คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เที่ยว
*บทที่ 3 เที่ยว*
ทั้งคู่แวะที่ร้านขายไม้คทาใกล้ๆที่พัก ทั้งคู่เดินเข้าไป ภายในร้านเต็มไปด้วยคาจำนวนมากมาย เธอกวาดตาดูคทาในร้านอย่างทึ่งๆในจำนวนอันมหาศาลของมัน ราคาของคทาก็มีตั้งแต่ 250 คราวน์ไปจนถึง 20,000 คราวน์เลยทีเดียว เธอเดินดูไปดูมา สายตาก็ไปสะดุดกับคทาสั้นๆอันหนึ่งสีน้ำตาลแก่ๆ ตัวไม้ทำจากไม่ซีเดียสในแอเรียส ลงอักขระโดยแม่มดสโนว์แลนด์ พู่ทำด้วยขนหางนกฟีนิกซ์ ลูกแก้วหลอมจากโรมัน ราคา 5,000 คราวน์ เธอเห็นว่าดีแล้วและกำลังจะไปจ่ายเงินแต่ก็มีใครจับที่ข้อมือเธอทันที! นายพรีสท์หน้าตายกัสนั่นเอง!!!เขาคว้าไม้คทาในมือเธอโดยที่มืออีกข้างหนึ่งก็ยังไม่ปล่อยจากข้อมือเธอ เขาชั่งไปชั่งมาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่ายหน้าช้าๆ พาเธอเดินไปที่ชั้นวางคทาอีกชั้น หยิบมาให้เธออันหนึ่งบอกว่า
“ที่เธอเลือกมามันไม่ค่อยดีแล้วยังแพงอีก อ่ะ ลองนี่ดูซิ” เขาหยิบไม้คทาอันนั้นให้เธอ เธอรู้สึกว่า อันที่เขาเลือกให้มันดีกว่าจริงๆและมันก็ยังราคาถูกกว่าด้วย มันราคาแค่ 3,400 คราวน์เท่านั้นเอง แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาหลอกว่ามันดีกว่าจริงหรือไม่ จึงแกล้งถามไปว่า
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าอันนี้มันจะดีกว่าอันที่ฉันเลือก ลองบอกมาสิว่ามันดีกว่ายังไง” เธอพูดแล้วเดาะไม่คทาในมือไปมา
เธอพูดแค่นั้นเขาก็มีรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ชอบเอาซะจริงๆ แล้วเขาก็พูดต่อมาว่า
“ก็ตอนที่เธอจับมือเธอน่ะสิ ฉันก็ตรวจธาตุเธอ ปรากฏว่ามันเป็นธาตุไฟ ฉันก็เลยเลือกอันนี้มาให้ 1 อัน ที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับธาตุไฟอย่างเธอมากที่สุด ดูที่ไม้นี่สิ ที่มันเป็นสีขาวนวลเพราะว่าเป็นไม้โกลเด้นเกทอายุ 1,000 ปี ชุบด้วยโพรทีน่อน*อย่างดี ลงอักขระโดยคนแคระดำเผ่าเดมอส ซึ่งเป็นเวทย์ที่จะช่วยส่งเสริมธาตุไฟได้เป็นอย่างดี พู่ทำด้วยขนหางยูนิคอร์น ลูกแก้วเป็นคริสตัลจากซาเรส แล้วเธอรู้ไหมว่านี่คืออะไร...” แล้วนายกัสชี้ก็ชี้ตรงปลายคทาให้เธอดู มันเป็นเหมือนไข่มุกแวววาว
“ไม่รู้”
