ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมคนกระทะเดือด

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 สายน้ำที่ไหลท่วม

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 48


    ตอนที่ 3 สายน้ำที่ไหลท่วม



        พ่อของกุยยาร่วมถึงนักรบในเผ่าลีซอ  กำลังนั่งล้อมวงคุยกับเจฆาและทหารของล้านนา



        “ข้าว่าพวกพม่าต้องกลับมาอีกแน่  ยิ่งพวกเราฆ่าวาตูตายด้วยแล้ว”  เจฆากล่าวขึ้น



        “นักรบในเผ่าของเรามีไม่มาก  ต่อให้รวมชาวบ้านเข้าไป  ก็เห็นจะสู้พวกพม่าจำนวนมากไม่ไหว”   พ่อของกุยยากล่าวด้วยความหมดอาลัยตายอยาก  “คงต้องให้พวกผู้หญิงกับเด็กหนีไปหลบก่อน”



        “ถ้าหนี  เราก็ต้องหนีไปตลอด  แล้วเราจะเอาแผ่นดินที่ไหนอยู่”  อ้วนเกิ้ลเอ่ยขึ้น



    “ก็ยังดีกว่าให้ตายกันหมด  เจ้าก็เห็นสิ่งที่พวกพม่าทำกับพวกเรา  เราสู้พวกนั้นไม่ได้แน่”



    “ข้ามีวิธี”  



        “วิธีอันใดรึ”  หัวหน้าเผ่าถามด้วยความสงสัย



        “หมู่บ้านเราอยู่ใกล้แม่น้ำปิง  นี่ใกล้ได้เวลาน้ำหลากแล้ว”  อ้วนเกิ้ลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  

    ..............................................

        นักรบของพม่ากว่า 400 คนต่างหยุดยืนรออยู่บริเวณทุ่งราบหน้าทางเข้าป่าซึ่งเป็นกันชนเดียวที่ใช้ป้องกันเผ่าลีซอจากการรุกราน



        มหาบรรณไผ่จ้าวแห่งพม่าเป็นผู้นำทัพมาด้วยตนเอง เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรัง ใบหน้าแก่กว่าอายุราว 20 ปี สมกับเป็นนักรบที่ผ่านประสบการณ์สู้ศึกมานับไม่ถ้วน (แสดงโดย แวมไผ่)



        ห่างออกไปหน้าทางเดินเข้าป่าที่จะนำไปสู่เผ่าลีซอนั้น เจฆากำลังนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างเยือกเย็น



        มหาบรรณไผ่รู้สึกแปลกใจเป็นอันมาก  “เจ้าหนุ่มนี่ไม่กลัวนักรบพม่าแม้แต่น้อย”  เขาตั้งใจจะส่งทหารไปลุย  แต่เกรงจะมีกำลังซุ่มอยู่ในป่า  จึงสั่งให้คนฟัง



        “มีฝุ่นอยู่จริงท่านมหาบรรณไผ่  แต่มีม้าอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น”  ลูกน้องรายงาน



        “ลุย !!!!!!!!” มหาบรรณไผ่ตะโกนก้อง



        ทหารพม่าจำนวนมาก  วิ่งเข้าไปในช่องทางแคบอับชื้น  ด้านข้างทั้งสองเป็นเนินสูงชันลักษณะประหลาด  เจฆาเมื่อมาถึงจุดที่นัดกันไว้ก็ลงจากหลังม้าและวิ่งขึ้นเนินที่ชันน้อยที่สุด...  มีเชือกโรยลงมาให้เขาดึงตัวอีกแรง  อ้วนเกิ้ลจุดไฟสัญญาณทีเตรียมไว้



        “มันหนีไปแล้ว  ตามเร็ว”  ทหารพม่าตะโกนพลางชี้ดาบมาที่เจฆา  เสียงทหารกึกก้องจนกลบเสียงบางเสียง  



