ตอนที่ 4 : รีไรท์ BLUE BELLs 03 [100%]
เข้าวันที่สามแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าโอเมก้าตัวเล็ก เห็นไอ้น้องฮุนมันบอกว่าจีมินกลับฝูงไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์ น้องจะกลับอีกทีก็เช้าวันจันทร์ ทั้งที่คิดไว้ว่าจะแวะไปคุยด้วยไปขอโทษที่วันนั้นทำให้ร้องไห้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับโทรศัพท์แต่วันนั้นกว่าจะขับรถกลับถึงฝูงใต้ก็เกือบตีหนึ่ง แถมวันนั้นที่ฝูงยังยุ่งๆเขาเลยให้นาเดียพี่สาวคนสนิทรับสายแทนเพราะไม่รู้ว่าน้องเป็นฝ่ายโทรมา พอรู้จากนาเดียเขาก็รีบโทรกลับหาน้องทันที และก็อย่างที่เห็นจีมินไม่ยอมรับสาย ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิดถึงขนาดทำน้องนอนร้องไห้ทั้งคืน
“แฮ่มๆ ยอมมุดหัวออกจากฝูงแล้วหรอครับคุณชาย” เป็นเสียงไอ้ชิน ไอ้ปากหมา ซึ่งมาถึงไม่ทันไรก็วอนตีนซะแล้ว ผมส่ายหน้าเอือมๆให้มันและไม่คิดตอบอะไรสวนกลับไป
“ทำหยิ่งงี้ทีหลังไม่ต้องเรียกกูมาปรึกษาเลยนะ” เหมือนไอ้ชินมันจะงอน ผมเลยแกล้งกระทุ้งศอกเข้ากลางลำตัวไอ้เพื่อนตัวดี
“กูหยอกเล่นหน่อยเดียวคือไม่ได้?” ผมกระตุกยิ้มพร้อใเลื่อนแก้วเหล้าที่ไอ้เฟย์รินไว้ส่งให้มัน ปรับสีหน้าจริงจังทันทีเมื่อต้องคุยเรื่องสำคัญ
“แล้วที่ให้มึงไปสืบเป็นไง ได้เรื่องหรือไม่ได้” เหมือนผมจะโดนเอาคืนเมื่อไอ้ชินเงียบและเลือกที่จะไม่ตอบ เตรียมจะใช้เทาสะกิดสักหน่อยมันก็ไหวตัวทัน
“กูรู้ทันเหอะ...ไม่ได้เตะกุหรอก” ไอ้ชินเอ่ยด้วยเสียงกวนหน่อยๆ มันวิ่งไปหลบหลังเฟย์เพื่อหาที่กำบังตัว
“จะคุยไหมธุระ เงินที่กุจ้างไปสืบก็ไม่ต้องเอาแม่งล่ะ” ผมล้วงหยิบเช็คในกระเป๋าออกมา ชูขึ้นตรงหน้าเตรียมจะฉีก
“ไอ้ห่า เพื่อนเล่นหน่อยเดียวคือไม่ได้ จริงจรังล่ะเกินกับเพื่อนกับฝูง” ไอ้ชินบ่น ก่อนมันเดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม
“กุเอาจริงล่ะนะ” มันพูดพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เออ!! สักที” เป็นไอ้เฟย์ตะคอกขึ้นเสียงดัง เหมือนมันคงหมดความอดทนหรือคงเพราะรำคาญ
“หัวร้อนกันจังวะ ไอ้ชินคนนี้กลัวแล้วคร้าบบบบ” ชินยังคงติดเล่นตลกตามนิสัยเพล์บอยปากหวานของมัน
