ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 สายน้ำที่ไหลท่วม
ตอนที่ 3 สายน้ำที่ไหลท่วม
    พ่อของกุยยาร่วมถึงนักรบในเผ่าลีซอ  กำลังนั่งล้อมวงคุยกับเจฆาและทหารของล้านนา
    “ข้าว่าพวกพม่าต้องกลับมาอีกแน่  ยิ่งพวกเราฆ่าวาตูตายด้วยแล้ว”  เจฆากล่าวขึ้น
    “นักรบในเผ่าของเรามีไม่มาก  ต่อให้รวมชาวบ้านเข้าไป  ก็เห็นจะสู้พวกพม่าจำนวนมากไม่ไหว”  พ่อของกุยยากล่าวด้วยความหมดอาลัยตายอยาก  “คงต้องให้พวกผู้หญิงกับเด็กหนีไปหลบก่อน”
    “ถ้าหนี  เราก็ต้องหนีไปตลอด  แล้วเราจะเอาแผ่นดินที่ไหนอยู่”  อ้วนเกิ้ลเอ่ยขึ้น
“ก็ยังดีกว่าให้ตายกันหมด  เจ้าก็เห็นสิ่งที่พวกพม่าทำกับพวกเรา  เราสู้พวกนั้นไม่ได้แน่”
“ข้ามีวิธี” 
    “วิธีอันใดรึ”  หัวหน้าเผ่าถามด้วยความสงสัย
    “หมู่บ้านเราอยู่ใกล้แม่น้ำปิง  นี่ใกล้ได้เวลาน้ำหลากแล้ว”  อ้วนเกิ้ลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 
..............................................
    นักรบของพม่ากว่า 400 คนต่างหยุดยืนรออยู่บริเวณทุ่งราบหน้าทางเข้าป่าซึ่งเป็นกันชนเดียวที่ใช้ป้องกันเผ่าลีซอจากการรุกราน
    มหาบรรณไผ่จ้าวแห่งพม่าเป็นผู้นำทัพมาด้วยตนเอง เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรัง ใบหน้าแก่กว่าอายุราว 20 ปี สมกับเป็นนักรบที่ผ่านประสบการณ์สู้ศึกมานับไม่ถ้วน (แสดงโดย แวมไผ่)
    ห่างออกไปหน้าทางเดินเข้าป่าที่จะนำไปสู่เผ่าลีซอนั้น เจฆากำลังนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างเยือกเย็น
    มหาบรรณไผ่รู้สึกแปลกใจเป็นอันมาก  “เจ้าหนุ่มนี่ไม่กลัวนักรบพม่าแม้แต่น้อย”  เขาตั้งใจจะส่งทหารไปลุย  แต่เกรงจะมีกำลังซุ่มอยู่ในป่า  จึงสั่งให้คนฟัง
    “มีฝุ่นอยู่จริงท่านมหาบรรณไผ่  แต่มีม้าอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น”  ลูกน้องรายงาน
    “ลุย !!!!!!!!” มหาบรรณไผ่ตะโกนก้อง
    ทหารพม่าจำนวนมาก  วิ่งเข้าไปในช่องทางแคบอับชื้น  ด้านข้างทั้งสองเป็นเนินสูงชันลักษณะประหลาด  เจฆาเมื่อมาถึงจุดที่นัดกันไว้ก็ลงจากหลังม้าและวิ่งขึ้นเนินที่ชันน้อยที่สุด...  มีเชือกโรยลงมาให้เขาดึงตัวอีกแรง  อ้วนเกิ้ลจุดไฟสัญญาณทีเตรียมไว้
    “มันหนีไปแล้ว  ตามเร็ว”  ทหารพม่าตะโกนพลางชี้ดาบมาที่เจฆา  เสียงทหารกึกก้องจนกลบเสียงบางเสียง 
เสียงน้ำที่กำลังไหลมา  ภายในพริบตาน้ำทะลักมาอย่างรวดเร็ว  เสียงทหารพม่าดังโหวกเหวกหนีน้ำที่มาแรงและเร็ว  บางส่วนถูกน้ำพัดไป  หลายคนหนีรอดไปได้  มหาบรรณไผ่เป็นหนึ่งในคนที่หนีรอดไปได้  แม้ชุดเกราะจะหนักอึ้ง  เพราะขี่ม้าที่ชำนาญศึก  มันนำมหาบรรณไผ่โดดจากสายน้ำขึ้นฝั่งได้ราวอย่างเหลือเชื่อ
ทหารที่รอดจากจมน้ำ  และทัพหลังที่เห็นน้ำจึงหนีทันพยายามมารวมตัวกัน  ที่แท้ทางที่คิดว่าเป็นช่องเขา  กลับกลายเป็นทางน้ำไหลที่แตกมาจากแม่น้ำปิงนั่นเอง  มหาบรรณเพิ่งสำนึกได้
“ถอยทัพ!!!!!!!”
