ตอนที่ 2 : รีไรท์ BLUE BELLs 01 [100%]
ในตอนนี้มีใครบางคนกำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้ามืดที่ถูกแต่งแต้มด้วยดวงดาวน้อยใหญ่แสงจากดวงดาวที่ส่องสกาวอยู่นั้นไม่ได้ทำให้จีมินคลายความคิดในหัวที่หมุนวนนานนับสัปดาห์ลงเลย ก็นับตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้เจอกับผู้ชายตัวสูงคนนึงจิตใจมันก็ว้าวุ่นตลอดเวลาทั้งที่ไม่เคยเป็น ในหัวคิดแค่ว่าอยากเจอเขาคนนั้นอีกครั้งมันอยากรู้ว่าใจจะยังเต้นแรงเหมือนวันนั้นอยู่ไหม เหมือนกับตอนที่เขาขยับเข้ามาชิดตรงต้นคอด้านหลัง ลมหายใจที่จงใจเป่ารินรดลงมา จีมินอยากรู้ว่ามันใช่สาเหตุที่ทำตัวเองใจเต้นแรงหรือเปล่า หรือแท้จริงแล้วคนๆนั้นอาจจะใช่คู่โซลเมทของเขาจริงๆ
คิดบ้าอะไรอยู่นะจีมิน
ครืดดด ครืดดดด~~~~~
จีมินละสายตาจากท้องฟ้าที่นั่งมองผ่านหน้าต่างของคอนโดเมื่อเสียงโทรศัพท์สั่นครืดกับพื้นโต๊ะคงเพราะมีใครสักคนกำลังโทรเข้ามา โอเมก้าตัวน้อยลุกเดินกลับเข้าไปข้างไหนอย่างไม่รีบร้อน ก้มมองดูรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็ตัดสินใจกดรับทันที
“จีฮุนว่าไง” เขากรอกเสียงลงไปในสายเพื่อทักทายคนที่โทรเข้ามาในยามดึกเช่นนี้ แต่สี่ทุ่มนี่เรียกว่าดึกได้ไหมนะ?
[มินนอนยังอ่ะ ฮุนโทรมากวนหรือเปล่า] คำถามจากปลายสายทำโอเมก้าอย่างจีมินระบายยิ้มจาง จีฮุนคงลังเลอยู่นานสินะว่าจะโทรหาเขาหรือเปล่า เพราะปกติหากอยู่ที่ฝูงเหนือเขาก็คงหลับไปแล้วจริงๆอย่างที่เจ้าตัวถาม
“ยังอ่ะ มินไม่ได้กลับฝูงอยู่คอนโดยาวทั้งอาทิตย์เลย” พูดจบก็ได้ยินปลายสายโอดครวญเหมือนพลาดหรือเสียดายอะไรสักอย่าง
[โหยย ไมมินไม่บอกฮุนก่อนอ่ะจะได้ชวนไปดูแข่งรถด้วยกัน]
“แข่งรถ?!” เเข่งรถเนี่ยนะ เขาทวนคำเพราะอึ้งหน่อยๆที่ได้ยินจีฮุนเอ่ยชวนกัน คนขับรถไม่เป็นแบบเขาให้ไปดูแข่งรถมันจะไม่น่าเบื่อเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบเลยหรอกหรอ
“ที่จริงฮุนจะชวนมินหลายครั้งล่ะอ่าแต่เห็นมินกลับบ้านทุกอาทิตย์เลยไม่อยากกวนเท่าไหร่” ฟังจากเสียงคนพูดก็นะ จีฮุนคงนั่งหน้างอคอหักเป็นปลาทูอยู่แน่ๆ
“แต่วันนี้คงไม่ได้แล้วจริงๆอ่าฮุน มินใส่ชุดนอนเตรียมนอนแล้วด้วย” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนเสียดายมากๆ ปลายสายก็คงผิดหวังกับคำตอบของเขาถึงได้ถอนหายใจเสียงดังจนได้ยินทะลุออกมา
“ไม่เป็นไรๆ นี่ก็รู้แหละว่ามินคงไม่…” จีฮุนยังพูดไม่ทันจะจบดีก็ต้องกลืนคำพูดลงคอแทนและมันทำเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่านั่นเสียงจีมินใช่ไหม เมื่อกี้นี้เขาไม่ได้หูฝาด? จีมินบอกว่า
