ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรียนญาติมิตรทุกท่าน...
สวัสดีค่ะ....ญาติมิตรที่รักทุกท่าน
ฬีฬาเองนะคะ คงต้องขออภัยทุกท่านที่เข้ามาอ่านเพราะฬีฬาต้องลบเรื่องนี้ออกนะคะ
เนื่องจากตอนนี้ \'หนึ่งเดียวในดวงใจ\' ได้รับการตีพิมพ์ออกมาวางจำหน่ายแล้วนะคะ
จัดจำหน่ายโดย สำนักพิมพ์ ยาหยี-ยาใจ ราคา 130 บาท
ก็ขอให้ญาติมิตรที่รักทุกท่านช่วยอุดหนุน...กันด้วยนะคะ
สุดท้าย...ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับผู้เป็น \'หนึ่งเดียวในดวงใจ\' ตลอดไปค่ะ...
ฬีฬา
@^_______________________________________________^@
หนึ่งเดียวในดวงใจ ตอน ๑
เสียงกรี๊ดกร๊าดหน้าเวทีดังสนั่น ขณะที่ด้านหลังเวทีก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ทั้งศิลปิน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานคอนเสิร์ตครั้งนี้เดินกันขวักไขว่
“เฮ้อ! ในที่สุดก็เสร็จสักที” ปรีชาทำท่าถอนหายใจในขณะส่งผ้าขนหนูให้ศิลปินสาวในความรับผิดชอบของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” อันตรารับมาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาจากการที่ทั้งร้องทั้งเต้น ถึงเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจไม่น้อยที่คอนเสิร์ตครั้งนี้ประสบความสำเร็จแม้จะ
ไม่ใช่คอนเสิร์ตเดี่ยวของตน แต่เป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่หารายได้สมทบการกุศลและรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด มีการถ่ายทอดสดโดยสถานี
โทรทัศน์ช่องหนึ่งไปทั่วประเทศ อันตราตั้งใจทำงานนี้อย่างเต็มที่เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“เมื่อกี้อีตาพอลหอมแก้มเธอ ฉันละหัวใจจะวาย”
“อิจฉาเหรอคะ” อันตราถมล้อๆ รู้ดีว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอคนนี้เป็นชายที่ไม่ค่อยอยากจะเพศของตัวเองนัก
ปรีชา ที่ชอบให้ใครๆ เรียกว่า ปรียา ค้อนหญิงสาวตรงหน้า
“เชอะ... ฉันไม่พิศวาสหรอกอีตาพอลนั่นน่ะ”
“เขาหล่อนะ”
“รายนี้ยกเว้นย่ะ ฉันไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่”
อันตราอมยิ้ม  ปกติปรีชาจะชอบผู้ชายหล่อๆ มาก มีเพียง พอล นักร้องหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงคนนี้แหละที่ปรีชายกเว้น
“แต่ก็โล่งอกหน่อยนะ ตอนนี้ เขา ไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ”
อันตราพยักหน้า  ยังนับว่าโชคของหล่อนยังดีอยู่ที่ เขา ไม่อยู่
“อีก 2-3 วันค่ะ ถึงจะกลับ”
“ดีแล้ว... ขืนเห็นฉากเมื่อกี้มีหวังเป็นเรื่อง”
