คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3 (100%)
ตอนที่ 3
ถ้าพิจารณาดี ๆ แล้ว ความลังเลก็แค่สิ่งที่คั่นคำว่า ‘ทำ’ กับ ‘ไม่ทำ’ เอาไว้
ไม่ว่าจะลังเลแค่ไหน สุดท้ายผลลัพธ์ก็มีแค่จะลงมือหรือไม่เท่านั้น
เจโน่มักจะโดนตำหนิเรื่องนิสัยสุดโต้งอยู่เสมอ แต่เขาน่ะ ไม่ว่ายังไงถ้ามีโอกาสก็จะคว้าเอาไว้อย่างแน่นอน จะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองเสียใจในภายหลังหากปล่อยโอกาสไปเพราะความลังเล
จะไม่ให้ความกลัวมาหยุดตัวเองเอาไว้ จะไม่บอกตัวเองว่าไม่มีหวังหรือทำไม่ได้ เพราะแค่ 0.01% มันก็มีค่าพอให้เจโน่ยอมทุ่มเทลงไปแล้ว
ที่ไปเข้าชมรมทำค่ายจิตอาสาตอนปีหนึ่งก็เพราะความใฝ่ฝันเล็ก ๆ จากการอ่านหนังสือการ์ตูนในวัยเยาว์
ที่ลงบอลกีฬาสีตอนปีสองก็เพราะอยากลองดูสักครั้ง
ที่ทำให้ตัวเองต้องจมน้ำตาตอนเลิกกับแฟนคนแรกก็เพราะคิดว่ากับความรักน่ะ มันมีค่าพอให้พยายามอยู่แล้ว
ที่ทำทั้งหมดก็เพราะบอกตัวเองว่าอย่ากลัวที่จะเสียใจ และจะไม่ให้ตัวเองเสียดาย
เจโน่มองตามหลังน้องชายที่หอบหิ้วหนังสือไปเต็มอ้อมแขนอย่างกระตือรือร้น ในดวงตาคนพี่ปรากฏแววซับซ้อนยากจะบอก เขากลัวว่าจูโน่จะต้องผิดหวัง กลัวว่าจะต้องเสียใจ แต่ก็ไม่อยากให้น้องชายต้องเสียใจภายหลังหากปล่อยเวลานี้ให้ผ่านเลยไปโดยไม่พยายามทำอะไรเลย
มือเล็กเดี๋ยวกำเดี๋ยวคลายด้วยใจว้าวุ่น คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาทำถูกแล้วหรือไม่
เสียงถอนหายใจดังขึ้นในห้องที่ไร้ผู้คน มือที่ยังกำ ๆ คลาย ๆ อยู่เมื่อกี้ในที่สุดก็แบหงายอยู่บนโต๊ะ ค้างไว้เช่นนั้นไม่ได้ขยับอีก
เพราะต่อให้จูร่วงหล่น เจโน่ก็รู้ว่าเขาจะคอยอยู่ตรงนี้เพื่อจูเสมอ
คนพี่มองผ่านหน้าต่างไปอย่างด้านล่าง กวาดสายตาหาน้องชายอยู่นานถึงเจอ จูโน่อยู่ในมุมหนึ่งที่ไม่เด่นสะดุดตา เจโน่มองน้องชายด้วยสายตาเอ็นดูระคนขำขัน จูโน่ของเขาเอาหนังสือมาใช้แทนหมอนซะแล้ว
พอเห็นน้องชายนอนฟุบ เขาก็เกิดง่วงขึ้นมาทันที เจโน่ไถตัวลงนอนบนโต๊ะเรียน จัดท่าทางให้สบายที่สุด พอตาปิดก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสมบูรณ์ทันที
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานแค่ไหน เขารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะเสียงบานเลื่อนประตู ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ปลุกคนที่กำลังหลับอยู่ให้ส่งเสียงครางในลำคออย่างเอาแต่ใจ รู้ดีว่าเสียงฝีเท้าต้องเป็นของน้องชายอย่างแน่นอน ถึงแบบนั้นคนเอาแต่ใจก็ยังคงหลับตาซุกหน้ากับแขนต่อไปอย่างดื้อดึง
แต่จะให้นอนต่อก็ดันหลับไม่ลงอีกแล้ว ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากใครบางคนที่นั่งลงข้าง ๆ กันโดยที่ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง เจโน่ขมวดคิ้วมุ่น พยายามคิดถึงความน่าจะเป็นที่ใครสักคนจะมานั่งตรงนี้ สุดท้ายสมองก็สั่งให้เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่มาขัดจังหวะทองของตน
“จูโน่?”
เสียงแหบทุ้มที่คุ้นเคยเหลือเกินในความคิดทำให้คนตัวเล็กขยี้ตาไม่ยั้งแรงเพื่อจะมองอีกฝ่ายให้ชัดเจน เจโน่ขยับปากทำท่าจะพูดแต่ก็ถูกขัดด้วยประโยคที่สองของอีกฝ่ายเสียก่อน
“ผมทำให้จูโน่ตื่นหรือเปล่าครับ?”
