ตอนที่ 1 : PAST OF END [100%]
ซ่อนรักกุกมิน [01]
ผมเคยคิดนะว่าโลกใบนี้มันจะมีพื้นที่สีขาวพอให้คนอย่างผมได้เหยียบยืนบ้างหรือเปล่า? เมื่อด้านมืดของโลกอีกใบได้กลืนกินผมเข้าไปจนมันกลายเป็นสิ่งที่ผมในวัย18ปีเรียกมันว่าครอบครัวไปซะแล้ว และคงจะเป็นคำว่าครอบครัวที่ทุกคนคงจะคาดไม่ถึงเลยเชียวแหละ เพราะมันไม่ได้หมายถึงเพียงความมืดมน ความดำดิ่ง หรืออะไรก็ตามที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ หากแต่มันเป็นที่ที่แสงสว่างไม่ค่อยส่องเยือนมาถึงเลยต่างหาก มันมืดมนและเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอย่างที่เด็กในวัย18อย่างผมไม่ควรได้พานพบกับมันเลยสักนิด
ได้แต่คิดนะว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันพวกเขาจะมีชีวิตยังไงในช่วงอายุวัย18ปี ก็คงจะอยู่ในรั้วโรงเรียนกันใช่ไหม?และก็คงจะมีทั้งเพื่อน มีทั้งสังคม มีทั้งครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยพ่อและแม่ รู้ไหมชีวิตของผมมันไม่เคยได้เฉียดกายเข้าใกล้สิ่งที่ว่ามาเลย เพราะถ้าให้เปรียบชีวิตอันน่าบัดซบที่ไม่ค่อยจะมีค่าของผมแล้วล่ะก็มันก็คงคล้ายกับวงโคจรที่หมุนรอบความดำดิ่งซ้ำๆ นานวันเข้าก็ยิ่งถลำลึกลงไปจนหาทางออกไม่เจอ เช่นเดียวกับทางเดินชีวิตอันมืดมนที่ผมเลือกเดินอยู่ในตอนนี้
แล้วมันจะมีอะไรให้เลือกมากล่ะกับชีวิตเด็ก18ที่เติบโตมาด้วยปลายดาบแหลมคมที่อาบไปด้วยเลือด เติบโตมาด้วยกระบอกปืนและเสียงปืนที่ปลิดชีวิตผู้คนลงนักต่อนัก ทั้งลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ได้สัมผัส ทั้งการดิ้นทุรนทุรายของคนใกล้ตายที่มันได้กลายเป็นภาพคุ้นชินตา นี่ยังไม่นับรวมกับความอำมหิตของผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทุกคนอาจจะกำลังคิดว่าแล้วทำไมผมไม่เลือกที่จะเดินออกจากเส้นทางนี้ล่ะ ผมก็จะขอบอกไว้ตรงนี้ว่าชีวิตของผมมันเหมือนถูกจำกัดให้อยู่แค่ในพื้นที่สีดำ พื้นที่สีดำที่มีฉากหน้าเป็นองค์กรการกุศลหากแต่ฉากหลังนั้นกลับเต็มไปด้วยความเน่าเฟะและไร้ซึ่งสัจธรรมของผู้มีอำนาจและอิทธิพล
ผมยังจำครั้งแรกที่ได้เห็นคราบเลือดสดๆและเสียงเหนี่ยวไกลปืนที่ดังก้องอยู่ข้างหูได้ ในตอนนั้นมือผมสัมผัสกับของเหลวสีแดงซ่านเพราะโอบกอดคนๆนึง ลมหายใจที่รวยรินในตอนนั้นกับเลือดมากมายที่ไหลออกจากทั้งปาก ตา จมูก ก่อนที่ทั้งร่างนั้นจะชักกระตุกเกร็งและสิ้นแรงไปต่อหน้าต่อตา ความทรงจำนั้นได้กลายเป็นฝันร้ายที่ติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นเลยเป็นครั้งแรกที่มืออันขาวสะอาดของผมได้ยื่นไปเปื้อนกับคราบเลือด เป็นครั้งแรกที่มืออันบอบบางจับกับกระบอกปืน ก่อนที่ผมในวัยเพียง15ปีในตอนนั้นจะก้าวขาทั้งสองข้างเข้ามาในโลกที่ดำมืดใบนี้
JIMIN SAY
