ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่กัด ยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #9 : ชะตาอาภัพ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 54


    แดดอ่อนๆในยามเช้า สาดแสงเข้ามาในกระท่อมหลังเล็กที่สภาพซอมซ่อเต็มที ภายในนั้นสาวน้อยร่างแบบบางค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่สลบไสลมาเป็นเวลา2วัน ร่างน้อยค่อยๆเอามือขึ้นลูบบริเวณบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่ตามร่างกายแม้จะเจ็บอยู่บ้างแต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่านางรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ในเวลานี้นางใคร่ขอบพระคุณผู้ที่ช่วยชีวิตนางไว้เหลือเกิน

    "อรุณสวัสดิ์ อาการเจ้าดีขึ้นเยอะเลยนะ" ชายหนุ่มเก็บสมุนไพรผู้นั้น เดินเข้ามาในบ้าน
    พร้อมวางสมุนไพรที่หามาได้ในยามเช้า

    "เป็นท่านเองหรือที่ช่วยข้าไว้ ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านมากมายนัก ข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้ว" เซิ่นชิงกล่าวด้วยความตื้นตัน
    แล้วน้ำเสียงพลันเปลี่ยนเป็นสำนึกผิด กล่าวว่า

    "ขออภัยที่ตอนนั้นข้าใช้ท่านเป็นเหยื่อล่อ" ชายหนุ่มยิ้ม ด้วยดวงหน้าที่เบิกบานทั้งมีแววตาอบอุ่น กล่าวว่า

    "ในวันนั้นข้าขอชื่นชมเจ้า และข้าให้อภัยเจ้า" เซิ่นชิงจะกล่าวขอบคุณอีกครั้งแต่เขาชิงพูดขึ้นก่อน

    "อันที่จริงจะชมข้าคนเดียวก็ไม่ถูก วันนั้นเจ้าสามารถอดทนได้อย่างเยี่ยมยอด อสรพิษสีดำที่กัดเจ้านั้นเป็นภูติประจำตัวของสัตว์ปิศาจชั้นสูง แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือเจ้าปิศาจร้ายที่กัดเจ้าเป็นทายาทสายตรงของมารหมื่นพิษ ข้าเองก็ไม่ทราบหรอกว่าเจ้ามีอะไรวิเศษ แต่ควรจะระวังไว้ มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญหากมีครั้งต่อไปเจ้าอาจเสียชีวิตได้แม้สัมผัสกับร่างของมัน ข้าขอให้เจ้าอย่าฝืนเกินตัวอีก"
    เซิ่นชิงยอมรับอย่างไร้ข้อโต้แย้ง วันนั้นนางบ้าบิ่นไปจริงๆ

    "ค่ะ ข้าจะระวัง ว่าแต่ข้ายังไม่ทราบนามท่านเลย ข้าน้อยแซ่เสี่ยวเรียกเซ่นชิง"
    กล่าวพลางส่งยิ้มอย่างสดใสให้ชายหนุ่ม เขาส่ายหน้าอย่างเอ็นดูนาง

    "ข้าเสี่ยวเนี่ยน"
    พอดีกับที่ม่านประตูถูกเปิดขึ้นด้วยนิ้วเรียวงาม สตรีนางหนึ่งกรีดกรายเข้ามาอย่างชดช้อย เอ่ยถามเสี่ยวเนี่ยนด้วยเสียงอ่อนหวาน

    "นางหายดีแล้วหรือท่านพี่"

    "นี่หยาเอ๋อร์ ภรรยาข้า นางปรุงยาทั้งหมดให้เจ้าข้าทำเพียงหาสมุนไพรเท่านั้น" เซิ่นชิงพิศร่างอันงามชดช้อยของนางด้วยความตกตะลึง เรือนร่างของนางสูงโปร่งแต่กับชดช้อยกับเกิดจากภาพวาด มีส่วนโค้งเว้าอันยั่วยวนแม่กระทั่งเพศเดียวกันยังหลงใหล

    'ไฉนนางผู้เลอโฉมจึงพำนักในที่แห่งนี้หนอ'
    ผิวของนางขาวผ่องปาน ก่อขึ้นจากหิมะขาวบริสุทธิ์ตัดกับปากกระจับอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ ชวนพิศนัก น่าเสียดายนักที่ดวงตาของนางค่อนข้างเล็ก แต่เพียงพบพานก็สามารถทำให้บุรุษเพศหวั่นไหว

    เมื่อคิดว่าตนจ้องมองนางเกินไปก็รีบหลบสายตา มิน่าเล่าเสี่ยวเนี่ยนจึงไม่เคยชมความงามของตนเลย เพราะมีหญิงงามนางนี้อยู่ในใจเพียงผู้เดียว

