ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของหมายเลข 1

    ลำดับตอนที่ #5 : มาเฟียพี่เลี้ยงเด็ก เรื่องผุดขึ้นหัวอาจแต่งต่อ

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 57


               แสงแดดที่ทอประกายทั่วท้องฟ้าทำให้วันนี้อากาศแจ่มใสยิ่งมีลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกมากโข เขาทอดสายตามมองออกไปข้างนอกที่มีเหล่าคนชุดดำยืนรายล้อมไปทั่วรอบที่อยู่อาศัยแล้วถอนหายใจ ชีวิตของเขานับวันยิ่งอยู่ยากเพราะอำนาจของตัวเอง อำนาจเหล่านี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะสร้างมันขึ้นมาหรอก แต่ไม่มีก็ไม่ได้

              "ที่จริง วันนี้ฉันมีอะไรจะบอกละ... "หญิงสาวร่างบางกล่าวอย่างอารมณ์ดีเหมือนทุกวัน และวันนี้ดูเหมือนจะดีกว่าปกติ เธอยิ้มกว้างให้คู่สนทนาแล้วกระโดดเล่นในห้องของเขาอย่างสนุกสนาน

               "อืม มีอะไรอีกละ รึว่าวันนี้เธออยากไปเที่ยวที่ไหนอีก ผมว่าเธอน่าจะเพลาๆเรื่องการออกไปข้างนอกได้แล้วนะ เดี๋ยววันดีคืนดีจะโดนจับยัดหม้อลอยน้ำเอา" อา ใช่แล้วที่เขาพูดคงไม่ผิดหรอก ก็เธอนะเป็นเพียง'วิญญาณ' ที่มาอยู่กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีเธอก็มาวนเวียนอยู่รอบตัวตลอดเวลา ยิ่งกว่าฝาแฝด และเธอยังเป็นคนที่มีส่วนช่วยสร้างอำนาจบารมีให้กับเขาอีกด้วย

               "แฮะๆ ก็เวลาของฉันมันใกล้หมดแล้วนี่นา ฉันขอบคุณนายจริงๆนะ ที่เป็นห่วงฉันอยู่เสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน จนวันนี้..."เสียงที่แผ่วลงทำให้คำพูดของเธอดูแปลกไปจากทุกที เธอหันหน้ามาจ้องผมแล้วยิ้มน้อยๆ

                "จะล้อเล่นอะไรอีก คราวนี้ผมไม่หลงกลคุณง่ายๆหรอกนะ อยู่ๆมาพูดอะไรแบบนี้แล้วขนลุก"แต่แววตาของเธอนั้นไม่มีคำว่าล้อเล่นอยู่เลย ผมต้องทำใจแข็งพูดไปก่อน ก็คนมันกลัวโดนหลอกตลบเล่นนี่

                "คราวนี้ฉันจะไปจริง ๆ หมายถึงเกิดนะ เวลาของฉันตอนนี้เหลืออีกสิบกว่าปีเอง แถมนายก็กำลังไปได้สวย นายคงไม่ต้องการฉันแล้วละ ลาก่อนนะ ไว้พบกันใหม่"คราวนี้ทั้งร่างของเธอกลับเรืองแสง ตาของเขาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง ทำให้เธอแอบหัวเราะ เธอไม่ชอบการลาจากที่เศร้าโศกหรอกนะ เลยมาบอกเขาในวันสุดท้ายก่อนที่จะจากไป เธอดูผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเองแล้วทั้งหัวเราะและยิ้มพอใจ ได้ผลดีเกินคาด

                 เพื่อนของเธออ้าปากค้าง คงไม่อยากเชื่อละซี่ ว่าเธอนะพูดจริง

                 "นะ นี่เธอจะไปจริงๆเหรอ ทำไมกันละ ตั้งสิบปีเชียวนะ อีกตั้งสิบปีเธอจะรีบไปไหนกัน อย่ามาอำกันเล่นนะ ระ เรื่องแบบนี้ฉันไม่ยอมหรอก"หลังจากที่สติหลุดไปชั่วครู่ เขาก็โวยวายใหญ่ น้ำเสียงสั่นๆ ยิ่งทำให้เธออยากจะหัวเราะจนท้องแข็งแต่ก็ต้องทนไว้