******************
ย้อนไปในตอนที่ผมอายุเพียง13ปี ผมเป็นเด็กที่มีพ่อแม่เหมือนเด็กทั่วๆไป มีชีวิตในแต่ละวันที่แสนจะมีความสุขบนกองเงินกองทองโดยที่ไม่รู้เลยว่าเงินทองพวกนั้นหาใช่เงินบริสุทธิ์ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว แต่มันกลับเป็นเงินที่ถูกฟอกผ่านธุรกิจสีเทาที่พ่อแอบทำอยู่ ผมเคยนึกสงสัยหลายครั้งว่าทำไมที่บ้านต้องมีชายชุดดำคอยคุมกันตลอด ทำไมผมถึงต้องมีบอดี้การ์ดคอยตามผมไปทุกที่แม้กระทั่งที่โรงเรียน และทำไมพ่อถึงต้องคอยกีดกันไม่ให้ผมกับแม่ได้ย่างกายเข้าไปในห้องทำงานห้องนั้น จนกระทั่งวันนึง...ด้วยความอยากรู้อยากลองของเด็กในวัยนั้นผมได้แอบเข้าไปเล่นซนในห้องทำงานที่พ่อคงจะลืมล็อคไว้ ผมได้เห็นกระบอกปืนนับร้อยกระบอกและกระสุนอีกนับร้อยกล่องเป็นครั้งแรก มันถูกบรรจุไว้ในลังไม้คล้ายกับรอการขนย้าย ในตอนนั้นผมยังเด็กเลยคิดว่าพ่ออาจจะเก็บสะสมหรือไม่ก็มีมันไว้เพื่อใช้ป้องกันตัวอะไรทำนองนั้น เพราะหน้าที่การงานของพ่อที่เป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดมันก็ไม่แปลกเลยที่จะมีอาวุธไว้ในครอบครอง กระทั่งมาจนวันนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมเคยคิดในตอนนั้นมันผิด ผิดอย่างมหันต์เพราะสิ่งที่พ่อทำอยู่มันคือการรับสินบนและฟอกเงินให้กับองค์กรค้าอาวุธ
ผมไม่ได้บอกเรื่องที่เจอในวันนั้นกับแม่กระทั่งเย็นของวันถัดมาที่พ่อกลับมาบ้านพร้อมกับมีผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำเดินเข้าออกในบ้านเกือบๆยี่สิบคน ผมกับแม่ถูกพ่อสั่งห้ามให้อยู่แต่ในห้องจนกว่าพ่อจะสั่งให้เราออกมา เราสองแม่ลูกไม่รู้เลยว่าด้านนอกนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างจนกระทั่งเสียงไซเร็นของรถตำรวจดังขึ้นพร้อมกับเสียงปืนอีกหลายสิบนัดดังติดๆกันจนแก้วหูแทบแตก แม่โอบกอดผมไว้แน่น ลูบหัวเพื่อคลายความหวาดกลัวในตอนนั้นด้วยความใสซื่อของเด็กผมถามแม่ออกไปแค่ว่า
“พ่อเป็นคนดีใช่ไหม”
แม่ยิ้มให้กับคำถามของผมทั้งที่น้ำตาเธอกำลังไหล ผมไม่รู้เลยว่าแม่รู้หรือเปล่าเรื่องอาวุธในห้องของพ่อ หรือไม่นี่ก็อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการขนย้ายอาวุธในบ้านของเรา มันอาจจะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ อาจจะในช่วงที่ผมกำลังนอนหลับอย่างสบายในห้องกว้างนี้ก็เป็นได้
กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาที เสียงปืนและความโกลาหลทางด้านนอกเหมือนจะหยุดลงพร้อมกับที่ประตูห้องของผมถูกเปิดเข้ามา ผมเงยหน้ามองฝีเท้าของคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความหวาดกลัวเพราะเขาไม่ใช่พ่ออย่างที่ควรจะเป็น ชายสูงวัยที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อเขาอยู่ในชุดสูทสีดำ มือหยาบย่นข้างนึงถือกระบอกไม้เรียวยาวคล้ายดาบ เขาค่อยๆย่างกรายเดินเข้ามาหาผมกับแม่ที่ซุกตัวหลบอยู่มุมห้อง น้ำเสียงฟังดูเยือกเย็นค่อยๆเอื้อนเอ่ยกับเราสองคน
“ไปกับฉัน ปาร์คมุนตายแล้ว” ชื่อของพ่อที่หลุดออกจากปากของเขาทำผมแทบหยุดหายใจ ปาร์คมุนคือพ่อของผม เขาบอกว่าพ่อของผมตายอย่างนั้นเหรอ
“ไม่จริง คุณลุงโกหก แม่ฮะ คุณลุงโกหกๆ” ผมพูดซ้ำๆพลางเขย่าที่แขนของแม่ไปด้วย ในใจหวาดกลัวคนตรงหน้าและหวังให้สิ่งได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง
“ลียาเธอต้องพาลูกไปกับฉันก่อนตำรวจจะบุกมาที่ห้องนี้” คุณลุงคนที่ว่าพูดเหมือนสนิทสนมกับแม่ด้วยการเรียกชื่อเล่น เกิดความสงสัยมากมายในหัวของผมว่าคนตรงหน้าคือใครแต่ในความเป็นเด็กก็ไม่สามารถนึกอะไรออกได้นอกจากว่าคนตรงหน้าอาจจะเป็นเพื่อนของพ่อ?
