ได้โปรดอย่าbullyฉัน - ได้โปรดอย่าbullyฉัน นิยาย ได้โปรดอย่าbullyฉัน : Dek-D.com - Writer

    ได้โปรดอย่าbullyฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    81

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    81

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ส.ค. 62 / 02:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    นี่เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนนึงนามว่าป๋อ
    “ตื่นได้แล้วใกล้ได้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะ”เสียงหวานใสของนิรมลได้กระซิบข้างหูลูกเพื่อปลุกเจ้าตัวเล็กมาอาบน้ำแต่งตัว
    “ผมไม่ไปได้ไหมครับ”ป๋อที่ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนแล้วเดิมไปสวมกอดแม่
    “ไม่ได้ครับ เดี๋ยวคุณครูก็ว่าหรอก”นิรมลย่อตัวลงสวมกอดลูก
    “ครับ”
    หลังจากกอดกันเสร็จป๋อก็เข้าไปอาบน้ำและก็ส่องกระจกมองใบหน้าและร่างกายของตัวเองเช่นทุกทีใบหน้าและร่างกายทางด้านซีกซ้ายที่มีแต่ลอยเหมือนถูกน้ำร้อนลวกและติดกันจนเป็นพังพืดติดและส่วนที่ติดกันนั้นก็ใช้การไม่ได้เค้าได้แต่มองกระจกและแอบร้องไห้ร้องกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญร้องกับคำพูดเหล่านั้นที่ดังก้องในหูร้องกับสิ่งที่ทำให้แม่ของเค้าต้องทนถูกว่าไปด้วยร้องกับความออ่นแอของตัวเองและร้องไห้ให้กับหัวใจที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากผู้เป็นแม่
    “เสร็จหรือยังครับลูกใกล้ได้เวลาแล้วนะ”นิรมลที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ชั้นล่างได้ตะโกนขึ้นขึ้นมาถามลูกชาย
    “จะเสร็จแล้วคร้าบ”เด็กน้อยรีบจัดการการกลับเครื่องแบบของตัวเองและรีบลงไปข้างล่าง
    “อย่าวิ่งลงบันไดสิจ๊ะ แม่บอกกี่ครั้งแล้วหืม”
    “ขอโทษคร้าบ”ป๋อแสดงท่าทีทะเลนออกมาและวิ่งไปหอมแก้มแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
    “โฮ วันนี้ยังหน้ากินเหมือนเคยเลยนะคร้าบ”ป๋อมองอาหารตรงหน้าละพูดออกมาเช่นทุกที
    “อาหารแม่ก็หน้ากินทุกวันแหละ มามารีบกินกันเดี๋ยวสาย”นิรมลยิ้มอ่อนให้ลูกชายและลงมือทานอาหารพร้อมกัน

