ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในห้วงแห่งความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #6 : ในห้วงแห่งความทรงจำ ตอน พระราชวังสนามจันทร์ ๑

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 48


    ในห้วงแห่งความทรงจำ ตอน พระราชวังสนามจันทร์ ๑







    รถคันเล็กของศมาแล่นข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยผ่านสะพานพระปิ่นเกล้า เข้าสู่ฝั่งธนบุรีอดีตราชธานีแห่งหนึ่งก่อนจะเป็นมาเป็นกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน สะพานแห่งนี้มีชื่อตามพระนามของพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สองในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่ทรงแต่ตั้งกรมพระราชวังบวรหรือวังหน้า ทรงแต่ตั้งพระเจ้าน้องยาเธอขึ้นเป็นกษัตริย์อีกพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมหรือพระราชวังในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ในปัจจุบันดูแลรับผิดชอบโดยกองทัพเรือ



    หญิงสาวเจ้าของรถเหลือบมองผ่านกระจกหลัง มุมปากบางมีรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นร่างสูงๆ ของเพื่อนรุ่นน้องทั้งสี่คนนั่งเบียดกันอยู่ ถึงแม้จะนั่งไม่สบายแต่ก็ไม่กล้าบ่น ส่วนที่นั่งข้างๆ หล่อนคือลีลาที่วันนี้ยิ้มย่องผ่องใสเป็นพิเศษ



    \"เจ๊ศมาขอรับ...นี่ต้องไปอีกนานไหมขอรับที่มันจะออกจากกรุงเทพแล้วนะ\" อิฐร้องถามพร้อมกับชะโงกหน้าขึ้นมาจากทางด้านหลัง



    \"ก็อีกสัก... สี่ห้าชั่วโมงเอง ใช่ไหมลี\" ศมาตอบยิ้มๆ



    \"ใช่...ทนอีกนิดหนึ่งนะน้อง\" ลีลารับมุกเพื่อนสนิทอย่างคุ้นเคย



    เสียงโอดครวญจากสี่หนุ่มดังขึ้นมาพร้อมกัน



    \"โห...ทำไมเจ๊ทรมานพวกเราอย่างนี้\"



    \"ใครใช้ให้มาล่ะยะ\" เจ๊ของน้องๆ ตอกกลับอย่างไม่ถนอมน้ำใจ



    \"แล้วยังมาบ่น\"



    \"นี่คุณพี่ลีครับ...วังอะไรที่ว่านี่มันไกลขนาดนี้เลยเหรอครับ\" อาณัติหันไปทางเพื่อนสนิทของศมาที่ยิ้มแย้มกับพวกเขาดี



    ศมาหัวเราะในใจเมื่อเห็นยายเพื่อนจอมแสบของหล่อนหันไปยิ้มหวานให้อาณัติ



    ไม่รู้ฤทธิ์ยายลีซะแล้ว



    \"ก็...เกือบๆ ถึงประจวบแค่นั้นเองจ้ะ ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก\"



    \"ฮ้า...\" อีกสามเสียงประสานกันขึ้นมาทันที



    \"ล้อเล่นหรือเปล่าครับพี่\" อธิปร้อง



    \"อื้อ...ก็ล้อเล่นน่ะสิ\" นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของลีลาเต้นระริก หันไปหัวเราะกับศมาที่ขับรถอยู่ประสานเสียงใสๆ ขึ้นมา



    \"อ้าว...พี่ลีนี่\"



    \"แหม...ล้อกันเล่นวันละนิดจิตแจ่มใสนะจ๊ะ\"



    \"...\" คนถูกล้อทั้งสี่เงียบ



    ลีลาโบกมือ มุมปากยังพราวยิ้ม



    \"นี่ศะมะแกไม่บอกน้องๆ เขาเหรอว่าเราจะไปไหนกัน\" ลีลาหันไปถามเพื่อนสาว



    \"อือ...ก็บอกแล้วว่าเราจะไปพระราชวังสนามจันทร์\" หล่อนสบตาสี่หนุ่มทางกระจกมองหลัง ริมฝีปากแย้มนิดๆ เมื่อเอ่ยประโยคหลัง



    \"นึกว่าจะรู้กันนี่ว่าอยู่ที่ไหน\"