“คืองี้นะ….” แต่พอเข้าโหมดจริงจังสีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นคนละแบบกับก่อนหน้านี้ทันที
“สรุปคือเขายังไม่เจอเมท แล้วที่กูถามๆเพื่อนเขาเหมือนเขาจะยอมอ่ะมึง เพราะทางบ้านเขาก็ไม่มีใครแล้วว่ะคงไม่ยอมให้ตระกูลและฝูงต้องจบแค่นี้หรอกมั้ง” ไอ้ชินสรุปความหลังจากเล่ายาว ผมนิ่งฟังเงียบๆ เริ่มหนักใจยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าต้องแต่งงานกับอัลฟ่าหญิงที่จ่าฝูงหรือพ่อของผมเป็นคนจัดหาให้
“เชี่ยย!! งานหยาบ งี้ที่ไอ้กุกมันหวังให้ผู้หญิงคนนั้นมีคู่เมทก็เป็นไปไม่ได้แล้วดิวะ” ไอ้เฟย์ดูเข้าใจอะไรง่าย มันหันมองมาทางผมด้วยแววตาเห็นใจแหละ
“แล้วว่าที่คู่เมทมึงอ่ะ ไหนว่าเจอกันแล้ววะ”
“ก็เจอ แค่คิดว่าจะใช่แต่ก็คงไม่มีประโยชน์” น้ำเสียงผมเหมือนคนสิ้นหวัง ไม่รู้เพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหรือเปล่าผมถึงรู้สึกเหมือนล่องลอยและไร้ที่ยึดเหนี่ยว
“ไมพูดงั้นวะ” ไอ้ชินถามขึ้นอีกครั้ง
“มึงลืมที่พระจันทร์ทำนายไปแล้วหรอไอ้ชิน เมทมันเป็นโอเมก้ายังไงก็ต้องปฏิเสธคู่อยู่ดี” เฟย์ทวนความจำให้ชินอีกรอบ "จองกุกมันเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธ์ ตระกูลหรือฝูงใต้ของมันหากจะขึ้นเป็นจ่าฝูงคู่ของจ่าฝูงจะต้องเป็นอัลฟ่าด้วยกันเท่านั้น และถึงมันจะมีคู่โซลเมทถ้าต่างชนชั้นวรรณะก็ต้องเลือกปฏิเสธคู่กันไปอยู่ดี"
“งานยากจังวะ งั้นเอางี้ดิ” เหมือนไอ้ชินจะนึกอะไรสักอย่างออก
“มึงไม่ต้องขึ้นเป็นจ่าฝูงไงจะได้ไม่ต้องปฏิเสธคู่เมทแม่ง ง่ายๆ จบ เคลียร์” เป็นความหวังดีของไอ้ชิน แต่…
“เอาหัวแม่ตีนคิด? มึงก็รู้ว่าไอ้กุกมันศรัทธาความเป็นจ่าฝูงแค่ไหน” ไอ้เฟย์เหมือนจะรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผม มันจริงที่บอกว่าผมศรัทธาในความเป็นจ่าฝูง ผมเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจ่าฝูงใต้คนปัจจุบัน ผมโตมาด้วยการเลี้ยงดูของพ่อเพราะแม่เสียไปตั้งแต่เกิด ผมมักถูกปลูกฝังให้รักในการปกครองคนหมู่มาก พ่อมักพูดเสมอทุกวันว่า 'วันนึงลูกก็ต้องขึ้นเป็นจ่าฝูง เป็นจ่าฝูงที่ปกครองฝูงใต้แห่งนี้ได้' ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมเลยเชื่ออย่างนั้นมาตลอดและไม่เคยรู้สึกว่าคำนี้มันหนักหนาอะไรจนกระทั่งตอนนี้….