    โรงเรียนประธมZz 
    ห้อง ป1/1
    “เห้ย พวกมึงรู้ปะว่าไอเด็กอัปลักษณ์นั้นแม่งยังไม่ย้ายโรงเรียนออกไปอีกวะ”เสียงเอ็มที่คุยกับกลุ่มเพื่อนดังขึ้นเป็นพอเป็นพิเศษเมื่อเห็นป๋อเดินเข้ามา
    “หรอวะ กูนึกว่าแม่งจะย้ายออกไปละที่ไหนได้ แม่งทนมือทนเท้าดีวะ ฮ่าาา”เสียงของไมค์ที่ดังขึ้นและตอนหลังหันไปพูดกับป๋อ
    “เออจริงวะแม่งทนดีจริง”แซกหันไปตอบและก็หันไปบอกกับป๋อว่า “งั้นปีนี้มึงก็ช่วยทนพวกกูอีกหน่อยนะไอ้เด็กนอกคอก”
    ป๋อที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ได้แต่นิ่งและก้มหน้าเดินไปที่โต๊ะแต่ทันใดนั้น
    โครม!
    เสียงของร่างกายของป๋อที่ล้มลงไปที่พื้มแถมหัวยังโขกเข้าที่มุมโต๊ะมีรอยเลือดซึมขึ้นมา
    “เฮ้ย เป็นไรป่าววะมึงเดินไม่มองเองนะเว้ย”แมนคนที่ใช้ขาแตะขาป๋อจนล้มหันไปหัวเราะกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
    “ไม่เป็นไร”ป๋อรีบเอาผ้าเช็ดหน้ากดไว้ที่แผลและรีบเดินไปที่โต๊ะ
    “เดี๋ยวนั้นไม่ใช่โต๊ะมึงนั้นโต๊ะกูโต๊ะมึงอยู่นู่น”เอ็มชี้ไปทางถังขยะที่ตอนนี้มีโต๊ะที่ติดชื่อป๋อโดยที่ขาสองข้างของโต๊ะลงไปที่ขยะส่วนเก้าอี้อยู่ในถังขยะเต็มๆ
    “อ้อ แล้วมึงก็นั่งตรงนั้นไปเลยนะไม่ต้องเอามาวางใกล้พวกกูมันเหม็น ฮ่าๆๆ”
    ป๋อได้แต่เม้นปากและดึงโต๊ะกับเก้าอี้ออกจากถังขยะและวางใกล้ถังขยะตามที่เอ็มบอกป๋อจัดโต๊ะและของของตัวเองจนเลยเวลามาได้สักพักจนคุณครูประจำชั้นเข้าห้องมาทำความรู้จักนักเรียนแต่ก็เหมือนที่เคยเป็นดังอนุบาลคุณครูเหล่านั้นเมินป๋อเช่นเคยและไม่สนใจเช่นเคยจนเวลาร่วงโรยไปยันเย็น
    “อย่าลืมทำเวรนะมึงเวรมึงคนเดียวทุกวันเลยเห็นไหม”ไมค์ชี้ไปทางกระดาษที่จัดตารางเวรด้วยชื่อของแต่ละคนจนตอนนี้ชื่อทั้งหมดถูกขีดทิ้งและเขียนแทนด้วยชื่อป๋อเพียงคนเดียวถึงแม้เพื่อนบางคนจะเห็นชื่อตัวเองแล้วแต่ก็ไม่อยากกลับบ้านช้าจึงทำเป็นเมินและไม่สนใจ
    “อืม”ป๋อได้แต่พยักหน้าเพราะไม่อยากมีเรื่องดีที่ตนบอกแม่ไว้ก่อนว่าอาจทำเวรให้มารับเย็นหน่อย
    “เชื่อฟังกันดีวะแบบนี้ค่อยอยู่กันง่ายขึ้นไปกันพวกเรา”เอ็มและกลุ่มเพื่อนเดินออกไปจนลับตาป๋อก็ลุกขึ้นมาทำเวรตามที่บอกเอาไว้จนเสร็จและเห็นว่าใกล้เวลาที่แม่จะมารับแล้วจึงรีบจัดการตัวเองและลงไปหน้ารอที่หน้าตึกทันที

    ภายในรถ
    “เป็นไงมั้งครับ วันนี้สนุกไหม”นิรมลที่จอดรอลูกหันไปถามเช่นทุกที
    “สนุกดีครับแม่”ป๋อหันไปตอบแม่ด้วยรอยยิ้มถึงแม้ในใจจะแอบร้องไห้กับคำตอบแต่เพราะไม่อยากให้นิรมลเครียดเรื่องตนจึงตอบไปแบบนั้น
    “ดีแล้วครับ แล้วนั้นลูกไปโดนอะไรมา”หลังจากป๋อขึ้นรถและนิรมลก็เห็นแผลที่หัวของป๋อจึงได้จับหน้าของป๋อหันมาหาตัวเองให้เห็นชัดๆ
    “ผมสะดุดล้มหนะครับแล้วหัวไปชนโต๊ะเข้า”
    “วันหลังระวังหน่อยสิ”นิรมลดุและก็เริ่มเป่าแผลจองลูกชายตนเอง “โอมเพี้ยงแผลเอ๋ยจงรีบหาย เดี๋ยวกลับบ้านแม่จะรีบทำแผลให้นะครับแผลจะได้หายเร็วๆหน้าหล่อๆของลูกชายแม่จะได้ไม่มีรอย”
    “ครับ”ป๋อหันไปยิ้มตาหยี่ให้แม่ของตนทันที