    "วันนี้ข้าใคร่จะเข้าเมือง ท่านจะไปกับข้าไหม"หยาเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างอ่อนหวาน

    "ไม่ล่ะ ข้าจะอยู่ดูแลแม่หนูนี่" เสี่ยวเนี่ยนปฏิเสธแบบนุ่มๆ

    "อืมม เด็กน้อยเวลาอยู่กับท่านพี่เจ้าต้องเป็นลูกมือช่วยเขาเก็บสมุนไพรนะ หากข้ากลับมาจะสอนวิชาปรุงยา"

    'โอ้วแม่เจ้า จู่ๆข้าก็จะได้เรียนวิชาใหม่อีกแล้ว วิเศษเหลือเกิน' หัวใจของเซิ่นชิงพองโตด้วยความปิติยินดี
    .............
    ในยามสาย ดวงตะวันแผดจ้า วัดฝู่ซันอันเงีบยสงัดในยามเช้าแปรเป็นแหล่งชุมนุมของวิหคนานาชนิด เสียงจ้อดังมาไม่ขาด แต่ถึงกระนั้นก็มิสามารถทำให้บุรุษผู้หนึ่งตื่นจากความง่วงงุน กระทั่งเถระรูปน้อยผู้กวาดลานวัดเดินมาไล่มันเพราะเห็นเป็นพวกจรจัด

    "ตื่นเถิดประสก นี่ก็สายมากแล้ว"

    "โว้ยยยยย ข้าจะบ้า"เจียงจิ้งฝูโวยอย่างลืมตัว ทะลึ่งลุกพรวดขึ้น
    วิหคที่อยู่บริเวณนั้นตกใจกลัวบินหนีไปหมด มันจึงรีบกล่าวขอโทษพระนั้น

    "ข้าเจียงจิ้งฝู ช่างน่าละอายนัก" เขาท่าทีประหม่าดูลนลานมาก รีบกราบลาพระรูปนั้นแล้วออกจากวัดทันที
    ภิกษุหนุ่มมองใบหน้าเต็มไปด้วยความฉงน
    "อาตมาชื่อเหนิงเหริน ว่างๆก็แวะมาอีกนะ" พระรูปนั้นกล่าวเบาๆ แต่เจียงจิ้งฝูวิ่งไปไกลซะแล้ว

    "ยัยตัวแสบ เพราะเจ้าแท้ๆ ถ้าเจอพ่อจะปราบให้หายเฮี้ยนเลย"
    พูดจบก็สั่นกระดิ่งที่ติดกับกำไลสัจน์อย่างบ้าคลั่ง
    .........
    ณ กระท่อมของเสี่ยวเนี่ยนขณะที่ เซิ่นชิงใช้นิ้วเรียวดุจลำเทียนเด็ดสมุนไพรก็ตกใจผวา จู่ๆกำไลสัจน์ที่ข้อมือก็สั่นไม่หยุดเสียงกระดิ่งบาดแก้วหูนัก

    "กำไลสัจน์เป็นเครื่องรางที่ชายให้แก่หญิงคนรัก เค้าเรียกเจ้าอยู่อย่าตกใจ"เสี่ยวเนี่ยนพูดหยอกล้อ แต่เซิ่นชิงโมโหมากรีบสวนว่า

    "มันไม่ใช่คนรักข้า มันจะมาจับตัวข้าน่ะสิ ข้าจะทำอย่างไรดี หนวกหูเหลือเกิน" นางโวยวายพลางใช้นิ้วเรียวยาวทั้ง5กดกระดิ่งไว้
    พลันหยาเอ๋อร์กลับมาพร้อมสภาพโชกเลือด ชุดขาวบริสุทธิ์ชุ่มด้วยเลือดสีแสงสด พร้อมทรุดลงย่างน่าเวทนา เสี่ยวเนี่ยนรีบพานางเข้าในกระท่อม

    "มันจะฆ่าข้า ท่านพี่ข้าไม่ทราบจะทำอย่างไรแล้ว" นางพูดพลางกระอักเลือดอย่างทรมาน เซิ่นชิงรับฟังจนสมองพองโตยืนอยู่ข้างๆด้วยความเป็นห่วง

    "เจ้าอยู่เฉยๆเถอะ" พูดแล้วเขาจับนางวางลง
    ค่อยๆเปลื้องเสื้อของนางออก เซิ่นชิงเห็นภาพเบื้องหน้าแล้วแทบจะกรีดร้อง หน้าอกขาวอวบอิ่มกลับมีแผลปาดยาวถึงบริเวณหัวไหล่น่ากลัวนัก สีหน้าของเขาดูวิตกกังวลมาก จากนั้นใช้ผ้าซับเลือดจากปากแผล ทาทับด้วยยาที่ปรุงจากสมุนไพร แล้วพันรอบๆตัวนางด้วยเศษผ้าขาวสะอาดเซิ่นชิงอดมองนางอย่างเป็นห่วงมิได้ สีหน้าของหยาเอ๋อร์นั้นซีดขาวราวกระดาษ ริมฝีปากซีดสนิท หายใจหอบถี่ทรมานนัก แต่ยังมีเค้าความงามมิเสื่อมคลาย

