ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรักของสาวทอม กับนายนักบวชหน้าตาย (หัวขโมยแห่งบารามอส)

    ลำดับตอนที่ #3 : เที่ยว

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 49


    *บทที่ 3 เที่ยว*

                    ทั้งคู่แวะที่ร้านขายไม้คทาใกล้ๆที่พัก ทั้งคู่เดินเข้าไป ภายในร้านเต็มไปด้วยคาจำนวนมากมาย เธอกวาดตาดูคทาในร้านอย่างทึ่งๆในจำนวนอันมหาศาลของมัน ราคาของคทาก็มีตั้งแต่ 250 คราวน์ไปจนถึง 20,000 คราวน์เลยทีเดียว เธอเดินดูไปดูมา สายตาก็ไปสะดุดกับคทาสั้นๆอันหนึ่งสีน้ำตาลแก่ๆ ตัวไม้ทำจากไม่ซีเดียสในแอเรียส ลงอักขระโดยแม่มดสโนว์แลนด์ พู่ทำด้วยขนหางนกฟีนิกซ์ ลูกแก้วหลอมจากโรมัน ราคา 5,000 คราวน์ เธอเห็นว่าดีแล้วและกำลังจะไปจ่ายเงินแต่ก็มีใครจับที่ข้อมือเธอทันที! นายพรีสท์หน้าตายกัสนั่นเอง!!!เขาคว้าไม้คทาในมือเธอโดยที่มืออีกข้างหนึ่งก็ยังไม่ปล่อยจากข้อมือเธอ เขาชั่งไปชั่งมาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่ายหน้าช้าๆ พาเธอเดินไปที่ชั้นวางคทาอีกชั้น หยิบมาให้เธออันหนึ่งบอกว่า  

    ที่เธอเลือกมามันไม่ค่อยดีแล้วยังแพงอีก อ่ะ ลองนี่ดูซิ เขาหยิบไม้คทาอันนั้นให้เธอ เธอรู้สึกว่า อันที่เขาเลือกให้มันดีกว่าจริงๆและมันก็ยังราคาถูกกว่าด้วย มันราคาแค่ 3,400 คราวน์เท่านั้นเอง แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาหลอกว่ามันดีกว่าจริงหรือไม่ จึงแกล้งถามไปว่า

    แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าอันนี้มันจะดีกว่าอันที่ฉันเลือก ลองบอกมาสิว่ามันดีกว่ายังไง เธอพูดแล้วเดาะไม่คทาในมือไปมา

    เธอพูดแค่นั้นเขาก็มีรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ชอบเอาซะจริงๆ แล้วเขาก็พูดต่อมาว่า

    ก็ตอนที่เธอจับมือเธอน่ะสิ ฉันก็ตรวจธาตุเธอ ปรากฏว่ามันเป็นธาตุไฟ ฉันก็เลยเลือกอันนี้มาให้ 1 อัน ที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับธาตุไฟอย่างเธอมากที่สุด ดูที่ไม้นี่สิ ที่มันเป็นสีขาวนวลเพราะว่าเป็นไม้โกลเด้นเกทอายุ 1,000 ปี ชุบด้วยโพรทีน่อน*อย่างดี ลงอักขระโดยคนแคระดำเผ่าเดมอส ซึ่งเป็นเวทย์ที่จะช่วยส่งเสริมธาตุไฟได้เป็นอย่างดี พู่ทำด้วยขนหางยูนิคอร์น ลูกแก้วเป็นคริสตัลจากซาเรส แล้วเธอรู้ไหมว่านี่คืออะไร... แล้วนายกัสชี้ก็ชี้ตรงปลายคทาให้เธอดู มันเป็นเหมือนไข่มุกแวววาว

