ตอนที่ 7 : รีไรท์ BLUE BELLs 06 [100%]
ในยามเช้าของวันจีมินตื่นขึ้นมาด้วยอาการขัดยอกไปทั้งตัว โอเมก้าตัวเล็กเอาแต่นอนกระพริบตาปริบๆอยู่บนเตียงนานนับนาทีถึงกล้าขยับร่างกายด้วยเเรงที่ไม่ค่อยจะมีและพอฝืนขยับได้เพียงนิดก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เมื่อร่างกายช่วงล่างตั้งแต่เอวคอดไปจนถึงปลายเท้าเหมือนจะมีอาการปวดหน่วงมากกว่าเดิมโดยเฉพาะตรงส่วนนั้นเขารู้สึกปวดแสบไปหมด
อาการไร้เรี่ยวแรงนี้ทำให้สมองหวนนึกถึงการร่วมรักอันเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาเคลื่อนมือมือสัมผัสแตะลงที่ต้นคอของตนเองอย่างแผ่วเบา รอยแดงช้ำปรากฎแต่งแต้มอยู่ทั่วต้นคอ รอยยิ้มจางประดับบนใบหน้าในทันทีเมื่อภาพใบหน้าของคนทำลอยเข้ามาในหัวชวนให้หวนนึกถึงสายตาของจองกุกยามที่ร่วมรักกัน สายตาที่มองมาอย่างปราถนาในตัวเขาราวกับสิ่งของอันมีค่า สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวงแหนจีมินคิดว่ามันคุ้มค่าเหลือเกินหากแลกกับสิ่งที่เขาเสียไปซึ่งเขาไม่คิดที่จะเสียใจเลย
“นั่งเคลิ้มไรแต่เช้า?”
“ฮีทอีกหรือยังไง?…” เสียงทักทายในยามเช้าของอัลฟ่าร่างสูงดังขึ้น จองกุกเอ่ยล้อเมื่อเห็นคนตัวเล็กบนเตียงเอาแต่หลับตาพริ้มเหมือนคนเคลิ้มฝันทั้งยังใช้มือสัมผัสลูบต้นคอที่แต่งแต้มด้วยรอยแดงช้ำที่เขาเป็นคนทำอีก คนตัวสูงเลือกเดินมานั่งลงที่ข้างเตียง พื้นเตียงที่อ่อนยุบลงทำคนเคลิ้มสะดุ้งตัวเล็กน้อยรีบลืมตาหันมองยังคนนั่งข้างเตียงในทันที
“ตะ...ตื่นนานแล้วหรอครับ” เสียงใสตะกุกตะกักและแหบพร่าเล็กน้อยเนื่องด้วยยังเช้าอยู่ และคิดว่าตัวเองพลาดแล้วที่ถามคำถามนั้นออกไปทั้งก็เห็นอยู่ว่าจองกุกน่าจะตื่นก่อนเขาตั้งนานเเล้ว จู่ๆมันก็เกิดอาการทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะวางมือวางไม้ไว้ตรงไหน ไม่รู้ว่าจะต้องหาบทสนทนาไหนมาคุย
“ไม่ได้ฮีทใช่ไหม?” จองกุกเป็นฝ่ายถามกลับเมื่อเห็นแก้มนิ่มของจีมินขึ้นสีแดงปลั่ง และไหนจะอาการทำตัวไม่ถูกที่เเสนน่ารักนั่นอีกเห็นเเล้วมันน่าแกล้งฟัดให้จมเตียง
“ป่าวครับมินไม่ได้ฮีท” เสียงใสรีบเอ่ยปฏิเสธเมื่อกลัวอีกคนจะเข้าใจผิด
“ก็เห็นทำหน้าเคลิ้มๆแต่เช้า แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ฮีทร่างกายจะได้พักบ้าง” จีมินพยักหน้าตามคนพูดอย่างน่าเอ็นดู โอเมก้าตัวเล็กพยายามขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นนั่งพิงกับพนักเตียงแต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อร่างกายเหมือนโดนสูบเรี่ยวแรงไปจนหมดตั้งแต่เมื่อคืน
“ไม่ต้องลุก นอนพักเอาแรงก่อนเดี๋ยวให้จีฮุนเอาข้าวขึ้นมาให้” จองกุกใช้เสียงปกติหากแต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนโดนดุ อัลฟ่าร่างสูงเตรียมจะลุกเดินไปที่ชั้นล่างของบ้านเพื่อหาข้าวหาปลามาให้ทานแต่มือนิ่มของจีมินกลับคว้าข้อมือเขาไว้ซะก่อน
“มินยังไม่หิวเลยครับอยากให้อยู่ด้วยกันมากกว่า” ปากอิ่มขยับเอ่ยเบาๆ บีบมือแกร่งที่จับไว้เพื่อเป็นการยืนยันว่าอยากให้อยู่ด้วยกันจริงๆ จองกุกพยักหน้าอย่างยอมจำนนอัลฟ่าร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม เอนตัวพิงกับพนักหัวเตียงก่อนจะตวัดเอาผ้าห่มที่คลุมกายบอบบางของจีมินออกเพื่อดึงคนขี้อ้อนขึ้นมานอนซุกอก