เฟี้ยว....  ลูกธนูแล่นมาอย่างรวดเร็ว  มหาบรรณไผ่เบี่ยงตัวหลบ  ธนูยิ่งเข้าใส่ทหารด้านหลังจนปักทะลุกระโหลกศรีษะอีกด้าน
เฟี้ยว....  มหาบรรณไผ่ใช้ดาบปัดธนู  แม้จะไม่โดนตัว  แต่แรงของธนูดอกที่สองก็ทำเอามืออวบอ้วนถึงกับสั่นสะท้านจนดาบร่วงตกพื้น
เฟี้ยว....  มหาบรรณก้มหัวหลบอย่างรวดเร็ว  ธนูเกี่ยวเอาหมวกเกราะไปปักบนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง  ตัวธนูฝังเข้าไปในต้นไม้ถึง 1 ใน 3
มหาบรรณเห็นอ้วนเกิ้ลยืนอยู่บนเนินที่ห่างออกไปเกินระยะธนูควรจะยิงถึง  จึงได้แต่กัดฟัน
“ถอย !!!!!!!”
.............................................
    อ้วนเกิ้ลคอยเฝ้าดูกุยยาที่ไม่ได้สติมา 3 วันแล้ว  คอยมองใบหน้าที่หลับใหล  แล้วค่อย ๆ หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดน้ำลายให้กุยยา
    “อ้วนเกิ้ลเจ้าไปพักผ่อนบ้างเถอะ” พ่อของกุยยาซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าเอ่ยขึ้น
    “ไม่  ข้าจะรอจนกว่านางจะฟื้น” 
    “แต่เจ้าไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามา 3 วันแล้วนะ  เหม็นหึ่งไปหมด  ข้าว่าเจ้าไปอาบน้ำแล้วไปนอนก่อนดีกว่า”
    อ้วนเกิ้ลอึ้ง...  พลางหันมาดมกลิ่นตัวเอง  อ้วก...........
“งั้นข้าพาโจโฉไปอาบน้ำด้วยแล้วกัน  ตัวมันเปื้อนเลือดไปหมด  โจโฉมานี่”  อ้วนเกิ้ลเรียกกระต่ายของกุยยาที่นอนข้างกุยยาบนเตียง
    “มิ....”  กระต่ายน้อยส่ายหน้า
    “ถ้ากุยยาตื่นมาเห็นเจ้าเปื้อนเลือดจะไม่สบายใจนะ  มาเถอะข้าจะอาบน้ำล้างเลือดที่เปื้อนให้เจ้า”
    “มิ๊ มิ๊ มิ๊”  โจโฉทำตาละห้อยหันไปทางกุยแก  แล้วจึงโดดใส่อ้วนเกิ้ลที่เอื้อมมือมารับไว้ในอ้อมแขน
..............................................
