ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในห้วงแห่งความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #2 : ในห้วงแห่งความทรงจำ... ตอน วังหลวง ๒

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 48


    ในห้วงแห่งความทรงจำ... ตอน วังหลวง ๒





    “โห...คนเยอะ” ลีลาพึมพำออกมาเมื่อลงจากรถเมล์ที่ป้ายริมกำแพงสูงสีขาวสะอาดตา



    “แหงล่ะ...วันนี้มันวันหยุดนี่”



    ร่างท้วมกับร่างกะทัดรัดของสองสาวเดินเคียงกันเข้าสู่ประตูสูงใหญ่ชื่อว่าประตูวิเศษไชยศรี ท่ามกลางผู้คนมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ



    “เป็นอะไรเหรอ...” ลีลาถามเมื่อจู่ๆ เพื่อนสาวก็ชะงักหยุดเดิน



    ศมาส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ หากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดไปรอบตัว



    ก็ไม่มีอะไรนี่...หญิงสาวบอกตัวเอง



    แล้วเมื่อกี้...



    หล่อนรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนกำลังมองหล่อนอยู่



    “ไม่มีอะไรหรอก...ไปเหอะ”



    ลีลาหรี่ตามมองเพื่อนสาว



    วันนี้...ศมาดูแปลกๆ



    ทั้งสองเข้าไปในบริเวณวัดพระแก้วก่อน โดยปนเข้าไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ



    สองสาวยิ้มให้กับพญายักษ์เขี้ยวโง้ง ยืนถือกระบองจังก้า คงดูน่ากลัวเพราะข้างๆ มีเด็กหญิงตัวเล็กๆ ร้องให้จ้าอยู่เมื่อมารดารุนหลังให้เข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะถ่ายรูป แต่สำหรับหล่อนดูน่าสนใจเพราะยักษ์เหล่านี้ล้วนยกพลมาจากวรรณคดีเรื่องดัง ก็รามเกียรติอย่างไรเล่า



    ใครอยากเห็นว่าบรรดายักษ์แต่ละตัวหน้าตาเป็นอย่างไรก็ลองมาดูได้



    “เข้าไปกราบพระแก้วมรกตก่อนนะ” ศมาเอ่ยเป็นเชิงขอความเห็น



    ลีลาก็ไม่ปฏิเสธ...



    “ดีเหมือนกัน...จะได้เป็นศิริมงคล”



    พระพุทธรูปสลักจากหินสีเขียว...ที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าพระแก้วมรกต



    ศมารู้สึกขนลุกซู่ทุกครั้งที่ได้มากราบ แสงสีทองในพระอุโบสถ์จากเครื่องใช้ที่เป็นพุทธบูชาเรืองรองจากแสงไฟอ่อนๆ ที่ติดตั้งไว้อย่างเหมาะเจาะ ภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามยิ่ง หญิงสาวนั่งนิ่งด้วยความดื่มด่ำใจที่ได้เห็นศิลปะอันเป็นมรดกล้ำค่าของชาติ



    เหลือบมองลีลา เจ้าหล่อนก็นั่งพนมมือหลับตาอยู่ไม่เลิก



    เห็นจะเป็นเรื่องสอบนั่นแหละ...



    ศมายิ้ม...ก่อนจะหันขวับ



    เบื้องหลังมีเพียงชาวต่างชาติสองคนที่นั่งฟังไกด์อธิบาย... ประตูสองข้างก็ว่างเปล่า แล้วเมื่อกี้... ความรู้สึกที่เหมือนถูกใครจ้องมอง



    หรือว่าเรารู้สึกไปเอง...



