ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่กัด ยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #6 : เดิมพันครั้งใหญ่ ใกล้สารทแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 54


    เซิ่นชิงรีบเดินกำลังภายในต่อไปเพราะรู้ว่าหากหยุดกลางทางต้องสิ้นชีพเพราะธาตุไฟเข้าแทรกแน่ๆ ความร้อนค่อยๆ แผดเผาร่างกายของนางจนเหนื่อยล้า ลมหายใจลึกช้ากลับกลายเป็นหอบถี่เพราะความเหนื่อยอ่อน พลันมีมือข้างหนึ่ง ยื่นมาสกัดจุดตามร่างกาย เซิ่นชิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันที มันคือการเปิดทางเส้นชีพจรทั้ง12นั่นเอง เมื่อเดินกำลังภายในครบสามรอบ นางลืมตาขึ้น
    เป็นครอบครัวพรานป่าแซ่หลิน ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้าที่ลำธารนี้ แต่เพื่ออะไรล่ะ .....
    เซิ่นชิง มองหน้าคนตระกูลหลินอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
    "ขอบคุณพวกท่านมาก แต่จากนี้ข้าคงไปเองได้แล้วล่ะ"
    พูดแล้วก็ลุกยืนขึ้น รู้ว่าร่างกายเบาหวิว สดชื่นกระปรี้กระเปร่า มีกำลังวังชา
    "ขอบคุณท่านลุงสื่อมากเลยนะคะ ทุกคนก็ด้วยข้าลาล่ะ"
    "เราก็ต้องขอบคุณเจ้าเหมือนกัน"ภรรยาของหลินจื้อเอ่ยขึ้น เซิ่นชิงรับฟังอย่างไม่เชื่อหูตนเอง
    "ข้านำอาหารเช้ามาให้เจ้าน่ะ ติดตัวไว้ เดินทางไกลจะได้ไม่อดโซ"ภรรยาของหลินจื้อยื่นอาหารที่ห่อด้วยใบไม้ให้เซิ่นชิงพร้อมกล่าวเชิญชวนให้ทานเลย
    "สะใภ้ข้าทำอาหารอร่อยมาก เจ้าลองทานสิ"หลินสื่อกล่าวเสริม
    "คือ ตอนนี้ข้ายังไม่หิวน่ะ หิวเมื่อไหร่ข้าก็กินเองแหละ"
    "เจ้าต้องทานภายในวันนี้นะเดี๋ยวมันจะเน่าซะก่อน"
    "อื้อ" เซิ่นชิงตอบรับ หลินจื้อมองหน้านางอย่างมีความหมาย
    "ขอให้เจ้าโชคดีนะ"
    "เจ้าก็เหมือนกัน" บังเอิญภาพนี้ไปสะกิดต่อมความหึงหวงของภรรยาเข้าจึงโดนคุมตัวกลับบ้านไปทุกคน เซิ่นชิงหยิบดาบเทพมารขึ้นมาพร้อมก้าวเดินต่อไปปากรำพึงว่า "ชั้นคงอยู่คนเดียวได้แล้วสินะ"
    .............
    ณ บริเวณใกล้กันนั้น
    เจียงจิ้งฝูยังไม่ได้ไปไกลจากที่นั่น เพราะเขารับรู้ถึงพลังที่แผ่ออกมาจาก ดาบเทพมารพิสุทธ์อยู่ตลอดเวลา 'ป่านนี้แม่นั่นจะตายรึยังนะ ถ้าตายก็จริงข้าก็แย่น่ะสิ'
    ตลอดเวลาเกือบ1เดือนที่ผ่านมาเขาตามหานางโดยจับ ไอวิญญาณจากดาบเทพมารพิสุทธ เขารอช้าไม่ได้แล้ว อีกหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นจะถึงวันสารท และถ้าถึงวันสารทเทพเจ้่าตี้กวนจะทำการเปิดประตูนรก เวลานั้นสัตว์ปิศาจจะได้รับพลังมืดและป่าเฟิ่งหลินแห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากขุมนรกดีๆนี่เอง ยิ่งเซิ่นชิงแล้วไม่รู้ว่านางเป็นคนหรือสัตว์ปิศาจแน่ นางอาจจะโดนจัดการไปแล้วก็ได้
    เขายังหาต่อไป ทั้งๆที่ไม่ได้ร่องรอยของนางเพิ่มขึ้นเลย
    .............
