ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในห้วงแห่งความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #5 : ในห้วงแห่งความทรงจำ ตอน ความฝันวารวัน

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 48


    ในห้วงแห่งความทรงจำ ตอน ความฝันวารวัน





    ศมาเดินลงจากตึกสูงซึ่งเป็นหอพักของนักศึกษา มายังลานกว้างข้างล่าง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าใสกระจ่างของยามเช้า เมฆน้อยสีขาวบนผืนฟ้าสีฟ้าสดกว้างใหญ่ ลมอ่อนๆ โชยมาต้องผิวกายส่งความรู้สึกสดชื่น ยิ่งเมื่อได้สูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานแข่งกันอยู่รอบหอพักด้วยแล้ว



    วันนี้ท่าทางจะฤกษ์ดี หลังจากที่เมื่อคืน...



    ศมาเดินเรื่อยๆ ไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนไปหาเพื่อนสาวตามนัด หล่อนเดินเรื่อยๆ ไม่รีบนักจนมาถึงโรงอาหารซึ่งขณะนี้โล่งกว่าปกติเป็นอันมาก เพราะช่วงนี้ยังเช้าอยู่และเป็นเช้าวันหยุดเสียด้วย นักศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่ลุกออกจากที่นอนกันหรอก หล่อนเองก็ไม่ค่อยได้ตื่นเช้าแบบนี้ในวันหยุด แต่วันนี้หล่อนมีโปรแกรมพิเศษ...



    \"โห...เจ๊ศมา หวัดดีตอนเช้าตรู่ฮะ\"



    ศมาชะงักเท้าอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงอาหารนั่นเอง เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู หล่อนเบือนหน้าไปทางต้นเสียง



    ...อุตส่าห์คิดว่าฤกษ์ดี



    สี่หนุ่มตัว อ ยืนเรียงหน้ากัน ยิ้มกว้างให้หล่อน



    วันนี้มันวันหยุดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเจ้าสี่คนนี้ถึงมาอยู่ที่โรงอาหารตอนเช้าขนาดนี้



    \"อือ...พวกนายมาทำอะไรแต่เช้านี่\"



    \"พวกเราก็ไปวิ่งมาแล้วก็มาหาอะไรกินตามปกติ...ว่าแต่เจ๊เถอะ วันนี้ลงมาแต่เช้า\" อิฐตอบ เขากับเพื่อนอีกสามต่างก็มาออกกำลังกายตอนเช้าตามปกติ หลังจากกลับไปอาบน้ำกันเรียบร้อยก็มาที่โรงอาหารเพื่อหาพลังงานมาเพิ่มแทนส่วนที่ใช้ไป แต่เพื่อนรุ่นพี่ในคณะนี่สิ...มาเห็นตอนเช้าแบบนี้มาแปลก แล้วก็ยังมาคนเดียวด้วย ปกติเขาเห็นหล่อนชอบไปกันเป็นกลุ่ม



    \"ฉันก็มาหาอะไรกินน่ะสิ ผิดตรงไหน\" ศมาตอบ หล่อนก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าสี่หนุ่มพวกนี้นอกจากจะหน้าตาดี เรียนดีชนิดหล่อนยังอยากผ่ากะโหลกออกมาดูว่าไอ้รอยหยักในสมองของคนพวกนี้มันต่างจากคนอื่นยังไงแล้ว ทั้งสี่ยังชอบเล่นกีฬาอีกต่างหาก โดยเฉพาะบาสเก็ตบอลและฟุตบอล นี่แหละปัจจัยที่ทำให้สาวๆ ยิ่งกรี๊ดเข้าไปใหญ่และก็ดูเหมือนเจ้าสี่คนนี้จะรู้ตัวดีเสียด้วย