ผมไม่อยากแบกมันไว้แล้วด้วยซ้ำ
“มึงสองคนหยุดเถียงกันเหอะ” ผมที่เลือกเงียบไปนานเอ่ยขึ้น ความหนักใจถูกผ่อนคลายด้วยการยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มช็อตต่อช็อต
“ย้อมใจทีไรแดกเหมือนอาบ” ไอ้ชินกัดแต่ก็ปล่อยให้ผมยกแก้วขึ้นดื่มโดยไม่ห้าม คิดแล้วมันก็คงเห็นใจผมล่ะมั้งที่รอเจอเมทมาตั้งนานพอเจอทั้งทีกับถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับอัลฟ่าด้วยกัน หึ ชีวิตจริงนี่มันยิ่งกว่าละครอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ
00.00
ที่ว่าคนเมามักไม่มีสติ ตอนนี้จองกุกคงไม่มีสติอย่างที่ว่าจริงๆ ถึงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกดโทรหาโอเมก้าตัวเล็กที่ไม่ได้เจอหน้าเกือบสาววันเต็ม
“รับสายพี่สิ” คนเมาพูดเสียงยานคางเอนตัวพิงกับประตูรถเมื่อล้วงหากุญแจไม่เจอสักที
ด้านคนหลับไปแล้วก็งัวเงียตื่นท่ามกลางความมืดรอบกาย เขม้นมองฝ่าความเลือนรางเพื่อมองหายังต้นเหตุของเสียงที่ทำให้ตื่นในกลางดึก แพขนตากระพริบถี่ๆจ้องมองยังหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบเมื่อรายชื่อของคนโทรเข้ามาทำใจเขาเต้นรัว เบิกตากว้างกว่าเดิมเมื่อเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง 'พี่เขาวิดีโอคอลมา'
จีมินรีบเด้งตัวลุกจากที่นอนทันที เท้าเล็กรีบก้าวลงจากเตียงและย่างเดินไปบนพื้นไม้ในห้องเบาๆเพื่อไปเปิดไฟ เสร็นคนตัวเล็กก็เดินวกกลับมาส่องกระจกเพื่อเช็คหน้าตาตัวเอง ก้มมองชุดนอนสีฟ้าอ่อนตัวที่สวมใส่ก็พบว่าเรียบร้อยดีแต่รู้สึกว่าผ้ามันบางหน่อยๆ แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคนโทรมาคงไม่สังเกตถึงขนาดนั้น เมื่อคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยโอเมก้าตัวเล็กถึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
กล้องหน้าถูกเปิดใช้งานภาพจากกล้องทำจีมินขมวดคิ้วแปลกใจ พี่เขาไม่ได้ขับบิ๊กไบค์? เพราะเหมือนนั่งอยู่ในรถยนต์ เราทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบจนกระทั่งพี่เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“จีมิน…หนู” ทำไมเสียงที่เรียกเขาถึงได้กระเส่าขนาดนั้น จีมินไม่รู้จะตอบพี่เขายังไงโอเมก้าตัวเล็กเกิดอาการประหม่าขึ้นมา
“นึกว่าหลับไปแล้ว” คนเอ่ยถามตาไม่ได้มองกล้องเลยสักนิด ศรีษะทุยเอนพิงกับพนักรถฝั่งคนขับ มือใหญ่ยกคลายขมับข้างเบาๆ ถึงจะไม่ค่อยมีสติแต่จองกุกกลับเห็นปรางหน้าหวานของว่าที่คู่โซลเมทอย่างชัดเจน
“มินตื่นมารับสายพี่ พี่ยังไม่กลับบ้านหรอครับ” ตากลมสุกใสจ้องมองคนในกล้องเกิดความสงสัยหน่อยๆที่อัลฟ่าตัวสูงโทรมาในเวลาแบบนี้ แต่ยังไม่ทันจะได้ถามแก้มนุ่มก็เป็นอันขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อจู่ๆพี่เขาก็ปลดกระดุมเสื้อออกซะอย่างนั้น