“ยังเจ็บอยู่ไหม ตรงนั้น...” จองกุกถามด้วยเสียงอ่อนลง เรียวนิ้วแตะเกลี่ยลงบนกลีบปากอิ่มไปมาเบาๆ ส่วนจีมินก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธกับคำถามนั้นทันทีทั้งที่ตัวเองเจ็บจนแทบไม่มีเเรงขยับตัว
“เด็กโกหกไม่น่ารัก” อัลฟ่าร่างสูงรู้ทันเพราะเพียงแค่เขาใช้มือแตะรอบเอวบางของจีมินเบาๆคนตัวเล็กในอ้อมกอดก็สะดุ้งตัวแล้ว แบบนี้น่ะหรอไม่เจ็บ มันน่าดุนัก
“อื้มมม เมื่อคืนตาสวยมากๆเลยครับตอนที่เราจูบกันมินเห็นตาพี่เป็นสีฟ้าครามด้วย” โอเมก้าตัวเล็กทำเป็นเฉไฉด้วยการเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ปากเล็กขยับยุกยิกบนแผ่นอกของจองกุกไปมา ด้านอัลฟ่าร่างสูงก็ทำเพียงนั่งฟังนิ่งๆไปตามน้ำ เขาชอบนะที่จีมินมักเล่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆให้ฟังแม้จะดูเหมือนการบ่นไปเรื่อยแต่ทุกคำที่จีมินเอ่ยมันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มาจากข้างในจริงๆ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆโดยไร้การแต่งแต้ม
“แล้วก็เสื้อที่พี่ใส่ให้มินก็หอมมากๆด้วย มีกลิ่นพี่เต็มไปหมดเลยแล้วมันเหมือนมินโดนกอดตลอดเวลายังไงไม่รู้แต่ชอบมากๆเลยครับ” โอเมก้าตัวเล็กยังคงพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ตาใสก็ก้มมองยังเสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งบนตัวซึ่งมันถูกติดกระดุมเพียงสองเม็ดทำให้สาบเสื้อแหวกออกกว้างจนเห็นผิวขาวๆที่มีรอยกุหลาบแดงช้ำขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งจีมินจำได้ว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จจองกุกเป็นคนใส่เสื้อตัวนี้ให้เองกับมือ
“เอาใจเก่งเหรอเรา” อัลฟ่าร่างสูงเอ่ยล้อขำๆ ยกยิ้มบางที่มุมปากพลางก็ไล้หลังมือลงบนแก้มนิ่มของจีมินด้วยความเอ็นดู
“ไม่เก่งเลยต่างหากครับ มินไม่ค่อยมีใครให้คอยเอาใจด้วยซ้ำ” เสียงใสซึมลงจนจองกุกเองก็รู้สึกได้ ใบหน้าหวานที่เคยยิ้มแย้มเมื่อครู่จู่ๆก็เศร้าลงเล็กน้อย เห็นแบบนั้นแล้วจองกุกก็ได้แต่ขมวดคิ้วในใจว่าพูดอะไรผิดไปคนตัวเล็กของเขาถึงพูดออกมาแบบนั้น
“แล้วมันต้องมีใครให้หนูเอาใจนอกจากพี่ด้วยหรอ หื้มม” จองกุกยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ไล้ปลายจมูกคมกับแก้มอวบอิ่มก่อนกดสูดดมอย่างเเรงไปหนึ่งที
“อื้ออ อันเดิมยังไม่หายซ้ำเลย” จีมินเบ้หน้าเมื่อแก้มช้ำโดนจองกุกหอมไปหนึ่งฟอดใหญ่ซ้ำกับรอยเดิม
เมื่อครู่ที่เขาบอกไปว่า ‘ไม่ค่อยมีใครให้เอาใจ’ เขาหมายถึงคนในครอบครัวหาใช่คนอื่น เพราะมันไม่มีเลยสักครั้งที่เขาได้นั่งออดอ้อนแม่ขาเหมือนอย่างที่กำลังทำในตอนนี้ ไม่มีเลยสักครั้งที่กลับบ้านมาแล้วได้บ่นว่ากับข้าวที่โรงเรียนไม่อร่อย มันไม่มีเลยสักครั้งที่เขาจะได้ทำแบบนั้นกับเเม่เหมือนเด็กทั่วๆไป
“ตาดูง่วงมากมิน นอนพักเอาเเรงก่อนเดี๋ยวปลุกกินข้าว” จองกุกเอ่ยสั่งเมื่อดวงตาใสของโอเมก้าปรือมองหน้าเขาด้วยความง่วงเหมือนจะหลับได้ทุกเมื่อ สงสัยคงเพราะการร่วมรักเมื่อคืนที่เขาอาจจะรุนแรงเกินไปและกว่าจะปล่อยให้จีมินได้นอนก็เกือบเช้าจึงไม่แปลกเลยที่โอเมก้าตัวเล็กของเขาจะดูง่วงและอ่อนเพลียได้ถึงขนาดนี้
