ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชันย์ไร้มงกุฎ แห่งอาระเบีย

    ลำดับตอนที่ #2 : นักเรียนทุนออกซ์ฟอร์ด

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 48


                   ค.ศ.1907    ออกซ์ฟอร์ด



                   ชายหนุ่มรูปร่างบอบบาง  ส่วนสูงแค่ 165 ซม.  ผิวสีขาวเกือบซีด  ผมทอง  หน้าตาคมคาย  ที่โดดเด่นที่สุดคือตากลมโตสีฟ้าเข้มจัด   เขาเดินเข้าไปภายในบริเวณมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดด้วยความตื่นเต้น  วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเรียน  แต่เขากลับหาห้องเรียนไม่เจอซะนี่



                   “ขอโทษคะ  ห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสอยู่ไหนทราบไหมคะ”



                   ชายหนุ่มหันไปมอง  และเห็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก  ผมสีทองอมแดง  หน้าตาน่ารัก  หอบหนังสือเล่มโต

              

                   “ผมก็กำลังหาอยู่เหมือนกันครับ  คุณเรียนเอกประวัติศาสตร์สมัยใหม่หรือครับ”  ชายหนุ่มตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความสุขุมและมั่นใจในตนเอง  หางเสียงมีสำเนียงแบบชนชั้นสูง



                   “ใช่คะ  ฉันนาเดีย”  หญิงสาวยื่นมือให้จับ  แต่ชายหนุ่มกับเอามือไขว้หลังและก้มศีรษะลงเล็กน้อย



                   “ผมลอว์เรนซ์ครับ (Lawrence) เรารีบหาห้องเรียนกันดีกว่า  ใกล้เวลาเรียนแล้ว”



                   กว่าจะหาห้องเรียนเจอก็ช้าไป 10 นาทีแล้ว



                   “คุณสองคนมาสายตั้งแต่วันแรกเลยนะ  ขอทราบชื่อทั้งคู่ด้วย”



                   “นาเดีย เจน เดอะสเปนเซอร์คะ”  เสียงงึมงำดังขึ้นจากชายหนุ่มหลายคนในห้อง  ลอว์เรนซ์เหลือบมองนิดนึง  นอกจากสวยแล้วยังเป็นลูกสาวขุนนางตระกูลสูงอีกต่างหาก



                   “โทมัส เอ็ดเวิร์ด ลอว์เรนซ์ครับ”  เสียงฮือฮาดังขึ้นพร้อมสายตาทุกคู่หันมามอง  นาเดียยังมองเหมือนตะลึง  ผู้ชายตัวเล็กท่าทางไร้ระเบียบคนนี้เนี่ยนะ



                   “โอ้ เลดี้สเปนเซอร์ กับ คุณลอว์เรนซ์นักเรียนทุน  หนหน้าช่วยมาตรงเวลาด้วยนะ”  อาจารย์ผู้สอนทำเสียงเย้ยหยัน  “แล้วคุณลอว์เรนซ์ไหนละหนังสือของคุณ”



                    “ผมอ่านหมดแล้วครับ  เลยไม่ได้เอามาด้วย”  ลอว์เรนซ์ตอบด้วยเสียงหยิ่ง ๆ แบบชวนหมั่นไส้  เลยโดนอาจารย์ไล่ให้รีบไปนั่งเรียน



                   เขาเอามือเท้าคางเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง  ดวงตาสีฟ้าเลื่อนลอย



                   “เมื่อหมั้นหมายกับเจ้าชายชาร์ล  พระนางมาเรีย อันโทเนีย จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า มารี อังตัวแนต”



                   นาเดียรีบพลิกหนังสือหา



                   “หน้า 252”  ลอว์เรนซ์บอก  นาเดียมองด้วยความแปลกใจ  แล้วพลิกหนังสือตามที่ลอว์เรนซ์บอก



                   “คุณนี่สุดยอดไปเลย”



                   เขาเข้ามานักศึกษามหาลัยด้วยการเป็นนักเรียนทุน  แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องง่ายกับการได้รับทุนเรียนมหาลัยอันดับหนึ่งแห่งอังกฤษแบบนี้  คนอื่นที่รู้มองด้วยเสียตาชื่นชนแกมอิจฉา  แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้สนใจอะไรนัก  ยิ่งได้มาฟังอาจารย์พล่ามจนชวนหลับแบบนี้  ลอว์เรนซ์คิดว่าหนหน้าเค้าโดดเรียนดีกว่า



