NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LOVELESS MAFAI]: เผลอใจให้คนไร้รัก (มี E-BOOK)

    ลำดับตอนที่ #9 : อย่างน้อยก็ต้องรู้สึก

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 65



    เช้าวันถัดมา.....
    สายลมเย็นๆพัดผ่านลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนขนาดเล็กกระทัดลัด และบนเตียงก็มีร่างเปลือยทั้งสองร่างนอนกอดกันกลมเกลียวแทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่แล้ว วิชญ์ภาสยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจที่ตอนนี้คนตัวเล็กนั้นนอนกอดเขาและไม่มีทีท่าว่าจะคลายกอดและหลับลึกจนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น ชายนิ้วใช้นิ้วเรียวยาวลากไปตามกรอบหน้าเล็กๆที่สวยงามราวกับผ่านมีดหมอมือดี ถึงหญิงสาวจะไม่ได้สวยเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาควงแต่เธอกลับมีเสน่ห์และมีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างเขาจนเกือบอดใจไม่ไหว
    “อื้อ~ ไอ้แทนไท ทำไมไม่ปลุกกูวะ” ณิชาต่อว่าแทนไทด้วยน้ำเสียงยืดยาวโดยที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองโลกแห่งความจริงว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่นั้นไม่ใช่เพื่อนหนุ่มคนสนิทของเธอ คนตัวเล็กลูบไล้ไปที่แผงอกแกร่งของชายหนุ่มช้าๆเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเนื่องจากเธอนั้นก็เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า ถ้าเป็นแทนไทจริงเหตุใดถึงมานอนแก้ผ้าให้เธอกอดอยู่ตรงนี้ เพราะเมื่อคืนแทนไทไม่ได้ลากเธอกลับด้วยแต่ให้สิงห์มาส่งเธอที่ร้านเจ๊แบมต่างหาก แต่แล้วณิชาก็รีบลืมตาขึ้นมามองโลกแห่งความจริงทันทีแล้วพบเข้ากับเหตุการณ์สุดช็อคเมื่อคนที่เธอนอนกอดทั้งคืนนั้นคือวิชญ์ภาส คนที่เธอไม่ชอบหน้านั่นเอง
    “หวัดดี”
    “เฮ้ย!” ณิชาถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับคว้าเอาผ้าคลุมพื้นหนาขึ้นมาปกคลุมร่างกายของตนไว้อย่างเขินอายรวมทั้งตกใจแทบสลบลงไปอีกครั้งเมื่อเห็นวิชญ์ภาสนั้นนอนเปลือยร่างอยู่ข้างๆเธอ
    “ไอ้บ้า แกเป็นใครเนี่ยกล้าดียังไงถึงเข้ามานอนห้องฉัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมฉันถึง...” ณิชาลากเสียงยาวโดยอัตโนมัติเพราะกระดากปากที่จะพูดประโยคดังกล่าวออกมา แต่เขาก็ยังทำหน้าทะเล้นหวังว่าจะให้เธอนั้นพูดออกมา
    “เธอ...จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยหรอ” คนเจ้าเล่ห์มองร่างเล็กด้วยสายตาแทะโลมจากใบหน้างดงามไต่ระดับลงมาถึงเนินอกอวบอิ่มขาวผ่อง เมื่อเป็นเช่นนั้นครานี้หญิงสาวถึงกับหน้าร้อนผ่าวอย่างเขินอายแทบมุดแผ่นดินหนี
    “แกคือไอ้ภาสนี่ แล้วทำไมถึง...”
    “ก็เมื่อคืนนี้เธอเมามากเลยลากฉันมาที่นี่ แล้วเราสองคนก็...”
    “ก็อะไร พูดออกมาสิวะ!”
    “ก็ตกเป็นของกันและกันไง”
    “กรี๊ดดด ไม่จริง!” คนตัวเล็กกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธแค้นเมื่อชายหนุ่มกล่าวออกมาแบบนั้นซึ่งมันเป็นคำที่เธอไม่อยากจะได้ยิน มันเหมือนกับว่าฟ้าผ่าลงมาตรงกลางใจของเธอเลยทีเดียว
    “จริงสิ เธอเป็นคนข่มขืนฉันก่อนนะ เมื่อคืนนี้โคตรสนุกเลย พูดแล้วก็อยากจะต่ออีก”
    “ออกไปไกลๆฉันเลยนะ ก่อนที่ฉันจะถีบคุณ”
    “ถ้ากล้าก็ลองดูสิ” คนที่ไม่ชอบความท้าทายอย่างณิชาบวกกับความโกรธแค้นที่มันเต็มอก เธอจึงไม่คิดไต่ตรองให้ถี่ถ้วนเลยที่จะยกเท้าขึ้นมาหวังจะถีบเข้าไปเต็มอกของเขา แต่วิสัยมาเฟียที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีอย่างวิชญ์ภาสนั้นย่อมไวกว่าอยู่แล้ว
    พรึ่บ!
    เพียงระยะเวลาแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็คว้าหมับไปที่ข้อเท้าเล็กของเธอก่อนที่จะพลิกร่างเธอให้นอนหงายดังเดิมแถมยังเล่นเจ้าเล่ห์ยกขาข้างที่เธอหวังจะถีบเขานั้นขึ้นมาพาดไหล่ไว้ อีกทั้งยังกัดริมฝีปากล่างเพื่อยั่วยวนสาวน้อยให้หลงในคารม
    “กรี๊ด ไอ้บ้าทำไมทำแบบนี้ฮะะ ออกไปไอ้โรคจิต”
    “ไม่เอาน่า ขัดขืนแบบนี้ไม่น่ารักแบบเมื่อคืนเลยนะสาวน้อย”
    “ไอ้บ้า ฉันเกลียดแกไอ้เวร!”
    “ฉันชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วสิ ฉันยิ่งไม่ชอบคนเด็กดื้อด้านอยู่ด้วย” เขาไม่พูดเปล่ารีบโน้มหน้าเข้ามาใกล้หวังจะมอบจุมพิตอันเซ็นเร่าร้อนให้กับเธอ แต่สาวน้อยนั้นกลับเป็นคนที่มีไหวพริบไม่เคลิ้มง่ายๆ จึงกัดเข้าไปที่ริมฝีปากของเขาจนได้กลิ่นคาวเลือด
    “โอ้ย!”
    “เธอกล้ากัดฉันหรอ”
    “มากกว่านี้ฉันก็กล้าทำ ถ้าเป็นคนเลวๆอย่างคุณ”
    “หึ งั้นหรอ” เขาเอ่ยออกมาสั้นๆด้วยแววตาที่ร้อนระอุราวกับไฟบรรลัยกัลป์ ณิชากลัวไม่น้อยกับการที่เขามองเธอด้วยสายตาแบบนี้ แต่เธอก็ต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตนเองใช่ว่าใครก็จะทำแบบนี้กับเธอได้
    “ถ้าฉันเอาเธอจริงๆ เธอไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอกณิชา” เขากดเสียงออกมาจากลำคออย่างน่าเจรงขามเพื่อพูดกับเธอ แต่ทว่าดวงตาของเขานั้นกับจริงจังไม่เจ้าเล่ห์เหมือนตอนแรก และแล้วชายหนุ่มก็ลุกเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาปกคลุมท่อนล่างของตนเองแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย
    “เดินข้ามถนนขอให้รถชนตาย ไอ้เหี้ยเอ๊ย! กรี๊ดดดดดด!”