    เซิ่นชิงหยิบเข็มทิศมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเข้าเมืองโซ่วชุนที่อยู่ใกล้ป่าเฟิ่งหลินมากที่สุด ทว่าเดินมาได้ระยะหนึ่งเริ่มรู้สึกกดดันเหมือนถูกบางอย่างจ้องมองอยู่ตลอดเวลา  นางหันมองไปรอบกาย ทุกอย่างเงียบสงบ มันต้องเป็นสัตว์ปิศาจแน่ๆ พลันเข็มทิศที่ถือมาเริ่มปั่นเป็นวงกลม รัวจนน่ากลัวว่าจะพัง
    เซิ่นชิงจับดาบไว้มั่น
    "ออกมาเลยนะ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอ เจ้าปิศาจ"
    พลันก็มีเถาวัลย์ขนาดเท่าท่อนขา ห้อยลงมาจากข้างบนต้นไม้ แต่ทำไมมันห้อยลงมาเรื่อยๆแบบนี้ล่ะ เซิ่นแหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ เห็นเถาวัลย์ชนิดเดียวกันพาดอยู่เต็มไปหมดระหว่างต้นไม้ในแถบนี้ พลันนางเหลือบเห็นอะไรบางอย่างคล้ายฝังตัวอยู่ในเนื้อไม้ แต่กิ่งไม้ที่ว่ากลับมีลิ้นสองแฉกออกมา
    'งู!!!!!!!!!!'
    เซิ่นชิงถึงกับร้องไม่ออก เมื่อนางตั้งสติได้รีบวิ่งออกมา แต่ก็ชนกับร่างของคนผู้หนึ่ง
    "เฮ่ย"มันผู้นั้นอุทาน
    เป็นเจียงจิ้งฝูนั่นเอง เซิ่นชิงไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เพราะเขาอาจช่วยนางได้แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นต้องโดนคุมไปสำนักกิเลนดำ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากนั่นเอง เจียงจิ้งฝูตรงเข้ามาปิดปากนางไว้
    "ผ่อนลมหายใจของเจ้าซะ" เซิ่นชิงหายใจไม่ออก หยิก ข่วนเจียงจิ้งฝูให้ปล่อยมือออก เขาลากนางออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
    "เจอแล้ว ยัยตัวแสบ ทำข้าเหนื่อยแทบแย่" เขาพูดพลางมัดข้อมือนางด้วยกำไลสัจน์
    "นี่เจ้าเอาอะไรมาผูกข้าไว้เนี่ย แค่สายสิญจน์ที่พวกนายพรานให้มาข้าก็รำคาญเต็มทนแล้ว"
    "ไหนล่ะ สายสิญจน์ของเจ้า"
    "ก็นี่....อ้าว" ไฉนสายสิญจน์สีขาวบริสุทธ์กลับกลายเป็นแค่กิ่งไม้ธรรมดาเล่า ขณะที่เจียงจิ้งฝูกำลังจะพูดต่อเซิ่นชิงกลับเป็นฝ่ายเอามือขึ้นปิดปากเขา กระซิบว่า
    "จิ้งฝู ข้าสังหรณ์ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งตามข้ามาแต่เมื่อครู่แล้ว"
    เจียงจิ้งฝูแกะมือนางออกกล่าวว่า
    "มันอาจจะเป็นสัตว์ปิศาจที่ต้องการชีวิตเจ้าก็ได้นะ"
    "ข้าคิดว่า ที่มันตามข้ามาคงเป็นเพราะอาหารเช้าของข้าแน่ พรานตระกูลหลินจะเล่นอะไรกับข้าอีก" นางพูดติดตลกแต่เขาหาได้ตลกด้วยไม่
    พูดแล้วนางก็หยิบห่อใบไม้ขึ้นมาแกะ จิ้งฝูมองดูอย่างสนใจ
    แต่แล้วกลับกลายเป็นหน้าเผือด เพราะ อาหารที่ห่อมานั้นกลายเป็นลูกงูขนาดจิ๋วกำลังฟักออกจากไข่!!!