    ========================================



                   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”  ลอว์เรนซ์เปิดประตูออกมาเห็นนาเดีย



                   “ฉันเห็นคุณไม่ไปเรียนหลายวันแล้ว  เลยแวะมาดูนะ  เป็นยังไงบ้างคะ”



                   “ก็สบายดีครับ  อ่านหนังสือทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย”



                    นาเดียมองข้ามไหล่ไปเห็นกองหนังสือที่วางระเกะระกะ  เธอชินกับนิสัยของเพื่อนที่เก็บตัวและไม่ชอบให้ใครสัมผัส  ช่วงหลังเธอจึงไม่ยื่นมือออกไปจับทักทาย  “ฉันมีวิชาที่เรียนไม่เข้าใจมาถามคุณด้วยคะ  เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรทานด้วยกันแล้วคุณช่วยสอนฉันด้วยดีไหมคะ”  เหตุผลที่เธอชวนลอว์เรนซ์ออกไปข้างนอก  ข้อแรกคือลอว์เรนซ์ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในห้อง   อีกข้อเธออยากให้เพื่อนเธอได้ทานอย่างอื่นบ้าง  นอกจากขนมปังกับน้ำเปล่า  เฮ้อ...น้ำเปล่าเนี่ยนะ  ทุกวันด้วย



                   “ได้ครับ  เดี๋ยวผมขอแต่งตัวสักครู่นะครับ”



                   “ฉันจะรออยู่ข้างนอกนะคะ”



                   ลอว์เรนซ์แต่งตัวลงมาด้วยเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่  รองเท้าเก่า  และผมที่เหมือนเอามือเสยมากกว่าหวี  ซึ่งนาเดียคิดว่าไม่ได้แตกต่างจากเมื่อกี้สักเท่าไหร่เล้ย  ทั้งสองคนเดินออกไปทานอาหารร้านบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง  นาเดียพยายามเลือกร้านที่ราคาไม่สูงนัก  



                   หลังจากทานอาหารกันแล้ว  ลอว์เรนซ์ก็มานั่งสอนนาเดียที่ใต้ต้นไม้ในบริเวณมหาวิทยาลัย  



                   “ลอว์เรนซ์  อาจารย์บอกว่าถ้าเธอไม่เข้าเรียน  แล้วก็ไม่ส่งงานแบบนี้  จะมีปัญหานะ”



                   “อืม”



                   “เธอน่าจะเข้าห้องเรียน  แล้วก็ทำงานส่งบ้างนะ”



                   “อืม  จะพยายามครับ”



                   ผลัวะ !!! นาเดียคว้าหนังสือมาตีแขนลอว์เรนซ์  “นี่แนะ  จะพยายาม  เธอช่วยฉันทำงานส่งอาจารย์  แต่ดันไม่ส่งงานเองเนี่ยนะพยายาม”



                   ลอว์เรนซ์พยายามหลบแล้วหัวเราะร่วน  “น่า ๆ ๆ ก็วิชาที่ฉันไม่ค่อยเข้าเรียนนะมันน่าเบื่อจะตาย  แถมไม่ต้องไปเรียนก็ยังรู้เรื่องเลย”



                   “นี่แน่ะ  ไม่ต้องไปเรียนแล้วมันจะจบไหมเนี่ย”



                   ผลัวะ !!!  “โอ้ย   เจ็บนะนาเดียพอแล้วไม่เอาน่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  ลอว์เรนซ์คว้าหนังสือจากมือนาเดีย  แต่นาเดียไม่ยอมปล่อย  เลยเกิดสงครามย่อย ๆ เพื่อแย่งหนังสือเล่มโตกันอย่างสนุกสนาน  โดยไม่ทันเห็นคนที่แอบมองดูพร้อมซุบซิบกันอยู่



    ========================================



                   “นาเดีย”



                   “ค่ะ”  นาเดียหันไปตามเสียงเรียกบนทางเดิน  เห็นเพื่อนนักศึกษาสามคนยื่นอยู่



                   “มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย  ไปห้องสมุดกันเถอะ”  สาวคนหนึ่งพูด