    แผล่บ ๆ ๆ กระต่ายน้อยเลียแก้มของกุยยา 
    “อืม  ไม่เอาน่าจั๊กจี้” 
    “มิ๊ มิ๊ มิ๊”  โจโฉเอาขาตะกายหัวกุยยา
    “รู้แล้วน่า  ตื่นแล้ว  อืม”  กุยยาลืมตาขึ้นมาเห็นเจฆากำลังมองมาอยู่  จึงพยายามลุกขึ้นแล้วกลับทรุดตัวลงไปอีก
    “อย่าเพิ่งลุกเลย  เจ้าหลับไป 3 วัน 3 คืนเต็ม ๆ เชียวนา”
    “3 วันมิน่า  ข้าถึง...”
    “เอาน่าอย่าเถียงสิ”
    “ข้าไม่เป็นอะไร  ข้า...”
    “ไม่ได้นะ  อยู่ ๆ เจ้าก็สลบไปแบบนี้คนอื่นเค้าเป็นห่วงกันไปหมด  พ่อของเจ้าก็ห่วงเจ้ามาก”
    “ข้า...”
    “เรื่องพม่าไม่ต้องห่วง  เราไล่มันไปได้แล้ว เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เลย  ไม่ต้องห่วงโจโฉนะ  มันปลอดภัยดีไม่เป็นอันตราย  มันเฝ้าเจ้าตลอดไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย  ขนาดข้าจะจับตัวเจ้า  มันยังกัดมือข้าเอาเลย  นี่มันอาบน้ำแล้ว  หอมเชียว  ปะแป้งด้วย  เจ้าลองดมดูสิ”
    “เว้ย  ฟังข้าหน่อยสิ  ข้าหิวข้าวเลยลุกไม่ขึ้น  เข้าใจไหม  พล่ามอยู่ได้น่ารำคาญ  ไปเอาข้าวมาให้ข้ากินสิ”  กุยยาตวาดใส่เจฆาด้วยความโมโหหิว
    “อะ  อ้าวหรือ  แฮะ ๆ ๆ งั้นเดี๋ยวข้าไปบอกคนให้เอาข้าวมาให้เจ้าละกัน”
    หลังจากกุยยาซดข้าวหมดไป 3 ชาม  โจโฉก็กินถั่วฟักยาวหมดไป 1 กำ  จึงนึกถึงใครคนหนึ่งได้
    “อ้วนเกิ้ลไปไหนละ”
    “ออนอู่อ้าน”  (นอนอยู่บ้าน) เจฆากำลังกินข้าวอู้อี้ตอบ
    “เจ้าว่าอะไรนะ”
    “ไออาบอ้ำแอ้วออนอู่อ้าน”  (ไปอาบน้ำแล้วนอนอยู่บ้าน)
    “โอ้ย  พูดไม่รู้เรื่องเลย “  กุยยาอุ้มกระต่ายขึ้นมาแล้ววิ่งออกจากบ้าน
    “เอ้าอะไอไออะ” (เจ้าจะไปไหนนะ)
    กุยยาวิ่งออกไปสักพักก็เจอคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง  “จะไปไหนกุยยา”
    “ไปหาอ้วนเกิ้ล”
    “บ้านอ้วนเกิ้ลอยู่ทางนี้”  คนในหมู่บ้านชี้บอก “เจ้าย้อนกลับไปทางเก่าที่เจ้ามานะ  จนถึงบ้านที่มีไก่แจ้  แล้วก็เลี้ยวซ้าย  ถึงบ้านที่เลี้ยงหมู จะมีทางเดินตรงเข้าไป  บ้านอ้วนเกิ้ลอยู่ทางนั้น  หลังที่มีขวดเหล้าอยู่หน้าบ้านเยอะ  อย่าไปผิดหลังละ”