“จะบอกให้ก็ได้ว่านี่คือไข่มุกเลี้ยงของพระราชาเฟอร์ติเดส ที่ครองเมืองสกอร์ปิโอ ทุกๆ 20 ปี จะออกแค่ 1 เม็ดเท่านั้น เป็นของที่หายากมาก รับกับลูกแก้วคริสตัลจากซาเรส ธาตุไฟตรงกับเธอทั้งหมด ทำให้สามารถใช้พลังได้ 100% รับประกันเลยล่ะ” เขาพูดออกมา แองจี้มองเขาอย่างทึ่งๆ
“เก่งจัง รู้หมดเลย” เธอพูดออกมาด้วยความตกใจ แล้วก็พูดต่อว่า “แล้วของเธอล่ะ”
“ของฉัน?...เธอจะรู้ไปทำไม”
“ก็อยากรู้บ้างไม่ได้หรือไง”
“เอ้า ก็ได้ๆ ของฉันเป็นคทาธาตุน้ำแข็ง เพราะฉันธาตุน้ำแข็ง ตัวไม้ทำด้วยต้นไอซ์เทรจากเดมอส ลงอักขระด้วยแพนตาก้อน**ผสมเลือด ลงอักขระโดยแม่มดจากสโนว์แลนด์ ซึ่งเป็นเวทย์สำหรับมนต์ธาตุน้ำแข็งโดยเฉพาะ ลูกแก้วเป็นแก้วบางภายในบรรจุน้ำในบ่อเวทย์จากทริสทอร์ แล้วตรงปลายเป็นลูกตาของเมอร์ลี สัตว์เลี้ยงในตำนาน อาศัยอยู่แถบริมชายหาดในเขตประเทศโรมัน ทำให้ใช้พลังเวทย์ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนพู่ทำจากเส้นผมเจ้าหญิงหิมะ แล้วให้เธอลองทายดูก็ได้ว่ามันจะราคาซักเท่าไหร่?” กัสซักถามเธอต่อมาทันที
“11,250 คราวน์” เอาวะ! เดามั่วก็ต้องเดา
“ผิด 4,800 คราวน์เท่านั้นเอง และที่ถูกเพราะว่ามันไม่มีใครซื้อ เพราะเป็นคทาในตำนาน”
“หาO_O!”
“ของเธอก็ใช่เหมือนกันนั่นแหละ” เขาเริ่มจะทำหน้าเซ้งๆ
“โธ่ แล้วนายเอามาให้ฉันทำไม นี่ซื้อไปแล้วด้วย เอาไงดีวะเนี่ย” เธอพูดพลางเกาหัวยิกๆ พลิกคทาไปพลิดคทามาอย่างร้อนรน
“ก็ฉันคิดว่าคทาทีดีและถูกก็ควรจะมาอยู่ในมือคนที่มีความสามารถน่ะสิ ถ้าเธอมีความสามารถไม่พอก็ไม่ต้อง ฉันออกเงินซื้ออันใหม่ก็ได้” เขาพูดท่าทางเบื่อๆ
“ชิ ฉันก็คิดว่า มันน่าจะมีอันอื่นที่ดีกว่านี้เท่านั้นเอง” เธอพูดเลี่ยงๆไป
“ไอ้ที่ดีกว่านี้น่ะมีแน่ แต่มันก็พวกหมื่นๆคราวน์นั่นแหละ กลังเธอจะมีเงินไม่พอซื้ออย่างอื่น ก็เลยเลือกอันนี้ให้”เขาตอบมา
“งั้น เอาอันนี้ก็ได้” ‘ชิ! ถ้าไม่เอาอันนี้กระเป๋าฉันก็รั่วซิยะ’ แองจี้คิด
“เสร็จแล้วเราก็ไปซื้อของต่อกันเถอะ” แล้วเขาก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากร้านไป