    \"ฮึ...พวกผมไม่ใช่คนที่ชอบไปเดินท่อมๆ ดูบ้านดูวังเหมือนใครบางคนนี่\" เอกรัฐโต้ โดยมีลูกคู่อีกสามคนพยักหน้าหงึกๆ



    \"ย่ะ...พ่อพวกคนขยัน...ว่างทีไรก็เอาไปจีบสาว\"



    \"โห...เจ๊ อย่ามาเผาแถวนี้ พี่ลีอย่าไปเชื่อนะฮะ พวกเราเนี่ยไม่ต้องเสียเวลาจีบหรอก\"



    ลีลาส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเช้าที่ศมามารับหล่อนที่อพาร์ทเมนต์หล่อนมองอย่างแปลกใจที่เห็นที่นั่งด้านหลังเต็มเอี๊ยดไปด้วยร่างโตๆ ของเด็กหนุ่มที่หล่อนรู้สึกคุ้นหน้า แล้วก็นึกออกว่าหนุ่มหล่อสี่คนนี้คือเพื่อนรุ่นน้องของศมาที่หล่อนเคยเจอที่สวนสันติชัยปราการนั่นเอง



    เท่าที่สังเกตจากการต่อปากต่อคำแล้วหล่อนลงความเห็นว่าสี่หนุ่มนี้สนิทกับเพื่อนของหล่อนมาก แต่เห็นการสนิทอย่างเพื่อนเท่านั้น



    \"นี่ลี...แกอย่าลืมบอกทางฉันล่ะ\"



    \"อ้าว...นี่แกไม่รู้ทางไปหรือวะ\"



    ศมายักไหล่



    \"เคยไปที่ไหนเล่า\"



    \"อ้าว...\" ลีลาร้องได้เท่านั้นก็รีบคุ้ยหนังสือแผนที่เก่าๆ ที่ศมาใช้จนยับเยินออกมา



    \"ตกลงเราจะไปไหนกันเหรอฮะ\" อิฐยื่นหน้าออกมาถามอีกครั้ง



    \"นครปฐม...\" ศมาตอบเมื่อเห็นแม่เพื่อนสาวกำลังวุ่นวายอยู่กับแผนที่



    \"อือ..แกขับไปตามทางนี่แหละไปเรื่อยๆ น้องๆ ช่วยพี่ดูป้ายด้วยนะคะ\"



    \"ครับผม\" สี่หนุ่มประสานเสียงกัน



    ศมาขับรถไปเรื่อยๆ หลุดออกมาจากเขตกรุงเทพแล้วถนนยิ่งโล่งมากขึ้นอีก ทำให้หล่อนขับรถได้สบายขึ้น เสียงลีลาคุยแจ๋วๆ อยู่กับสี่หนุ่มตัว อ อย่างน่าประหลาดใจ เพราะปกติยายลีมันช่างคุยซะที่ไหน อ้อ...ยกเว้นเรื่องที่มันสนใจจริงๆ จำพวกนิยาย ประวัติศาสตร์ อะไรทำนองนั้น



    ไม่นานนักก็เขาเขตอำเภอเมืองนครปฐม ศมาลดความเร็วของรถลง สายตาเบนไปที่ป้ายข้างถนนเป็นระยะๆ ลีลาเองก็ปิดหนังสือแผนที่เพราะจากประสบการณ์ หนังสือแผนที่ไม่เคยช่วยได้เลยในการขับรถเข้าตัวเมืองต่างจังหวัด เพราะถนนจริงกับถนนบนแผนที่มันคนละเรื่องเดียวกัน สำหรับเมืองที่ไม่คุ้นเคยอย่างนี้การหาป้ายบอกทางก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอ



    ศมาขับรถตามป้ายที่เขียนว่า พระราชวังสนามจันทร์ มาได้สักพัก



    \"ลี...แกเห็นป้ายไหมวะ\"



    ลีลาเลยก็สอดส่ายสายตามองหาเหมือนกัน หล่อนถอนหายใจ



    \"มันเป็นกันอย่างนี้ทุกที่เลยเหรอวะ\"



    \"อะไรหรือฮะ\" เสียงห้าวๆ ดังมาจากด้านหลัง



    \"ไอ้ป้ายในเมืองไทยนี่สิ...มันมีมาตลอดจนใกล้จะถึงที่นี่สิ มันจะหายไปทุกอันเลย กลัวคนไปเที่ยวกันถูกหรือไง\"



