ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่กัด ยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #5 : คนประหลาดแห่งเฟิ่งหลิน

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 54


    หุบเขาเจียงเจียซาน ถังหลงประมุขพรรคกิเลนดำซึ่งในอดีต เคยโด่งดังเป็นที่น่าเกรงขาม บัดนี้กลับเป็น'ผู้ไร้ความสามารถ'นอนรอความตาย อย่างสิ้นหวัง จริงอยู่ด้วยวัยเจ็ดสิบเศษสำหรับผู้มีปราณแข็งแกร่งย่อมทำให้เขาดูเยาว์ได้อย่างง่ายดาย หากแต่โรคประหลาดที่เผชิญอยู่คล้ายชะตาเล่นตลก โรคร้ายนี้คล้ายกับปราณแปดทิศที่เขาคิดขึ้นมาทำร้ายตนเอง กล่าวคือ ร่างกายของเขารุ่มร้อนขึ้นทุกวี่ทุกวัน นัยน์ตาร้องผ่าว แก้มตอบลง ขอบตาเริ่มบุ๋มลึก  กล้ามเนื้อลีบ กำลังวังชาที่มีหายไปหมดสิ้น มีเพียงลมหายใจแผ่วๆ ที่บ่งชี้การมีชีวิตอยู่เท่านั้น ขณะที่ของใช้ทุกอย่างที่อยู่รอบเตียง ที่เก่าก็กลับดูใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น มีเสียงกระซิบของมันผู้นั้น มันผู้น่าจะจบชีวิตไปตั้งแต่สามสิบปีที่แล้ว เฝ้าเพรียกหาสตรีนางเดียวเพียงหนึ่งนาง นางที่เป็นความฝันของเขาและมัน เสียงเพรียกดังขึ้นทุกวันๆ จนถังหลงแทบจะกลายเป็นบ้า
    'เซิ่นชิง... ข้ารักเจ้าเหลือเกิน ไป๋เซิ่นชิง ข้ารอเจ้ามานานมากแล้ว.. เจ้าคือดวงใจของข้า เซิ่นชิง.... ' เสียงที่ดังขึ้นในหัวช่างโหยหวนนัก ถังหลงถึงกลับกรีดรองด้วยความเจ็บปวด ที่ร่างกายไม่สามารถต่อต้านการครอบงำของอีกฝ่ายได้
    ศิษย์ผู้ดูแลวิ่งมาดูด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
    "ท่านประมุข" แต่หามีเสียงตอบกลับมาไม่ จากร่างที่แทบจะไร้วิญญาณนั้นมีเพียงเสียงเพรียกหานางผู้หนึ่ง 'เซิ่นชิง'
    ...............
    "เฮ้ยยยย" เซิ่นชิงอุทาน พร้อมตื่นขึ้นอย่างตกใจสุดขีด กับฝันร้ายสุดๆของเธอ 'ทำไมถึงฝันถึงวันที่เจอนายนี่นะ ใครเรียกฉันเนี่ย ตาแก่นั่นด้วย รึว่าจะเป็นถังหลง'
    หญิงสาวคิดในใจ ว่าแล้วก็มองหาเจียงจิ้งฝู พบเขานอนโดยมีอิงหยูตัวแสบซบไหล่ ท่าทางจะเหนื่อยจนหมดแรง เซิ่งชิงรู้สึกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เป็นไปได้ไหม หากฝันเมื่อครู่เป็นความจริง ถ้าคนที่เรียกให้เธอมาที่นี่คือถังหลงแล้วเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ ไม่ว่ายังไงถ้าถูกบังคับให้เดินทางไปถึงสำนักกิเลนดำเมื่อไหร่ชีวิตเธอคงจะจบสิ้น ถึงแม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับวิธีกลับยุคของเธอเพียงวิธีเดียวเธอก็ไม่กล้าเสี่ยง เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงหยิบดาบเทพมารพิสุทธ์ จากเจียงจิ้งฝูแล้วย่องออกไปอย่างเงียบๆ