    @มหาวิทยาลัย
    ขณะนี้ทั้งสามกำลังนั่งรับประทานอาหารที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยในตอนพักเที่ยง และหญิงสาวก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืนหลังจากที่สิงห์กลับไป
    “นี่กู...ถูกไอ้ภาสนั่นข่มขืนแล้วจริงๆหรอวะ” สีหน้าของณิชาซีดขาวแววตาไร้สติตาลอยไปไกลเพราะคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ในใจเธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอนั้นตกเป็นของวิชญ์ภาสแล้ว ถึงจะมีรอยจ้ำแดงที่ต้นคอก็ตาม
    “กูว่าจริง”
    “ไอ้แทนไท!”
    “อ้าว ก็ที่กูฟังจากที่มึงเล่านะก็คงจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้”
    “เขายังไม่ได้ทำอะไรมึงหรอก ก็คงทำได้แค่ดูดคอนั่นแหละ” สิงห์พูดแทรกขึ้นมาอย่างเรียบนิ่งราวกับว่าเรื่องที่เธอได้พบเจอมานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขานิ่งจนทำให้หญิงสาวนั้นรู้สึกโกรธ
    “ทำไมดูมึงไม่ตกใจอะไรเลยวะไอ้สิงห์ หรือว่าจริงแล้วมึงคือหนึ่งในบอดี้การ์ดของไอ้ภาสปลอมตัวมาหรอฮะ!”
    “ดูละครเยอะไปแล้วไอ้ณิชา”
    “ถ้าอย่างนั้นมึงมั่นใจได้ไงว่ากูไม่ได้โดนเจาะไข่แดง”
    “เซ็กส์นะเว้ย ที่เวลาโดนแล้วจะไม่ได้รู้สึกตัวอะไรเลย อย่างน้อยมันก็ต้องรู้สึกบ้างแหละ”
    เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็เงียบไปโดยปริยายเพราะเถียงไม่ออก และอีกอย่างสิ่งที่สิงห์พูดนั้นมันก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ชายคนนั้นก็ยังล่วงเกินเธออยู่ดีเพราะนอกจากจะมีรอยจ้ำแดงที่คอแล้ว เสื้อผ้าทุกชิ้นบนร่างกายของเธอและเขานั้นถูกถอดออกทุกชิ้น มันยิ่งทำให้เธอนั้นแค้นใจเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มแตะต้องหรือล่วงเกินส่วนไหนของเธอไปบ้าง
    “ไม่รู้เว้ย ก็กูไม่เคยมีผัวนี่นา ไม่เหมือนพวกมึงสองคนหรอกล่อสาวๆไปแดกตั้งหลายคน”
    “อ้าว อยู่ๆก็ลามปามมาถึงพวกกูเฉย” แทนไทท้วงขึ้นมาเมื่อจู่ๆก็ดูเหมือนจะเป็นคนเลว จากนั้นณิชาก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อเพราะตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนเต็มที
    “ณิชา” เสียงทุ้มของนาวินพี่ชายฝาแฝดของณิชาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงต่ำเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่พวกเขานั่งรับประทานอาหารกัน
    “อ้าวนาวิน คาบเช้ามึงไม่มีเรียนหรอวะ”
    “ยังพอเหลือเวลาหน่ะ มึงมาคุยกับกูหน่อยดิ”
    “เออได้”
    “นายสองคนไปก่อนได้เลยนะ ฉันมีเรื่องคุยกับณิชาเยอะหน่อย”
    “โอเค เชิญพวกแกสองพี่น้องคุยกันตามสบายเลยนะ”
    จากนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามนาวินไปด้วยใบหน้าที่จริงจังเพราะเมื่อใดก็ตามที่นาวินแสดงสีหน้าเช่นนี้ย่อมมีเรื่องหนักใจทุกครั้ง
    นาวินพาณิชาเดินมาที่หลังตึกแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยแต่เป็นตึกที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเนื่องจากเขาค่อนข้างต้องการความเป็นส่วนตัวที่จะคุยเรื่องนี้
    “มีไรวะ”
    “เมื่อคืนเสี่ยโจบุกไปที่ร้านเจ๊แบมเพื่อไปตามหาพวกเราเอาเงินไปใช้หนี้ แต่โชคดีที่เมื่อคืนกูไปหาเพื่อนพอดี ก็เลยไม่โดนพวกมันกระทืบ”
    “จริงด้วย เมื่อคืนเป็นวันครบรอบจ่ายหนี้นี่หว่า”
    “กูว่าคืนนี้พวกเสี่ยโจก็คงจะไปหาเราสองพี่น้องที่ร้านเจ๊แบมอีกแน่ คืนนี้มึงไปค้างที่หอเพื่อนเลยนะณิชาห้ามกลับไปที่ร้าน เดี๋ยวกูจะไปค้างบ้านไอ้พล และก็แชทบอกเจ๊แบมปิดร้านด้วย เพราะขืนเจ๊แบมเปิดร้านคืนนี้มีหวังร้านเละอีกแน่”
    “โอเค มึงดูแลตัวเองด้วยนะนาวิน”
    “อืม ห่วงตัวเองด้วย เสี่ยเฒ่านั่นมันยิ่งอยากจับมึงทำเมียอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะยกหนี้ให้เราทั้งหมดเพียงเพราะว่ามึงไม่นอนกับมันแค่ครั้งเดียว มึงก็ห้ามยอมเด็ดขาดโอเคไหม”
    “เออ รู้แล้วน่า ใครจะยอมวะ”
    “ไปเรียนได้แล้ว สายแล้วนะ”
    “โอเค กูไปแล้วนะ” พอนาวินกล่าวจบเขาก็รีบเดินจากไป โดยปล่อยให้หญิงสาวนั้นยืนคิดเอาตัวรอดอยู่ตรงนี้คนเดียว
    “คืนนี้จะไปค้างกับใครดีวะ”