อันตราเองก็คิดมากเหมือนกัน  บนเวทีเมื่อครู่มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ จึงหลบไม่พ้น  พอลชิงสถานการณ์ได้เปรียบจากการร้องเพลงคู่มา
ขโมยหอมแก้มหล่อน 
เห็นทีจะต้องตักเตือนกันบ้างซะแล้ว
คิดจะแอ้มรุ่นพี่เหรอนายพอล  ไม่มีทางหรอก
“เดี๋ยวต้องไปที่ปาร์ตี้ต่อนะ”ปรีชาบอก
อันตราพยักหน้ารับ
เป็นปกติที่เสร็จคอนเสิร์ตครั้งใดจะมีปาร์ตี้สำหรับศิลปินและเจ้าหน้าที่ของบริษัทเสมอ  คราวนี้งานใหญ่ประธานบริษัทสั่งเปิดห้องในโรงแรม
เลี้ยง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เดี๋ยวรับให้จ้ะ”ปรีชาบอกก่อนรับโทรศัพท์มือถือของอันตราที่เขาเป็นคนเก็บไว้ตั้งแต่ก่อนอันตราขึ้นเวที
“ฮัลโหล...”เสียงรับอ่อนหวานทำให้อันตราอดหัวเราะไม่ได้ แล้วก็พิศวงเมื่อใบหน้ายิ้มๆ ของปรีชาเปลี่ยนไป
ปรีชาค่อยๆ ยื่นโทรศัพท์เครื่องเล็กบางเฉียบให้
อันตรารับมาอย่างงงๆ ก่อนจะเข้าใจเมื่อได้ยินเสียงที่ติดจะโกรธๆ ของอีกฝ่ายที่โทรเข้ามา
“คุณปรีย์... อันต้องไปก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกหลังจากวางโทรศัพท์
“แล้วงานปาร์ตี้ล่ะ”
“แล้วอันจะตามไปนะคะ คุณปรีย์ไปก่อนเลยนะ”
ปรีชาพยักหน้า
“โชคดีนะอัน”
อันตรายิ้มแหยๆ รีบออกไปโดยมีสายตาของปรีชามองตามอย่างเป็นห่วง
ซวยแล้วยายหนูอันเอ๊ย!
“อ้าว! ยายหนูอันไปไหนแล้วคุณปรีย์”
ปรีชาหันไปตามเสียงทัก เห็นประธานบริษัทซึ่งวันนี้มาดูแลงานครั้งนี้เอง
“ไปบ้าน เขา น่ะบอส”
“หือ...” นวพลบุรุษวัยห้าสิบที่กำลังผงาดอยู่บนถนนธุรกิจสายนี้ทำเสียงสงสัย
“ไหนว่าไปนอกไง”
“กลับมาแล้วฮ่ะ พอดีกับฉากเด็ดเมื่อกี้ด้วย โทรมาเมื่อกี้ปรีย์จะช็อคตาย”
“มิน่า... ยายหนูของเรารีบแจ้นไปทีเดียว”
“ฮ่ะ... หน้างี้ซีดยังกะเพิ่งออกมาจากห้องดับจิต”
“โอ๊ย! อะไรจะขนาดนั้น”
“จริงๆ นะฮะ แค่ได้ยินเสียงปรีย์ยังขนลุก เย็นเจี๊ยบเชียว”
บอสใหญ่หัวเราะ แล้วถามถึงพอล
“อีตาชีกอนั่นน่ะเหรอฮะ คงระรื่นอยู่กับผู้หญิงคนไหนมั๊งฮะ คงไม่รู้หรอกว่าทำอะไรลงไป บอสฮะ... บอสว่าจะดับไหมฮะ” ประโยคท้ายปรีชา
เบาเสียงลง
“ฉันจะพยายามพูดกับเขาดู เสียดายเจ้าพอลกำลังรุ่ง”
“จะร่วงก็เพราะความชีกอของมันนั่นแหละฮะ”
“เอาน่ะ เรื่องนั้นอาไว้ก่อน ตอนี้ช่วยกันภาวนาให้ยายหนูอันของเรารอดไปงานปาร์ตี้ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน”
รถสปอร์ตดำดันเพรียวแล่นผ่านประตูใหญ่ของบ้านฐิติธนานันทน์ เข้าไปตามถนนคอนกรีตไปจอดอยู่หน้ามุขใหญ่ของบ้าน
อันตรารีบลงจากรถ ไม่สนใจชื่นชมความงามของตัวตึกใหญ่และบริเวณโดยรอบเหมือนเช่นเคย
ใจหล่อนจดจ่ออยู่กับบุคคลคนหนึ่งในบ้านหลังนี้
“คุณอา...”อันตราทักและพนมมือไหว้สตรีวัยสี่สิบเศษที่ปรากฏตัวบนห้องโถง