    'ลาก่อน หวังว่าเจ้าจะหาข้าไม่เจอนะ' แล้วก็ก้าวออกไปอย่าไม่ไยดี สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือหนีไปจากที่นี่ เซิ่นชิงก็เปิดไฟฉายจากมือถือที่มีแบตเตอรี่อยู่น้อยนิด เดินไปตามทิศของดาวเหนือ ป่าเฟิ่งหลินที่ดูน่ากลัวก็คล้ายข่มขวัญเธอด้วยการมีเสียงสัตว์ร้ายคำรามออกมาไม่หยุด แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ เธอเดินฝ่าหนามไป จนขาสองข้างถลอกไปหมด โชคดีมากที่พบสัตว์ร้ายที่ไม่คณามือนัก แค่เหวี่ยงดาบแบบไม่มีพื้นฐานก็จัดการได้แล้ว มันง่ายซะจนเธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เมื่อเห็นบริเวณเนินเขาที่มีทิวทัศน์เห็นนครอันสุกสกาวด้วยแสงไฟ เธอรู้สึกปลอดภัยนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุข คิดถึงเรื่องที่จะต้องทำต่อในวันพรุ่งนี้ แล้วก็โน้มตัวพิงต้นไม้แล้วหลับไปอย่างสบายใจที่อย่างน้อยปัญหาก็หลุดไปหนึ่งเปาะ
    แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ ขณะที่เธอหลับไปดาบเทพมารพิสุทธ์ที่เคยหม่นหมองก็กลับมีแสงเรืองรองราวกับปิติยินดีที่มีผู้ครอบครอง....
    ................
    "ยัยตัวแสบ เจ้าอยู่ไหน"
    "ออกมานี่ เซิ่นชิง"
    "เซิ่นชิงเจ้าอย่าหลบข้านะ"
    "เจ้าอย่าหลบข้าสิ เซิ่นชิง"
    เสียงเรียกของอิงหยูและเจียงจิ้งฝูดังก้องไปทั่วลำธารแต่ เซิ่นชิงหาได้ยินไม่ เพราะนางได้เดินทางไปไกลแล้ว
    "โธ่ พี่จิ้งฝู ทำไมท่านไม่เฝ้านางให้ดี ปล่อยให้หนีไปได้ยังไง"
    "เจ้าก็เหมือนกัน นอนก็เยอะกว่าข้า แล้วไม่อยู่เฝ้านางตอนกลางคืนล่ะ"
    "ข้าก็ซบท่านอยู่ด้วยกันนี่ไง" อิงหยูตอบด้วยท่าทางยั่วยวนแต่เจียงจิ้งฝูไม่เล่นด้วย
    "ถ้าเจ้าไม่เจอข้าเซิ่นชิงก็คงไม่หนีไปหรอก"เจียงจิ้งฝูพูดเปรยๆขึ้น
    "พี่เจียงนี่ท่านกำลังต่อว่าข้าอยู่นะ ข้าไม่เคยเห็นท่านเป็นแบบนี้ ท่านไม่รับรักข้าที่อุตส่าห์ตามท่านมาหรือไร"
    "อิงหยู เจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่อันตราย"
    "ท่านตอบไม่ตรงคำถาม" เจียงจิ้งฝูถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับเด็กสาว กล่าวว่า
    "เรามันเป็นแค่อดีต เจ้ากลับไปเถอะ การมาของเจ้ามันไม่มีความหมายกับข้าเลย"
    อิงหยูกระทืบเท้าเร่าๆ หยดน้ำตาใสๆนองหน้า เดินกระทบไหล่จิ้งฝูแล้วจากไป เขาคิดกับนางแค่พี่น้องจริงอยู่ที่อิงหยูเป็นเด็กขี้เหงาจึงคิดกับเขาไปไกล เขาไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด
    แต่ตอนนี้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขาท่าจะหนักกว่า เพราะเซิ่นชิงที่เขาต้องคุมตัวไปพรรคกิเลนดำหายไปพร้อมกับดาบเทพมารพิสุทธ์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นแน่
    ...............