“ออกมาดื่มน่ะ” คนตอบหาได้สนใจโอเมก้าที่กำลังเขินหน้าแดง จองกุกยังคงปลดกระดุมเสื้อจนเม็ดที่สามถึงหยุด คนตัวสูงคลายปกเสื้อให้แยกออกเพราะรู้สึกร้อนและอึดอัด
“ดื่มไปเยอะเลยหรอครับ” โอเมก้าตัวเล็กเอ่ยด้วยเสียงเป็นกังวล ปากเล็กยู่ขึ้นจนแทบชนกับปลายจมูก การกระทำและสีหน้านั้นถูกจองกุกจ้องมองผ่านกล้องโทรศัพท์ เขาเผลอเเลบลิ้นเลียปากกับการกระทำนั้น ‘’มันน่ารัก น่ารักจนเขา…’
จองกุกข่มกรามแน่นเมื่อจีมินเผลอเลื่อนกล้องลงต่ำกว่าเดิม น้องใส่ชุดนอนสีฟ้าคลุมเข่า เป็นเชิ้ตตัวยาวบางแล้วบังเอิญตรงปกเสื้อน้องเหมือนจะติดกระดุมผิด? มันร่นลงมานิดหน่อยจนเห็นอกขาวๆ สาบานเลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมองมัน
“ไม่เยอะหรอก ยังไหวอยู่” อัลฟ่าร่างสูงปรับสีหน้าให้เหมือนปกติทั้งที่เริ่มมึนหัวขึ้นมา ไม่รู้เพราะแอลกอฮอล์หรืออกขาวบางของจีมิน
“แต่ต้องขับรถกลับเองใช่ไหมครับ จะกลับทั้งอย่างนี้หรอ อันตรายนะมินเป็นห่วง” เสียงจีมินพูดเหมือนคนจะร้องไห้ น้ำเสียงโอเมก้าตัวเล็กเริ่มสั่นเครือ ความเป็นห่วงถูกสื่อถึงกันผ่านแววตากลมโต จีมินจ้องมองใบหน้าคมด้วยความเว้าวอน
“อย่าร้อง กลับได้ไม่ต้องห่วง” คนเมาหากแต่มีสติดีทุกอย่างพูดเพื่อคลายความกังวลในใจของจีมิน เห็นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใจเขาก็อ่อนยวบแล้ว
“แล้วนี่อยู่ฝูง? จะกลับวันไหนพี่อยากเจอ…”
“มากๆ”
ทุกคำพูดนั้นไม่ต้องอ้อมค้อมใดๆเลยจองกุกพูดไปตามที่ใจรู้สึก อยากเจอก็คืออยากเจอ เขามองอีกคนในกล้องที่ค่อยๆล้มตัวนอนคงเพราะเมื่อยหรือไม่ก็ง่วง จีมินนอนตะแคงหนุนแขนตัวเองน้องคงวางกล้องพิงไว้กับอะไรสักอย่างในห้องก่อนเอ่ยตอบกลับมา
“มินก็อยากเจอครับ” เป็นคำตอบตรงๆที่ทำให้ใจฟูฟ่อง จีมินจ้องใบหน้าอัลฟ่าหนุ่ม เคลื่อนสายตาลงมายังแผ่นอกกว้างที่โผล่พ้นเสื้อเนื่องจากจองกุกปลดกระดุมออกถึงสามเม็ด และถึงจะเขินหน่อยๆที่แอบจ้องมองแต่สักพักจีมินก็ขยับมือวาดรูปอะไรสักอย่างในอากาศตรงตำแหน่งนั้น ซึ่งทำจองกุกยกยิ้มด้วยความเอ็นดู
“รูปที่มินวาด…ใช่รูปเดียวกับที่พี่วาดบนอกมินวันนั้นหรือเปล่าครับ” ถามเองกลับเป็นฝ่ายเขินเอง จีมินดึงชายผ้าห่มขึ้นมาปิดแก้มเมื่อกลัวว่ามันจะแดงเป็นลูกตำลึงจนคนทางนั้นเอ่ยล้อ
“อันนี้ตอบไม่ได้ ต้องมาลองวาดของจริง”
“คนขี้โกง” จีมินสวนกลับด้วยเสียงเบาจนคล้ายกระซิบ จองกุกไม่รู้ตัวเลยว่าทำน้องเขินจนแทบมุดหายจมไปกับผ้านวม
“ต้องขับรถกลับแล้ว หนูไปนอนเหอะ ” เขาเอ่ยตัดบทสนทนาเมื่อเหลือบไปเห็นเวลาต้องคอนโซลรถ ตีสองกว่าแล้วเขาไม่ควรรบกวานเวลานอนของน้องถึงจะอยากคุยต่อแค่ไหน และจีมินก็ดูง่วงมากๆอีกต่างหาก
