คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAP. IX ϟ friends, enemies
เพื่อนไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าหน้าตาดีหรูหราใช้ของมีราคา
หากแต่สิ่งที่เพื่อนจำเป็นต้องมีคือ ' ความจริงใจ '
ไว้ใจคนผิดชีวิตอาจจะพลาดเหมือนตายทั้งเป็น
----------------------------------------------------
C H A P T E R 8
‘ขอเที่ยวให้ลืมโลกก่อนละกันค่อยกลับมาจัดการปัญหาชีวิตต่อ’
ลู่หานวางแพลนเที่ยวสามวันที่ปูซานไว้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการตะลอนกินอาหารขึ้นชื่อเล่นน้ำทะเลจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ หลากหลายกิจกรรมที่คิดจะทำส่งท้ายชีวิตเด็กมหาลัย โดยไม่คิดเลยว่าสามวันนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล
ถึงแม้จะไม่ได้สนใจใครมากเป็นพิเศษก็ตามหากแต่ความจริงแล้วลู่หานและคยองซูก็นับว่าเป็นที่นิยมเงียบๆ ในกลุ่มผู้ชายหลายคนอยู่มาก ผู้หญิงก็มีหากแต่ส่วนใหญ่จะเป็นรังสีเขม่นไปซะอย่างนั้น
ติดแต่ตรงจะชอบทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลาจะยิ้มก็ต่อเมื่ออยู่กับคยองซูเพียงเท่านั้นจึงทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้ามาทำความรู้จักมากนัก หากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเพื่อนคบเลย คนเรายังไงก็ต้องมีสังคมเป็นของตัวเอง
ลู่หานมีเพื่อนในสโมสรนักเรียนจีนในเกาหลีอีกกลุ่มหนึ่งนอกจากคยองซูที่ตัวแทบจะติดกันตลอดทั้งวันหากแต่นานๆ ครั้งถึงจะได้พบปะสังสรรค์กัน จะไม่ให้นานๆ ครั้งได้ยังไงกันล่ะในเมื่อ ..
‘ท่าทางไม่น่าไว้ใจ เลิกคบเหอะลู่หาน’
คยองซูเคยพูดอย่างเอาแต่ใจจนลู่หานถึงกับส่ายหัวให้กับเพื่อนอย่างขำๆ แปลกที่คนเข้ากับคนง่ายอย่างเพื่อนตัวเล็กของเขากลับไม่ชอบพวกนี้จนเข้าขั้นรังเกียจไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ ลู่หานรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะฐานะหรืออะไรหรอก ความถูกใจชะตาล้วนๆ
คนกลางอย่างเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจาก ..
“เอาน่า ฉันจะไม่สนิทกับพวกนั้นเท่านายหรอก” ถ้าให้เลือกยังไงเขาก็ต้องเลือกเพื่อนตายอย่างคยองซูที่มีเพียงคนเดียวมากกว่าพวกเพื่อนกินเป็นโขยงเหล่านั้นอยู่แล้ว
“เรียนจบทั้งที ไปทะเลกันเถอะ” เสียงเพื่อนผู้ชายชาวจีนคนหนึ่งที่เข้ามากอดคอเอ่ยดังขึ้นมา
“ห้ามปฏิเสธนะโว้ย นายไม่เคยไปสังสรรค์กับพวกเราเลยสักครั้ง” น้ำเสียงขู่เข่นของเพื่อนทั้งกลุ่มกดดันลู่หานจนตัวต้องพยักหน้าตอบให้ไม่ได้ ..
แล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนบอกคยองซูได้ล่ะเนี่ย
จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องบอกคยองซูจนได้กว่าจะต้องกลั้นใจเอ่ยปากพูดอีกทั้งงอนง้อนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยให้ตายเถอะ นี่เพื่อนหรือเมีย .. แต่ยังไงเขาก็รู้สึกดีนะเพราะรู้ว่าที่คยองซูเป็นอย่างนี้ก็เพราะเป็นห่วง พวกเพื่อนคนจีนหน้ามันก็บอกยี่ห้ออยู่แล้วว่าไว้ใจไม่ได้
หากแต่คงไม่กล้าทำอะไรเขามากหรอกมั้ง .. อย่างน้อยก็คงแค่เล่นแผลงๆ
ผ่านด่านคยองซูมาได้แล้วหนึ่งเหลือก็แค่ลางานกับพี่แบคฮยอนก็เป็นอันเสร็จสรรพ
เกิดเป็นลู่หานนี่เหนื่อยจริงๆ !