“แต่ถ้าเป็นพรุ่งนี้มินไปกับฮุนได้นะ” ถ้าให้เขาเดาจีฮุนคงยิ้มลิงโลดด้วยความดีใจมากแน่ๆ ฟังจากน้ำเสียงโห่ร้อง “เย้เย้” ของคนในสายนั่นเเหละ คิดๆดูเเล้วก็นานมากเหมือนกันที่เขาไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันกับจีฮุนก็เลยเลือกที่จะไม่ปฏิเสธ เราคุยอะไรกันต่อนิดหน่อยหลังจากนั้นไม่นานจีฮุนถึงกดวางสายไป
โอเมก้าตัวน้อยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มดึงผ้านวมขึ้นคลุมร่างตัวเองเพื่อหลบหลีกจากอุณหภูมิเย็นของแอร์ที่เปิดไว้ คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างคนใช้ความคิดที่เขาตัดสินใจตกลงจะไปกับจีฮุนมันไม่ใช่เพราะความเกรงใจเพื่อนหรืออะไรเขาแค่อยากลองออกไปข้างนอกดูบ้างเผื่อว่าความคิดที่มันฟุ้งซ่านอยู่ในหัวจะหยุดลง
และมันก็นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้มีโอกาสออกไปไหน ไม่ได้เที่ยวกับเพื่อน ไม่เจอสังคม ไม่เจอใครเลย มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ที่เขาป่วยเพราะร่างกายอ่อนแอมากๆ และช่วงนั้นกำลังจะขึ้นชั้นมอหกพอดีแต่กลับต้องหยุดพักการเรียนไปถึงสองปีเพื่อรักษาตัว เป็นสองปีที่รู้สึกว่ายาวนานเอามากๆที่เขาต้องอยู่ฝูงเหนืออย่างโดดเดี่ยวโดยที่ไม่ได้พบเจอใครเลย
ตอนนี้มันคงถึงเวลาที่จะชดเชยช่วงเวลาเหล่านั้นให้ตัวเองบ้างได้แล้ว คิดเช่นนั้นโอเมก้าตัวน้อยก็ระบายยิ้มจางกับตัวเองก่อนเอื้อมมือไปกดปิดสวิต์โคมไฟรูปก้อนเมฆข้างหัวเตียง ความมืดมิดที่เข้าปกคลุมขับกล่อมให้โอเมก้าตัวน้อยหลับไปอย่างง่ายดาย
บ้านชานเมือง
ณ เวลาเที่ยงคืนกว่าเป็นเวลากลับบ้านของใครสักคน อัลฟ่าร่างสูงที่พึ่งจอดรถเสร็จกำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยนิดๆจากการมุ่งทำงานมาทั้งวันแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นขอบประตูเสียงตะโกนร้องถามจากฝากหนึ่งของบ้านก็ดังขึ้น
“เฮีย!! ใครแช่ชานมไข่มุกไว้ในตู้เย็นอ่ะฮุนเห็นแช่จะเป็นอาทิตย์ล่ะนะ” เป็นเสียง คิม จีฮุน น้องชายแท้ๆของ คิม แทฮยอง แถมพ่วงตำแหน่งน้องชายคนสนิทของ จอน จองกุก หรือที่เจ้าตัวชอบเรียกว่า “เฮีย” บ่อยๆ ด้านคนกรึ่มนิดๆที่พึ่งกลับเข้าบ้านยามดึกดื่นเมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตาเบิกกว้างทันทีรีบเดินจ้ำอ้าวไปทางห้องครัวด้วยความร้อนใจ
“ห้ามแตะเด็ดขาด” ขู่เสียงแข็งข่มไอ้น้องชายตรงหน้าทันที
“เดี๋ยวๆๆ เสียงดุไรขนาดนั้นเฮีย สำคัญ?"