                   "ไม่ยอมก็ต้องยอมละนะ นายบังคับฉันไม่ได้หรอก เพราะนี้มันชีวิตฉัน เวลาฉัน ฉันยังอยากทำอะไรอีกมากมาย คงอยู่กับนายที่นี่ตลอดไม่ได้ แต่ฉันสัญญาว่า เราต้องได้พบกันอีกแน่นอน"สิ้นเสียงใส ร่างของเธอก็กลายเป็นละอองแสงลอยไปตามสายลม แต่รอยยิ้มและน้ำเสียงสดใสยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาอย่างชัดเจน

                   เขาพยายามคิดว่านี่คงเป็นการหลอกเล่นอีกตามเคย แต่รอแล้วรอเล่า ผ่านไปจากหนึ่งวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์ไปเป็นเดือนเขายังคงกลับมารอที่เดิมทุกๆวัน จิตใจของเขาอยู่ไม่เคยเป็นสุขตั้งแต่เธอจากไป เขายังคงคิดถึงรอยยิ้ม น้ำเสียง อิริยาบทต่างๆของเพื่อนคนเดียวที่เขามี

                   บัดนี้ผ่านมา กว่าสิบสองปีที่ชายหนุ่มนักธุรกิจผู้เยือกเย็นกลับมารอที่เดิม ที่ๆ ทุกวันเขาต้องมารอคนๆนั้น ความทรงจำของเขาเริ่มจะเลือนราง เขาแทบจะลืมเสียงของของเธอไปหมด จำได้เพียงแค่รอยยิ้มที่ได้รับมาไม่ขาด เมื่อนึกถึงวีรกรรมที่เธอก่อไว้เขาก็อมยิ้มบาง

                    เขามองดูรูปวาดดินสอที่เขาเคยร่างเอาไว้ รูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแอบวาดเอาตอนที่เธอหลับ แปลกดีนะที่วิญญาณก็หลับเหมือนกัน เมื่อไหร่เธอจะกลับมาเสียที เขารอมานานมากแล้ว รอจนแทบไม่คิดว่าเธอจะกลับมาอีกแต่ด้วยคำสัญญาที่เธอให้ไว้ยังคงเป็นความเชื่อเล็กๆในหัวใจ ว่าเธออาจจะเล่นจนลืมเวลาก็ได้ หรืออาจจะกำลังมาหาเขา...

                     ตาเรียวรีสีเทาสวยจ้องมองออกไปข้างนอก รึว่าเธอจะโดนหมอผีจับยัดลงหม้อจริงๆ ตามความคิดเล่นๆในตอนเด็กกันนะ รึว่าจะโดนล่อลวง เขาคิดไปต่างๆนาๆ คงยากจะเชื่อที่นักธุรกิจชื่อดังอย่างเขาจะทิ้งงานบริหารมานั่งคิดเพ้อถึงเพื่อนที่ไม่ยอมกลับมาไปเรื่อยเปื่อย

                    

                       แปะ

                   จู่ๆ สายลมก็พัดพาบางสิ่งมาส่งถึงหน้าเพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่านในใจ กระดาษแผ่นเล็กล่องลอยมาสู่จุดหมายสุดท้ายแล้วก็ร่วงหล่น ลงไปที่พื้นห้อง

                   คนที่โดนขัดความคิดก้มเก็บสารใบน้อยอย่างหงุดหงิด แต่เนื้อความในจดหมายกลับทำให้เขาชะงักค้างไป เหมือนสิบสองปีที่แล้วไม่มีผิด

                  "ฮึๆ งั้นเหรอ "หลังจากที่ชายหนุ่มหายค้างเขาก็หัวเราะ และพูดกับตัวเอง...