                   “มีอะไรคุยกันตรงนี้ก็ได้คะ  ไม่จำเป็นต้องไปที่อื่นหรอก”



                   เธอคนนั้นทำท่าอึกอัก  ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มจึงโพล่งขึ้นมา “เธออย่าไปทำตัวสนิทสนมกับลอว์เรนซ์มากนักดีกว่า”



                   “ทำไมหรือคะ”



                   “ฐานะของเขาต่างกับเธอมากน่ะสิ”



                   “แล้วมันสำคัญตรงไหนสำหรับความเป็นเพื่อนคะ”  นาเดียยังคงยิ้มหวาน



                   “เขานะ เขา...  เขาเป็นลูกนอกสมรสนะ”  สาวที่เงียบมาตลอดทนไม่ไหวเลยพูดขึ้นมา “พวกเราเป็นห่วงเธอนะ  เราเห็นเธอกับลอว์เรนซ์ที่สนามหญ้า  เขานะตัวปัญหา  เธออย่าไปยุ่งกับคนแบบนั้นเลยดีกว่า”



                   “แล้วไงคะ”  นาเดียยังคงยิ้มเยือกเย็น



                   “พ่อกับแม่เค้าไม่ได้แต่งงานกันนะ  แล้วแม่เค้าก็แย่งสามีคนอื่นมาด้วย  ผะ ผู้หญิงคนนั้น  คนที่แม่ของลอว์เรนซ์ไปแย่งสามีมาเป็นญาติกับฉันเอง”  สาวคนนั้นเริ่มเสียงเครือ  จนนาเดียเองยังอดสงสารไม่ได้



                   “ค่ะ  แต่ลอว์เรนซ์ไม่เกี่ยวข้องนี่คะ  และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นเพื่อนด้วยคะ”



                   สามคนนั้นได้แต่มองหน้านาเดียด้วยความอึ้ง  นาเดียก็มองสบตาไปตรง ๆ



                   “ขอโทษนะคะ  ถ้าไม่มีอะไรแล้ว  ฉันต้องขอตัวนะคะ”  แล้วนาเดียก็หันหลังเดินกลับไป  เธอหยุดอยู่ตรงมุมหนึ่ง  “ลอว์เรนซ์  อย่าคิดมากเลย”  แล้วจึงเดินต่อไป



                   นักศึกษาสามคนได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก  เมื่อเห็นลอว์เรนซ์เดินออกมา  หน้าที่เป็นสีขาวซีดอยู่แล้ว  ยิ่งดูขาวมากกว่าปกติ  แต่ก็ยังทำเข้มแข็งเดินเชิดหน้าแบบหยิ่งผ่านสามคนนั้นไป  ทั้งที่เลือดในกายร้อนรุ่มไปทั้งร่างกาย  เมื่อเดินพ้นสายตาคนพวกนั้น  ลอว์เรนซ์รีบวิ่งกลับไปจนถึงห้องพักแล้วทุ่มตัวลงนอนบนเตียง  ภาพในอดีตย้อนกลับมา



    ========================================



                   พ่อกำลังจูงมือลอว์เรนซ์อายุ 10 ขวบ  เดินเลือกซื้อผักในตลาด



                   “คุณแชปแมน”  เสียงผู้หญิงคนนึงดังขึ้น  “คุณแชปแมนจริง ๆ ด้วย  ไม่เจอกันนานนะคะ”  สุภาพสตรีรูปร่างอวบท้วมแต่งกายหรูหรา  ท่าทางร่ำรวย



                   ลอว์เรนซ์หันไปมองหน้าพ่อตัวเอง  พ่อหน้าซีดจนผิวที่ขาวอยู่แล้วขาวจัด  “ขอโทษครับ  ผมไม่คิดว่าผมรู้จักคุณนะ  คาดว่าคุณคงจำคนผิด”  ลอว์เรนซ์ก็ไม่คิดว่าครอบครัวอย่างเค้าจะรู้จักคนมีฐานะแบบนี้  แถมพ่อเค้าไม่ได้ชื่อแชปแมนด้วย