"เออ!!!"
"เห้ยยย ไม่ทันล่ะเฮียฮุนทิ้งลงถังขยะก่อนเฮียเดินมาอ่ะ” สาบานว่าจีฮุนไม่เคยเห็นสีหน้าของเฮียจองกุกเหมือนอยากจะฆ่าคนแบบนี้มาก่อน อ่า...อัลฟ่าสายดุสินะ
“พูดจริงหรืออำไอ้ฮุน เฮียไม่ตลกด้วยนะ” อัลฟ่าก็ยังคงเป็นอัลฟ่าจองกุกกดเสียงลงต่ำกว่าเดิม ความไม่พอใจถูกส่งผ่านความกดดันที่โอเมก้าอย่างจีฮุนสามารถรับรู้ได้
“ไรของเฮียเนี่ยฮุนขึ้นห้องล่ะ...” ต้นเหตุที่ทำให้จองกุกหัวร้อนอย่างจีฮุนกำลังเตรียมจะเดินกลับขึ้นชั้นบนของบ้าน ไม่ได้สนใจท่าทีหงุดของคนเป็นเฮียที่ตะโกนร้องตามหลังเลยสักนิด
“ไอ้เด็กแสบมึงลงมาคุ้ยเลยนะไม่งั้นโดนตีนเฮียแน่”
อัลฟ่าร่างสูงชักจะหมดความอดทน 'น้องก็น้องเถอะ จองกุกไม่เว้น' ตอนนี้คือเหมือนหัวร้อนไปหมด เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิดกะอีแค่ได้ยินไอ้น้องฮุนมันบอกว่า “ทิ้งลงถังขยะไปแล้ว” ล่ะดูมัน 'หาได้สำนึก'
“เสียดายขนาดนั้นเฮียก็คุ้ยเองล่ะกัน ถังข้างๆตู้เย็นอ่ะ” ว่าจบตัวต้นเหตุที่ไม่มีท่าทีจะสำนึกผิดก็เดินหายเข้าห้องไป ไร้เสียงใดๆตอบกลับมา
จองกุกถอนหายใจให้กับความเเสบของไอ้น้องคนสนิทก่อนเดินไปยังถังขยะที่วางอยู่ข้างตู้เย็นตามคำบอก ก้มๆมองๆเพื่อจะหาแก้วชานมที่ว่าแต่กลับไม่พบอะไรเลย มีเพียงถังขยะเปล่าเขาไม่เห็นเเม้เศษดินในถังขยะใบนั้น
‘ไอ้เด็กเหี้ย’ โดนมันหลอกเข้าเเล้วไง จองกุกรีบเปิดตู้เย็นออกดูทันทีและก็ปรากฎว่าแก้วชานมไข่มุกยังคงวางอยู่ที่เดิม เท่านั้นเขาก็กระตุกยิ้มตรงมุมปาก หัวเราะหึในลำคอให้กับความแสบของน้องมันและความบ้าของตัวเอง
“จะยิ้มอีกนานปะเฮีย แดกซะสิ ไม่งั้นวันหลังน้องฮุนจะทิ้งจริงๆนะคะ” เสียงเอ่ยแซวของจีฮุนเด็กแสบดังจากห้องชั้นบนของบ้าน เจ้าตัวยืนยิ้มขำเป็นผู้ชนะเมื่อแกล้งอัลฟ่าหน้าดุได้สำเร็จ
“เดี๋ยวเหอะมึง เฮียจะฟ้องน้าคิมเรื่องไม่เข้าเรียน”
“กลัวจังเลยยยย” คิดว่าที่ขู่ไปได้ผลไหม “ไม่เลย” ไอ้เด็กเเสบไม่เกรงกลัว แถมยังทำท่าล้อเลียนเขาก่อนวิ่งส่ายก้นหายกลับเข้าห้องไป จองกุกได้เเต่มองตามแล้วส่ายหน้าให้ เอ็นดูมันเหมือนน้องแท้ๆนั่นแหละแต่บางครั้งก็อยากถีบให้หายซ่าดูสักครั้ง แต่ถึงจะหัวเสียเเค่ไหนเขาก็ยังยิ้มออกมาได้ แก้วชานมที่ถืออยู่ในมือยืนมองอยู่นานสองนานก่อนหยิบเอาหลอดตรงหลังตู้เย็นมาเจาะดูด ในหัวก็ยังคงนึกถึงใบหน้าของโอเมก้าตัวน้อยคนนั้นซ้ำไปซ้ำมา