“มินอยากอยู่เป็นเพื่อน แต่ถ้ารำคาญพี่เปิดโทรศัพท์ไว้ก็ได้มินจะได้รู้ว่าพี่ขับรถอยู่” คนตัวเล็กกลัวจริงๆนะว่าอีกฝ่ายจะรำคาญ แต่ความเป็นห่วงมันมีมากกว่าไงถึงดื้อรั้นทั้งๆที่เปลือกตาเหมือนจะปิดได้ทุกเมื่อ
“ตาจะปิดแล้วเหอะมิน ไปนอนไม่ต้องห่วง”
“ไม่เอา! มินอยู่เป็นเพื่อน” จองกุกถอนหายใจ อยากจะโทรไปถามไอ้ฮุนซะตอนนี้ว่าจีมินเคยดื้อแบบนี้ไหม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมโอเมก้าตัวน้อยอยู่ดีกับการส่งสายตาออดอ้อนนั้น
“อืออ งั้นตามใจ แต่ถ้าง่วงก็หลับไปเลยไม่ต้องฝืน”
“ครับ” จีมินฉีกยิ้มกว้างก่อนเสียดังกุกกักสอดแทรกเข้ามา คงเพราะคนในสายคงกำลังสตาร์ทเครื่องและขับออกไป
ท้องถนนในยามวิกาลเช่นนี้ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านทำให้จองกุกเหยียบคันเร่งจนแทบมิด เขาวางโทรศัพท์ไว้กับที่ตั้งด้านหน้ารถฝั่งคนขับ ซึ่งตำแหน่งที่ว่านั้นน่าจะทำให้โอเมก้าตัวเล็กมองเห็นทั้งถนนกว้างและใบหน้าของเขา แต่รู้อะไรไหม....คนที่บอกเป็นห่วงและจะอยู่เป็นเพื่อนตอนนี้หลับจนลืมไปแล้วว่าตัวเองเปิดกล้องทิ้งไว้
'น้องทำร้ายเขาทางอ้อมแบบนี้ได้ยังไง บอกเขาสิว่าน้องมันซื่อจริงๆ'
จองกุกดับเครื่องยนต์เมื่อใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีก็มาถึงบ้านชานเมือง อัลฟ่าตัวสูงยังคงนั่งอยู่บนรถจ้องมองภาพจากหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความเอ็นดูก่อนที่สายตาคมจะเปลี่ยนเป็นความกระหายอยากที่ค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
จีมินหลับไปแล้ว น้องนอนหลับปุยไปทั้งๆที่ยังเปิดกล้องหน้าตั้งทิ้งไว้ ซึ่งในระหว่างที่เขาขับรถกลับน้องมันก็นอนธรรมดาไม่ดิ้นไม่อะไร แต่สักพักผ้าห่มที่คลุมกายบางกลับค่อยๆร่นลงจนถึงขาอ่อน เรียวขาขาวของจีมินขยับกอดก่ายกับหมอนข้างบนเตียงใบหน้าหวานอัดซุกลงกับหมอนใบโต เป็นท่าทางที่น่าเอ็นดูและเขาจะไม่อะไรเลยหากเชิ้ตตัวยาวสีฟ้าอ่อนที่น้องใส่มันไม่เลิกขึ้นจนเห็นแพนตี้ตัวน้อยสีขาวที่ปิดสะโพกกลมนิ่มแทบไม่มิด
ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สร่างเมาในทันที และยิ่งเสียงละเมอครางแผ่วเบาที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้เขาอยากจับน้องมาตีก้นให้หายซื่อสักครั้ง
“อืมมม..จีมิน”
จองกุกเผลอขบกรามแน่น เอ่ยเสียงเบายามที่ฝ่ามือใหญ่ของตัวเองช่วยปลดปล่อยความกระหายในตัว อัลฟ่าร่างสูงจินตนาการถึงกลิ่นดอกบูลเบลที่ตลบอบอวลรอบกายของจีมิน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งใช้มืออย่างนี้ด้วยซ้ำ เพราะปกติหากเมากรึ่มได้ที่แบบนี้เขาคงหิ้วผู้หญิงกลับด้วยสักคน แต่เหตุผลง่ายๆที่ไม่ทำอย่างนั้นก็คงเพราะจีมิน
******************
LOADING 50%