    “ออกไปกันเถอะ...” หล่อนหันไปชวนลีลาที่อธิษฐานเสร็จแล้ว



    ลีลาเดินตามเพื่อนสาวออกมา เดินชมรอบพระอุโบสถ ครุฑสีทองรายรอบงดงามอ่อนช้อย กระจกสีสันสดใสประดับลวดลายสอดสลับกับเส้นทอง หล่อนคิดว่าช่างศิลป์ไทยฝีมือไม่เป็นรองใครในโลก ไม่อย่างนั้นจะเห็นฝรั่งผมแดงผมทองเดินแทบจะชนกันอยู่อย่างนี้เหรอ



    หลังจากชื่นชมรอบพระอุโบสถแล้วสองสาวก็เดินต่อไปที่สิ่งก่อสร้างที่มองเห็นความงามอันอลังการจากนอกกำแพงสูงของพระบรมหาราชวัง ซึ่งสร้างอยู่บนฐานยกพื้นสูง



    “พระเจดีย์ทององค์ใหญ่ชื่อพระศรีรัตนเจดีย์ ต่อมาคือพระมณฑป แล้วก็ปราสาทพระเทพบิดร ทั้งสามสร้างอยู่บนฐานไพที...” ลีลาชี้ไปยังยกพื้นสูง



    “ฐานอะไรของแกนะลี”



    “ฐานไพที...อะ...อย่าถามนะว่ามันแปลว่าอะไร”



    “แกไม่รู้...”



    ลีลาส่ายหน้า



    “เคยอ่านมาเฉยๆ กำลังหาคำแปลมันเหมือนกันแหละ”



    ทั้งสองเดินขึ้นไปยังปราสาทพระเทพบิดรก่อน



    ปราสาทพรเทพบิดรอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของทั้ง ๘ รัชกาลแห่งราชวงจักรีซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ไม่เปิดให้เข้าชมภายใน แต่แค่ภายนอกก็ยังงดงามวิจิตรเกินคำบรรยาย ติดกับปราสาทยังมีพระมณฑป และพระเจดีย์อื่นๆ รายรอบ



    ลานรอบปราสาทพระเทพบิดรยังมีสิ่งที่สวยงามอีกอย่างคือ รูปหล่อโลหะสีทองอร่ามของสัตว์หิมพานต์ในหลากหลายอิริยาบถ



    “ตัวไหนนางมโนราห์นะ...”



    ศมาส่ายหน้ากับคำถามของเพื่อนสาวที่กำลังเพ่งพิศกินรีตัวหนึ่งอยู่



    “จะมาอยู่แถวนี้ได้ไง... โน่น...แฮปปี้อยู่กับพระสุธน”



    ลีลาเลิกคิ้ว ยิ้มกวนๆ



    “ทียักษ์รามเกียรติ์ยังมาเฝ้าซุ้มประตูได้”



    “เออ...แกหาเอาเองเหอะ”



    ลีลาหัวเราะ



    “แกรู้ไหมว่าภาษาอังกฤษเรียกตัวกินนรว่าอะไร”



    ลีลาเกาศีรษะ... ก็ภาษาอังกฤษกับหล่อนมันแพ้ทางกันอยู่ แล้วดูหน้าอมภูมิของเจ้าหล่อนแล้วหมั่นไส้แฮะ



    “แกบอกมาเหอะ”



    ศมายิ้มก่อนจะเอ่ย





    “sleep eat”



    “อะ...” ลีลาอ้าปากค้าง



    “ก็กินนอนไหมล่ะ...”



    “เออ...” ลีลากระแทกเสียง



    “มันมีที่มานะแก... เขาบอกว่าแต่ก่อนมีไกด์ผีพาฝรั่งมาเที่ยว พอฝรั่งถามว่านี่ตัวอะไร” ศมาชี้ไปที่รูปหล่อเทพกึ่งวิหค



    “รู้แต่ว่าเป็นกินนร...ก็...sleep eat”



    “เจริญล่ะ...แล้วตกลงมันเรียกว่าอะไรกันแน่”



    ศมายักไหล่



    “ไม่รู้เหมือนกัน...”



