คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อรอนงค์อ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์
โอ้อนงค์อ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ งามดั่งกินรี ลงพิภพจบนภา
เป็นชายใดได้เห็นเข้าสักครา งามหยาดฟ้า ดังนวลน้องจักษ์ต้องมนต์
ณ พระตำหนักบงกชแก้ว ที่ประทับแห่งสมเด็จพระองค์หญิงพรรณพิลาศ พระธิดาแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระชายาส่วน ซึ่งเป็นพระชายาองค์ต้นๆแห่งพระองค์ จึงได้พระราชทานตำหนักซึ่งมีขอบเขต และ ทางเข้าออกในเขตเดียวกันกับพระราชวังตำหนักหลวง จึงมีนางกำนัลและทหารคอยดูแลอย่างดี ขณะนั้นพระองค์หญิงมีพระพรรษาอย่างเข้าวัยแรกรุ่น พระมารดาจึงจัดหานางกำนันและข้าราชบริพารมาไว้ให้คอยรับใช้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น และเช่นกันวันนี้เอง คุณหญิงสดสจี นำบุตรสาวคนเดียวของเธอ กับ ท่านเจ้าคุณบันลือศิลป์ เข้ามาถวายตัวเป็นข้ารับใช้แก่เสด็จพระองค์หญิง ด้วยห่วงบุตรีเพียงคนเดียวอยากให้ได้อยู่ในรั้วในวังด้วยหวังจะให้ได้ดี ทั้งกริยา มารยาท และ อนาคต เฉกเช่นตน
‘มาแม่อนงค์ เข้ามาใกล้ๆลูก เงยหน้าให้เสด็จพระองค์หญิงดูหน่อยสิลูก’ คุณหญิงสดสจี เรียกบุตรสาวให้คลานเข้ามาใกล้ๆตัว
‘อืม… หน้าตาสะอาดหมดจดดีนี่ อายุเท่าไหร่แล้วเรา’ เสด็จพระองค์หญิงตรัสซักถาม
‘สิบเอ็ดปี แล้วเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าเหมาะที่พอจะหัดได้ง่าย เลยขอมาพึ่งพระบารมีพระองค์หญิงช่วยสั่งสอนดูแลเพคะ แม่อนงค์แกว่าง่ายเพคะ ลูกสาวคนเดียว หม่อมฉันสอนเบื้องต้นมาบ้างแล้วเพคะ ที่เหลือก็ฝากด้วยนะจ๊ะ พี่วาด’ คุณหญิงสดสจีหันไปส่งยิ้มให้กับ แม่วาด เพื่อนรุ่นพี่ของหล่อนที่ยังคงเป็นข้าหลวงรับใช้อยู่ในวัง
แม่วาด สตรีวัยกลางคน รูปร่างอวบอัด จัดว่าไม่สูงและไม่เตี้ยจนเกินไป ผิวสีคล้ำ กระเดียดไปทางดำแดง หน้าตาใจดี ใบหน้าประพรมด้วยรอยยิ้มเสมอ เป็นนางข้าหลวงคนสนิทของเสด็จพระองค์หญิง และ เป็นนางข้าหลวงรุ่นพี่ของคุณหญิงสจี ครั้งก่อนที่จะออกเรือนไปกับท่านเจ้าคุณ ทำให้คุณหญิงสนิทสนมกับพระตำหนักนี้
‘แม่วาด พาเข้าไปดูห้องหับ แล้วให้ลงไปเริ่มงานครัวเลยก็ได้นะ ฉันให้แม่วาดเป็นคนดูแล เยี่ยงที่แม่สจีต้องการ ดีไหมแม่สจี’ พระองค์หญิงตรัสเชิงถามคุณหญิงสจี ข้าหลวงเก่าที่เคยเลี้ยงดูพระองค์มา
‘เพคะ’ เสียงรับคำพร้อมกันของทั้งคุณหญิงสจี และ แม่วาดดังพร้อมกัน