    พลันร่างของตระกูลพรานแซ่หลินก็มาปรากฏพร้อมกันทั้ง5คน เซิ่นชิงตกใจจนหน้าซีด ล้มพับลงทันที
    "จิ้งฝูไปเร็ว คนพวกนี้อันตราย ข้า...ขาขยับไม่ได้"
    ยังไม่ทันพูดจบเจียงจิ้งฝูก็คว้ามือของเซิ่นชิงหนีไปพร้อมหอบดาบและกระบี่ทั้งหลาย เซิ่นชิงรู้สึกแสบร้อนไปทั้งครึ่งตัวช่วงล่างราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงลงมาพร้อมกัน จนไม่อาจก้าวขาตามจิ้งฝูต่อไปได้ แต่หันหลังกลับไปก็ขวัญผวาเพราะสมาชิกครอบครัวหลินทั้ง5มีท่อนล่างเป็นงูไปเรียนร้อยแล้ว ดวงตาของพวกเขาเป็นสีเขียวขุ่น ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป เลื้อยตามคนทั้งสองมาอย่างรวดเร็ว เจียงจิ้งฝูตัดสินใจใช้วิชาปราบมาร หยิบแผ่นยันต์ออกมาแปะไว้ที่ ต้นไม้ทั้ง4ทิศ แล้วร่ายมนต์อัญเชิญเงาแห่งสัตว์เทพกิเลนดำให้ปกป้องพวกเขาด้วย เซิ่นชิงที่ขณะนี้เจ็บทรมานอย่างยิ่งมองเห็นงูทั้ง5ไม่สามารถทะลุเงากิเลนเข้ามาได้ก็เริ่มอุ่นใจ แต่ความเจ็บมันเริ่มไม่ได้อยู่ที่ขาอย่างเดียวซะแล้ว มันปวดระบมไปทุกร่าง ขณะที่เจียงจิ้งฝูมองนางอย่ากังวล พลันเกิดความคิดไปถอดรองเท้าของเซิ่นชิงออกแล้วเขาก็จกตะลึง เพราะ ผิวนวลขาวของนางมีรอยคล้ายเกล็ดงูปรากฏทั้งเริ่มขยายออก ทั้งดวงตาของนางเล่ากลับกลายเป็นสีเขียวหม่น ราวกับจะกลายเป็นงู เมื่อได้คิดจึงผลักนางพิงกับต้นไม้ จากนั้นใช้แผ่นยันต์พันตามตัวนาง ตอนนี้เซิ่นชิงกรีดร้องอย่างโหยหวน พวกงูแซ่หลินคล้ายกับรู้ว่ามนต์เสื่อมลงพยายามจะเข้ามาในเงากิเลน
    "เจ้า เจ้าจะทำอะไรข้า.."
    "อยู่เฉยๆเถอะ" เจียงจิ้งฝูกล่าวเสียงเข้ม แล้วใช้มือต่อยลงไปที่ท้องของเซิ่นชิงเต็มแรง จนนาง'จุก'และเริ่มสงบลง ไม่กรีดร้องแต่ครางออกมาอย่างเจ็บปวด
    "ข้าขอโทษที่ใช้วิธีนี้ แต่มันเป็นวิธีเดียว" ว่าแล้วก็ต่อยไปที่ท้องของเซิ่นชิงอีกครั้ง ครานี้นางลงไปดิ้นเร่าๆกับพื้นอย่าทุรนทุราย แล้วสำรอกเป็นงูเป็นๆตัวหนึ่งออกมา ด้วยสีหน้าสยดสยอง งูตัวนั้นดิ้นอย่างทรมานราวกับโดนสาดน้ำร้อน  เมื่อมันดิ้นไปถูกโคนต้นไม้ที่แปะยันต์ไว้ก็สลายไปทันที นอกเงากิเลน เหลือเพียงหลินสื่อในร่างงู ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น จ้องมองเซิ่นชิงอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
    "เจ้าไม่ได้ตายดีแน่"
