NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LOVELESS MAFAI]: เผลอใจให้คนไร้รัก (มี E-BOOK)

    ลำดับตอนที่ #6 : ไม่

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 65



    @มหาวิทยาลัย
    กึก กึก กึก
    เสียงรองเท้าคัทชูหนังราคาแพงกระทบลงกับพื้นห้องสมุดตามจังหวะการเดิน และเจ้าของของมันก็สวมชุดนักศึกษาชายเต็มยศ เขาคือ แทนไท นักศึกษาชายปีสามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์โดยเฉพาะแว่นที่เขาสวมใส่นั้นมันยิ่งเพิ่มความน่าสนใจไม่ใช่น้อย แทนไทมีนิสัยที่ ขี้เล่น อ่อนโยน ปลิ้นปล้อนเป็นบางเวลา แต่ถึงลักษณะท่าทางภายนอกของเขาจะเป็นอย่างนี้นิสัยลึกๆของเขากลับมีอะไรซ่อนอยู่
    “โห ไอ้สิงห์ ทำไมวันนี้มาเช้าจังวะ” แทนไททักท้วงเพื่อนสนิทอย่าง สิงห์ สีหราช สิงห์ หนุ่มนักศึกษาผู้ที่มีอิทธิพลซ่อนไว้อยู่เนื่องจากเขานั้นเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่างทั้งสีขาวและสีเทา และเมื่อคนที่ไม่รู้จักนิยามคำหนึ่งคำให้กับเขาก็คงจะไม่พ้นคำว่า ชั่ว เพราะภายนอกเขาเป็นแบบนั้น ทว่าคนที่เป็นเพื่อนสนิทกันอย่าง แทนไท และณิชานั้นรู้ดีว่า ถึงเขาจะมีนิสัยที่ โหด เคร่งขรึม เหมือนคนเลือดเย็น แต่แท้จริงแล้วตัวตนของเขาก็เต็มไปด้วยความเมตตาและความอบอุ่นเช่นกัน
    “กูก็มาเช้าทุกวันไหมล่ะ” สิงห์ตอบเรียบนิ่งโดยไม่คิดจะปลายตามองผู้มาเยือนใหม่เลยสักนิด จากนั้นแทนไทก็ทิ้งตัวลงนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าจริงจังพร้อมกับเอ่ยถามสิงห์อย่างร้อนใจ
    “เออ ช่วงนี้มึงได้คุยกับไอ้ณิชาบ้างป้ะ”
    “เพิ่งคุยกับมันเมื่อคืน มันบอกว่าจะมาเรียนวันนี้แหละ”
    “หวังว่าต่อไปนี้ชีวิตมันจะไม่มีเรื่องร้ายๆเข้ามาแล้วนะ กูล่ะสงสารมันจริงๆ” สิงห์พยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าวที่แทนไทพูดออกมา
    “แทนไท มึงทำงานอาจารย์สมพรเสร็จยังวะ”
    “เสร็จแล้ว มึงอยากลอกหรอ”
    “เปล่า กูก็ทำเสร็จแล้ว”
    พรึ่บ!
    “แต่กูยังทำไม่เสร็จว่ะ ขอลอกหน่อยดิ!” หญิงสาวเจ้าของเสียงแหลมกระโดดเข้าหาแทนไทก่อนที่จะเกาะไหล่เขาไว้จากด้านหลังหวังจะให้เพื่อนหนุ่มตกใจ ทว่าสิงห์นั้นได้แอบส่งซิกให้แทนไทรู้ก่อนที่เธอจะย่องมาถึงตัวแทนไทเสียอีก
    “หึ สมกับเป็นมึงจริงๆไอ้ณิชา” ณิชาฉีกยิ้มกว้างแก้เขินทันทีที่ถูกแทนไทว่าแบบนั้น แล้วเธอก็นั่งลงข้างๆแทนไทด้วยสีหน้าเศร้าตามสเต็ป
    “เอาไป กูทำมาเผื่อแล้ว” แทนไทโยนรายงานปกสีฟ้าให้กับเธอเหมือนไม่เต็มใจก่อนที่จะกอดอกเมินหน้าหนี ณิชาหยิบรายงานที่ลอยมาวางบนตักขึ้นมาดูแล้วพบว่าวันเป็นรายงานที่มีชื่อของเธอเป็นผู้จัดทำ และแล้วน้ำตาแห่งความทราบซึ้งใจก็ใหลเอ่อมาคลอที่ดวงตาเพราะแทนไทตั้งใจทำงานให้เธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะปกติแล้วหญิงสาวต้องกับค้นอยู่ในกระเป๋าเขามาลอกเองๆ
    “งื๊อแทนไท~ พ่อเตาไมโครเวฟ พ่อแสงแดดประเทศไทย”
    “ไม่ต้องมาอวยกูเลย ช่วงนี้กูเห็นมึงวุ่นๆหรอกนะถึงทำให้ แต่คราวหน้าเตรียมติดเอฟเลย”
    “จ้า ขอบคุณนะมึงอื๊อ!”
    “เมื่อคืนนี้ที่ร้านมึงเกิดอะไรขึ้นหรอ กูเห็นเจ๊แบมอัปไอจี เห็นว่าร้านเละเป็นโจ๊กเลย” สิงห์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิทแฝงความเย็นยะเยือกลงบนเส้นเสียงตามสไตล์ของเขา แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีทั้งสองก็ยังไม่ชินกับเพื่อนคนนี้อยู่ดี
    “เรื่องนี้แหละที่กูอยากขอความช่วยเหลือจากมึงไอ้สิงห์”
    “ว่ามาสิ”
    “ไอ้นั่นมันชื่อภาส ได้ยินว่าเป็นคนมีอิทธิพลมากๆ ขนาดบ้านมันใกล้ๆบ้านกูแค่สองกิโลเมตร กูยังเพิ่งเคยเห็นตัวจริงมันเมื่อคืนนี่เอง และที่สำคัญแม่กูขายบ้านให้มันเว้ย แถมวันนี้มันจะสั่งลูกน้องมาทุบบ้านกูอีกอะ”
    “แล้วมึงจะให้กูช่วยอะไร” ณิชาฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สิงห์เอ่ยถามแบบนี้เพราะถ้าเขาไม่คิดจะช่วยเขาไม่ถามอย่างแน่นอน
    “ซื้อบ้านคืนให้กูได้ป้ะ ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่กูจะไปทำงานกับมึงใช้หนี้ นะเพื่อนนะช่วยกูหน่อย”
    “ไม่” ณิชาหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อสิงห์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยไม่หยุดคิดไตร่ตรองเลยสักวินาที ทั้งๆที่ตอนนี้แสงสว่างในชีวิตของเธอมีแต่สิงห์และแทนไทเท่านั้น แต่แสงสว่างหลอดสำคัญกลับปฏิเสธเสียแล้ว
    “อ้าวไอ้สิงห์ ทำไมมึงแล้งน้ำใจจังวะ ไม่เป็นไรนะณิชาเดี๋ยวกูซื้อ!..."
    “ที่บอกว่า ไม่ คือเขาไม่ยอมขายให้หรอก”
    “ทำไมวะ?” ณิชาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมคนที่มีอิทธิพลอย่างสีหราช สิงห์ ถึงช่วยเธอไม่ได้
    “ก็ที่ตรงนั้นมันเป็นทำเลทอง มันสามารถหาเงินให้เขาได้เป็นร้อยเท่าของราคาบ้านและเขาก็ซื้อมาในราคาที่ถูกขนาดนั้นลาภลอยจริงๆ เขามีอิทธิพลเกินไปกูช่วยมึงไม่ได้หรอก”
    “แม่งเอ้ย ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกขนาดนี้วะ”
    “ไปเรียนเถอะ สิบโมงแล้ว” จากนั้นทั้งสามก็ลุกขึ้นอย่างพร้อมเพียงกันและเดินออกไปจากห้องสมุด ตลอดเวลาทุกวินาทีของณิชาวันนี้เธอคิดแค่เรื่องบ้าน ไม่มีกะจิตกะใจเรียนเหมือนวันก่อนๆ ไหนจะหนี้สินที่เธอจะต้องหาเงินใช้อีก และพรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดจ่ายหนี้ก้อนโตของเสี่ยโจ เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกใครเพราะไม่อยากรับความช่วยเหลือจากใครจริงๆ มีแค่เรื่องบ้านเท่านั้นที่ไม่ว่าจะต้องแลกด้วย ศักดิ์ศรี ความทุกข์ทรมารยังไงเธอก็ยอม เพราะว่าบ้านหลังนั้นคือเรือนหอที่พ่อแม่ของเธอเก็บเงินด้วยกันและสร้างมันขึ้นมา อีกทั้งมันยังเป็นเกราะกำบังที่สร้างขึ้นด้วยความรักความอบอุ่น เพราะฉะนั้นเธอปล่อยให้บ้านหลังนั้นตกไปอยู่ในมือของคนอื่นไม่ได้จริงๆ
    ‘ยังไง ฉันก็จะเอาบ้านของฉันคืนมาให้ได้’