ก็รู้ตัวนี่.. เจโน่งึมงำในใจ หรี่ตามองอีกฝ่ายก่อนจะร้องอ่อกับตัวเอง ตรงนี้เป็นที่นั่งของจูโน่เพราะฉะนั้นคนที่มาขัดเวลานอนเขาได้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูคัส คนพี่ลอบเบ้ปากในใจอย่างหมั่นไส้ ดูเอาเถอะ เขาเจออีกฝ่ายมาตั้งหลายครั้งยังไม่เคยได้รับน้ำเสียงอ่อนโยนเบอร์นี้เลย
“ลู..คุณลูคัส?”
เจโน่คันปากยิบ ๆ จำครั้งสุดท้ายที่เรียกอีกฝ่ายอย่างสุภาพขนาดนี้ไม่ได้แล้ว (หรืออันที่จริงมันอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย) แต่ในเมื่อลูคัสอยากคิดว่าเขาเป็นจูโน่ เขาจะใจดีเป็นจูโน่ให้อีกฝ่ายแล้วกัน
“หื้ม?”
ลูคัสทำเสียงนุ่มละมุนจนเจโน่อยากขอพักยกแล้วหลบมุมไปโก่งคอเพราะความเลี่ยน เขากระพริบตาปริบ ๆ มองอีกฝ่าย ชั่วขณะหนึ่งก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าถ้าเป็นจูโน่จะทำยังไงในสถานการณ์น่าคลื่นไส้แบบนี้
ในหัวเจโน่ร้องแต่ว่า ขอพักยก! ขอพักยกเดี๋ยวนี้เลย!
ลูคัสส่งเสียงหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางมึน ๆ เบลอ ๆ ของคนตายิ้ม “สงสัยผมจะปลุกจูโน่จริง ๆ แล้วสิ”
“คุณลูคัสไม่ได้ปลุกเราเลย” เจโน่ฉีกยิ้มหน้าซื่อ ส่ายหัวดุ๊กดิ๊กตอบ “เรากะพักสายตาก่อนเพื่อนมา..แต่คุณลูคัสดันมาเห็นก่อน” เจโน่ยกมือขึ้นถูปลายจมูกด้วยท่าทีราวกับกำลังเขินอาย
บอกเลยนะว่าเจโน่น่ะแอคติ้งอลังการที่สุด -- รางวัลนักแสดงชายดีเด่นไม่เกินเอื้อมแล้ว!
ลูคัสโคลงศีรษะ มองเขาด้วยแววตายิ้ม ๆ ที่ไม่ปิดบังความรู้สึกในนั้นสักนิด คนที่โดนสายตาแบบนั้นแอทแทคถึงกับผงะค้าง เดี๋ยวนะ...จะว่ายังไงดีล่ะ ลีเจโน่รู้สึกคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เหลือเกิน ยิ่งแววตาแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้...เจโน่ทำตาโต หรือว่า--
อย่าบอกนะว่าลูคัสชอบจู!
โอ้ย นี่มันข่าวใหญ่เลยนะ!
จะว่าตกใจก็ตกใจ (กับสมมุติฐานของตัวเองที่เจโน่ฟันธงเลยว่าใช่!) แต่ในหัวน่ะดันผุดแผนการชั่วร้ายขึ้นมาทันใด เจโน่หัวเราะหึหึในใจอย่างเป็นต่อ ถ้าสามารถหัวเราะเสียงแหลมสูงแบบตัวร้ายในการ์ตูนได้คนพี่ก็คงจะทำไปแล้วแน่ ๆ
ตอนแรกเขาก็แค่คิดว่าลูคัสดีกับจูโน่ตามประสาคุณอดีตประธานนักเรียนผู้เข้ากับคนง่าย แต่พอมาเห็นกับตาทำให้รู้ว่าคงไม่ใช่แค่มิตรภาพแบบเพื่อนแล้ว เอาซี่ ลีเจโน่อยากรู้เหมือนกันว่าคุณประธานนักเรียนที่ดีแต่ปั้นหน้าบึ้งตึงใส่กันจะจีบลีจูโน่ที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะยังไง
“คุณลูคัส”
เจโน่กระซิบเสียงเบาหวิว ขยับกายเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วเท้าคางกับโต๊ะพร้อมเอียงคอน้อย ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มแบบที่อินจุนเรียกว่ายิ้มอ่อยเหยื่อออกมา
ลูคัสชะงัก ชั่วขณะหนึ่งคล้ายลมหายใจเขาสะดุดไป การสบตาใสกระจ่างกับยิ้มจนตาปิดของคนตรงหน้าทำให้หัวใจเขายิ่งเต้นผิดเพี้ยนไป ลูคัสหลุบสายตาแล้วเสหน้ามองทางอื่นเมื่อได้ยินเสียงในสมองสั่งให้ปิดรอยยิ้มหวานจ๋อยนี้ด้วยอวัยวะเดียวกันเสีย ลูคัสรู้ตัวเสมอว่าเขาเป็นคนใจร้อนขัดกับภาพลักษณ์ที่แสดงออก และถ้ายังมองรอยยิ้มนี้ต่อเขาคงอดใจให้อยู่เฉย ๆ ไม่ไหวแล้ว
จูโน่ที่เขารู้จักคือเจ้าของรอยยิ้มแสนซื่อที่ทำให้คนมองต้องยิ้มตามเสมอ เป็นคนที่มีนิสัยน่ารักโดยไม่ปั้นแต่ง ทั้งหมดนั้นรวมกันแล้วเป็นจูโน่ที่ทำให้หวั่นไหวได้อย่างไม่ขาดไม่เกิน ดังนั้นรอยยิ้มหวานจ๋อยของคนตรงหน้า...เขาไม่ชินสักนิด
แต่ลูคัสเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าลีจูโน่ที่เป็นแบบนี้...ทำให้ใจเต้นผิดจังหวะไปจริง ๆ
“จูโน่มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ลูคัสพึมพำตอบพร้อมขยับกายออกห่างเล็กน้อยอย่างสุภาพ เจโน่เผลอหลุดรอยยิ้มขันออกมา ท่าทางลูคัสเหมือนกำลังโดนลุงแก่ ๆ ลวนลามยังไงก็ไม่รู้ หรือท่าทางเขามันจะส่อเค้าไปทางนั้นจริง?