‘ก็นะ ถ้าเมทกันจริงๆเขาก็เชื่อว่าจะได้เจอเด็กคนนั้นอีกแน่ๆ’
คืนวันต่อมา
ลานสนามกว้างสุดลูกหูลูกตาทำจีมินอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ทั้งชีวิตก็พึ่งเคยเห็นสนามแข่งรถกับตาตัวเองจริงๆก็คราวนี้ คนตัวเล็กเดินตามหลังจีฮุนมาติดๆโดยที่ข้อมือถูกจีฮุนจับไว้เเน่นเพราะกลัวหลง วันนี้คนที่สนามค่อนข้างเยอะกว่าปกติคงเพราะคืนวันเสาร์มักจะมีแข่งรอบไฟนอล แถมนักแข่งที่ลงสนามในวันนี้ยังเป็นพวกอัลฟ่าที่พ่วงตำแหน่งทายาทจ่าฝูงรุ่นต่อไปอีกต่างหาก
“สนามนี้ของจีฮุนจริงๆอ่อ ใหญ่มากอ่ะมินไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” คนตัวเล็กที่ติดนิสัยขี้สงสัย เอาแต่ถามจีฮุนไม่หยุดตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในสนาม ด้านจีฮุนเหมือนจะชินไปโดยปริยายกับการตั้งคำถามไม่รู้จบของเพื่อนคนสนิทเพราะตั้งแต่ที่เขามาเป็นเพื่อนกับโอเมก้าตัวน้อยคนนี้เขาต้องคอยตอบคำถามคนขี้สงสัยอยู่ทุกวันๆ
“ขี้สงสัยจังนะเรา” จีฮุนว่าพร้อมเขกมะเหงกเข้าที่ขมับข้างของจีมินเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ไม่ได้หรอ ก็มินไม่รู้นี่น่า” คนขี้สงสัยตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเหมือนน้อยใจ แกล้งทำเป็นเหมือนจะร้องไห้จนจีฮุนต้องรีบโอ๋เป็นการใหญ่
“สำหรับมินอ่ะอะไรก็ได้หมดแหละ ถามเป็นล้านรอบฮุนก็จะตอบล้านรอบเลยดีไหม”
“จริงนะ พูดเเล้วห้ามคืนคำต้องแปะโป้งด้วย”
“จริงๆ ดูตาสิไม่โกหก”
เราสองคนเดินคุยกันมาจนกระทั่งถึงโซนที่นั่งที่ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับเเขกวีไอพี จีฮุนพาเขาเข้ามานั่งที่แถวสุดท้ายบนชั้นแรกของอัฒจันทร์ ผู้คนในเวลานี้ทยอยขึ้นมานั่งกันจนเกือบเต็ม นั่งรอสักพักเสียงเป่านกหวีดในสนามด้านล่างก็ดังขึ้นก่อนปรากฎตัวผู้เข้าเเข่งขันที่จุดปล่อยตัว
บิ๊กไบค์นับสิบคันจอดเรียงรายเป็นแนวยาวในแต่ละลู่วิ่ง นักแข่งทุกคนสวมหมวกกันน็อคจนไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นใครแต่ถึงอย่างนั้นจีมินกลับสะดุดตาเข้ากับหมวกของผู้เข้าแข่งขันคนนึง แม้จากที่นั่งจะดูไกลแต่ก็พอมองเห็น เขาคิดว่ามันคล้ายมาก.... 'แต่ก็นะ หมวกกันน็อคใบนั้นคงไม่ได้มีใบเดียวในโลกหรือเปล่า'
“มิน มิน มินนนน"
ปี๊ดดด