    \"เอาไงดีล่ะครับ\"



    \"ฉันว่าลองถามชาวบ้านแถวนี้ดีไหมลี\" ศมาเอ่ยแล้วก็จอดรถทันทีแบบไม่ต้องรอคำตอบ ทำเอาสี่หนุ่มที่เบียดกันอยู่ข้างหลังแทบจะล้มเกยกันทีเดียว



    \"ป้าคะ...พระราชวังสนามจันทร์ไปทางไหนคะ\" ลีลายื่นหน้าออกไปถามหญิงวัยกลางคนที่กำลังขายของอยู่ข้างทาง แกยิ้มแล้วก็บอกทางให้อย่างมีอัธยาศัยดี



    \"เห็นป้ายศิลปากรแล้ว...ก็อยู่ใกล้ๆ กันล่ะหนู\"



    \"ขอบคุณค่ะ...\"



    ศมาขับรถตามทางที่ถามมาไม่นานก็เริ่มเห็นป้ายของมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ หล่อนยังขับรถไปเรื่อยๆ พลางมองหาพระราชวังสนามจันทร์อันเป็นจุดหมายของวันนี้ จนกระทั่งเห็นแผงกั้นขวางอยู่บนถนนตรงหน้าพร้อมกับป้อมยาม



    \"นี่ล่ะมั้งศะมะ\" ลีลาเอ่ย หล่อนมองไปข้างๆ เห็นบ้านไม้ซีฟ้าซีดหลังใหญ่ลักษณะเหมือนปิดไว้ สนามกว้างหน้าบ้านมีต้นหญ้าขึ้นสูงที่สำคัญรั้วไม้ระแนงโปร่งติดป้ายไว้ว่าเขตพระราชฐาน



    \"น่าจะใช่...แล้วนี่เราจะจอดรถที่ไหนกัน\"



    ลีลาเปิดกระจกร้องถามยามซึ่งออกมาเลื่อนแผงกั้นให้ แล้วชี้ไปที่ลานจอดรถใกล้ๆ กับป้อม ศมาเลี้ยวรถเข้าไปจอดทันที



    \"ถึงซะที...\" เสียงห้าวๆ จากด้านหลังประสานกันออกมา



    \"งั้นก็ลงกันเสียซิ...พ่อคุณทั้งหลาย\" ศมาหันไปพูดกับผู้ชายขี้บ่นทั้งสี่



    \"ครับเจ๊...\"



    หล่อนส่ายหน้าอย่างระอา ไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่รับสี่คนนี้ขึ้นมาด้วย



    เมื่อก้าวลงจากรถหญิงสาวสัมผัสถึงลมเย็นที่มากระทบผิวกาย รู้สึกสะท้านน้อยๆ จนต้องยกแขนโอบกอดตัวเอง ความรู้สึกอ้างว้างที่ไม่ทราบสาเหตุวิ่งเข้ามาในหัวใจ



    \"เป็นอะไรหรือศะมะ\" ลีลาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนสาว



    ศมายิ้มให้เพื่อน พยายามขจัดความรู้สึกแปลกๆ ในใจออกไป



    \"ไม่มีอะไรหรอก...รู้สึกเย็นๆน่ะ\"



    \"อืม...วันนี้อากาศแปลกๆ ซะด้วยซิ เหมือนฝนจะตก\" ลีลามองขึ้นไปบนฟ้า



    \"ฟ้าไม่สว่างเลย แต่ก็ไม่เห็นเมฆใหญ่ฝนไม่น่าจะตก\"



    \"งั้นเราไปกันเถอะ...\"



    สองสาวออกเดินโดยมีร่างสูงๆของสี่หนุ่มเดินตาม



    \"เจ๊ฮะ...ที่นี่วังของใครเหรอฮะ\" อาณัติเอ่ยถาม



    \"ของรัชกาลที่ 6 ท่านสร้างวังนี้ตอนปลายสมัยรัชการที่ 5 ตอนนั้นท่านยังเป็นมกุฏราชกุมาร ใช้เวลาสร้างสี่ปีถึงเสร็จ\" ศมาตอบ