    ไม่รู้

    จะบอกให้ก็ได้ว่านี่คือไข่มุกเลี้ยงของพระราชาเฟอร์ติเดส ที่ครองเมืองสกอร์ปิโอ ทุกๆ 20 ปี จะออกแค่ 1 เม็ดเท่านั้น เป็นของที่หายากมาก รับกับลูกแก้วคริสตัลจากซาเรส ธาตุไฟตรงกับเธอทั้งหมด ทำให้สามารถใช้พลังได้ 100% รับประกันเลยล่ะ เขาพูดออกมา แองจี้มองเขาอย่างทึ่งๆ

    เก่งจัง รู้หมดเลย เธอพูดออกมาด้วยความตกใจ แล้วก็พูดต่อว่า  แล้วของเธอล่ะ

    ของฉัน?...เธอจะรู้ไปทำไม

    ก็อยากรู้บ้างไม่ได้หรือไง

    เอ้า ก็ได้ๆ ของฉันเป็นคทาธาตุน้ำแข็ง เพราะฉันธาตุน้ำแข็ง ตัวไม้ทำด้วยต้นไอซ์เทรจากเดมอส ลงอักขระด้วยแพนตาก้อน**ผสมเลือด ลงอักขระโดยแม่มดจากสโนว์แลนด์ ซึ่งเป็นเวทย์สำหรับมนต์ธาตุน้ำแข็งโดยเฉพาะ ลูกแก้วเป็นแก้วบางภายในบรรจุน้ำในบ่อเวทย์จากทริสทอร์ แล้วตรงปลายเป็นลูกตาของเมอร์ลี สัตว์เลี้ยงในตำนาน อาศัยอยู่แถบริมชายหาดในเขตประเทศโรมัน ทำให้ใช้พลังเวทย์ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนพู่ทำจากเส้นผมเจ้าหญิงหิมะ แล้วให้เธอลองทายดูก็ได้ว่ามันจะราคาซักเท่าไหร่?กัสซักถามเธอต่อมาทันที

    11,250 คราวน์  เอาวะ! เดามั่วก็ต้องเดา

    ผิด 4,800 คราวน์เท่านั้นเอง และที่ถูกเพราะว่ามันไม่มีใครซื้อ เพราะเป็นคทาในตำนาน

    หาO_O!”

    ของเธอก็ใช่เหมือนกันนั่นแหละ เขาเริ่มจะทำหน้าเซ้งๆ

    โธ่ แล้วนายเอามาให้ฉันทำไม นี่ซื้อไปแล้วด้วย เอาไงดีวะเนี่ย เธอพูดพลางเกาหัวยิกๆ พลิกคทาไปพลิดคทามาอย่างร้อนรน

    ก็ฉันคิดว่าคทาทีดีและถูกก็ควรจะมาอยู่ในมือคนที่มีความสามารถน่ะสิ ถ้าเธอมีความสามารถไม่พอก็ไม่ต้อง ฉันออกเงินซื้ออันใหม่ก็ได้ เขาพูดท่าทางเบื่อๆ

    ชิ ฉันก็คิดว่า มันน่าจะมีอันอื่นที่ดีกว่านี้เท่านั้นเอง เธอพูดเลี่ยงๆไป

    ไอ้ที่ดีกว่านี้น่ะมีแน่ แต่มันก็พวกหมื่นๆคราวน์นั่นแหละ กลังเธอจะมีเงินไม่พอซื้ออย่างอื่น ก็เลยเลือกอันนี้ให้เขาตอบมา

    งั้น เอาอันนี้ก็ได้  ‘ชิ! ถ้าไม่เอาอันนี้กระเป๋าฉันก็รั่วซิยะ’ แองจี้คิด

    เสร็จแล้วเราก็ไปซื้อของต่อกันเถอะ แล้วเขาก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากร้านไป

     