    ดูแค่ตอนนี้ที่เดินเข้าโรงอาหาร ขนาดคนน้อยแล้วนะก็ยังมีสายตาแวะเวียนมาที่ร่างสูงๆ ทั้ง ๔ เนืองๆ โดยเฉพาะสาวๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่อยากสนิทกับทั้งสี่หรอกนะ แต่เพราะสายตาสาวๆ ที่มองมายังหล่อนเวลาอยู่กับสี่หนุ่มนี่น่ะสิ ทำเอาหล่อนขนลุกอยู่หลายครั้ง



    แต่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าพวกสี่หนุ่มนี่เห็นความดีอะไรในตัวหล่อนถึงพาตัวเข้ามาสนิทด้วย และหล่อนก็ชอบนิสัยของสี่หนุ่มนี้อยู่มาก เรียกว่าชอบก็ชอบล่ะ แต่มันก็มีรำคาญบ้าง



    \"ไม่ผิด...แต่แปลกฮะ\" อาร์ทเอ่ยอย่างไม่เชื่อท่าทางของเพื่อนรุ่นพี่เท่าไร เขายกมือขึ้นเสยผมชื้นๆ จากการสระผมที่หล่นมาปรกหน้าผากขึ้น



    \"นั่นสิ... ไหนขอดูหน้าชัดหน่อย\" อิฐเดินไปขวางหน้าร่างเล็กๆ ของหญิงสาว



    \"ดูสิ... ตาลอยๆ ชอบกล เมื่อคืนฝันร้ายหรือฮะ\" เขาสันนิษฐาน



    ศมาส่งค้อนให้



    \"ไม่ต้องมาวิจารณ์ฉันเลย โน่นไปหาข้าวกินได้แล้ว\" ศมาเอามือยันร่างสูงๆ ของอิฐออกซึ่งเขาก็ยอมโดยดี เดินนำสี่หนุ่มไปยังร้านข้าวเจ้าประจำแล้วไปจับจองที่นั่งซึ่งว่างอยู่มากมาย



    ฝันร้าย... คำพูดของอิฐทำให้หล่อนนึกถึงความฝันเมื่อคืน



    แต่มันไม่น่าจะใช่ฝันร้าย...



    หญิงสาวย่นหน้าผากพยายามนึกทบทวนความจำเกี่ยวกับความฝันเมื่อคืน







    สาวน้อยที่ก้าวขึ้นจากเรือที่เข้ามาเทียบท่าน้ำของบ้านพระยาวิจิตรอักษราเดินแกมวิ่งลงจากศาลาท่าน้ำไม่ฟังเสียงร้องของพี่เลี้ยงที่ติดตาม



    \"คุณหนูดาวเจ้าขา เดินช้าๆ หน่อยเจ้าค่า\"



    ร่างบางในสไบสีเม็ดมะปรางไม่ลดฝีเท้าลงตามเสียงของพี่เลี้ยงสูงวัยเลย ตรงกันข้ามเจ้าของดวงหน้าหวานที่แม้จะอยู่ในวัยแรกรุ่นยังฉายความงดงามนัก อีกไม่กี่ปีดวงหน้านี้คงเป็นที่ลือเลื่องไม่แพ้สาวงามคนใด โดยเฉพาะนัยน์ตาโตสีน้ำตาลใสที่ฉายแววสดใสเรียกความรักความเอ็นดูจากผู้พบเห็นได้เสมอ



    นางอิ่มได้แต่ส่ายหน้าตามร่างของคุณหนูที่นางดูแลมาตั้งแต่เล็กๆ จนโตถึงแบบนี้แล้วคุณหนูของนางก็ยังไม่เปลี่ยนไปสักนิด



    จากศาลาท่าน้ำมาถึงตัวเรือนอันเป็นตึกไม้แบบยุโรปที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งหลาย รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ตัวตึกรอบด้วยสนามหญ้าสีเขียวและต้นไม้ทั้งไม้ใหญ่และไม้พุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดี



    \"เจ้าคุณพ่อขา... ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ\" สาวน้อยร้องเสียงสดใสพร้อมกับถลาเข้าไปในห้องสำราญของบิดา แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมิได้มีเพียงบิดาที่อยู่ในห้องนั้น ร่างสูงใหญ่ของบิดานั่งอยู่บนยกพื้นคู่กับบุรุษวัยเดียวกัน และที่พื้นไม้กระดานขัดเป็นมันปลาบปูทับด้วยพรมผืนงามมีร่างสูงใหญ่นั่งพับเพียบอยู่ไม่ห่าง



    พระยาวิจิตรอักษราเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นร่างเล็กๆ ของบุตรสาว



    \"เข้ามาสิแม่ดาว... มากราบเจ้าคุณลุงสิ\"



    ดาวหลุบตาลง ดวงหน้าซับสีโลหิตเพราะความอายกับกิริยาเมื่อครู่ สาวน้อยค่อยทรุดร่างลงคลานเข่าด้วยกิริยานุ่มนวลที่ฝึกมาอย่างดีจากข้าหลวงผู้ใหญ่ในตำหนักเสด็จพระองค์หญิงที่หล่อนเข้าไปอยู่ตั้งแต่เด็ก ยิ่งเมื่อต้องสบกับนัยน์ตาสีเหล็กที่พราวระยับด้วยแววบางอย่าง แก้มนวลใสยิ่งเห็นสีเรื่อชัดยิ่งขึ้น



    \"พระยาสุรไกรฤกษ์เพื่อนพ่อเองแม่ดาว นี่แม่ดาวลูกสาวฉันไงล่ะ คุณหญิงเขาส่งเข้าวังแต่เล็กๆ นานๆ ได้ออกมาบ้านสักที\"



    พระยาสุรไกรฤกษ์พิศบุตรสาวเพื่อนสนิท นัยน์ตาคมฉายแววเอ็นดูและพึงพอใจเมื่อหันไปทางบุตรชายที่นั่งอยู่ไม่ห่าง ท่านกลั้นหัวเราะเมื่อบุตรชายที่ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนไม่ว่าจะบุตรสาวขุนนาง หรือบ่าวไพร่สาวๆ สวยๆ ตามแบบหนุ่มฉกรรจ์คนอื่นกลับมาจ้องเด็กสาวคนนี้ไม่วางตา อืม...



    \"แม่ดาวหรอกหรือ.... โตเกือบเป็นสาวแล้ว ลุงจำได้ว่าเมื่อสามสี่ปีก่อนยังมางานโกนจุกเจ้าอยู่เลย งามทีเดียว... ต่อไปเห็นหัวกะไดบ้านพ่อจิตรคงจะไม่แห้งกระมัง\" ประโยคหลังหันไปเย้าเพื่อนสนิท



    พระยาวิจิตรอักษราหัวเราะเสียงดัง มองบุตรสาวยิ้มๆ ปีนี้แม่ดาวโตขึ้นมาก แม้จะยังไม่เต็มสาวดีนักแต่ก็ฉายแววความงามที่ถ่ายทอดมาจากคุณหญิงจันทรามาครบถ้วน



    \"แม่ดาว... นั่นพ่อกล้าลูกชายเจ้าคุณลุง ไหว้พี่เขาสิ\"



    ดาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หากสบนัยน์ตาสีเหล็กแล้วก็ต้องหลบตาลงเพราะความคมกล้าและแววระยับบางอย่างที่หล่อนเองก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร



    ชายหนุ่มรับไหว้สาวน้อย มุมปากมีรอยยิ้มน้อยๆ







    \"เจ๊... นั่น... นั่งเหม่อไปเลย\"



    มือใหญ่แกว่งไปมาอยู่ข้างหน้าทำให้หญิงสาวกระพริบตา



    \"อะไรนายเอ้...\"



    \"มาถามอีก... ก็เมื่อกี้เห็นเจ๊นั่งเหม่อน่ะสิ วันนี้เจ๊เป็นไรไปน่ะ\" เอ้ถามอย่างสงสัย และอีกสามหนุ่มก็พยักหน้าสงสัยเช่นกัน