    \"อ้าว...แล้วทำไมท่านมาสร้างที่นี่ล่ะฮะ\" อิฐถามเสริมขึ้นมา



    \"ท่านสร้างไว้เป็นที่แปรพระราชฐานเวลามาสักการะพระปฐมเจดีย์และเป็นที่พักผ่อน เพราะอยู่ไม่ไกลกรุงเทพ แล้วก็ทรงใช้ที่นี่เป็นที่ฝึกเสือป่า\"



    \"ต้นกำเนิดลูกเสือในปัจจุบันยังไงเล่า เห็นว่าท่านโปรดประทับที่นี่มากเลย ปีนึงก็เสด็จเกือบ 9 เดือนใช่ไหมศะมะ\" ลีลาเพิ่มเติมแล้วก็ถามย้ำเพื่อนรักเพื่อความแน่ใจในข้อมูลที่ตัวเองได้มา ศมาพยักหน้า



    \"โห...นี่เจ๊กับพี่ลีทำไมข้อมูลแน่นเอี๊ยดอย่างนี้ล่ะ\" เอกรัฐร้องถาม



    \"อ้าว...เวลาไปเที่ยวไหนเราก็ต้องเตรียมข้อมูลเล็กๆน้อยๆ ไม่งั้นจะเที่ยวได้สนุกหรือนายเอก\"



    \"ครับผม\"



    \"แต่ฉันว่าเจ๊แกเตรียมเยอะว่ะ\" เอกรัฐลดเสียงลงกระซิบกับอธิปที่เดินข้างๆ เขา



    \"นั่นดิ...ทีตอนเรียนไม่เห็นแกข้อมูลเพียบอย่างนี้เลย\"



    \"นี่นายเอกนายอาร์ท...ฉันได้ยินนะว่านินทาฉันน่ะ\"



    \"โห...เราสองคนพูดถึงเจ๊ด้วยความเคารพต่างหาก ไม่ได้นินทาสักหน่อย\" สองหนุ่มแก้ตัวเสียงโอด เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ อย่างครื้นเครง



    ทั้งหกเดินมาเจอซุ้มที่จะต้องซื้อบัตรเข้าชมพระราชวัง และตามธรรมเนียมจะมีตั๋วหลายราคาทั้งของผู้ใหญ่ เด็ก นักเรียน สองสาวควักบัตรประจำตัวของมหาวิทยาลัยออกมาเพื่อเป็นส่วนลด ความจริงบัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ราคาแพงอะไรหนักหนาหากการประหยัดได้เล็กๆ น้อยก็เป็นเรื่องดี



    \"โห... งกอ่ะเจ๊\" เสียงโห่จากด้านหลังทำให้ศมาหันไปแยกเขี้ยว



    \"ก็ฉันยังเป็นนักศึกษาไม่มีรายได้นี่ยะ ว่าแต่พวกนายเหอะ...ไม่งกแล้วเอาบัตรนักศึกษาออกมาทำไม\"



    \"อ้าว...พวกเรายังไม่ได้พูดเลย พวกเราก็นักศึกษาไม่มีรายได้เหมือนกันน่ะเจ๊\"



    ลีลาส่ายหน้ารีบเก็บบัตรของตัวเอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสงสัยว่าทำไมเด็กพวกนี้หน้าตาอาวุโสผิดปกติ โชคดีนะที่บัตรนิสิตเขาไม่เขียนบอกว่าเรียนปริญญาอะไรอยู่ ตอนนี้หล่อนก็ยังพอกล้อมแกล้มเป็นนักเรียนได้



    รับบัตรและโบชัวร์ที่เจ้าหน้าที่แจกให้เรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดิน



    \"เราจะเริ่มตรงไหนกันดีลี\"



    ลีลากางโบชัวร์ออกมาดู ความจริงก่อนมาที่นี่ทั้งหล่อนและศมาได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพระราชวังสนามจันทร์มาบ้าง พอที่จะทราบถึงหมู่พระที่นั่ง เรือนพักของข้าราชบริพารในสมัยก่อนว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง



    \"เอาตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน\" ลีลาชี้ไปทางบ้านสองชั้นสีเขียวที่อยู่ทางซ้ายมือ



