NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LOVELESS MAFAI]: เผลอใจให้คนไร้รัก (มี E-BOOK)

    ลำดับตอนที่ #3 : เกลียด

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 65



    “คืนนี้สี่ทุ่ม คุณภาสต้องไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าของคุณหญิงอารยานะครับ” มังกรอ่านตารางงานของผู้เป็นนายด้วยเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์และน่าฟัง ส่วนเขาก็ยืนรับลมเย็นๆผ่านหน้าต่างบานใหญ่มองออกไปชมวิวด้านนอกของตัวเมืองอยู่ที่ชั้นสิบแปดพลางจิบชาร้อนๆไปด้วยอย่างผ่อนคลาย
    “อืม เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยละกัน”
    เขาคือ ภาส วิชญ์ภาส กิเลนารินทร์ มาเฟียหนุ่มลูกหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่ 32 ปี แต่ธุรกิจที่เขาทำนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนจนต้องขนานนามให้เขาว่า ชายผู้อุทิศชีวิตจิตใจให้กับงาน อีกทั้งเรื่องความรักยังไม่เคยมีมากวนใจถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะรูปงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ร่างกายก็สมบูรณ์แบบเหมือนนายแบบระดับต้นๆของประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีทายาทตัวน้อยอายุถึง 6 ขวบ ถึงแม้ว่าทั้งชีวิตจะไม่เคยแต่งงานก็ตาม
    “ครับ”
    “แล้วเรื่องของสองคนนั้น เรียบร้อยดีไหม” วิชญ์ภาสถามบอดี้การ์ดคนสนิทขึ้นมาเรียบๆซึ่งมังกรก็เข้าใจดีว่าชายหนุ่มนั้นหมายถึงเรื่องอะไร
    “เรียบร้อยแล้วครับ แต่ผู้หญิงที่ชื่อณิชายังสติแตกอยู่”
    “อืม เรื่องของพวกมัน ขอแค่พวกมันออกไปก็พอละ จะได้ทุบเอาที่มาทำคลับใหม่” เขากล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย ไม่มีความสงสารใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไงคนพวกนั้นก็ไม่ใช่ญาติติโกโหติกาของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
    และในขณะที่ทั้งสองกำลังถามไถ่ถึงเรื่องงานอยู่นั้น ก็ได้มีสาวน้อยวัยหกขวบตัวป้อมๆผมยาวสลวยแสนน่ารัก ถึงกลางหลังสวมชุดเดรสยาวถึงเข่าค่อยๆย่องเข้ามาเบาๆเนื่องจากปกติแล้วเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาห้องทำงานห้องนี้
    “ภา!” สาวน้อยสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงตะคอกของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแท้ๆ
    เธอคือ ภา ภาวิกา กิเลนารินทร์ ลูกสาวคนเดียวของวิชญ์ภาสกับภาวินีสาวไทยที่เขาเคยเจอในคลับที่อเมริกาเมื่อหลายปีก่อน และได้มีความสัมพันธ์กันแบบ one night stand แต่เธอกลับท้องลูกของเขา แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะยังไงฐานะเขาก็พร้อมกว่าเธออยู่แล้ว จึงเลี้ยงดูภาวิกามาตั้งแต่เกินและช่วงปิดเทอมเธอก็จะไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศ ทีแรกชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าการเลี้ยงดูใครสักคนมันจะยากขนาดนี้ จนได้มีลูกเป็นของตัวเองจึงได้รู้ว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่แต่เพียงเลี้ยงให้เขาโตขึ้นแต่เขายังต้องมอบเวลาและความรักให้ลูกด้วย ซึ่งเขาก็ยังทำไม่ได้เหมือนพ่อคนอื่นๆ
    “อึก...คะ” สาวน้อยตอบด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมกับมองลึกเข้าไปที่นัยตาของวิชญ์ภาสอย่างตั้งใจแต่ก็เกรงกลัวอยู่ไม่น้อย
    “เข้ามาทำไม ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้ามาห้องทำงานฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต”
    “ขอโทษค่ะคุณพ่อ หนูแค่มาเก็บลูกบอล” พอเธอเอ่ยจบสาวน้อยก็รีบเดินไปเก็บลูกบอลยางสีชมพูหวานแหววที่กลิ้งเข้ามาอย่างเร่งรีบ จากนั้นมังกรก็รีบเดินเข้าไปหาเธอทันทีเพราะกลัวว่าวิชญ์ภาสจะขึ้นเสียงใส่ลูกสาวจนเสียขวัญ
    “ไปครับคุณหนู ไปเล่นกับพี่ต้องตาข้างล่างดีกว่านะครับ ตอนนี้คุณพ่อของคุณหนูงานยุ่งมากเลย”
    “ค่ะ” เมื่อสิ้นสุดคำสั่งของมังกรภาวิกาก็เดินคอตกออกไปนอนห้องแต่โดยดี จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตนเองที่อยู่ข้างๆ
    “อย่าถือสาคุณหนูเลยนะครับ เธอยังเด็ก”
    “เออ มันก็ลูกกูไหมล่ะ”
    เพล้ง!