    “อ้าว...แก มาทำให้ชาวบ้านเขาอยากรู้”



    นอกจากนั้นยังมีเจดีย์ทองอีกสององค์ซึ่งที่ฐานของแต่ละองค์จะมีรูปลิงและยักษ์ยืนทำท่าเหมือนแบกเจดีย์อยู่ โดยสมมติว่าพระสุวรรณเจดีย์นี้เป็นเขาพระสุเมรุ



    ร่างกะทัดรัดเดินลัดเลาะตัวปราสาทพระเทพบิดรทางด้านหลังก็มาเจอ ปราสาทหินจำลองหลังหนึ่ง ลีลาเดินตามเพื่อนสาวมาแล้วอุทาน



    “อ้าว...มีนครวัดอยู่แถวนี้ด้วย แต่ก่อนไม่เคยเดินมาตรงนี้เลยแฮะ...เห็นแล้วก็นึกถึง...”



    ศมาส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าลอยๆ ของเพื่อนสาว



    “แกอ่านสุริยวรมันของคุณทมยันตีหรือยัง...”



    “อือ...ที่แกยุให้ฉันซื้อไปเมื่องานสัปดาห์หนังสือคราวก่อนไง”



    “อ้าวเหรอ...” ลีลายิ้มเก้อๆ



    “เห็นแล้วคิดถึง... คุณทมเขียนแล้วแทบเชื่อแนะว่าเป็นเรื่องจริง เทวาลัยที่ยิ่งใหญ่แต่กลับเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ถึงผู้หญิงอันเป็นที่รักยิ่ง... ชลันธรี สตรีหนึ่งเดียวในใจของพิษณุหริเกศวร...องค์สุริยวรมัน... อย่างกับทัชมาฮัลของอินเดียเลย”



    “แต่เห็นว่าคุณทมเค้าค้นคว้าประวัติศาสตร์มานี่... อาจมีเค้าเรื่องจริงก็ได้”



    “ก็น่าจะมีแหละ...”



    “อือๆ... กลับมาความจริงได้แล้วแก” ศมาสะกิดก่อนที่เพื่อนสาวจะหลงละเมอไปมากกว่านั้น หล่อนชวนลีลาลงจากปราสาทพระเทพบิดรไปยังลานที่ปูด้วยแผ่นหินสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่เรียงต่อๆ กัน



    “แหม... ตาแป๊ะพวกนี้ทำตาถลนเชียว” ลีลาแยกเขี้ยวยิ้มกับตุ๊กตาจีนแต่งชุดนักรบเต็มยศถือดาบถือทวนยืนเฝ้าเชิงบันไดอยู่หลายตัว



    “สั่งมาจากจีนเชียวนะ...สิงโตพวกนี้ด้วย” ศมาชี้ไปยังสิงโตหินที่หน้าตาเป็นจีนพอกัน



    “แกรู้ไหมว่าตัวไหนตัวผู้ตัวไหนตัวเมีย”



    อีกล่ะ...ลีลามองหน้าใสๆ ที่ยิ้มๆ ได้กวนอวัยวะบางอย่างเหลือเกิน



    หล่อนพิศหาความแตกต่างของเจ้าสิงโตหินสองตัวอยู่ครู่ก่อนจะยิ้มอ๋อ...



    “ตัวเมียมันมีลูกเกาะขาอยู่ใช่ไหม...” หล่อนหัวเราะกับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ แล้วชวนแม่เพื่อนเจ้าคำถามไปดูระเบียงแก้วรอบพระอุโบสถ



    ระเบียงแก้วเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน... ที่โดดเด่นและงดงามมากคือภาพเขียนเรื่องราววรรณคดีเรื่องเอก..รามเกียรติ์ ซึ่งเพิ่งได้รับการซ่อมแซมภาพที่ชำรุดเสียหายเพราะกาลเวลาเมื่อไม่นานนี้เองโดยยังคงลักษณะให้เหมือนเดิมมากที่สุด



    เมื่อเดินชมบริเวณวัดพระแก้วจนพอใจแล้ว ทั้งสองก็ยิ้มลายักษ์สองตนที่เฝ้าซุ้มประตูเพื่อกลับเข้าไปยังพระบรมหาราชวัง



    วังหลวง... ศมาทอดสายตามองหมู่พระที่นั่งงามสง่า แม้จะได้ชื่นชมเพียงภายนอกก็ยังความปลื้มปิติ เปลวแดดที่ร้อนยามสายก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่เพื่อชื่นชมกับศิลปะอันงดงามเก่าแก่อันสูงค่ายิ่ง



    พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย...พระที่นั่งสถาปัตยกรรมไทยแท้ที่เป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญๆ



    พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท... พระที่นั่งศิลปะไทยผสมตะวันตก อันเป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ



    “ฝรั่งใส่ชฎา...”