“หะ..ห้ะ” เหมือนจะเหม่อไปนานจีมินรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จีฮุนตะโกนเรียกเขาเสียงดังพร้อมกับที่เสียงสัญญานนกหวีดดังปล่อยตัวนักแข่งในสนาม
“เหม่อไรของมินอ่ะฮุนเรียกตั้งนาน ในสนามเริ่มแข่งล่ะนะ” จีฮุนว่าพร้อมชี้นิ้วไปยังกลางสนาม
“อ่อ อื้มม” จีมินเพียงเออออตามเท่านั้นในใจยังวิตกกับหมวกใบนั้นไม่หาย และในตอนนี้สายตาของเขามันเอาแต่จับจ้องที่นักแข่งเบอร์13 แม้ในสนามกว้างจะมีรถหลายคันให้จับตามองแต่สายตาของเขากลับจดจ้องไปที่รถคันนั้นคันเดียว
ในสนามแข่งตอนนี้มีรถของนักแข่งเพียง3คนที่ตีระดับคู่กันมา พลัดกันนำพลัดกันตามอย่างสูสีทำคนทั้งสนามกู่เสียงร้องเชียร์อย่างดัง ด้านจีฮุนก็ตะโกนเสียงเชียร์นักแข่งเบอร์13อย่างออกนอกหน้านอกตาเช่นเดียวกันเพราะเจ้าตัวรู้ดีว่านักแข่งถายใต้หมวกกันน็อคสีดำที่สวมอยู่นั้นคือใคร
“เฮียจองกุก”
“13 แซงๆ เฮียเเม่ง!! เบียดดิวะ เออ แซงแม่งเลย เฮียยยย อย่างนั้นแหละ อีกนิดๆ เฮียยยยย” เสียงเชียร์ไม่ขาดสายจากจีฮุนทำคนนั่งข้างๆอย่างจีมินพลอยรู้สึกสนุกและตื่นเต้นไปด้วย
คนเชียร์แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อเหลืออีกไม่ถึง100เมตรก็จะถึงเส้นชัย จีฮุนเมื่อเห็นว่ารถของพี่ชายคนสนิทนำโด่งมาแต่ไกลก็เตรียมจะวิ่งลงไปรอด้านล่างเพื่อแสดงความยินดีแห่งชัยชนะที่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะถ้าให้นับครั้งที่เฮียมันแพ้ก็คงจะง่ายกว่า
“มินรอฮุนตรงนี้นะเดี๋ยวฮุนลงไปข้างล่างแป๊ปนึง”
“อ่อ อื้มม ได้ๆว่าแต่คนชนะคือพี่ฮุนหรอเราเห็นฮุนเชียร์เสียงดังมากเลย”
“อืมม เฮียจองกุกน่ะ อันที่จริงฮุนก็เดาไว้แล้วล่ะว่าเฮียมันจะชนะ เฮียมันไม่เคยแพ้เลยน๊าาา” เจ้าตัวดูภูมิใจกับพี่ชายคนนี้มากจริงๆ
“งั้นเราฝากยินดีกับพี่เขาด้วยนะ”
คนฝากแสดงความยินดีฉีกยิ้มส่งให้ ทำไมเขาต้องดีใจถึงขนาดนี้ตอนที่เห็นว่ารถของนักแข่งเบอร์13เข้าเส้นชัยไปก่อนเพื่อน วินาทีนั้นเกือบลุกขึ้นยืนกรี๊ดอย่างลืมตัว นี่ถ้าเผลอกรี๊ดเข้าจริงๆเขาคงโดนจีฮุนล้อยันชาติหน้าเเน่ๆ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงที่จีฮุนทิ้งให้โอเมก้าตัวน้อยนั่งเปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียว เวลานี้เกือบๆจะห้าทุ่มแล้วผู้คนบนอัฒจันทร์ทยอยกลับกันลงไปเกือบหมดเหลือเพียงจีมินที่นั่งอยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเขาจะเดินลงไปรอข้างล่างก็กลัวว่าจะคลาดกันกับเพื่อน และตอนนี้เหมือนเขาอยากจะเข้าห้องน้ำขึ้นมาซะงั้น