    เสียงน้ำที่กำลังไหลมา  ภายในพริบตาน้ำทะลักมาอย่างรวดเร็ว  เสียงทหารพม่าดังโหวกเหวกหนีน้ำที่มาแรงและเร็ว  บางส่วนถูกน้ำพัดไป  หลายคนหนีรอดไปได้  มหาบรรณไผ่เป็นหนึ่งในคนที่หนีรอดไปได้  แม้ชุดเกราะจะหนักอึ้ง  เพราะขี่ม้าที่ชำนาญศึก  มันนำมหาบรรณไผ่โดดจากสายน้ำขึ้นฝั่งได้ราวอย่างเหลือเชื่อ



    ทหารที่รอดจากจมน้ำ  และทัพหลังที่เห็นน้ำจึงหนีทันพยายามมารวมตัวกัน  ที่แท้ทางที่คิดว่าเป็นช่องเขา  กลับกลายเป็นทางน้ำไหลที่แตกมาจากแม่น้ำปิงนั่นเอง  มหาบรรณเพิ่งสำนึกได้



    “ถอยทัพ!!!!!!!”



    เฟี้ยว....  ลูกธนูแล่นมาอย่างรวดเร็ว  มหาบรรณไผ่เบี่ยงตัวหลบ  ธนูยิ่งเข้าใส่ทหารด้านหลังจนปักทะลุกระโหลกศรีษะอีกด้าน



    เฟี้ยว....  มหาบรรณไผ่ใช้ดาบปัดธนู  แม้จะไม่โดนตัว  แต่แรงของธนูดอกที่สองก็ทำเอามืออวบอ้วนถึงกับสั่นสะท้านจนดาบร่วงตกพื้น



    เฟี้ยว....  มหาบรรณก้มหัวหลบอย่างรวดเร็ว  ธนูเกี่ยวเอาหมวกเกราะไปปักบนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง  ตัวธนูฝังเข้าไปในต้นไม้ถึง 1 ใน 3



    มหาบรรณเห็นอ้วนเกิ้ลยืนอยู่บนเนินที่ห่างออกไปเกินระยะธนูควรจะยิงถึง  จึงได้แต่กัดฟัน



    “ถอย !!!!!!!”

    .............................................



        อ้วนเกิ้ลคอยเฝ้าดูกุยยาที่ไม่ได้สติมา 3 วันแล้ว  คอยมองใบหน้าที่หลับใหล  แล้วค่อย ๆ หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดน้ำลายให้กุยยา



        “อ้วนเกิ้ลเจ้าไปพักผ่อนบ้างเถอะ” พ่อของกุยยาซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าเอ่ยขึ้น



        “ไม่  ข้าจะรอจนกว่านางจะฟื้น”  



        “แต่เจ้าไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามา 3 วันแล้วนะ  เหม็นหึ่งไปหมด  ข้าว่าเจ้าไปอาบน้ำแล้วไปนอนก่อนดีกว่า”



        อ้วนเกิ้ลอึ้ง...  พลางหันมาดมกลิ่นตัวเอง  อ้วก...........



    “งั้นข้าพาโจโฉไปอาบน้ำด้วยแล้วกัน  ตัวมันเปื้อนเลือดไปหมด  โจโฉมานี่”  อ้วนเกิ้ลเรียกกระต่ายของกุยยาที่นอนข้างกุยยาบนเตียง



        “มิ....”  กระต่ายน้อยส่ายหน้า



        “ถ้ากุยยาตื่นมาเห็นเจ้าเปื้อนเลือดจะไม่สบายใจนะ  มาเถอะข้าจะอาบน้ำล้างเลือดที่เปื้อนให้เจ้า”



        “มิ๊ มิ๊ มิ๊”  โจโฉทำตาละห้อยหันไปทางกุยแก  แล้วจึงโดดใส่อ้วนเกิ้ลที่เอื้อมมือมารับไว้ในอ้อมแขน

    ..............................................



