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว

    ไม่ คุณยังอยู่ตรงนี้ อยู่ในใจฉันเสมอ ได้ยินไหมคะ

    ภาพของคนตรงหน้านั้นเจือไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

    ผมรู้ รู้เสมอ

    นั่นคุณจะไปไหนค่ะภาพข้างหน้าเริ่มเลือนหายไปจากสายตา

    ไม่นะ อย่าทิ้งฉันไป ไม่นะ

    ความรู้สึกวาบลึกตีขึ้นที่อกอีกครั้ง ปลายนภาลืมตาช้าๆ มือที่เอื้อมไปจับพวงมาลัยนั้นเกร็งแน่น แรงสะอื้นนั้นยังไม่ได้หายไปและน้ำตานั้นก็ยังไหลพราก

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×