บรรยากาศยามเช้าที่ฝูงเหนือเย็นชื้นด้วยหยาดน้ำฝนที่กระหน่ำตกลงมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เม็ดฝนยังคงคั่งค้างตามใบไม้และยอดหญ้า ลมหนาวกรรโชกตลอดทั้งคืนจนกระทั่งตอนนี้ อากาศที่เริ่มเย็นลงเหมาะแก่การนอนซุกตัวภายใต้ผ้าห่มเป็นไหนๆ หากแต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้มีผลต่อการตื่นนอนของโอเมก้าตัวเล็กในเช้านี้เลย จีมินรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า เขาเห็นเม็ดฝนที่กระหนำเทลงมา อากาศที่ว่าเย็นลงแต่ก็แปลกเพราะแทนที่ร่างกายของเขาจะหนาวสั่นกลับรู้สึกร้อนทั้งตัว มันรู้สึกวูบวาบขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราวซะอย่างนั้น
'หรือเขาจะไม่สบาย แต่ก็ไม่เห็นปวดหัวเลยนิ'
โอเมก้าตัวเล็กสะบัดหัวอย่างแรงจนสั่นคลอน ลุกเดินไปหยิบยาเม็ดเล็กสีเหลืองในลิ้นชักมาถือไว้ แก้วน้ำใบใสถูกจีมินรินน้ำในเหยือกจนครึ่งแก้ว เขายกมันขึ้นดื่มตามเมื่อกลืนยาเม็ดขมลงลำคอ
'ยาบรรเทาอาการหวัด' จีมินคิดว่าเพราะอากาศเปลี่นแปลงบ่อยเลยอาจทำให้เขามีอาการเช่นนั้น
เช้าวันนี้เขาต้องเดินทางกลับคอนโด กระเป๋าเสื้อผ้าที่จะนำกลับถูกเขาจัดเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาถึงเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านเพื่อร่วมโต๊ะทานข้าวกับแม่ขาและพี่นีน บนโต๊ะมีอาหารเพียงไม่กี่อย่างล้วนแล้วเเต่เป็นของโปรดทั้งสิ้น
'ของโปรดของพี่นีน'
“อ้าว...น้องมินมาพอดีเลยมานั่งข้างๆพี่นีนมา” เสียงของพี่นีนเอ่ยทักทายเขาเป็นคนเเรก จีมินพยักหน้ายิ้มส่งก่อนเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างกันกับพี่สาว เขาเอ่ยทักทายแม่ขาก่อนใครพร้อมแจกร้อยยิ้มสดใสยามเช้าอย่างที่ชอบทำ
“แม่ขาสวยจังเลยครับวันนี้ จะไปไหนหรือเปล่าน๊า…” ที่พูดเขาไม่ได้จะเอาใจอะไรแม่ขาเลย เขาชมเพราะวันนี้แม่ขาแต่งตัวสวยกว่าทุกวันและดูเหมือนจะออกไปข้างนอก?
“นี่แม่ยังไม่บอกน้องมินเหรอคะ” คำูดของพี่นีนทำให้เขาต้องหันมองทันที เลิกคิ้วถามคนเป็นพี่ด้วยความสงสัย
“ก็แม่เห็นว่ามันไม่เกี่ยวกับน้องมินไงลูก” เป็นแบบนี้อีกแล้วสินะ จีมินถอนหายใจพลางใช้ช้อนเกลี่ยข้าวในจานเล่น คลี่ยิ้มให้กับประโยคนั้นของแม่ขา
“ถึงไม่เกี่ยวน้องก็ต้องรู้นะคะ เราจะมีจ่าฝูงคนใหม่กันแล้วนะ”
“อะ อะไรนะครับ” จีมินถามเสียงตุกตะกักด้วยเพราะตื่นเต้น ท่าทางดีอกดีใจจนเก็บไม่มิดทำพี่สาวของเขายิ้มตาม
“จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นมิน หืมมม” พี่นีนยื่นมือมาบีบแก้มยุ้ยของเขาอย่างหมั่นเขี้ยว จีมินถูใบหน้าลงกับฝ่ามืออ่อนหนุ่มของพี่สาวก่อนเอ่ยอย่างดีใจ
“ก็มินดีใจที่เราจะมีจ่าฝูงคนใหม่นี่ครับ แม่ขาอ่ะไม่ยอมให้มินรู้เรื่องนี้เลย” ประโยคแรกคนพูดก็ดูดีใจยุหรอก แต่ประโยคหลังจีมินหันมองไปทางแม่ขาพร้อมเอ่ยเสียงตัดพ้อเบาๆ 'นี่ถ้ามีจ่าฝูงคนใหม่ก็เท่ากับว่าพี่นีนกำลังจะแต่งงานใช่ไหมนะ?'