                   จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างเร่งรีบมือคว้ากุญแจรถลูกรัก ขึ้นทะยานอย่างเร่งรับจนแทบจะพุ่งชนประตูเพราะคนไปเปิดแทบจะไม่ทัน 

                   รถคันหรูเดินทางไปอย่างรีบเร่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เพียงแค่คิดว่าจะได้พบกับเธออีกครั้งเวลาไม่กี่นาทีกลับนานกว่าตอนที่เขารอเธอกลับมาหลายสิบปีรวมกันซะอีก เท้าเหยียดมิดจนรถที่เขาแสงมาหลายคันพากันก่นด่า ถ้าเป็นปกติปีศาจเลือดเย็นอย่างเขาคงสั่งตายมันไปแล้วง่ายๆ แต่ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปอยู่ที่จุดหมายของเส้นทาง

                   "เธออยู่ที่นี่ใช่มั้ย "ร่างสูงพึมพำเบาๆแล้วชายตามองสำรวจที่นี่อย่างคร่าวๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมืดครึ้มมีเพียงแสงไฟสลัวๆ แต่เขายังคงจำที่นี่ได้ดี

                          ที่ที่เธอ มาเดินเล่นพร้อมกับเขาทุกๆวันเมื่อสิบสองปีก่อน...

                         

                               และที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอเข้ามาในชีวิตของเขา...

                           

                  "นี่ๆ นาย "เสียงสดใสของใครบางคนเรียกให้เขาในวัยเด็กหันไปอย่างแปลกใจ ชิวิตวัยเด็กของเขาคือชะตากรรมอันขมขื่นของผู้ที่ต้องเข้าสู่ศึกรับต่ออำนาจรุ่นต่อไป ... และ เขาไม่มีเพื่อนเลย...ซักคนเดียว เพราะการจะมีสัมพันธ์กับใครสักคน เหมือนกับการสุ่ม ว่านั่น เป็นเครื่องมือที่ใช้ฆ่าที่ถูกส่งมาหรือ...มิตรแท้ที่รอวันตายอย่างทรมาณ เขาจึงเลือกอีกทาง คือ 'อยู่อย่างโดดเดี่ยว' แทนที่จะไปนั่งเสียใจทีหลัง

                   "มีอะไร เหวอ!! "เขาทำเสียงแข็งกลับไป แต่เมื่อหันไปหาคนที่เรียกหัวใจก็แทบจะวาย สารภาพว่าขาสั่นไม่มีแรงหนี เลยได้แค่ยืนแช่อยู่ที่เดิม ก็คนที่มาสะกิดเขานะ เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถ้ามองเข้าไปตัวของเธอนะใสจนเห็นทะลุไปด้านหลัง อีแบบนี้ สรุปได้คำเดียวว่า 'ผี'

                   "ฮิๆ ฮ่าๆๆ ดูหน้านายดิ เมื่อกี๊อะ โอ๊ย ขำ"แต่เจ้าตัวที่ถูกตราหน้าว่าผีกลับหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ถึงนอนกลิ้งไปบนพื้นกันเลยทีเดียว ยิ่งสร้างความแปลกใจให้เด็กชายมากขึ้นเพราะคนรอบตัวเขากลับไม่มีใครหันมามองเลยแม้แต่คนเดียว

                   "คะ คะ คะ คุณผีเป็นใคร มะ มาเรียกผมทำไม"เอาวะ ใจดีสู้เสือ ใจกล้าสู้ผี(มั่ว)

                   "ฮ่าๆๆ อะไรกันๆ ฉันแค่อยากจะเป็นเพื่อนกับนาย ถึงกับทำเสียงดุ ฉันรู้นะว่านายอะ อยากมีเพื่อนจนใจจะขาดชิมิ เค้าเลยเสนอตัวเป็นเพื่อนคนแรกไง แล้วก็นะ ฉันนะวิญญาณย่ะ วิญญาณ"