    \"บ้านใครหรือฮะเก่าจัง\" หนึ่งในสี่หนุ่มถามขึ้น



    บ้านสองชั้นสีเขียวรูปแบบอาคารตะวันตก ตัวบ้านเงียบสนิท บริเวณบ้านก็ดูโล่ง



    \"ไม่มีในโบชัวร์ด้วย\" อิฐเอ่ยอย่างสงสัย   เขามองไปยังสองสาวรุ่นพี่ที่ทำสีหน้ายิ้มๆ ทำให้เขารู้ว่าทั้งสองคนนี้ต้องรู้อะไรแน่ๆ\"



    \"น่าจะเป็นพระตำหนักทับแก้ว...\" ลีลาเป็นคนตอบข้อสงสัย



    \"ทับแก้ว...\" อิฐทวน



    \"ใช่จ๊ะ... ในพระราชวังสนามจันทร์นี่จะมีพระตำหนักหลังเล็กชื่อ ทับแก้ว กับทับขวัญ ทับขวัญจะเป็นบ้านทรงไทย\" หล่อนชี้ไปด้านตรงข้ามกับถนนที่เดินมาเมื่อกี้นี้ จะมีหมู่เรือนไทยตั้งอยู่



    \"ส่วนหลังนี้เป็นทับแก้ว เป็นตำหนักแบบตะวันตก เป็นที่ประทับเวลาซ้อมเสือป่า อืม...คล้ายๆ กองบัญชาการเสือป่าอะไรประมาณนั้น\"



    \"แล้วก็ยังเป็นบ้านที่มีเตาผิงด้วย...เสียดายเนอะลี ท่าทางปิดไว้\" ศมาเอ่ยเสริม พยายามมองเข้าไปในตัวบ้านเห็นเพียงลายคชสิงห์สีทองที่หน้าต่างเท่านั้น



    \"เห็นบอกว่าที่นี่ใช้เป็นที่พักปลัดจังหวัดนะ นี่สงสัยเพิ่งย้ายออกไปเลยปิดไว้รอบูรณะมั้ง\"



    \"ก็น่าจะใช่...ถึงว่าเสียดายไง อยากดูอ่ะว่าเตาพิงสมัยนั้นหน้าตาเป็นยังไง\"



    สี่หนุ่มมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องที่สองสาวรุ่นพี่คุยกันสักเท่าไร



    \"นี่เจ๊...พี่ลี อย่าคุยกันเองสิฮะ...เล่าให้หนุ่มน้อยน่ารักอย่างพวกเราสี่คนฟังบ้าง\"



    ลีลาหัวเราะกับท่าทางของสี่หนุ่ม หล่อนหันไปมองหน้าระอาของเพื่อนสาวแล้วส่ายหน้า



    \"เอาน่าศะมะ...วันนี้เป็นไกด์ผีสักวันเถอะ\"



    \"ทำไงได้...\" ศมายักไหล่



    \"เอาเป็นว่าพระราชวังสนามจันทร์นี่เป็นวังที่รัชกาลที่หกทรงโปรดมาก แต่หลังจากพระองค์สวรรคตก็ไม่มีเจ้านายมาประทับ แล้วก็เหมือนวังอื่นๆ ในสมัยก่อนนั่นแหละที่ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจะกลายเป็นสถานที่ราชการไป ที่นี่ก็อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพราะฉะนั้นก็จะมีพระตำหนักหลายหลังที่กลายเป็นศาลากลาง หอประชุมจังหวัด บ้านพักข้าราชการ อย่างพระตำหนักทับขวัญนี่ก็กลายเป็นบ้านพักปลัดจังหวัด บางส่วนมหาวิทยาลัยศิลปากรก็เข้ามาดูแล จนเมื่อเร็วๆนี้มั้งที่ได้น้อมเกล้าฯ ถวายหมู่พระตำหนักแล้วก็เรือนข้าราชบริพารอื่นๆ คืนสำนักพระราชวัง\"



    ศมาเดินนำออกมาจากพระตำหนักทับขวัญพลางทำตัวเป็นไกด์ผีให้สี่หนุ่มโดยมีผู้ช่วยคือเพื่อนสาวคอยเสริม



    \"เดี๋ยวเราเดินตามทางถนนวนไปด้านนี้ก่อนก็แล้วกันนะ\" ลีลาชี้ไปทางหมู่พระที่นั่งที่มีทั้งแบบตะวันตกและแบบไทยที่มีทางเดินเป็นระเบียงเชื่อมกัน