“มาแล้วเหรอจ๊ะ ยายอัน” คุณกรรณิการ์รับไหว้ ยิ้มแย้มทักทาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาวไม่ดีนักก็ถอนหายใจ
“อยู่ในห้องกระจกแน่ะ รีบเข้าไปเถอะจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณอา”
คุณกรรณิการ์ยิ้มบางๆ เมื่ออันตรารีบก้าวไปทางห้องกระจกซึ่งคนในห้องนั้นทำท่าจะอาละวาดอยู่รอมร่อแล้ว
อันตราเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่ง รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นราวกับมันจะออกมาอยู่นอกร่างกายอย่างนั้นแหละ
หยุดชะงักอยู่หน้าห้อง
ห้องกระจกนี้เป็นห้องพักผ่อนที่สมาชิกของบ้านฐิติธนานันทน์ชอบมากที่สุด เมื่ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ ผนังห้องสองด้านเป็น
กระจกใสทั้งหมดสามารถองเห็นวนสวยด้านนอกได้ชัดเจน และยังมีประตูเลือนเปิดออกไปสู่สวนได้ด้วย
หายใจลึกๆ 2-3 ครั้ง อันตราก็ก้าวเข้าไปข้างใน
อันตราหันรีหันขวางเพราะยังไม่เห็นใครในห้องนั้น ทีวีก็ปิดแต่ได้ยินเสียงดนตรีเบาๆ ไม่ใช่จากเครื่องเสียงชั้นยอดหากเป็นเสียงจากกล่อง
ดนตรี
หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ จึงเห็นร่างสูงใหญ่ที่นั่งพิงเสาขาทอดยาวไปกับพื้น สายตาทะลุผ่านผนังกระจกใสไปยังสวนด้านนอก
ค่อยๆ จรดเท้าไปหาร่างนั้น
คุกเข่าลงข้างๆ กายเขา แต่ร่างที่พิงผนังเสาอยู่นั้นไม่ขยับ อันตราชักใจเสีย ปกติเขาจะโวยวายหากตอนนี้กลับเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
และยังไม่ยอมหันมามองหล่อน
สักครู่ความน้อยใจก็ริ้วๆ ขึ้นมา
ร่างบางกำลังจะลุกขึ้น ก็ถูกมือใหญ่รวบเอวบางลงมาซ้อนนั่งบนตักเขา
อันตราเงยหน้าขึ้นจะประท้วง
เขาก็ก้มลงมาพอดี ริมฝีปากปิดปิดปากที่กำลังจะต่อว่า อันตราไม่ปฏิเสธเพราะยังไม่เคยทำได้สักที แม้จะเคยขัดขืนแต่ในที่สุดก็ต้องยอมเขา
ทุกทีไป
จวบจนเขาพอใจนั่นแหละ ริมฝีปากหล่อนจึงเป็นอิสระอีกครั้ง
พรรษ ฐิติธนานันทน์ ใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากอิ่มที่แดงเรื่อจากการจุมพิตเมื่อครู่ นัยน์ตาคมจ้องลงไปในนัยน์ตาอ่อนใสบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย
เขาจรดจมูกลงเคลียแก้มข้างที่ถูกเจ้านักร้องหน้าอ่อนนั่นจูบไป
“หมอนั่นเป็นใคร” เขากระซิบถามดุๆ
อันตราค่อยใจกล้าขึ้นมาหน่อยเมื่อพรรษยอมพูด แม้น้ำเสียงยังจะโกรธๆ อยู่ก็ตามเถอะ
อันตรายกมือทั้งสองขึ้นโอบรอบต้นคอพรรษ
“ก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ”
“อายุ 20 ไม่เด็กแล้วมั้ง”
อันตรายิ้มบางๆ ไม่แปลกหรอกแค่ชั่วระยะเวลาที่หล่อนมาจากเวทีคอนเสิร์ตถึงบ้านฐิติธนานันทน์นี้ พรรษจะได้ข้อมูลคร่าวๆ ของพอลและคง
จะได้ข้อมูลทุกอย่างถ้าเขาอยากรู้