    “ออกไปคนหัวขโมย ออกไปเลยนะ น้องภาเกลียดหัวขโมย!” ยังไม่ทันถึงสองนาทีเสียงข้าวของก็แตกกระจายดังออกมาจากห้องของภาวิกาพร้อมกับเสียงของเธอที่ตะคอกเสียงดังลั่นบ้าน
    “คุณหนูคะอย่าทำแบบนี้ค่ะ โอ๊ย! คุณหนู”
    “ก่อเรื่องอะไรอีกละเนี่ย” ถึงแม้ว่าวิชญ์ภาสจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายแบบนั้นแต่เขาก็รีบวิ่งไปยังห้องนอนของภาวิกาอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย
    และเมื่อไปถึงเขาเองก็แทบช็อคเมื่อภาวิกากำลังปาของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่พี่เลี้ยงของตนเองจนหัวแตกเลือดไหลซิบ มันทำให้วิชญ์ภาสโกรธมากที่เห็นลูกสาวตัวน้อยทำแบบนั้น
    “หยุดนะภาวิกา! เธอทำอะไรของเธอฮะ!”
    “คุณหนูเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ จู่ๆก็ปาของเล่นใส่ต้องตาแบบนี้”
    “ทำไมเป็นคนแบบนี้ เธออยากให้ฉันโกรธหรอ” คนเป็นพ่อมองลูกสาวด้วยดวงตาแข็งกร้าว โกรธจนไฟโทสะลุกโชนควบคุมไม่ได้ ยิ่งภาวิกาถูกมองแบบนั้นร่างเล็กก็สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะโดนลงโทษเพราะเธอรู้ดีว่าบทลงโทษจากเขานั้นน่ากลัวแค่ไหน
    “อึก คุณพ่อเกลียดน้องภาหรอคะ ทำไมถึงมองน้องภาแบบนั้น”
    “ใช่ ฉันเกลียดโดยเฉพาะเด็กดื้ออย่างเธอ!”
    “ฮึก ทำไมถึงเกลียดน้องภาคะ ทีพี่ต้องตาขโมยกำไลเพชรของน้องภาซ่อนไว้ที่นม ทำไมคุณพ่อไม่เกลียด คุณพ่อใจร้าย ฮือๆ”
    “ป..เปล่านะคะ แหม คุณหนูภาใส่ร้ายพี่ทำไมคะ” เมื่อประโยคดังกล่าวหลุดออกมาจากปากของลูกสาวนั้นก็ยากที่จะเมินเฉย ชายหนุ่มมองไปยังต้องตาพี่เลี้ยงของลูกสาวทันที
    “ลากตัวมันออกไปค้น!”