จีมินหันซ้ายมองขวาอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อตัดสินใจเดินลงมาข้างล่างเพื่อหาห้องน้ำเข้า เดินห่างออกจากตัวสนามมาไกลสักพักแล้วก็ยังไม่เห็นว่าจะเจอห้องน้ำที่ว่า ตอนนี้คนตัวเล็กเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆเมื่อทางเดินมืดๆด้านหลังสนามดูจะไม่มีใครเลยแต่ป้ายบอกทางตรงหน้าบอกเขาว่าห้องน้ำตรงไปทางซ้าย
โอเมก้าตัวน้อยรีบจ้ำเท้าตรงดิ่งไปทางนั้นอย่างทันที ยิ่งเดินใกล้ถึงห้องน้ำมากเท่าไหร่ก็ต้องยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายเมื่อจู่ๆหัวใจก็เริ่มเต้นแรงซะอย่างนั้น มันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เต้นแรงแหมือนกับวันนั้นเลย และเมื่อเท้าก้าวเข้ามาในห้องน้ำหัวใจเขาก็แทบหยุดเต้นลงตรงนั้น
“อ๊ะ...”
เสียงแปลกๆกับภาพตรงหน้าที่เห็นทำโอเมก้าตัวน้อยยกมือป้องปากตัวเองด้วยความตกใจ ตากลมโตเบิกโพลงทั้งสองข้าง สองขาเหมือนถูกชะงักให้หยุดตรงนั้น ภาพเคลื่อนไหวของชายหญิงตรงหน้าที่กำลังกอดรัดกันทำโอเมก้าตัวน้อยที่แสนใสซื่อถึงกับไปไม่เป็น
“ขะ ขอโทษครับ” ละล่ำลักเอ่ยขอโทษก่อนบังคับขาตัวเองให้ขยับเดินออกจากตรงนั้นมา
ใบหน้าสวยหวานยังเห่อร้อนกับภาพติดตาที่ได้เห็นจีมินพยายามสะบัดหัวก็แล้ว ทึ้งหัวตัวเองก็เเล้วแต่ภาพนั้นก็ยัง…' ทำไมทำแบบนั้นในที่สาธารณะกันล่ะ' นั่นคือความคิดของโอเมก้าตัวน้อยที่กำลังเดินวกไปวนมาบนทางเดินที่ค่อนข้างมืด
แย่เเล้ว…เหมือนเขาจะจำทางกลับไม่ได้
ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเหมือนมีคนเดินอยู่ด้านหลัง
“เมื่อกี้นี้เธอเห็นอะไร”
Jungkook Part
“เมื่อกี้นี้เธอเห็นอะไร” น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยนั้นคงทำคนตรงหน้าผมตกใจมากๆเลยล่ะสิถึงสะดุ้งตัวแรงซะขนาดนั้น แต่คนที่ควรตกใจมันน่าจะเป็นผมมากกว่าไหมนะที่จู่ๆด็กน้อยหน้าตาใสซื่อก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ใรขณะที่เขากำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่ จองกุกยกยิ้ม