Byun Café
9.00 AM
กรุ๊ง กริ๊ง
" ยินดีอีกครั้งนะลู่หานเรียนจบซะที " แบคฮยอนยิ้มทักทายเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นใครก่อนจะเดินนำเค้กชิ้นเล็กๆ ตกแต่งอย่างน่ารักมอบให้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มขายแบคฮยอนทำเพื่อลู่หานโดยเฉพาะอยู่แล้วโอกาสพิเศษทั้งที
" โอ้โห ใจดีเหมือนเดิมเลยนะครับ " ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างน่าเอ็นดู แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะย้ำแล้วย้ำอีกให้ทานให้หมดเพราะเขาตั้งใจทำสุดฝีมือเลยทีเดียวเป็นเค้กใหม่ที่ยังไม่ได้เอามาวางขาย
" แหน่ะ จะให้ผมเป็นหนูทดลองล่ะสิ "
" จะว่างั้นก็ได้นะ ฮ่าๆ แล้วนี่เรียนตจบแล้วจะเอายังไงต่อไปหืม " แบคฮยอนหยอกล้อกับลูกจ้างที่เปรียบเสมือนน้องอย่างเป็นกันเองก่อนจะถามถึงอนาคตอีกฝ่าย
" ก็คงจะหางานไปเรื่อยๆ แหล่ะครับนี่ก็ยื่นไปแล้วหลายที่ พี่จะไล่ผมออกแล้วหรอ!!! " ลู่หานแบะปากทำท่าจะร้องไห้ปลอมๆ ใส่แบคฮยอน
" ใครจะไล่ลงล่ะพนักงานดีเด่นแบบน้หาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน แค่จะบอกว่าระหว่างรอเขาติดต่อกลับว่างๆ มานี่ก็ได้ " แบคฮยอนว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ลู่หาน
" เพราะพี่ใจดีอย่างนี้สิน้าถึงได้เป็นขวัญใจเด็กมหาลัยแถวนี้ ว่างๆ ผมจะมาช่วยนะแต่วันอาทิตย์ต้องไปเที่ยวทะเลกับพวกเพื่อนที่สโมสรก่อนสัญญาเอาไว้แล้ว อย่าตัดเงินเดือนผมนะ ฮ่าๆ " ลู่หานพลางยู่ปากน่าหมั่นเขี้ยว
" เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย ไปกี่วันน่ะเตรียมของไปให้ครบนะหาซื้อแถวนั้นแพงจะตายไป " แบคฮยอนก็คือแบคฮยอนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายยังคงเป็นพี่ที่ใจดีคอยเป็นห่วงน้องเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
" สามวันเองครับไม่ต้องเป็นห่วง กลับมาก็ต้องหางานทำต่อละแย่จริงๆ " ว่าพลางก็ส่ายหัวให้กับสิ่งที่ต้องกลับมาเจอหลังจากไปเที่ยวจนอิ่มหน่ำ
" เอาน่าอยู่ว่างๆ ก็มาทำงานกับพี่ก่อนไง ไปเที่ยวกับเพื่อนอีกกลุ่มคยองซูไม่น้อยใจแย่รึไง " แบคฮยอนรู้ดีว่าคยองซูหวงเพื่อนเพียงคนเดียวอย่างลู่หานขนาดไหนถึงกับแปลกใจเมื่อได้ยินลูกจ้างตัวเองบอกว่าขอลาไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มอื่น
" ไปทัวร์ยุโรปกับครอบครัวเขาแหล่ะครับอีกเดี๋ยวก็จะไปเรียนอังกฤษแล้ว "
" ไม่เหงาแย่หรอไงเราปกติดตัวติดกันจะตายไป "
" ก็คงไปแหล่ะครับมีพี่จงอินไปด้วยค่อยหายห่วงหน่อย " ลู่หานตอบไปยิ้มไปพูดก็พูดเถอะคบกันมาตั้งสี่ปีพอรู้ว่าต้องแยกกันไปคนละซีกโลกแล้วก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ คยองซูเป็นลูกคุณหนูถูกเลี้ยงดูแบบประคบประงมมาตั้งแต่เด็กๆ จึงค่อนข้างน่าเป็นห่วงปกติมีอะไรเขาก็คอยจัดการให้ตลอดแต่ถ้าตอนนี้มีคนคอยดูแลอย่างจงอินแล้วเขาก็หายห่วงไปได้เปราะหนึ่งแหล่ะนะ
มักจะมีคนถามลู่หานอยู่เสมอๆ ว่าไม่คิดจะลองไปกับคยองซูหรอ ให้สอบทุนก็คงสอบได้อยู่แล้ว เขาเองก็เคยคิดนะหากแต่ลองคำนวณค่าใช้จ่ายดูแล้วถึงแม้จะได้ทุนแต่ค่ากินค่าอยู่ก็คงต้องออกเองอยู่ดี ค่าใช้จ่ายบานเบอะตั้งแต่เริ่มคิดเลยทีเดียวเขาจะบากหน้าที่ไหนไปขอเงินแม่ล่ะสู้เก็บเงินเองไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์รอไปก่อนถึงเวลาทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายคนตัวเล็กคิดแบบนั้น ..