    พลันเสี่ยวเนี่ยนรีบเดินมาหาเซิ่นชิงแล้วลากนางมาหลังกระท่อมอย่ารวดเร็ว เอามือสองข้างจับดวงหน้าของเซิ่นชิง จ้องตานาง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกกล่าวอย่างรวบรัดตัดตอนว่า
    "ช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่สองวันแต่ขอให้เจ้ารู้ว่าพวกเรารู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูเจ้าเป็นพิเศษ"

    เซิ่นชิงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ยังไม่ทันจะยิงคำถามเขาชิงพูดต่อ

    "อีกไม่นานจะมีคนมาเอาชีวิตครอบครัวข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องพานพบสิ่งนี้" กล่าวจบก็ยัดถุงผ้าเก่าๆคล้องแขนเซิ่นชิงไว้
    บีบมือนางแน่น

    "ทั้งชีวิตข้าเสี่ยวเนี่ยนมีทรัพย์อยู่เพียงน้อยนิด พอจะเป็นทุนให้เจ้าได้ไม่นานนัก แต่จงจำไว้ว่าเมื่อออกจากหมู่บ้านสมุนไพรนี้จงอย่าหวนคืนมาเป็นอันขาด รับปากข้านะ"
    เซิ่นชิงสับสนไปหมดไม่ทราบจะปะติดปะต่อเรื่องราวอย่างไร ยืนถอนหายใจ มองหน้าเสี่ยวเนี่ยนด้วยความเป็นห่วง
    ตอบไปตอบไปอย่างปากตรงกับใจว่า

    "ข้าจะไม่ไปไหน"
    'ไม่ว่าใครที่นางไปอยู่ด้วยล้วนมีอันเป็นไป นางคล้ายเป็นปิศาจใช่หรือไม่'

    "เผียะ"
    เซ่นชิงถึงกับล้มไปกองที่พื้นเสี่ยวเนี่ยนตบหน้านางเข้าเต็มแรง กัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงอำมหิต

    "เจ้าไปเดี๋ยวนี้ และอย่ามาให้ข้าพบหน้าอีก"เสี่ยวเนี่ยนยังกล่าวอย่างไร้เยื่อใย
    เซิ่นชิงกัดฟันด้วยความโกรธ น้ำตาปริ่มขึ้นมาในใบหน้าอย่างที่นางไม่รู้ตัว ค่อยๆพยุงตนลุกขึ้น หันไปมองเสี่ยวเนี่ยนอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่ปรากฏกายในยุคนี้ไม่ว่าผู้ใดที่ดีต่อนางลับหลังก็กลายเป็นศัตรูทั้งนั้น
    "ทำไม....ทำไม" นางพึมพำ น้ำตาเม็ดน้อยอาบแก้มจนเปียกชุ่ม แต่ดวงตาคู่งามยังเปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยวเป็นประกาย เสี่ยวเนี่ยนมิอาจสู้สายตาอันแข็งกร้าวคู่นั้นได้ ตัดใจหยิบแส้ของหยาเอ๋อร์ โบยไปที่เซิ่นชิงนางหาได้วิ่งหนีไม่ แส้เส้นยาวเมื่อฟาดลง เกิดแผลเลือดไหลซึมบนใบหน้าอันผุดผาด แต่มิอาจเทียบได้กับความเจ็บที่หัวใจ เซิ่นชิงตัดใจวิ่งจากไปอย่างหมาจนตรอก...

    นางไม่อาจแบกรับความทุกข์มากไปกว่านี้อีกแล้ว ภาพในอดีตประดังเข้ามาในสมอง วันที่สูญเสียบิดามารดา วันที่พลัดพรากจากเพื่อนพ้อง ความเสียใจ ความผิดหวัง ภาพในไม่กี่วันที่ผ่านมา การถูกตามล่าและหนีอย่างไร้ศักดิ์ศรี
    นับแต่พบเจียงจิ้งฝูชีวิตนางก็ดิ่งลงเหว จู่ๆน้ำตาก็ระเบิดออกมา นับตั้งแต่งานศพบิดามารดามา นางไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายถึงเพียงนี้ เสียงสะอื้นติดอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในเวลานี้นางเขย่ากำไลสัจน์อย่างบ้าคลั่ง

    "เจียงจิ้งฝู ข้าเกลียดเจ้า" เซิ่นชิงตะโกนออกมาด้วยความเจ็บแค้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×