                   “ฉันไงคะ  เลดี้กาลิเดีย”  เธอมองดูเสื้อผ้าของพ่อลูก  กับข้าวของที่ซื้อมา  แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน  “ถึงยังไงฉันก็ยังจำคุณได้นะคะ”



                   “ขออภัยจริง ๆ ครับเลดี้  คุณจำผิดแล้ว  ผมไม่ได้ชื่อแชปแมน  ผมลอว์เรนซ์ครับ  ผมต้องรีบไปแล้วครับ ขอตัว”  พ่อกำมือลอว์เรนซ์จนแน่น  แล้วรีบเดินอย่างเร็วหนีจากเลดี้กาลิเดียไป  ลอว์เรนซ์ต้องวิ่งตามแรงฉุดทั้ง ๆ ที่ยังงุนงง



                   ในระหว่างอาหารค่ำ  พ่อกับแม่ไปคุยซุบซิบกันสองคน  เสียงร้องไห้ของแม่ลอยมาถึงโต๊ะอาหาร



                   เด็ก 5 คนได้แต่มองหน้ากัน  



                   คนนึงทนไม่ไหวจึงโพล่งขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นหรือเน็ด”  (หมายเหตุ : เน็ดเป็นชื่อเล่นของลอว์เรนซ์)



                   “ไม่รู้สิ  ตอนไปตลาดมีผู้หญิงคนนึงมาทักพ่อว่าแชปแมนแหละ  แล้วพ่อก็ลากฉันกลับมาทั้ง ๆ ที่ยังซื้อของไม่เสร็จ”  ลอว์เรนซ์หรือเน็ดตอบ

                  

                   เด็กชายอายุ 15 คนโตสุดหน้าซีด  “พวกเธอมัวแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ  รีบกินให้หมดเร็ว ๆ แล้วไปอาบน้ำกันซะ”



                   เด็กที่เหลืออีก 4 คน  จึงรีบก้มหน้าก้มตากินอาหารค่ำ



                   หลังอาหารค่ำพ่อมักมาสอนเขาเรื่องประวัติศาสตร์เสมอ  พ่อเล่าเรื่องอัศวินหรือวีรบุรุษต่าง ๆ ให้ลอว์เรนซ์ฟัง  แต่วันนี้  พ่อไม่มา  ลอว์เรนซ์แง้มประตูดูเห็นพ่อกำลังปลอบแม่ที่ร้องไห้จึงงับประตูกลับ  แล้วเอาหนังสือเกี่ยวกับสงครามครูเสดขึ้นมาอ่านเอง



                   2-3 วันถัดมา  มีของส่งมาถึงบ้านหลายชิ้น  อาหารสารพัด  รวมถึงไวน์ชั้นดี  เสื้อผ้าของเด็ก ๆ และของเล่น  เสื้อผ้าเต็มยศของผู้ชาย  กระดุมทำจากทองคำ  เนคไทผ้าไหม  ชุดลูกไม้ของสุภาพสตรี  หลายชิ้นเป็นของที่พ่อกับแม่ของลอว์เรนซ์ซึ่งเป็นครูทั้งคู่ไม่มีทางที่จะหาซื้อมาใช้ได้ในชีวิตนี้



                   การ์ดที่แนบมาเขียนว่า



                           ฉันยังเป็นเพื่อนกับคุณเสมอ



                                     เลดี้กาลิเดีย




                   พ่อหยิบไวโอลินขึ้นมาจากกองของที่ส่งมาให้  พร้อมเล่นอย่างไพเราะ  แม่ได้แต่ยกผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา  ลอว์เรนซ์ไม่เคยเห็นพ่อเล่นดนตรีมาก่อน  ไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาสามารถเล่นไวโอลินได้  ลอว์เรนซ์เริ่มรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง



                   คืนนั้นขณะกำลังฟังพ่อเล่าเรื่องเมโสโปเตเมีย  ลอว์เรนซ์กลั้นใจถามพ่อ  “พ่อครับ  พ่อรู้จักเลดี้กาลิเดียใช่ไหม”



                   “ใช่”  หนนี้พ่อยิ้มให้



                   “แล้วแชปแมนละครับ  เป็นใคร”