    @คฤหาสน์กิเลนารินทร์
    “คุณภาสครับ ตอนนี้ช่างของเราไปถึงบ้านหลังนั้นแล้ว ให้ช่างจัดการเลยนะครับ”
    “อืม” เขาตอบสั้นๆเพียงเท่านั้นก่อนที่จะยกชาขึ้นมาจิบเบาๆพร้อมกับมองวิวทิวทัศน์ที่ห้องนั่งเล่นที่ล้อมรอบไปด้วยกระจก จึงทำให้มองภาพความสวยงามอย่างชัดเจน
    “คุณพ่อคะ” แต่แล้วเสียงเล็กๆของลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก็ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะปรากฏขึ้นมาแถมยังกอดตุ๊กตาหมีน้อยสีขาวตัวโปรดติดตัวมาด้วย
    “ว่าไง”
    “พาน้องภาไปหาพี่ณิชาหน่อยสิ เมื่อคืนน้องภาขโมยยางรัดผมพี่ณิชามา” เธอไม่พูดเปล่ารีบยกมือขึ้นมาโชว์ยางรัดผมสีชมพูที่เธอรัดไว้ตรงข้อมือเล็กๆ
    “ทิ้งๆไปเถอะน่า ไหนตัวหายร้อนยัง รีบๆหายนะ พรุ่งนี้จะได้ไปเรียน อยู่บ้านนานเกินไปเดี๋ยวเป็นเด็กขี้เกียจ” วิชญ์ภาสใช้ด้านหลังของมือทาบไปที่หน้าผากมนของลูกสาวเพื่อเช็คอุณหภูมิในร่างกายที่จากเดิมนั้นเธอตัวร้อนมากจนไม่สามารถไปเรียนได้ แต่อีกอย่างเขาก็เปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจภาวิกาด้วยเพราะตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเด็กน้อยก็เอ่ยถึงหญิงสาวที่ชื่อว่า ณิชา ตลอดเวลา
    “น้องภาขอล่ะ แล้วต่อไปนี้น้องภาจะไม่ขออะไรจากคุณพ่ออีกเลย นะคะ...”
    “พูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
    “ปิดเทอมนี้น้องภาจะย้ายไปเรียนที่อเมริกากับคุณแม่ค่ะ”
    “อยากไปขนาดนั้นเลยหรอ ฉัน!...”
    “คุณพ่อไม่ต้องมาดุน้องภาแล้วทำตาขวางเลยนะ น้องภาไม่กลัวคุณพ่อหรอกค่ะ”
    “ได้ แต่ฉันไม่พาเธอไปหรอกนะ”
    “รอฉันอยู่ที่บ้านนะ ห้ามดื้อล่ะ”
    “ค่ะ...” สุดท้ายภาวิกาก็ไม่สามารถโน้มน้าวคนเป็นพ่อได้ ทำได้แค่เพียงยอมรับความจริงเท่านั้น พอเธอของในสิ่งที่ต้องการไม่ได้แล้วเด็กสาวผู้น่าสงสารก็เดินออกมาจากตรงนั้นกับหมีน้อยของเธอเยี่ยงผู้แพ้
    “ไอ้มังกร มึงสั่งให้ช่างกลับบ้านได้เลยนะ กูเปลี่ยนใจแล้ว แล้วมึงก็เอาค่าเสียเวลาให้พวกมันสักก้อนก็แล้วกันนะ”
    “ครับ”