    โรงเรียนมัธยมปลายZz
    ห้อง ป1/1 ผ่านไปครึ่งเทอม
    “ไงมึงกูได้ยินแม่ของมึงถูกไล่ออกจากที่ทำงานหรอวะ ฮ่าๆ”เสียงไมค์ดังขึ้นหลังจากที่เห็นป๋อเดินเข้าห้องมาเช่นทุกที
    “นายรู้ได้ไงอะ”ป๋อตาโตขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินที่ไมค์พูด
    “ทำไมกูจะไม่รู้ก็พ่อกูทำงานที่เดียวกันกับแม่มึงไง”ไมค์เดินเข้ามาหาป๋อโดยมีพวกเอมนั่งฟังกันด้วยความสนุก
    “มึงรู้มะทำไมแม่มึงถึงถูกไล่ออก”ไมค์เริ่มยิ้มออกมาอย่างสนุก
    “ก็เพราะแม่มึงเอาตัวอัปลักษณ์อย่างมึงไปที่บริษัทแล้วบังเอิญหัวหน้าแผนกเค้าเห็นและรับไม่ได้ก็เลยยื่นเรื่องขอให้ไล่แม่มึงออกไง”ไมค์เล่าตามที่พ่อของตนเล่าออกมาให้ฟังเหมือนที่ได้ยิน
    “ไม่จริง แม่แค่พาเราไปกินข้าวที่นั้นเองนะ”ป๋อเริ่มร้องไห้และเดินถอยหลังออกจากห้องขึ้นเรื่อยๆ
    “ทำไมจะไม่จริงวะไม่เชื่อมึงลองถามแม่มีงดู ฮ่าๆๆ”
    “มึงนี่มันตัวซวยจริงอยู่ไหนแม่งก็มีแต่คนรังเกียจ”เอ็มเริ่มสมทบ
    “แม่งขนาดแม่มันมันยังทำให้ซวย”ไมค์
    “มึงแม่งไม่น่าเกิดเลยหวะเกิดมาดีแต่พาคนรอบตัวซวย”แซก
    “ไอตัวซวย/อัปลักษณ์ไม่พอยังพาคนอื่นซวยอีก/แม่งมึงมันสุดจริงหวะ”คนในกลุ่ม
    “ถ้ามึงตายบางทีอาจไม่ต้องพาคนอื่นซวยไปด้วยก็ได้นะ ฮ่าๆ”หลังเอ็มพูดจบป๋อก็วิ่งออกไปจากห้องทันที
    “ไอ้เอ็มถ้ามันตายขึ้นมาจริงจะทำไงวะ”แซกเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงพูดขึ้น
    “แม่งมันไม่ตายหรอกก็เห็นแม่งทนอยู่ทุกที”ไมค์พูดจบก็หัวเราะกลับกลุ่มเพื่อนต่อ