“แต่ก็ยังเด็กกว่าอัน” หล่อนแย้งเมื่อเห็นท่าทางของเขาไม่นิ่งเงียบเหมือนเมื่อสักครู่
“ถึงยังไงมันก็ไม่มีสิทธิแตะอัน”
“โกรธอันหรือเปล่าคะ” ถามเบาๆ
“จะโกรธดีหรือเปล่า” เขาถามกลับ
“อันไม่รู้ตัวนี่คะ”
“ก็เห็นยิ้มแย้มกันนี่”
“แหม... ถ้าอันตบเขาบนเวที ก็พังซิคะ”
“ก็ให้มันพังไปเลย ไม่ต้องเป็นแล้วนักร้อง”
“พรรษ” หญิงสาวอุทาน
“โกรธอันใช่ไหมคะ” ยิ่งเขาไม่ตอบอารมณ์น้อยใจเมื่อครู่ก็กลับมา หล่อนปล่อยมือออกจากต้นคอเขา
“อันตรา” พรรษอุทานเมื่อเห็นน้ำใสๆ มาคลอหน่วยตา
    “เปล่าๆ ฉันไม่ได้โกรธอันนะ อย่าร้องให้สิ” เขาละล่ำละลักกอดร่างบางเข้ามาชิดอีก จูบซับน้ำตาให้เด็กสาวแล้วเลยไปทั่วใบหน้า
ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้โกรธอัน ไม่เคยโกรธ... แต่โมโหไอ้หมอนั่นต่างหาก” เขาพูดเมื่อถอนริมฝีปากออกมา
“โธ่...ก็อันเป็นขอฉัน แล้วหมอนั่นเป็นใครถึงกล้ามาแตะอัน”
“จริงนะคะ ไม่โกรธอันนะคะ”
พรรษมองดวงหน้าน่ารักที่แหงนเงยมองเขานั้น อย่างแทบจะอดใจไม่ได้
“จริงสิ ฉันเคยโกหกอันเหรอ”
อันตรายิ้มออกมา
“แต่ฉันโกรธหมอนั่น” นัยน์ตาสีเข้มเปล่งประกายวูบ
“พรรษจะทำอะไรเขาคะ”
“สอยให้ร่วงจากฟ้าดีไหม”
หญิงสาวส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ”
พรรษหรี่ตา
“อันห่วงมันเหรอ”
“เปล่าค่ะ ตอนนี้พอลกำลังดัง อันไม่อยากให้พรรษกับบอสมีปัญหากัน”
พรรษนิ่งคิด
ไม่ใช่ว่าเขากลัวนวพล เพราะพรรษเองก็ถือว่าเขาไม่เป็นรองใคร แม้วัยสามสิบปีของเขาห่างจากนวพลมากแต่ทั้งสองก็เป็นมิตรสหายที่ดีต่อ
กัน เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดรอยร้าวขึ้น
“ก็ได้ แต่ฉันจะไม่อยู่เฉยๆ หรอกนะ”
อันตรายิ้ม หล่อนรู้ว่าพรรษรักหล่อนมากและพรรษก็เป็นคนขี้หึงมากเช่นกัน แต่หล่อนก็พอใจแล้วที่พรรษจะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่เรื่องจะ
ปล่อยผ่านไปเฉยๆ ไม่ใช่พรรษแน่
ชายหนุ่มกระชับร่างบางแน่นขึ้นอีก พรรษรู้ตัวดีว่าเขาค่อนข้างจะไร้เหตุผลเมื่ออยู่ใกล้อันตรา ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ไว้ใจอันตราแต่เขาไม่ไว้ใจ
ผู้ชายคนอื่นต่างหาก ก็เขาจับจองหล่อนมาตั้งแต่เด็ก จะให้คนอื่นมาฉวยไปได้อย่างไร
“แต่งงานกันสักทีก็ดีนะ” พรรษโพลงขึ้นมา
ฬีฬาเองนะคะ คงต้องขออภัยทุกท่านที่เข้ามาอ่านเพราะฬีฬาต้องลบเรื่องนี้ออกนะคะ
เนื่องจากตอนนี้ \'หนึ่งเดียวในดวงใจ\' ได้รับการตีพิมพ์ออกมาวางจำหน่ายแล้วนะคะ
จัดจำหน่ายโดย สำนักพิมพ์ ยาหยี-ยาใจ ราคา 130 บาท
ก็ขอให้ญาติมิตรที่รักทุกท่านช่วยอุดหนุน...กันด้วยนะคะ
สุดท้าย...ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับผู้เป็น \'หนึ่งเดียวในดวงใจ\' ตลอดไปค่ะ...