“ถ้ามินหลับแล้วพี่ห้ามไปไหนนะ” เปลือกตาบางหลับลงแล้วแต่ปากอิ่มยังคงขยับพูดแผ่วเบา จีมินเคลื่อนมือเล็กไปกุมมือของจองกุกไว้ลงแรงบีบเบาๆเพื่อให้รู้ว่าจองกุกยังนั่งอยู่ข้างกันไม่ได้ลุกไปไหน ด้านอัลฟ่าร่างสูงก็ไม่ได้คิดจะไปไหนอยู่แล้วเขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายบางให้จีมิน ทอดสายตาคมมองยังคนตัวเล็กที่ขยับใบหน้าซุกเข้าหาความอบอุ่นบนอกแกร่ง แขนเล็กของจีมินค่อยๆเคลื่อนกอดรอบเอวของเขาไว้หลวมๆก่อนลมหายใจจะดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเขาจึงใช้ฝ่ามือลูบลงที่กระหม่อมบางอย่างอ่อนโยน ก้มใบหน้าลงมาใกล้ก่อนพรมจูบทั่วดวงหน้าหวาน พร่ำเอ่ยขอโทษออกมาในใจไม่ให้ใครได้ยิน
20.00น.
ตะวันเริ่มคล้อยลาลับเมื่อตกเย็นกลุ่มเมฆก้อนโตจับกันเป็นกลุ่มตามกระแสลมอ่อนที่พัดพาเบาๆ เสียงเม็ดฝนยังคงโปรยรินลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศที่อุณหภูมิต่ำลงและค่อนข้างแปรปรวนนั้นก็ไม่แปลกใจเลยที่จะทำใครบางคนแถวนี้เป็นหวัดได้โดยง่าย
ฮัดซิ่ว~~ ฮัดซิ่ว~~
โอเมก้าตัวเล็กนั่งจามและคัดจมูกครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่หลังตื่นนอนเมื่อตอนเย็น จู่ๆสภาพอากาศที่มีทั้งฝนและลมหนาวบวกกับสภาพร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมก็ทำเขาเป็นหวัดไปได้โดยง่าย ในตอนนี้เขาถูกจองกุกอุ้มลงมาทานข้าวที่ชั้นล่างของบ้านในเวลาเกือบสองทุ่ม เขาถูกคนตัวสูงจับให้ใส่เสื้อไหมพรมตัวใหญ่สีขาวที่ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าเป็นเสื้อของพี่จองกุกเอง และไหนจะกางเกงขายาวตัวโคร่งที่แทบจะหาเชือกมารัดเอวไว้เนื่องด้วยมันหลวมมากๆ นี่ยังไม่นับรวมกับผ้าพันคอที่พี่จองกุกบอกเขาว่าช่วยป้องกันกลิ่น? พูดตามตรง ถึงแม้จะชอบกลิ่นตัวของพี่จองกุกที่ติดตามเสื้อผ้ามากๆก็ตามแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก
“โอ้โห มันเล่นไม่ปล่อยกันลงจากตักเลยว่ะ” เสียงแทฮยองเอ่ยแซวดังมาแต่ไกลก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะทานข้าวพร้อมกันกับจีฮุน ภาพของคนสองคนในห้องครัวโดยมีจองกุกนั่งบนเอ้ากี้และจีมินที่นั่งซ้อนบนตักอีกทีทำอัลฟ่าผิวเข้มหน้าคมอย่างแทฮยองอดที่จะเอ่ยแซวออกไปไม่ได้จริงๆ
“ยุ่งไรเรื่องชาวบ้าน กินข้าวไปดิ” จองกุกเงยหน้ามาตอบเพียงเเป๊ปเดียวก็หันกลับไปสนใจช้อนข้าวในมือที่ตักป้อนคนตัวเล็กบนตัก คำแล้วคำเล่าจนจีมินแทบจะคายมันออกมาเมื่อรู้สึกอิ่มจนจะอวกแต่ก็ทำอย่างที่คิดไม่ได้เมื่อโดนจองกุกบังคับให้กินจนกว่าจะหมดจาน
“เฮียแหละตัวยุ่งเลยทำมาพูด” จีฮุนที่นั่งทานข้างเงียบๆเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์นิดๆ โอเมก้าหนุ่มหันไปเอ่ยฟ้องเพื่อนตัวเล็กที่พึ่งโผล่หน้ามาให้เห็น
“นี่มินรู้มั้ยว่าเฮียมันมาขู่เราให้ไปโรงเรียนคนเดียวอ่ะ บอกว่าจะให้มินหยุดยาวเป็นอาทิตย์และถ้าเราไม่ยอมเฮียมันก็จะสั่งให้มินเลิกคบเราเป็นเพื่อน ดูดิ แม่งคนใจร้าย”
“เดี๋ยวๆหยุดก่อนไอ้ฮุน...ให้มันน้อยๆหน่อยเฮียไปขู่มึงตอนไหนไม่ทราบ” จองกุกวางช้อนข้าวลงบนจานก่อนหันไปข่มขู่ไอ้เด็กแสบผ่านทางสายตาว่าให้หยุดฟ้อง แต่เด็กมันชักเหิมเกริมและเอาใหญ่
“ผ่านมาไม่ถึงวันเหอะเฮียทำเป็นลืม? โธ่!!” มีขึ้นเสียงด้วย จองกุกกระตุกยิ้ม
“แล้วต้องจำ?”