    “อ้าวหรือ  ข้ามาผิดทางหรือ  ขอบคุณท่านมาก”
    กุยยาวิ่งกลับสวนกับเจฆาที่กำลังวิ่งตามมาพอดี 
“แฮ่ก ๆ ๆ โอ้ย  กุยยาช้า ๆ หน่อย  ข้าวิ่งตามไม่ทันแล้ว”
กุยยาวิ่งไปถึงบ้านอ้วนเกิ้ล  เห็นอ้วนเกิ้ลนอนอยู่บนเตียง  จึงทุ่มตัวไปรัวทุบอกของอ้วนเกิ้ล  ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ตับ ตับ ตับ  “ฮือ ๆ ๆ เจ้าทิ้งข้าไปทำไม  ไหนบอกจะอยู่กับข้าไง  ฮือ ๆ ๆ” 
กุยยาทั้งจับอ้วนเกิ้ลมาเขย่า  ทั้งทุบ  ทั้งตบหน้า  ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ  เพียะ  เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ “ฮื้อ ฮือ ๆ ๆ เจ้าทิ้งข้าไปแล้ว”
เจฆาวิ่งตามมาทันจนได้  รีบจับตัวกุยยาดึงออกมาจากอ้วนเกิ้ล  “กุยยาทำอะไรนะ  ไปทำอ้วนเกิ้ลเค้าทำไม”
“ฮือ ๆ ๆ เค้าทิ้งข้าไป  ข้าหลับไป 3 วัน  เค้าขึ้นอืดตายแล้ว  ฮือ ๆ ๆ  ปล่อยข้านะ  ปล่อยข้า  ปล่อย  ฮือ ๆ ๆ”
“เดี๋ยว ๆ ๆ ใจเย็น  ฟังข้าก่อนได้ไหม  อ้วนเกิ้ลยังไม่ตายนะ  เขายังไปร่วมรบไล่พวกพม่าเลย”
“แต่เค้าไม่ขยับเลยนี่  แถมขึ้นอืดอีกต่างหาก  ฮือ ๆ ๆ กลิ่นตุ ๆ ด้วย”
“ใจเย็น  ฟังข้านะ  อ้วนเกิ้ลยังไม่ตาย  ถ้าจะตายก็เพราะเจ้าไปทุบเขานี่แหละ  นิ่งก่อน  หยุดร้องไห้  เดี๋ยวข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง”
“ฮึก ๆ ๆ ได้ ฮึก ๆ ๆ”  กุยยารับผ้าขาวม้าจากเจฆาไปสั่งขี้มูด  พรืดดดดดดดดด  ปู้ดดดดดด
“อะ เออ  เจ้าเอาไปใช้เลยแล้วกัน  ข้ายกให้  หลังจากโจโฉจัดการวาตูได้  เจ้าก็สลบไม่รู้เรื่อง  โจโฉก็ไม่ยอมห่างเจ้าเลย  ไม่ให้ใครเข้าใกล้นอกจากอ้วนเกิ้ลกับพ่อเจ้า  พ่อเจ้าก็ต้องดูแลหมู่บ้านที่เสียหาย  อ้วนเกิ้ลเลยต้องเฝ้าเจ้าตลอด  ไหนจะต้องไปรบกับมหาบรรณไผ่อีกละ  ไหนจะดูเจ้าอีกละ  พ่อเจ้าเลยไล่อ้วนเกิ้ลไปอาบน้ำนอน  อ้วนเกิ้ลอาบน้ำให้โจโฉแล้วเอามาให้ข้า  ให้ข้าเอาโจโฉไปอยู่ข้าง ๆ เจ้า  เพราะกลัวเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นโจโฉไง  สงสัยอ้วนเกิ้ลเหนื่อยมากกลับมาก็นอนหลับเลยไม่ได้อาบน้ำ  กลิ่นมันเลยตุ ๆ ไง  กุยยา กุย...”