เอาเถอะ เป็นลุงแก่ก็เป็นลุงแก่สิ ส่วนลูคัสก็เป็นอิหนูให้เจโน่ก็แล้วกัน!
คนที่เข้ามาก่อกวนหัวใจคนอื่นให้สั่นไหวส่ายหน้าพร้อมยิ้มตาหยี ทำเอาลูคัสจนใจ ได้แต่หยิบหนังสือขึ้นมาทบทวนเพื่อขจัดความฟุ้งซ่านในหัว
ส่วนตัวการที่ทำให้คนตัวสูงฟุ้งซ่านตอนนี้เป็นยังไงน่ะหรือ? ตัวการที่ไม่รู้ร้อนรู้หวานก็กำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วเอียงคอมองคนข้าง ๆ ด้วยแววตากรุ่มกริ่มยังไงล่ะ
เจโน่แทบกลั้นขำไม่ไหว ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเหมือนลวนลามลูคัสด้วยสายตาเข้าไปใหญ่ คนพี่ไม่เคยมีโอกาสมองลูคัสในบรรยากาศเงียบ ๆ แบบนี้สักครั้ง--ไม่สิ อย่างน้อยก็มีครั้งหนึ่งล่ะ ตอนที่ลูคัสจับได้ว่าเขาปีนกำแพงเข้ามาครั้งแรก ตอนนั้นเจโน่ยังเกรง ๆ อีกฝ่ายอยู่เลยยอมนั่งนิ่งในห้องคณะกรรมการแต่โดยดี ยอมโดนดุแต่โดยดี แถมยอมโดนตัดคะแนนแต่โดยดี คิดแล้วเจ็บใจเป็นบ้า!
หลัง ๆ มาถึงโดนจับได้ว่าปีนกำแพงหรือมาสายเจโน่ก็รู้จักวิธีหลบหลีกมากขึ้นแล้ว เขาถึงบอกว่าทุกความเชี่ยวชาญเกิดจากการฝึกฝนยังไงล่ะ––สรุปว่า เขาไม่เคยคุยดี ๆ กับอีกฝ่ายสักครั้ง ดังนั้นช่วงเวลาที่เงียบสงบแบบนี้อย่าได้มาถามหาจากพวกเขา
พอได้ไล่มองลูคัสโดยละเอียด ถึงพบว่าอดีตประธานนักเรียนคนนี้หน้าตาดีกว่าที่เขาคิดมากจริง ๆ เหมือนพระเจ้าจะลำเอียงปั้นผู้ชายคนนี้ให้โดดเด่นไปทุกส่วน ทุกอย่างบนใบหน้าเมื่อรวมกันแล้วทำให้เจโน่เอ่อออกับตัวเองว่าไม่เสียทีท่าเป็นอิหนูของลีเจโน่เลย!
ไม่ว่าใครหากโดนจ้องอย่างไม่ลดละคงทำตัวเหมือนไม่รู้สึกไม่ได้ ลูคัสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาละสายตาจากหนังสือ หันไปสบตาคนที่จ้องเขาอย่างกับเป็นขนมชิ้นหนึ่ง คนตัวโตกว่าเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายคล้ายตั้งคำถาม ก่อนจะหลุดยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็น ‘จูโน่’ ส่ายหัวดุ๊กดิ๊กเหมือนกำลังตอบว่าไม่มีอะไร
“หน้าผมไม่ได้มีอะไรติดใช่มั้ยครับ?”
ถ้าเป็นตอนเจอกันปกติ เจโน่คงตีความมันได้ว่า ‘หยุดมองซักที!’ แต่กระนั้นลูคัสคงไม่พูดจาแบบนี้กับคนที่ตนเองชอบแน่นอน เพราะฉะนั้นอีกฝ่ายคงพูดล้อเลียนเขาที่เอาแต่มองมากกว่า
เจโน่หัวเราะให้ดูธรรมชาติที่สุดแล้วปั้นรอยยิ้มน่ารัก ๆ ตอบกลับไป
“ก็เราชอบมองคุณลูคัสนี่ เราขอมองอีกสักนิด..”
“...”
“คุณลูคัสคงไม่ว่าใช่มั้ย?”