                   “พ่อเอง  เป็นชื่อเก่าของพ่อก่อนจะมาใช้ชื่อลอว์เรนซ์” (หมายเหตุ : ลอว์เรนซ์เป็นนามสกุลที่ตั้งขึ้นเอง  ที่เรียกพระเอกด้วยนามสกุลลอว์เรนซ์เพราะเป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยคะ)   “พ่อเคยแต่งงานและมีลูกมาก่อนแล้ว  แต่งงานโดยที่ไม่เต็มใจเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม  เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงสวยอยู่ในตระกูลขุนนางเหมือนกัน  ตัวเธอเองก็ไม่เต็มใจและไม่มีความสุข  ตอนที่พ่อเจอแม่ของลูก  คือตอนที่แม่มาเป็นครูสอนประจำบ้านให้กับลูกของพ่อกับภรรยา  ซาราห์อ่อนโยนมาก  แม้จะไม่ใช่คนสวยแต่ก็ใจดีมีเมตตา  พอรู้สึกตัว  พ่อก็รักเธอเข้าซะแล้ว  ตอนที่ซาราห์ตั้งท้อง  ภรรยาของพ่อโกรธมาก  เธอบอกให้พ่อเลือก  และพ่อไม่ลังเลเลยที่จะเลือกแม่ของลูก”



                   ลอว์เรนซ์หูอื้อตาลาย  แม่ของเขาเป็นชู้หรือเนี่ย  แม่ที่เรียบร้อยอ่อนโยน  กับพ่อที่เป็นสุภาพบุรุษอังกฤษ  ฉลาด  สุขุม  ทั้งพ่อและแม่เป็นครูและคริสเตียนที่เคร่งครัด  เป็นชู้กันหรือ   “แล้ว...พ่อหย่าแล้วมาแต่งงานกับแม่หรือครับ”



                   พ่อสีหน้าสลดลง  พูดด้วยเสียงแผ่วเบา  “เปล่า  พ่อทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างตำแหน่งขุนนาง ยศถาบรรดาศักดิ์  ชาติตระกูล  รวมทั้งเงินทองทั้งหมดให้กับภรรยา  แล้วหนีมากับแม่ของลูก”



                   “พ่อได้หย่า  แล้วแต่งงานกับแม่รึเปล่า”  ลอว์เรนซ์กัดฟันถาม



                   “เปล่า  เน็ดพ่อขอโทษ”



                   “พ่อเป็น...”  ลอว์เรนซ์กลืนคำว่า...ชู้...ลงไปในคอ  “พ่อให้ผมเกิดมาทำไม”



                   “พ่อรู้ว่าพ่อทำผิด  แต่พ่อรักลูกกับแม่ของลูกมากนะ”



                   “ผมอยากนอนแล้วครับ  วันนี้แค่นี้แล้วกัน  ราตรีสวัสดิ์”



                   “เน็ดฟังพ่อก่อน”  พ่อเริ่มมีน้ำตาซึมออกมา



                   “ผมจะนอน”  ลอว์เรนซ์ตะคอกเสียงใส่พ่อ  แล้วคลุมโปงร้องไห้



                   “งั้น...ราตรีสวัสดิ์นะ  พ่อรักลูกมาก”  



    ========================================





                   ลอว์เรนซ์ตื่นขึ้นมาบนเตียงในหอพักวันถัดมา  เขามองนาฬิกา  สายแล้ว  แต่เขาก็ไม่สนใจเพราะปกติก็สายหรือไม่ไปเรียนเอาดื้อ ๆ เป็นประจำ



                   ในขณะที่กำลังเดินผ่านสนามไปเรียน  ผู้ชายคนเมื่อวานที่พอเห็นหน้าชัดก็นึกออกว่าชื่อชอว์กับพรรคพวกอีก 3 คนมาดักอยู่ข้างหน้า  ลอว์เรนซ์เห็นสาวสองคนแอบมองอยู่หลังต้นไม้ด้วย



                   “ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม”



                   “ฉันกำลังรีบไปเรียน”



                   “ไม่นานหรอก  ปกตินายก็ไปเรียนบ้างไม่ไปบ้างอยู่แล้วนี่”



                   “มีอะไร”  ถ้าเป็นคนอื่นลอว์เรนซ์ก็คงหยุดคุยด้วยหรอก  แต่ไม่ใช่คนที่มาว่าพ่อแม่ของเค้า  