ลู่หานจัดกระเป๋าเตรียมข้าวของเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดผนัง ก่อนจะรีบกุลีกุจรตามหาโทรศัพท์เพื่อโทรไปหาคยองซูที่ป่านนี้ต้องงอนตุบป่องไปแล้วแน่นอน และก็เป็นดังคาดเสียงแว้ดตามสายดังมาจนมือเล็กต้องคว้าโทรศัพท์ออกห่างชั่วคราว
( นายนี่นะ! ใจร้ายเกินไปแล้วนอกจากจะไม่มาส่งยังจะไม่โทรมาบอกลาอีก ถ้าฉันตกเครื่องบินตายไปนายจะเสียใจ!!! )
“ใครให้พูดแบบนี้ ตีปากเลยนะ”
( เอานั่นแหล่ะ มัวแต่ทำอะไรอยู่ล่ะช้าชะมัดเลย นี่รู้มั้ยพี่เซฮุนเบี้ยวฉันอีกละบอกว่าติดประชุมกลายเป็นฉันต้องไปกับคุณแม่แค่สองคน.. )
คยองซูยังคงบ่นไม่หยุดปากตั้งแต่เริ่มรับสาย อาจจะเนื่องด้วยสาเหตุหนึ่งคือเขาทำตัวน่าหงุดหงิดอย่างที่เจ้าตัวบอกแต่อีกสาเหตุคงจะเป็นพี่ชาย ที่จู่ๆ ก็ดันเบี้ยวบอกจะตามไปทีหลังเพราะติดเรื่องธุรกิจอะไรสักอย่าง เล่นเอาคยองซูถึงกับบ่นเป็นหมีน้อยกินผึ้ง
เมื่อสายการบินประกาศดังเรียกในที่สุดคยองซูก็จำต้องวางสายไป โดยก่อนวางก็ได้กำชับลู่หานเสียดิบดีราวกับจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นเดือน ทั้งๆ ที่ก็ไปเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น
( ถึงแล้วเฟซไทม์มาหาด้วยฉันจะหาเน็ตที่นั่นรอ ห้ามลืม!)
ใบหน้าหวานถึงกับหัวเราะออกมา เขานึกหน้าคยองซูจ้องหน้าตัวเองออกเลยล่ะ.. ดุอย่างกับเสือ
50%
- - - ♡ t r u s t m e ♡ - - -
ลู่หานหอบหิ้วสัมภาระอันน้อยนิดของตัวเองมารอก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยไปเที่ยวโดยไม่มีคยองซูเลยสักครั้งนี่คงจะเป็นการเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มอื่นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่เรียนมา
เมื่อเลยเวลานัดไปประมาณสิบห้านาทีเพื่อนหลายคนก็เริ่มทยอยกันมาสองสามคนจนในที่สุดก็ครบ ในขณะกำลังขึ้นรถจู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าที่ลู่หานไม่รู้จักแต่กลับทักทายคนอื่นทั่วทั้งรถอย่างสนิทสนมตามมาสมทบอีกสองสามคน แม้จะค่อนข้างไม่ชอบใจเพราะเพื่อนๆ รับปากกันไว้แล้วว่าจะมีแต่พวกเขากันเองหกเจ็ดคน
แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีหากเขาจะถามมากซอกแซกอะไรในตอนนี้ ..
แม้จะไม่ค่อยคุ้นหน้าในมหาลัย หากแต่ลู่หานกลับมองโลกในแง่ดีคิดไปว่างเพราะเอาแต่ตัวติดกับคยองซูเกินไปเขาเลยไม่ค่อยรู้จักใครนัก .. ด้วยความเหนื่อยอ่อนที่ไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่นักเมื่อคืนทำให้ลู่หานผล็อยหลับไปในทันทีหลังจากที่รถออกได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
รถเคลื่อนตัวไปได้ไม่ไกลออกนักก็เลี้ยวหัวออกนอกเมือง ซึ่งเป็นคนละทิศกับจุดหมายที่เหล่าบรรดานักศึกษาจบใหม่ต้องการจะไป ทุกคนรู้ดีว่าจุดหมายที่แท้จริงคือที่ไหนจึงได้แต่มองหน้ากันเงียบๆ เว้นก็เพียงแต่ลู่หาน .. ที่ไม่รู้เลยอะไรสักนิด
" โทษทีนะลู่หาน พวกฉันจำเป็นจริงๆ " เสียงพูดเบาๆ ทำเอาลู่หานสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเล็กน้อยเขาไม่เคยชินกับการนอนท่ามกลางผู้คนเยอะๆ จนตื่นขึ้นมาเอาซะง่ายๆ เมื่อทุกคนเห็นคนที่งัวเงียทำท่าจะตื่นจะรีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว
ลู่หานรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อสังเกตโดยรอบกลับไม่พบอยู่บนรถไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนหรือคนขับรถ สีหน้าคนตัวเล็กเริ่มไม่ค่อยสู้ดีกับลางสังหรณ์แปลกๆ เมื่อมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างกลับพบเพื่อนที่ค่อนข้างรู้จักดีกำลังคุยกับคนแปลกหน้าที่นั่งติดรถมาด้วยอย่างเคร่งเครียด
นี่มันอะไรกัน?