ลูคัสมองเขาคล้ายไม่เชื่อสายตา ดวงตาที่เมื่อครู่ยังสบกันอยู่ดี ๆ กลอกหนีอย่างว่องไวคล้ายทำอะไรไม่ถูก คุณประธานที่ปกติรักษาบุคลิกได้อย่างดี เสียอาการไปในทันใด
เจโน่แทบกระโดดโลดเต้นในใจ จะมีสักกี่คนที่ทำให้คุณประธานนักเรียนเขินได้กัน? เขาล่ะอยากจะเก็บสีหน้าลูคัสตอนนี้ไปให้เพื่อนสาวที่กรี๊ดผู้ชายคนนี้อยู่จริง ๆ
ลูคัสทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงบานประตูดันดังขึ้นเรียกความสนใจจากพวกเขาทั้งคู่เสียก่อน เป็นจูโน่ที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมมองมาที่พวกเขาทั้งคู่ พอคนตัวเล็กเห็นเพื่อนใหม่กำลังคุยกับพี่ชายด้วยท่าทีสนิทสนมก็ยิ้มเต็มแก้มส่งให้อีกฝ่ายทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลูคัส”
จูโน่โบกมือหยอย ๆ ให้เพื่อนหมายเลขหนึ่งในห้องเออย่างอารมณ์ดี พระอาทิตย์เมื่อเช้าส่องแสงอบอุ่นจนพาลทำให้แฝดน้องคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่เขามีความสุขทั้งวันแน่นอน
ในวินาทีนั้นลูคัสคล้ายจะกลายเป็นก้อนหินแข็ง ๆ ก้อนหนึ่งไปในทันทีที่ได้ยินคำทักทายจากจูโน่ แววตาที่อบอุ่นเมื่อครู่มลายหายไปในทันใด เขาหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยประกายโทสะในตา กรามคมกริบขึ้นเป็นสันจากอารมณ์ของเจ้าของที่หงุดหงิดเหลือประมาณ
“ลี-เจ-โน่”
คนโดนเรียกเชื่อกระเด้งตัวลุกจากที่นั่งไปยืนข้างน้องชายอย่างกับติดปีก แถมสีหน้ายังไม่มีความรู้สึกผิดให้เห็นอยู่สักกระพรืด เจโน่แย้มยิ้มแล้วส่งเสียงตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้จูโน่
“หื้อออ? ว่ายังไงครับ คุณ-ลู-คัส”
“เจโน่!”
เจ้าของชื่อแสร้งทำตาโตแล้วโน้มตัวข้ามโต๊ะไปหาคนที่ใบหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าน้ำเสียง นิ้วชี้ถูกทาบลงบนริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายเป็นสัญญาณให้เงียบเสียง เจโน่โน้มกายลงไปให้ริมฝีปากอยู่ระดับเดียวกับอวัยวะรับเสียงของฝ่ายตรงข้าม
“ไปก่อนนะครับคุณลูคัส ♡”
คนพี่พูดด้วยเสียงหวานเหลือประมาณ ไม่ลืมขยิบตาให้อดีตประธานนักเรียนอย่างไม่เกรงกลัว พอกลั่นแกล้งจนพอใจก็รีบวิ่งออกมาจากห้องเอ เขาไม่ลืมตบบ่าแฝดน้องเบา ๆ สองสามทีพร้อมรอยยิ้มสดใสเสียยิ่งกว่าสดใส เมื่อพ้นเขตอันตรายเจโน่ก็ยกมือขึ้นปิดปาก หัวเราะออกมาอย่างไม่เก็บอาการณ์ คิดถึงใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายก็เผลอหลุดยิ้มอีกหน
อิหนูของเขาน่ารักขนาดนี้ จะอดใจไม่ให้แกล้งยังไงไหว?
(50%)
“รอบสุดท้ายแล้ว เต็มที่หน่อย!”
จูโน่หอบหายใจแฮ่ก ศอกชันอยู่กับเข่าขณะที่เขาก้มหน้าสูดอากาศเข้าปอด ความเย็นที่ยังคงเหลือเหลือจากฤดูหนาวเสียดแทงในโพรงจมูกจนคนน้องรู้สึกเหมือนโลกกำลังจะถล่มมาขึ้นไปทุกที
“ลีจูโน่”
เสียงเร่งเร้าจากอาจารย์วิชาพละทำให้จูโน่เม้มริมฝีปากแน่น วิ่งกลับไปคว้าลูกบาสมากอดในอ้อมแขนขณะเดินกลับไปที่จุดสตาร์ท วันนี้เป็นการเริ่มฝึกทักษะง่าย ๆ อย่างการเลี้ยงลูกบาสให้ไปถึงกรวยอีกด้าน แต่แฝดลีคนน้องลองมาสามรอบแล้วกลับไม่ถึงจุดหมายเสียที พอคิดว่าทุกสายตากำลังจดจ้องมา คนที่ปกติก็ไม่ค่อยจะมั่นใจในตัวเองอยู่แล้วยิ่งสั่นสะท้านเข้าไปใหญ่
จูโน่สุดลมหายใจลึก ๆ ความรู้สึกของมือที่กำลังสั่นอยู่ใต้เสื้อวอร์มนั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไร แต่ถึงแบบนั้นก็ยังลองพยายามอีกครั้ง
“ลีจูโน่พอแค่นี้ ไปแยกฝึกตรงนู้นให้คล่องแล้วค่อยกลับมา”
ลูกบาสที่กลิ้งกระดอนไปไกลส่งเสียงกระทบพื้นก้องพร้อมกับเสียงของอาจารย์ที่ไล่ตามหลังมา คนน้องพยักหน้าคางแทบชิดอก ถึงอากาศจะยังคงเย็นเพราะช่วงคาบเกี่ยวของฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิ แต่กรอบใบหน้าของจูโน่กลับมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดซึมอยู่
คนน้องวิ่งไปคว้าลูกบาสแล้วโอบอุ้มไปที่มุมหนึ่งของโรงยิมโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีก จูโน่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อาจจะเป็นหนที่ร้อยแล้ว มันมากเกินกว่าจะนับ เพราะต่อให้เป็นหนที่หนึ่งร้อยหนึ่งเขาก็ไม่สามารถระงับอาการหวั่นวิตกของตัวเองได้อยู่ดี
ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ากับแค่การเลี้ยงลูกบาสง่าย ๆ ทำไมถึงทำไม่ได้
ถ้าเจอยู่ตรงนี้เจต้องทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกแน่ ๆ
ถ้าเจอยู่ด้วยก็ดีสิ
มองลูกบาสที่เขาใช้ฝ่ามือตีจนเริ่มเจ็บแต่มันกลับไม่ยอมกระดอนอย่างสวยงามแบบที่อาจารย์ทำให้ดู จูโน่เม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกอึดอัดในอกจนอยากวิ่งไปให้พี่ชายกอดเสียเดี๋ยวนี้ พลันด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“จูโน่ครับ”
“คุณลูคัส?”
อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อย พึมพำบอกให้จูโน่ลองเลี้ยงลูกบาสให้ดูอีกหน ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงและวิธีพูดของอีกฝ่ายกลับไม่ทำให้อึดอัดเหมือนคราที่อาจารย์พูด จูโน่พยักหน้าไว ๆ จนผมนุ่มสะบัดไปตามแรง ลูคัสหลุดยิ้มกับท่าทางกระตือรือร้นและท่าทางการ ‘ฮึบ’ ให้กำลังใจตัวเองของคนน้อง
“ทำไม่ได้จริง ๆ”
จูโน่คอตกกับความล้มเหลวอีกหนของตัวเอง มองลูกบาสที่กลิ้งไปหาลูคัสอย่างอ่อนแรงเหมือนตัวเขาในตอนนี้ เงยหน้ามองลูคัสโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสีหน้าของตัวเองตอนนี้ย่ำแย่ถึงเพียงไหน มันเหมือนปริ่ม ๆ ว่าจูโน่จะร้องไห้ออกมาในวินาทีข้างหน้าอยู่แล้ว
“จูโน่ลองเปลี่ยนมาใช้ปลายนิ้วแทนฝ่ามือดู แบบนี้ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายปลอบ พลางเลี้ยงลูกบาสให้ดูอย่างช้า ๆ คนน้องจ้องอย่างตั้งอกตั้งใจเสียยิ่งกว่าตอนอาจารย์บอกแนวข้อสอบ “ถ้าใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันจะง่ายต่อการควบคุมมากกว่า เวลาลงแรงก็ใช้การกระดกข้อมือพอไม่ต้องใช้แรงส่งจากทั้งแขน ถ้าฟาดมันแบบนั้นจะเจ็บมือเอานะ”
คนน้องพยักหน้าหนักแน่น รับลูกบาสมาแล้วย่อสะโพก โน้มกายลงเล็กน้อยตามคำบอกของคุณลูคัส ค่อย ๆ เลี้ยงลูกช้า ๆ อย่างตั้งใจตามวิธีที่อีกฝ่ายบอก ถึงแม้จะไม่ได้คล่องแคล่วในครั้งแรกแต่พอหนที่สามหนที่สี่มันก็ดูดีจนคนน้องนึกแปลกใจในตัวเอง
จูโน่พรูลมหายใจ อยู่ดี ๆ ก็หลุดยิ้มกับตัวเองยกใหญ่
“คุณลูคัสดูสิ!”
“จูโน่เก่งมาก ๆ เลย”
ยิ้มรับตาหยีกับคำชมจากคนสอนที่บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มกว้างเช่นเดียวกับเขา กดลูกบาสลงกับพื้นแล้วย่อตัวไปเก็บมันกลับเข้าสู่อ้อมกอด
“คุณลูคัสก็เก่งมาก ๆ เลย”
คนที่เดิมเป็น 'เพื่อนต่างห้องคนแรก' ก็เลยเลื่อนเป็น 'เพื่อนใหม่' ที่ก้าวเข้ามาอยู่ในกำแพงของจูโน่ด้วยวิธีอันสามัญอย่างนี้เอง
จูโน่ยิ้มแก้มกลม คุณลูคัสทำให้ลูกบาสในอ้อมแขนดูเป็นมิตรขึ้นแยะเลย
"เหลือกองนี้ก็เสร็จแล้วสินะ?"