“ก็ใช่สิ๊ มีคู่เมทแล้วลืมน้องลืมนุ้งนี่แหละน่าคนเรา” จีฮุนตัดพ้อแต่ก็แอบลอบยิ้มในใจเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่ากันของจองกุก นี่ถ้าเฮียมันนั่งข้างๆเขาคงโดนเตะตูดไปนานแล้ว
“ส่วนมินอ่ะก็กินข้าวเยอะๆ อย่าลืมกินยาแล้วพักผ่อนเฮียมันยิ่งซาดิสท์อยู่ด้วย” จีมินที่นิ่งเงียบฟังอยู่นานได้แต่พยักหน้าตอบรับความหวังดีจากจีฮุนเบาๆ ใบหน้าโอเมก้าตัวเล็กเห่อร้อนหน่อยๆเมื่อคิดว่าจีฮุนคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
“เป็นผัวเขาอ่อมาสั่ง” และเขาก็แทบสำลักข้าวที่จองกุกป้อนเข้าไปเมื่อกี้ มือเล็กทุบต้นขาแกร่งเบาๆทันทีเมื่อคนตัวสูงพูดจาหน้าไม่อายออกมา
“หยาบคายมากน้องฮุนรับไม่ได้” จีฮุนว่าขำๆ แค่นี่จีมินก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว
“เออ ล่ะเฮียยุนกิอ่ะไปไหน” จู่ๆจีฮุนก็นึกขึ้นได้ว่าเฮียยุนกิไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้
“เฮียแท เฮียกิไปไหนไม่มาทานข้าว” จีฮุนหันไปถามพี่ชายตัวเองแทนเพราะถ้าให้ถามจองกุกก็คงไม่ได้คำตอบเพราะรายนั้นน่ะเอาเเต่นั่งโอ๋เมีย
“ก็เห็นทำกับข้าวอยู่นะเมื่อตอนเย็น สงสัยจะออกไปธุระข้างนอกมั้ง” แทฮยองไหวไหล่เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอีกคนออกไปไหน
“งั้นอ่อ…ล่ะเฮียกุกอ่ะจะไปกี่โมง” จีฮุนหันกลับมาทางจองกุกโพล่งถามคำถามอย่างลืมตัวว่าพูดตรงนี้ไม่ได้
"0-0"
เกิดเดดแอร์ชั่วขณะกลางโต๊ะทานข้าว แทฮยองถลึงตาใส่ไอ้น้องตัวแสบเมื่อพูดจนได้เรื่องในขณะที่จีมินก็หันมองยังคนด้านหลังที่นั่งอุ้มตัวเองไว้ทันที
“จะไปไหนหรอครับ” เสียงหวานเอ่ยถามเบาๆ สายตาแน่นิ่งจ้องมองยังดวงตาคมดุของอัลฟ่า ใจสั่นไหวขึ้นมาหน่อยๆเมื่อรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าเหมือนจะมีเรื่องให้กังวลและกำลังปิดบังเขาอยู่
“ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นก็กลับมาแล้ว” จองกุกตอบคำถามด้วยการหลบสายตา น้ำเสียงนั้นไม่มีความมั่นใจให้กันเลยสักนิดแต่จีมินกลับเลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อเพียงเพราะความไว้ใจ อาจเป็นเรื่องงานของพี่เขาก็ได้มั้งโอเมก้าตัวเล็กคิดในใจ
“ต้องรีบกลับมาหามินนะ” เสียงใสเอ่ยเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน
“อืม ต้องรีบกลับอยู่แล้ว” จองกุกเอ่ยตอบพร้อมใช้ฝ่ามือลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มกดจูบเบาๆให้จีมินคลายความกังวล บรรยากาศที่โต๊ะทานข้าวหลังจากนั้นคือเงียบมาก จีฮุนได้แต่ส่งสายตาขอโทษไปให้คนพี่ที่เขาพูดอะไรออกไปโดยไม่คิด จองกุกเองก็ไม่ได้คิดถือโทษโกรธน้องอยู่แล้วเพราะยังไงสักวันความจริงที่ช่วยกันปกปิดก็ต้องถูกเปิดเผย ออกมาอยู่ดีไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม
***************
LOADING 50%