“แม่ฮะ ไม่นะเราต้องไปช่วยพ่อก่อน แม่!!!…” เด็ก13ปีที่อยากช่วยพ่อแต่ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเอาอะไรไปสู้ ผมกำชายเสื้อของแม่แน่นพร้อมเขย่าแขนและพยายามดึงรั้งให้แม่ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะลงไปหาที่พ่อที่ชั้นล่างด้วยกัน แต่แม่กลับตวาดเสียงดังลั่นตอกใส่หน้ากลับมา
“ลงไปให้เราตายกันหมดหรอ!!!”
“ไปกับฮาชิซะ แม่จะไปดูพ่อแกเอง” แม่สั่งเสียงแข็งดวงตาแดงก่ำไม่ต่างจากผม และคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็คงจะเป็นฮาชิคนที่แม่เอ่ยชื่ออกมาเมื่อกี้ เขาดึงแขนผมให้ยืนประชิดที่ข้างตัวและแม้จะขืนแรงเพื่อที่จะตามแม่ที่เดินออกไปด้านนอกห้องแต่ก็ไม่เป็นผล แม่เดินออกจากห้องไปแล้ว ไปทั้งๆที่รู้ว่าด้านล่างมีความตายรออยู่
“ม่ายยยย จีมินจะไปกับแม่ จีมินจะไปช่วยพ่อ” ผมตะโกนสุดเสียงดังตามหลัง ดิ้นสุดแรงจากการถูกจับกุม และเพียงไม่กี่ก้าวที่แม่ก้าวพ้นประตูห้องออกไปเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด ผมแทบหยุดหายใจเป็นครั้งที่สองในตอนที่ร่างของแม่ทรุดลงกับพื้นไปต่อหน้าต่อตา เลือดสีแดงไหลนองจากตรงกลางหน้าท้องก่อนมันเลอะเปรอะเปื้อนบนพื้นไม้
“แม่!!” ผมหวีดร้องเสียงดังอย่างคนขาดสติ ผละตัวออกจากมือหยาบโล้นของคนสูงวัยก่อนวิ่งไปนั่งลงข้างๆกายของคนเป็นแม่ โอบประคองคนที่เป็นดั่งชีวิตและลมหายใจไว้ด้วยสองมือน้อยๆ น้ำตาของผมไหลอาบแก้มจนการมองเห็นเลือนรางแต่ใบหูกลับได้ยินชัดเมื่อเสียงปืนที่ดังขึ้นอีกครั้ง
ปัง ปัง
กระสุนปืนสองนัดถูกเหนี่ยวไกลโดยคุณฮาชิที่ยืนอยู่ด้านหลังผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเกือบโดนลูกกระสุนเจาะเข้าที่กลางหัวหากไม่ใช่เพราะเสียงปืนสองนัดของคุณฮาชิที่ดังขึ้นซะก่อน สุดท้ายก็เป็นร่างของตำรวจผู้นั้นที่สิ้นลมไป
“ฮึก แม่…แม่ฮะ”ผมสะอื้นไห้ คร่ำครวญด้วยเสียงอันสั่นเครือเมื่อรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียตรงหน้า แม่เคลื่อนมือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามวัยมากอบกุมใบหน้าผมไว้ แม่ยิ้มไห้ และเอาแต่พูดคำเดิมๆว่าให้ผมหนีไปกับฮาชิ ไปกับฮาชิ แม่พูดซ้ำๆอยู่อย่างนั้นและผมก็เอาแต่ส่ายหน้าให้เธอทั้งน้ำตา
“ไม่ ฮึก จีมินจะอยู่กับแม่ จะอยู่กับแม่” แม้จะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่มีคนตายต่อหน้าต่อตาผมก็ยังดึงดันที่จะอยู่ตรงนี้ ถึงเลือดสีแดงที่เคยหวาดกลัวมันเป็นชีวิตจิตใจหากแต่ในตอนนี้กลิ่นคราวฉุนจมูกของมันกลับไม่น่ากลัวเท่ากับว่าตอนนี้ผมกำลังจะเสียแม่ไป
อั่ก อั่ก