    ก่อนจะไปถึงหมู่พระที่นั่ง มองไปท่ามกลางสวนหย่อมกว้างที่ดอกไม้สีสดแข่งกันกันออกดอกพราวไปทั้งต้นจะมีซุ้มแบบไทยสีขาวตัดทองอยู่ใจกลางสวนหย่อมนั้น



    \"เทวาลัยคเณศร์\" ลีลาเอ่ยขึ้นก่อนที่สี่หนุ่มจะถามขึ้น



    \"รัชกาลที่หกท่านโปรดให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์ของพระราชวังสนามจันทร์ พระคเนศร์หรือพวกเราคุ้นชื่อว่าพระพิฆเนศ ท่านเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์ และผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง เห็นว่าเด็กศิลปากรที่นี่มาไหว้กันประจำโดยเฉพาะช่วงสอบ\"



    \"ถ้างั้นเราก็เข้าไปไหว้กันก่อนดีไหมครับ...สอบบล็อกนี้จะได้ผ่านฉลุย\" เอกรัฐชักชวนอย่างกระตือรือร้นทั้งๆ ที่ไม่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เขาก็ไม่เคยไม่ผ่านสักครั้ง ร่างสูงๆ ของสี่หนุ่มรีบรุนหลังของสองสาวให้ไปที่ซุ้มเทวาลัย



    ลีล่าส่ายหน้า...ไม่รู้ท่านจะรู้จักข้อสอบของพวกหนุ่มๆ นี้ไหม



    ศมาพนมมือตั้งจิตสวดคาถาบูชาพระพิฆเนศ



    ...องค์เทวะผู้เป็นใหญ่แห่งศิลปวิทยาการและผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง... ข้าพเจ้าขออธิษฐานต่อท่านขอโปรดได้ไขความกระจ่างถึงความฝันและความรู้สึกแปลกที่ไม่อาจบรรยาย...



    หญิงสาวอธิษฐาน... นัยน์ตาหลับพริ้ม พลันได้ยินเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบอยู่ข้างหู



    \"ขอองค์เทวะผู้เป็นใหญ่แห่งศิลปวิทยาการและผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง...โปรดขจัดอุปสรรคทั้งหลายและคุ้มครองความรักของข้าพเจ้าทั้งคู่ให้คงอยู่ตลอดกาล...\"



    เสียงอันอบอุ่น...คุ้นเคย...



    หญิงสาวลืมตา..หันหาต้นเสียงอันคุ้นเคย



    หากรอบตัวมีเพียงร่างคุ้นตาของเพื่อนรุ่นน้องและลีลา



    เสียงถอนใจแผ่วเบา... หัวใจกลับโหวงเหวง หวนหา...ใครสักคน





    ...............................พระราชวังสนามจันทร์ ตอน๑ ...................................................





    ฬีฬา......



    กลับมาอีกแล้วนะเจ้าคะสำหรับ ๒ สาวไกด์ผีที่ไม่ทัวร์ไหนอยากได้ไปร่วมงานด้วย



    สำหรับคราวนี้เธอพา ๔ หนุ่มไปทัวร์ด้วย จังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพนี่เองเจ้าค่ะ ขับรถออกจากกรุงเทพแค่ชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงแล้ว



    ตอนนี้หมู่พระตำหนักทั้งสี่ที่เคยเป็นศาลากลางจังหวัดกำลังทำการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และก็มีการปรับภูมิทัศน์กันอยู่ แต่ก็มีพระที่นั่งที่เปิดให้ชมอยู่หลายหลังสวยงามไม่แพ้กัน สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพรับรองไม่ผิดหวัง เพราะสวยไปทุกมุม



    ถ้าญาติมิตรคนไหนมีเวลาว่างๆ สักวันก็ลองไปเที่ยวดูเจ้าค่ะ หรือจะลองอ่านเรื่องของไกด์ผี ๒ สาวนี้แล้วค่อยไปดูว่าเธอมั่วหรือเปล่าก็ได้เจ้าค่า...



    อ้อ...สำหรับเหล่านักเรียนนักศึกษาทั้งหลายอย่าลืมพกบัตรนักศึกษากันด้วยนะเจ้าคะ สามารถลดค่าเข้าชมได้เหลือแค่ ๑๐ บาทเองเจ้าค่ะ ถูกมากกกกกกก





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×