แม่วาดพาสาวน้อยคลานออกไปอย่างเงียบเชียบ ด้วยอนงค์มีนิสัยเรียบร้อย พูดน้อย แต่ด้วยความช่างสงสัยจึงสักถามสิ่งต่างๆที่พบเห็นระหว่างทางไปจนถึงตึกนอน เนื้อหาที่ซักถามล้วนแสดงถึงความเฉลียวฉลาดของแม่อนงค์ทั้งสิ้น ทำให้บรรยากาศระหว่างแม่วาด และ อนงค์เป็นกันเองมาขึ้น และ ด้วยความน่ารัก สะอาดหมดจดของแม่อนงค์ ทำให้แม่วาดนึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้ยิ่งนัก นอกจากจะเป็นบุตรสาวของเพื่อนแล้วก็ยังเพิ่มความเอ็นดูเป็นพิเศษขึ้นไปอีก
แม่วาดพาอนงค์ติดตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง สอนวิชาการเรือนทุกแขนง ตั้งแต่พื้นฐานที่ทุกคนต้องทำ และ บางอย่างที่ไม่ได้มีคนทำได้ทุกคน แต่แม่วาดก็สอนด้วยอยากให้แม่อนงค์ทำเป็นทุกแขนง และ ด้วยตั้งใจว่าจะให้แม่อนงค์อยู่คอยรับใช้ใกล้ชิดเสด็จพระองค์หญิงกับตนเองทุกเวลา และ ด้วยความเฉลียวฉลาด แม่อนงค์ก็สามารถเรียนรู้ และ ทำได้ ถึงแม้ต้องใช้ความพยายามมากหน่อยด้วยอายุยังน้อย
เวลาผ่านไป เมื่อแม่อนงค์เรียนรู้สิ่งต่างๆจนถนัดถนี่สมควรดีแล้ว แม่วาดก็พาแม่อนงค์ ขึ้นไปรับใช้เสด็จพระองค์หญิงอย่างใกล้ชิดทุกๆวัน โดยที่แม่อนงค์มิได้คิดถึงที่บ้านเลย มิใช่ไม่คิดถึงบิดา มารดา แต่ด้วยความเพลิดเพลินในการรับใช้พระองค์หญิงด้วยใจรักทำให้มิได้กลับไปเยี่ยมที่บ้านเลย บ่อยครั้งที่คุณหญิงสจีต้องแวะมาเยี่ยม และ บ่อยครั้งที่คุณหญิงต้องมาตามกลับไปเยี่ยมบ้านเนื่องด้วยท่านเจ้าคุณก็บ่นคิดถึงลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยเหมือนกัน
‘แม่อนงค์ ไม่คิดถึงพ่อเลยหรือเจ้า เข้าวังแต่ละที ถ้าไม่ไปตามก็ไม่ออกมาเลยนะเรา’ ท่านเจ้าคุณบันลือศิลป์ พูดกระเซ้าลูกสาวตน
‘มิได้ค่ะ มีหรือลูกจะไม่คิดถึงเจ้าคุณพ่อคะ ลูกเพียงแค่เกรงพระทัยเสด็จท่าน ไม่อยากละหน้าทีบ่อยๆเพคะ’ อนงค์ตอบจากใจจริง พร้อมทั้งเดินเข้าไปใกล้ผู้เป็นพ่อเพื่อกราบกราน
‘มาคะ เดี๋ยวลูกจะแสดงฝีมือปรุงอาหารสูตรชาววังให้เจ้าคุณพ่อรับทาน แทนให้หายคิดถึงเลยนะคะ’ อนงค์ตอบ พร้อมทั้งผละออกไปปรุงอาหารตามที่ตั้งใจไว้
วันเวลาผ่านไปเสด็จพระองค์หญิงมิได้สยุมพรตามที่กำหนดไว้ และ ยังคงอยู่ที่พระตำหนักเพียงผู้เดียว เนื่องจากพระมารดาสวรรคตทำให้พิธีการเลื่อนออกไป การเลื่อนพิธีสยุมพรนี่เองเป็นบ่อเกิดให้ พระคู่หมั้นปันใจออกห่างแล้วไปอภิเษกกับพระองค์หญิงพระองค์อื่น นำพาความโศกเศร้าแก่เสด็จพระองค์หญิงพรรณพิลาศเป็นเท่าทวีคูณ ทั้งเสียพระมารดา และ เสียพระคู่หมั้นไปพร้อมๆกัน พระองค์หญิงจึงประทับเป็นสาวเชื้ออยู่จนอายุเลยวัยมาเพียงลำพัง