                    ทั้งคู่เดินออกจากร้านเข้าไปในย่านศูนย์การค้าของเอดินเบิร์ก ก็ชวนกันเดินเข้าร้านขายดาบ กัสให้แองจี้เดินเข้าไปเลือกซื้อดาบเพียงคนเดียว ส่วนเขาบอกว่าจะรออยู่ด้านนอก เมื่อเธอเดินเข้าไปก็พบห้องๆหนึ่งขายดาบ ภายในห้องนั้นมีดาบอยู่มากมายมหาศาลเลยทีเดียว ทั้งถูก ทั้งแพง หลายๆราคาแตกต่างกันไป แต่ที่เธอเห็นว่าสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นดาบราคา 1,275 คราวน์ มันทำจากแร่ซิลเวอร์เบลดอย่างดี ตรงกลางประดับด้วยทับทิมเม็ดเบ้อเร่อสีแดงสด พันด้ามจับด้วยหนังแท้ เธอชอบมันมาก เมื่อจับก็ถนัดมือที่สุดแล้ว จึงลงทุนซื้อ

                    เมื่อเธอเดินออกมาก็พบ เขา นายนักบวชหน้าตายนั่นเอง แต่ในมือถือไอศกรีมรสวานิลา 2 โคน และเมื่อเธอเดินไปหา เขาก็ยื่นอันหนึ่งให้เธอ

    เอ้า เอาไปสิ อากาศมันร้อน

    เธอรับมาอันหนึ่ง เกิดนึกสงสัยขึ้นมาได้จึงถามว่า

    แล้ว นายไม่ซื้อดาบหรอ

    ไม่จำเป็น

    แล้วดาบนายล่ะ

    อยากเห็นเหรอ

    อืม(-_-) (_ _) (-_-) (_ _ )”  ‘ก็เพราะอยากเห็นน่ะสิ ถึงขอดู ไอ้นักบวชบ้า’แองจี้คิดถ้อยคำด่าเขาอย่างเผ็ดร้อน

    แล้วเขาก็แบมืออกมาข้างหนึ่ง ก็พลันปรากฏดาบสีเงินยาวเล่มหนึ่ง จะว่าดาบก็ไม่ค่อนถูกเพราะมันรูปร่างเล็กบางเหมือนกระบี่มากกว่า แต่ก็แข็งมากทีเดียว

    นี่เป็นดาบประจำตระกูลของฉัน ตระกูลของฉันมีลูกที่อายุพ้น 7 ปีแล้ว พ่อแม่ก็จะตีดาบให้เล่มหนึ่ง ดาบจะมีความยืดหยุ่นสูง และแกร่งเหมือนเพชร อำนาจดาบต้านรับกับเวทมนต์ได้เป็นอย่างดี ที่ขั้วด้ามจับสลักชื่อเจ้าของดาบเพื่อให้ดาบเพื่อให้ดาบเป็นของคนนั้นตลอดกาล เขาพูดพร้อมกับลูบดาบไปมาอย่างรักใคร่

    อ๋อ ดาบสายดีนี่ เธอพูดออกมา

    อันที่จริง มันก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ด้วย ต่อให้ดาบดีแค่ไหนถ้าคนใช้ไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์ ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ดาบจะไม่ดี(สับปะรังเค)ขนาดไหนก็ตาม แค่เพียงคนใช้มันมีฝีมือเท่านั้น ดาบที่ไม่มีอะไรดีก็จะกลายเป็นดาบที่ดีได้ ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม...เขาพูด แบมือข้งที่มีดาบนั้นอีกที ดาบก็หายไปในทันที

    แล้วต่อไปจะไปซื้ออะไรกันดีล่ะ แองจี้ถามขึ้นมา มองหน้าเขา

    กินข้าวเขาพูดเรียบๆ

    ที่ไหน

    โธ่ ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวก็รู้น่า แล้วเขาก็พาเธอไปที่วงเวียนน้ำพุแห่งหนึ่ง มีร้านน่ารักๆอยู่ตรงริมวงเวียนนั้นหลายร้านจนให้ความรู้สึกลานตาไปหมด เขาเลือกพาเธอไปร้านๆหนึ่งที่มีหน้าร้านที่เห็นบรรยากาศของน้ำพุได้ดีที่สุด ทั้งคู่เลือกตะน่ารักๆโต๊ะหนึ่ง ที่มีมุมติดผนังห้องและอีกด้านก็เป็นกระจกที่สามารถเห็นวิวของน้ำพุได้ชัดเจน แล้วเขากับเธอก็เลือกเมนูอาหาร และก็ทานกันเงียบๆจนเสร็จก็จ่ายเงินและชวนกันเดินออกจากร้าน