ยามเช้าของวันใหม่เป็นอีกวันที่ท้องฟ้าปลอดเมฆครึ้มและไร้ซึ่งเสียงลมและหยาดฝนอย่างที่ควรจะเป็นราวกับว่านี่คือสัญญานอันดีในการเริ่มพิธีอันเก่าแก่ของทั้งสองตระกูล ทว่าในยุคที่โลกก้าวหน้าไปไกลประเพณีโบราณนี้ก็ยังมีให้เห็นและถูกสืบทอดต่อๆกันมา พิธียกน้ำชา จัดเป็นหนึ่งในพิธีอันมงคลของชนชาวจีนซึ่งถูกสืบทอดต่อกันมาในหลายรุ่นตระกูล พิธีที่ว่านี้จะถูกจัดขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายโดยในคราแรกนั้นพิธีจะถูกจัดขึ้นที่ฝูงของฝ่ายชายและให้นับถัดไปอีกเจ็ดวันหรือจนครบหนึ่งสัปดาห์พิธีเดียวกันนี้ก็จะถูกจัดขึ้นที่ฝูงของฝ่ายหญิงหรือคู่ของจ่าฝูงจึงจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์
ซึ่งหลังจากนั้นเพียงหนึ่งวันก็จะเข้าสู่พิธีสาบานตนเพื่อขึ้นรับตำแหน่งของจ่าฝูงโดยที่คู่ของจ่าฝูงซึ่งเป็นอัลฟ่าด้วยกันจะทำหน้าที่ในการสลักสัญลักษณ์ประจำฝูงลงบนตำแหน่งอกข้างซ้ายของจ่าฝูง และหากว่าคู่ของจ่าฝูงเป็นหญิง อัลฟ่าชายที่ขึ้นรับตำแหน่งจะถูกสลักสัญลักษณ์ของทั้งฝูงตัวเองและฝ่ายหญิงเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งหมายความว่า จ่าฝูงผู้นั้นจะมีสิทธิ์และอำนาจในการปกครองอีกฝูงนั่นเอง
“แม่ว่าชุดที่นีนใส่ดูโอเครึยังคะ เหมือนจะแหวกสูงไปหน่อยตรงขา” ลีนีน ลูกสาวคนโตของคุณปาร์คหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเลือดนก ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเป็นมวยและปักด้วยปิ่นรูประฆังห้อยซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำฝูงเหนือ ริมฝีปากกระจับได้รูปถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงเช่นเดียวกับชุดที่เธอใส่ เธอหันไปเอ่ยถามคนเป็นแม่ที่นั่งมองมาด้วยสายตาชื่นชมเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นใจในชุดที่ใส่อยู่
“แต่แม่ว่าดูโอเคแล้วนะลูก นีนสวยมากๆจ๊ะ” สายตาแห่งความชื่นชมและภาคภูมิใจทอดมองยังคนเป็นลูกสาว
“เหรอคะ นีนว่านีนถ่ายรูปส่งให้น้องมินดูด้วยดีกว่า” เธอพูดก่อนจะเดินไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ เตรียมยื่นให้ช่างแต่งหน้าถ่ายรูปให้สักรูปแต่คนเป็นแม่ก็เอ่ยขัดขึ้น
“แม่ว่าอย่าดีกว่าลูก อีกเดี๋ยวพิธีก็คงเริ่มนีนเตรียมตัวจะดีกว่านะ”
“แต่อีกตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะคะแม่นีนถ่ายให้น้องดูแป๊ปเดียวเองค่ะ” เธอยู่หน้าลง พลางก็ใช้น้ำเสียงออดอ้อนและแน่นอนว่ามันใช้ได้ผลทุกครั้ง แม่ยอมให้เธอแต่โดยดี
“งั้นก็ตามใจ แต่อย่านานนะลูกเสร็จแล้วก็ตามแม่ออกไปรอรับเเขกข้างนอก”
“รับทราบค่ะคุณแม่” เธอรับคำพร้อมฉีกยิ้มกว้างมองตามหลังคนเป็นแม่ที่เดินออกไป เธอหมุนตัวที่หน้ากระจกอีกรอบเพื่อเช็คความเรียบร้อยก่อนยื่นโทรศัพท์ให้ช่างแต่งหน้ากดถ่ายรูปให้
JIMIN PART
ในวันที่ผมนั่งเหงาๆคนเดียวที่บ้านเพราะไม่มีใครอยู่แม้สักคน จีฮุนออกไปเรียนตั้งแต่เช้า พี่แทฮยองออกไปสนามแข่งรถตั้งแต่เหมือนคืนยังไม่กลับ ส่วนพี่จองกุก…เขาหายออกไปตั้งเเต่ตอนไหนผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันจำได้แค่ว่าเมื่อคืนหลังจากที่เราทานข้าวเสร็จผมก็โดนคนตัวโตบังคับให้กินยาซึ่งหลังจากนั้นเราสองคนก็นั่งคุยอะไรกันนิดหน่อยที่ห้องโถงรับแขกก่อนพี่เขาจะอุ้มผมขึ้นมานอนบนห้อง จำได้ว่าเรานอนข้างกันและผมคงจะเผลอหลับไปก่อนและพอตื่นเช้ามาอีกวันก็ไม่เจอเขานอนอยู่ข้างๆกันเเล้ว