    แต่นางอ่อนเพลียมาก ยิ่งเหตุการณ์เมื่อครู่ทำเอาช็อคไปเลยทีเดียว ตอนนี้นางมองไปที่หลินสื่ออย่าเลื่อนลอย พลันเงากิเลนดำเริ่มเสื่อมพลังลงจนสลายไปในที่สุด หลินสื่อไม่รอช้าพลังเกราะเข้ามาหมายจะเอาชีวิตเซิ่นชิง
    เจียงจิ้งฝูเห็นว่าไม่ทันการณ์ ช้อนร่างเซิ่นชิงขึ้นอุ้มแล้วโยนนางขึ้นไปบนอากาศ เป็นจังหวะเดียวกับที่หลินสื่อที่กลายเป็นงูทั้งร่าง ใช้ปากฉกลงมาพอดี ชายหนุ่มไม่รอช้า คว้าดาบเทพมารพิสุทธที่เซิ่นชิงติดตัวมายัดเข้าไว้ในช่องปากของูยักษ์ ซ้ำยังแปะแผ่นยันต์เข้าไป งูยักษ์ดิ้นทุรนทุรายราวกับร้องขอชีวิต แต่ยิ่งดินดามยิ่งฝังลึก จนกระทั่งดาบได้แทงทะลุช่วงปาก งูหลินสื่อขาดใจตายทันที เจียงจิ้งฝูหาได้สนใจภาพตรงหน้าไม่ เขารวบรวมกำลังภายใน แล้วกระโดดขึ้นไปในท่าถีบทะยานเมฆา รับเซิ่นชิงที่กำลังตกลงมา แล้วไปจากบริเวณนั้นทันที

    ในยามเย็น แสงอาทิตย์เริ่มปลี่ยนเป็นสีส้มทั้งลดความสว่างจ้าลง กลายเป็นแสงที่อบอุ่นไม่แพ้รุ่งอรุณ เซิ่นชิงไม่ได้อบอุ่นใจเลย เหตุการณ์เมื่อวาน ทำให้นางทานอะไรไม่ลงมาหนึ่งวันเต็มๆแล้ว วงหน้ายังคงซีดขาว ดวงตาที่เคยเป็นประกายกลับกลายเป็นเลื่อนลอย มองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย คล้ายคนหมดอาลัยตายอยาก
    "เฮ่อ.. มันผ่านไปแล้วเจ้าก็อย่าคิดถึงมันอีกซี่" เสียงชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้น นางหาได้ใส่ใจไม่
    "เจ้ากลายเป็นคนเบื่อโลกไปเลยนะ เล่นกับข้าหน่อยสิ"ว่าแล้วก็หยิบเชือกขึ้นมาทำให้เคลื่อนไหวเหมือนงู เท่านั้นแหละ เซิ่นชิงก็หน้าถอดสี
    "กรี๊ดดดด อีตาบ้า เอามันไปไกลๆเลยนะ ตอนนี้ข้าเกลียดมันที่สุด อย่าพูดถึงมันอีก"
    "ช่วยไม่ได้ เจ้าไม่เลือกข้า หนีไปเจองูเอง ฮะๆ"
    เซิ่นชิงมองหน้าเจียงจิ้งฝูอย่างหมั่นไส้
    "เจ้าน่าเลือกตายล่ะ วันๆเอาแต่หนี ข้าไม่เคยเห็นเจ้าต่อสู้เลย"
    เจียงจิ้งฝูเจอสวนไปถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลง
    "โถ่ๆ แค่แกว่งดาบไม่กี่ครั้งเรียกว่าสู้เป็นได้อย่างไร"เซิ่นชิงคิดอยากประเมินฝีมือของตนว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว จึงลุกพรวดขึ้น
    "มาสิ งั้นมาเจอกันเลย"  นางกล่าวด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องแต่สำหรับเจียงจิ้งฝูนั้นเป็นสีหน้าที่เย้ายวนนัก เขาเองก็นึกสนุกจึงหยิบกระบี่ของตนขึ้นมา แต่นางกลับเอ่ยตัดขึ้นมาว่า