                   "วิญญาณเหรอ เฮ้ย แล้วผมเห็นเธอได้ยังไง พ่งเพื่อนอะไรไม่อยาก...ไม่อยากได้หรอกนะ"ถึงเขาจะตอบกลับไปแบบนี้แต่เธอยังคงยิ้มยียวน พอเขาไล่เธอไป เธอก็ยังคงตามรังควานเขาทุกๆวัน จนสุดท้ายไปๆมาๆกลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาที่ดีที่สุดซะงั้น พอคิดถึงเรื่องเก่าๆ หัวใจแสนเย็นชาก็อุ่นวาบ ใบหน้าที่ดูน่ากลัวกลับดูอ่อนโยน หมดคราบปีศาจเลือดเย็นไปชั่วครู่

                        

                                                     "เธออยู่ที่นี่ใช่มั้ย...ลูกหมี..."

                    ใบหน้าสหมองกับเสียงเศร้าๆ ทำให้บรรยากาศมัวหมองเศร้าโศกแต่ว่าเขากลับไม่ได้อยู่ที่นี่พียงคนเดียวแต่แรกหรอกนะ...

                     "ปี้โอ อยู่ไหน ปี้โอ ฮึก แง้ๆๆ"บรรยากาศดำมืดมัวหมอง ถูกทำลายด้วยเสียงทำลายล้างจากเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ ชายหนุ่มแถวนั้นหันมามองอย่างสนใจ เพราะใบหน้าของเด็กน้อยนั้น ช่าง...

                     "อ๊ะ ปี้จาย ปี้เซล เซล ปี้โออยู่ไหนไม่ยู้อะ ฮึกๆ เค้ากลัวอ่า แง้ๆๆ"เสียงร้องระงมดังขึ้นอีกที แต่มันดันไม่เข้าหูชายหนุ่มที่จ้องมองเด็กตัวเล็กๆที่กำลังแผดเสียงแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนทุกส่วนแต่เขาจำได้ ดวงตานั่น เหมือนกันเปี๊ยบ นี่อย่าบอกนะว่า...

                     "ปี้เซลหน้าดุ ลูกหมีกลัวอ่า ฮึกๆ "

                     "...."ลูกหมี ลูกหมี ลูกหมี หน้าก็คล้าย ชื่อก็เหมือนแต่ยังเหลือ...

                     "อ๊ะ ตอนนี้ตลกจัง อ้าปากค้างระวังแมลงบินเข้านะ คิกๆ"

     

                                         นี่มันใช่เลยนี่หว่า ไม่ผิดตัวแน่คนเดียวกันแน่นอน ...

     

     

    2.00 a.m. ณ สวนสาธารณะใกล้บ้าน

                    "ลูกหมี นั่นเธอใช่มั้ย"เขาลองถามเพื่อย้ำอีกที

                    "เอ๋ ลูกหมีก็คือลูกหมีจิ อ๊ะ "แต่เด็กก็คือเด็กยังไงสมองก็เด็ก ตอบได้เท่านี้ก็บุญละ

                     ฟุบ

                     ชายหนุ่มกระโดดเข้าไปกอดร่างเล็กแน่นราวกับว่าเธอจะหายไปอีก หัวใจของเขาเต้นรัวเมื่อได้เจอกับเธออีกครั้ง ทันทีที่เขาสัมผัสตัวได้ก็ชะงักอีกรอบ เพราะคราวนี้เขากลับสัมผัสร่างของเธอได้นั้นสิ คงหมดเวลาในร่างวิญญาณแล้วละมั้งเขาคิด ลูกหมีกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อยใบหน้าเล็กกลับยิ้มอบอุ่นให้เขา

                     แต่ท่าทางใสซื่อของเด็กๆ ทำให้เขาสงสัย เธอเคยบอกว่าเวลาก่อนไปเกิดเหลือประมาณสิบกว่าปีนี่ ที่หายไปนานรึว่าไปหาแม่ฟะแล้วแค่ไปเกิดเนี่ยถึงกับต้องทำตัวเป็นเด็กไปด้วยงั้นเหรอ รึว่าแค่แอ๊บเด็กกันนะ ช่างเถอะ ในเมื่อเธออยู่ตรงหน้าแล้ว