จูโน่งึมงำ พ่นลมหายใจแรงเหมือนใกล้ ๆ จะงอแงอยู่ร่อมร่อจนอดีตประธานนักเรียนหลุดหัวเราะ
“พักได้แล้ว เดี๋ยวที่เหลือผมทำต่อเองครับ”
เขาว่าพลางดึงเอกสารทั้งกองนั้นไป แต่คนน้องก็ยังตามไปดึงบางส่วนกลับมาวางไว้หน้าตัวเองอยู่ดี
“ไม่เอาซี เราจะช่วยคุณลูคัสทำ”
“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะผม จูโน่ก็คงไม่ต้องมาทำงานพวกนี้” เขาหมายถึงกระดาษคำตอบกองโตหลายกองที่อาจารย์ร้องขอให้คุณหัวหน้าห้องช่วยจัดการให้ และอาจารย์ที่ดันเหลือบมาเห็นจูโน่ผู้นั่งข้าง ๆ คุณลูคัสเลยโดนเรียกไปด้วยเลย
“จูเต็มใจที่สุด!”
คนน้องว่าด้วยท่าทีมุ่งมาด แบบที่จะไม่ยอมให้ขัด แล้วก็จะไม่ยอมให้บ่ายเบี่ยงด้วย เพราะหลังจากชั่วโมงพละตอนบ่าย จูโน่ก็คิดไว้แล้วว่าจะให้ลูคัสเป็นเพื่อนอันดับหนึ่งในห้องเอที่จูโน่จะไม่มีวันไม่ดีด้วยเด็ดขาด
อาจจะเพราะว่าอีกฝ่ายให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนพี่ชายไม่มีผิด (แต่คุณลูคัสไม่ขี้แกล้งแบบเจหรอกนะ) แถมมีอะไรก็คอยจะช่วยจูเสมอ คนที่อยากมีเพื่อนมาก ๆ อย่างคนน้องก็เลยเปิดใจให้เพื่อนใหม่อย่างง่ายดาย ข้อเสียอย่างเดียวก็คือ...พออยู่กับคุณลูคัสมาได้เกือบ ๆ อาทิตย์ นิสัยที่เคยชินจะทำกับพี่ชายและกลุ่มเพื่อนก็ค่อย ๆ เผยออกมา
อย่างอาการดื้อตาใสแบบนี้ก็ทำให้ลูคัสหลุดยิ้มวันละหลายรอบโดยที่คนน้องเองไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าทำให้ใครอีกคนเอ็นดูมากขึ้นอีกแค่ไหน ลูคัสยิ้มอย่างอ่อนใจสุดท้ายก็ยกมือสองข้างขึ้นคล้ายยอมแพ้ จูโน่หัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่าย ยู่จมูกใส่คุณหัวหน้าห้องก่อนจะลงมือจัดการกระดาษคำตอบต่อ
แสงแดดยามเย็นลอดส่องผ่านหน้าต่างบานสูง ตกกระทบลงที่เด็กหนุ่มสองคนซึ่งนั่งเผชิญหน้ากันมีเพียงโต๊ะเรียนหนึ่งตัวคั่นกลางเอาไว้ ลูคัสมองใบหน้าเจ้าของโต๊ะที่ด้านนึงถูกอาบด้วยแสงอาทิตย์ อาจจะเพราะรู้สึกว่ามันร้อนเกินไป สุดท้ายก็เลยยกกระดาษขึ้นมาบดบังแสงไม่ให้กระทบใบหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ อีก
ส่วนคนที่กำลังจดจ่อกับการสะสางงานให้อาจารย์ก็ไม่ทันสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ด้วยซ้ำ จูงับริมฝีปากล่างขณะเพ่งสายตามองบรรทัดสุดท้าย ตวัดเขียนจนหมดก็ถอนหายใจเฮือกก่อนร้องเย้เสียงดังขณะเงยหน้ามองเพื่อนใหม่
คุณหัวหน้าห้องยิ้มกว้างให้จูโน่ และในดวงตาก็สะท้อนภาพของคนน้องที่ยิ้มตาหยีกลับมาให้ ลูคัสชันศอกเท้าคาง เอียงใบหน้ามองจูโน่ที่อยู่ห่างไม่กี่คืบ
“น่าดีใจขนาดนั้นเลยหรือครับ?”
จูโน่ยู่จมูก ผงกหัวไว ๆ เพื่อยืนยันอย่างหนักแน่นว่ามันน่าดีใจแค่ไหน ลูคัสส่ายหน้าอย่างจนใจ ริมฝีปากเขาเหยียดโค้งน่ามอง แต่มือข้างที่ถือกระดาษบังแดดให้แฝดน้องกลับยังไม่ยอมลดวางเหมือนลืมตัว กระทั่งแฝดน้องหยิบกระดาษขึ้นมาบังแดดที่ตกกระทบใบหน้าอีกคนบ้างนั่นแหละ ลูคัสถึงค่อยรู้สึกตัว
คนน้องหลุดหัวเราะกับใบหน้าไม่ทันตั้งตัวของคุณหัวหน้าห้อง มือที่ถือกระดาษบังแดดให้ลดลงกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมจะเกี่ยวมือของลูคัสให้กลับมาวางบนโต๊ะเช่นเดียวกับตัวเอง จูโน่ยิ้มแก้มกลม เอ่ยขอบคุณน้ำเสียงใสแจ๋ว
เอ่ยชักชวนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันให้เอาไปส่งอาจารย์จะได้กลับบ้านเสียที แต่กลับกลายเป็นว่าพอส่งกองกระดาษพวกนั้นให้อาจารย์หมด เขากลับมอบหมายงานอีกชั้นกลับมาให้คุณหัวหน้าห้อง ในใจจูโน่นึกอยากจะตบไหล่ปุ ๆ ปลอบใจเพื่อนตัวสูงที่เหมือนจะมีงานวิ่งเข้าชนไม่ขาดสาย
“คุณลูคัสไม่ได้เป็นประธานนักเรียนแล้วก็ยังต้องควบคุมงานประจำปีอีกหรือครับ?”