    " จิ้งฝู เจ้าเห็นดาบข้ามั้ย"
    "นี่เจ้า ไม่ต้องมาทำขี้ขลาด บอกว่าอาวุธไม่ครบมือเลยนะ"
    "ข้าจำได้ว่าเจ้าแย่งดาบจากมือข้าไป"
    "ดาบเก่าๆนั่นข้าจะแย่งเจ้าไปทำไม..." เขาเว้นช่วง แล้วทำสีหน้าครุ่นคิดจงใจให้นางหมั่นไส้ กล่าวต่อว่า
    "อ้อ รู้แล้วข้าเอาไปยัดปากงูยักษ์ที่เสกงูเข้าท้องเจ้า"จิ้งฝูกล่าวพร้อมปรายตาไปที่นาง
    "หนอย.... ไอ้บ้านี่จะหาเรื่องข้าให้ได้เลยใช่มั้ย ไปตายซะไป" เซิ่นชิงวิ่งไล่เจียงจิ้งฝู แต่ก็ไล่ไม่ทันทั้งสองวิ่งไล่ราวกับเด็กหยอกล้อกัน จบลงด้วยการไปจับปลาที่ริมลำธาร มาทำอาหารเย็น เจียงจิ้งฝูจับปลาได้เก่งมากเซิ่นชิงแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็มีอาหารทานแล้ว
    "สำนักของเจ้าเค้าสอนวิธีหาปลา จุดไฟ ด้วยหรอเนี่ย"
    "ของแบบนี้ มันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วล่ะ เห็นเจ้าทานอาหารลงข้าค่อยสบายใจหน่อย"
    "ฮะ เจ้าพูดว่าไงนะ"เซิ่นชิงแทบไม่เชื่อหูตนเอง เจียงจิ้งฝูรู้สึกเขินกับสิ่งที่กล่าวออกไป ชายหนุ่มหันไปทางอื่น
    "ก็.. ไม่มีอะไรหรอก " เขาทำเป็นก้มหน้าก้มตาแทะปลา ที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆ
    'ชิ.. ซึน'เซิ่นชิงคิดแล้วเบ้ปาก หันไปมองอย่างหมั่นไส้

    ในราตรีอันสงัด เซิ่นชิงมิอาจนอนหลับได้เลย ตั้งแต่นางสำรอกงูออกมา กลับได้ยินเสียงเพรียกถี่ขึ้นๆ
    ยิ่งรู้สึกกลัวสิ่งที่รอนางอยู่ในหุบเขาจางเจียซานมากขึ้นทุกที
    'ข้าจะต้องเป็นบ้าก่อนไปถึงสำนักกิเลนดำแหงๆ'
    นางจึงปลุกเจียงจิ้งฝูให้อยู่เป็นเพื่อนคุย แต่เขาลุกขึ้นแล้วจัดแจงเสื้อผ้าแถมยังทำท่าเก็บข้าวของ
    "นี่เจ้าจะไปไหนน่ะ"
    " ออกเดินทางไง ไปกันเถอะ"
    "จะบ้าเรอะ ดึกขนาดนี้มีแต่สัตว์ร้ายเต็มไปหมด ข้ากลัวอดีตจะซ้ำรอย" เซิ่นชิงบ่นอุบ
    "ยังไงเราก็ต้องไปก่อนฟ้าสางอยู่ดี" ชายหนุ่มพูดพร้อมเตรียมสัมภาระเสร็จสรรพ
    "ข้าไม่ไปล่ะ ข้าง่วงมาก" เซิ่นชิงกล่าวต่อ
    "งั้นก็อยู่ที่นี่ไปเถอะ" เขามองเซิ่นชิงแล้วหัวเราะออกมา
    "เจ้าหัวเราะอะไร"
    "เปล่า แค่คิดว่าหากเจ้าโดนปิศาจอย่างอื่นเข้าสิง อย่างเช่น กระต่าย คงจะอ้วนกลมน่าจับลงหม้อจริงๆ"
    "โห ถ้าข้าโดนทำร้ายยังจะจับข้ากินอีก เจ้านี่มันมารชัดๆ"
    "ข้าไปล่ะ อยู่ตรงนั้นระวังมีตัวอะไรมาลากไปอีกนะ"