    “แกว่าอะไรนะ...” ศมาเลิกคิ้ว



    “ก็...ฉันเคยอ่านที่ไหนสักที่ เขาเรียกพระที่นั่งนี้ว่าฝรั่งใส่ชฎา...มันก็จริงนะ แกดูสิ...ตัวตึกนี่ฝรั่งจ๋าเชียว แต่หลังคาเป็นแบบไทย... แหมคิดถึงตอนประชุมเอเปกทรงพระราชทานเลี้ยงพวกผู้นำที่นี่...ฉันงี้เฝ้าตาไม่กระพริบเลย...”



    “ดูบุชเหรอ...” ศมาขัด



    “ไอ้บ้า...ดูข้างในพระที่นั่งหรอก นานๆ จะมีบุญได้เห็น”



    ศมาหัวเราะ... หล่อนมองตัวอาคารอันโอ่อ่างดงามอย่างภาคภูมิใจ



    “แกดูนั่นสิ...คนถ่ายรูปกับทหารเต็มเลย...” หล่อนบุ้ยใบ้ไปที่ทหารรักษาการในชุดเต็มยศซึ่งยืนอยู่ที่เชิงบันไดทางขึ้นพระที่นั่ง



    ลีลาอมยิ้ม... นายทหารที่ต้องยืนนิ่งๆ ทนกับคนที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาถ่ายรูปด้วยไม่หยุด หรือแม้กระทั่งท่าล้อเลียนต่างๆ ชวนให้หล่อนคิดถึงนายทหารที่เฝ้าพระราชวังบักกิ้งแฮมในอังกฤษ ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างจากนายทหารหนุ่มคนนี้เท่าไรนัก



    ถัดจากพระที่นั่งจักรีสองสาวก็เดินเลาะเลียบพระที่นั่งแบบไทยอีกหลายองค์ จนพบมุมหนึ่งที่อยู่หลังพระที่นั่งองค์หนึ่ง ที่มุมค่อนข้างลับตาคนนี้มีต้นไม้ใหญ่และกองหินสูงกว่าคนมีลักษณะเหมือนภูเขาย่อมๆ มีพรรณไม้จำพวกเฟิร์นขึ้นแทรกอยู่กับชั้นหิน และไม้ประดับอีกหลายชนิด



    “ฉันรู้ว่าแกรู้...พูดมา...” ลีลาดักคอก่อนที่เพื่อนสาวจะเอ่ยถาม



    “ง่ายๆ นี่เป็นเขาพระสุเมรุจำลองที่ใช้ในพระราชพิธีโสกันต์ของเจ้านายเล็กๆ” ศมาปรายตาไปทางเพื่อนสาวเพื่อถามว่าแกรู้เรื่องที่ฉันพูดไหม



    “ฮึๆ ก็งานโกนจุกใช่ไหม...แกไม่ต้องมาลองภูมิฉันหรอก แต่สมัยก่อนนี่ก็ดีเนอะมีพิธีอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด ตอนนี้ก็ได้แต่ดูในรูปเก่าๆ สมัยนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว”



    ทั้งสองยืนพักที่ใต้ร่มไม้ชั่วครู่เพราะแม้อากาศจะไม่ร้อนจัด แต่ท้องฟ้าสีฟ้าสดในวันนี้ก็ทำให้เหงื่อไหลไม่น้อยกับแสงแดดจ้ายามสายเช่นนี้ จนหายเหนื่อยสองสาวจึงเดินออกจากบริเวณเขาพระสุเมรุจำลอง