“เอาใหญ่แล้วนะน้องมิน น่าโดนดุนัก” แม่ขาเอ่ยเสียงเรียบ ส่งสายตาคาดโทษมาที่เขาเหมือนอย่างเคย
“แม่หยุดเลยค่ะ ห้ามดุน้อง”
“ที่แม่ดุก็เพราะรัก” ประโยคของแม่ทำจีมินพูดไม่ออก โอเมก้าตัวเล็กพยักหน้ารับว่าเข้าใจถึงจะไม่เคยสัมผัสได้ถึงคำว่ารักนั้นก็ตาม
“งั้นมินไปกับพี่ไหมล่ะ แม่ให้น้องไปด้วยนะคะนีนจะได้มีเพื่อน” พี่นีนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง จีมินหันมองแม่ขาทันที เห็นสีหน้าหนักใจบนใบหน้าที่ขึ้นริ้วรอยจางๆตามวัยก็พอรู้ว่าแม่ขาต้องการให้เขาตอบแบบไหน
“ไม่เป็นไรครับวันนี้มินต้องกลับคอนโดด้วย” ปฏิเสธเพื่อไม่ให้แม่ขาต้องหนักใจ เพราะรู้ว่าแม่ขาไม่อยากให้เขาไปด้วย จีมินก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจานโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก ได้ยินแม่ขาคุยกับพี่นีนเพียงว่า ‘อัลฟ่าคนนั้นเขาอายุเท่าลูก น่าจะเรียนที่เดียวกันด้วย’ ได้ยินดังนั้นจีมินก็พอรู้ว่าวันนี้แม่ขาคงพาพี่นีนไปนัดดูตัว
'โชคดีจัง เกิดเป็นอัลฟ่านี่น่าอิจฉาเนอะ ใครๆก็รักใครๆก็ยกย่อง แถมยังไม่ต้องมาป่วยบ่อยๆเพราะร่างกายฮีลและรักษาตัวเองได้ ทำไมเขาไม่เกิดเป็นอัลฟ่าบ้างนะ'
@คอนโดM
[มินถึงคอนโดแล้วครับ]
[ขอโทษที่เมื่อคืนมินหลับไปก่อนทั้งที่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อน]
โอเมก้าตัวเล็กนั่งพิมพ์ข้อความยุกยิกในโทรศัพท์มาพักใหญ่ เขากวาดสายตาอ่านข้อความที่พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จ้องแล้วจ้องอีกกถึงตัดสินใจกดส่งพร้อมแนบอิโมติคอนหน้าเศร้าเพื่อสื่อว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ
ก่อนหน้านี้จีมินพึ่งได้เปิดอ่านข้อความที่จองกุกส่งมาตั้งแต่เมื่อคืน ในข้อความมีรูปที่แคปมาจากหน้ากล้อง เป็นรูปที่จีมินนอนตะแคงหนุนแขนตัวเอง ใบหน้าหวานหลับพริ้มราวกับกำลังฝันดี ใต้รูปนั้นที่จองกุกส่งมามีข้อความสั้นๆว่า
‘หลับน่ารักจัง’
แค่ประโยคสั้นๆทำจีมินนั่งเขินมาร่วมชั่วโมงกว่าแล้ว พอคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้ายิ่งเห่อร้อนหนักกว่าเดิม ‘เขาเผลอทำอะไรน่าอายลงไปหรือเปล่านะ ไม่น่าชิงหลับไปก่อนเลยน่าอายชะมัด’