จูโน่เหล่มองแฟ้มบางในอ้อมแขนอีกฝ่าย ก็พอรู้อยู่ว่าคณะกรรมการนักเรียนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของงานประจำโรงเรียนที่ทั้งสามสายชั้นต้องเข้าร่วมกิจกรรม แต่ไม่เห็นรู้เลยว่าคนที่อยู่ปีสามแล้วอย่างคุณลูคัสจะยังต้องลงไปทำด้วย
“มันเป็นโครงฯที่จะส่งต่อให้รุ่นน้องน่ะครับ บวกกับช่วยประธานปีนี้จัดการพวกเอกสารต่าง ๆ อย่างตอนที่ผมเป็นประธานนักเรียน พี่ปีสามก็คอยช่วยเรื่องเอกสารไว้มากเหมือนกัน”
คนน้องพยักหน้าหงึก ๆ ขณะฟังอีกคนอธิบาย พอนึกถึงงานประจำปีก็ชักจะตื่นเต้นขึ้นมาอีกนิด มันเป็นกิจกรรมของทั้งสามสายชั้น โดยแต่ละห้องก็จะส่งตัวแทนมาจับสลากว่าใครจะได้ทำกิจกรรมอะไร เช่น ขายอาหาร ขายน้ำ อะไรเทือก ๆ นั้น อย่างตอนที่จูอยู่ปีหนึ่งก็ได้ทำคาเฟ่ต์ขายขนมหวาน นึกถึงเสียงหัวเราะในตอนนั้นก็ชักจะอยากให้ถึงไว ๆ แล้ว
“ปีนี้มีรางวัลเหมือนเดิมมั้ยครับ?”
ถามด้วยดวงตาวาว ๆ อย่างคาดหวัง เพราะที่ทุกคนยอมทุ่มเทให้งานประจำปีกันอย่างสุดความสามารถก็เพราะว่ารางวัลในแต่ละปีเนี้ยแหละ!
ลูคัสยิ้มขำ “มีแน่นอนครับ แต่ว่าเป็นอะไรอันนี้ต้องดูงบก่อน ถ้าขอสปอนเซอร์ได้มากก็อาจจะรางวัลใหญ่เลย”
“โอ้โห้ มีสปอนเซอร์ด้วย?”
“ครับ พวกป้ายอาหารหรือเครื่องดื่มของแบรนด์ต่าง ๆ ที่ติดตรงซุ้มกิจกรรมของปีก่อน ๆ จูพอจะนึกออกมั้ย พวกนั้นเขาจะให้เงินสนับสนุนกิจกรรม คณะกรรมการนักเรียนก็เอาเงินส่วนนี้มาใช้ในส่วนของรางวัลและบางส่วนก็มาจากโรงเรียนที่ให้ด้วยครับ”
“สุดยอดไปเลย”
ลูคัสหัวเราะเบา ๆ เลื่อนประตูแล้วพยักเพยิดให้คนน้องเดินเข้าไปก่อน แต่ยังไม่ทันจะเลื่อนบานประตูปิดลงก็มีเสียงของใครอีกคนที่เหมือนกับจูโน่ไม่มีผิดดังขึ้นมา
“จู!”
คนพี่ที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างโพล่งขึ้นเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาในห้อง รีบคว้ากระเป๋าของอีกฝ่ายมาสะพายไว้ที่หลังแล้ววิ่งเข้าไปหา เจโน่กอดคอน้องชายเข้ามาชิดอกเหมือนแม่แมวหวงลูก จ้องเขม็งมองศัตรูที่ฟันธงไปในใจแล้วว่าแอบชอบน้องชายตัวเองแน่นอน
“ฮื่อ อะไรกันเนี้ย เราอึดอัดนะ”
เสียงอู้อี้ดังเล็ดลอดออกมาจากคนที่โดนพี่ชายกอดไม่ปล่อย พยายามดันออกแล้วแต่เจโน่ก็ดึงกลับไปชิดอกอยู่ร่ำไปจนจูเหนื่อยจะสู้กับคนดื้อ
เจโน่มองตามคนที่กำลังเก็บแฟ้มลงกระเป๋าด้วยท่าทีไม่รีบร้อนเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แถมอีกฝ่ายยังเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเลิกคิ้วให้เจโน่ด้วยท่าทางกวนประสาทจนเจโน่แทบแยกเขี้ยวใส่
พอสู้ไม่ได้ก็เลยจุ้บแก้มยุ้ยของน้องชายรัว ๆ ขณะที่จ้องตากับอดีตประธานนักเรียน เหมือนจะโอ้อวดว่าจูน่ะเป็นของเจคนเดียวเท่านั้น คนที่กำลังคิดไม่ซื่ออยู่อย่าหวังจะเทียบเจเลย! ಠ_ಠ
"เจ!"