“คร่อก........”  กุยยาฟุบกับพื้นข้างเตียงอ้วนเกิ้ล
“นี่เจ้าฟังข้าพูดบ้างรึเปล่าเนี่ยกุยยา”
“ไม่เป็นไรน่า  เห็นหลับแบบนี้กุยยารู้เรื่องนะ”  อ้วนเกิ้ลพูดขึ้น
“อ้าวเจ้าตื่นแล้วหรือ”
“ใครจะไปหลับลง  เล่นทุบเอาทุบเอาแบบนั้น”  อ้วนเกิ้ลบ่นด้วยความหงุดหงิด  “เดี๋ยวข้าขอไปอาบน้ำก่อน  แล้วค่อยปลุกกุยยาไปที่ชุมนุมหมู่บ้านค่ำนี้กัน”
    พ่อของกุยยาร่วมถึงนักรบในเผ่าลีซอ  กำลังนั่งล้อมวงคุยกับเจฆาและทหารของล้านนา
    “ข้าว่าพวกพม่าต้องกลับมาอีกแน่  ยิ่งพวกเราฆ่าวาตูตายด้วยแล้ว”  เจฆากล่าวขึ้น
    “นักรบในเผ่าของเรามีไม่มาก  ต่อให้รวมชาวบ้านเข้าไป  ก็เห็นจะสู้พวกพม่าจำนวนมากไม่ไหว”  พ่อของกุยยากล่าวด้วยความหมดอาลัยตายอยาก  “คงต้องให้พวกผู้หญิงกับเด็กหนีไปหลบก่อน”
    “ถ้าหนี  เราก็ต้องหนีไปตลอด  แล้วเราจะเอาแผ่นดินที่ไหนอยู่”  อ้วนเกิ้ลเอ่ยขึ้น
“ก็ยังดีกว่าให้ตายกันหมด  เจ้าก็เห็นสิ่งที่พวกพม่าทำกับพวกเรา  เราสู้พวกนั้นไม่ได้แน่”
“ข้ามีวิธี” 
    “วิธีอันใดรึ”  หัวหน้าเผ่าถามด้วยความสงสัย
    “หมู่บ้านเราอยู่ใกล้แม่น้ำปิง  นี่ใกล้ได้เวลาน้ำหลากแล้ว”  อ้วนเกิ้ลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 
..............................................
    นักรบของพม่ากว่า 400 คนต่างหยุดยืนรออยู่บริเวณทุ่งราบหน้าทางเข้าป่าซึ่งเป็นกันชนเดียวที่ใช้ป้องกันเผ่าลีซอจากการรุกราน
    มหาบรรณไผ่จ้าวแห่งพม่าเป็นผู้นำทัพมาด้วยตนเอง เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรัง ใบหน้าแก่กว่าอายุราว 20 ปี สมกับเป็นนักรบที่ผ่านประสบการณ์สู้ศึกมานับไม่ถ้วน (แสดงโดย แวมไผ่)
    ห่างออกไปหน้าทางเดินเข้าป่าที่จะนำไปสู่เผ่าลีซอนั้น เจฆากำลังนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างเยือกเย็น
    มหาบรรณไผ่รู้สึกแปลกใจเป็นอันมาก  “เจ้าหนุ่มนี่ไม่กลัวนักรบพม่าแม้แต่น้อย”  เขาตั้งใจจะส่งทหารไปลุย  แต่เกรงจะมีกำลังซุ่มอยู่ในป่า  จึงสั่งให้คนฟัง
    “มีฝุ่นอยู่จริงท่านมหาบรรณไผ่  แต่มีม้าอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น”  ลูกน้องรายงาน
    “ลุย !!!!!!!!” มหาบรรณไผ่ตะโกนก้อง
    ทหารพม่าจำนวนมาก  วิ่งเข้าไปในช่องทางแคบอับชื้น  ด้านข้างทั้งสองเป็นเนินสูงชันลักษณะประหลาด  เจฆาเมื่อมาถึงจุดที่นัดกันไว้ก็ลงจากหลังม้าและวิ่งขึ้นเนินที่ชันน้อยที่สุด...  มีเชือกโรยลงมาให้เขาดึงตัวอีกแรง  อ้วนเกิ้ลจุดไฟสัญญาณทีเตรียมไว้
    “มันหนีไปแล้ว  ตามเร็ว”  ทหารพม่าตะโกนพลางชี้ดาบมาที่เจฆา  เสียงทหารกึกก้องจนกลบเสียงบางเสียง 
เสียงน้ำที่กำลังไหลมา  ภายในพริบตาน้ำทะลักมาอย่างรวดเร็ว  เสียงทหารพม่าดังโหวกเหวกหนีน้ำที่มาแรงและเร็ว  บางส่วนถูกน้ำพัดไป  หลายคนหนีรอดไปได้  มหาบรรณไผ่เป็นหนึ่งในคนที่หนีรอดไปได้  แม้ชุดเกราะจะหนักอึ้ง  เพราะขี่ม้าที่ชำนาญศึก  มันนำมหาบรรณไผ่โดดจากสายน้ำขึ้นฝั่งได้ราวอย่างเหลือเชื่อ
ทหารที่รอดจากจมน้ำ  และทัพหลังที่เห็นน้ำจึงหนีทันพยายามมารวมตัวกัน  ที่แท้ทางที่คิดว่าเป็นช่องเขา  กลับกลายเป็นทางน้ำไหลที่แตกมาจากแม่น้ำปิงนั่นเอง  มหาบรรณเพิ่งสำนึกได้
“ถอยทัพ!!!!!!!”