ทั้งคู่เดินออกจากร้านเข้าไปในย่านศูนย์การค้าของเอดินเบิร์ก ก็ชวนกันเดินเข้าร้านขายดาบ กัสให้แองจี้เดินเข้าไปเลือกซื้อดาบเพียงคนเดียว ส่วนเขาบอกว่าจะรออยู่ด้านนอก เมื่อเธอเดินเข้าไปก็พบห้องๆหนึ่งขายดาบ ภายในห้องนั้นมีดาบอยู่มากมายมหาศาลเลยทีเดียว ทั้งถูก ทั้งแพง หลายๆราคาแตกต่างกันไป แต่ที่เธอเห็นว่าสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นดาบราคา 1,275 คราวน์ มันทำจากแร่ซิลเวอร์เบลดอย่างดี ตรงกลางประดับด้วยทับทิมเม็ดเบ้อเร่อสีแดงสด พันด้ามจับด้วยหนังแท้ เธอชอบมันมาก เมื่อจับก็ถนัดมือที่สุดแล้ว จึงลงทุนซื้อ
เมื่อเธอเดินออกมาก็พบ เขา นายนักบวชหน้าตายนั่นเอง แต่ในมือถือไอศกรีมรสวานิลา 2 โคน และเมื่อเธอเดินไปหา เขาก็ยื่นอันหนึ่งให้เธอ
“เอ้า เอาไปสิ อากาศมันร้อน”
เธอรับมาอันหนึ่ง เกิดนึกสงสัยขึ้นมาได้จึงถามว่า
“แล้ว นายไม่ซื้อดาบหรอ”
“ไม่จำเป็น”
“แล้วดาบนายล่ะ”
“อยากเห็นเหรอ”
“อืม(-_-) (_ _) (-_-) (_ _ )” ‘ก็เพราะอยากเห็นน่ะสิ ถึงขอดู ไอ้นักบวชบ้า’แองจี้คิดถ้อยคำด่าเขาอย่างเผ็ดร้อน
แล้วเขาก็แบมืออกมาข้างหนึ่ง ก็พลันปรากฏดาบสีเงินยาวเล่มหนึ่ง จะว่าดาบก็ไม่ค่อนถูกเพราะมันรูปร่างเล็กบางเหมือนกระบี่มากกว่า แต่ก็แข็งมากทีเดียว
“นี่เป็นดาบประจำตระกูลของฉัน ตระกูลของฉันมีลูกที่อายุพ้น 7 ปีแล้ว พ่อแม่ก็จะตีดาบให้เล่มหนึ่ง ดาบจะมีความยืดหยุ่นสูง และแกร่งเหมือนเพชร อำนาจดาบต้านรับกับเวทมนต์ได้เป็นอย่างดี ที่ขั้วด้ามจับสลักชื่อเจ้าของดาบเพื่อให้ดาบเพื่อให้ดาบเป็นของคนนั้นตลอดกาล” เขาพูดพร้อมกับลูบดาบไปมาอย่างรักใคร่
“อ๋อ ดาบสายดีนี่” เธอพูดออกมา
“อันที่จริง มันก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ด้วย ต่อให้ดาบดีแค่ไหนถ้าคนใช้ไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์ ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ดาบจะไม่ดี(สับปะรังเค)ขนาดไหนก็ตาม แค่เพียงคนใช้มันมีฝีมือเท่านั้น ดาบที่ไม่มีอะไรดีก็จะกลายเป็นดาบที่ดีได้ ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม...”เขาพูด แบมือข้งที่มีดาบนั้นอีกที ดาบก็หายไปในทันที
“แล้วต่อไปจะไปซื้ออะไรกันดีล่ะ “ แองจี้ถามขึ้นมา มองหน้าเขา
“กินข้าว”เขาพูดเรียบๆ
“ที่ไหน”