เมื่อหลายนาทีก่อนหน้าที่ห้องน้ำหลังสนามเขากำลังนัวกับผู้หญิงคนนึงที่เป็นของเดิมพันจากการแข่งรถ ยังไม่ทันเข้าด้ายเข้าเข็มเด็กน้อยหน้าตาใสซื่อที่คิดว่าคงจะไม่ได้เจออีกกลับเดินพรวดพลาดเข้ามา แถมยังยืนทำตาโตอีกต่างหาก ใหนจะคำขอโทษที่เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรผิดนั่นอีก ‘มันน่าเอ็นดูจริงๆ’
แต่เอ็นดูได้ไม่นานก็ต้องหัวร้อนขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าคนตรงหน้าเป็นโอเมก้า กลิ่นโอเมก้าเเรงถึงขนาดนี้แต่กลับกล้ามาเดินมืดๆคนเดียวในสนามแข่งรถที่โคตรจะอันตรายก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
'เจ้าตัวไม่รู้หรอกหรอว่าแถวนี้อัลฟ่ามันเยอะแค่ไหน'
เหตุผลนั้นทำให้ตอนนี้เขาต้องคอยเดินตามหลังโอเมก้าตัวเล็กมา และดูเหมือนโอเมก้าตัวเล็กของเขาจะหลงทางเสียด้วยสิ
“เมื่อกี้....เธอเห็นอะไรหรือเปล่า” ผมแกล้งถามนำเมื่อเดินมาหยุดที่ข้างหลังคนตัวเล็ก คนตรงหน้าแน่นิ่งไปคงเกิดอาการเกรงกลัวเพราะคงรู้ได้ด้วยสัญชาตญานว่าผมคืออัลฟ่า ผมรอให้อีกคนปรับลมหายใจให้คงที่ถึงเดินไปดักทางด้านหน้าไว้แทน
“คุณ...” โอเมก้าตัวน้อยเลิกลั่กใหญ่เหมือนทำอะไรไม่ถูก คงกลัวกันมากสินะ แววตาสั่นไหวเชียว
“มะ...ไม่ ผมไม่เห็นอะไรเลยจริงๆนะครับ” เชื่อเเล้ว หน้าแดงซะขนาดนั้นคงไม่เห็นเลยจริงๆ ผมอมยิ้มมุมปาก
“หรอ ที่พูดมาน่ะจริงหรอ” ผมแกล้งไล่ต้อนคนตรงหน้าให้ชิดติดกับกำแพง เห็นท่าทางน่าเอ็นดูแล้วอยากแกล้งข่มให้กลัวเสียจริงนี่คงเป็นนิสัยอีกข้อของอัลฟ่าอย่างเขาล่ะมั้ง
“อื้อออ หะ...เห็นก็ได้ครับ” โดนไล่ต้อนไม่ทันไรก็สารภาพแล้วหรอ จองกุกยิ้มขำกว่าเดิม โอเมก้านี่น่ารักและซื่อตรงแบบนี้ทุกคนเลยไหมนะเขาชักเริ่มสนุกล่ะสิ
“อืมม แล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ” ผมยังคงไล่ต้อนให้ลูกกวางน้อยจนมุม เห็นคนตัวเล็กกัดเม้มริมฝีปากด้วยความเกร็งแล้วผมก็แทบอยากบดริมฝีปากลงบนความนุ่มหยุ่นให้เจ้าตัวเลิกกัดปากสักทีสองที
“แบบนี้…เธอเห็นไหม?” ผมกระซิบเข้าที่ข้างใบหูของคนตัวเล็ก ขยับเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิมทำคนโดนกักขังไว้ในอ้อมแขนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ กลิ่นหอมของดอกบลูเบลตลบอบอวลมากยิ่งขึ้นในตอนที่ร่างกายของเราแนบชิดกัน
“นี่!!…อย่านะ” เสียงร้องห้ามเบายิ่งกว่าสายลมในตอนที่ผมใช้นิ้วจี้เบาๆตรงกลางอกของคนตัวเล็กที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาว ผมลากไล้ปลายนิ้วขึ้นลงเป็นรูปอะไรสักอย่างซึ่งทำคนตรงหน้าเขินหน้าแดงถึงกับต้องหลบสายตาผมไปเลย