ครืด~~~
P'neen Send a picture
ผมมองยังโทรศัพท์ที่สั่นเมื่อใครสักคนน่าจะส่งข้อความเข้ามาเลยรีบเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากพี่นีน ทันทีรอยยิ้มหมองเศร้าก่อนหน้าก็จางหายไปเพียงเพราะรูปภาพสองรูปที่ถูกส่งเข้ามา
“พี่นีนสวยจังเลยครับ” รีบพิมพ์ตอบกลับเจ้าของภาพไปด้วยรอยยิ้ม
[อะไรกันเจ้ามินพี่ยังไม่ถามเลยชมกันแล้ว] ข้อความจากพี่นีนก็ถูกพิมพ์ตอบกลับมาอย่างไวเช่นกัน ผมระบายยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งหากแต่ในใจก็รู้สึกเสียดายหน่อยๆที่ไม่ได้ร่วมแสดงความยินดีในพิธีอันเป็นมงคลนี้
"เสียดายจังเลยครับที่ไม่ได้ไปด้วย"
[หน้างออยู่แน่ๆพี่รู้เลย]
ผมอ่านข้อความที่พี่นีนตอบกลับมาแล้วก็ได้แต่ยิ้ม พี่นีนคงเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าที่บ้านคือเซฟโซน และถ้าหากว่าเราไม่ถูกแยกจากกันตั้งแต่เด็กผมกับพี่นีนก็คงจะสนิทกันมากกว่านี้
"เปล่าหน้างอสักหน่อย"
"มินจะตั้งตารอหนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้เลยครับ"
ถึงแม้ว่าจะพลาดการร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ไปแต่หลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์พิธียกน้ำชาที่ว่านี้ก็จะถูกจัดขึ้นที่ฝูงของเราอีกครั้งเช่นกัน
[….]
เหมือนพี่นีนจะกำลังพิมพ์อะไรสักอย่างตอบกลับมาแต่สักพักข้อความกลับไม่เด้งขึ้นบทสนทนาระหว่างเราถึงหยุดลง คงเพราะด้วยทางนั้นใกล้เริ่มพิธีแล้ว ผมมองยังนาฬิกาข้างหัวเตียงก่อนพิมพ์ข้อความสุดท้ายทิ้งไว้
“มินขอให้เป็นวันที่ดีของพี่นีนนะ” ถึงจะพิมพ์มันออกมาจากใจแต่ผมกลับรู้สึกหน่วงในอกแปลกๆ
'เจ็บจัง' พึมพำเบาๆคนเดียวก่อนยกมือขึ้นกุมที่หัวใจข้างซ้ายเมื่อรู้สึกเจ็บ สายตาเงยขึ้นมองยังเพดานที่ว่างเปล่าในเวลาแบบนี้ทำไมผมถึงรู้สึกคิดถึงเขามากๆทั้งที่เราเองก็ห่างกันยังไม่ถึงวันเสียด้วยซ้ำแต่มันกลับคิดถึง คิดถึงมาก คิดถึงจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตากำลังไหลออกมา
“มินคิดถึง” ไม่รู้ว่าเป็นอาการจากการผูกพันธะที่ลึกซึ้งนั่นหรือเปล่าถึงทำผมอ่อนไหวง่ายถึงขนาดนี้ มันรู้สึกไปต่างๆนาๆเมื่อไม่มีเขาอยู่ข้างๆ มันเป็นความโหยหา อยากโอบกอด อยากจูบ อยากให้เขาสัมผัส มัน...
“ฮึก” ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งร้องไห้เหมือนคนโง่ โอบกอดร่างกายที่เริ่มสั่นเทาของตัวเอง กัดเม้มรีฝีปากเอาไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าอาการฮีทกำลังเข้าเล่นงาน
22.00น.
“มิน มิน มินได้ยินเราไหม” จีฮุนร้องเรียกเพื่อนตัวเล็กหลายที เขาใช้มือตบเบาๆเข้าที่ไหล่บางเพื่อปลุกคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงซึ่งไม่รู้ว่าตื่นกินข้าวกินยาไปหรือยัง แล้วนี่หลับไปตั้งแต่ตอนไหนถึงยังไม่ตื่น
“มิน..”