ฬีฬา
@^_______________________________________________^@
หนึ่งเดียวในดวงใจ ตอน ๑
เสียงกรี๊ดกร๊าดหน้าเวทีดังสนั่น ขณะที่ด้านหลังเวทีก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ทั้งศิลปิน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานคอนเสิร์ตครั้งนี้เดินกันขวักไขว่
“เฮ้อ! ในที่สุดก็เสร็จสักที” ปรีชาทำท่าถอนหายใจในขณะส่งผ้าขนหนูให้ศิลปินสาวในความรับผิดชอบของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” อันตรารับมาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาจากการที่ทั้งร้องทั้งเต้น ถึงเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจไม่น้อยที่คอนเสิร์ตครั้งนี้ประสบความสำเร็จแม้จะ
ไม่ใช่คอนเสิร์ตเดี่ยวของตน แต่เป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่หารายได้สมทบการกุศลและรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด มีการถ่ายทอดสดโดยสถานี
โทรทัศน์ช่องหนึ่งไปทั่วประเทศ อันตราตั้งใจทำงานนี้อย่างเต็มที่เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“เมื่อกี้อีตาพอลหอมแก้มเธอ ฉันละหัวใจจะวาย”
“อิจฉาเหรอคะ” อันตราถมล้อๆ รู้ดีว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอคนนี้เป็นชายที่ไม่ค่อยอยากจะเพศของตัวเองนัก
ปรีชา ที่ชอบให้ใครๆ เรียกว่า ปรียา ค้อนหญิงสาวตรงหน้า
“เชอะ... ฉันไม่พิศวาสหรอกอีตาพอลนั่นน่ะ”
“เขาหล่อนะ”
“รายนี้ยกเว้นย่ะ ฉันไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่”
อันตราอมยิ้ม  ปกติปรีชาจะชอบผู้ชายหล่อๆ มาก มีเพียง พอล นักร้องหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงคนนี้แหละที่ปรีชายกเว้น
“แต่ก็โล่งอกหน่อยนะ ตอนนี้ เขา ไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ”
อันตราพยักหน้า  ยังนับว่าโชคของหล่อนยังดีอยู่ที่ เขา ไม่อยู่
“อีก 2-3 วันค่ะ ถึงจะกลับ”
“ดีแล้ว... ขืนเห็นฉากเมื่อกี้มีหวังเป็นเรื่อง”
อันตราเองก็คิดมากเหมือนกัน  บนเวทีเมื่อครู่มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ จึงหลบไม่พ้น  พอลชิงสถานการณ์ได้เปรียบจากการร้องเพลงคู่มา
ขโมยหอมแก้มหล่อน 
เห็นทีจะต้องตักเตือนกันบ้างซะแล้ว
คิดจะแอ้มรุ่นพี่เหรอนายพอล  ไม่มีทางหรอก
“เดี๋ยวต้องไปที่ปาร์ตี้ต่อนะ”ปรีชาบอก
อันตราพยักหน้ารับ