    “ด..เดี๋ยวสิคะ ต้องตาไม่ได้ทำ คุณหนูใส่ร้ายต้องตา” คำสั่งของวิชญ์ภาสถือว่าเป็นคำขาดลูกน้องทุกคนไม่สามารถขัดใจได้ นอกจากลากตัวพี่เลี้ยงของภาวิกาออกไปค้นตามคำสั่ง เมื่อเขาสั่งให้ลูกน้องจัดการพี่เลี้ยงหัวขโมยแล้วเขาก็หันหน้ามามองลูกสาวที่ตอนนี้เสียงขวัญและยืนสะอึกสะอื้น ร้องไห้น้ำตาท่วมแต่พยายามกลั้นเสียงไว้เพราะพ่อของเธอไม่ชอบให้เธอร้องไห้เสียงดัง เพราะถ้ามีเสียงเล็ดลอดออกมาเมื่อไหร่เธอก็จะถูกดุด่าอีก ภาวิกาจึงเลือกที่จะค่อยๆก้าวเดินหนีชายหนุ่มไปตัวคนเดียวโดยไม่สนใจเขา
    “หยุดเลยนะ ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอไป” แต่เธอก็ไม่ฟัง ยังเดินหน้าลงไปยังชั้นล่างแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย วิชญ์ภาสเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเลยที่ใช้อารมณ์กับลูกอีกทั้งๆที่ตอนนี้บอกว่าพยายามใจเย็นลง
    “ภาวิกา!”
    “อึก ฮึกๆ”
    “มันดื้อเหมือนใครวะ!”

    00:00 น.
    @ร้านเจ๊แบม
    “ไม่เป็นไรนะณิชา อย่างน้อยพวกมึงสองคนก็ยังมีเจ๊ไง” เจ๊แบมยังคงปลอบใจสองพี่น้องอยู่ไม่ห่างถึงแม้จะรู้ว่ายังไงมันก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาหายเศร้าจากการสูญเสียทั้งแม่และบ้านได้ก็ตาม
    “อื้ม ขอบคุณนะเจ๊แบม เจ๊โคตรใจดีเลยว่ะ”
    “พวกมึงสองคนก็เหมือนน้องแท้ๆของกูนั่นแหละ พี่น้องยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
    “ผมรักเจ๊ที่สุดเลย ถ้าผมได้เป็นหมอเมื่อไหร่เดี๋ยวผมจะรักษาเจ๊ฟรีเลยนะ” นาวินโผเข้ากอดเจ๊แบมแน่นเหมือนตอนที่เขากอดคนเป็นแม่ เพราะพวกเขารักเจ๊แบมมากไม่ว่าจะตกทุกข์ได้ยากเจ๊แบมก็คอยเป็นคนให้แสงสว่างเปิดทางออกให้เสมอ
    “เออ ให้กูใกล้ตายก่อน แต่ตอนนี้เจ๊ต้องไปรับแขกก่อนนะ”
    “โอเค เดี๋ยวผมช่วยเสริฟนะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน นอนดึกได้”
    “ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาขยะไปทิ้งหน้าร้านให้ละกัน”
    "โอเค"
    หลังจากนั้นทั้งสามคนก็แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน และณิชาก็เดินหิ้วถุงสีดำที่บรรจุขยะออกมาทิ้งหน้าร้านทว่าสายตากับไปสะดุดเข้ากับเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามร้าย
    “ฮือๆ”
    “ผีหรือคนวะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับสังเกตุให้ชัดว่าใช่คนหรือไม่ และถ้าเป็นเด็กจริงๆก็คงจะหลงกับพ่อแม่เพราะที่นี่มักมีเด็กหลงมาเป็นประจำ
    “หนู ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นลูก”
    “ฮือๆ” เมื่อสาวน้อยคนนั้นได้ยินเสียงของเธอร้องเรียกก็ยิ่งร้องเสียงดังเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ใช่แค่ร้องไห้เฉยๆเพราะตอนนี้เด็กสาวคนนั้นลุกขึ้นและวิ่งพุ่งตรงมาเตรียมข้ามถนนมาหาณิชาเหมือนเด็กที่ตื่นกลัวอะไรสักอย่าง แต่สาวน้อยนั้นคงไม่ทันระวังเนื่องจากตอนที่เธอวิ่งมานั้นกลับมารถเบนซ์คนหรูขับผ่านมาพอดี
    “เฮ้ยอย่า!”
    ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×