“โธ่ ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวก็รู้น่า” แล้วเขาก็พาเธอไปที่วงเวียนน้ำพุแห่งหนึ่ง มีร้านน่ารักๆอยู่ตรงริมวงเวียนนั้นหลายร้านจนให้ความรู้สึกลานตาไปหมด เขาเลือกพาเธอไปร้านๆหนึ่งที่มีหน้าร้านที่เห็นบรรยากาศของน้ำพุได้ดีที่สุด ทั้งคู่เลือกตะน่ารักๆโต๊ะหนึ่ง ที่มีมุมติดผนังห้องและอีกด้านก็เป็นกระจกที่สามารถเห็นวิวของน้ำพุได้ชัดเจน แล้วเขากับเธอก็เลือกเมนูอาหาร และก็ทานกันเงียบๆจนเสร็จก็จ่ายเงินและชวนกันเดินออกจากร้าน
“นี่ ฉันว่าเดี๋ยวเราไปซื้ออุปกรณ์การเรียนกันดีกว่านะ”แองจี้เริ่มชวนเขาขณะที่เดินกันมาใกล้ๆกับร้านขายอุปกรณ์การเรียนแล้ว
“ตามใจ”เขามันพูดน้อยจริงๆเลย
แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ร้านๆหนึ่ง
----15 นาทีต่อมา----
เมื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนครบก็ออกมานอกร้าน ขณะนั้นอากาศมันอบอ้าวจริงๆเลย แองจี้เริ่มรู้สึกว่าดาบกับคทาของเธอจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอก็เลยบ่นมาตลอดทาง
“เฮ้อ ดาบกับคทาบ้าๆนี่ทำไมมันหนักมหาศาลอย่างนี้เนี่ย นายกัส เราไปซื้อสัตว์พาหนะเร็วๆเถอะ”
ไม่ได้ ถ้าเธอหนักนักก็เอามันมานี่ เธอถือคทาฉัน แล้วฉันจะถือของเธอเอง”ว่าจบ เขาก็เปลี่ยนคทากันแล้วก็เอาดาบมาด้วยอีกอัน ดาบกับคทาที่เขาถือตอนนี้มันให้ความรู้สึกร้อนๆยังไงชอบกล ผิดกับของเขาที่ถือแล้วเย็นๆมือ ก็เลยอดบ่นเบาๆไม่ได้ว่า
“เฮ้อ คนธาตุไฟ ไม่น่าล่ะ อะไรก็ร้อนไปหมด แม้กระทั่งใจก็ยังร้อนเล้ย”เขาจับถุงแล้วแบกขึ้นหลังเฉยเลย
“นี่ ของนายทำไมมันเย็นจังเลยล่ะ ฉันเห็นก็ว่าแปลกๆมานานแล้ว ถือไม่ยอมปล่อยเชียวนะ”เธอจับคทาของเขาขึ้นมาบ้าง มันมีความเย็นพวยพุ่งออกมาจากคทาของเขา ใช่แล้ว!ก็เขาเป็นคนธาตุน้ำแข็งนี่ มิน่าล่ะ ก็เจ้าตัวเย็นชาขนาดนี้นี่
“แล้ว ทีนี้นายว่าซื้อไรก่อนดีล่ะ ระหว่างชุด กับ สัตว์พาหนะ” แองจี้เริ่มถามเขาเมื่อเดินกันได้นานพอสมควรแล้ว ใบหน้านั้นยังเย็นชาไม่เปลี่ยน พูดออกมาเบาๆ
“ก็แล้วแต่เธอสิ” พูดแล้วเขาก็ใช้มือข้างที่ว่าง เสยผมที่คาดไว้ด้วยผ้าสีฟ้านั้นขึ้นอย่างเบื่อ
“งั้น ไปร้านเสื้อกันเถอะ” เธอชวนเขาให้ไปร้านเสื้อเพราะจะได้ขี่สัตว์พาหนะกลับเพราะไม่อยากเสียเงินค่าดูแล