เป็นปกติที่เสร็จคอนเสิร์ตครั้งใดจะมีปาร์ตี้สำหรับศิลปินและเจ้าหน้าที่ของบริษัทเสมอ  คราวนี้งานใหญ่ประธานบริษัทสั่งเปิดห้องในโรงแรม
เลี้ยง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เดี๋ยวรับให้จ้ะ”ปรีชาบอกก่อนรับโทรศัพท์มือถือของอันตราที่เขาเป็นคนเก็บไว้ตั้งแต่ก่อนอันตราขึ้นเวที
“ฮัลโหล...”เสียงรับอ่อนหวานทำให้อันตราอดหัวเราะไม่ได้ แล้วก็พิศวงเมื่อใบหน้ายิ้มๆ ของปรีชาเปลี่ยนไป
ปรีชาค่อยๆ ยื่นโทรศัพท์เครื่องเล็กบางเฉียบให้
อันตรารับมาอย่างงงๆ ก่อนจะเข้าใจเมื่อได้ยินเสียงที่ติดจะโกรธๆ ของอีกฝ่ายที่โทรเข้ามา
“คุณปรีย์... อันต้องไปก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกหลังจากวางโทรศัพท์
“แล้วงานปาร์ตี้ล่ะ”
“แล้วอันจะตามไปนะคะ คุณปรีย์ไปก่อนเลยนะ”
ปรีชาพยักหน้า
“โชคดีนะอัน”
อันตรายิ้มแหยๆ รีบออกไปโดยมีสายตาของปรีชามองตามอย่างเป็นห่วง
ซวยแล้วยายหนูอันเอ๊ย!
“อ้าว! ยายหนูอันไปไหนแล้วคุณปรีย์”
ปรีชาหันไปตามเสียงทัก เห็นประธานบริษัทซึ่งวันนี้มาดูแลงานครั้งนี้เอง
“ไปบ้าน เขา น่ะบอส”
“หือ...” นวพลบุรุษวัยห้าสิบที่กำลังผงาดอยู่บนถนนธุรกิจสายนี้ทำเสียงสงสัย
“ไหนว่าไปนอกไง”
“กลับมาแล้วฮ่ะ พอดีกับฉากเด็ดเมื่อกี้ด้วย โทรมาเมื่อกี้ปรีย์จะช็อคตาย”
“มิน่า... ยายหนูของเรารีบแจ้นไปทีเดียว”
“ฮ่ะ... หน้างี้ซีดยังกะเพิ่งออกมาจากห้องดับจิต”
“โอ๊ย! อะไรจะขนาดนั้น”
“จริงๆ นะฮะ แค่ได้ยินเสียงปรีย์ยังขนลุก เย็นเจี๊ยบเชียว”
บอสใหญ่หัวเราะ แล้วถามถึงพอล
“อีตาชีกอนั่นน่ะเหรอฮะ คงระรื่นอยู่กับผู้หญิงคนไหนมั๊งฮะ คงไม่รู้หรอกว่าทำอะไรลงไป บอสฮะ... บอสว่าจะดับไหมฮะ” ประโยคท้ายปรีชา
เบาเสียงลง
“ฉันจะพยายามพูดกับเขาดู เสียดายเจ้าพอลกำลังรุ่ง”
“จะร่วงก็เพราะความชีกอของมันนั่นแหละฮะ”
“เอาน่ะ เรื่องนั้นอาไว้ก่อน ตอนี้ช่วยกันภาวนาให้ยายหนูอันของเรารอดไปงานปาร์ตี้ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน”
รถสปอร์ตดำดันเพรียวแล่นผ่านประตูใหญ่ของบ้านฐิติธนานันทน์ เข้าไปตามถนนคอนกรีตไปจอดอยู่หน้ามุขใหญ่ของบ้าน
อันตรารีบลงจากรถ ไม่สนใจชื่นชมความงามของตัวตึกใหญ่และบริเวณโดยรอบเหมือนเช่นเคย
ใจหล่อนจดจ่ออยู่กับบุคคลคนหนึ่งในบ้านหลังนี้
“คุณอา...”อันตราทักและพนมมือไหว้สตรีวัยสี่สิบเศษที่ปรากฏตัวบนห้องโถง
“มาแล้วเหรอจ๊ะ ยายอัน” คุณกรรณิการ์รับไหว้ ยิ้มแย้มทักทาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาวไม่ดีนักก็ถอนหายใจ