    นี่ ฉันว่าเดี๋ยวเราไปซื้ออุปกรณ์การเรียนกันดีกว่านะแองจี้เริ่มชวนเขาขณะที่เดินกันมาใกล้ๆกับร้านขายอุปกรณ์การเรียนแล้ว

    ตามใจเขามันพูดน้อยจริงๆเลย

    แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ร้านๆหนึ่ง

    ----15 นาทีต่อมา----

                    เมื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนครบก็ออกมานอกร้าน ขณะนั้นอากาศมันอบอ้าวจริงๆเลย แองจี้เริ่มรู้สึกว่าดาบกับคทาของเธอจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอก็เลยบ่นมาตลอดทาง

    เฮ้อ ดาบกับคทาบ้าๆนี่ทำไมมันหนักมหาศาลอย่างนี้เนี่ย นายกัส เราไปซื้อสัตว์พาหนะเร็วๆเถอะ

    ไม่ได้ ถ้าเธอหนักนักก็เอามันมานี่ เธอถือคทาฉัน แล้วฉันจะถือของเธอเองว่าจบ เขาก็เปลี่ยนคทากันแล้วก็เอาดาบมาด้วยอีกอัน ดาบกับคทาที่เขาถือตอนนี้มันให้ความรู้สึกร้อนๆยังไงชอบกล ผิดกับของเขาที่ถือแล้วเย็นๆมือ ก็เลยอดบ่นเบาๆไม่ได้ว่า

    เฮ้อ คนธาตุไฟ ไม่น่าล่ะ อะไรก็ร้อนไปหมด แม้กระทั่งใจก็ยังร้อนเล้ยเขาจับถุงแล้วแบกขึ้นหลังเฉยเลย

    นี่ ของนายทำไมมันเย็นจังเลยล่ะ ฉันเห็นก็ว่าแปลกๆมานานแล้ว ถือไม่ยอมปล่อยเชียวนะเธอจับคทาของเขาขึ้นมาบ้าง มันมีความเย็นพวยพุ่งออกมาจากคทาของเขา ใช่แล้ว!ก็เขาเป็นคนธาตุน้ำแข็งนี่ มิน่าล่ะ ก็เจ้าตัวเย็นชาขนาดนี้นี่

    แล้ว ทีนี้นายว่าซื้อไรก่อนดีล่ะ ระหว่างชุด กับ สัตว์พาหนะ แองจี้เริ่มถามเขาเมื่อเดินกันได้นานพอสมควรแล้ว ใบหน้านั้นยังเย็นชาไม่เปลี่ยน พูดออกมาเบาๆ 

    ก็แล้วแต่เธอสิ พูดแล้วเขาก็ใช้มือข้างที่ว่าง เสยผมที่คาดไว้ด้วยผ้าสีฟ้านั้นขึ้นอย่างเบื่อ

    งั้น ไปร้านเสื้อกันเถอะ เธอชวนเขาให้ไปร้านเสื้อเพราะจะได้ขี่สัตว์พาหนะกลับเพราะไม่อยากเสียเงินค่าดูแล

    ทั้งคู่เดินไปที่ร้านขายเสื้อประจำชาติแห่งหนึ่ง กัสกวาดตามองไปทางชุดของกิลดิเรกทันที และโดยไม่มีการลอง เขาสั่งคนขายไปเลยว่า

    เอาชุดของพรีสท์แห่งกิลดิเรก 3 ชุดครับ แองจี้ที่ยังเลือกชุดไม่ถูกก็เข้าไปถาม (อีกครั้ง )ว่า นี่ นายไม่ลองก่อนหรอ และเธอก็ได้รับคำตอบมาว่า