                    "เธอรู้มั้ย ว่าผมรอเธอมาตั้งสิบกว่าปี ผมนะ แทบจะตัดใจคิดว่าเธอคงจะลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำ"เขากอดร่างเล็กแน่นขึ้นอีกนิดเพื่อย้ำว่าเธอมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้แล้วจริงๆ หัวใจที่ว่างเปล่าบัดนี้ถูกเติมเต็มด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ตอนนี้เขายังไม่สนอะไรทั้งนั้นในเมื่อแค่มีเธอก็พอ เรื่องอื่นค่อยมาสะสาง

                     "หา ลูกหมีอายุแค่สองขวบเองนะ แล้วลืมคืออะไรอะปี้เซล"เด็กน้อยเอียงคอถามอย่างหน้ารัก แต่อีกคนสติแตกไปแล้วเขาตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนไม่สนอะไรไปเรียบร้อย

                     หา แล้วทำไมเธอถึงจำเขาได้ละ แล้วทำไมถึงกลายเป็นเด็กที่ใสซื่อ...จนน่าขนลุก แถมยังจำอะไรไม่ได้อีกต่างหาก ทำไม ทำไม ทำไมๆๆ คำถามมากมายผุดขึ้นมาตั้งแต่กระดาษที่เขาได้มาจากสายลม ลูกหมีที่มาโผล่ที่นี่ทั้งๆที่เขาคอยตามหาตั้งหลายปี กว่าเขาจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เด็กน้อยขยับตัวไปมา

     

                    

     

     

     

                     "ทำไมลูกหมีถึงจำผมได้ละ"คำถามมากมายเริ่มพรั่งพรูออกมาจากปากแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ เพราะเด็กน้อยนั้นได้นอนสลบ หลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องอดทนรอเพราะไม่อยากจะปลุกเด็กน้อยจากห้วงนิทรา

                     จนสุดท้ายคนตัวโตรอคำตอบไม่ไหวแถมเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของเด็กเล็กที่ไม่น่าจะทนความหนาวเหน็บของที่นี่ได้นานนักเขาจึงจะพากลับบ้านไปก่อน แต่ตาดันเหลือบไปเป็นกล่องที่อยู่ข้างๆลูกหมีเลยหยิบไปพร้อมกันหมดเพราะคิดว่าคงเป็นของเธอ

                   

                         'ทำไมกัน ทำไมเธอถึงรู้จักผม ทั้งๆที่ไม่มีความทรงจำของตอนที่เป็นวิญญาณ'

                    

     

                      เมื่อเจ้าของบ้านอันแสนโอ่อ่าหรูหรากลับมาก็สร้างความแปลกใจให้กับคนที่บ้านมากกว่าขาไปเสียอีก เพราะในอ้อมอกของเขานะ มีเด็กน้อยนอนหลับอย่างมีความสุข ในมือก็มีกล่องที่ไม่น่าจะสลักสำคัญอะไรมากนัก

                      "ยินดีต้อนรับกลับค่ะ นายท่าน ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ..."หัวหน้าคนรับใช้วันคุณแม่ที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยที่เขายังอยู่บ้านหลัก เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

                      "อ้อ เด็กของฉันนะ ฝากดูแลด้วย ถ้าเธอตื่นเมื่อไหร่ให้ขึ้นไปเรียกฉันที่ห้องทำงานนะ"เขาส่งต่อเด็กน้อยให้กับเธอแล้วเดินถือกล่องขึ้นไป บรรดาสาวใช้ต่างทำหน้างงๆ แต่ก็มากรี๊ดกับความน่ารักของเด็กที่เจ้านายพามา ด้วยผิวขาวอมชมพูเนียนใส ใบหน้าเล็กน่ารักทำให้ลูกหมีเหมือนตุ๊กตาที่กำลังหลับอย่างมีความสุข