        แผล่บ ๆ ๆ กระต่ายน้อยเลียแก้มของกุยยา  



        “อืม  ไม่เอาน่าจั๊กจี้”  



        “มิ๊ มิ๊ มิ๊”  โจโฉเอาขาตะกายหัวกุยยา



        “รู้แล้วน่า  ตื่นแล้ว  อืม”  กุยยาลืมตาขึ้นมาเห็นเจฆากำลังมองมาอยู่  จึงพยายามลุกขึ้นแล้วกลับทรุดตัวลงไปอีก



        “อย่าเพิ่งลุกเลย  เจ้าหลับไป 3 วัน 3 คืนเต็ม ๆ เชียวนา”



        “3 วันมิน่า  ข้าถึง...”



        “เอาน่าอย่าเถียงสิ”



        “ข้าไม่เป็นอะไร  ข้า...”



        “ไม่ได้นะ  อยู่ ๆ เจ้าก็สลบไปแบบนี้คนอื่นเค้าเป็นห่วงกันไปหมด  พ่อของเจ้าก็ห่วงเจ้ามาก”



        “ข้า...”



        “เรื่องพม่าไม่ต้องห่วง  เราไล่มันไปได้แล้ว เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เลย  ไม่ต้องห่วงโจโฉนะ  มันปลอดภัยดีไม่เป็นอันตราย  มันเฝ้าเจ้าตลอดไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย  ขนาดข้าจะจับตัวเจ้า  มันยังกัดมือข้าเอาเลย  นี่มันอาบน้ำแล้ว  หอมเชียว  ปะแป้งด้วย  เจ้าลองดมดูสิ”



        “เว้ย  ฟังข้าหน่อยสิ   ข้าหิวข้าวเลยลุกไม่ขึ้น  เข้าใจไหม  พล่ามอยู่ได้น่ารำคาญ  ไปเอาข้าวมาให้ข้ากินสิ”  กุยยาตวาดใส่เจฆาด้วยความโมโหหิว



        “อะ  อ้าวหรือ  แฮะ ๆ ๆ งั้นเดี๋ยวข้าไปบอกคนให้เอาข้าวมาให้เจ้าละกัน”



        หลังจากกุยยาซดข้าวหมดไป 3 ชาม  โจโฉก็กินถั่วฟักยาวหมดไป 1 กำ  จึงนึกถึงใครคนหนึ่งได้



        “อ้วนเกิ้ลไปไหนละ”



        “ออนอู่อ้าน”  (นอนอยู่บ้าน) เจฆากำลังกินข้าวอู้อี้ตอบ



        “เจ้าว่าอะไรนะ”



        “ไออาบอ้ำแอ้วออนอู่อ้าน”  (ไปอาบน้ำแล้วนอนอยู่บ้าน)



        “โอ้ย  พูดไม่รู้เรื่องเลย “  กุยยาอุ้มกระต่ายขึ้นมาแล้ววิ่งออกจากบ้าน



        “เอ้าอะไอไออะ” (เจ้าจะไปไหนนะ)



        กุยยาวิ่งออกไปสักพักก็เจอคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง  “จะไปไหนกุยยา”



        “ไปหาอ้วนเกิ้ล”



        “บ้านอ้วนเกิ้ลอยู่ทางนี้”  คนในหมู่บ้านชี้บอก “เจ้าย้อนกลับไปทางเก่าที่เจ้ามานะ  จนถึงบ้านที่มีไก่แจ้  แล้วก็เลี้ยวซ้าย  ถึงบ้านที่เลี้ยงหมู จะมีทางเดินตรงเข้าไป  บ้านอ้วนเกิ้ลอยู่ทางนั้น  หลังที่มีขวดเหล้าอยู่หน้าบ้านเยอะ  อย่าไปผิดหลังละ”



        “อ้าวหรือ  ข้ามาผิดทางหรือ  ขอบคุณท่านมาก”



        กุยยาวิ่งกลับสวนกับเจฆาที่กำลังวิ่งตามมาพอดี  



    “แฮ่ก ๆ ๆ โอ้ย  กุยยาช้า ๆ หน่อย  ข้าวิ่งตามไม่ทันแล้ว”



    กุยยาวิ่งไปถึงบ้านอ้วนเกิ้ล  เห็นอ้วนเกิ้ลนอนอยู่บนเตียง  จึงทุ่มตัวไปรัวทุบอกของอ้วนเกิ้ล  ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ตับ ตับ ตับ  “ฮือ ๆ ๆ เจ้าทิ้งข้าไปทำไม  ไหนบอกจะอยู่กับข้าไง  ฮือ ๆ ๆ”  