    19:23 น.
    “วันนี้เรียนโคตรหนักเลยว่ะ” นาวินบ่นออกมาอย่างตัดพ้อในขณะที่ตอนนี้สองพี่น้องกำลังเดินกลับร้านเจ๊แบมในเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ
    “กูก็เห็นมึงเรียนหนักทุกวันนี้หว่าไอ้นาวิน”
    “เออ ก็จริง” ถนนเล็กๆเส้นนี้สองแฝดเดินไปกลับตั้งแต่เล็กจนโตจวนจะจบปริญญาตรีในอีกไม่กี่ปีแล้ว ถนนเส้นนี้มันก็ยังเหมือนเดิม ถึงแม้ว่ารอบข้างตึกลาบ้านช่องจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม ก็เหมือนกับความทรงจำที่พวกเขาผูกพันกับที่นี่ ถึงแม้ว่ารอบข้างจะเปลี่ยนไปแค่ไหนความทรงจำนั้นก็ยังเหมือนเดิม
    “บ้านเราโคตรมืดเลยเนอะ” นาวินเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่นเมื่อเดินผ่านหน้าบ้านตนเองที่ถูกคล้องด้วยโซ่ขนาดใหญ่ แถมข้างในยังมืดสนิทเพราะไม่มีใครเปิดไฟเนื่องจากมันกำลังจะถูกกำจัดในอีกไม่นานนี้
    “เออ มืดจริง”
    “ไม่รู้ว่าไอ้ภาสนั่นมันจะทุบบ้านเราวันไหน ยังทำใจไม่ได้เลยว่ะ”
    “กูก็เหมือนกัน แต่ยังไงกูก็ต้องหาทางเอาบ้านคืนมาให้ได้”
    “ยังไง?”
    “ไม่รู้เว้ย ตอนนี้ยังคิดไม่ออก”
    “วันนี้จะไปเที่ยวกับสิงห์และแทนไทไม่ใช่หรอ รีบกับร้านเจ๊แบมแล้วอาบน้ำแต่งตัวเถอะเดี๋ยวดึก”
    “อืม”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×