“อยู่ในห้องกระจกแน่ะ รีบเข้าไปเถอะจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณอา”
คุณกรรณิการ์ยิ้มบางๆ เมื่ออันตรารีบก้าวไปทางห้องกระจกซึ่งคนในห้องนั้นทำท่าจะอาละวาดอยู่รอมร่อแล้ว
อันตราเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่ง รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นราวกับมันจะออกมาอยู่นอกร่างกายอย่างนั้นแหละ
หยุดชะงักอยู่หน้าห้อง
ห้องกระจกนี้เป็นห้องพักผ่อนที่สมาชิกของบ้านฐิติธนานันทน์ชอบมากที่สุด เมื่ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ ผนังห้องสองด้านเป็น
กระจกใสทั้งหมดสามารถองเห็นวนสวยด้านนอกได้ชัดเจน และยังมีประตูเลือนเปิดออกไปสู่สวนได้ด้วย
หายใจลึกๆ 2-3 ครั้ง อันตราก็ก้าวเข้าไปข้างใน
อันตราหันรีหันขวางเพราะยังไม่เห็นใครในห้องนั้น ทีวีก็ปิดแต่ได้ยินเสียงดนตรีเบาๆ ไม่ใช่จากเครื่องเสียงชั้นยอดหากเป็นเสียงจากกล่อง
ดนตรี
หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ จึงเห็นร่างสูงใหญ่ที่นั่งพิงเสาขาทอดยาวไปกับพื้น สายตาทะลุผ่านผนังกระจกใสไปยังสวนด้านนอก
ค่อยๆ จรดเท้าไปหาร่างนั้น
คุกเข่าลงข้างๆ กายเขา แต่ร่างที่พิงผนังเสาอยู่นั้นไม่ขยับ อันตราชักใจเสีย ปกติเขาจะโวยวายหากตอนนี้กลับเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
และยังไม่ยอมหันมามองหล่อน
สักครู่ความน้อยใจก็ริ้วๆ ขึ้นมา
ร่างบางกำลังจะลุกขึ้น ก็ถูกมือใหญ่รวบเอวบางลงมาซ้อนนั่งบนตักเขา
อันตราเงยหน้าขึ้นจะประท้วง
เขาก็ก้มลงมาพอดี ริมฝีปากปิดปิดปากที่กำลังจะต่อว่า อันตราไม่ปฏิเสธเพราะยังไม่เคยทำได้สักที แม้จะเคยขัดขืนแต่ในที่สุดก็ต้องยอมเขา
ทุกทีไป
จวบจนเขาพอใจนั่นแหละ ริมฝีปากหล่อนจึงเป็นอิสระอีกครั้ง
พรรษ ฐิติธนานันทน์ ใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากอิ่มที่แดงเรื่อจากการจุมพิตเมื่อครู่ นัยน์ตาคมจ้องลงไปในนัยน์ตาอ่อนใสบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย
เขาจรดจมูกลงเคลียแก้มข้างที่ถูกเจ้านักร้องหน้าอ่อนนั่นจูบไป
“หมอนั่นเป็นใคร” เขากระซิบถามดุๆ
อันตราค่อยใจกล้าขึ้นมาหน่อยเมื่อพรรษยอมพูด แม้น้ำเสียงยังจะโกรธๆ อยู่ก็ตามเถอะ
อันตรายกมือทั้งสองขึ้นโอบรอบต้นคอพรรษ
“ก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ”
“อายุ 20 ไม่เด็กแล้วมั้ง”