    ทุกๆปีเด็กจากตระกูลนี้จะมาตัดชุดนักเรียนที่นี่โดยเฉพาะ นั่นคือชุดอย่างนี้ ... เขาชี้ไปที่ชุดๆหนึ่ง

    มันเป็นเสื้อเชิตด้านในสุดด้านนอกเป็นเสื้อเหมือนผ้ากันเปื้อนสวมปับ กางเกงขายาวสีดำสนิท ที่เองยังพันด้วยผ้าแพรสีฟ้าขลิบทอง เน้นที่ความดูดีแบบเรียบๆ

    ...แล้วชุดของเธอล่ะ เขาถามพลางมองไปที่เธอ ฝ่ายแองจี้นั้นเริ่มอายก็เกาหัวแก้เขิน ตอบอ้อมแอ้มมาว่า

    ก็ทุกทีมีพ่อช่วยเลือกนี่ มาให้เลือกเองอย่างนี้จะไปเลือกยังไงล่ะ มันเลือกไม่ถูก

    แล้วเขาก็เสยผมสีขาวราวกับหิมะขึ้นไป (อีกครั้ง) พูดมาอย่างเบื่อๆว่า

    เฮ้อ ฉันคงจะต้องรับบทคุณพ่อจำเป็นอีกครั้งแล้วล่ะมั้ง เอ้า เธอชอบชุดแบบไหนล่ะ

    ก็ ขอมิดชิดหน่อยละกัน

    เป็นวิทช์ใช่ไหมล่ะ

    อืม วิทช์ออฟวิทช์

    อืม งั้นเอาชุดนี้ 3 ชุดครับเขาโบกมือเรียกช่างมารับออร์เดอร์โดยไม่ให้เธอลองเลย

    นี่นายรู้ได้ไงว่า ง่า~ชุดนี้มันจะดี

    รับรองเธอสวยแน่ล่ะ เพราะมันเป็นชุดของวิทช์ออฟกิลดิเรก เข้ากันได้ดีกับชุดของฉันมากที่สุด

    ถ้ามันไม่พอดีตัวฉันล่ะ

    มองดูก็รู้สัดส่วนแล้ว

    นี่นาย แองจี้ทุบหลังเขาดังอัก!!

    เจ็บ

    สมน้ำหน้า

    แล้วแองจี้ก็เดินออกไปอย่างงอนๆ

    จากนั้นทั้งคู่ก็ชวนกันไปซื้อสัตว์พาหนะเป็นอย่างสุดท้าย

    เอ เอาสัตว์อะไรเป็นสัตว์พาหนะดีน๊า?แองจี้ทำท่าใสซื่อ พลางกวาดตามองเหล่าสัตว์พาหนะในร้านอย่างสนใจ

    ม้า ฟีนิกซ์ กริฟฟอน หรือว่า...

    มังกรไฟ!!”เสียงนายพรีสท์หน้าตายพูดแทรกขึ้นมา

    ไอ้บ้า ฉันจะเอาม้า(โว๊ย)

    แต่เธอเอามังกรไฟเหมาะกว่า

    ถ้าฉันเอามังกรไฟ นายก็ต้องเอามังกรน้ำแข็ง ตกลงไหม เธอพูดพลางส่ายหน้าไปยังมังกรน้ำแข็งตัวมหึมาหน้าร้าน ท่าทางน่ากลัวมาก

    ของมันแน่อยู่แล้ว  เธอเอามังกรไฟสีแดงเพลิงนั่นละกัน กัสชี้ไปทางมังกรตัวสีแดงเพลิง ที่อยู่กรงข้างๆกับมังกรน้ำแข็ง

    รับคำท้า

    แล้วทั้งคู่ก็จ่ายเงินและได้มังกรคนละตัวจริงๆ!!!