“อื้อ” โอเมก้าตัวเล็กครางอื้ออึงเบาๆในลำคอ แขนเล็กตวัดกอดผ้าห่มให้แนบกายปลายจมูกมนฝังสูดดมกับผ้าห่มผืนใหญ่ของจองกุกเหมือนกับต้องการซึมซับกลิ่นกายของเจ้าของมัน ในโสตประสาทได้ยินเสียงคนร้องเรียกแต่กลิ่นหอมอ่อนๆจากทั้งผ้าห่มและเสื้อผ้าของจองกุกที่ใส่อยู่ทำโอเมก้าตัวเล็กแทบไม่อยากลุกจากความหอมนี้เลย
ด้านจีฮุนที่ยืนมองอยู่นานสองนานก็รู้ได้ทันทีว่าอาการที่จีมินเป็นอยู่ในตอนนี้คืออาการติดคู่ชัดๆ โอเมก้ามักจะอ่อนไหวมากหลังจากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่ของตัวเอง จะรู้สึกอยากกอด อยากสัมผัส และต้องการเรื่องอย่างว่ามากขึ้นเป็นเท่าตัว และถ้าหากว่าช่วงนั้นโอเมก้าฮีทอยู่ด้วยล่ะก็อาการพวกนี้ก็จะยิ่งทวีความรุนเเรงขึ้น ซึ่งเมื่อครบหนึ่งสัปดาห์อาการก็จะค่อยๆเบาลง
“มินพอตื่นไหวไหม” จีฮุนนั่งลงที่ข้างเตียงกระซิบเข้าที่ข้างหูของจีมินเบาๆ โอเมก้าตัวเล็กได้ยินก็ยกมือขยี้หัวตาตัวเองก่อนค่อยๆปรือมองตามเสียง
“พี่จองกุก” เสียงหวานพึมพำเบาๆเมื่อยังไม่ได้สติดี จีฮุนไม่รู้ว่าจีมินเบลอหรือเปล่าถึงได้คิดว่าเขาเป็นไอ้เฮียจองกุก
“มินตั้งสติก่อนนี่ฮุนเองนะ”
“อ่ออ ฮุนเองเหรอ โทษทีนะมินเบลอๆ” โอเมก้าตัวเล็กเมื่อตื่นเต็มตาและเห็นว่าคนตรงหน้าหาใช่จองกุกก็รีบเอ่ยขอโทษเพื่อนทันที
“ไหวไหม แล้วกินข้าวกินยายังเหมือนตัวร้อนเลย” จีฮุนอังมือไว้ที่หน้าผากของโอเมก้าตัวเล็กและก็เป็นอย่างที่เขาคิด จีมินตัวร้อนมากป่วยอีกแล้วแน่ๆ
“พี่จองกุกยังไม่กลับหรอ” ลำคอแห้งผากทำให้เสียงที่เอ่ยถามค่อนข้างแหบพร่า โอเมก้าตัวเล็กกวาดสายตามองรอบห้องแต่ก็ไม่พบคนที่อยากเจอถึงได้ถามจีฮุนว่าอีกคนยังไม่กลับมาหรอทำไมถึงยังไม่เห็น
“ยังอ่ะแต่มินไม่ต้องห่วงเฮียมันหรอก พอลุกไหวไหมฮุนพาลงไปกินข้าวข้างล่างจะได้กินยาด้วยปล่อยให้ตัวร้อนขนาดนี้ได้ไง”
จีฮุนได้ทีก็บ่นยาวฉุดแขนเล็กของจีมินให้ลุกจากเตียงแต่โอเมก้าตัวเล็กกลับขืนแรงนั้นไว้ ส่ายหน้าไปมาเบาๆ พอๆกับที่ดวงตากลมโตที่มองกันอยู่นั้นเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ
“ทำไมยังไม่กลับล่ะไหนบอกกันว่าจะกลับเย็นๆ” จีมินตัดพ้อเสียงสั่นเครือ โอเมก้าตัวเล็กในยามนี้ช่างเปราะบางและน่าสงสาร จีฮุนก็ได้แต่ยืนมองอย่างคนทำอะไรไม่ถูกครั้นจะให้แก้ตัวแทนเฮียมันก็คงจะฟังไม่ขึ้น
“มินกินข้าวก่อนเถอะนะฮุนไม่อยากเห็นมินป่วย จะใจดำทิ้งฮุนให้เรียนคนเดียวทั้งอาทิตย์เลยหรอ” จีฮุนใช้ลูกอ้อนในการทำให้จีมินยอมผ่อนตาม เขากุมที่มือเล็กของเพื่อนอีกครั้งออกแรงดึงเบาๆให้คนบนเตียงยอมลุกขึ้นตาม
“ฮึก ฮึก” จีมินสะอื้นตัวโยนในตอนที่เขาพาเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน มือเล็กคอยปาดเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่หยาดน้ำเม็ดใสก็ยังคงไหลรินลงมาอยู่ดี
“อิ่มยัง” นั่งทานข้าวไปได้ไม่กี่คำจีฮุนก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าโอเมก้าตัวเล็กเอาแต่เขี่ยข้าวในจานเล่นทั้งที่พึ่งตักกินไปเพียงไม่กี่คำ