                      "ชู่ว เงียบๆสิ เดี๋ยวคุณหนูท่านนี้ก็ตื่นหรอก "หัวหน้าสาวใช้ดุเด็กๆที่ทำเสียงดัง

                      "โถ่ ป้าอะ ก็นานๆทีพวกหนูจะได้เจอเด็กๆน่ารักๆอย่างนี้ ขอยลโฉมโลมเลาหน่อยก็ไม่ได้"

                      "แต่ถ้าเธอไปทำให้เขาไม่พอใจ ป้าจะไม่ช่วยอีกแล้วนะ"

                    เสียงหลายเสียงดังขึ้นทำให้เด็กน้อยเริ่มสะลึมสะลือตื่นมาอย่างงงๆ

                       "ฮ้าว อ๊ะ! ป้าเป็นใครอะ แล้วลูกหมีอยู่ที่ไหน ปี้เซลอยู่ที่ไหน ฮึกๆ แง้ๆ"เสียงของสาวใช้ทำให้เธอตื่นขึ้นมาร้องหาเซล เหล่าสาวใช้ต่างก็ตกใจกลัวความผิดที่ทำให้เด็กน้อยร้องไห้ก็พากันมาเอาอกเอาใจปลอบกันยกใหญ่ เพราะถ้าหากใครไปปลุกความเป็นปีศาจร้ายของเจ้านายเข้าละก็ อย่าหวังเลยว่าชีวิตจะอยู่อย่างเป็นสุข ยิ่งตอนที่เห็นเจ้านายอุ้มหนูน้อยคนนี้เข้ามาก็แทบลมจับกันยกบ้าน พวกเธอยังคิดว่าเป็นภาพลวงตาที่เห็นปีศาจเลือดเย็นที่ไม่เคยปราณีใครดูแลประคบประหงมอุ้มเด็กตัวเล็กๆเข้ามาอย่างดี

                       "โอ๋ๆ หนูอย่างเพิ่งร้องไห้นะจ๊ะ ป้าเป็นคนที่มาดูแลหนูแทนคุณท่าน เดี๋ยวป้าพาไปหาจ๊ะ"หัวหน้าแม่บ้านที่ยังคุมสติได้เพราะผ่านประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาอย่างโชกโชน ก็เดินอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กขึ้นไปยังห้องของเจ้าของบ้าน พร้อมกับดุสาวใช้ไปด้วย

                       "คุณหนูชื่ออะไรเหรอคะ "ป้าหัวหน้าแม่บ้านเปลี่ยนจากหน้ายักษ์ที่ดุสาวใช้ มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่แสนใจดี ทำให้เด็กน้อยผ่อนคลายกว่าเมื่อกี๊มาก

                      "ชื่อลูกหมีค่ะ คุณป้าคนสวยเป็นใครเหรอคะ"เด็กน้อยที่เริ่มหายกลัวยิ้มแฉ่งถามกลับไป

                      "อุ๊ย! คุณหนูชมป้าเกินไปแล้วค่ะ ป้าเป็นแม่บ้านของนายท่าน คือพี่เซลของคุณหนู เอ่อ ลุกมีค่ะ"ด้วยเหตุที่ว่า ชื่อของลูกหมีเป็นคนละภาษาที่เธอใช้พูด เธอจึงเรียกไม่ค่อยถูกนัก แต่เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี

                       "ขอโทษนะค่ะ ที่ป้าออกเสียงเรียกไม่ค่อยจะถูก"

                       "คิกๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลูกหมีไม่ว่าอะไรหรอก"เด็กน้อยตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

                        "งั้นวันหลังเรียกว่าเบบี้ เอลล่าบอกให้ทุกคนในบ้านเรียกแบบนี้ เพราะชื่อนั้นฉันเรียกได้คนเดียว"จากการที่ร่างสูงเจ้าของบ้านโผล่มาก็ทำให้ตกใจ จนหน้าซีดเพราะเสียงของเขานั้นดูหงุดหงิดมาก                  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×