เฟี้ยว....  ลูกธนูแล่นมาอย่างรวดเร็ว  มหาบรรณไผ่เบี่ยงตัวหลบ  ธนูยิ่งเข้าใส่ทหารด้านหลังจนปักทะลุกระโหลกศรีษะอีกด้าน
เฟี้ยว....  มหาบรรณไผ่ใช้ดาบปัดธนู  แม้จะไม่โดนตัว  แต่แรงของธนูดอกที่สองก็ทำเอามืออวบอ้วนถึงกับสั่นสะท้านจนดาบร่วงตกพื้น
เฟี้ยว....  มหาบรรณก้มหัวหลบอย่างรวดเร็ว  ธนูเกี่ยวเอาหมวกเกราะไปปักบนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง  ตัวธนูฝังเข้าไปในต้นไม้ถึง 1 ใน 3
มหาบรรณเห็นอ้วนเกิ้ลยืนอยู่บนเนินที่ห่างออกไปเกินระยะธนูควรจะยิงถึง  จึงได้แต่กัดฟัน
“ถอย !!!!!!!”
.............................................
    อ้วนเกิ้ลคอยเฝ้าดูกุยยาที่ไม่ได้สติมา 3 วันแล้ว  คอยมองใบหน้าที่หลับใหล  แล้วค่อย ๆ หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดน้ำลายให้กุยยา
    “อ้วนเกิ้ลเจ้าไปพักผ่อนบ้างเถอะ” พ่อของกุยยาซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าเอ่ยขึ้น
    “ไม่  ข้าจะรอจนกว่านางจะฟื้น” 
    “แต่เจ้าไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามา 3 วันแล้วนะ  เหม็นหึ่งไปหมด  ข้าว่าเจ้าไปอาบน้ำแล้วไปนอนก่อนดีกว่า”
    อ้วนเกิ้ลอึ้ง...  พลางหันมาดมกลิ่นตัวเอง  อ้วก...........
“งั้นข้าพาโจโฉไปอาบน้ำด้วยแล้วกัน  ตัวมันเปื้อนเลือดไปหมด  โจโฉมานี่”  อ้วนเกิ้ลเรียกกระต่ายของกุยยาที่นอนข้างกุยยาบนเตียง
    “มิ....”  กระต่ายน้อยส่ายหน้า
    “ถ้ากุยยาตื่นมาเห็นเจ้าเปื้อนเลือดจะไม่สบายใจนะ  มาเถอะข้าจะอาบน้ำล้างเลือดที่เปื้อนให้เจ้า”
    “มิ๊ มิ๊ มิ๊”  โจโฉทำตาละห้อยหันไปทางกุยแก  แล้วจึงโดดใส่อ้วนเกิ้ลที่เอื้อมมือมารับไว้ในอ้อมแขน
..............................................
    แผล่บ ๆ ๆ กระต่ายน้อยเลียแก้มของกุยยา 
    “อืม  ไม่เอาน่าจั๊กจี้” 
    “มิ๊ มิ๊ มิ๊”  โจโฉเอาขาตะกายหัวกุยยา
    “รู้แล้วน่า  ตื่นแล้ว  อืม”  กุยยาลืมตาขึ้นมาเห็นเจฆากำลังมองมาอยู่  จึงพยายามลุกขึ้นแล้วกลับทรุดตัวลงไปอีก
    “อย่าเพิ่งลุกเลย  เจ้าหลับไป 3 วัน 3 คืนเต็ม ๆ เชียวนา”
    “3 วันมิน่า  ข้าถึง...”