เสียงแม่กระอั่กสองสามครั้งก่อนเลือดสีแดงสดจะไหลทะลักออกมาจากปาก ตา และจมูกของเธอ ความหดหู่ตรงหน้าทำผมเริ่มสั่นกลัวยิ่งกลัวเดิม พยายามใช้สองมือเล็กที่สั่นเทาของตัวเองเช็ดของเหลวสีแดงนั้นออกแต่มันกลับไม่ยอมหยุดไหล
“แม่!!..อย่าทิ้งจีมิน อย่าทิ้งหนู ฮืออ ฮึก” ผมเหมือนคนขาดสติกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมโอบกอดร่างกายของแม่ที่เกร็งกระตุกอย่างแรงก่อนเปลือกตาที่ฝืนปรือมองจะปิดลงแต่ลมหายใจยังคงรวยรินแผ่วเบา
“เฮลิคอปเตอร์มาแล้วเธอไม่มีเวลาแล้วต้องไปกับฉัน”
“ไม่!! เอาแม่ไปด้วย ฮึก คุณลุงเอาแม่ไปด้วย ฮืออ” ผมร้องไห้ฟูมฟาย ปวดหนึบทั้งหัวใจ ผมไม่รู้ว่าคำขอของตนเองได้รับการตอบรับจากคุณลุงที่ชื่อฮาชิไหม เพราะในวินาทีต่อมาร่างของผมก็สลบเมือดด้วยอะไรสักอย่างที่ไม่ทันมอง ผมหมดสติไปในที่สุดโดยที่ไม่รู้ว่าทุกอย่างในชีวิตกำลังจะเปลี่ยนผันไป
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวดเร็วเสียจนอยากให้เป็นเพียงความฝัน และถึงจะฝันไปจริงๆก็คงจะเป็นฝันร้ายที่ติดอยู่ในใจอย่างไม่อาจลบเลือน
***********
@องกรค์ที่ถูกขนานนามว่าสีขาว
ร่างบอบบางหากแต่ดูทมัดทะแมงถูกซ่อนกายภายใต้ชุดกางเกงหนังขายาวแนบเนื้อสีดำ ร่างกายท่อนบนถูกสวมทับด้วยเสื้อยืดสีขาวตัวสั้นและแจ็คเก็ตหนังเก่าๆสีเทาหม่นคลุมทับอีกที เส้นผมที่ไร้การจัดแต่งทรงถูกสวมทับด้วยหมวกแก๊ปใบสีขาว ใบหน้าหวานราวกับตุ๊กตาเคลือบแก้วถูกปิดด้วยผ้าคลุมให้เห็นเพียงดวงตากลมโตที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก ขาเรียวเล็กก้าวอย่างฉับไวตรงไปยังห้องที่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเขาเข้าออกมันบ่อยกว่าห้องนอนของตัวเองซะอีก และเมื่อถึงยังจุดหมายบานประตูตรงหน้าก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรงโดยไร้การเอ่ยขออนุญาต
แปะ แปะ แปะ
“ทำงานเสร็จเร็วไม่เปลี่ยนเลยนะเจมินะ ไม่เสียแรงจริงๆที่ฉันชุบเลี้ยงเธอมา” เสียงปรบมือมาพร้อมกับน้ำเสียงสูงวัยที่ถูกเอ่ยโดยคนที่ยังนั่งหันหลังให้ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะจะเข้ามา จีมินหยุดยืนชะงักที่หน้าโต๊ะไม้ตัวยาวที่ถูกใช้เป็นโต๊ะทำงานของเจ้าของห้อง คนตัวเล็กกระตุกยิ้มทันทีหลังจากที่ได้ฟังประโยคนั้นจบ “ชุบเลี้ยงงั้นเหรอ” เหอะ เรียกว่าเลี้ยงให้เป็นทาสรับใช้คงจะเหมาะมากกว่ามั้ง
“ผมจะไม่อ้อมค้อมและหวังว่าท่านจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม” จีมินรีบเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่เข้ามาในห้องนี้ทันที
“อ่าา อย่าใจร้อนสิเด็กน้อย” คนพูดไม่ได้มีท่าทีร้อนรนใจเหมือนอีกฝ่ายแม้เเต่นิด