“อืมมม”
“งั้นกินยาแล้วก็ขึ้นไปนอนเดี๋ยวฮุนไปนอนเป็นเพื่อนด้วย” จีฮุนว่าพร้อมยื่นแก้วน้ำและเม็ดยาสีขาวส่งให้เพื่อนตัวเล็ก จีมินรับมาถือไว้รู้สึกซึ้งน้ำใจคนตรงหน้าจนไม่รู้จะหาคำใดมาเอ่ยแทนคำขอบคุณ
“มินยังไม่ง่วงเลยฮุนไปนอนก่อนก็ได้” ที่ว่าไม่ง่วงก็ดูจะโกหก เพราะจริงๆเเล้วเขาต้องการจะรอจนกว่าอีกคนจะกลับมาต่างหาก ต่อให้ดึกและตาแทบจะปิดแค่ไหนแต่ถ้ายังไม่ได้เห็นหน้าก็ข่มตาให้หลับไม่ได้จริงๆ
“จะรอเฮียมันจริงๆอ่ะหรอ” จีมินพยักหน้าว่าใช่จีฮุนก็คงจะขัดอะไรไม่ได้ ถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กมากๆก็ตาม อากาศที่ตกดึกมาก็เริ่มจะเย็นและไหนฝนที่ตกลงมาปอยๆนั่นอีก พูดตามตรงว่าเขากลัวจีมินจะป่วย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็จีมินคงได้หยุดเรียนยาวอีกครั้งแน่ๆ
ตกดึกในคืนนั้นจีมินนั่งชะเง้ออยู่ที่หน้าประตูบ้าน เสื้อโค้ชสีดำตัวยาวถูกโอเมก้าตัวเล็กรื้อจากในตู้ของจองกุกมาสวมใส่ คนตัวเล็กกระชับโค้ชตัวอุ่นให้ห่มกายเมื่ออากาศในยามดึกค่อนข้างเย็น แขนเล็กกอดเข่าที่ตั้งชัน คางมนเกยทับไว้บนเข่าอีกที ดวงตากลมสุกใสจ้องมองยังประตูรั้วหน้าบ้านเฝ้าฟังเสียงรถของคนที่รอให้กลับมา
เข็มนาฬิกายังคงเดินหน้าไปเรื่อยเช่นเดียวกลับเวลาที่ไม่เคยหยุดเดิน เปลือกตาบางของจีมินก็แทบปิดลงทุกเมื่อกับการรอคอยที่ยาวนาน โอเมก้าตัวเล็กนั่งหาวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนที่รอจะกลับมา
ฮัดซิ่ว ฮัดซิ่ว
อาการหวัดยังคงเล่นงานทั้งที่ทานยาไปแล้ว จีมินใช้หลังมือยกเช็ดน้ำมูกอาการร้อนๆหนาวๆในตัวเหมือนคนจะเป็นไข้ทำให้โอเมก้าตัวเล็กเริ่มถอดใจที่จะนั่งรอ เหมือนสองสามชั่วโมงที่ผ่านมาและผ่านไปอย่างว่างเปล่าและไร้ความหมาย จีมินเหม่อมองยังประตูรั้วหน้าบ้านอีกครั้งก่อนตัดสินใจลุกเดินกลับเข้าข้างในเพราะดึกขนาดนี้ก็คงไม่กลับมาแล้วใช่ไหม?
ความผิดหวังทำให้ส่วนลึกที่อ่อนแอของโอเมก้าตัวเล็กกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา จีมินได้แต่กระพริบตาเพื่อขับไล่ความเห่อร้อนตัดพ้อชีวิตตัวเองผ่านม่านน้ำตาที่ไหลริน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่เคยเป็นคนสำคัญของใครเลย
“จีมิน…”
************
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่หลังๆนี่น้องน่าสงสารมาก คิดว่าตัวเองไม่สำคัญ จริงๆแล้วหนู่น่ะสำคัญกับพี่จองกุกที่สุดเลยรู้ไหม ที่พี่เขายังไม่กลับเพราะพี่เขามีงานนะ ไปนอนก่อนตื่นเช้ามาก็เจอพี่จองกุกแล้ววว แต่คนที่เรียกจีมินนี่พี่กุกใช่ไม่ใช่?
แบบโกรธแม่มากเลย ทำเหมือนน้องไม่ใช่คนในครอบครัว แล้วตอนที่บอกว่าไม่เคยดุด่าพี่นีนเลย นี่เจ็บแทนน้องมินไปแล้ว น้องไม่ควรมาเจอกับอะไรแบบนี้เลยสักนิด นี่หวังว่าแม่จะเห็นน้องมินอยู่ในสายตาบ้างนะ สักเล็กน้อยก็ยังดี