    อีกด้าน
    ขณะนี้วิชญ์ภาสกำลังนั่งฉีกยิ้มอย่างมีความสุขที่ห้องทำงานเนื่องจากตอนนี้ในหัวของเขามันคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืนหลังจากที่ณิชาหมดสติไป เพราะความแสบของเธอมันไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะเธอพยายามจะข่มขืนเขาจริง จึงเปลื้องผ้าของตัวเองออกจนหมดจากนั้นเธอก็นัวเนียเขาสุดฤทธิ์ราวกับว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญคนเขานั้นเกือบจะยัดเยียดความเป็นผัวให้เธอแล้ว แต่เธอก็ยังโชคดีที่เผลอหลับไปอีกครั้ง จึงทำให้ชายหนุ่มข่มอารมณ์ความอยากของตนเองลงได้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย ด้วยความที่ความอยากมันมีมากเกินจะต้านไหวชายหนุ่มจริงทำเรื่องที่ไม่ดีกับเธอนั่นก็คือการ ฝากรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้ พอจบจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปื้อนคราบสีขาวจากการอาเจียนของหญิงสาวออกจากร่างเพราะทนกลิ่นมันไม่ไหวจริงๆ และแล้วเมื่อคืนมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขานั้นโกหกเธอ
    “คุณภาสครับ! คุณภาส! คุณภาสครับ!”
    “มีอะไรไอ้มังกร ตะคอกเพื่อ!”
    “คืนนี้คุณภาสต้องไปงานแฟชั่นโชว์ของลูกสาวคนเล็กของท่านวรเวชนะครับ”
    “เออ รู้แล้วน่า พวกมึงก็เตรียมตัวให้พร้อมละกัน”
    “ครับ”


    _____________________________________
    งุ้ยๆ ทำไมคุณภาสเป็นคนฉวยโอกาสแบบนี้ล่ะคะ ไม่น่ารักเยย~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×