อันตรายิ้มบางๆ ไม่แปลกหรอกแค่ชั่วระยะเวลาที่หล่อนมาจากเวทีคอนเสิร์ตถึงบ้านฐิติธนานันทน์นี้ พรรษจะได้ข้อมูลคร่าวๆ ของพอลและคง
จะได้ข้อมูลทุกอย่างถ้าเขาอยากรู้
“แต่ก็ยังเด็กกว่าอัน” หล่อนแย้งเมื่อเห็นท่าทางของเขาไม่นิ่งเงียบเหมือนเมื่อสักครู่
“ถึงยังไงมันก็ไม่มีสิทธิแตะอัน”
“โกรธอันหรือเปล่าคะ” ถามเบาๆ
“จะโกรธดีหรือเปล่า” เขาถามกลับ
“อันไม่รู้ตัวนี่คะ”
“ก็เห็นยิ้มแย้มกันนี่”
“แหม... ถ้าอันตบเขาบนเวที ก็พังซิคะ”
“ก็ให้มันพังไปเลย ไม่ต้องเป็นแล้วนักร้อง”
“พรรษ” หญิงสาวอุทาน
“โกรธอันใช่ไหมคะ” ยิ่งเขาไม่ตอบอารมณ์น้อยใจเมื่อครู่ก็กลับมา หล่อนปล่อยมือออกจากต้นคอเขา
“อันตรา” พรรษอุทานเมื่อเห็นน้ำใสๆ มาคลอหน่วยตา
    “เปล่าๆ ฉันไม่ได้โกรธอันนะ อย่าร้องให้สิ” เขาละล่ำละลักกอดร่างบางเข้ามาชิดอีก จูบซับน้ำตาให้เด็กสาวแล้วเลยไปทั่วใบหน้า
ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้โกรธอัน ไม่เคยโกรธ... แต่โมโหไอ้หมอนั่นต่างหาก” เขาพูดเมื่อถอนริมฝีปากออกมา
“โธ่...ก็อันเป็นขอฉัน แล้วหมอนั่นเป็นใครถึงกล้ามาแตะอัน”
“จริงนะคะ ไม่โกรธอันนะคะ”
พรรษมองดวงหน้าน่ารักที่แหงนเงยมองเขานั้น อย่างแทบจะอดใจไม่ได้
“จริงสิ ฉันเคยโกหกอันเหรอ”
อันตรายิ้มออกมา
“แต่ฉันโกรธหมอนั่น” นัยน์ตาสีเข้มเปล่งประกายวูบ
“พรรษจะทำอะไรเขาคะ”
“สอยให้ร่วงจากฟ้าดีไหม”
หญิงสาวส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ”
พรรษหรี่ตา
“อันห่วงมันเหรอ”
“เปล่าค่ะ ตอนนี้พอลกำลังดัง อันไม่อยากให้พรรษกับบอสมีปัญหากัน”
พรรษนิ่งคิด
ไม่ใช่ว่าเขากลัวนวพล เพราะพรรษเองก็ถือว่าเขาไม่เป็นรองใคร แม้วัยสามสิบปีของเขาห่างจากนวพลมากแต่ทั้งสองก็เป็นมิตรสหายที่ดีต่อ
กัน เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดรอยร้าวขึ้น
“ก็ได้ แต่ฉันจะไม่อยู่เฉยๆ หรอกนะ”
อันตรายิ้ม หล่อนรู้ว่าพรรษรักหล่อนมากและพรรษก็เป็นคนขี้หึงมากเช่นกัน แต่หล่อนก็พอใจแล้วที่พรรษจะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่เรื่องจะ
ปล่อยผ่านไปเฉยๆ ไม่ใช่พรรษแน่
ชายหนุ่มกระชับร่างบางแน่นขึ้นอีก พรรษรู้ตัวดีว่าเขาค่อนข้างจะไร้เหตุผลเมื่ออยู่ใกล้อันตรา ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ไว้ใจอันตราแต่เขาไม่ไว้ใจ
ผู้ชายคนอื่นต่างหาก ก็เขาจับจองหล่อนมาตั้งแต่เด็ก จะให้คนอื่นมาฉวยไปได้อย่างไร
“แต่งงานกันสักทีก็ดีนะ” พรรษโพลงขึ้นมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น