จูโน่รีบยกมือขึ้นบังแก้ม แต่ว่าคนที่โดนดุก็ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด แถมยังหันไปแลบลิ้นใส่เจ้าของผิวเข้มก่อนจะลากน้องชายออกจากห้องไป
"ทำอะไรเนี้ย ไหนบอกว่าโตแล้วห้ามจุ้บแก้มกัน"
พอตั้งหลักได้จูก็ร้องแห้วขึ้นทันใด ไอนิสัยจุ้บจูโชว์คนอื่นเนี้ยเมื่อไหร่จะเลิกก็ไม่รู้ คิดว่าพอขึ้นไฮสคูลแล้วจะเลิกไปแท้ ๆ แต่นี่อะไร! จุ้บจูโชว์เพื่อนใหม่เนี้ยนะ!
แก้มกลม ๆ ของคนน้องพองลมฮึดฮัด ม้วนตัวออกจากอ้อมแขนของคนพี่แล้วกอดอกด้วยท่าทีขึงขังว่าพร้อมจะดุคนดื้อแล้ว
"ไม่รู้ไม่ชี้ จูพูดถึงอะไรเนี้ย"
"ดื้อสุดๆ"
จริง ๆ นะ เจเนี้ยดื้อที่สุดในโลกเลย แต่ยังไงจูก็ไม่เคยจะชนะคนพี่สักที ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายบ่นงึมงำเป็นหมีกินน้ำผึ้งอยู่ที่เบาะหลังของจักรยาน
“ไม่รู้ล่ะ เราไม่ให้จูอยู่ห้องเอแล้ว มาสลับตัวกับเจเลย เริ่มพรุ่งนี้เลย!”
พอเห็นน้องชายไม่ยอมตอบและไม่แม้แต่จะหันมามองก็ได้แต่เอาหัวโขกแผ่นหลังเล็กตรงหน้าซ้ำ ๆ
“ถ้าลูคัสทำอะไรแปลก ๆ กับจูมาบอกเราเลยนะ”
“คุณลูคัสดีกับจูมาก ๆ” เสียงหัวเราะของคนน้องลอยมาตามลม เหมือนกำลังบอกว่าอะไรที่เจโน่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“ก็เพราะว่าดีมาก ๆ ไงถึงยิ่งน่ากังวล…” คนพี่พึมพำ ยิ่งคิดว่าน้องชายจะต้องโดนจีบแน่ ๆ ยิ่งหวั่นวิตกมากขึ้นไปอีก สงสัยที่แม่บอกว่าเจโน่หวงจูยิ่งกว่าที่แม่หวงเด็กแฝดมันคงจะจริง ไม่รู้ทำไมตอนรู้ว่าคนอื่นชอบจูถึงไม่ได้กังวลเท่าตอนที่คิดว่าลูคัสกำลังชอบจูเลย
“สารภาพมาเลยนะว่าเมื่อเช้ามีอะไร เจไม่ได้ไปแกล้งอะไรคุณลูคัสใช่มั้ย” จูว่าพลางเหลียวมาหา แต่เพราะยังต้องมองทางข้างหน้าก็เลยไม่เห็นแววตาตื่นของคนที่เบาะหลัง
“ไม่ได้แกล้งอะไรเลยนะ ก็คุณลูคัสของจูแยกเราไม่ออกเอง เราทำอะไรผิดเนี้ย!” พอได้ทีก็บ่นยืดยาวไม่เว้นช่องให้คนน้องเถียงกลับ
แยกจูกับเจน่ะง่ายนิดเดียวเอง ขนาดอินจุนยังแยกออกเลย
บ่นอยู่ในใจพลางใช้ปลายนิ้วคลึงที่ขี้แมลงวันเล็ก ๆ ใต้ตาซ้าย มองจูโน่ที่โคลงศีรษะหัวเราะแต่ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา เจโน่งับริมฝีปากล่างของตัวเอง ใช้คางเกยหลังน้องชายแล้วถูไถไปมาคล้ายออดอ้อน ยังไม่ละความพยายามที่จะกีดกันจูให้ออกห่างจากศัตรูตัวฉกาจ
“จูมาสลับห้องกับเราสักวันเถอะ”
ป่าวนะ! ไม่ได้วางแผนจะไปแกล้งอะไรลูคัสเลย!
“หยุดเลย เรารู้หมดแล้วว่าเจวางแผนจะแกล้งคุณลูคัส”
เจโน่เบะริมฝีปากคว่ำ บ่นงึมงำ
“จูไม่สนจริง ๆ เหรอ?”
“เจ!”
ไม่สนก็ไม่สนซี จะมามองดุกันทำไมเนี้ยจูโน่!
♡♡♡♡
สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหารๆๆๆๆ
#ฟิคข้างกัน
note:
สมัยมัธยม น้องเทคเรามีฝาแฝด แล้วด้วยความไม่สนิทเลยทักน้องสลับกันบ่อย ๆ ส่วนตัวน้องแฝดเวลาจำผิดน้องก็ไม่แก้ตัวด้วย น้องจะแกล้งเนียนเป็นอีกคนเลย จนนี่มารู้ที่หลังเองบ่อย ๆ ว่าจำผิด นี่ว่าน้องเขาก็สนุกของเขาแหละ T – T
ความคิดเห็น