    \"เอ่อ...\" ศมานิ่งอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ก็พอดีมีเสียงเพลงจากโทรศัพท์ขึ้นมาขัดจังหวะพอดี



    \"เออ... ว่าไง\" หล่อนกรอกเสียงลงไปเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร



    \"อือ...\" หล่อนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ



    \"อีกครึ่งชั่วโมง... แกแต่งตัวให้เสร็จแล้วกัน... เออๆแล้วเจอกัน\"



    วางสายแล้วก็อยากจะถอนใจเมื่อเจอสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของเด็กโค่งสี่คน



    \"เจ๊จะไปเที่ยวเหรอ...\" เอกถามนัยน์ตาพราว



    ศมาถอนใจกับนัยน์ตาสี่คู่ที่หล่อนอ่านได้ตรงกันว่า พวกเราไปด้วย



    \"นี่ฉันจะไปกับเพื่อนฉันนะ...\"



    \"โห... เจ๊น่ะ เพื่อนเจ๊ก็เหมือนพี่พวกเรา ขอเราไปด้วยนะ...\"



    \"นะ...นะ\" อีกสามเสียงประสานกันขึ้นมา



    ศมากรอกตา เด็กพวกนี้นี่...



    \"เพื่อนเจ๊คนไหนฮะ... ไม่เห็นเขาลงมากัน\" อาร์ทถามถึงเพราะไม่มีท่าทีว่าเพื่อนสาวๆ ของศมาจะปรากฏตัว



    \"ยายลีเพื่อนตั้งแต่มัธยมน่ะ...พวกนายไม่รู้จักหรอก\"



    \"ลี...อ๋อ คนที่พวกเราเจอที่สวนสันติชัยปราการใช่ไหมฮะ เรารู้จักแล้ว น่า...เจ๊นะ ให้พวกเราไปด้วยนะ เราจะเป็นเด็กดี น่ารัก เชื่อฟังเจ๊ทุกอย่าง\" อิฐร่ายยาว



    ศมาถอนใจเสียงดัง... ลืมไปว่าสี่คนนี้เจอลีลามาแล้ว ไม่น่าเอ่ยชื่อยายลีเลย...



    \"อืม...ก็ได้\"



    หวังว่ายายลีมันคงไม่ว่าอะไรนะ



    \"แล้วก็รีบๆ กิน เดี๋ยวสายหรอก\"



    สี่หนุ่มเดินตามร่างเล็กๆ ของเพื่อนรุ่นพี่ไปที่ลานจอดรถซึ่งมีรถยนต์หลากรุ่นหลายยี่ห้อจอดเรียงรายกันอยู่ ศมาเดินมาหยุดที่รถคันเล็กของหล่อนซึ่งทางบ้านซื้อให้หล่อนไว้ใช้จากที่ตอนแรกต้องออกแรงปั่นจักรยานทั่วมหาวิทยาลัยอยู่นาน



    หญิงสาวยิ้มกวนๆ ผู้ชายตัวโตๆ สี่คนกับรถคันเล็กๆ ของหล่อน



    สี่หนุ่มทำหน้าเมื่อย แต่ก็ต้องยินยอมโดยดีไม่งั้นเดี๋ยวอดเที่ยวเพราะวันนี้ไม่มีโปรแกรมทำอะไรเป็นพิเศษ เรื่องอะไรจะต้องจมอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ของมหาวิทยาลัยได้ไปเที่ยวแก้เบื่อก็ยังดี



    \"ว่าแต่เจ๊จะพาเราไปไหนฮะ\" อิฐถามขึ้นเมื่อพาตัวเองกับพรรคพวกเข้ามาในรถคันเล็กของศมาแล้ว



    ศมาเลิกคิ้ว... เห็นอยากไปด้วยนัก



    \"พระราชวังสนามจันทร์...\"



    สี่หนุ่มสบตากัน... พลางพึมพำ



    มันอยู่ส่วนไหนของโลกวะ...



    ............................................ จบตอน ความฝันวารวัน ................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×