    “เอาน่าอย่าเถียงสิ”
    “ข้าไม่เป็นอะไร  ข้า...”
    “ไม่ได้นะ  อยู่ ๆ เจ้าก็สลบไปแบบนี้คนอื่นเค้าเป็นห่วงกันไปหมด  พ่อของเจ้าก็ห่วงเจ้ามาก”
    “ข้า...”
    “เรื่องพม่าไม่ต้องห่วง  เราไล่มันไปได้แล้ว เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เลย  ไม่ต้องห่วงโจโฉนะ  มันปลอดภัยดีไม่เป็นอันตราย  มันเฝ้าเจ้าตลอดไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย  ขนาดข้าจะจับตัวเจ้า  มันยังกัดมือข้าเอาเลย  นี่มันอาบน้ำแล้ว  หอมเชียว  ปะแป้งด้วย  เจ้าลองดมดูสิ”
    “เว้ย  ฟังข้าหน่อยสิ  ข้าหิวข้าวเลยลุกไม่ขึ้น  เข้าใจไหม  พล่ามอยู่ได้น่ารำคาญ  ไปเอาข้าวมาให้ข้ากินสิ”  กุยยาตวาดใส่เจฆาด้วยความโมโหหิว
    “อะ  อ้าวหรือ  แฮะ ๆ ๆ งั้นเดี๋ยวข้าไปบอกคนให้เอาข้าวมาให้เจ้าละกัน”
    หลังจากกุยยาซดข้าวหมดไป 3 ชาม  โจโฉก็กินถั่วฟักยาวหมดไป 1 กำ  จึงนึกถึงใครคนหนึ่งได้
    “อ้วนเกิ้ลไปไหนละ”
    “ออนอู่อ้าน”  (นอนอยู่บ้าน) เจฆากำลังกินข้าวอู้อี้ตอบ
    “เจ้าว่าอะไรนะ”
    “ไออาบอ้ำแอ้วออนอู่อ้าน”  (ไปอาบน้ำแล้วนอนอยู่บ้าน)
    “โอ้ย  พูดไม่รู้เรื่องเลย “  กุยยาอุ้มกระต่ายขึ้นมาแล้ววิ่งออกจากบ้าน
    “เอ้าอะไอไออะ” (เจ้าจะไปไหนนะ)
    กุยยาวิ่งออกไปสักพักก็เจอคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง  “จะไปไหนกุยยา”
    “ไปหาอ้วนเกิ้ล”
    “บ้านอ้วนเกิ้ลอยู่ทางนี้”  คนในหมู่บ้านชี้บอก “เจ้าย้อนกลับไปทางเก่าที่เจ้ามานะ  จนถึงบ้านที่มีไก่แจ้  แล้วก็เลี้ยวซ้าย  ถึงบ้านที่เลี้ยงหมู จะมีทางเดินตรงเข้าไป  บ้านอ้วนเกิ้ลอยู่ทางนั้น  หลังที่มีขวดเหล้าอยู่หน้าบ้านเยอะ  อย่าไปผิดหลังละ”
    “อ้าวหรือ  ข้ามาผิดทางหรือ  ขอบคุณท่านมาก”
    กุยยาวิ่งกลับสวนกับเจฆาที่กำลังวิ่งตามมาพอดี 
“แฮ่ก ๆ ๆ โอ้ย  กุยยาช้า ๆ หน่อย  ข้าวิ่งตามไม่ทันแล้ว”
กุยยาวิ่งไปถึงบ้านอ้วนเกิ้ล  เห็นอ้วนเกิ้ลนอนอยู่บนเตียง  จึงทุ่มตัวไปรัวทุบอกของอ้วนเกิ้ล  ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ตับ ตับ ตับ  “ฮือ ๆ ๆ เจ้าทิ้งข้าไปทำไม  ไหนบอกจะอยู่กับข้าไง  ฮือ ๆ ๆ” 