‘โชคร้ายอะไรเยี่ยงนี้ เสด็จพระองค์หญิงของเราจึงต้องมาประสบพบเจอเรื่องเยี่ยงนี้ด้วย เสด็จพระองค์หญิงทรงมีพระทัยที่แข็งแกร่งยิ่งนักถ้าเป็นคนอื่นคงแทบล้มทั้งยืน พวกเราจะต้องคอยเข้าเฝ้าถวายการดูแลกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นนะช่วงนี้’ แม่วาด หัวหน้านางข้าหลวงกล่าวกับนางข้าหลวงอื่นๆก่อนที่จะขึ้นตกไปถวายการดูแลเสด็จพระองค์หญิง
บริเวณที่ประทับของเสด็จพระองค์หญิงในยามนี้ ยังคงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก บรรยายไม่ชื่นมื่นเช่นเคย นางช้าหลวงกำลังขะมักเขม้นทำงานของตน บางคนปัดกวาดเช็ดถู บางคนจัดเรียงสิ่งของเพื่อนำไปทำบุญ ส่วนแม่อนงค์ และ แม่วาดกำลังจัดร้อยมาลัยอยู่ใกล้ๆเสด็จนั่นเอง
เสด็จองค์หญิงเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่อนงค์พลางพินิจดู ใบหน้านวล สะอาดสะอ้าน ดวงตากลมโต แวววาวสดใส ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ พิศไปพลางนึกถึงเรื่องราวของตนเอง เสด็จพระองค์หญิงแม้ไม่ได้สวยผุดผาด แต่งามเรียบ สง่าหมดจด ผิวขาวสะอาดสะอ้าน หนำซ้ำยังเป็นพระธิดาแห่งองค์เหนือหัว แต่ก็มิวายถูกพระคู่หมั้นหมางเมินไปได้
‘แม่อนงค์นี่งามนัก อายุหล่อนน่าจะสัก 15-16 ปีแล้วเห็นจะได้ ตั้งแต่ที่แม่ของหล่อนนำมาฝากไว้ ก็หลายปีแล้ว อยู่แต่ในรั้วในวัง ได้พบเจอบุรุษเพศที่พึงใจบ้างหรือยังล่ะหล่อน’ เสด็จพระองค์หญิงตรัสถามด้วยความเป็นห่วง
‘มิได้กระหม่อม หม่อมฉันอายุย่าง 16 ปีแล้ว มาอยู่อาศัยพึ่งใบบุญพระองค์หญิงมิได้คิดเรื่องอื่นใด นอกจากจะถวายการดูแลรับใช้ใต้ฝ่าพระบาทอย่างสุดความสามารถกระหม่อม’ อนงค์ตอบ
‘แหม เชื่อล่ะ แม่วาดสอนมาดีจริงๆนะ พูดให้เราดีใจกันทุกคนเลยเทียว’ เสด็จรับสั่งพลางแย้มสรวลเศร้าๆ
วันเวลาดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พระตำหนักบงกชแก้วเริ่มมีเสียงหัวเราะและความมีชีวิตชีวาอย่างเช่นที่เคยมา สมเด็จพระองค์หญิงทรงหายจากอาการเศร้าหมอง ด้วยพระทัยที่แข็งแกร่ง และ ข้าราชบริพาลพร้อมพรั่ง ทำให้บรรยากาศภายให้พระตำหนักดีวันดีคืน และ มิได้มีผู้ใดเอ่ยเรื่องพิธีสยุมพรนั้นอีกเลย