    เซิ่นชิงลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงเรียกนั่นอีกแล้ว เมื่อลืมตาเธอพบกับนายพรานสองพ่อลูก ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทั้งมีอาวุธครบมือ
    "เอ่อ หวังว่าคงไม่จับข้าไปหรอกนะ แหะๆ" เธอหัวเราะแบบฝืดๆ
    พรานผู้พ่อเอ่ยขึ้น"เจ้าปิศาจชั่ว ข้าปล่อยเจ้าไม่ได้แล้ว"
    "อย่าน้าาาา"
    พูดพลางนำเชือกคล้ายสายสิญจน์พันตัวนางไว้ พรานผู้เป็นลูกก็ช่วยอีกแรง
    "เฮ้ย พวกเจ้าจะทำอะไรข้า ข้าเป็นคนนะ ปล่อยข้าสิ" หญิงสาวดิ้น แต่สลัดไม่หลุดซักที
    "โอม มาดริโอม โอม มาดริโอม โอม......" พรานทั้งสองตั้งใจสวดอย่างยิ่ง แต่เซิ่นชิงกลับงงหนักกว่าเดิม เชือกค่อยๆรัดคอนางขณะที่ดิ้นแรงขึ้น
    "ปะ.. ปล่อยข้า ข้าไม่ใช่ปิศาจ เชื่อข้าเถอะ" นางเอ่ยวิงวอน พรานผู้พ่อเหลือบมองขณะที่ปล่อยลูกสวดคาถาให้เชือกรัดคอนางต่อไป จนตาเหลือก แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตนกำลังจะฆ่าคนธรรมดาๆตาย พลันรีบสั่งให้บุตรหยุดสวดคาถา  และขอโทษเซิ่นชิง
    "ข้าชื่อ หลินสื่อ นี่ลูกชายข้า หลินจื้อ ขอโทษที่พวกข้าพลั้งมือทำร้ายเจ้า"
    "ข้าไม่ถือหรอกข้าทำตัวประหลาดเอง ข้าชื่อเซิ่นชิง บังเอิญข้าหลงทางน่ะ"
    "แล้วแม่นางมาจากไหนรึ"
    "ข้า"เซิ่นชิง กัดฟันด้วยความรันทด "ข้าถูกลักพาตัวมา..จากคนที่ต้องการชีวิตข้า ข้าจึงหนีมา ข้า... ข้าไม่รู้จะไปไหนแล้ว"
    "ท่านพ่อ.." พรานหนุ่มมองไปยังบิดาเป็นเชิงถามความเห็น
    "เจ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนนางเถอะ ข้ากลับไปรอที่บ้านละกันนะ"
    เมื่ออยู่กับพรานหนุ่มตามลำพัง เซิ่นชิงชิงเอ่ยปากก่อน"ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า ขอให้เจ้าช่วยข้า ข้าจะได้ไม่เจ็บตัวเปล่าๆ"
    ชายหนุ่มมองหน้านาง ผายมือออกเชิญให้พูดต่อ"ข้าอยากให้เจ้าสอนวิชากำลังภายในให้ข้า" เซิ่นชิงพูดและมองจ้องเข้าไปในตาหลินจื้อ แววตาวิงวอนและจริงจังอยู่ในที ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอึ้งๆคิดไม่ถึงว่านางจะพูดตรงขนาดนี้
    "ฮ่าๆ ดีมาก ...  เมื่อเจ้ามีความตั้งใจถึงเพียงนี้ข้าก็จะสอนให้" เสียงของพรานผู้พ่อดังมาจากด้านหลัง เซิ่นชิงดีใจมาก ในที่สุดเธอก็จะได้วิชาไปป้องกันตัวกับเขาซะที อะไรจะง่ายดายปานนี้ เธอไม่ได้สนใจมันมากนัก หลินจื้อแค่ได้ยินก็หน้าถอดสี พยายามจะย่องหนี
    "จื้อเอ๋อร์ เจ้าต้องฝึกเป็นเพื่อนนางด้วย"
    เขากลืนน้ำลายดังเอื้อก คิดในใจว่า แม่นางผู้นี้โชคร้ายเสียแล้ว
    *******
    เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนทีเดียวที่เซิ่นชิงต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวพรานป่าแซ่หลิน โดยอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ซึ่งมี พ่อ แม่ ลูก เมียลูกและหลาน อยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนแต่งตัวแบบชุดจีนโบราณ ดูออกซอมซ่อ ที่ข้อมือผูกสายสิญจน์ระโยงระยาง ราวกับเครื่องประดับ  ทุกเช้าเธอจะต้องเข้าไปฝึกวิชากับสองพ่อลูกที่น้ำตก บ่ายก็ออกไปดูทักษะการใช้อาวุธของพรานทั้งสอง พูดง่ายๆ ไปเป็นเบ๊เก็บของนั่นแหละ เธอไม่ค่อยอยากอยู่ในกระท่อมเท่าใดนักเพราะไม่อยากมีปากเสียงกับ ภรรยาของหลินจื้อที่อารมณ์ร้ายสุดๆ
    ในช่วงเวลาสั้นๆ เซิ่นชิงคิดว่าตนเริ่มมีวิชาพอไปป่าภายนอกได้แล้ว ขาดแค่ประสบการณ์เท่านั้น จึงเอ่ยปากกับทุกคนในบ้านว่าตนจะไปจากที่นี่ แต่คราวนี้เธอมีอุปกรณ์พร้อมลุย ทั้งยังเปลี่ยนมาใส่ชุดจอมยุทธ์ให้เข้ากับยุคสมัย
    "เจ้าจะไปที่ใดได้เล่า เจ้าจะไปจากที่นี่เพื่ออะไร"
    "ข้ารบกวนครอบครัวท่านมามากแล้ว"
    "พวกเราไม่เคยรังเกียจเจ้าเลยนะ" คำพูดของหลินจือทำให้เซิ่นชิงน้ำตาริ้น แต่ที่นางอยู่ต่อไปไม่ได้เพราะเสียงที่เรียกนางมันดังขึ้นทุกทีทั้งยังเห็นภาพนครโบราณเดียวกับวันแรกที่มาถึงอยู่บ่อยๆ ทั้งที่เธออยู่กลางป่าและไม่มีใครเห็นมันเหมือนเธอเลย
    หรือเธอมีพลังพิเศษที่ไม่เหมือนคนทั่วไป แต่ก็ไม่กล้าบอกใครเพราะครอบครัวนี้กลัวสัตว์ปิศาจกันมากเหลือเกิน
    "ข้าขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แม้จะเป็นเวลาสั้นๆแต่ตระกูลของท่านช่วยทำให้ข้าเกิดใหม่จริงๆ" ทุกคนในครอบครัวมองหน้ากันอย่างสลด หลินสื่อหัวหน้าครอบครัว ยิ้มให้เซิ่นชิงเป็นเชิงบอกลา แล้วก็ปลีกตัวไปเงียบๆ
    เมื่อร่ำลากันเสร็จเซิ่นชิงก็ออกเดินทางจากบ้านในยามเช้านางกลัวเวลากลางคืนเป็นที่สุดนครลึกลับนั่นคล้ายกับจะดูดนางเข้าไปอยู่เรื่อย
    เมื่อมาถึงที่ลำธารแห่งหนึ่งอากาศในยามเช้ามันชวนให้นั่งลงพักเหลือเกิน เซิ่นชิงลองฝึกเดินกำลังภายในดู นางนั่งลง ทำใจให้สงบนิ่ง เริ่มไล่พลังตามเส้นชีพจรทั้ง12เส้นที่ได้เล่าเรียนมา แท้จริงแล้วเส้นชีพจรนั้นมีทั้งหมดถึง15เส้น แต่อีก3เส้นต้องสำเร็จกำลังภายในขั้นสูงเท่านั้นจึงจะควบคุมได้  ลมหายใจของนางเริ่มลึก ช้า และแผ่วเบา ยากที่คนธรรมดาจะรู้สึกได้ พลันนางรู้สึกเหมือนมีความร้อนเกิดขึ้นระหว่างช่องท้องมันคือกำลังภายในอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความลิงโลด ทำให้สมาธิหลุดไปกำลังภายในขาดช่วง ร่างกายเกิดความร้อนขึ้นมากไม่สามารถถ่ายเทออกไป ทำให้นางแทบจะทนไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้วิธีเปิดจุดชีพจรให้กำลังภายในโคจรไปทั่วร่าง เหงื่อหลายเม็ดผุดตามใบหน้านาง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×