“ว่าแต่ฉันเคยไปสัญญาอะไรไว้กับเธอล่ะเจมินะ ฉันแก่แล้วมันก็คงจะหลงๆลืมๆกันบ้างล่ะนะ” ฟังจบจีมินก็ได้แต่ข่มกรามแน่น พยายามใจเย็นกับความเล่นลิ้นของคนแก่ตรงหน้า ยืนอดทนรอจนคนสูงวัยที่มีจิตใจเหี้ยมโหดจะตวัดเก้าอี้หันมาเผชิญหน้ากับเขาและเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง
“ไหนเธอลองบอกฉันมาสิว่าฉันไปสัญญาอะไรกับเธอไว้ เผื่อฉันจะนึกขึ้นได้” เหอะ นึกขึ้นได้งั้นเหรอ คิดจะเล่นตุกติกกับเขามากี่ครั้งแล้วล่ะ จีมินคิดในใจก่อนโยนอาวุธคู่กายที่ล้วงหยิบออกจากกระเป๋าเสื้อโยนลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง
“ภารกิจสุดท้ายของผม ท่านบอกเองว่าถ้าทำสำเร็จจะให้ผมได้เจอแม่หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดสัญญาหรอกนะครับ” ชายสูงวัยคนที่นั่งอยู่ยังทำเป็นหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยินกับสิ่งที่จีมินเอ่ย
“หรอ อย่างนั้นหรอกเหรอ ฉันบอกเธออย่างนั้นเหรอเจมินะ อ่า…ทำไมฉันถึงจำไม่ได้เลยล่ะ” จีมินข่มความโกรธกว่าเดิมจนดวงตาแดงก่ำ มัดเล็กกำเข้าหากันเพื่อซ่อนความสั่นเทา กี่ครั้งแล้วที่ผู้ชายคนนี้บอกเขาว่าถ้าทำสำเร็จจะให้เขาได้เจอกับแม่ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องฆ่าคนให้กับองค์กรบ้าๆแห่งนี้ กี่ครั้งแล้วที่ต้องได้ยินคำว่าครั้งสุดท้ายและศพสุดท้าย และกี่ครั้งแล้วที่ต้องเดินร้องไห้ออกจากห้องนี้ไปเงียบๆโดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาทนมันมามากกว่าห้าปีแล้วนะ เป็นห้าปีที่ไม่มีวี่แววเลยว่าคนตรงหน้าจะรักษาสัญญา
“จุๆๆ เธอคงจะโกรธฉันอยู่ในใจสินะเด็กน้อย แต่เอาเถอะน่าฉันรักษาสัญญาพอ” จีมินเหมือนได้ต่อลมหายใจที่เกือบจะหยุดลงอีกครั้ง คำที่เฝ้ารอและอยากได้ยินกำลังจะมาถึงแต่แล้วความดีใจนั้นกลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อหูได้ยินประโยคถัดมา
“แต่เธอต้องทำงานให้ฉันอีกครั้ง ฉันสัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายของเธอจริงๆ เจมินะ” ประโยคเดิมราวกับถูกบันทึกเทปไว้และเปิดซ้ำ จีมินยกยิ้มทั้งน้ำตาที่กำลังไหลริน นี่น่ะเหรอคนที่ชุบเลี้ยงเขามา นี่น่ะเหรอคนที่พาเขาหนีตายเมื่อห้าปีก่อน ทำไมถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวได้มากขนาดนี้
“กี่ครั้งแล้วล่ะครับที่ท่านบอกผมว่าครั้งสุดท้าย กี่ครั้งแล้วที่บอกผมว่าจะให้เจอแม่ กี่ครั้งแล้วที่ท่านผิดสัญญากับผม มันกี่ครั้งแล้วฮาชิคุง!!! ” จีมินตวาดเสียงดังลั่นอย่างหมดความอดทน หมดแล้วจริงๆกับความเคารพที่เคยมีให้ มันหมดไปตั้งแต่วันนั้น วันที่ผู้ชายคนนี้เอาปืนจ่อหัวเขาเพื่อบังคับให้ฆ่าคนโดยใช้แม่ของเขาเป็นตัวประกัน
“ใจเย็นน่าเด็กน้อย ฉันบอกว่าครั้งสุดท้ายก็ครั้งสุดท้ายสิ”
“ผมยังเชื่ออะไรท่านได้อีกหรอ” จีมินเค้นเสียงรอดไรฟัน คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าครั้งนี้ฮาชิยังเล่นตุกติกเขาจะไม่มีทางยอมอีกต่อไป