แม่อนงค์ และ นางข้าหลวงร่วมรุ่น วัยอย่างวัยสาวเดินออกมาขึ้นเรือที่ท่าน้ำหน้าวัง เพื่อไปช่วยงานที่บ้านคุณหญิงดวงแข ขณะรอเรืออยู่นั่นเอง ผ้าคลุมไหล่ของนางข้าหลวงคนหนึ่งปลิวตามลม หล่นลงไปในน้ำ ทำให้มีเสียงเอะอะขึ้น
‘ว๊ายตายแล้ว! ผ้าฉัน' แม่ปิ่น นางข้าหลวงร่วมรุ่นกับแม่อนงค์อุทานด้วยความตกใจเมื่อผ้าคลุมไหล่ของตนลอยตกน้ำไป พร้อมทั้งวิ่งกึ่งกระโดด ไปที่ท่าน้ำ ตามมาด้วยเหล่านางข้าหลวงอื่นๆต่างพากันมุ่งดู และ หาทางช่วยเหลือ
‘แม่ปิ่นนี่ก็ ผ้าคลุมไหล่ จะออกนอกวังก็ต้องสำรวมหน่อย ผูกกันไว้ให้ดีกว่านี้หน่อยสิ เห็นไหมปลิวตกน้ำไป มิหนำซ้ำยังงามหน้าโชว์ผิวขาวหน้าวังอีกแน่ะ’ แม่สะอาด นางข้าหลวงอีกคนเอ่ยปรามๆ
คนเรือคันที่อยู่ใกล้ๆ พายเรือออกไปเก็บขึ้นมาให้ พร้อมกันที่สาวๆก็ขึ้นเรือกันไปเป็นปกติเอง แต่ทว่าเหตุการณ์นั้นได้สะกดสายตาของใครคนหนึ่งให้หยุดอยู่กับที่เนินนาน จนกระทั้งนายแป้นคนขับรถเรียกเสียงดังๆเพื่อเรียกสติกลับมา
‘คุณหลวงขอรับ คุณหลวงขอรับ ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือขอรับ’ เสียงของนายแป้นค่อยๆดังขึ้น
คุณหลวงประดิษฐ์วิจิตจิตกร สถาปนิกหนุ่มเพิ่งจบการศึกษามาจากต่างประเทศ เข้ารับราชการเมื่อไม่นานในตำแหน่งคุณหลวงด้านสถาปัตยกรรมแห่งพระนคร กำลังเดินทางไปกลับหลังจากเข้าเฝ้าถวายความคืบหน้างานก่อสร้างต่อเติมพระที่นั่งฉัตราพักร์
‘งามเหลือเกิน งามอย่างนางอัปสรก็ไม่ปาน เหล่านางข้าหลวงเมื่อสักครู่นี้ ใคร่รู้ว่าเป็นนางข้าหลวงของตำหนักไหน นายแป้นเห็นหรือไม่’ คุณหลวงถามนายแป้นเบาๆ
‘โอ๊ย กระผมมิทราบขอรับ แต่เดี๋ยวกระผมไปสอบถามทหารยามด้านนี้ให้ขอรับ’ นายแป้นเดินจากไป โดยมีสายตาของคุณหลวงตามไปไม่ห่าง
ไม่นานนักนายแป้นเดินกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิงฟันขาว
‘ทราบแล้วขอรับ เป็นนางข้าหลวงของเสด็จพระองค์หญิงพรรณพิลาศขอรับ เห็นว่าก็ออกมานอกวังกันเนืองๆ’ นายแป้นบอกเล่าสิ่งที่สอบถามนายทหารมา
‘คุณหลวงมิเคยถูกใจหญิงใดเลย ไหนเลยมาถูกใจนางข้าหลวงพวกนี้ได้ กระผมเห็นคุณหญิงเพียรหาลูกสาว หลานสาวของพระยาเอย คุณหญิงเอยมาให้ดูตัว ก็ปฎิเสธซะหมด ครั้งนี้ท่าจะเจอเนื้อคู่ซะแล้ว’ นายแป้นพูดพลางอมยิ้มขันๆ
นายแป้นนอกจากจะเป็นเป็นคนขับรถแล้ว เดิมทีแกเป็นพี่เลี้ยงที่สนิทที่สุด คอยดูแลคุณหลวงมาแต่ไหนแต่ไร พอคุณหลวงเติบใหญ่จึงได้กลายมาเป็นคนขับรถให้คุณหลวงนั่นเอง และ ที่สำคัญนายแป้นนี่ล่ะ รู้ใจคุณหลวงที่สุดไม่ว่าเรื่องอะไร
ความคิดเห็น