มือเล็กเริ่มดึงประตูรถหากแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงลองพยายามเคาะกระจกเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนด้านนอก หากแต่ไม่มีคนสนใจเลยสักนิดทั้งๆ ที่เสียงก็ไม่ใช่เบาๆ ..
ไม่สิ!
ลู่หานสบตาเข้ากับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง .. หากแต่เขาคนนั้นกลับรีบหันหน้าไปทางอื่นทันทีทำราวกับไม่เห็น ไม่จริงน่า นี่มันอะไรกันเขางงไปหมดแล้ว
ผ่านไปไม่ถึงสองนาทีคนแปลกหน้าหน้าตาหน้ากลัวทั้งสองและคนขับรถก็ขึ้นรถมาทันทียิ้มทักทายลู่หานอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกตัวรถ ..
“แล้วคนอื่นล่ะ!!!” เสียงเล็กตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจดวยสีหน้าตระหนก
“เดี๋ยวก็ตามมาเองแหล่ะน่า นอนซะ” คนแปลกหน้าคนแรกที่นั่งข้างรถขับรถว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทางข้างหน้า
“ไม่! พวกเขาไปไหน”
“เอ๊ะ บอกให้นอนสิ” เริ่มหันมาทำท่าทางหงุดหงิดใส่จนลู่หานสะดุ้งตกใจ เมื่อเจออย่างนี้มันทำให้ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก ..
“พวกนายกำลังจะพาฉันไปไหนกันแน่!!!” คนตัวเล็กว่าอย่างไม่ยอมแพ้ถามย้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนในที่สุดคนแปลกหน้าอีกคนหันไปพูดกับเพื่อนด้านหน้าด้วยท่าทางรำคาญสุดจะทน
“บอกแม่งไปเหอะ รำคาญ”
“พวกนั้นมันเอาแกมาแลกพนันบอล เข้าใจแล้วก็หุบปากซะ”
“ฮะ? อะไรนะไม่จริง พวกนั้นไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ฉันจะแจ้งตำรวจ!” คำพูดข่มขู่ของลู่หานกลับเรียกเสียงหัวเราะอันแสนน่ากลัวของคนทั้งคันรถได้เป็นอย่างดี แจ้งตำรวจงั้นหรอ น่าขำสิ้นดี
“เพื่อนแกเลวได้ยิ่งกลัวนี้อีกมันทำบ่อยจะตายไป สงบสติอารมณ์ซะ”
“ไม่ ไม่จริง ปล่อย ปล่อยสิโว้ย ปล่อยนะ ปล่อยยยยยยยยยย!!!!”
ลู่หานดิ้นไปดิ้นพยายามหาทางเอาตัวรอดทำแม้กระทั่งแอบหนีไปตอนรถหยุดเติมน้ำมันจนในที่สุดพวกชั่วสองคนนั้นทนไม่ไหวจัดการนำเชือกที่อยู่ท้ายรถมามัดแขนมัดขาของลู่หานพร้อมกับนำผ้ามามัดปากไว้จนแน่นไปหมด
“หมดฤทธิ์สักที ตัวแค่นี้แรงเยอะชิบหาย !!!!”
เมื่อมองไม่เห็นหนทางรอดของตัวเอง คนตัวเล็กก็ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเขาน่าจะเชื่อคยองซูว่าเพื่อนพวกนั้นมันไม่น่าไว้ใจ ถึงแม้จะไม่สนิทกันมากแต่ลู่หานก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นจะกล้าเอาเขามาขายแบบนี้ โลกมันโหดร้ายเกินไปจริงๆ คำว่ามิตรภาพคงมาหลังคำว่าเอาตัวรอดซะล่ะมั้ง
แล้วชีวิตเขาต่อไปนี้จะเจออะไรบ้าง
คิดถึงคยองซู ได้โปรดช่วยฉันด้วย ..
แม้จะรู้ว่าโอกาสแทบจะเป็นศูนย์ แต่เขาก็อดหวังไม่ได้จริงๆ
100 แล้วจย้า
#ฟิคเชื่อใจ
ความคิดเห็น