    *******************

    โอ๊ย หิวข้าว แองจี้ร้องออกมา เธอแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว

    ก็ไปกินข้าวซิ บ่นอยู่ได้

    ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลย เธอพูดขณะที่เดินเคียงกันกลับบ้าน

    เธอต้องแข็งใจเดินไปจนถึงร้านอาหาร ไม่งั้นถ้าเธอล้มนะ ฉันอาจจะได้อุ้มเธอกลับแน่ๆเลยกัสพูดพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์มาที่แองจี้  คนถูกมองหน้าแดงวาบ

    บ้า

    มา ฉันช่วยถือของให้ 

    ‘ว๊าว!นายนี่ก็เป็นสุภาพบุรุษเป็นเหมือนกันแฮะ’แองจี้คิด

    ****************************

    ทั้งคู่เดินมาจนถึงร้านๆหนี่งเพื่อรับประทานอาหาร ร้านนั้นเป็นร้านที่ดูน่ารักร้านหนึ่งทีเดียว ทั้งคู่ฝากมังกรของทั้งสองไว้ที่ลานฝากพาหนะ และฝากของไว้ที่แคชเชอร์ ร้านเป็นแนวร้านที่เป็นส่วนตัว สังเกตได้จากเก้าอี้ที่จะมีเพียงโต๊ะละ 2 ตัวเท่านั้น เป็นแนวร้านคู่รักมากกว่าที่จะเป็นร้านอาหารธรรมดา เธอเริ่มมองไปรอบๆด้านอย่างสงสัย กัสพาเธอมานั่งที่โต๊ะด้านริมโต๊ะหนึ่ง เขาและเธอนั่งได้สักพักหนึ่ง ก็มีบริกรมารับออเดอร์และนำอาหารมาส่ง ทั้งคู่จัดการอาหารของตนอย่างแช่มช้า เหมือนกับเวลาหนึ่งนาที มันผ่านไปถึงหนึ่งชั่วโมงยังไงยังงั้น แล้วทั้งคู่ก็ทานอาหารเสร็จโดยพูดกันแค่ไม่กี่คำ ทั้งคู่เดินออกจากร้าน รับมังกรของแต่ละคนกลับคืนมา และเดินกลับยังห้องพักที่พ่อแม่ของทั้งคู่พักอยู่

    *******************************

    ทั้งคู่เดินมาจนถึงที่พักของทั้งสอง เอามังกรไปฝากที่ใกล้เคียง เธอก็เดินไปยังห้องของเธอ และขณะที่เธอกำลังจะเข้าห้องอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงจากคนข้างๆเปรยออกมาเบาๆว่า

    คนอุตส่าห์ไปเป็นเพื่อน ไม่เห็นมีขอบใจกันซักคำ

    ไม่ได้ขอร้อง  แส่ไปเองนิคนโดนตำหนิด่าตอบเบาๆ

    อุตส่าห์ช่วยเลือกคทา เลือกชุด เลือกสัตว์พาหนะ พาไปกินข้าวอีกแน่ะ เฮ้อ! ทำคุณบูชาโทษ เหนื่อยเปล่าอีกแล้ว

    ขอบใจฝ่ายโดนตำหนิพูดออกมาโดยอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

    เขาเบ้ปากเหมือนไม่สนใจ หันไปมองนอกระเบียง อมยิ้ม

    ไม่ต้องมาขอบใจตอนนี้ก็ได้ ฉันชอบสะสมคำขอบใจไว้น่ะ

    บ้า

    ฉันไม่ได้ขอให้พูด แล้วก็ไม่ได้ชอบสะสมคำว่าบ้า

    บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า ฮึ จะพูดให้เป็นบ้าไปจริงๆเลย เธอพูดแล้วแลบลิ้น แล้วเธอก็รีบวิ่งกลับห้องทันทีเมื่อได้รับลำแสงอาฆาตที่พุ่งออกมาจากดวงตาของไอ้คนธาตุน้ำแข็ง

    เฮ้อ ผู้หญิงเป็นอย่างนี้ทั้งโลกหรือเปล่านะ เขาพูด แต่ก็อมยิ้มและมองจนร่างนั้นลับตาไป เขาจึงเข้าห้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×