“ผม ไม่ ทำ” ปฏิเสธเสียงแข็งออกไปทั้งที่ใจยังกลัว
“กล้าเหรอ เธอก็รู้นิว่าถ้าก้าวขาออกจากองค์กรของฉันเมื่อไหร่แม่เธอก็จะไม่ได้หายใจบนโลกนี้ต่อ คิดดูดีๆสิเจมินะ” น้ำเสียงกดต่ำอย่างทรงอำนาจกดจีมินให้ไม่มีทางสู้ด้วยการใช้ตัวประกันที่เขาไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงในตลอดห้าปีที่ผ่านมา ฮาชิลุกออกจากเก้าอี้มายืนตรงหน้าจีมิน มือหยาบโล้นของคนเหี้ยมโหดเอื้อมมาลูบหัวเขาเหมือนทุกครั้ง ไม่มีคำพูดใดมีเพียงเเฟ้มขนาดเท่ากระดาษเอสี่ที่ถูกปากระเเทกมาที่หน้าอย่างเเรง
“ยิ่งฆ่าเร็วเท่าไหร่เธอก็จะได้เจอแม่เร็วขึ้นเท่านั้น ฉันสัญญา” คนมีอำนาจเหนือกว่าพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคเดิมที่จีมินจำได้ขึ้นใจ ทางเลือกที่มีไม่มากนักทำให้ทุกอย่างจบลงเช่นเดิมด้วยการที่เขาก้มเก็บแฟ้มประวัติของคนที่ถูกสั่งเก็บขึ้นมาถือไว้ในมือ ทุกอย่างเงียบลงดังเดิมเมื่อชายสูงวัยเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ความอัปยศอดสูตอกย้ำชีวิตที่แสนไร้ค่าของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ฮึก ก็ฆ่าอีกสักคนจะเป็นไรไป นายก็ฆ่ามาตั้งกี่ศพแล้วนิ”
เป็นประโยคตัดพ้อกับตัวเอง น้ำตาเม็ดใสร่วงเผาะบนใบหน้าเมื่อไม่มีทางเลือกใดเลย เขามีเพียงต้องฆ่าและฆ่าเท่านั้น ได้แต่ปาดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองก่อนลากสายตามองยังสองมืออันสั่นเทา นับตั้งแต่วันที่มือขาวสะอาดคู่นี้ได้เปื้อนเลือดเขาไม่เคยคิดอยากจะให้ใครได้จับมันอีกเลย มันไม่มีค่าและไม่คู่ควรมากพอเมื่อเป็นสองมือที่ใช้ฆ่าคน
PAST OF END
***************
100%
TALK
ปูอดีตจบแล้ว ตอนหน้าเป็นปัจจุบันแล้วค่ะ น้องสตรองกว่าที่ทุกคนคิดนะ อยากเจอพระเอกก็ขอกำลังใจและเม้นด้วยน๊าาจะรีบมาต่ออย่างไว ขอบคุณสำหรับการติดตามเสมอค่าาา #ซ่อนรักกุกมิน
มาถึงนิยายเรื่องนี้ก็ฝากด้วยนะคะ คือเเต่งอินโทรและวางพล็อตไว้ตั้งแต่ปีที่เเล้วพึ่งได้รื้อขึ้นมาเเต่งใหม่ เนื้อหาค่อนข้างเช้นซิทีฟกว่าทุกเรื่องที่เเต่งมา เพราะหน่วงมาก ดิบมาก ร้ายมาก และก็เเรงมาก ทั้งตัวนายเอยและพระเอกเอง ซึ่งเรื่องนี้เราตั้งใจมากที่จะให้ตัวละครอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล เพราะฉะนั้นทุกฉากและคำพูดไม่ได้เเต่งเอามันส์แต่อย่างเดียว ทุกคนจะมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง แต่ก็นะจะรอดเปล่าไม่รู้ ที่รู้ๆคือน้องจีมินน่วมทั้งเรื่อง ขอบคุณค่าาาา
ไปเล่นเเท็กกะได้น๊า #ซ่อนรักกุกมิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารน้องจีมินรอเลยค่ะ????????