กุยยาทั้งจับอ้วนเกิ้ลมาเขย่า  ทั้งทุบ  ทั้งตบหน้า  ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ  เพียะ  เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ “ฮื้อ ฮือ ๆ ๆ เจ้าทิ้งข้าไปแล้ว”
เจฆาวิ่งตามมาทันจนได้  รีบจับตัวกุยยาดึงออกมาจากอ้วนเกิ้ล  “กุยยาทำอะไรนะ  ไปทำอ้วนเกิ้ลเค้าทำไม”
“ฮือ ๆ ๆ เค้าทิ้งข้าไป  ข้าหลับไป 3 วัน  เค้าขึ้นอืดตายแล้ว  ฮือ ๆ ๆ  ปล่อยข้านะ  ปล่อยข้า  ปล่อย  ฮือ ๆ ๆ”
“เดี๋ยว ๆ ๆ ใจเย็น  ฟังข้าก่อนได้ไหม  อ้วนเกิ้ลยังไม่ตายนะ  เขายังไปร่วมรบไล่พวกพม่าเลย”
“แต่เค้าไม่ขยับเลยนี่  แถมขึ้นอืดอีกต่างหาก  ฮือ ๆ ๆ กลิ่นตุ ๆ ด้วย”
“ใจเย็น  ฟังข้านะ  อ้วนเกิ้ลยังไม่ตาย  ถ้าจะตายก็เพราะเจ้าไปทุบเขานี่แหละ  นิ่งก่อน  หยุดร้องไห้  เดี๋ยวข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง”
“ฮึก ๆ ๆ ได้ ฮึก ๆ ๆ”  กุยยารับผ้าขาวม้าจากเจฆาไปสั่งขี้มูด  พรืดดดดดดดดด  ปู้ดดดดดด
“อะ เออ  เจ้าเอาไปใช้เลยแล้วกัน  ข้ายกให้  หลังจากโจโฉจัดการวาตูได้  เจ้าก็สลบไม่รู้เรื่อง  โจโฉก็ไม่ยอมห่างเจ้าเลย  ไม่ให้ใครเข้าใกล้นอกจากอ้วนเกิ้ลกับพ่อเจ้า  พ่อเจ้าก็ต้องดูแลหมู่บ้านที่เสียหาย  อ้วนเกิ้ลเลยต้องเฝ้าเจ้าตลอด  ไหนจะต้องไปรบกับมหาบรรณไผ่อีกละ  ไหนจะดูเจ้าอีกละ  พ่อเจ้าเลยไล่อ้วนเกิ้ลไปอาบน้ำนอน  อ้วนเกิ้ลอาบน้ำให้โจโฉแล้วเอามาให้ข้า  ให้ข้าเอาโจโฉไปอยู่ข้าง ๆ เจ้า  เพราะกลัวเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นโจโฉไง  สงสัยอ้วนเกิ้ลเหนื่อยมากกลับมาก็นอนหลับเลยไม่ได้อาบน้ำ  กลิ่นมันเลยตุ ๆ ไง  กุยยา กุย...”
“คร่อก........”  กุยยาฟุบกับพื้นข้างเตียงอ้วนเกิ้ล
“นี่เจ้าฟังข้าพูดบ้างรึเปล่าเนี่ยกุยยา”
“ไม่เป็นไรน่า  เห็นหลับแบบนี้กุยยารู้เรื่องนะ”  อ้วนเกิ้ลพูดขึ้น
“อ้าวเจ้าตื่นแล้วหรือ”
“ใครจะไปหลับลง  เล่นทุบเอาทุบเอาแบบนั้น”  อ้วนเกิ้ลบ่นด้วยความหงุดหงิด  “เดี๋ยวข้าขอไปอาบน้ำก่อน  แล้วค่อยปลุกกุยยาไปที่ชุมนุมหมู่บ้านค่ำนี้กัน”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น