    บนด่านฟ้าของตึก
    ป๋อมองโทรศัพท์ที่ขอมาจากคุณครูประจำชั้นโดยที่คุณครูประจำชั้นไม่ตามมาเหมือนที่ทำกับเด็กคนอื่นๆคุณครูให้มาแค่คำพูดที่ว่ารีบใช้ให้เสร็จแล้วเอามาคืนด้วยป๋อได้แต่ยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงคำพูดนั้นแต่ก็ยังดีที่คุณครูมีเมตาให้เค้ายืม ป๋อรีบกดโทรศัพท์หาแม่ทันที
    “แม่ครับ”
    (ว่าไงจ๊ะลูก)
    “ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”ป๋อที่เริ่มเสียงสั่นพยายามควบคุมเสียงให้อยู่”
    (หืม ถ้าแป๊บเดียวก็ได้อยู่นะ)
    “แม่ครับที่แม่ตกงานเป็นเพราะผมใช่ไหมครับ”น้ำตาของป๋อเริ่มไหลออกมา
    (ลูกรู้เรื่องแม่ตกงานได้ยังไง /คุณนิลมลคะถึงตาคุณแล้วคะ /ค่า เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยคุยกันนะครับ) นิรมลรีบวางสายแล้วเดินเข้าไปในห้องสัมภาษ
    “ครับเย็นนี้ผมจะอยู่รอแม่นะ”ป๋อวางสายจากแม่และวางโทรศัพท์ของครูไว้ที่พื้นโดยที่โทรศัพท์ของอาจารย์มีข้อความว่าส่งจดหมายสำเรจแล้วขึ้นบนหน้าจอป๋อมองแล้วยิ้มให้และเริ่มปีน
    ข้ามรั้วกั้นบนด่านฟ้าจนตนเองมายืนอยู่บนขอบปูนของฝากที่อยู่นอกรั้ว
    “ลมเย็นจัง”เด็กตัวน้อยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา
    “แม่ครับต่อจากนี้แม่จะสบายแล้วนะ แม่ไม่ต้องมีตัวซวยอย่างผมพาให้แม่ซวยแล้วนะ”เมื่อเด็กชายพูดจบเด็กชายก็กระโดดลงจากด่านฟ้าทันทีและได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนมันจะจางหายไป “แม่ครับผมรักแม่นะ”