    "เฮ้ยเจ้าบ้า รอข้าด้วยสิ"
    เซิ่นชิงวิ่งตามเจียงจิ้งฝูไปอย่างรวดเร็ว เจียงจิ้งฝูมองนางอย่างเอ็นดู แต่ก็แอบหวั่นเหมือนกันเพราะเขาเริ่มมั่นใจอะไรบางอย่างแล้ว
    ทั้งสองคนเดินไปคุยไป เจียงจิ้งฝูถือคบไฟเดินนำหน้า เซิ่นชิงเดินตามมาอย่างไม่เต็มใจนักเอ่ยว่า
    "เจ้าไม่กลัวปิศาจรึไง ถึงได้เดินทางกลางดึกแบบนี้" เจียงจิ้งฝูทำหน้าขึงขัง ตอบไปว่า
    "แต่แรกข้ามีแผนว่าหลังจากเจอเจ้าจะรีบเดินทางไปหุบเขาเจียงเจียซาน ภายในเวลา1เดือน แต่ว่าเจ้าเล่นหายตัวไป3อาทิตย์ทำให้เราแทบไม่มีเวลาเหลือ"
    "ทำไมเจ้าถึงรีบนักล่ะ อาจารย์ของเจ้าจะรอพวกเราอีกหน่อยไม่ได้เลยหรือ"
    "เจ้ารู้จักประเพณีสารทหรือไม่"
    "ข้าพอรู้ เป็นประเพณีที่ลูกหลานต้องทำบุญให้บรรพบุรุษไง แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย"
    "เจ้าไม่รู้อะไรเลยต่างหาก อันที่จริงวันสารทเป็นช่วงเวลาที่ เทพเจ้าจะทำการเปิดประตูนรกให้วิญญาณทั้งหลายได้ออกมา หาเครือญาติ สำหรับป่าเฟิ่งหลินแห่งนี้สัตว์ปิศาจไม่มีคำว่าญาติหรอก พวกมันจะรับพลังมืดจากสัตว์นรกเหล่านั้นแล้วออกอาละวาด ทำสงครามกันเอง มันจะแข็งแกร่งแม้เป็นกลางวันแสกๆ"
    "แต่ในยุคของข้าประเพณีสารทมีตลอดทั้งเดือน ไม่ทราบว่ายุคนี้จะยาวนานเหมือนกันหรือไม่"
    "ถูกต้องเวลาสารทจะเรื่มจากขึ้น1ค่ำจวบจนแรม15ค่ำของเดือนสิบ ในเวลาที่อันตรายนั้นพวกเราจะต้องรอดชีวิตไปให้ได้" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังเอาจริงนัย์ตาของเขาสะท้อนกับคบเพลิงคล้ายมีไฟลุกโชติช่วง ไม่ทราบว่าเซิ่นชิงคิดไปเองหรือไม่ ท่าทางของเจียงจิ้งฝูช่างองอาจสง่างามต่างไปจากจอมขี้ขลาดที่เธอรู้จักราวฟ้ากับดิน แต่พลันสีหน้านางก็เปลี่ยนเป็นกังวลกล่าวว่า
    "แต่เจ้าลองคิดดูสิ เราเหลือเวลาแค่ 7 วัน ออกไปจากที่นี่ไม่ทันอยู่แล้ว ข้าเกรงว่า....."
    "นี่ก็คือเหตุผล เราไม่มีเวลาแล้ว ข้าได้ยินมาว่าในป่าเฟิ่งหลินมีดินแดนบริสุทธ์แห่งหนึ่ง ที่ถูกปกครองโดยเทพเจ้าตี้กวน กล่าวกันว่าไม่เคยมีสิ่งชั่วร้ายปรากฏอยู่ที่นั่นได้เลย" เซิ่นชิงโพล่งออกมาทันที
    "งั้นเราก็ปลอดภัยแล้วล่ะ" เจียงจิ้งฝูฉงนในคำพูดของนางนัก
    "เจ้าหมายความว่าไง"
    "ตอนที่ข้าหนีเจ้าไป ข้าพบนครโบราณมีแสงสุกสกาวยามค่ำคืนมันอาจจะเป็นที่นั่น..."