“ทั้งคู่เดินไปที่ร้านขายเสื้อประจำชาติแห่งหนึ่ง กัสกวาดตามองไปทางชุดของกิลดิเรกทันที และโดยไม่มีการลอง เขาสั่งคนขายไปเลยว่า
“เอาชุดของพรีสท์แห่งกิลดิเรก 3 ชุดครับ” แองจี้ที่ยังเลือกชุดไม่ถูกก็เข้าไปถาม (อีกครั้ง )ว่า “นี่ นายไม่ลองก่อนหรอ” และเธอก็ได้รับคำตอบมาว่า
“ทุกๆปีเด็กจากตระกูลนี้จะมาตัดชุดนักเรียนที่นี่โดยเฉพาะ นั่นคือชุดอย่างนี้ ...” เขาชี้ไปที่ชุดๆหนึ่ง
มันเป็นเสื้อเชิตด้านในสุดด้านนอกเป็นเสื้อเหมือนผ้ากันเปื้อนสวมปับ กางเกงขายาวสีดำสนิท ที่เองยังพันด้วยผ้าแพรสีฟ้าขลิบทอง เน้นที่ความดูดีแบบเรียบๆ
“...แล้วชุดของเธอล่ะ” เขาถามพลางมองไปที่เธอ ฝ่ายแองจี้นั้นเริ่มอายก็เกาหัวแก้เขิน ตอบอ้อมแอ้มมาว่า
“ก็ทุกทีมีพ่อช่วยเลือกนี่ มาให้เลือกเองอย่างนี้จะไปเลือกยังไงล่ะ มันเลือกไม่ถูก”
แล้วเขาก็เสยผมสีขาวราวกับหิมะขึ้นไป (อีกครั้ง) พูดมาอย่างเบื่อๆว่า
“เฮ้อ ฉันคงจะต้องรับบทคุณพ่อจำเป็นอีกครั้งแล้วล่ะมั้ง เอ้า เธอชอบชุดแบบไหนล่ะ”
“ก็ ขอมิดชิดหน่อยละกัน”
“เป็นวิทช์ใช่ไหมล่ะ”
“อืม วิทช์ออฟวิทช์”
“อืม งั้นเอาชุดนี้ 3 ชุดครับ”เขาโบกมือเรียกช่างมารับออร์เดอร์โดยไม่ให้เธอลองเลย
“นี่นายรู้ได้ไงว่า ง่า~ชุดนี้มันจะดี”
“รับรองเธอสวยแน่ล่ะ เพราะมันเป็นชุดของวิทช์ออฟกิลดิเรก เข้ากันได้ดีกับชุดของฉันมากที่สุด”
“ถ้ามันไม่พอดีตัวฉันล่ะ”
“มองดูก็รู้สัดส่วนแล้ว”
“นี่นาย” แองจี้ทุบหลังเขาดังอัก!!
“เจ็บ”
“สมน้ำหน้า”
แล้วแองจี้ก็เดินออกไปอย่างงอนๆ
จากนั้นทั้งคู่ก็ชวนกันไปซื้อสัตว์พาหนะเป็นอย่างสุดท้าย
“เอ เอาสัตว์อะไรเป็นสัตว์พาหนะดีน๊า?”แองจี้ทำท่าใสซื่อ พลางกวาดตามองเหล่าสัตว์พาหนะในร้านอย่างสนใจ
“ม้า ฟีนิกซ์ กริฟฟอน หรือว่า...”
“มังกรไฟ!!”เสียงนายพรีสท์หน้าตายพูดแทรกขึ้นมา
“ไอ้บ้า ฉันจะเอาม้า(โว๊ย)”
“แต่เธอเอามังกรไฟเหมาะกว่า”
“ถ้าฉันเอามังกรไฟ นายก็ต้องเอามังกรน้ำแข็ง ตกลงไหม” เธอพูดพลางส่ายหน้าไปยังมังกรน้ำแข็งตัวมหึมาหน้าร้าน ท่าทางน่ากลัวมาก
“ของมันแน่อยู่แล้ว เธอเอามังกรไฟสีแดงเพลิงนั่นละกัน” กัสชี้ไปทางมังกรตัวสีแดงเพลิง ที่อยู่กรงข้างๆกับมังกรน้ำแข็ง
“รับคำท้า”
แล้วทั้งคู่ก็จ่ายเงินและได้มังกรคนละตัวจริงๆ!!!