    โรงพยาบาล
    เสียงขอล้อเข็ญเตียงดังขึ้นเป็นระยะโดยที่บนเตียงนั้นมีร่างเด็กหนุ่มนามว่าป๋อที่ตอนนี้ตัวเต็มไปด้วยเลือดอยู่บนนั้น
    “ป๋ออย่าเป็นอะไรนะป๋อ”เสียงนิรมลดังขึ้นตลอดระยะทางที่เตียงเข็ญเข็ญไป “แม่ขอโทษที่ไม่รอฟังลูก แม่ขอโทษ”เสียงของนิรมลดังขึ้นแข็งกับน้ำตา
    “ผ-ม ร อ แม่ จ-น ถึง เย็น แล้วนะ”เสีงป๋อที่พยามพูดออกมาทีละคำและยิ้มให้แม่ดั่งเช่นเคยพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มขาดหาย
    “ไม่นะป๋อ งั้นแม่ขอสั่งให้ป๋อรอแม่ตลอดไปได้ยินไหม อยู่กับแม่ตลอดไปนะ”นิรมลร้องไห้ดังหนักกว่ากว่าเดิมจนเตียงเข็ญมาถึงยังห้องฉุกเฉิน “ไม่นะ ขอร้องให้ฉันเข้าไปหาลูก” นิรมลพยามฝ่าพยาบาลและบุรุษที่กั้นเธอไว้ออก
    “ไม่ได้ครับญาติคนไข้ต้องรออยู้ข้างนองครับ เชิญทางนี้ครับ”บรุษพยาบาลนำทางนิรมลเดินไปนั่งหน้าห้องแล้วตนจึงเดินเข้าไป
    นิรมลที่ตอนนี้ร้องไห้พร้อมกลับบีบโทรศัพท์ในมือจนมือโดนปุ่มใดปุ่มหนึงทำให้หน้าจอสว่างวาบออกมาและเห็นข้อความที่ส่งมาโดยเบอร์นั้นเป็นเบอร์ที่ป๋อใช้โทรหาตนนิรมลจึงเริ่มเปิดอ่านทันที
    //แม่ครับ 
    ผมขอบคุณครับที่แม่เป็นแม่ของผม 
    ผมขอบคุณหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่ทำให้ผมมาโดยตลอด 
    และผมขอโทษที่เคยทำให้แม่ทุกใจเรื่องของผม 
    ผมขอโทษที่ทำโทษที่ทำให้แม่ซวยและถูกไล่ออก 
    ผมขอโทษที่ผมจะไม่ได้กราบเท้าแม่บ่อยๆอีกแล้ว 
    ผมขอโทษ 
    ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเกิดเป็นลูกแม่อีกครั้งลูกที่ไม่ทำให้แม่ต้องลำบาก
    ลูกที่ไม่ต้องทำให้แม่แอบร้องให้แบบนี้
    ลูกที่น่ารักขอกแม่
    ผมรักแม่นะ
    จากป๋อ//
    หลังจากที่อ่านข้อความที่ป๋อได้ส่งให้ตนนิรมลก็ร้องไห้ออกมาทันทีและเวลาก็ผ่านไปนานแล้วก็มีบุรุษผู้ชายใส่ชุดผ่าตัดออกมาจากห้องฉุกเฉินเดินมาหานิรมลที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าร้องไห้บุรุษคนนั้นเดินมาถึงตรงหน้านิรมลจนนิรมลลุกเงยหน้าขึ้นแต่ยังไม่ทันถามคำตอบบุรุษคนนั้นก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบทันทีจนนิรมลปล่อยโฮอีกครั้งและทุดตัวนั่งเก้าอี้ตัวเดิมจนบุรุษคนนั้นเดินเข้าห้องไปอีกครั้ง
    “เอ่อ คุณน้าครับ”พวกเอ็มที่ที่ตอนนี้มีพวงมาลัยคนละพวงเดินมาพร้อมกลับผู้ปกครองและคุณครูประจำชั้นเดินเข้ามาหานิรมล
    นิรมลได้เงยหน้าคนด้วยสายตาเม่อลอยหันไปมองหน้าทุกคน
    “พวกผมอยากขอโทษ พวกผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ป๋อเค้าตะ”
    “พอแล้ว อย่าพูดนะขอร้องอย่าพูด”นิรมลที่ได้ยินส่งเสียงออกมาขึ้นขัดก่อนที่พวกเอ็มจะพูดจบ
    “อะไรของเธอเนี่ยเด็กๆจะมาจอโทษ ยังจะอะไรอีกรีบๆรับไหว้ไปสิ”เสียงของผู้ปกครองไมค์ดังขึ้น
    “แม่”ไมค์กระตุกเสื้อแม่แรงๆทันที
    “อะไรก็แม่พูดความจริงนี่นา”แม่ของไมค์เมื่อเห็นเสียตาทุกคนมองตนอย่างกดดันก็เริ่มเงียบทันที
    “อยากไหว้หรอ ไหว้สิไหว้เลย”นิรมลมองหน้าเด็กๆแต่ละคนด้วยสายตากดดัน “เร็วสิฉันรับไหว้อยู่มันจะได้จบไวๆไงฉันจะได้นั่งรอลูกฉันต่อ” 
    พูดจบไมค์ก็เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาก้มตัวลงไหว้แทบเท้า
    “นี่เธอเคยทำอย่างนี้กับพ่อแม่เธอหรือเปล่า”นิรมลเอยขึ้นถาม
    “ไม่ครับ”ไมค์ตอบด้วยความจริง
    “รู้อะไรไหมลูกฉันหนะ อยากทำแบบนี้ทุกวันอยากขอบคุณฉันที่ให้เค้าเกิดมา อยากขอบคุณที่ฉันเลี้ยงเข้าจนโต”นิรมลพูดทั้งน้ำตาและกลืนก้อนสะอื้นไปพรางไปด้วย “แต่พวกเธอกลับทำให้ลูกของฉัน”เมื่อถึงท่อนนี้นิรมลไม่สามารถพูดออกมาต่อได้จริงๆได้แต่สะอื้นไห้
    จนพวกเด็กๆที่ได้ฟังก็ร้องตามออกมาทันทีรวมถึงผู้ปกครองที่หันหน้าหนีจากภาพตรงหน้า
    “เอาพวงมาลัยกลับไปไหว้พอแม่ของพวกเธอให้เป็นก่อนเถอะ แล้วค่อยกลับมาไหว้ฉันเมื่อสัมกับคำว่าพระคุณของพ่อแม่จริงๆ”เมื่อนิรมลพูดจบก็หันไปมองที่ประตูห้องฉุกเฉินและทิ้งคำพูดเอาไหว้ “แล้วอย่าทำอย่างที่ทำกลับลูกของฉันไปทำกลับคนอื่นอีกคนอื่นคงจะไม่ใจด้แบบฉันแล้ว”



    จบจ้า







    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×