    "ไม่แน่ อาจจะเป็นเมืองเนรมิตของภูติผีก็ได้ ถ้าเป็นแดนศักดิ์สิทธ์ จริงจะต้องมีตำหนักไท่หยวนของ ตี้กวน " ได้ยินเช่นนั้นเซิ่นชิงโห่ร้องด้วยความยินดี
    "มีสิ ต้องใช่ที่นั่นแน่ๆ เจ้าตามข้ามาเลย" กล่าวจบนางก็ใช้มือเรียวยาว แย่งโคมไฟมาจากเจียงจิ้งฝูแล้วนำทางไปทิศที่นางสัมผัสพลังแห่งเมืองลี้ลับได้ เจียงจิ้งฝูเดินตามไปโดยดี เมื่อถึงยามใกล้รุ่งนางกลับหาพื้นที่เรียบๆล้มตัวลงนอน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มีแผนการณ์
    "อย่าเล่นสิ เราจะไปไม่ทันเวลา" เจียงจิ้งฝูกล่าวอย่างโมโห เซิ่นชิง กระชากเสื้อคลุมของชายหนุ่มให้นั่งข้างๆนาง แล้วโน้มใบหน้าอันงามงอนเข้าไปหา ริมฝีปากของนางกับใบหูของเขาแทบจะชนกันอยู่แล้ว เจียงจิ้งฝูรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูกใบหน้าของเขาร้อนผ่าว  นางกล่าวว่า
    "เจ้าฟังข้านะ ข้าสัมผัสถึงพลังของเมืองนั้นได้ จากที่นี่เดินไปเพียงวันเดียว หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ"
    ประโยคสุดท้ายช่างเป็นน้ำเสียงที่ยั่วยวนนัก ไม่ว่าอย่างไรเขาเริ่มสงสัยว่านางมีพฤติการณ์คล้ายปิศาจที่ใช้มารยาล่อลวงชายมานักต่อนัก แต่ยังแค่นหัวเราะออกมากล่าวด้วยเสียงที่จะพยายามทำให้ไม่สั่นว่า
    "กะแล้ว ว่าตั้งแต่ข้าพบเจ้าครั้งใหม่เจ้าไม่เหมือนเดิม คงจะกลายเป็นปิศาจไปแล้ว คิดว่าข้ากลัวเจ้าเรอะ" เขาพูดพลางทำเป็นชักกระบี่ เซิ่นชิงยิ้มที่มุมปาก ลุกพรวดขึ้นจับแขนของเจียงจิ้งฝูแล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา เจียงจิ้งฝูขนลุกซู่
    "เอามือโสโครกออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้" เขาร้องเสียงหลง
    คิดว่าตนโดนหลอกเข้าแล้ว เซิ่นชิงยังยิ้มอย่างเย้ายวน ครานี้นางใช้มือลูบใบหน้าของเจียงจิ้งฝูขณะเดียวกันก็ใช้คบไฟค่อยหย่อนให้ไฟลามไปเผาย่ามของเขาอย่างที่ไม่รู้ตัว พลันยิ้มอย่างไร้เดียงสา กล่าวว่า
    "ปิศาจกิ๊กก๊อกอย่างข้า ก็หลอกได้แค่เจ้าแหละ ฮะๆๆๆ"
    นางหัวเราะเสียงเจื้อยแจ้วแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เจียงจิ้งฝู เพิ่งรู้ว่าตนโดนต้มซะเปื่อย
    "กลับมาเดี๋ยวนี้นะยัยตัวแสบ" แต่แล้วเหลือบเห็นเปลวไฟลุกไหม้ย่ามของตนอย่างโชติช่วง มองตามทิศที่นางวิ่งไปอย่างโกรธแค้น ได้แต่ใช้เท้ากระทืบให้ไฟมอดลง กว่าไฟจะดับก็เช้าเสียแล้ว แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออก  
    อย่างไรเขาได้ใส่กำไลสัจน์ให้นางไปแล้ว นางไม่มีทางถอดมันได้
    'ไม่ต้องห่วงนะยัยตัวแสบ วันนี้พรุ่งนี้ข้าจับเจ้าได้แน่' เขายิ้มมีเลศนัย และหลับไปอย่างสบายใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×