                   “ฉันอยากให้นายเลิกยุ่งกับนาเดีย  เหตุผลคงไม่ต้องบอกนะ  เมื่อวานนายก็ได้ยินที่ฉันพูดแล้วนิ”



                   ลอว์เรนซ์กัดฟันกรอด  เพราะถูกจี้ใจดำ  “ฉันไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับนาเดีย  เราเป็นแค่เพื่อนกัน  แล้วเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับนายด้วย  หลีก...  ฉันจะไปเรียน”



                   “นายจะหนีไปไหน”  ว่าแล้วชอว์ก็คว้าไหล่ของลอว์เรนซ์อย่างแรง  ลอว์เรนซ์หันตัวกลับไปแล้วเอาแขนซ้ายกระแทกรอยพับตรงข้อศอกอย่างเร็ว  จนมือที่จับไหล่หลุดออก  หมัดขวาสวนเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง  จนหมอนั่นล้มลง  สามคนที่เหลือยืนตะลึง  เสียงวี้ดร้องดังมาจากหลังต้นไม้



                 “มาเข้ามาเลย”  ลอว์เรนซ์ท้า  สามคนนั้นจึงรุมกันเข้ามาหา  คนหนึ่งต่อยเข้าที่หน้าลอว์เรนซ์ก็สวนหมัดกลับอย่างว่องไว  คนสองเข้ามาจับแขนเอาไว้  คนสามต่อยที่ท้อง  ลอว์เรนซ์เลยเอาเท้าถีบเจ้าคนสาม  แต่ดันโดนคนสองฉวยโอกาสล็อกคอ  คนที่หนึ่งกับสามเลยต่อยมาที่เขา  ลอว์เรนซ์ได้แต่ใช้เท้ายันกับถีบออกไป  จนเห็นว่าท่าจะไม่ไหว  เลยโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วกระแทกไปข้างหลังอย่างไว  ทำเอาคนที่ล็อกคอตั้งตัวไม่ทันล้มก้นกระแทกแถมโดนคนที่จับล็อกคอล้มทับเอาอีกต่างหาก  ลอว์เรนซ์หลุดมาได้ก็ต่อยอีกคนพร้อมเตะอีกคนกระเด็น  เอาแขนเช็ดเลือดจากปากที่แตก  แล้วเดินเข้าไปหาชอว์ที่เพิ่งลุกขึ้นได้



                   สาวคนหนึ่งร้องไห้วิ่งไปเกาะชอว์เอาไว้  ส่วนอีกคนวิ่งมาขวางหน้าลอว์เรนซ์  ทำให้ทั้งลอว์เรนซ์  ชอว์  และสามคนที่เหลือได้แต่ชะงัก



                   “เฮอะ  เห็นตัวแค่นี้ร้ายใช่เล่นนี่  ฉันยอมรับนาย”  ชอว์พูดขึ้นมา



                   “นายก็ใช่เล่นเหมือนกันนี่  เพื่อคนที่ตัวเองหลงรักทำได้ขนาดนี้  ฉันให้อภัย”  ลอว์เรนซ์เริ่มยิ้มได้  นาน ๆ จะได้ออกแรงแบบนี้สักที



                   ชอว์ทำหน้าเหวอ  “เฮ้ย  ไม่ใช่นะเว้ย  แฟนฉันนะคนนี้”  ว่าแล้วก็คว้าสาวที่ร้องไห้มาโอบไหล่  “เค้าเป็นเพื่อนกับนาเดียน่ะ  เค้าเป็นห่วงนาเดียแล้วมาบ่นให้ฉันฟัง  ฉันเลยมาคุยกับนาย”



                   ถึงคราวลอว์เรนซ์เหวอบ้าง  ตาคนนี้นิสัยดีกว่าที่คิดแต่แรกแฮะ  พอหายตกใจเลยหัวเราะขำทั้งตัวเองและชอว์  ชอว์กับพรรคพวกก็ร่วมวงหัวเราะด้วย  ยกเว้นแฟนสาวของชอว์ที่หน้ามุ่ยเพราะชอว์โดนต่อย  แต่พอชอว์ปลอบก็เริ่มยิ้มได้





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×