    “อ้าว...แกจะไปไหนน่ะศะมะ” ลีลาร้องเมื่อเพื่อนสาวทำท่าจะเดินไปอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นทางไปประตูผ่านเข้าเขตพระราชฐานชั้นในที่ในอดีตมีแต่สาวๆ ชาววังเท่านั้นที่ผ่านเข้าออก แต่ในปัจจุบันมิได้เปิดให้เข้าชม



    ลีลาจับแขนศมาไว้ หล่อนขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางลอยๆ ของอีกฝ่าย



    “ศะมะ...แกเป็นอะไร”



    “อะ..เอ่อ...” ศมากระพริบตา มองหน้าเพื่อนสาวงงๆ



    “อะไรวะ...”



    “ฉันว่าวันนี้แกเหม่อๆ นะ”



    ศมาปาดเหงื่อที่หน้าผากเบือนหน้าหลบตาเพื่อนสาวที่จ้องมาอย่างสงสัย



    “เมื่อกี้แกเดินลิ่วๆ ไปทางนั้น” หล่อนบุ้ยใบ้ไปทางประตูสูงใหญ่



    “เอ่อ...” ศมายิ้มแห้งๆ ไม่กล้าบอกเพื่อนสาวว่าหล่อนเองก็ไม่รู้สึกเหมือนกัน มันเหมือนกับอยู่ในความฝัน หล่อนรู้สึกว่าการเดินผ่านเข้าไปในประตูสูงใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ



    “ก็...ลองเดินไปดูแค่นั้นแหละ”



    “แต่มันไม่เปิดนี่... ส่วนข้างในที่เป็นตำหนักของฝ่ายในน่ะ ถ้าแกอยากรู้ก็ต้องไปหาสี่แผ่นดินมาอ่านไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน”



    “อือ...งั้นเราไปทางโน้นกันดีกว่า”



    ลีลาพยักหน้า แม้จะยังสงสัยในอาการของเพื่อนสาวอยู่ก็ตาม แต่เมื่อศมาไม่พูดหล่อนก็ไม่รู้จะคาดคั้นยังไง



    “ทางโน้นมีพิพิธภัณฑ์จะเข้าไปดูไหม... เออว่าแต่กี่โมงแล้วเนี่ย”



    “เที่ยงกว่าแล้ว...”



    “มิน่า...ทำไมมันหิวๆ ตะหงิดๆ”



    “เออ... งั้นคราวหลังค่อยมาดูพิพิธภัณฑ์ไหมล่ะ วันนี้ไปหาอะไรกินก่อน”



    “เป็นความคิดที่ดีแฮะ... ว่าแต่มีอะไรแนะนำมั่ง แกเป็นเจ้าถิ่นแถวนี้นี่”



    “ฉันไม่ได้มาเรียนที่ท่าพระจันทร์นะโว๊ย...”



    “เออน่า... แกก็เข้ามาบ่อยอยู่นี่”



    “งั้นไปกินมะตะบะก็แล้วกัน...อร่อยดี”



    “อืม...ก็น่าสนใจ”



    ศมาเดินเคียงเพื่อนสาวออกไปทางประตูพิมานไชยศรี หล่อนเหลียวกลับมามองผ่านประตูสูงอีกครั้ง



    ไม่มีอะไรเช่นเดิม...



    แล้วความรู้สึกเมื่อกี้ล่ะ...ที่หล่อนรู้สึกหลายครั้งแล้วในวันนี้



    ความรู้สึกที่เหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองหล่อนอยู่



    แต่... ก็มีเพียงภาพบางส่วนพระที่นั่งจักรีกับนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาเท่านั้น



    หญิงสาวลอบถอนใจ...



    ท่าทางจะบ้าแฮะเรา







    ร่างสูงหลบวูบที่ด้านข้างของประตูพิมานไชยศรีเมื่อเจ้าของร่างเล็กเบือนหน้ามา...



    สายตาคมทอดมองร่างเล็กที่เดินปะปนผู้คนออกจากบริเวณพระบรมหาราชวังจนลับสายตา...









    ...................................................... จบตอน วังหลวง ..................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×