ทำไมถึงได้ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองขนาดนี้ โดยเฉพาะดวงโตกลมโตคู่นั้น ไหนจะริ่มฝีปากอิ่มนั่นอีกถ้าเขาลองกดจูบดูสักครั้งมันจะเป็นยังไงกันนะ
“ปากสวย...น่าจูบ” อัลฟ่าแบบเขาก็เป็นคนตรงๆแบบนี้แหละ คิดอะไรก็พูดมันออกไปอย่างนั้น
Jimin Part
ประโยคนั้นทำผมเกือบหัวใจหยุดเต้น แทบลืมจังหวะการหายใจในตอนที่ปลายนิ้วโป้งถูกแตะเกลี่ยลงบนกลีบปาก
“ไม่เอานะ” ผมพูดเสียงอู้อี้แทบไม่ได้ยิน ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ติดพูดเสียงเบามาตลอด
“หื้มมม เอาไร...”
“นี่อะหรอ?” ไม่เพียงตอบคำถามเท่านั้นคนตัวสูงตรงหน้าเขาก็โน้มใบหน้าลงมาพร้อมชี้นิ้วที่ริมฝีปากของตัวเอง ผมหลับตาปี๋ยกมือดันแผ่นอกกว้างที่พยายามเบียดเสียดลงมาจนผมแทบจมหายไปกับกำแพง ลมหายใจร้อนของเขาจงใจเป่ารินรดลงที่ข้างแก้ม เขากดปลายนิ้วเคล้นคลึงริมฝีปากผมไปมาเบาๆ สักพักถึงเคลื่อนปากหยักเข้ามาใกล้คล้ายกับว่าจะจูบกัน กระทั่ง...
“มิน!!!” เสียงของจีฮุนร้องเรียกผมดังขึ้น
ผมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอรีบขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขาก่อนวิ่งไปหลบหลังจีฮุนด้วยอาการอ่อนแรงเหมือนคนจะเป็นลม คงเพราะหัวใจเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ทัน และถ้าเมื่อครู่นี้จีฮุนไม่มามันจะเกิดอะไรขึ้น 'ไม่อยากจะคิดเลย'
“อ้าวว! ไอ้เฮีย ก็นึกว่าใครแล้วเมื่อกี้ทำไรเพื่อนฮุนอ่ะ”
จีฮุนรู้จักคนคนนี้หรอ? เขาอยากจะถามนะแต่ไม่มีเเรงเเม้จะเปล่งเสียงพูดออกไป ได้เเต่กำชายเสื้อของจีฮุนแน่นขยับชิดแผ่นหลังเพื่อนเพื่อใช้เป็นที่พักพิง กระซิบเสียงเบาให้จีฮุนได้ยินเมื่ออาการในตอนนี้เหมือนจะไม่ไหวแล้ว
“จีฮุน...เรา...เหมือนจะเป็นล..” พูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบไม่ทันจะจบร่างของโอเมก้าตัวน้อยก็ฟุบลงกองกับพื้นในทันที
“เฮ้ยยยย!!!” เป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติของเขาดับวูบไปพร้อมกับเปลือกตาบางที่ปิดลง ตื่นเต้นมากๆทีไรเขามักเป็นแบบนี้ทุกที
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องงงงงงงงงงงงงง โอ้ยยยย เอ็นดู
น่ารักอะ