    กุยยาทั้งจับอ้วนเกิ้ลมาเขย่า  ทั้งทุบ  ทั้งตบหน้า  ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ  เพียะ  เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ “ฮื้อ ฮือ ๆ ๆ เจ้าทิ้งข้าไปแล้ว”



    เจฆาวิ่งตามมาทันจนได้  รีบจับตัวกุยยาดึงออกมาจากอ้วนเกิ้ล  “กุยยาทำอะไรนะ  ไปทำอ้วนเกิ้ลเค้าทำไม”



    “ฮือ ๆ ๆ เค้าทิ้งข้าไป  ข้าหลับไป 3 วัน  เค้าขึ้นอืดตายแล้ว  ฮือ ๆ ๆ  ปล่อยข้านะ  ปล่อยข้า  ปล่อย  ฮือ ๆ ๆ”



    “เดี๋ยว ๆ ๆ ใจเย็น  ฟังข้าก่อนได้ไหม  อ้วนเกิ้ลยังไม่ตายนะ  เขายังไปร่วมรบไล่พวกพม่าเลย”



    “แต่เค้าไม่ขยับเลยนี่  แถมขึ้นอืดอีกต่างหาก  ฮือ ๆ ๆ กลิ่นตุ ๆ ด้วย”



    “ใจเย็น  ฟังข้านะ  อ้วนเกิ้ลยังไม่ตาย  ถ้าจะตายก็เพราะเจ้าไปทุบเขานี่แหละ  นิ่งก่อน  หยุดร้องไห้  เดี๋ยวข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง”



    “ฮึก ๆ ๆ ได้ ฮึก ๆ ๆ”  กุยยารับผ้าขาวม้าจากเจฆาไปสั่งขี้มูด  พรืดดดดดดดดด  ปู้ดดดดดด



    “อะ เออ  เจ้าเอาไปใช้เลยแล้วกัน  ข้ายกให้  หลังจากโจโฉจัดการวาตูได้  เจ้าก็สลบไม่รู้เรื่อง  โจโฉก็ไม่ยอมห่างเจ้าเลย  ไม่ให้ใครเข้าใกล้นอกจากอ้วนเกิ้ลกับพ่อเจ้า  พ่อเจ้าก็ต้องดูแลหมู่บ้านที่เสียหาย  อ้วนเกิ้ลเลยต้องเฝ้าเจ้าตลอด  ไหนจะต้องไปรบกับมหาบรรณไผ่อีกละ  ไหนจะดูเจ้าอีกละ  พ่อเจ้าเลยไล่อ้วนเกิ้ลไปอาบน้ำนอน  อ้วนเกิ้ลอาบน้ำให้โจโฉแล้วเอามาให้ข้า  ให้ข้าเอาโจโฉไปอยู่ข้าง ๆ เจ้า  เพราะกลัวเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นโจโฉไง  สงสัยอ้วนเกิ้ลเหนื่อยมากกลับมาก็นอนหลับเลยไม่ได้อาบน้ำ  กลิ่นมันเลยตุ ๆ ไง  กุยยา กุย...”



    “คร่อก........”  กุยยาฟุบกับพื้นข้างเตียงอ้วนเกิ้ล



    “นี่เจ้าฟังข้าพูดบ้างรึเปล่าเนี่ยกุยยา”



    “ไม่เป็นไรน่า  เห็นหลับแบบนี้กุยยารู้เรื่องนะ”  อ้วนเกิ้ลพูดขึ้น



    “อ้าวเจ้าตื่นแล้วหรือ”



    “ใครจะไปหลับลง  เล่นทุบเอาทุบเอาแบบนั้น”  อ้วนเกิ้ลบ่นด้วยความหงุดหงิด  “เดี๋ยวข้าขอไปอาบน้ำก่อน  แล้วค่อยปลุกกุยยาไปที่ชุมนุมหมู่บ้านค่ำนี้กัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×