*******************
“โอ๊ย หิวข้าว” แองจี้ร้องออกมา เธอแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว
“ก็ไปกินข้าวซิ บ่นอยู่ได้”
“ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลย” เธอพูดขณะที่เดินเคียงกันกลับบ้าน
“เธอต้องแข็งใจเดินไปจนถึงร้านอาหาร ไม่งั้นถ้าเธอล้มนะ ฉันอาจจะได้อุ้มเธอกลับแน่ๆเลย”กัสพูดพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์มาที่แองจี้ คนถูกมองหน้าแดงวาบ
“บ้า”
“มา ฉันช่วยถือของให้”
‘ว๊าว!นายนี่ก็เป็นสุภาพบุรุษเป็นเหมือนกันแฮะ’แองจี้คิด
****************************
ทั้งคู่เดินมาจนถึงร้านๆหนี่งเพื่อรับประทานอาหาร ร้านนั้นเป็นร้านที่ดูน่ารักร้านหนึ่งทีเดียว ทั้งคู่ฝากมังกรของทั้งสองไว้ที่ลานฝากพาหนะ และฝากของไว้ที่แคชเชอร์ ร้านเป็นแนวร้านที่เป็นส่วนตัว สังเกตได้จากเก้าอี้ที่จะมีเพียงโต๊ะละ 2 ตัวเท่านั้น เป็นแนวร้านคู่รักมากกว่าที่จะเป็นร้านอาหารธรรมดา เธอเริ่มมองไปรอบๆด้านอย่างสงสัย กัสพาเธอมานั่งที่โต๊ะด้านริมโต๊ะหนึ่ง เขาและเธอนั่งได้สักพักหนึ่ง ก็มีบริกรมารับออเดอร์และนำอาหารมาส่ง ทั้งคู่จัดการอาหารของตนอย่างแช่มช้า เหมือนกับเวลาหนึ่งนาที มันผ่านไปถึงหนึ่งชั่วโมงยังไงยังงั้น แล้วทั้งคู่ก็ทานอาหารเสร็จโดยพูดกันแค่ไม่กี่คำ ทั้งคู่เดินออกจากร้าน รับมังกรของแต่ละคนกลับคืนมา และเดินกลับยังห้องพักที่พ่อแม่ของทั้งคู่พักอยู่
*******************************
ทั้งคู่เดินมาจนถึงที่พักของทั้งสอง เอามังกรไปฝากที่ใกล้เคียง เธอก็เดินไปยังห้องของเธอ และขณะที่เธอกำลังจะเข้าห้องอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงจากคนข้างๆเปรยออกมาเบาๆว่า
“คนอุตส่าห์ไปเป็นเพื่อน ไม่เห็นมีขอบใจกันซักคำ”
“ไม่ได้ขอร้อง แส่ไปเองนิ”คนโดนตำหนิด่าตอบเบาๆ
“อุตส่าห์ช่วยเลือกคทา เลือกชุด เลือกสัตว์พาหนะ พาไปกินข้าวอีกแน่ะ เฮ้อ! ทำคุณบูชาโทษ เหนื่อยเปล่าอีกแล้ว”
“ขอบใจ”ฝ่ายโดนตำหนิพูดออกมาโดยอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว
เขาเบ้ปากเหมือนไม่สนใจ หันไปมองนอกระเบียง อมยิ้ม
“ไม่ต้องมาขอบใจตอนนี้ก็ได้ ฉันชอบสะสมคำขอบใจไว้น่ะ”
“บ้า”
“ฉันไม่ได้ขอให้พูด แล้วก็ไม่ได้ชอบสะสมคำว่าบ้า”
“บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า ฮึ จะพูดให้เป็นบ้าไปจริงๆเลย” เธอพูดแล้วแลบลิ้น แล้วเธอก็รีบวิ่งกลับห้องทันทีเมื่อได้รับลำแสงอาฆาตที่พุ่งออกมาจากดวงตาของไอ้คนธาตุน้ำแข็ง
“เฮ้อ ผู้หญิงเป็นอย่างนี้ทั้งโลกหรือเปล่านะ” เขาพูด แต่ก็อมยิ้มและมองจนร่างนั้นลับตาไป เขาจึงเข้าห้อง
ความคิดเห็น