โอเมก้าตัวเล็กนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่โซฟากลางห้อง เขามาถึงคอนโดได้สักพักแล้วก่อนหน้านั้นได้โทรคุยกับจีฮุน คุยกันไว้ว่าอ่านหนังสือสักเล่มจบก็จะออกไปหาอะไรทานข้างนอกด้วยกันแต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นแถมฝนยังคงตกรินๆอยู่ตลอดเขาทั้งสองคนเลยล้มเลิกความคิดนั้นไป
'ต้องทานข้าวคนเดียวอีกแล้ว ไม่ชินเลย'
เกือบราวๆหกโมงเย็นที่จีมินรอให้ฝนหยุดตกเพื่อจะออกไปหาอะไรทานข้างนอก ตู้เย็นในห้องครัวที่เคยตุนเสบียงไว้ตอนนี้ว่างเปลาไม่มีแม้กระทั่งน้ำดื่ม โอเมก้าตัวเล็กนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างจ้องมองเม็ดฝนที่กระหนำเทลงมาและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เห็นทีเขาคงต้องสั่งอาหารขึ้นมาทานบนห้องแทนแล้วล่ะ
แต่คงจะลืมคิดไปว่าฝนตกแบบนี้คงไม่มีร้านข้าวที่ไหนอยากจะมาส่ง เพราะโทรไปเป็นสิบๆร้านแต่ละร้านก็บอกปิดไปแล้วบ้างล่ะ ไม่สะดวกมาส่งบ้างล่ะ
ได้เเต่บ่นพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าหวานเริ่มจะหงุดหงิดหน่อยๆ ถอนหายใจนับสิบครั้งก่อนทิ้งโทรศัพท์ลงบนที่นอนนุ่มพร้อมทิ้งตัวลงนอนตาม ไม่บ่อยนักที่เขาจะมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เหมือนเป็นตั้งแต่เมื่อเช้าตอนอยู่ฝูงหรือไม่ก็คงก่อนหน้านั้นแต่เขาไม่ได้สังเกตเอง เหมือนจะชอบเป็นช่วงที่ฝนเริ่มตั้งเค้ามันจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ร้อนวูบวาบในตัวแถมยังรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปกติแล้วเขาไม่เคยเป็นแบบนี้
ครืด ครืดด
โทรศัพท์สั่นครืดเสียงดังบนเตียงนอนนุ่มทำให้เขาที่เหมือนจะคล้อยหลับไปสะดุ้งตื่น มือเล็กควานหาโทรศัพท์ที่โยนทิ้งไว้ข้างตัว หยิบมันขึ้นมาก่อนกดอ่านข้อความที่ใครบางคนส่งเข้ามา
‘อยู่หน้าคอนโด ลงมาหาหน่อย’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คือแม่น้องเนี้ยสองมาตรฐานจริงเป็นนี่คงไม่กล้าปล่อยโอเมก้าออกมาอยู่คนเดียวแถมยังไม่เคยฮีทอีกต่างหาก คิดจะห่วงลูกบ้างไหมนะน้องยิ่งอ่อนแออีก????????
พอคิดถึงตอนแม่รู้ว่าน้องมินกับจองกุกเป็นเมทกัน แล้วให้น้องปฏิเสธคู่ตัวเอง แล้วใจเจ็บเลย
สุดท้าย น้องน่ารักมาก ใสซื่อ นุ่มนิ่ม น่าเอ็นดู อยากเก็บไว้คนเดียว ะาสืเรยว
พี่นีน แม่อ่อนโยนมาก รักมาก
แต่ของน้องมิน แม่ดุตลอดเลยมั้ง น้องเป็นโอเมก้า พี่นีนเป็นอัลฟ่า เลยรักพี่นีนมากกว่างี้หรอ